Wednesday, 2 July 2025
NEWS FEED

‘รมว.ปุ้ย’ สั่ง ‘SME D Bank’ ลงพื้นที่ช่วยเหลือ ‘เอสเอ็มอี’ ที่เดือดร้อนจากภัยน้ำท่วม เผย!! มีมาตรการ ‘พักชำระหนี้-สินเชื่อเติมทุนซ่อมแซมฟื้นฟูกิจการ’ ไว้รองรับแล้ว

(25 ส.ค. 67) นางสาวพิมพ์ภัทรา วิชัยกุล รัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม กล่าวว่า จากเหตุอุทกภัยในพื้นที่หลายจังหวัดภาคเหนือ ส่งผลให้ประชาชนและผู้ประกอบการธุรกิจประสบปัญหาต่อการใช้ชีวิต และการประกอบอาชีพ ตนจึงได้สั่งการให้ ธนาคารพัฒนาวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อมแห่งประเทศไทย (ธพว.) หรือ SME D Bank ลงพื้นที่ และดำเนินการช่วยเหลืออย่างเร่งด่วน 

ทั้งนี้ในเบื้องต้นผู้บริหารสาขาธนาคารในพื้นที่ เข้าเยี่ยมให้กำลังใจ พร้อมมอบสิ่งของจำเป็นต่อการดำรงชีวิตให้แก่ผู้ประสบภัยในพื้นที่ต่างๆ ทั้ง จ.น่าน และ จ.แพร่ เพื่อบรรเทาความเดือดร้อน รวมถึง สำรวจความเสียหายและความต้องการของผู้ประกอบการเอสเอ็มอีที่ได้รับผลกระทบ สำหรับเร่งดำเนินการให้ความช่วยเหลืออย่างเหมาะสมด้วยมาตรการที่ธนาคารมีไว้รองรับอยู่แล้ว ทั้งมาตรการพักชำระหนี้ และมาตรการสินเชื่อเติมทุนสำหรับซ่อมแซมฟื้นฟูกิจการ สอบถามข้อมูลเพิ่มเติม Call Center 1357

‘เจ้าของแบรนด์สกินแคร์’ อัดคลิปแฉ!! พฤติกรรม ‘แท็กซี่ย่านเอกมัย’ หลังโดนราคาเหมา 400 บาท ทั้งที่ไปไม่ไกล คนขับตะคอกใส่ ‘ที่นี่ไม่มีมิเตอร์’

(25 ส.ค.67) ผู้ใช้ TikTok ‘jha_eves’ หรือ คุณจ๋า เจ้าของแบรนด์สกินแคร์ ได้โพสต์คลิปวิดีโอความยาวเกือบ 3 นาที หลังโดนแท็กซี่ตะคอกใส่หน้าบอกที่นี่ไม่มีมิเตอร์ โดยเจ้าตัวได้ระบุข้อความว่า …

ประชาชนทั้งประเทศรู้ แต่ผู้ใหญ่ไม่เคยรู้!! เหมือนไปที่ไหนก็ไม่ใช่ที่สำหรับคนไทยแล้ว ถ้าปล่อยให้เป็นแบบนี้ต่อไปบอกตรงๆประชาชนเดือดร้อนค่ะ!! ยังไงรบกวนผู้ใหญ่ที่เกี่ยวข้องช่วยออกมาให้คำตอบคนไทยด้วยกันด้วยนะคะ

โดยเจ้าตัวได้บอกว่า มีโอกาสมาเที่ยวเอกมัยไม่ได้มาหลายปีแล้ว สิ่งที่ทำให้ตนตกใจคือมีคนไทยน้อยมากประมาณ 20% คนต่างชาติ 80% ก็ไปเที่ยวปกติ และออกมาโบกแท็กซี่เพื่อที่จะไปกินข้าว ใช้เวลาไม่เกิน 10 นาที คนขับแท็กซี่คิด 400 บาท

เราเลยบอกว่า ทำไมแพงจัง ไม่มีมิเตอร์เหรอคะ สิ่งที่เจอคือ คนขับแท็กซี่ตะโกนใส่หน้ากลางถนนที่คนเยอะมากว่า ที่นี่ไม่มีมิเตอร์หรอกนะ

