Tuesday, 1 July 2025
NEWS FEED

‘เอ-ศุภชัย’ แจงปมดรามาไข่พะโล้ 499 บาท แพงเกินไป ชี้!! ราคานี้ได้ 2 กล่องใหญ่ๆ เทียบซื้อตามตลาดได้ 10 ถุง

(28 ส.ค. 67) จากกรณีที่คุณพั้มกิ้น '@pumpkin._77' อินฟูลเอนเซอร์ชื่อดัง โพสต์คลิปรีวิวอาหารเมนูไข่พะโล้ ซึ่งเป็นธุรกิจใหม่ที่ เอ-ศุภชัย ศรีวิจิตร ผู้จัดการดาราชื่อดังเพิ่งจะเริ่มเปิดออเดอร์ให้ทุกคนได้ลองสั่งซื้อมาชิมกันได้ไม่นาน โดยในคลิปดังกล่าวคุณพั้มกิ้น อธิบายรายละเอียดเบื้องต้นว่า เป็นการรีวิวเอง และจ่ายเงินค่าอาหารเองทั้งหมด พร้อมกับแนบตัวเลขราคาชัดเจน 499 บาท (รวมส่ง) ซึ่ง 499 บาทนี้ จะได้รับไข่พะโล้ 2 กล่องใหญ่ ๆ แพ็เกจแน่นหนา ในขณะที่เนื้อสัตว์ รวมถึงไข่ก็ใส่มาให้แบบแน่น ๆ จุก ๆ 

ล่าสุดผู้จัดการดาราชื่อดัง 'เอ ศุภชัย' ก็ได้ออกมาแถลงความจริงในประเด็นดังกล่าว พร้อม คุณหน่อย ปนันชิตา เพื่อนสนิทพี่เอ ผ่านทางติ๊กต็อกบัญชี @granddl.khwan.pananchita โดยเผยว่า กระแสวิจารณ์ที่เกิดขึ้นอาจเป็นเพราะหลาย ๆ คนเข้าใจผิดว่า พะโล้ราคา 499 บาท คือราคาต่อ 1 ถ้วย แต่จริง ๆ แล้วทุกคนจะได้รับ 2 ถ้วย หากนำไปเทใส่หม้อก็อาจจะได้เต็มหม้อ และเมื่อเทียบกับราคาตามท้องตลาดก็ถือว่าเหมาะสม เพราะปริมาณใกล้เคียงกับ 10 ถุงที่ขายในตลาด อีกทั้งเรื่องวัตถุดิบก็จัดเต็มถึงเครื่อง รสชาติคุ้มราคา

ตอนแรกคนเอามารีวิวแค่ 1 ถ้วย แต่จริง ๆ คำว่า 499 คือ 2 ถ้วยใหญ่ คุณต้องเอามาเทใส่หมอสุกี้ก็ได้ พี่เอว่าเต็มหม้อแน่นอน เปรียบเทียบแบบนี้ ถ้าเราไปเดินตามตลาดไข่พะโล้ถุงหนึ่ง 50 บาท อาจจะได้ไข่ 2 ฟอง หมูอีก 2 ชิ้น เต้าหู้ประมาณ 1-2 ชิ้น โดยประมาณ 50 บาท บางที่ 3 ฟองเราก็ไม่รู้ แต่ทั่วไปก็คือ 2 ฟอง ซึ่งราคาต่อ 2 ฟอง คือ 50 บาท เมื่อ 10 ฟองก็ 500 หรือเท่ากับ 10 ถุง 500 บาท

พะโล้ของพี่เอก็ราคาทั่วไปกับตลาดเลย เพียงแต่ว่าเราขายแพ็กเกจใหญ่เพราะเราไม่สามารถขาย 1 ถุง 50 บาทได้ เพราะค่าส่งไม่คุ้ม จุดเริ่มต้นที่ขายเพราะทุกคนเห็นเราทุกคนนั่งทานข้าวอยู่ที่บ้านพี่เอ ก็จะเห็นทุกคนชอบตักไข่พะโล้มาทานก่อน จนทุกคนรีเควสว่าเมื่อไหร่พี่เอจะเอาเมนูที่เรากินกันในบ้านตอนที่เราไปนั่งคุยงานมาให้ทางบ้านได้ทานบ้าง

จริง ๆ พี่เอต้องกราบบอกทุกคนนะ ถ้าพี่เอทำอะไรแล้ว พี่เอตั้งใจ ใส่ใจรายละเอียด เพราะแม่หน่อยสอนมา คนบริโภคว่าเราไม่ได้ พี่เอก็เลยต้องตั้งใจขนาดนี้ คือหมูต้องตุ๋นกันทั้งคืน มีวันหนึ่งที่แก๊สหมดตอนเที่ยงคืน เพราะพี่เอยังนั่งเคี่ยวพะโล้อยู่เลย เพราะมันต้องตุ๋นถึงเช้า ปรากฏว่าต้องโทรฯ ไปร้านแก๊สจนถูกร้านแก๊สว่า เอ็นดูพี่เอเถอะค่ะ อีกอย่างบางที่ขายน้ำพะโล้เหมือนน้ำล้างจาน มันไม่เข้มข้น แล้วเราคนใต้เวลาทำอะไรเครื่องแกงต้องนัมเบอร์วัน

หลังเผยแพร่คลิปดังกล่าวออกไป ก็มีแฟน ๆ จำนวนมากเข้ามาแสดงความคิดเห็นว่า ปริมาณคุ้มค่ากับราคาตามที่บอกไว้จริง อีกทั้งยังรสชาติถึงเครื่องอย่างมาก อีกทั้งชาวเน็ตยังบอกอีกว่าหน้าตาของไข่พะโล้ดูเข้มข้นถึงเครื่องมาก

‘ตำรวจ’ บุกรวบ ‘หนุ่มเมียนมา’ ฆ่าคนขับแท็กซี่ จ.สมุทรปราการ พบเสื้อเปื้อนเลือด-โทรศัพท์-รถของผู้ตาย เบื้องต้นให้การปฏิเสธ

(28 ส.ค. 67) จากกรณีเจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.บางพลี จ.สมุทรปราการ ได้รับแจ้งพบผู้เสียชีวิตถูกนำมาทิ้งหมกภายในพงหญ้าริมบ่อปลา หมู่ที่ 7 ซอยข้างโรงพยาบาลรามาธิบดี สมุทรปราการ ต.บางปลา อ.บางพลี จ.สมุทรปราการ หลังรับแจ้งจึงประสานชุดสืบสวน แพทย์นิติเวช รพ.รามาธิบดี จักรีนฤบดินทร์ กองพิสูจน์หลักฐานจังหวัด พร้อมเจ้าหน้าที่มูลนิธิร่วมกตัญญู เดินทางไปตรวจสอบที่เกิดเหตุ พบผู้เสียชีวิต เป็นชาย 1 ราย ไม่ทราบชื่อ อายุประมาณ 50-60 ปี สวมเสื้อโปโลสีเทา กางเกงขายาวสีครีม สวมรองเท้าแตะหูหนีบ มีแขนทั้ง 2 ข้าง ถูกพันธนาการด้วยเชือกไนล่อนสีเขียวมือไขว้หลัง ที่ศีรษะมีบาดแผลขนาดใหญ่จนกะโหลกแตก จากการโดนของแข็ง คาดว่าเสียชีวิตมาแล้วไม่ต่ำกว่า 12 ชั่วโมง

