Tuesday, 1 July 2025
NEWS FEED

สำนักงานตำรวจแห่งชาติไทยและกัมพูชา เริ่มแล้ว!!! ปฏิบัติการกวาดล้างแก๊งคอลเซ็นเตอร์ในกัมพูชา และคนไทยขายชาติ

เมื่อวันที่ (28 ส.ค. 67) เวลา 09.00 น. พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ พันธุ์เพ็ชร์ รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ/ผู้อำนวยการศูนย์ปราบปรามอาชญากรรมทางเทคโนโลยีสารสนเทศ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (รอง ผบ.ตร./ผอ.ศปอส.ตร.) มอบหมายให้ พล.ต.ท.ธัชชัย ปิตะนีละบุตร ผู้ช่วย ผบ.ตร./รอง ผอ.ศปอส.ตร. และคณะฯ เดินทางไปประชุมปฏิบัติการร่วมกวาดล้างแก๊งคอลเซ็นเตอร์ภายใต้ “ยุทธการระเบิดสะพานโจร” ณ สำนักงานตำรวจแห่งชาติกัมพูชา กรุงพนมเปญ ราชอาณาจักรกัมพูชา โดยมี พล.ต.ท.แสง เธียริธ รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติกัมพูชา และคณะผู้บริหาร เข้าร่วมการประชุม

การประชุมครั้งนี้เกิดขึ้นหลังจากที่มีการรวบรวมพยานหลักฐานและวิเคราะห์ข้อมูลของกลุ่มมิจฉาชีพ (แก๊งคอลเซ็นเตอร์) พบว่ามีการตั้งฐานปฏิบัติการจำนวนมากอยู่ในกัมพูชา เพื่อหลบหนีการดำเนินคดีของหน่วยงานบังคับใช้กฎหมายไทย โดยแก๊งคอลเซ็นเตอร์เหล่านี้จะมีคนจีนเป็นผู้อยู่เบื้องหลังร่วมกับคนไทย มาหลอกลวงประชาชนผู้บริสุทธิ์ให้สูญเสียทรัพย์สินเป็นจำนวนมาก ทั้งสองประเทศจึงได้มีการประชุมร่วมมือกันเพื่อดำเนินการกวาดล้างแก๊งคอลเซ็นเตอร์ครั้งใหญ่ โดยเฉพาะอย่างยิ่งผู้บงการและตัวการสำคัญในกลุ่มแก๊งคอลเซ็นเตอร์ ส่วนคนไทยที่มาร่วมมือกับคนต่างชาติมาหลอกลวงเอาทรัพย์สินของคนไทยไปให้คนต่างชาติ จะมีการกวาดล้างส่งตัวกลับไทย ดำเนินคดี ทั้งการทำงานโดยไม่ได้รับอนุญาตและการหลบหนีเข้าเมือง ในกรณีที่ยังไม่มีหมายจับจากไทย

พล.ต.ท.ธัชชัยฯ กล่าวว่า ความร่วมมือระหว่างไทยและกัมพูชาในการปราบปรามแก๊งคอลเซ็นเตอร์ครั้งนี้ ถือเป็นสัญญาณที่ดีที่แสดงให้เห็นถึงความมุ่งมั่นของทั้งสองประเทศในการต่อสู้กับอาชญากรรมข้ามชาติ และดำเนินการอย่างเด็ดขาดกับคนไทยที่ขายชาติ ไปทำงานให้กับคนต่างชาติมาปล้นทรัพย์สินคนไทยไปให้คนต่างชาติ ซึ่งทางสำนักงานตำรวจแห่งชาติจะมีมาตรการทางด้านตรวจคนเข้าเมือง ในการติดตามกลุ่มคนไทยขายชาติเหล่านี้ที่ออกไปทำงานให้กับแก๊งคอลเซ็นเตอร์

สำรวจ 9 จังหวัดในประเทศไทยที่ไม่มีโรงภาพยนตร์ แต่ 'ไม่ส่งผล-เกี่ยวข้อง' กับความเหลื่อมล้ำของสังคมแต่อย่างใด

(29 ส.ค. 67) จากเพจ 'ไทยไฝว้ Thai Fwi' ได้โพสต์ข้อความ ระบุว่า...