เราเป็นคนไทย เขาเป็นคนไทย ที่นี่แผ่นดินไทย ที่นี่ถนนเอกมัย โดนคนขับแท็กซี่ตะคอกใส่หน้า กฎหมายเมืองไทยไม่มีมิเตอร์กันแล้วเหรอ อยากฝากผู้ใหญ่ที่ดูแลเรื่องนี้ ลงพื้นที่ดูแลกันหน่อย ถ.เอกมัย ไม่ต้องมีมิเตอร์แล้วใช่หรือไม่ ถ้าจะไปใกล้ๆ ก็คือ 400 บาท แล้วคนไทยก็คิดราคานี้ ไม่มีมิเตอร์จริงๆแล้วใช่ไหม จะได้เข้าใจตรงกัน ทุกคนที่ยืนอยู่บนแผ่นดินไทยจะได้ทราบว่าตรงนี้ไม่ต้องใช้มิเตอร์แล้ว

เรื่องนี้เป็นเรื่องที่ส่งผลกระทบต่อคนหากิน ที่ต้องใช้แท็กซี่ในการเดินทาง นี่ขนาดมีเงินยังไม่ไหวเลย กะรวยเลยไปแค่นี้ 400 บาท ถ้าเป็นจริงก็ออกกฎหมายมาให้ชัดว่าประเทศไทยไม่ต้องใช้มิเตอร์ แต่ถ้าไม่จริง ก็ช่วยจัดการให้ด้วยนะคะ

ทั้งนี้ คลิปวิดีโอดังกล่าวได้รับความสนใจจากชาวเน็ตเป็นจำนวนมาก มียอดวิวแล้วกว่า 2.4 ล้านครั้ง พร้อมกับคอมเมนต์วิพากษ์วิจารณ์หน่วยงานที่เกี่ยวข้องที่ปล่อยปละละเลยจนทำให้พฤติกรรมเช่นนี้ฝังรากลึกจนยากจะแก้ไข

ตำรวจอุทัยธานี ตามหา ‘ลอตเตอรี่ 500 ใบ’ ให้พ่อค้าที่อ้างว่าทำหายในวัด สุดท้ายจบอย่างพีค!! หลังหากันให้วุ่น ลืมทิ้งไว้เอง บนลังถังน้ำแข็ง

(25 ส.ค. 67) นายประมวล อายุ 64 ปี ต.ระบำ อ.ลานสัก จ.อุทัยธานี เข้าแจ้งความกับ ร.ต.อ.ประสงค์ เชื้อนุ่น ร้อยเวร สภ.บ้านไร่ จ.อุทัยธานี ว่าทำแผงลอตเตอรี่หายประมาณ 500 ใบ เป็นเงินจำนวน 40,000 กว่าบาท โดยทำหายแถวบริเวณวัดแห่งหนึ่ง ต.บ้านไร่ จ.อุทัยธานี

โดยนายประมวลพาจนท.ตำรวจไปดูสถานที่ที่วัดดังกล่าว เพื่อจำลองภาพเหตุการณ์ ว่าตนทำอะไร เข้าห้องน้ำอย่างไร พร้อมกับตำรวจเก็บหลักฐานในที่สถานที่วัดดังกล่าว พร้อมกับสอบถามกับนายประมวลถามถึงเหตุการณ์ แต่นายประมวลก็ยังอ้างว่า ตนนั้นลืมลอตเตอรี่ไว้อยู่ที่ภายในวัด

ล่าสุดเจ้าหน้าที่สอบถามกับนายประมวลอีกครั้ง พร้อมกับให้นึกภาพดูดีๆ ว่า ตนไปลืมลอตเตอรี่ไว้ที่ไหน หลังจากนั้นนายประมวลจึงพาย้อนลงไปที่ร้านค้าแห่งหนึ่ง ว่านายประมวล นั้นไปขายลอตเตอรี่ให้กับใครบ้าง พร้อมกับย้อนลงไปดูร้านค้าแห่งหนึ่ง ทราบว่านายประมวลไปลืมแผงลอตเตอรี่ งวดวันที่ 1 กันยายน 2567 ไว้อยู่ที่ร้านค้าแห่งหนึ่ง

ล่าสุดผู้สื่อข่าวสอบถาม เจ้าของร้านค้าแห่งหนึ่งชื่อ นางวรณัน อาย 54 ปี ชาว ต.เจ้าวัด อ.บ้านไร่ จ.อุทัยธานี ว่านายประมวลหรือผู้ขายแผงลอตเตอรี่นั้นมาขายลอตเตอรี่ให้กับร้านค้าของตนเอง โดยขายให้ตนทั้งหมด 4 ใบราคา 400 บาท