ล่าสุดเจ้าหน้าที่ ตำรวจ สภ.บางบัวทอง จ.นนทบุรี สามารถจับกุมผู้ก่อเหตุได้ซึ่งเป็นชายชาวเมียนมา ทราบชื่อคือนายมอง จอ มิน หรือนายซัน อายุ 42 ปี จับได้ที่เพิงพักใกล้เคียงหมู่บ้านบัวทองธานี ในพื้นที่ อ.บางบัวทอง โดยพบแท็กซี่สีเหลือง-เขียว ของผู้ตาย และโทรศัพท์มือถืออยู่ในเพิงพัก

โดยนายซัน ปฏิเสธข้อกล่าวหา บอกว่าตนไม่ได้ก่อเหตุ ไม่ได้เดินทางไปที่เกิดเหตุเลย และไม่ได้ก่อเหตุฆ่าใคร พอทีมข่าวบอกว่าแล้วรถแท็กซี่มาได้อย่างไรก็ไม่สามารถตอบได้ ทีมข่าวได้บอกว่าพี่เอาเขาไปถ่วงน้ำทำไม ยังทำท่าตกใจ หันมาบอกทีมข่าวว่าไม่ได้ทำ นอกจากนี้ทีมข่าวมีโอกาสได้พูดคุยกับเจ้าของพื้นที่ ก็บอกว่าชายคนดังกล่าวนั้นมาพักอยู่ที่นี่ได้ 1 สัปดาห์แล้ว

ต่อมาทีมข่าวได้มีโอกาสพูดคุยกับนายซัน ผู้ก่อเหตุฆาตกรรม คนขับรถชายแท็กซี่​ที่พื้นที่​บางพลี​ จังหวัดสมุทรปราการ​ ตอนแรกนายซันบ่ายเบี่ยงบอกว่าตนเองไม่ได้ขับรถแท็กซี่ แต่ไป ๆ มา ๆ ก็ยอมเปิดปากว่ามีคนบอกให้ตนเองไปขับรถแท็กซี่ เพื่อนำมาซ่อมทำสี​ และยืนยันว่าตัวเองไม่ได้เป็นคนก่อเหตุ ไม่ได้รู้เรื่องอะไรเลย​ จู่ ๆ เจ้าหน้าที่ตำรวจก็มาจับและนักข่าวก็มาถ่ายภาพตนทำไม​​

ทีมข่าวได้มีโอกาสพูดคุยกับชุดจับกุม เจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.บางบัวทอง และชุดสืบภาค 1​ ทราบข้อมูลว่า เดินทางมาที่จุดเกิดเหตุ ย่านหมู่บ้านบัวทองธานี ภายในซอยตลาดนัดบังยา​ ​ต.บางบัวทอง​  อ.บางบัวทอง จ.นนทบุรี​ พอมาถึงจุดเกิดเหตุก็เห็นรถแท็กซี่ของผู้ตายจอดอยู่สุดซอย ขณะนั้นก็ได้ยินเสียงคนทุบ หลังคาบ้าน ห่างจากรถที่จอดประมาณ 20 เมตร จึงรวมพลมายังบ้านหลังดังกล่าว ก็พบชายต้องสงสัย ลักษณะคล้ายกับเจ้าหน้าที่ตำรวจพื้นที่สมุทรปราการแจ้งมา ว่าเป็นชาวต่างชาติผิวคล้ำ รูปร่างสูงผอม 

จึงเข้าจับกุมได้ภายในบ้านหลังดังกล่าว ทราบภายหลังว่าเป็นบ้านพักของญาติ โดยชายคนดังกล่าว ได้นำกุญแจรถแท็กซี่ให้กับเจ้าหน้าที่ตำรวจ และยอมรับเพียงว่าตนเป็นคนขับรถแท็กซี่มา แต่ไม่ได้ยอมรับว่าเป็นคนก่อเหตุฆาตกรรม​ ชุดจับกุมจึงทำการค้น บ้านพักชายคนดังกล่าว​ ทราบว่าเป็นชาวเมียนมา ชื่อว่านายซัน​ จากนั้นพอเข้าไปค้นภายในบ้านก็พบเสื้อสีขาว ลักษณะเปื้อนเลือดฉีกขาด มีร่องรอยต่อสู้ พบกางเกงเปื้อนโคลน และพบโทรศัพท์ของผู้ตายอยู่ภายในบ้านพัก​ ซึ่งได้ให้ชุดพิสูจน์หลักฐาน เก็บร่องรอยคราบ เลือดเพื่อทำการพิสูจน์ต่อไป

เบื้องต้น หลังจากเจ้าหน้าที่พิสูจน์หลักฐานได้ทำการตรวจรถแท็กซี่สีเขียว-เหลือง พบว่าบริเวณท้ายรถมีเชือกไนล่อนสีเขียว ลักษณะเดียวกันกับที่คนร้ายใช้มัดมือผู้เสียชีวิต จึงได้เก็บไว้เป็นหลักฐาน และจะนำรถคันดังกล่าว ไปที่ อ.บางพลี จ.สมุทรปราการ เพื่อตรวจสอบอย่างละเอียดอีกครั้ง

เพียงหนึ่งภาพแต่สื่อหลายความรู้สึก ดวงตาที่มุ่งมั่นของจ่าตรี เดินทางฝึกผสม ‘KAKADU 2024’ ณ ประเทศออสเตรเลีย

เมื่อวานนี้ (27 ส.ค. 67) เพจเฟซบุ๊ก ‘เสียงจากทหารเรือ’ เพจอย่างเป็นทางการของกิจการวิทยุกระจายเสียงทหารเรือ ได้โพสต์ภาพและข้อความระบุว่า…

“ผมจะทำให้แม่ภูมิใจ” จ่าตรีทหารเรือ ร่วมออกเดินทางฝึกผสม ‘KAKADU 2024’ ณ ประเทศออสเตรเลีย 

เชื่อว่าภาพนี้สื่อได้หลายอารมณ์ ล้านความรู้สึก แต่ดวงตาที่มุ่งมั่นของจ่าตรีคนนี้ จะทำให้ครอบครัวของเขาภูมิใจ ที่เกิดเป็นชายชาติทหาร นามว่า ‘ราชนาวี’

