Wednesday, 2 July 2025
NEWS FEED

‘อนุชา’ ค้าน ‘ร่างพ.ร.บ.ขนส่งทางบก’ ให้อำนาจท้องถิ่นคุมการเดินรถฯ ชี้!! เดิมรับสัมปทานเดินรถอยู่แล้ว สุ่มเสี่ยงเกิดผลประโยชน์ทับซ้อน

เมื่อวันที่ 21 ส.ค. 67 นายอนุชา บูรพชัยศรี สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร แบบบัญชีรายชื่อ พรรครวมไทยสร้างชาติ ได้อภิปราย ร่างพระราชบัญญัติการขนส่งทางบก (ฉบับที่ ..) พ.ศ. ... ว่า ปัจจุบันต้องยอมรับว่ารถโดยสารสาธารณะยังไม่เพียงพอต่อการให้บริการพี่น้องประชาชน โดยเฉพาะในพื้นที่ต่างจังหวัด ที่ยังเป็นปัญหาที่มีความสำคัญยิ่ง

แต่อย่างไรก็ตาม การไม่เห็นด้วยกับร่าง พ.ร.บ. ฉบับนี้ไม่ใช่การไม่เห็นด้วยกับการกระจายอำนาจ และไม่ใช่การไม่เห็นด้วยกับการที่จะให้ต่างจังหวัดมีระบบขนส่งมวลชนที่ดี เพราะการกล่าวเช่นนั้นเป็นการไม่ได้ศึกษาในรายละเอียดของ ร่าง พ.ร.บ. ฉบับนี้

ประเด็นแรกในส่วนของการกระจายอำนาจนั้นมี พระราชบัญญัติกำหนดแผนและขั้นตอนการกระจายอำนาจให้แก่องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น ซึ่งกำหนดแผนแม่บทในการถ่ายโอนภารกิจให้แก่องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นอยู่แล้ว และกรมการขนส่งทางบก กระทรวงคมนาคม ได้มีการดำเนินการตามแผนแม่บทดังกล่าวอยู่แล้ว ทั้งการถ่ายโอนภารกิจสถานีขนส่งผู้โดยสารที่มีการถ่ายโอนภารกิจแล้วทั้งสิ้น 97 สถานี และอยู่ระหว่างดำเนินการ 1 สถานี 

ประเด็นต่อมาคือ การให้สัมปทานเดินรถนั้น กระทรวงคมนาคมได้ออกกฎกระทรวง ฉบับที่ 64 (พ.ศ. 2567) ออกตามความในพระราชบัญญัติการขนส่งทางบก พ.ศ. 2522 กฎกระทรวงฉบับดังกล่าวได้ให้องค์การปกครองส่วนท้องถิ่นสามารถขอใบอนุญาตประกอบกิจการขนส่งในพื้นที่ของตนเองได้ และเมื่อได้รับการอนุญาตแล้วยังสามารถให้เอกชนเป็นผู้บริหารจัดการและดำเนินการได้ด้วย 

ทั้งหมดนี้คือจะเน้นย้ำว่า สถานะปัจจุบันขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นในการจัดการเดินรถคือเป็นผู้ให้บริการหรือ Operator 

ประเด็นต่อมาหากมีการแก้ไขกฎหมายฉบับนี้ตามร่าง พ.ร.บ. ที่ได้เสนอมาย่อมจะทำให้เกิดผลประโยชน์ทับซ้อน เนื่องจากการแก้ไขกฎหมายดังกล่าวจะให้อำนาจนายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดหรือ นายก อบจ. ดำรงตำแหน่งประธานคณะกรรมการควบคุมการขนส่งทางบกประจำจังหวัด ซึ่งมีอำนาจพิจารณาอนุญาตให้มีการเดินรถในเขตจังหวัด 

หากมีการแก้ไขตามร่าง พ.ร.บ. ฉบับนี้จะทำให้นายก อบจ. มีอีกสถานะคือสถานะผู้ควบคุมการขนส่งในพื้นที่ หรือ Regulator ด้วย ด้วยเหตุนี้จะทำให้องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นเป็นทั้ง Operator และ Regulator ขัดแย้งกับแนวทางที่ดำเนินมาอย่างต่อเนื่อง ที่จะแยกสถานะทั้ง 2 นี้ออกจากกัน 

ทั้ง 2 ประเด็นดังกล่าวจึงเป็นเหตุผลที่ไม่เห็นด้วยกับ ร่างพระราชบัญญัติการขนส่งทางบก (ฉบับที่ ..) พ.ศ. …

อุทาหรณ์!! เจ้าของกิจการเจอภาษีย้อนหลัง แทบล้มละลาย เตือน!! ยังไงก็ต้องจ่าย ไม่จ่ายวันนี้ ก็ต้องจ่ายสักวัน

(23 ส.ค.67) จากผู้ใช้เฟซบุ๊ก 'Mint Paka' ได้โพสต์ข้อความแชร์เตือนกรณีไม่ได้จ่ายภาษีบุคคลธรรมดา และเจอเรียกเก็บย้อนหลัง ระบุว่า...