หลังจากนั้นนายประมวล นำแผงลอตเตอรี่ ไปวางไว้ที่บนลังถังน้ำแข็ง แล้วก็ลืมทิ้งแผงไว้ นายประมวลขับรถจยย.ออกไป โดยที่ไม่ได้นำแผงกลับไปด้วย โดยเจ้าของร้านก็จำหน้าพ่อค้าไม่ได้ ล่าสุดจนท.ตำรวจพร้อมกับพ่อค้าลอตเตอรี่ มาติดตามแผงลอตเตอรี่นำกลับคืนไป เนื่องจากพ่อค้ามาลืมไว้เอง ทั้งนี้ผู้สื่อข่าวนำภาพพ่อค้าลอตเตอรี่ ให้เจ้าของร้านดู ก็นึกขึ้นได้ว่าใช่คนนี้ที่ลืมหวยไว้ดังกล่าว

‘ดินถล่ม’ อุโมงค์รถไฟความเร็วสูง ช่วงคลองขนานจิตจันทึก สูญหาย 3 ราย ‘กู้ภัยมูลนิธิสว่างเมตตา’ ระดมกำลัง เร่งค้นหา!! แต่ยังไม่ทราบชะตากรรม

เมื่อวานนี้ (24 ส.ค. 67) เวลาประมาณ 23.30 น. เจ้าหน้าที่หน่วยกู้ภัยสว่างวิชา ปากช่อง รับแจ้งเกิดเหตุอุโมงค์รถไฟความเร็วสูงไทย-จีน ช่วงคลองขนานจิต ต.จันทึก อ.ปากช่อง จ.นครราชสีมา ดินถล่มทับคนงาน ขณะกำลังปฏิบัติงานขุดเจาะอุโมงค์ จึงประสานเจ้าหน้าที่หน่วยกู้ภัยมูลนิธิสว่างเมตตา นครราชสีมา ระดมกำลังเข้าไปช่วยเหลือ

ที่เกิดเหตุเป็นไซต์งานขุดเจาะอุโมงค์รถไฟความเร็วสูงไทย-จีน ช่วงคลองขนานจิต ต.จันทึก อ.ปากช่อง จ.นครราชสีมา ซึ่งมีเจ้าหน้าที่ของผู้รับเหมากำลังระดมรถแบ็กโฮ ขุดดินใส่รถบรรทุก เพื่อเข้าไปช่วยเหลือคนงานที่ติดอยู่ภายในอุโมงค์

จากการสอบถามเจ้าหน้าที่ของไซต์งาน ทราบว่า ขณะเกิดเหตุมีคนงานกำลังใช้รถแบ็กโฮ และรถตักทำงานขุดเจาะอุโมงค์อยู่บริเวณดังกล่าว ซึ่งอยู่ลึกจากปากอุโมงค์ไปประมาณ 600 เมตร โดยมีหัวหน้างานขับรถเก๋งเข้าไปควบคุมงานอยู่ด้วย แต่จู่ๆเกิดดินภูเขาถล่มลงมาทับรถทั้ง 3 คัน เสียงดังสนั่น โดยไม่ทราบสาเหตุ

เนื่องจากขณะนั้นก็ไม่ได้มีฝนตกลงมาแต่อย่างใด ส่วนคนงาน 2 คน และหัวหน้าคนงานอีก 1 คนที่ถูกอุโมงค์ถล่มทับ ขณะนี้ยังไม่ทราบชะตากรรม ซึ่งอยู่ระหว่างระดมกำลังเจ้าหน้าที่กู้ภัย และเจ้าหน้าที่ไซค์งาน ทำการขุดดินปากอุโมงค์ออก เพื่อเข้าไปให้การช่วยเหลืออยู่

ทั้งนี้ล่าสุด ในช่วงเวลา 09.00 น. วันที่ 25 ส.ค.67 ยังไม่สามารถเข้าไปถึงจุดที่คนงานและหัวหน้างานถูกอุโมงค์ถล่มทับ จึงยังไม่ทราบชะตากรรมว่าเป็นอย่างไร โดยผู้สื่อข่าวจะรายงานความคืบหน้าให้ทราบต่อไป

'อ.พงษ์ภาณุ' แนะ!! เมื่อนายกแพทองธารรับตำแหน่งแล้ว ก็สมควรจะต้องแก้อุปสรรคของการพัฒนาประเทศอย่างเร่งด่วน

(25 ส.ค. 67) ทีมข่าว THE STATES TIMES ได้พูดคุยกับ อ.พงษ์ภาณุ เศวตรุนทร์ อดีตปลัดกระทรวงท่องเที่ยวและกีฬา อดีตรองปลัดกระทรวงการคลัง และผู้เชี่ยวชาญด้านเศรษฐศาสตร์ระดับประเทศ ได้พูดคุยถึงคำกล่าวของ นายกรัฐมนตรี แพทองธาร ชินวัตร ซึ่งได้กล่าวไว้ตั้งแต่เดือนพฤษภาคมที่ผ่านมา ก่อนรับตำแหน่งนายกรัฐมนตรี ว่า...