รรท.รอง ผบ.ตร. แสวงหาความร่วมมือปราบปรามอาชญากรรมข้ามชาติ ผ่านเวทีการประชุมระดับรัฐมนตรีอาเซียนด้านอาชญากรรมข้ามชาติ มุ่งแก้ไขความเดือดร้อน สร้างความสงบสุขอย่างยั่งยืน

พล.ต.ท.ประจวบ วงศ์สุข ผู้ช่วย ผบ.ตร.รรท.รอง ผบ.ตร.(มค) เปิดเผยว่า ตามนโยบายของรัฐบาล และสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ภายใต้การนำของ พล.ต.อ.ต่อศักดิ์ สุขวิมล ผบ.ตร. ที่มุ่งให้ความสำคัญในการป้องกันปราบปรามอาชญากรรมข้ามชาติและแก้ไขปัญหาความมั่นคงทุกประเภท ซึ่งทวีความรุนแรง เป็นภัยต่อชีวิตและทรัพย์สิน และก่อให้เกิดความเสียหายต่อเศรษฐกิจและสังคมของประเทศเป็นอันมาก สมควรที่จะแสวงหาความร่วมมือและร่วมบูรณาการปฏิบัติกับหน่วยงานความมั่นคงของประเทศเพื่อนบ้าน ทั้งในและนอกภูมิภาคอาเซียน ในระดับพหุภาคีและระดับสากล

จึงได้มอบหมายให้ พล.ต.ท.ประจวบ วงศ์สุข ผู้ช่วย ผบ.ตร.รรท.รอง ผบ.ตร.(มค) ในฐานะหัวหน้าเจ้าหน้าที่อาวุโสอาเซียนด้านอาชญากรรมข้ามชาติประเทศไทย เป็นรองหัวหน้าคณะผู้แทนไทย พร้อมคณะ ประกอบด้วย พล.ต.ท.อภิชาติ สุริบุญญา ผบช.กมค., พล.ต.ต.เขมรินทร์ หัสศิริ ที่ปรึกษา ศพดส.ตร., พล.ต.ต.ฐิตวัฒน์ สุริยฉาย รอง จตร., พ.ต.อ.หฤษฎ์ เอกอุรุ รอง ผบก.ตม.3 และ พ.ต.อ.ณรงค์ เทศวิบูลย์ รอง ผบก.ปคม. พร้อมผู้แทน ยธ., กต., ป.ป.ส. และกรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่าและพันธุ์พืช เดินทางไปร่วมประชุมระดับรัฐมนตรีอาเซียนด้านอาชญากรรมข้ามชาติ ครั้งที่ 18 และการประชุมที่เกี่ยวข้อง (The 18th ASEAN Ministerial Meeting on Transnational Crimes and Its Related Meetings) (AMMTC) ซึ่งมีกำหนดจัดขึ้นระหว่างวันที่ 27 - 29 สิงหาคม 2567 ณ นครหลวงเวียงจันทน์ สาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาว ร่วมกับผู้แทนจากชาติสมาชิก 10 ประเทศ พร้อมประเทศคู่เจรจา ได้แก่ จีน ญี่ปุ่น เกาหลีใต้ และติมอร์-เลสเต โดยมี พล.อ.วิไล หล้าคำฟอง รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงความมั่นคงสาธารณะ สาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาว ให้การต้อนรับ

พล.ต.ท.ประจวบฯ กล่าวว่า ความร่วมมือของ AMMTC เป็นไปตามอนุสัญญาอาเซียนด้านการต่อต้านการก่อการร้ายและด้านการต่อต้านการค้ามนุษย์โดยเฉพาะผู้หญิงและเด็ก แผนงานอาเซียนด้านการปราบปรามอาชญากรรมข้ามชาติและด้านความร่วมมือการตรวจคนเข้าเมืองและงานกงสุล โดยมี SOMTC และ อธิบดีกรมตรวจคนเข้าเมืองและหัวหน้าฝ่ายกงสุลกระทรวงการต่างประเทศ เป็นกลไกสนับสนุน โดยการประชุมรัฐมนตรีอาเซียนด้านอาชญากรรมข้ามชาติ จะทำหน้าที่เป็นกลไกระดับสูงสุดที่กำหนดนโยบายความร่วมมือและการดำเนินการเพื่อป้องกันและปราบปรามอาชญากรรมข้ามชาติ รวมทั้งการบริหารจัดการชายแดนในภูมิภาคอาเซียน ตลอดจนสนับสนุนความร่วมมือและการประสานงานภายในอาเซียนในการป้องกันและปราบปรามอาชญากรรมข้ามชาติในปัจจุบันและที่เกิดขึ้นใหม่ แลกเปลี่ยนข้อมูลกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ประเทศคู่เจรจา และหน่วยงานภายนอกอาเซียน โดยประเทศไทยได้รับมอบหมายให้เป็นผู้นำในการป้องกันปราบปรามการลักลอบค้ายาเสพติด และการลักลอบค้าไม้และสัตว์ป่า ผลการประชุมหารือเป็นไปด้วยความเรียบร้อย
 
พล.ต.ท.ประจวบฯ เข้าร่วมประชุมทวิภาคี กับประเทศเกาหลีใต้ ร่วมกับ นาย โน มัน ซก อัยการสูงสุด สำนักงานยาเสพติดและอาชญากรรมองค์กร สำนักงานอัยการสูงสุด สาธารณรัฐเกาหลี เพื่อเสริมสร้างความสัมพันธ์และสานต่อความร่วมมือระหว่าง 2 หน่วยงานที่ดำเนินมายาวนาน รวมทั้งหารือกรณีความร่วมมือทางอาญา และการลักลอบค้ายาเสพติด ตลอดจนประสานความร่วมมือ ในการเร่งรัดติดตามจับกุม ในกรณีหากมีผู้ต้องหาชาวเกาหลีใต้ก่อเหตุในประเทศไทย มาดำเนินคดี   

สำหรับความร่วมมือแก้ไขปัญหาการค้ามนุษย์ ได้ประชุมทวิภาคีกับประเทศกัมพูชา และ ประเทศลาว ร่วมกับ นาย ซาร์ โสขะ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทยกัมพูชา และ พล.อ.วิไล หล้าคำฟอง รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงความมั่นคงสาธารณะ สปป.ลาว ทั้ง 2 ประเทศยินดีที่จะเพิ่มการปราบปรามอาชญากรรมข้ามพรมแดน ควบคุมและปกป้องพื้นที่ชายแดน เพิ่มความเข้มงวดตรวจตราด่านเข้า-ออก ปิดกั้น เส้นทางข้ามชายแดนขององค์กรอาชญากรรม แลกเปลี่ยนข่าวกรอง ส่งต่อข้อมูลแผนประทุษกรรมของคนร้าย เร่งปราบปรามอาชญากรรมออนไลน์ ระดมกวาดล้างบุคคลหลบหนีเข้าเมือง กรณีชาวไทยเป็นเหยื่อ ให้เร่งรัดช่วยเหลือ สืบสวนดำเนินคดีกับนายทุนต่างชาติ และร่วมมือจับกุมอาชญากรที่หลบหนีเข้าประเทศเพื่อส่งกลับประเทศที่ร้องขอ
 