เรื่องมีอยู่ว่า...
มีเอกสารเข้าพบสรรพากรมาบ้าน 2 รอบ  
รอบแรกเราไม่ได้ไป 
รอบสอง มาติดไว้ข้างเสาบ้านเลยค่ะ 

วันนี้เลยไป..เราคัดสเตทเม้นย้อนหลังไป 2 ปี 
แต่...สรรพากรบอก ไปคัดสเตทเม้นมาเพิ่ม 
(เอาตั้งแต่ปี 61-67 เลยค่ะ)
** ก็คือตั้งแต่เริ่มทำกิจการ **  
เราหน้าชามากกก...ไปต่อไม่ถูกเลย 

#อย่าเล่นกับระบบ #ปีนี้เขาเอาจริง 
ใครยังไม่เสียภาษี ไปจัดการด่วนเลยค่ะ 

ย้ำ!! ยังไงก็ต้องเสีย ยังไงก็ต้องจ่าย 
ไม่จ่ายวันนี้ก็ต้องจ่ายสักวัน 

#วันนี้ละจุ่มโดนฉันแล้วว ซีเครทแตกกก

‘จนท.’ เผย ‘เครื่องบินตก’ อ.บางปะกง พบชิ้นส่วนมนุษย์แล้ว 23 ชิ้น เร่งตรวจสอบอัตลักษณ์ คาด!! กระจายคาบเกี่ยวพื้นที่ชาวบ้าน

(23 ส.ค.67) เจ้าหน้าที่กองพิสูจน์หลักฐาน สำนักงานตำรวจแห่งชาติ ได้เดินทางมาตรวจสอบที่เกิดเหตุเครื่องบินตก อ.บางปะกง จ.ฉะเชิงเทรา

โดยมีการหารือกับ นายวสุวัสน์ เมฆอังกูรสิน หัวหน้าฝ่ายปฏิบัติการค้นหาร่างผู้เสียชีวิต กู้ภัยฉะเชิงเทรา เพื่อวางแผนร่วมกันเก็บหลักฐานในที่เกิดเหตุ โดยเฉพาะในจุดที่เครื่องบินตกลงไป ซึ่งคาดว่าน่าจะลึกประมาณ 10 เมตร

สำหรับแผนในวันนี้จะให้เจ้าหน้าที่กู้ภัยร่วมกับเจ้าหน้าที่กองพิสูจน์หลักฐาน ใช้รถแบคโฮขุดตรงบริเวณจุดดังกล่าว โดยจะมีเจ้าหน้าที่กู้ภัย และ พฐ. ใช้มือในการค้นหาคัดแยกชิ้นส่วนของมนุษย์ และชิ้นส่วนของเครื่องบิน

โดยคาดว่าชิ้นส่วนมนุษย์จะมีการกระจายในรัศมีโดยรอบที่เกิดเหตุ ซึ่งคาบเกี่ยวพื้นที่ของชาวบ้าน จึงต้องประสานขอความร่วมมือจากชาวบ้านในการค้นหา เบื้องต้นมีการพบชิ้นส่วนมนุษย์แล้ว 23 ชิ้น อยู่ระหว่างตรวจสอบอัตลักษณ์ว่าเป็นของบุคคลใด

ขณะที่ พล.ต.ต.ฉัตรชัย นันทมงคล ผบก.สพฐ.2 เปิดเผยว่า เจ้าหน้าที่ พฐ. จะเป็นคนจำแนกชิ้นส่วนหากหาพบ ส่วนกู้ภัยจะเป็นผู้เก็บชิ้นส่วนขึ้นมาจากจุดเกิดเหตุ

‘สมเด็จพระสังฆราช’ มอบกัปปิยภัณฑ์ 100,000 บาท สนับสนุนทำโรงทาน ช่วยเหลือน้ำท่วมในเชียงราย