"น่าจะตรงและเหมาะสมกับสถานการณ์ปัจจุบันที่สุด เพราะที่ผ่านมาหลายท่านคงจะรู้สึกเหมือนว่าประเทศไทยไม่มีธนาคารกลาง หรือหากมี ก็เป็นธนาคารกลางที่ไม่แคร์ความรู้สึกและความเดือดร้อนของประชาชน

"ดังนั้น เมื่อนายกแพทองธารรับตำแหน่งนายกรัฐมนตรีอย่างเป็นทางการแล้ว ก็สมควรจะต้องแก้อุปสรรคของการพัฒนาประเทศอย่างเร่งด่วน เพราะหากปล่อยให้เป็นอย่างนี้ต่อไป ก็ยากที่จะเรียกความเชื่อมั่นของนักลงทุนทั้งในและต่างประเทศกลับคืนมา รวมทั้งการบรรเทาความเดือดร้อนของประชาชนและลูกหนี้รายเล็กรายน้อยที่กำลังกลายเป็น NPL และจะถูกยึดทรัพย์สินในเร็ว ๆ นี้"

อ.พงษ์ภาณุ กล่าวอีกว่า "ไม่มีใครไม่เห็นด้วยว่าธนาคารกลางต้องมีความเป็นอิสระ แต่ความเป็นอิสระดังกล่าวต้องอยู่ภายในขอบเขตแห่งการดำเนินนโยบายการเงิน (Monetary Policy Independence) เท่านั้น 

ทั้งนี้ อ.พงษ์ภาณุ มองว่า ความเป็นอิสระของธนาคารกลางต้องอยู่ภายใต้เงื่อนไข 2 ประการ...

ประการแรก ธปท. ต้องมี Focus ที่การดำเนินนโยบายการเงินเพื่อรักษาเสถียรภาพของระดับราคาเท่านั้น มิใช่ทำงานแบบจับฉ่ายเช่นที่ทำอยู่ในปัจจุบัน ไม่ว่าจะเป็นการกำกับดูแลสถาบันการเงิน การแก้ไขหนี้นอกระบบ การแก้ไขปัญหาโลกร้อน เป็นต้น ซึ่งล้วนนำมาซึ่ง Conflict of Interest กับนโยบายการเงินและความเกรงอกเกรงใจเจ้าของและผู้บริหารสถาบันการเงิน การตัดสินใจลดดอกเบี้ยแต่ละคร้้งก็มัวแต่กลัวว่าแบงก์จะมีกำไรลดลง แทนที่จะคำนึงถึงผลประโยชน์ของประเทศชาติและประชาชนเป็นที่ตั้ง

ประการที่สอง การดำเนินนโยบายการเงินต้องมีความรับผิดชอบ (Accountability) และอยู่ในกรอบ Inflation Targeting อย่างเคร่งครัด ซึ่งมีเป้าหมายเงินเฟ้อที่ตกลงกับรัฐบาลไว้อย่างชัดเจน และจะต้องมีการติดตามและประเมินการทำงานของ ธปท. อย่างใกล้ชิด เมื่อมีผลประกอบการผิดเป้าหมาย เช่นที่เกิดขึ้นตลอด 2 ปีที่ผ่านมา และปีนี้จะเป็นปีที่สามที่นโยบายการเงินพลาดเป้า จะต้องมีผู้รับผิดชอบ เพราะได้สร้างความเสียหายร้ายแรงต่อประเทศชาติ รวมทั้งจะต้องมีการปรับกรอบเงินเฟ้อให้มีความเหมาะสมยิ่งขึ้นตามที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังเสนอไว้ด้วย

เงื่อนไขความเป็นอิสระของธนาคารกลางดังกล่าวข้างต้น อาจจำเป็นต้องแก้ไขกฎหมายธนาคารแห่งประเทศ และอาจไม่สามารถทำได้รวดเร็วนัก แต่มีบางสิ่งบางอย่างที่ นายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง สามารถทำได้ทันที เช่น การปรับกรอบเงินเฟ้อให้มีความเหมาะสมและสอดคล้องกับนโยบายรัฐบาลมากยิ่งขึ้น การปรับปรุงตัวบุคคลในองค์ประกอบคณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.) ให้มีความเป็นอิสระและเป็นมืออาชีพ แทนที่จะเป็นกลุ่มคนที่อยู่ใต้การควบคุมของผู้ว่าการ ธปท. รวมทั้งการเปลี่ยนตัวผู้ว่าการ ธปท. บางคน ที่ทำตัวเสมือนเจ้าอาณาจักรที่แฝงตัวอยู่ในประเทศไทย