พล.ต.ท.ประจวบฯ รรท.รอง ผบ.ตร.กล่าวทิ้งท้ายว่า ประเทศไทยมีความพร้อมที่จะร่วมมือกับทุกประเทศสมาชิก ตลอดจนหน่วยงานความมั่นคงทั้งในและระหว่างภูมิภาค ที่จะส่งเสริมความร่วมมือทั้งในระดับพหุภาคีและระดับสากล เคียงข้างและร่วมมือกันป้องกันปราบปรามอาชญากรรมข้ามชาติและปัญหาความมั่นคงทุกประเภท นำไปสู่ความสำเร็จในการป้องกันปราบปรามอาชญากรรม ทุกประเภทในภาพรวม เพื่อให้ประเทศชาติและประชาชนมีความปลอดภัย มีสันติภาพและความมั่นคงอย่างยั่งยืน 

กระบี่ - เศรษฐีใจบุญ ครอบครัวเจ้าสัว คุณเฉลิม อยู่วิทยา ธุรกิจเจ้าของกระทิงแดง ร่วมบุญกับชาวบ้าน ทอดผ้าป่าวัดคลองท่อม 10 กว่าล้านบาท

เมื่อวานนี้ (27 ส.ค.67) ณ.ศาลาการเปรียญ วัดคลองท่อม พระครูสถิตนราธิการ เจ้าอาวาสวัดคลองท่อม ครอบครัวเจ้าสัว คุณเฉลิม อยู่วิทยา เศรษฐีใจบุญ ธุรกิจเจ้าของกระทิงแดง ชาวบ้าน และสาธุชนทั้งหลาย ได้ร่วมทอดผ้าป่า วัดคลองท่อม เป็นเงินจำวนทั้งหมด 10,070,490 บ. เพื่อทำนุบำรุงพระพุทธศาสนา เพื่อเป็นการส่งเสริมความสามัคคีในหมู่คณะ และความศรัทธาแห่งธรรมของพุทธศาสนิกชน ซึ่งจะเป็นสถานปฎิบัติธรรมของประชาชนอันจะเป็นประโยชน์ต่อสาธุชนทั้งหลายตลอดจนประชาชนในชุมชนแห่งนี้ 

พระครูสถิตนราธิการ เจ้าอาวาสวัดคลองท่อม การทอดป่าสามัคคีในครั้งนี้ เฉพาะคณะทางครอบครัว อยู่วิทยา ได้ร่วมสมทบบุญทั้งหมดได้ 10,000,000 บาท และมีชาวบ้านและสาธุชนในพื้นที่ร่วมทำบุญอีกส่วนหนึ่งด้วย และทราบว่า ทอดกฐินปีนี้ทางเจ้าสัว คุณวิทยา อยู่เจริญ ก็จะเดินทางมาเป็นประธานกฐินอีกด้วย 

ผบ.ตร. ตรวจเยี่ยม สภ.นครชัยศรี จ.นครปฐม ดูแลสวัสดิการตำรวจ ตรวจความพร้อมยุทโธปกรณ์ พร้อมสนับสนุนงบประมาณในการปฏิบัติหน้าที่

เมื่อวานนี้ (27 ส.ค. 67) เวลา 13.30 น. พล.ต.อ.ต่อศักดิ์ สุขวิมล ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (ผบ.ตร.) พร้อมด้วย พล.ต.ท.วรวัฒน์ วัฒน์นครบัญชา ผบช.สอท. , พล.ต.ท.ศิร์ธัชเขต ครูวัฒนเศรษฐ์ จเรตำรวจ, พล.ต.ต.พิทักษ์ อุทัยธรรม รอง ผบช.ประจำ สง.ผบ.ตร. และคณะ ได้เดินทางไปตรวจเยี่ยม สภ.นครชัยศรี จ.นครปฐม โดยมี พล.ต.ท.นัยวัฒน์ ผะเดิมชิต ผบช.ภ.7, พล.ต.ต.สุวรรณ์ เชี่ยวนาวินธวัช ผบก.ภ.จว.นครปฐม และ พ.ต.อ.พายัพ โสธรางกูล ผกก.สภ.นครชัยศรี พร้อมด้วยข้าราชการตำรวจ สภ.นครชัยศรี ให้การต้อนรับ

การตรวจเยี่ยม สภ.นครชัยศรี ในครั้งนี้ ผบ.ตร. ได้ตรวจเยี่ยมอาคารที่ทำการ สภาพความเป็นอยู่ ตลอดจนความพร้อมด้านยุทโธปกรณ์และงบประมาณในการปฏิบัติหน้าที่ จากนั้นได้รับฟังรายงานสรุปจากผู้บังคับบัญชาในพื้นที่ และได้กำชับแนวทางในการปฏิบัติหน้าที่ ดังนี้

1. ปกป้อง เทิดทูน และพิทักษ์รักษาไว้ซึ่งสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์ และการปกครองในระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข
2. ยึดประชาชนเป็นศูนย์กลางในการปฏิบัติหน้าที่ ส่งเสริมให้ชุมชนและท้องถิ่นมีส่วนร่วมในทุกมิติ
3. เน้นการขับเคลื่อนแนวทางปฏิบัติราชการ ตร. ประจำปีงบประมาณ พ.ศ.2567 ใน 4 แนวทางหลัก คือ การดูแลความปลอดภัยนักท่องเที่ยว, การแก้ไขปัญหายาเสพติดในทุกมิติ, การปราบปรามอาชญากรรมทางเทคโนโลยี และการดูแลสวัสดิการ ขวัญกำลังใจ ของข้าราชการตำรวจ
4.ให้ผู้บังคับบัญชาดูแลเอาใจใส่ผู้ใต้บังคับบัญชาอย่างจริงจังในทุกระดับ เน้นผู้บังคับบัญชาต้องเป็นแบบอย่างที่ดี และให้ข้าราชการตำรวจทุกนายร่วมกันสร้างความสามัคคี ผ่านแนวคิด Police’s Home
5. พัฒนากำลังพลให้มีความพร้อมในการปฏิบัติงานอย่างมืออาชีพ เพื่อเสริมสร้างให้ข้าราชการตำรวจปฏิบัติราชการได้อย่างมีประสิทธิภาพ มีคุณธรรม และยึดมั่นในหลักจริยธรรม