เมื่อวานนี้ (22 ส.ค.67) จากเพจเฟซบุ๊ก ‘สำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ’ โพสต์ข้อความระบุว่า… 

โดยพระดำริ เจ้าประคุณ สมเด็จพระสังฆราช สกลมหาสังฆปริณายก สมเด็จพระมหาธีราจารย์ กรรมการมหาเถรสมาคม เจ้าอาวาสวัดพระเชตุพนวิมลมังคลาราม ประธานคณะกรรมการฝ่ายสาธารณสงเคราะห์ ของมหาเถรสมาคม มอบกัปปิยภัณฑ์ 100,000 บาท สนับสนุนการทำโรงทาน เพื่อช่วยเหลือบรรเทาทุกข์ผู้ประสบอุทกภัย ในพื้นที่ จังหวัดเชียงราย อ.เทิง วัดพระนาคแก้ว ตำบลเวียง อ.เวียงแก่น วัดปอกลาง ตำบลปอ อ.ขุนตาล วัดป่าตาลใต้ ตำบลป่าตาล อ.พญาเม็งราย วัดบุญวาลย์ ตำบลแม่เปา และในพื้นที่ใกล้เคียง
 

'นักเขียนชื่อดัง' ชี้!! หากปีไหนน้ำไม่ท่วมเท่าปี 54 อย่าสรุปเองว่าน้ำไม่ท่วม ยกเคส 'เชียงราย' ของจริง!! ต้องเร่งกระจายอำนาจ อย่ารอแต่ส่วนกลาง

(22 ส.ค.67) จากเหตุการณ์ฝนที่ตกลงมาอย่างต่อเนื่องติดต่อกันมาหลายวันได้ทำให้น้ำป่าบนเทือกเขาชายแดนไทย-สปป.ลาว ด้าน อ.เทิง-อ.เวียงแก่น จ.เชียงราย ไหลทะลักลงสู่ลำน้ำหงาว ที่เอ่อล้นอยู่แล้วจนทะลักเข้าท่วมหนักในหมู่บ้านหลายพื้นที่ในจังหวัดเชียงราย

อย่างไรก็ตามวันนี้ ‘ภาณุ ตรัยเวช’ นักเขียนชื่อดัง และอดีตตัวแทนนักเรียนไทยที่ไปแข่งขันวิชาฟิสิกส์โอลิมปิกถึง 3 สมัยได้ออกมาโพสต์ข้อความลงในเฟซบุ๊กส่วนตัวเกี่ยวกับเหตุการณ์น้ำท่วมใหญ่ใน จ.เชียงราย ครั้งนี้ โดยได้ระบุข้อความว่า

“ตอนแรกจะรอให้น้ำลดก่อนแล้วค่อยเขียน แต่เขียนเลยละกัน สังคมไทยต้องหยุดเอาน้ำท่วมปี 54 เป็นมาตรฐานของ ‘น้ำท่วม’ แล้วเอาเหตุการณ์น้ำท่วมเชียงรายแบบนี้ต่างหากเป็นมาตรฐาน

น้ำท่วมส่วนใหญ่เกิดจากฝนตกใหญ่ ‘ความเร็ว’ น้ำที่ไหลลงมาเกินกว่าขีดจำกัด ‘ความเร็ว’ การระบายน้ำออก น้ำเลยขังอยู่ในที่ที่เราไม่อยากให้มันขัง จุดสำคัญคือ ‘ขีดจำกัดของการระบายน้ำออก’ นี่แหละ มันไม่ใช่ปัจจัยธรรมชาติ เป็นเรื่องการจัดการของคน ของหน่วยงานท้องถิ่นด้วย

ทุกปีจะมีเหตุการณ์น้ำท่วม xxx ครั้งใหญ่ในรอบ 30 ปี โดย xxx เปลี่ยนไปเรื่อย ๆ โดยไม่จำเป็นเลยว่าน้ำจะต้องมาจ่อท่วมกรุงเทพฯ เหมือนปี 54

น้ำท่วมกรุงเทพฯ ปี 54 เป็นกรณียกเว้นของยกเว้น เกิดเพราะ ‘ปริมาณ’ น้ำสะสมล้นเกิน น้ำไม่มีที่ไป ต่อให้ระบายได้เร็วก็ไม่รู้จะไประบายที่ไหน เพราะเขื่อน เพราะแม่น้ำใหญ่ล้นหมดแล้ว (ซึ่งไม่ใช่สถานการณ์ในปีนี้เลยนะ เราเช็กข้อมูลน้ำในเขื่อนสะสม ก็ค่อนข้างเป็นไปตามมาตรฐาน)