9 จังหวัดในประเทศไทยที่ไม่มีโรงภาพยนตร์ อาจประกอบด้วยปัจจัยหลายอย่าง ภูมิประเทศ ทำเลที่ตั้ง จำนวนประชากร ความเหมาะสมกับการลงทุน ซึ่งไม่เกี่ยวกับความเหลื่อมล้ำของสังคมแต่อย่างใด

ถ้าไปทำสำรวจประชากร จะทราบคำตอบว่า การกินดีอยู่ดี เป็นสิ่งที่พวกเขาต้องการ รองลงมาจากความบันเทิงจากโรงหนัง ซึ่งในยุคนี้หาได้จากออนไลน์ #โรงหนังออนไลน์

1.แม่ฮ่องสอน
2.ตราด
3.ชัยนาท
4.นครนายก
5.นราธิวาส (มีโครงการในอนาคต)
6.บึงกาฬ
7.ปัตตานี (มีโครงการในอนาคต)
8.อำนาจเจริญ
9.อุทัยธานี

'เทพบิว' คว้าเหรียญเงิน วิ่ง 100 เมตร ศึกกรีฑาเยาวชนโลก 2024

(29 ส.ค. 67) บิว ภูริพล บุญสอน นักกีฬากรีฑาทีมชาติไทย เข้าร่วมแข่งขัน วิ่ง 100 ม.ในการแข่งขัน ‘กรีฑาเยาวชนโลก’ WORLD ATHLETICS U20 CHAMPIONSHIP LIMA PERU ณ กรุงลิมา ประเทศเปรู รอบชิงชนะเลิศ โดยอยู่ในลู่วิ่งที่ 6

ผลการแข่งขัน บิว ภูริพล เข้าเส้นชัยเป็นลำดับที่ 2 สถิติ 10.22 วินาที คว้าเหรียญเงินมาครอง โดยเหรียญทองเป็นของ Bayanda Walaza จากประเทศแอฟริกาใต้ สถิติ 10.19 วินาที และเหรียญทองแดง เป็นของ Bradley Nkoana จากประเทศแอฟริกาใต้ สถิติ 10.26 วินาที

ร่วมส่งกำลังใจเชียร์ทัพกีฬากรีฑาทีมชาติไทย ในการแข่งขันกรีฑาเยาวชนโลก WORLD ATHLETICS U20 CHAMPIONSHIP LIMA PERU 27-31 สิงหาคม 2567 ณ กรุงลิมา ประเทศเปรู

คนไทยปลื้ม!! นักวิทยาศาสตร์ไทย คว้ารางวัลระดับนานาชาติจากประเทศคูเวต ผลงาน!! นวัตกรรมด้านการทำความสะอาดฆ่าเชื้อในรถบริการการแพทย์ฉุกเฉิน

(29 ส.ค. 67) จากเพจ 'Thailand FACT Today' ได้โพสต์ข้อความระบุว่า...

ล่าสุด นางสาวพรรัตน์ ไชยมงคล นักวิทยาศาสตร์ กรมวิทยาศาสตร์บริการ (วศ.) กระทรวง อว.

นำผลงาน 'นวัตกรรมผลิตภัณฑ์ด้านการทำความสะอาดฆ่าเชื้อในรถบริการการแพทย์ฉุกเฉิน'

เข้าร่วมประกวดผลงานนวัตกรรมในงาน International Exhibition of Inventions in the Middle East ณ ประเทศคูเวต ซึ่งจัดโดย Kuwait Science Club ในพระอุปถัมภ์ของเจ้าผู้ครองรัฐคูเวต 

และได้รับรางวัลระดับนานาชาติ เป็นผลงานการวิจัยและพัฒนาร่วมกับจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย สถาบันการแพทย์ฉุกเฉินแห่งชาติ และศูนย์ความเป็นเลิศด้านชีววิทยาศาสตร์