จากนั้น ผบ.ตร. และคณะ ได้เดินทางไปยังศูนย์ปฏิบัติการตำรวจภูธรภาค 7 เพื่อรับฟังบรรยายสรุปเกี่ยวกับการแก้ไขสถานการณ์วิกฤต การปราบปรามอาชญากรรม และการจับกุมผู้ร้ายคดีสำคัญ ตลอดจนการปฏิบัติงานในห้วงที่ผ่านมาของตำรวจภูธรภาค 7 ซึ่ง ผบ.ตร. ได้กล่าวชมเชย ผบช.ภ.7 และข้าราชการตำรวจทุกระดับ ที่ได้ตั้งใจปฏิบัติหน้าที่อย่างเต็มกำลังความสามารถในการป้องกันปราบปรามอาชญากรรม สร้างความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สินให้กับพี่น้องประชาชน

นอกจากนี้ ผบ.ตร. กล่าวว่า ในงบประมาณปี พ.ศ.2568 ทางสำนักงานตำรวจแห่งชาติได้เสนอของบประมาณค่าน้ำมันเชื้อเพลิงสำหรับรถยนต์และรถจักรยานยนต์สายตรวจเพิ่มขึ้น เนื่องจากในช่วงที่ผ่านมาพบว่าสถานีตำรวจหลายแห่ง ประสบปัญหาน้ำมันเชื้อเพลิงไม่เพียงพอต่อการปฏิบัติหน้าที่ ทั้งนี้ เพื่อให้การปฏิบัติหน้าที่ของเจ้าหน้าที่ตำรวจในการป้องกันและปราบปรามอาชญากรรมมีประสิทธิภาพ และสอดคล้องกับค่าใช้จ่ายในการปฏิบัติหน้าที่ดูแลความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สินของพี่น้องประชาชน

“คลัง” ผนึกกำลัง 7 แบงค์รัฐ ออก 14 มาตรการเร่งด่วนช่วยผู้ประสบภัยน้ำท่วม

นายพิชัย ชุณหวชิร รมว.คลัง นายจุลพันธ์ อมรวิวัฒน์ และนายเผ่าภูมิ  โรจนสกุล รมช.คลัง เปิดเผยว่า สถานการณ์อุทกภัยได้ก่อให้เกิดความเสียหายต่อทรัพย์สินและกระทบต่อชีวิตความเป็นอยู่ การประกอบอาชีพ และการดำเนินธุรกิจของประชาชนเป็นอย่างมาก เพื่อการแก้ไขอย่างเร่งด่วน กระทรวงการคลังร่วมกับสถาบันการเงินเฉพาะกิจ จึงได้ออกมาตรการด้านการเงินทั้งมาตรการพักชำระหนี้ ลดดอกเบี้ย และมาตรการสินเชื่อดอกเบี้ยต่ำ เพื่อให้ความช่วยเหลือและบรรเทาความเดือดร้อนแก่ประชาชนที่ได้รับผลกระทบจากสถานการณ์อุทกภัย ดังนี้

ธนาคารออมสิน

1) มาตรการพักชำระหนี้ สำหรับลูกค้าสินเชื่อรายย่อยที่มีวงเงินสินเชื่อไม่เกิน 10 ล้านบาท ได้รับการพักชำระหนี้เงินต้นและลดดอกเบี้ยร้อยละ 50 เป็นระยะเวลา 3 เดือน
2) มาตรการสินเชื่อดอกเบี้ยต่ำ จำนวน 2 โครงการ ได้แก่
- โครงการสินเชื่อฉุกเฉินเพื่อช่วยเหลือผู้ประสบภัยพิบัติ วงเงินต่อรายไม่เกิน 10,000 บาท อัตราดอกเบี้ย ร้อยละ 0.6 ต่อเดือน ระยะเวลากู้ไม่เกิน 15 เดือน ปลอดชำระเงินงวดใน 3 เดือนแรก
- โครงการสินเชื่อเคหะผู้ประสบภัย วงเงินกู้ต่อรายสูงสุดร้อยละ 100 ของราคาประเมิน อัตราดอกเบี้ยเริ่มต้นร้อยละ 2 ต่อปี

ธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธ.ก.ส.) จัดทำมาตรการเสริมสภาพคล่องและฟื้นฟูลูกค้า
วงเงินรวม 20,000 ล้านบาท ประกอบด้วย
1) โครงการสินเชื่อเพื่อเป็นค่าใช้จ่ายฉุกเฉิน ปี 2567/68 วงเงินต่อรายไม่เกิน 50,000 บาท อัตราดอกเบี้ย MRR (ปัจจุบัน MRR ของ ธ.ก.ส. เท่ากับร้อยละ 6.975 ต่อปี) ระยะเวลากู้ไม่เกิน 3 ปี ปลอดชำระดอกเบี้ยใน 6 เดือนแรก
2) โครงการสินเชื่อฟื้นฟูและพัฒนาคุณภาพชีวิต วงเงินต่อรายไม่เกิน 500,000 บาท อัตราดอกเบี้ย MRR - 2 ต่อปี ระยะเวลากู้ไม่เกิน 15 ปี

ธนาคารอาคารสงเคราะห์ (ธอส.)
1) มาตรการลดเงินงวดและลดอัตราดอกเบี้ย สำหรับลูกค้าปัจจุบันจะได้รับการลดเงินงวดร้อยละ 50
จากเงินงวดที่ชำระปกติ และลดอัตราดอกเบี้ยเงินกู้เหลือร้อยละ 2 ต่อปี เป็นระยะเวลา 6 เดือน
2) มาตรการสินเชื่อดอกเบี้ยต่ำ สำหรับลูกค้าใหม่หรือลูกค้าปัจจุบัน สามารถขอสินเชื่อเพิ่มเติมหรือสินเชื่อใหม่เพื่อปลูกสร้างอาคารทดแทนหลังเดิมหรือซ่อมแซมอาคารที่ได้รับความเสียหาย วงเงินต่อรายไม่เกิน 1 ล้านบาท อัตราดอกเบี้ยเริ่มต้นร้อยละ 2 ต่อปี
3) มาตรการประนอมหนี้ สำหรับลูกค้าที่ค้างชำระเงินงวดติดต่อกันมากกว่า 3 เดือนหรืออยู่ระหว่าง
การประนอมหนี้จะได้รับการปลอดชำระดอกเบี้ยและเงินงวดใน 6 เดือนแรก กรณีลูกค้าที่เสียชีวิตหรือทุพพลภาพถาวร
ผู้กู้ร่วมหรือทายาทสามารถผ่อนชำระต่อในอัตราดอกเบี้ยร้อยละ 0.01 ต่อปีตลอดระยะเวลาคงเหลือ และกรณีที่อยู่อาศัยได้รับความเสียหายทั้งหลังและไม่สามารถซ่อมแซมได้สามารถยกเว้นหนี้ในส่วนของอาคารและผ่อนชำระต่อเฉพาะในส่วนของที่ดินที่คงเหลือ
4) มาตรการสินไหมเร่งด่วน สำหรับลูกค้าที่ทำกรมธรรม์ประกันอัคคีภัยที่อยู่อาศัยซึ่งคุ้มครองภัยธรรมชาติจะพิจารณาสินไหมอย่างเร่งด่วน (Fast Track) เป็นกรณีพิเศษ

ธนาคารพัฒนาวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อมแห่งประเทศไทย (ธพว.)
1) มาตรการพักชำระหนี้ พักชำระหนี้เงินต้นให้สอดคล้องกับระดับความรุนแรงของผลกระทบและลักษณะของธุรกิจแต่ละราย
2) มาตรการสินเชื่อเติมทุน สำหรับซ่อมแซมฟื้นฟูกิจการผ่านโครงการ Smile Biz ธุรกิจยิ้มได้ วงเงินต่อรายสูงสุด 5 ล้านบาท อัตราดอกเบี้ยเริ่มต้นร้อยละ MLR - 1 ต่อปี (ปัจจุบัน MLR ของ ธพว. เท่ากับร้อยละ 7.5 ต่อปี) ระยะเวลากู้สูงสุด 7 ปี ปลอดชำระเงินต้นสูงสุด 6 เดือนแรก

ธนาคารเพื่อการส่งออกและนำเข้าแห่งประเทศไทย (ธสน.) เพิ่มวงเงินทุนหมุนเวียนระยะสั้นชั่วคราวสูงสุดร้อยละ 20 ของวงเงินเดิม ช่วยลดภาระเงินต้นและดอกเบี้ย รวมทั้งช่วยขยายระยะเวลาการชำระเงิน

ธนาคารอิสลามแห่งประเทศไทย (ธอท.) สำหรับกลุ่มลูกค้าเดิมที่ได้รับผลกระทบจากภัยพิบัติ
จะได้รับการพักชำระหนี้เงินต้น ชำระเฉพาะอัตรากำไร เป็นระยะเวลาไม่เกิน 6 เดือน โดยให้ขยายระยะเวลาออกไป
ไม่เกินระยะเวลาที่พักชำระและได้รับการยกเว้นค่าชดเชยผิดนัดชำระ (Late charge) ที่เกิดขึ้นทั้งจำนวนจนถึงวันที่ปรับปรุงบัญชี

บรรษัทประกันสินเชื่ออุตสาหกรรมขนาดย่อม (บสย.)
1) มาตรการพักชำระค่าธรรมเนียม สำหรับลูกค้า บสย. ที่ถึงกำหนดชำระค่าธรรมเนียมการค้ำประกันสินเชื่อและค่าจัดการค้ำประกันตั้งแต่วันที่ 23 สิงหาคม 2567 ถึงวันที่ 31 ตุลาคม 2567 สามารถพักชำระค่าธรรมเนียมการค้ำประกันสินเชื่อและค่าจัดการค้ำประกันเป็นระยะเวลา 6 เดือนนับจากวันถึงกำหนดชำระ
2) มาตรการพักชำระค่างวด สำหรับลูกหนี้ บสย. ที่อยู่ระหว่างผ่อนชำระตามแผนปรับโครงสร้างหนี้และไม่ผิดนัดชำระหนี้สามารถพักชำระค่างวดเป็นระยะเวลา 3 งวด โดยขอเข้าร่วมโครงการได้จนถึงวันที่ 30 กันยายน 2567

กระทรวงการคลังจะติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิดและพร้อมที่จะออกมาตรการที่เหมาะสมมาดูแลผู้ที่ได้รับผลกระทบอย่างทันท่วงที เพื่อให้ประชาชนสามารถกลับมาดำเนินชีวิตได้ตามปกติโดยเร็วที่สุดและไม่เกิดผลกระทบต่อความเป็นอยู่ของประชาชนและการดำเนินกิจกรรมทางเศรษฐกิจเป็นวงกว้างต่อไป

‘กูอัสมาดีซัม-กูอัสมาวีซัม’ สองพี่น้องผู้สร้างอนาคตจากทุน กสศ. พร้อมฝันใหญ่ สร้างสะพานแห่งโอกาส ส่งต่อสู่เด็กด้อยโอกาส

(27 ส.ค. 67) นายภัทระ คำพิทักษ์ อดีตกรรมการร่างรัฐธรรมนูญ ได้โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊ก 'Pattara Khumphitak' ในหัวข้อ 'คนหนุ่มผู้กำลังจะสร้างสะพาน' ระบุว่า...

สองหนุ่มหล่อนี้คือ กูอัสมาดีซัม อัครเสณีย์ และ กูอัสมาวีซัม อัครเสณีย์ สองพี่น้องฝาแฝด ผู้สร้างอนาคตได้อย่างน่าทึ่ง

ทั้งสองคน ฝ่าฟันความยากไร้ โดยรับทุนจากกองทุนเพื่อความเสมอภาคทางการศึกษา (กสศ.) เพื่อใช้เรียนในสายอาชีวะระดับปวช.และปวส. 

กสศ.ให้ทุนแก่นักศึกษาระดับปวช.และปวส.เดือนละ 7,500 บาทแก่เยาวชนที่ขาดแคลนทุนทรัพย์และด้อยโอกาสทั่วประเทศกว่า 13,000 คนมาแล้ว 5 ปี เพื่อให้พวกเขาได้ยังชีพและเล่าเรียนจนจบแบบให้เปล่า 

กูอัสมาดีซัม และ กูอัสมาวีซัม เปลี่ยนวิกฤตเป็นโอกาส โดยใช้ความอดทนในช่วงเวลาสามเดือนที่กว่าเงินทุนจาก กสศ.จะตกมาถึงในครั้งแรก โดยใช้เงินที่แม่ส่งมาให้อาทิตย์ละ 200 บาท ไปซื้อบะหมี่สำเร็จรูปมายังชีพ

พอ 12 สัปดาห์ ผ่านไป เงินทุนตกเบิกย้อนหลังรวมกันคูณสองค่อยเดินทางมาถึง แต่แทนที่จะใช้เงินนั้นไปทำอะไรที่ชดเชยความยากลำบาก พวกเขากลับเอาเงินที่ได้ไปซื้อวัวมาให้ที่บ้านเลี้ยง

จากวัวเล็กๆ มาเป็นวัวสมบูรณ์พร้อมขาย จากนั้นกระบวนการแปลงสินทรัพย์เป็นทุนก็ขยายออกไปเป็นแพะ เป็ด ไก่ ฯลฯ 

สุดท้ายได้ยินว่า พวกเขาสามารถซื้อที่ดินผืนติดกันขยายบ้านออกไปอีก

แบบนี้จะไม่เรียกว่า สร้างอนาคตได้อย่างน่าทึ่งได้อย่างไร

“จุดเริ่มต้นของความเสมอภาคคือ การวางรากฐานของตนเอง 

"ผมเป็นเด็กสามจังหวัดชายแดนภาคใต้ ผมอยากทำความฝันของตัวเอง แต่ไม่สามารถทำได้ เพราะครอบครัวไม่สามารถส่งผมเรียนได้ แต่ทุนของ กสศ.ได้มอบโอกาสให้ผมในวันนั้น จนถึงวันนี้ 