‘จอม เพชรประดับ’ ฟาดใส่ ‘จักรภพ เพ็ญแข’ ชี้!! ไม่เหลือความเป็น ‘นักต่อสู้เพื่อประชาธิปไตย’

(25 ส.ค. 67) นายจอม เพชรประดับ สื่อมวลชนอิสระ ลี้ภัยหนีคดีความมั่นคงในประเทศสหรัฐอเมริกา โพสต์เฟซบุ๊กระบุว่า

 ‘จักรภพ เพ็ญแข’ ตัวอย่างของผู้ลี้ภัยการเมือง ที่เคยต่อสู้กับเผด็จการและอำนาจเหนือประชาชน ที่ทำให้การเมืองไทยเป็นระบบมาเฟีย เต็มไปด้วยความอยุติธรรม และไม่เห็นหัวประชาชน..

แต่เมื่อมีโอกาสได้กลับไทย ด้วยการเข้ามามีบทบาททางการเมืองและเป็นส่วนหนึ่งของพรรคการเมืองที่โอบอุ้ม ค้ำยัน ระบบมาเฟียที่เป็นเผด็จการอยู่บนบ่าประชาชน

ซึ่งไม่เพียงจะเป็นการทำลายตัวเอง จนไม่เหลือความเป็นนักต่อสู้เพื่อความถูกต้องเป็นธรรม และความเป็นประชาธิปไตยแล้ว แต่ยังเป็นการสะท้อนความขี้ขลาด หวาดกลัว ไร้ความกล้าหาญอีกด้วย....

กรณีนี้ คนไทย ส่วนมากน่าจะได้สังวรว่า ผู้ที่มีความรู้ความสามารถในสังคมไทย มีจำนวนไม่น้อย แต่ในจำนวนไม่น้อยนี้ มีน้อยมากที่จะมีความกล้าหาญ และมั่นคงในหลักการและอุดมการณ์ หรือเคารพตัวเองอย่างแท้จริง

สส.เพชรบูรณ์ นำ ‘ชาวศรีเทพ’ ยื่นหนังสือให้ ‘คณะกรรมาธิการการต่างประเทศ’ เรียกร้อง!! ให้ทวงคืนวัตถุโบราณ ที่ถูกลักลอบนำออกไป ในช่วงสงครามเวียดนาม

(25 ส.ค. 67)  นายอัคร ทองใจสด สส.เพชรบูรณ์ พรรคพลังประชารัฐ(พปชร.) กล่าวว่า ตนได้นำคณะผู้นำท้องถิ่น และประชาชนในพื้นที่อำเภอศรีเทพ เข้าพบคณะกรรมาธิการการต่างประเทศ เพื่อยื่นหนังสือเรียกร้องทวงคืนวัตถุโบราณแหล่งโบราณคดีศรีเทพ จำนวน 17 ชิ้น ที่มีการลักลอบออกจากพื้นที่เมื่อสมัยสงครามเวียดนาม โดยผู้นำท้องถิ่น ประชาชน และนักวิชาการในพื้นที่ได้รวบรวมหลักฐานรายการวัตถุโบราณ เอกสารทางวัฒนธรรมศิลปวัฒนธรรมที่อยู่ในอำเภอศรีเทพ ที่ไปอยู่ในพิพิธภัณฑ์ต่างประเทศ รวมถึงสถานทูตประเทศต่างๆ ที่มีวัตถุโบราณครอบครองในพิพิธภัณฑ์ ซึ่งอยู่ในสหรัฐอเมริกาเป็นส่วนใหญ่

“หากดำเนินการสำเร็จ และสามารถนำกลับมาสู่มาตุภูมิ เราจะนำไปจัดแสดงไว้ที่พิพิธภัณฑ์อำเภอศรีเทพ ซึ่งขณะนี้อยู่ระหว่างการดำเนินงานในการจัดสร้างเป็นพิพิธภัณฑ์ เพื่อเปิดให้ประชาชนได้เข้าชมและเป็นแหล่งเรียนรู้ประวัติศาสตร์ที่สำคัญของชาติไทยที่มีอายุกว่า 1800 ปี ที่สำคัญจะเป็นแหล่งท่องเที่ยวเชิงอนุรักษ์ ที่สามารถดึงดูดนักท่องเที่ยวไทยและต่างประเทศให้มายัง จ.เพชรบูรณ์ เพิ่มขึ้น เป็นการสร้างชื่อเสียงแหล่งเรียนรู้ชนชาติไทย และเพิ่มรายได้ประชาชนจากการท่องเที่ยว“ นายอัคร กล่าวทิ้งท้าย