นวัตกรรมดังกล่าวใช้กระบวนการ Advanced Oxidation Process ในการฆ่าเชื้อโรคทั้งในพื้นผิวและอากาศภายในรถบริการการแพทย์ฉุกเฉิน

ประกอบด้วย 2 Model ได้แก่ Model สำหรับติดตั้งในสถานีรถพยาบาล จะใช้งานเมื่อรถพยาบาลออกไปให้บริการผู้ป่วยและกลับมาทำความสะอาดฆ่าเชื้อที่ Station และ Portable Model สำหรับติดตั้งในรถพยาบาลกรณีที่ไม่สามารถกลับเข้าทำความสะอาดที่สถานีได้ และมีประโยชน์อย่างยิ่งในสถานการณ์โรคระบาดรุนแรงและสถานการณ์ปกติ 

เพื่อให้เกิดความปลอดภัยแก่บุคลากรและผู้ป่วย ที่อาจสัมผัสเชื้อโรคได้ สำหรับตัวเครื่องใช้แบตเตอรีและสามารถชาร์จไฟจากรถพยาบาลได้

โดยทั้ง 2 Model ทำการฆ่าเชื้อแบบอัตโนมัติ สามารถสั่งงานผ่าน Remote หรือ Applications โดยไม่ต้องใช้คนเข้าไปทำความสะอาดฆ่าเชื้อ

ทั้งนี้ ผลงานฯ ดังกล่าว ได้ส่งมอบเพื่อนำร่องใช้งานจริงในรถบริการการแพทย์ฉุกเฉินใน 3 พื้นที่ ได้แก่ ปทุมธานี, แหลมฉบัง, ชลบุรี, สมุทรปราการ เพื่อลดความเสี่ยงในการติดเชื้อให้แก่เจ้าหน้าที่และผู้ป่วย และเป็นการร่วมผลักดันบูรณาการระหว่างองค์กรด้วยวิทยาศาสตร์ เทคโนโลยี วิจัยและนวัตกรรม เพื่อให้เกิดการพัฒนาต่อยอดระบบฆ่าเชื้อที่สามารถติดตั้งในรถบริการการแพทย์ฉุกเฉินและสามารถขยายการใช้งานนวัตกรรมทั่วประเทศต่อไป

ยูทูบเบอร์ด้านการบิน แฉยับ!! ช่างเครื่องบินเลวๆ หลอกนักบินไปตาย แทบช็อก!! หลังแกะเช็กทั้งลำ พบอุปกรณ์หมดอายุเสียหายเพียบ

(29 ส.ค. 67) จากผู้ใช้เฟซบุ๊ก 'Warat Laithong' หรือ 'วรัทย์ ไล้ทอง' ยูทูบเบอร์ด้านการบิน จากช่อง 'Flown By Prame' ได้ออกมาโพสต์เรื่องราวของช่างซ่อมเครื่องบิน ที่ซ่อมไม่ได้มาตรฐาน ระบุว่า...

ผมคิดอยู่นานว่าผมจะโพสต์เรื่องนี้ดีมั้ย โพสต์ไปจะสร้างปัญหาให้ใครรึเปล่า โพสต์ไปแล้วจะสร้างศัตรูเพิ่มรึเปล่า หรือ โพสต์ไปแล้วจะทำให้ชาตินี้อดขับเครื่องบินรึเปล่า นี่ยังไม่รวมถึงความเกรงใจต่อคนนั้นคนนี้อีกพอสมควร แต่สุดท้ายหลังจากคิดอยู่หลายรอบก็ได้คำตอบว่า มันทำกับเราขนาดนี้ จะเกรงใจทำไม อีกอย่างก็ควรโพสต์ให้เป็นอุทาหรณ์จะได้ไม่มีใครตายจากเครื่องบินตก เพราะอุปกรณ์มีปัญหาอีก