"ผมได้ใช้ทุนที่ได้รับ มาหมุนเวียนในชีวิต ซื้อวัว ซื้อแพะ เป็ด ไก่ ทำให้ผมอยากมอบโอกาสดีๆ แก่เด็กด้อยโอกาส เด็กไร้การศึกษา เด็กห่างจากการศึกษาโดยเปิดศูนย์การเรียน ให้เด็กเหล่านั้นมีรายได้ ได้ใช้ชีวิตอย่างมีเกียรติและศักดิ์ศรี" กูอัสมาดีซัม พูดบนเวทีเมื่อวันอาทิตย์ที่ผ่านมา

น้องใช้เวลาสั้นมาก ไม่น่าเกิน 5 นาทีบอกเล่า เรื่องราวในหนทางอับแสง มองไม่เห็นแหล่งที่จะไปในโลกของการจะสร้างตัวขึ้นมาด้วยการศึกษาเล่าเรียน การงมหาบันไดขั้นแรกในความมืด ไปจนถึงภาพฝันในอนาคต

ถ้อยคำสั้นๆ ที่เขาแบ่งปันภาพอนาคตต่อคนฟังในห้องโถงนั้น คนอื่นจะรู้สึกอย่างไรไม่ทราบ แต่ลำคอผมตีบตันไปชั่วขณะ

ถ้อยคำของน้อง น่าจะเป็นกำลังใจให้ผู้คนทั้งปวง คนใน กสศ.และคนรุ่นต่อๆ ไป แต่สำหรับคนที่มีส่วนร่วมคิด ร่วมสร้าง ร่วมทำกันมาบนเส้นทางนี้ คงไม่ต่างอะไรกับการได้เห็นลูกหลานของตัวเองเติบใหญ่ เจริญรุ่งเรืองและบรรลุแล้วซึ่งเป้าหมายของการร่ำเรียน 

เป้าหมายของการศึกษาและการเรียนรู้จะมีอะไรสำคัญกว่า สามารถทำให้ตัวเราเองยืนตัวขึ้นได้ ค้นพบศักยภาพของตัวเอง นำศักยภาพนั้นมาช่วยตัวเองและครอบครัว แล้วไปช่วยชุมชนและสังคม พร้อมกันนั้นก็ขัดเกลาจิตใจตนเองให้สูงขึ้นเรื่อยๆ 

จนเป็นมนุษย์ที่เป็นไทยที่แท้จริง

ตอนนี้ ดี-กูอัสมาดีซัม และ วี-กูอัสมาวีซัม เพิ่งจะเข้าเรียนปีหนึ่งในระดับปริญญาตรี ที่เทคโนโลยีราชมงคลศรีวิชัย วิทยาเขตนครศรีธรรมราช แต่ผมไม่กังขาเลยว่า วันหนึ่งพวกเขาจะทำความฝันสำเร็จหรือไม่ และจะมีคนได้เดินข้ามสะพานที่พวกเขาจะลงแรงปูมันขึ้นมาหรือไม่

ผมได้ยินเรื่องราวสองหนุ่มนี้มาก่อนโดยไม่เคยเจอตัวจริง เพิ่งมาเห็นตัวจริงเอาตอนเขาอยู่บนเวที ส่วนผมนั่งชื่นชมน้องอยู่แถวหลังห้อง ไม่ได้ไปอยู่แถวหน้าเพราะเกรงพิธีรีตอง แต่โชคดีหลังงานจบน้องทั้งสองเดินมา จะด้วยจังหวะ วิถีหรืออะไรไม่รู้ เราเดินเข้าทางกัน ยิ้มให้กัน และหยุดคุยกัน

น้องถามผมว่า ทำอะไรอยู่ที่ไหน จากนั้นเลยได้คุยกันยาว

“ผมมีความตั้งใจว่า วันหนึ่งเราจะตั้งศูนย์การเรียนเพื่อเป็นผู้ให้คนอื่นบ้าง เพราะเป็นผู้ได้รับมาแล้ว…” เขาบอกถึงเป้าหมายอันแจ่มชัดของเขากับผมอีกครั้งหนึ่ง

ผมดีใจจริงๆ ที่ได้รู้จักน้องทั้งสองคน แม้จะชื่นชมและให้กำลังใจแก่ทั้งสองคนที่คิดอะไรดีๆ แบบนั้นไปแล้ว แต่ก็ลืมขอบคุณที่พวกเขาที่ทำให้คนทำงานและบรรดาคนที่ช่วยเหลือขับเคลื่อนงานนี้ด้วยกันมาในหนทางต่างๆ ไม่ว่าผู้ออกแรงและเจ้าของมือไม้เหล่านั้นจะอยู่แห่งใดก็ตาม ผมเชื่อว่า ผู้คนเหล่านั้นคงมีความรู้สึกเช่นเดียวกันคือ น้องทำให้มีความสุขและมีความหวัง

การงานมันไม่ได้สำเร็จสวยงามไปเสียทุกเรื่อง เช่นเดียวกับเมล็ดหรือกล้าพันธุ์ ที่หว่านหรือลงแปลงไปใช่ว่า จะอยู่รอด เติบใหญ่ได้ทั้งหมด แค่มีบ้างอย่างนี้ ก็ชื่นใจและมีกำลังใจมากแล้ว

ขอบคุณ 'ดี-กูอัสมาดีซัม' และ 'วี-กูอัสมาวีซัม' มากๆ ครับ ขอให้เจริญๆ ครับ

'มูลนิธิหัวใจบริสุทธิ์' จับมือ จัดหางาน จ.จันทบุรี มอบ 'รถเข็นวีลแชร์' เติมกำลังใจให้ผู้สูงอายุ ผู้พิการ และผู้ยากไร้

(27 ส.ค.67) นางเธียรรัตน์ นะวะมะวัฒน์ ประธานมูลนิธิหัวใจบริสุทธิ์ ลงพื้นที่มอบรถเข็นวีลแชร์ ให้กับผู้สูงอายุ ผู้พิการและผู้ยากไร้ ณ ห้องประชุมโรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพตำบลพลิ้ว เทศบาลตำบลพลิ้ว อ.แหลมสิงห์ จ.จันทบุรี โดยมีนางสาวอนงค์นุช  มีศิริ จัดหางานจังหวัดจันทบุรี ให้การต้อนรับ ซึ่งได้รับเกียรติจาก นายมนต์สิทธิ์ ไพศาลธนวัฒน์ ผู้ว่าราชการจังหวัดจันทบุรี นางสาวรัศมินท์ พฤกษาทร นายอำเภอแหลมสิงห์ และนายรังสรรค์ เจริญวัย นายกเทศมนตรี เทศบาลตำบลพลิ้ว ร่วมเป็นเกียรติพิธีมอบในครั้งนี้ 