‘จิราพร’ ตั้งศูนย์ JIC ระดมข้อมูลน้ำท่วม ย้ำ!! เร่งช่วยเหลือประชาชนในภาวะวิกฤต

(25 ส.ค. 67) นางสาวจิราพร สินธุไพร รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ตนมีความห่วงใยต่อสถานการณ์อุทกภัยที่เกิดขึ้นในหลายจังหวัด โดยเฉพาะการติดตามและรับข้อมูลข่าวสารของพี่น้องประชาชน จึงได้สั่งการให้กรมประชาสัมพันธ์ ซึ่งเป็นหน่วยงานในกำกับดูแล ทำหน้าที่เป็นหน่วยเชื่อมประสานระหว่างหน่วยงานภาครัฐกับประชาชน โดยยึดแนวทางการดำเนินงานตามแผนปฏิบัติการประชาสัมพันธ์ในภาวะวิกฤต (แผนพระอินทร์) ของกรมประชาสัมพันธ์

นางสาวจิราพร กล่าวว่า กรมประชาสัมพันธ์ได้จัดตั้งศูนย์ข้อมูลข่าวสารร่วม (Joint Information Center : JIC) ซึ่งจะทำงานตลอด 24 ชั่วโมง เพื่อรวบรวมข้อมูลข่าวสารสำคัญเกี่ยวกับสถานการณ์อุทกภัย โดยมีสำนักข่าวกรมประชาสัมพันธ์ เป็นหน่วยงานรับผิดชอบหลัก และบูรณาการการทำงาน ระดมผู้ปฏิบัติงานสื่อของกรมประชาสัมพันธ์ที่มีอยู่ทุกจังหวัดทั่วประเทศ ลงพื้นที่ติดตามสถานการณ์ พร้อมทั้งรายงานข่าวอย่างใกล้ชิด เพื่อนำไปสู่การให้ความช่วยเหลือประชาชนต่อไป

นางสาวจิราพร กล่าวว่า นอกจากนี้ กรมประชาสัมพันธ์ยังได้ปรับรูปแบบการนำเสนอรายการข่าวและรายการต่างๆ ทั้งส่วนกลางและส่วนภูมิภาค เพื่อรองรับการสื่อสารสถานการณ์อุทกภัย ซึ่งสามารถติดตามได้จากช่องทางต่างๆ ดังนี้ 1. สถานีโทรทัศน์ : NBT2HD ซึ่งเปิดช่วงพิเศษ “สถานการณ์-ช่วยเหลือน้ำท่วม” ในรายการ Better Future เวลา 10.00 – 11.00 น. ทุกวัน และรายการ NBT มีคำตอบ เวลา 15.00-16.00 น. ทุกวันจันทร์-ศุกร์ สรุปสถานการณ์น้ำ ในรายการข่าวภาคค่ำ เวลา 17.30 น. ของทุกวัน

นางสาวจิราพร กล่าวว่า 2. วิทยุ : FM 92.5 MHz 3. ช่องทาง Online : สามารถติดตามทาง X และ Facebook: NBT CONNEXT NBT2HD กรมประชาสัมพันธ์ เพจสำนักงานประชาสัมพันธ์จังหวัด Live : กรมประชาสัมพันธ์ Website : www.prd.go.th และ http://prdee.prd.go.th

“กรมประชาสัมพันธ์จะทำหน้าที่เป็นศูนย์กลางในการรวบรวมข้อมูลข่าวสาร สถานการณ์อุทกภัย เพื่อสื่อสารกับประชาชนในช่องทางต่างๆ นำไปสู่การดูแลช่วยเหลือจากภาครัฐได้อย่างทันท่วงที ทั้งนี้ พี่น้องประชาชนผู้ประสบภัย สามารถประสานมายังช่องทางต่าง ๆ ที่กรมประชาสัมพันธ์ดำเนินการ หรือโทรสายด่วน 1111 ศูนย์รับเรื่องราวร้องทุกข์ ทำเนียบรัฐบาล สายด่วน 1784 กรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย สายด่วน 1567 ศูนย์ดำรงธรรม กระทรวงมหาดไทย สายด่วน 1586 ทางหลวง และทุกช่องทางของหน่วยงานภาครัฐ ซึ่งทางรัฐบาลเตรียมพร้อมในการให้ความช่วยเหลือประชาชนอย่างเต็มที่“ นางสาวจิราพร กล่าวทิ้งท้าย