น้ำท่วมเชียงรายแบบตอนนี้ต่างหากคือโมเดลของปัญหาน้ำท่วมจริง ๆ เราไม่อยากท่องคาถา ‘กระจายอำนาจ’ แต่มันมีส่วนสำคัญเลยล่ะ เพราะท้องถิ่นต่าง ๆ ต้องสามารถระบายน้ำให้ทันกับน้ำที่ตกลงมา หรือมี infrastructure ที่พร้อมรับมือกับเรื่องราวไม่คาดฝันได้ในทุกปี (ซึ่งอะไรแบบนี้ ‘ส่วนกลาง’ อย่างเดียวทำไม่ได้หรอก)

เราไม่อยากให้คนคิดว่า ‘น้ำท่วมใหญ่’ คือ ‘น้ำท่วมกรุงเทพฯ ปี 54’ เพราะสุดท้ายพอมันไม่เป็นถึงขนาดนั้น เราก็สรุปกันว่า ‘ปีนี้น้ำไม่ท่วม’ ซึ่งไม่ใช่เลย น้ำท่วมทุกจังหวัด ทุกปี ในรูปแบบที่แตกต่างออกไปเท่านั้นเอง”

‘ครูสาว’ รังสรรค์อาหารกลางวันให้ ‘นร. 17 คน’ ด้วยงบ 504 บาท เมนูครบทั้ง ‘คาว-หวาน’ รับ!! มีเข้าเนื้อ-เหนื่อย แต่ทิ้งเด็กไม่ได้

(22 ส.ค.67) ผู้ใช้ติ๊กต็อก @kruduen245 ซึ่งเป็นคุณครูโรงเรียนบ้านดงดิบ ได้โพสต์วิดีโอขณะลงมือทำอาหารกลางวันให้นักเรียนจำนวน 17 คน ในงบประมาณ 504 บาท ด้วยตัวเอง พร้อมระบุว่า “ครูที่หมายถึงผู้ทำทุกอย่าง“ ซึ่งเมนูอาหารก็ครบทั้งอาหารคาว และของหวาน อาทิ ผัดเต้าหู้หมูสับ ผัดผักบุ้งหมูสับ และสาคูน้ำกะทิข้าวโพด เป็นต้น

ซึ่งก็มีคนเข้ามาถามว่า "มีโครงการแปลงเกษตรเพื่ออาหารกลางวันไหม ราคาวัตถุดิบค่อนข้างสูงเลยทุกวันนี้ ถ้ามีแปลงเกษตรของเด็ก ๆ น่าจะช่วยได้ระดับนึงค่ะ เป็นกิจกรรมการเรียนรู้ให้เด็ก ๆ ด้วยค่ะ" ซึ่งคุณครูตอบว่า ได้พยายามปลูกแปลงเกษตรแล้วแต่ที่ดินตรงนี้ปลูกอะไรไม่ค่อยติด ตอนนี้เลยหันมาปลูกกล้วยแทน 

ส่วนประเด็นที่มีคนถามว่าเข้าเนื้อคุณครูไหม เหนื่อยไหม เจ้าตัวก็ตอบว่า “เข้าค่ะ เมื่อวานตอนเก็บของ ล้างถ้วยแล้วลื่นล้มใส่โคลน ยอมรับค่ะว่าเหนื่อย แต่ก็ทิ้งเด็กไม่ได้ค่ะ”

ภายหลังจากที่โพสต์ดังกล่าวเผยแพร่ออกไป ได้มีเสียงชื่นชมครูสาวในการบริหารและลงมือทำอาหารได้น่ากิน

'ชาวนนทบุรี' อึ้ง!! มวลน้ำจากเหนือกำลังมา แต่ประตูระบายน้ำ ถูกขโมยสายไฟหายเป็นปี

(22 ส.ค.67) นายประยูร อินสกุล ปลัดกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ พร้อมด้วย นายภณณัฏฐ์ ศรีอินทร์สุทธิ์ อดีต สส.นนทบุรี พรรคเพื่อไทย, นายภูมิวิทย์ นารถสกุล ผู้อำนวยการชลประทานนครปฐม, นายสุพจน์ สุวรรณจิตร ผู้อำนวยการชลประทานนนทบุรี นายผดุงศักดิ์ ผ้าเจริญ ผู้อำนวยการโครงการส่งน้ำและบำรุงรักษาพระพิมล และเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้อง