นางเธียรรัตน์ กล่าวว่า มูลนิธิหัวใจบริสุทธิ์ ได้รับการประสานงาน ขอรับบริจาครถเข็นวีลแชร์ จากนางสาวอนงค์นุช มีศิริ จัดหางานจังหวัดจันทบุรี เพื่อมอบให้ผู้พิการ ผู้สูงอายุและผู้ยากไร้ ในพื้นที่  จำนวน 5 ราย ได้แก่ 1)นางสมฤดี นิระพงษ์ ผู้สูงอายุ อายุ 81 ปี  พักอยู่หมู่ที่ 11 ต.ปากน้ำแหลมสิงห์ อ.แหลมสิงห์ จ.จันทบุรี 2) นายยงยุทธ นีระพงษ์ ผู้สูงอายุ 66 ปี พักอยู่หมู่ที่ 2 ต.วันยาว อ.ขลุง จ.จันทบุรี  3)นางวิรัตนา วิเศษฤทธิ์  ผู้สูงอายุ อายุ 65 ปี พักอยู่หมู่ที่ 6 ต.เกาะเปริด อ.แหลมสิงห์ จ.จันทบุรี  4)นางลัดดา กาบทิพย์ ผู้สูงอายุ อายุ 82 ปี พักอยู่ หมู่ 2 ต.เขาบายศรี อ.ท่าใหม่ จ.จันทบุรี  5)นางบังอร  บุญเกิด พิการทางการเคลื่อนไหว พักอยู่ ม.2 ต.วันยาวล่าง อ.ขลุง จ.จันทบุรี  

ทั้งนี้มูลนิธิได้รับการบริจาครถเข็นวีลแชร์จาก กลุ่มไทยสมายล์กรุ๊ป ผู้ให้บริการรถและเรือโดยสารสาธารณะพลังงานไฟฟ้าในกรุงเทพมหานครและปริมณฑล 

จากการที่มูลนิธิหัวใจบริสุทธิ์ได้นำอุปกรณ์เพื่อช่วยเหลือผู้สูงอายุ ผู้พิการ และผู้ยากไร้ มามอบในครั้งนี้ เพื่อขอร่วมเป็นส่วนหนึ่งในการช่วยเหลือ บรรเทาความเดือดร้อน เติมกำลังใจ ให้แก่ผู้ป่วย ผู้สูงอายุ ผู้พิการ และผู้ยากไร้ ในพื้นที่ จังหวัดจันทบุรี และถือเป็นกิจกรรมหลักที่สอดคล้องกับวัตถุประสงค์ของมูลนิธิในด้านการสร้างสาธารณประโยชน์ ต่อชุมชน สังคม และที่สำคัญจะเป็นประโยชน์อย่างยิ่งกับผู้สูงอายุ ผู้พิการ และผู้ยากไร้ ที่มีความยากลำบากในการดำเนินชีวิต และจะให้บุคคลเหล่านี้มีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น สามารถอยู่ร่วมในสังคมได้อย่างมีความสุข

ลูกสาวเหยื่อยาดอง โพสต์เศร้าไม่มีเงินทำศพพ่อ เจอค่ารักษากว่าแสนบาท ลั่น!! พ่อต้องไม่ตายฟรี

จากกรณี เหยื่อยาดองมรณะเสียชีวิตเพิ่มเป็น 4 ศพ นอกจากนี้ยังมีกลุ่มสายตาพร่ามัวที่ยังไม่รู้ว่าจะกลับมามองเห็นได้เหมือนเดิมหรือไม่?

ด้านเจ้าหน้าที่ตำรวจเรียก ‘เจ๊ปู’ ผู้รับเมทิลแอลกอฮอล์มาผสมผลิตยาดองขายให้ร้าน 18 แห่ง ร่ำไห้ขอโทษสังคมไม่รู้ว่าเป็นสารพิษ ถูกแจ้งดำเนินคดี 2 ข้อหา รวมทั้ง ข้อหาฉกรรจ์กระทำการโดยประมาท เป็นเหตุให้ผู้อื่นถึงแก่ความตายด้วย

อย่างไรก็ตาม เมื่อวานนี้ (26 ส.ค. 67) ผู้ใช้เฟซบุ๊กรายหนึ่งซึ่งเป็นลูกสาวของหนึ่งในผู้เสียชีวิตจากยาดองมรณะ ได้ออกมาโพสต์ภาพพ่อของตนเองขณะนอนอยู่บนเตียงผู้ป่วยพร้อมระบุข้อความว่า…

“#ผู้เสียชีวิตจากยาดองมรณะ ใครพอจะมีช่องทางการติดต่อนักข่าว แนะนำหนูมาได้นะคะ หนูยินดีไปทุกสำนัก หนูจะไม่ให้พ่อหนูตายฟรี📌
#ทักเข้ามาได้เลยนะคะ หรือโทร 0634893821
#ฝากแชร์ด้วยค่ะ“

นอกจากนี้ ยังได้โพสต์ใบเสร็จการชำระเงินค่ารักษา โดยระบุข้อความว่า “ที่หนูออกมาโพสต์ทุก ๆ อย่างเพราะหนูอยากจะเห็นว่าจะมีใครรับผิดชอบการเสียชีวิตของพ่อหนูบ้าง ตั้งแต่พ่อหนูอยู่ที่โรงพยาบาลไม่มีใครออกมารับผิดชอบทางพ่อหนูเป็นการส่วนตัวหรือเข้ามาคุยหรือขอโทษ

ซึ่งที่ผ่านมาพวกหนูต้องเดินเรื่องเองมาตลอด และมีเพื่อน ๆ ของพ่อที่คอยช่วยเหลือพวกหนูอยู่ ดูจากใบเสร็จของการชำระเงินเอานะคะ ถ้าสมมุติว่าพ่อหนูไม่มีเงินจากประกันสังคม พวกหนูไปหาเงินมาจากไหน เพราะทางพวกหนูแทบไม่มีญาติผู้ใหญ่จากไหนเลย

แล้วเดินเรื่องกันเองทั้งหมด พวกหนูเพิ่งจะบรรลุนิติภาวะไม่กี่ปี ครั้งแรกในชีวิตที่มาทำอะไรแบบนี้ หนูดิ้นกันสุดทาง หนูอยากให้พ่อหนูได้รับความยุติธรรม และตอนนี้หนูสามคนพี่น้องต้องไปหายืมคนอื่นเพื่อมาจัดงานศพ”

ล่าสุด ทางผู้โพสต์ได้อัปเดตว่าทาง ‘กัน จอมพลัง’ ได้ติดต่อให้ความช่วยเหลือเข้ามาแล้ว


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top