‘ดุสิตโพล’ เผยประชาชนคาดหวัง คณะรัฐมนตรีชุดใหม่ เร่งแก้ไขปัญหาปากท้อง ชี้!! ต้องทำงานร่วมกัน ซื่อสัตย์ โปร่งใส ให้เกิดประสิทธิภาพ เพื่อฟื้นฟูความเชื่อมั่น

(25 ส.ค. 67) สวนดุสิตโพล มหาวิทยาลัยสวนดุสิต สำรวจความคิดเห็นประชาชนทั่วประเทศ เรื่อง ‘ความคาดหวังของประชาชน ต่อ ครม.ชุดใหม่’ ระหว่างวันที่ 21-23 สิงหาคม 2567 กลุ่มตัวอย่างจำนวน 1,164 คน สำรวจผ่านทางออนไลน์และภาคสนาม พบว่า กลุ่มตัวอย่างอยากให้ ครม. ชุดใหม่ควรต้องเร่งแก้ปัญหาเศรษฐกิจเป็นอันดับแรก ร้อยละ 74.43 และคาดหวังว่าจะทำงานดีขึ้น กระทรวงต่าง ๆ ร่วมมือกันทำงานได้ดีขึ้น ร้อยละ 70.30 โดยมองว่า “ความซื่อสัตย์และจริยธรรม” ทางการเมืองเป็นปัจจัยที่มีผลต่อการคัดเลือก ครม.ชุดใหม่ ร้อยละ 84.19 การปรับ ครม. ครั้งนี้คาดหวังว่าน่าจะส่งผลให้การทำงานของรัฐบาลดีขึ้น ร้อยละ 46.39 สุดท้ายการปรับ ครม. จะส่งผลต่อสถานการณ์บ้านเมืองอย่างไรนั้น ยังคาดการณ์อะไรไม่ได้ ร้อยละ 30.50

นางสาวพรพรรณ บัวทอง ประธานสวนดุสิตโพล ระบุว่า จากผลโพลไม่ว่าจะกี่ครั้งของรัฐบาลนี้ ประชาชนยังคงให้ความสำคัญกับปัญหาเศรษฐกิจ ปากท้อง ค่าครองชีพ ซึ่งเป็นปัญหาหลักที่กระทบต่อชีวิตประจำวัน โดยมีความหวังว่าครม.ชุดใหม่จะทำงานร่วมกันอย่างมีประสิทธิภาพ ซื่อสัตย์ โปร่งใส เพื่อฟื้นฟูความเชื่อมั่นต่อรัฐบาล แม้ประชาชนจะมีความหวังแต่ก็ยังคงมีความกังวลต่อสถานการณ์บ้านเมืองจะไปในทิศทางใด เนื่องจากยังไม่สามารถคาดการณ์ได้ว่าอะไรจะเกิดขึ้นต่อไปหลังจากการปรับคณะรัฐมนตรีครั้งนี้

ผู้ช่วยศาสตราจารย์ ดร.เบญจพร พึงไชย ผู้ช่วยคณบดีโรงเรียนกฎหมายและการเมือง มหาวิทยาลัยสวนดุสิต กล่าวว่าการเมืองไทยไม่มีอะไรแน่นอน สามารถพลิกผันได้ตลอดเวลา สิ่งที่ประชาชนต้องการและคาดหวังอย่างยิ่ง คือ ความเชื่อมั่นว่าคนที่เข้ามาบริหารประเทศจะช่วยพลิกฟื้นเศรษฐกิจไทยที่ถดถอยมาอย่างยาวนาน สอดคล้องกับผลสำรวจที่สะท้อนว่า ประชาชนต้องการให้รัฐบาลแก้ไขปัญหาด้านเศรษฐกิจที่เป็นปัญหาเรื้อรัง ถึงร้อยละ 74.43 และสิ่งที่ตามมาจากปัญหาเศรษฐกิจ คือ ปัญหาปากท้องที่ส่งผลให้ค่าครองชีพสูงขึ้นแต่รายรับกับสวนทาง สำหรับประเด็นการปรับครม.ชุดใหม่นี้ ประชาชนหวังว่าจะช่วยให้การทำงานของรัฐบาลดีขึ้น ย่อมแสดงให้เห็นว่าการคัดเลือกรัฐมนตรีที่จะเข้ามาสานต่อนโยบายการทำงานของรัฐบาลมีผลต่อความมั่นใจของประชาชน ทั้งนี้ ความซื่อสัตย์และจริยธรรมทางการเมืองเป็นสิ่งที่ประชาชนให้ความสำคัญ เพราะการเมืองไทยช่วงสิบปีที่ผ่านมาล้วนประสบกับปัญหานี้มาโดยตลอด ซึ่งส่งผลต่อความไร้เสถียรภาพทางการเมืองของรัฐบาลหรือแม้กระทั่งฝ่ายค้านเอง อย่างไรก็ดี โฉมหน้าของรัฐบาลใหม่ย่อมเป็นตัวชี้วัดที่สำคัญว่าการเมืองไทยจะหลุดพ้นจากวังวนของปัญหาจริยธรรมนักการเมืองได้หรือไม่ คงต้องติดตามกัน ห้ามกระพริบตาเลยทีเดียว