จริงๆ จุดเปลี่ยนที่ทำให้ตัดสินใจออกมาโพสต์ มันอยู่ที่ช่วงวันแม่ ที่ผมบินกลับไปอยู่กับแม่ที่เชียงราย ไปอยู่กับแม่ 3 วันก็ต้องกลับกรุงเทพ Flight เชียงราย-กรุงเทพ ของผมเป็น Flight ดึก ก่อนจะออกจากบ้านแม่เอากับข้าวที่ผมชอบใส่ถุงมาให้แล้วบอกว่า กลับไปถึงก็ดึกแล้ว เอาไปกิน เดี๋ยวหิว

เท่านั้นแหละ ผมเลยคิดได้ว่า แม่กูรักกูขนาดนี้ กูซื้อเครื่องบินมาเพราะอยากบินปลอดภัยให้แม่สบายใจ แล้วพวกมึงเป็นใคร มาหลอกกูให้ขับเครื่องบินไปตาย พอคิดได้แบบนั้น ก็ตัดสินใจได้ว่า ไม่ต้องสนใจหน้าไหนอีกแล้ว แฉให้มันไม่มีที่ยืนในสังคมเลยละกัน 

Important Note: เรื่องราวที่จะเขียนต่อจากนี้ ไม่เกี่ยวกับทีมช่างบางพระ ย้ำว่า ไม่เกี่ยวกับทีมช่างบางพระ ขอถือโอกาสนี้ขอบคุณทีมช่างบางพระ เพราะถ้าไม่มีช่างบางพระผมอาจจะตายไปแล้วก็ได้ 

ผมซื้อเครื่องบินลำนี้มาเมื่อ 2 ปีก่อน เครื่องบินลำนี้ ชื่อรุ่น Commander 114 ทะเบียน HS-AWS เป็นทะเบียนเดิมที่ติดมากับเครื่อง เครื่องลำนี้ถูกบูรณะอยู่ 2 ปี เพื่อส่งมอบกับผม เท่าที่ผมทราบ ระหว่าง 2 ปีนั้น มีการเปลี่ยนทีมช่างไป 3 ชุด 21 เมษายน 2567 ช่างชุดสุดท้ายที่ทำเครื่อง แจ้งกับเราว่า เครื่องบินพร้อมบินแล้ว ให้ไปเทสและตรวจรับได้ พร้อมกับแจ้งว่า เครื่องบินได้รับ 'ใบสมควรเดินอากาศ' เรียบร้อยแล้ว การมีใบสมควรเดินอากาศ ทำให้เรามั่นใจมากว่าเครื่องบินอยู่ในสภาพที่ดี 

ในระหว่างเทส Flight ซึ่งผมก็ขึ้นไปร่วมเทส ก็เจอปัญหาหลายอย่าง แต่ที่หนักสุดคือ รอบใบพัด Overspeed เครื่องรุ่นนี้ รอบใบพัดมัน Maximum ที่ 2,700 RPM แต่ตอนเทส ในจังหวะที่ Low Pass รอบวิ่งทะลุ 2,700 รอบ ขึ้นไปถึง 3,000 รอบ พอลงมาแจ้งช่างที่ทำ เค้ากลับตอบว่า ไหนบอกอยากได้แรงๆ แล้วก็แก้ให้แบบถูๆ ไถๆ ดีขึ้นแต่ไม่ได้หายขาด ยังพบอาการรอบแกว่งอยู่บ้างเรื่อยๆ 

ผมกับเพื่อนบินเครื่องลำนี้ ไปๆ มาๆ อยู่ประมาณ 15 ชั่วโมง ก็มีโอกาสได้ขับไปบางพระ ซึ่งนั่นทำให้เราเจอว่า Governor ที่ใช้คุมรอบใบพัด ถูกติดตั้งผิดมาตั้งแต่ต้น และนั่นคือสาเหตุที่ทำให้รอบใบพัดไม่เคยนิ่ง

ประเด็นคือ ช่างบางพระมองแค่แวบเดียวก็พบความผิดปกติทันที และชี้ให้เราดู พร้อมเอาหลักฐานเป็นคู่มือเครื่องบินมายืนยัน ว่ามันติดตั้งผิดจริงๆ 