ลงพื้นที่ตรวจสอบความพร้อมของ ประตูระบายน้ำคลองพระพิมล อ.บางเลน จ.นครปฐม เพื่อเตรียมพร้อมรับมือฤดูน้ำหลากที่กำลังจะมาถึง โดยคลองพระพิมลราชามีความยาว 31 กิโลเมตร เชื่อมต่อระหว่างแม่น้ำท่าจีน จ.นครปฐม กับแม่น้ำเจ้าพระยา จ.นนทบุรี ซึ่งจะมีประตูควบคุมน้ำทั้งสองด้าน

นายประยูร กล่าวว่า หลังได้รับแจ้งเกี่ยวกับมวลน้ำจำนวนมาก ที่กำลังไหลลงมาจากทางภาคเหนือ จึงได้แจ้งไปยังกระทรวงว่าโครงการส่งน้ำและบำรุงรักษาพระพิมล ยังไม่มีความพร้อมในเรื่องของการระบายน้ำ ทั้งที่โครงการคลองพระพิมลเป็นหัวใจสำคัญในการที่จะดูแลเกษตรกร ประชาชน อ.ไทรน้อย และ อ.บางบัวทอง แล้วยังเป็นแหล่งที่จะต้องรับน้ำที่ระบายมาจากโครงการเจ้าเจ็ด และโครงการพระยาบรรลือ

อย่างไรก็ตามเมื่อได้มาตรวจสอบ พบว่าสายไฟที่ต้องใช้ในการเตรียมความพร้อมเครื่องสูบน้ำ ถูกโจรกรรมหายไปหมดตั้งแต่ปีที่แล้ว ทั้ง ๆ ที่เดือน ส.ค. และ ก.ย. จะเข้าสู่ช่วงฤดูน้ำหลาก ซึ่งมีปริมาณน้ำฝนในพื้นที่รวมทั้งน้ำหลากที่มาจากทั้งสองโครงการแล้ว

ถ้าโครงการนี้ยังไม่ได้เตรียมความพร้อม เพื่อรับมือกับมวลน้ำไว้ จะทำให้พี่น้องประชาชนเกษตรกรใน อ.ไทรน้อย และ อ.บางบัวทอง รวมไปถึง อ.บางเลน จ.นครปฐม ได้รับผลกระทบอย่างรุนแรงตามมาอย่างแน่นอน

ซ้อมแผนเผชิญเหตุฉุกเฉินทางการแพทย์ ทางทะเลอ่าวพัทยา สร้างความมั่นใจนักท่องเที่ยว

ศรชล.ร่วมเมืองพัทยา และพันธมิตร จัดการซ้อมแผนเผชิญเหตุฉุกเฉินทางการแพทย์ทางทะเล 2024 สร้างความรู้ความเข้าใจด้านการแพทย์ฉุกเฉินทางทะเล สร้างความเชื่อมั่นในการปฏิบัติงานและความมั่นใจนักท่องเที่ยวทั้งชาวไทยและชาวต่างชาติ เมื่อเกิดเหตุการณ์ต่างๆ อีกด้วย

วันที่ 22 ส.ค.67 ที่บริเวณท่าเทียบเรือแหลมบาลีฮาย พัทยาใต้ อ.บางละมุง จ.ชลบุรี นายโฆสิต สุวินิจจิต ที่ปรึกษารัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข เป็นประธานเปิดการฝึกซ้อมแผนเผชิญเหตุฉุกเฉินทางการแพทย์ทางทะเล ภายใต้รหัส MEMS-REX bolb & (Emergency Medical Senvices Response Exercise) ท่ามกลางแขกผู้มีเกียรติเข้าร่วม อาทิ นายแพทย์อภิรัต กตัญญุตานนท์ สาธารณสุขจังหวัดชลบุรี, นายปรเมศวร์ งามพิเชษฐ์ นายกเมืองพัทยา พร้อมด้วยหน่วยงานภาครัฐ ภาคเอกชน ที่เกี่ยวข้องเข้าร่วม ในการนี้ ยังได้ทำการมอบโล่แก่หน่วยงานต่าง ๆ ที่เข้าร่วมในการฝึกซ้อมในครั้งนี้ด้วย