“พล.ต.ท.ประจวบฯ” ตรวจเยี่ยมพร้อมมอบสิ่งของบำรุงขวัญตำรวจในพื้นที่ประสบอุทกภัย จ.น่าน กำชับดูแลพี่น้องประชาชนเป็นสำคัญ

เมื่อวานนี้ (24 สิงหาคม 2567) เวลา 10.00 น. พล.ต.อ.ต่อศักดิ์ สุขวิมล ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (ผบ.ตร.) มอบหมายให้ พล.ต.ท.ประจวบ วงศ์สุข ผู้ช่วย ผบ.ตร.รรท.รอง ผบ.ตร. เดินทางไปตรวจเยี่ยม พร้อมมอบสิ่งของบำรุงขวัญและเงินช่วยเหลือให้กับข้าราชการตำรวจในพื้นที่ที่ประสบอุทกภัย ณ ลานอเนกประสงค์ ตำรวจภูธรจังหวัดน่าน (ภ.จว.น่าน) โดยมี พล.ต.ท.กฤตธาพล ยี่สาคร ผบช.ภ.5 , พล.ต.ต.ดเรศ กัลยา ผบก.ภ.จว.น่าน , พ.ต.อ.ภูวนาท ดวงดี รอง ผบก.ภ.จว.น่าน ให้การต้อนรับ มีเจ้าหน้าที่ตำรวจ ภ.จว.น่าน , สภ.เมืองน่าน และ ร้อย ตชด.324 จำนวน 60 นาย รับการตรวจเยี่ยมและรับมอบสิ่งของบำรุงขวัญ

พล.ต.ท.ประจวบฯ กล่าวว่า ตามนโยบาย ผบ.ตร.ที่ได้สั่งการด่วนที่สุดให้ตำรวจทุกหน่วยช่วยเหลือประชาชนที่ได้รับผลกระทบจากอุทุกภัย ทำให้มีฝนตกต่อเนื่อง เกิดน้ำท่วมในหลายพื้นที่ และให้ผู้บังคับบัญชาทุกระดับชั้นดูแลเอาใจใส่บำรุงขวัญ และช่วยเหลือผู้ใต้บังคับบัญชาที่ได้รับผลกระทบจากกรณีดังกล่าว วันนี้จึงได้มาตรวจเยี่ยมพร้อมมอบเงินและสิ่งของบำรุงขวัญให้กับข้าราชการตำรวจหน่วยต่างๆ ในพื้นที่ พร้อมให้ทุกหน่วยเร่งสำรวจความเสียหายของสถานที่เพื่อของบประมาณดำเนินการซ่อมแซมจากสำนักงานตำรวจแห่งชาติ และได้กำชับการปฏิบัติของเจ้าหน้าที่ตำรวจในเรื่องการรักษาความสงบเรียบร้อย ความปลอดภัยของประชาชน การจัดระบบการจราจรในพื้นที่ที่ประสบภัยและพื้นที่ใกล้เคียง ตลอดจนสนับสนุนกำลังเจ้าหน้าที่ เครื่องมือ อุปกรณ์ และยานพาหนะ เพื่อป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยในพื้นที่ที่ประสบอุทกภัย โดยขอให้ดูแลพี่น้องประชาชนเป็นสำคัญ

ทั้งนี้ สำนักงานตำรวจแห่งชาติได้เปิดสายด่วนให้ความช่วยเหลือประชาชน ทั้งหมายเลขสายด่วน 191 , 1599 , สายด่วนกองบังคับการตำรวจจราจร 1197 และสายด่วนตำรวจทางหลวง 1193 ตลอด 24 ชั่วโมง


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top