ทีนี้เราเลยกังวลว่ามันจะมีอะไรหมกเม็ดอีกรึเปล่า เราเลยรบกวนให้ช่างบางพระแกะเช็กทั้งลำ เท่านั้นแหละ ความเลวของไอ้พวกนั้นก็ถูกเปิดเผยออกมาหมด 

ตัวอย่างบางส่วน:

- ฟองน้ำกรองอากาศหมดอายุ เป็นรูขนาดใหญ่ และ ไม่ใช่อะไหล่แท้ 
- ท่อน้ำมันเชื้อเพลิงหมดอายุ กรอบ มีรอยปริ
- ท่ออากาศหมดอายุ ฉีกขาด 
- ยางรองแท่นเครื่องหมดอายุ จนแข็งเหมือนก้อนหิน หดตัว ไม่สามารถรับแรงกระแทกของเครื่องยนต์
- มีรอยสนิมเกิดขึ้นที่ปีก
- สาย Sling ที่ใช้บังคับเครื่องบินแห้งกรัง ไม่ถูกถอดออกมาชโลมน้ำมันหล่อลื่น
- Oil Cooler ไม่ได้รับการ Flush ล้าง 
- พบรังนกใน Airframe รวมกันกว่า 3 กระสอบ 
- และเหี้ยสุด คือ พบไขควงลืมไว้ในห้องเครื่องยนต์ 

ถามว่าช่างเครื่องบินที่ติดตั้ง Governor ไม่ได้อ่านคู่มือเหรอ ถึงติดตั้งผิดได้ขนาดนั้น รวมถึงช่างคนที่ลง Log Book ว่าทำ Annual 100H แล้ว ทำไมถึงปล่อยให้ของหมดอายุพวกนี้อยู่ในเครื่องบินได้ คือมันไม่ต้องใช้ความสามารถอะไรเลย แค่เปิดก็เห็นทันที การที่มันไม่ถูกเปลี่ยน มีเหตุผลข้อเดียวเลย คือ ตั้งใจไม่เปลี่ยน ซึ่งการทำแบบนี้ เป็นการหลอกให้นักบิน ขับเครื่องที่อันตรายอย่างร้ายแรง มันไม่ต่างจากการหลอกให้คนไปตาย 

ช่างทุกคนที่มีส่วนในความผิดพลาดของการซ่อมเครื่องบินลำนี้ ผมแนะนำให้รีบออกมาสารภาพ ยอมรับความผิด และเตรียมตัวเข้าสู่กระบวนการทางกฎหมาย เพราะเรื่องนี้ ทางพวกเราได้ปรึกษากันแล้วว่าจะไม่มีการไกล่เกลี่ยและไม่ขอรับการชดเชยใดๆทั้งสิ้น

สุดท้ายนี้ ผมทราบดีว่ามีเพื่อนนักบินอีกหลายคนที่ได้เจอเรื่องราวของช่างเลวๆ แบบนี้ ผมขอให้ทุกคนช่วยกันออกมาแชร์ เพื่อให้สังคมนักบินได้ตื่นตัวและรับรู้ถึงความชั่วช้าของคนกลุ่มนี้

ผม เก้า Sorasit Zheng บูม Chikka Boom และจริงๆ ต้องมีครูฝาย Pudit Supawatanakul ด้วย ในฐานะนักบินประจำเครื่อง คือคนที่พบความเสี่ยงระดับสูงมากจากช่างกลุ่มนี้ ขออนุญาตเก้ากับบูมแล้ว ว่าจะนำเรื่องนี้มาเผยแพร่

'ภูมิธรรม' เคาะ!! 68 มาตรการ คุมเข้มนำเข้าสินค้าและบริการไม่ได้มาตรฐานและผิดกฎหมายจากต่างประเทศ พร้อมปรับกฎระเบียบรองรับการเปลี่ยนแปลงของโลก