เรืออากาศเอก นายแพทย์อัจฉริยะ แพงมา เลขาธิการสถาบันการแพทย์ฉุกเฉินแห่งชาติ กล่าวว่า การฝึกซ้อมแผนเผชิญเหตุฉุกเฉินทางการแพทย์ทางทะเล MEMS-REX bolb & (Emergency Medical Senvices Response Exercise) เป็นความร่วมมือระหว่าง ศูนย์อำนวยการรักษาผลประโยชน์ของชาติทางทะเล (ศรชล.), กระทรวงสาธารณสุข, กองบัญชาการทัพเรือภาคที่ 1, กองบังคับการตำรวจน้ำ, กรมเจ้าท่า, เมืองพัทยา, มูลนิธิสว่างบริบูรณ์ธรรมสถานเมืองพัทยา และสถาบันการแพทย์ฉุกเฉินแห่งชาติ 

เพื่อให้ผู้ปฏิบัติการใน ศรชล. และพื้นที่ทัพเรือภาคที่ 1 มีความรู้ความเข้าใจแนวทางการปฏิบัติการด้านการแพทย์ฉุกเฉิน ในการลำเลียงผู้เจ็บป่วยทางทะเล ให้เป็นไปในทิศทางเดียวกัน เป็นการบูรณาการร่วมกันในการซ้อมแผน เพื่อเชื่อมโยงการปฏิบัติการด้านการแพทย์ฉุกเฉินทั้งทางบก ทางทะเล และทางอากาศ รวมถึงสร้างความมั่นใจให้กับนักท่องเที่ยวทั้งชาวไทยและต่างชาติ เมื่อมาเที่ยวหรือสัมผัสพื้นที่ทะเล โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมืองพัทยา แหล่งท่องเที่ยวระดับโลก ของประเทศไทย

ซึ่งในวันนี้ มีการฝึกซ้อม แบบ Table Top Exercise: การอำนวยการและประสานงานด้านการแพทย์ฉุกเฉินทางทะเล และการฝึกซ้อมแผนเผชิญเหตุฉุกเฉินทางการแพทย์ทางทะเล 2024 MEMS-REX 2024 (Maritime Emergency Medical Services Response Exercise) ในทะเล อ่าวพัทยา อีกด้วย 

ประธานวุฒิสภา กล่าวเปิดและปาฐกถาพิเศษ ในโครงการสัมมนาเครือข่ายผู้นำนักประชาธิปไตยประจำภูมิภาค ประจำปีพุทธศักราช 2567

นายมงคล สุระสัจจะ ประธานวุฒิสภา เป็นประธานในพิธีเปิดโครงการสัมมนาเครือข่ายผู้นำนักประชาธิปไตยประจำภูมิภาค ประจำปี พุทธศักราช 2567 พร้อมปาฐกถาพิเศษ หัวข้อ "วุฒิสภากับการพัฒนาประชาธิปไตย" ให้กับผู้เข้าร่วมโครงการสัมมนาฯ พร้อมด้วย สมาชิกวุฒิสภา (สว.) ที่เข้าร่วมพิธีเปิด ประกอบด้วย พันเอกหญิง ธณตศกร บุราคม, นายภาณุพงษ์ เต็งวงษ์วัฒนะ, นายสุทนต์ กล้าการขาย, นางสาวอัจฉรพรรณ หอมรส, พลตํารวจตรี อังกูร คล้ายคลึง และ นายเปรมศักดิ์  เพียยุระ โดยมีผู้บริหารของสำนักงานเลขาธิการวุฒิสภา เข้าร่วมในพิธีเปิด ประกอบด้วย นายพีระพจน์ รัตนมาลี รองเลขาธิการวุฒิสภา, นายสาธิต วงศ์อนันต์นนท์ ที่ปรึกษาด้านระบบงานนิติบัญญัติ และ นางรักชนก  เกสรทอง ผู้อำนวยการสำนักประชาสัมพันธ์ เมื่อวันที่ 21 สิงหาคม 2567 เวลา 09:00 นาฬิกา ณ ห้องประชุม 402 - 403 ชั้น 4 อาคารรัฐสภา(ฝั่งวุฒิสภา) ถนนสามเสน แขวงถนนนครไชยศรี เขตดุสิต กรุงเทพมหานคร 