ปัญหานำเข้าสินค้าและบริการที่ไม่ได้มาตรฐาน และผิดกฎหมายจากต่างประเทศ ยังคงสร้างปัญหาให้กับผู้ผลิตผู้ประกอบการ ตลอดจนถึงผู้บริโภคชาวไทย หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง อาทิ กรมการค้าต่างประเทศ กระทรวงพาณิชย์ กรมศุลกากร กรมสรรพากร กระทรวงการคลัง สำนักงานมาตรฐานผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรม กระทรวงอุตสาหกรรม สำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา (อย.) ฯลฯ ต้องเร่งระดมสรรพกำลังเพื่อแก้ปัญหาอย่างเร่งด่วน เนื่องจากส่งผลกระทบต่อประชาชนและผู้ประกอบการเป็นจำนวนมาก 

มติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ 13 สิงหาคม 2567 ได้ให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง กำหนดมาตรการ/แนวทางในการแก้ไขปัญหาและปกป้องผลประโยชน์ของผู้ผลิตและผู้ประกอบการในทุกมิติ เช่น ตรวจสอบความถูกต้องของการจดทะเบียนการค้าและใบอนุญาตต่างๆ ในการดำเนินธุรกิจของต่างชาติ ตรวจสอบคุณภาพสินค้าจากต่างประเทศให้เป็นไปตามมาตรฐานได้รับการรับรองจากหน่วยงานของไทย ตรวจสอบใบอนุญาตนำเข้าสินค้าจากต่างประเทศ และการชำระอากรขาเข้าของผู้ประกอบการต่างชาติ และตรวจสอบความถูกต้องของการได้รับใบอนุญาตประกอบกิจการโรงงาน (รง.4) ควบคู่ไปกับการสร้างภูมิคุ้มกันและเพิ่มความสามารถในการแข่งขันให้กับผู้ประกอบการไทย

ทั้งนี้ เมื่อวันที่ 28 สิงหาคม นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ ได้เรียกประชุม 28 หน่วยงาน อย่างเป็นทางการเป็นครั้งแรก เพื่อหารือถึงมาตรการแก้ปัญหาการนำเข้าและจัดจำหน่ายสินค้าไม่ได้มาตรฐานและราคาต่ำจากต่างประเทศ เพื่อแก้ปัญหาสินค้านำเข้าสู่ตลาดที่ไม่ได้มาตรฐานและราคาต่ำ ในการป้องกันและกำกับดูแลทั้งสินค้าและธุรกิจที่ไม่ถูกต้องตามกฎหมายควบคู่กับการเพิ่มความสามารถในการแข่งขันให้กับผู้ประกอบการ SMEs และ e-Commerce ไทยปรับตัวได้ในโลกการค้ายุคใหม่ โดยการหารือดังกล่าว เป็นการติดตามการดำเนินการของหน่วยงานภาครัฐตามมติ ครม.ที่ให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง กำหนดมาตรการ แนวทางในการแก้ไขปัญหาและปกป้องผลประโยชน์ของผู้ผลิตและผู้ประกอบการ 

นายภูมิธรรม ระบุว่า ที่ประชุมได้หารือและมีข้อสรุปร่วมกันสำหรับมาตรการที่หน่วยงานรัฐต้องดำเนินการ 5 มาตรการหลัก แยกเป็นมาตรการเร่งด่วนที่ต้องดำเนินการทันที และมาตรการยั่งยืน รวม 63 มาตรการย่อย ดังนี้...