โดยผู้เข้าร่วมโครงการสัมมนาฯ ประกอบด้วย กรรมการเครือข่ายผู้นำนักประชาธิปไตยวุฒิสภาจากจังหวัดลำพูน พร้อมด้วย กรรมการเครือข่ายผู้นำนักประชาธิปไตยวุฒิสภาจากจังหวัดต่างๆ ที่ดำเนินการจัดโครงการฯ ร่วมกับทางสำนักงานเลขาธิการวุฒิสภา ในปี พุทธศักราช 2567 และอาจารย์สังคมศึกษา/ประธานสภานักเรียนโรงเรียน โรงเรียนที่ทำบันทึกความร่วมมือ หรือ Memorandum of Understanding(MOU) ในแต่ละภูมิภาค รวมจำนวนทั้งสิ้น 124 คน 

ทั้งนี้ ก่อนเริ่มพิธีเปิดฯ ผู้เข้าร่วมโครงการสัมมนาฯ ได้สักการะพระราชานุสาวรีย์ พระบาทสมเด็จพระปกเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 7 ชั้น MB1 อาคารรัฐสภา และในเวลา 14:00 - 16:00 นาฬิกา คณะฯ เข้าเยี่ยมชมศูนย์เรียนรู้องค์กรต้นแบบสำนักงานเลขาธิการวุฒิสภา ชั้น 1 เข้าชมห้องประชุมวุฒิสภา เพื่อรับฟังการประชุมสภาผู้แทนราษฎร ชั้น 4 และหอสมุดรัฐสภา ชั้น 9

ต่อมาเวลา 18:30 นาฬิกา ณ โรงแรมเอสดี อเวนิว SD Avenue Hotel ถนนบรมราชชนนี แขวงบางบำหรุ เขตบางพลัด กรุงเทพมหานคร ผู้เข้าร่วมโครงการฯ ได้แบ่งกลุ่มเรียนรู้ออกเป็น 
กลุ่มที่ 1 "ถอดบทเรียนและแลกเปลี่ยนประสบการณ์การจัดกิจกรรม"
กลุ่มที่ 2 "การเรียนรู้เรื่องวุฒิสภาและประชาธิปไตยผ่านเกมส์" 

โดยมีผู้บริหารสำนักงานเลขาธิการวุฒิสภา นายสาธิต วงศ์อนันต์นนท์ ที่ปรึกษาด้านระบบงานนิติบัญญัติ ร่วมสังเกตการณ์ พบปะพูดคุย และให้แนวทางในการนำความรูัความเข้าใจเกี่ยวกับประชาธิปไตยฯ ไปต่อยอดขยายผลในรูปแบบที่หลากหลายให้เหมาะสมกับกลุ่มเป้าหมาย ดำเนินรายการ โดย วิทยากรกลุ่มงานเผยแพร่ประชาธิปไตยฯ

ทั้งนี้ การจัดโครงการสัมมนาเครือข่ายผู้นำนักประชาธิปไตยประจำภูมิภาค ประจำปี พุทธศักราช 2567 จัดขึ้นระหว่างวันที่ 20 ถึง 23 สิงหาคม 2567 ณ โรงแรมเอสดี อเวนิว และ อาคารรัฐสภา กรุงเทพมหานคร 

สืบ ตม.บุกทลายคอลเซ็นเตอร์เกาหลีใต้เช่าอาคารหรูตั้งฐานกลางกรุง

กก.1 บก.สส.สตม. จับกุมคนต่างด้าวสัญชาติเกาหลีใต้ จำนวน 8 คน ดังนี้
1. นายแจซุก (นามสมมติ) อายุ 26 ปี            
2. นายจุนฮี (นามสมมติ) อายุ 31 ปี 
3. นายวูจิน (นามสมมติ) อายุ 27 ปี         
4. นายเจ (นามสมมติ) อายุ 29 ปี             
5. นายซางกี (นามสมมติ) อายุ 26 ปี         
6. นายซังฮูน (นามสมมติ) อายุ 26 ปี 
7. นายฮุนจิน (นามสมมติ) อายุ 26 ปี            
8. นายจุงฮูน (นามสมมติ) อายุ 26 ปี

พฤติการณ์จับกุม กก.1 บก.สส.สตม. ได้รับแจ้งจากสายลับว่ามีชาวเกาหลีใต้ได้มาเช่าห้องภายในอาคารหรู ย่านเอกมัย ซอย 3 ถนนสุขุมวิท แขวงคลองตันเหนือ เขตวัฒนา กรุงเทพฯ มีพฤติการณ์น่าสงสัยว่าจะเป็นแก๊งการพนันออนไลน์หรือแก๊งคอลเซ็นเตอร์ จึงได้มาตรวจสอบพบว่าห้องที่มีชาวเกาหลีเข้า-ออก ประจำ อยู่ที่ชั้น 4 ของอาคารดังกล่าว ประตูหน้าห้องติดอักษรภาษาอังกฤษคำว่า “CONTENT FACTORY. KOREA&THAI” จึงได้แสดงตัว เป็นเจ้าหน้าที่ตำรวจตรวจคนเข้าเมืองเข้าทำการตรวจสอบ ผลการตรวจสอบพบว่าภายในห้องดังกล่าวแบ่งออกเป็น 2 ห้อง โดยห้องแรกเป็นห้องเล็ก มีคอมพิวเตอร์ตั้งโต๊ะ จำนวน 8 ชุด ห้องใหญ่มีคอมพิวเตอร์ตั้งโต๊ะ 12 ชุด แต่ละชุด มีจอคอมพิวเตอร์ 2 จอ มีนายแจซุก พร้อมกับพวกรวม 8 คน กำลังนั่งทำงานอยู่หน้าคอมพิวเตอร์ในลักษณะพูดคุยชักชวนเพื่อให้ร่วมลงทุนกับธนาคาร Hana Partners Investment ซึ่งเป็นธนาคารของเกาหลีใต้ ผ่านหน้าเว็บไซต์ https://hanapartners.net/login ซึ่งเป็นเว็บไซต์ที่สร้างขึ้นเพื่อให้เข้าใจว่าเป็นเว็บไซต์ของธนาคารจริงแต่เมื่อเข้าไปดำเนินการตามขั้นตอนแล้วอาจจะสูญเสียเงินที่ลงทุนไป และพบโทรศัพท์มือถือ จำนวน 17 เครื่อง ไอแพด จำนวน 4 เครื่อง 

จากการสอบถามทั้ง 8 คน ให้การยอมรับว่ามีการจ้างให้มาทำงานในประเทศไทยโดยการทำงานในลักษณะการพูดคุยผ่านทางโซเชียลมีเดียในรูปแบบต่าง ๆ เพื่อชักชวนลักษณะการเป็นตัวแทนเพื่อหาลูกค้าให้เข้ามาร่วมลงทุนผ่านทางเว็บไซต์ดังกล่าว โดยจะได้ค่าจ้างเป็นเปอร์เซ็นต์ที่ได้จากการหาลูกค้าเข้ามาลงทุน โดยเบื้องต้น กก.1 บก.สส.สตม. จึงได้จับกุมทั้ง 8 คน ดำเนินคดีในข้อหาเป็นคนต่างด้าวทำงานโดยไม่มีใบอนุญาตทำงาน นำตัวส่งพนักงานสอบสวน กลุ่มงานสอบสวน บก.สส.สตม. ดำเนินคดีตามกฎหมาย สถานที่จับกุม อาคารหรูย่านเอกมัย ซอย 3 ถนนสุขุมวิท แขวงคลองตันเหนือ เขตวัฒนา กรุงเทพฯ พร้อมตรวจยึดจอคอมพิวเตอร์ 40 จอ ซีพียู 20 เครื่อง โทรศัพท์มือจำนวน 17 เครื่อง และไอแพด จำนวน 4 เครื่อง ไว้เพื่อตรวจสอบและประสานข้อมูลกับเจ้าหน้าที่ตำรวจเกาหลีใต้ ในการสืบสวนขยายผลการจับกุมต่อไป

สตม. ขอเรียนให้ท่านทราบว่า สตม. มีมาตรการในการตรวจสอบ กวดขัน และปราบปรามการกระทำความผิด ในด้านต่าง ๆ รวมถึงการเฝ้าระวังบุคคลทั้งสัญชาติไทยและสัญชาติอื่น ๆ ที่มีหมายจับ และการเดินทางเข้า-ออกประเทศไทย หากประชาชนท่านใดพบเห็นเบาะแสการกระทำความผิด กรุณาแจ้งมายัง สำนักงานตรวจคนเข้าเมือง อาคารเฉลิมพระเกียรติสมเด็จพระบรมโอรสาธิราชฯ สยามมกุฎราชกุมาร พระชนมพรรษา 60 พรรษา เลขที่ 904 หมู่ที่ 6 ต.บ้านใหม่ อ.ปากเกร็ด จว.นนทบุรี 11120 หรือติดต่อตรวจคนเข้าเมืองจังหวัดในพื้นที่ หรือที่ www.immigration.go.th จักขอบพระคุณเป็นอย่างยิ่ง


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top