1. ให้หน่วยงานบังคับใช้ระเบียบ กฎหมายอย่างเข้มข้น โดยบูรณาการตรวจเข้มสินค้า ณ ด่านศุลกากร ทั้งในส่วนของการสำแดงพิกัดสินค้า การชำระภาษีมูลค่าเพิ่ม การตรวจมาตรฐานผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรม (มอก.) และใบอนุญาตจากสำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา (อย.) การเพิ่มอัตราการเปิดตู้สินค้า (Full Container Load) เพิ่มความถี่ในการตรวจสอบของ Cyber Team ตรวจสอบสินค้ามาตรฐานจำหน่ายออนไลน์ในส่วนการประกอบธุรกิจ มีมาตรการเชิงรุกตรวจสอบผู้ประกอบการ ผู้ให้บริการ ให้ปฏิบัติตามกฎหมายไทย การป้องปรามการกระทำอันมีลักษณะเป็นนอมินี โดยให้ผู้เป็นหุ้นส่วนหรือผู้ถือหุ้นคนไทยต้องส่งเอกสารที่ธนาคารออกให้เพื่อรับรองหรือแสดงฐานะการเงิน พร้อมกับการขอจดทะเบียนจัดตั้งห้างหุ้นส่วนหรือบริษัทจำกัด

2. ปรับปรุงแก้ไขกฎระเบียบให้สอดคล้องกับการค้าอนาคต ซึ่งสำนักงานพัฒนาธุรกรรมทางอิเล็กทรอนิกส์ (สพธอ.) อยู่ระหว่างจัดทำประกาศให้ผู้ประกอบธุรกิจแพลตฟอร์มต่างประเทศที่มีคุณสมบัติตามกำหนด "ต้องจดทะเบียนนิติบุคคล โดยให้มีสำนักงานในไทย" พร้อมให้มีข้อกำหนดเพิ่มเติมเพื่อให้เกิดการแข่งขันที่เป็นธรรมและคุ้มครองผู้บริโภคไทย นอกจากนี้ สำนักงานมาตรฐานผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรมจะเร่งเพิ่มจำนวนรายการสินค้าควบคุมภายใต้มาตรฐานบังคับ ครอบคลุมรายการสินค้าให้มากที่สุดไปด้วยอีกทางหนึ่ง

3. มาตรการภาษี โดยกรมสรรพากรอยู่ระหว่างปรับปรุงประมวลรัษฎากรสำหรับการกำหนดให้ผู้ขายสินค้าออนไลน์จากต่างประเทศ และแพลตฟอร์มซื้อขายสินค้าออนไลน์ ที่จำหน่ายสินค้าในไทย ต้องจดทะเบียนภาษีมูลค่าเพิ่มกับกรมสรรพากร ขณะเดียวกัน กรมการค้าต่างประเทศเตรียมการจัดอบรมให้ความรู้เชิงเทคนิคกับภาคเอกชนกลุ่มอุตสาหกรรมที่ได้รับผลกระทบ

4. มาตรการช่วยเหลือ SMEs ไทย โดยได้มอบหมายให้ทุกหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เช่น ทุกหน่วยงานในกระทรวงพาณิชย์ กรมส่งเสริมอุตสาหกรรม, สำนักงานส่งเสริมวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม (สสว.) กระทรวงอุตสาหกรรม, กรมพัฒนาชุมชน กระทรวงมหาดไทย, สำนักงานพัฒนาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งชาติ (สวทช.) และสำนักงานนวัตกรรมแห่งชาติ (NIA) กระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม เป็นต้น เร่งพัฒนาศักยภาพการผลิตสินค้า และการประกอบธุรกิจให้กับผู้ประกอบการ SMEs ไทย เพื่อให้แข่งขันได้ในยุคการค้าโลกใหม่ โดยเฉพาะการส่งเสริมผู้ประกอบการไทยให้สามารถขยายการส่งออกผ่าน 9 แพลตฟอร์ม e-Commerce พันธมิตรในประเทศเป้าหมาย

5. สร้าง/ต่อยอดความร่วมมือกับประเทศคู่ค้าเพิ่มขึ้น เช่น ประเทศจีน ญี่ปุ่น เกาหลี เพื่อส่งเสริมการค้าผ่านช่องทางตลาด e-Commerce ให้เป็นอีกช่องทางในการผลักดันสินค้าไทยผ่าน e-Commerce ไปตลาดต่างประเทศให้ผู้ประกอบการไทย รวมถึงส่งเสริมให้ไทยเป็นศูนย์กลางรวบรวมและกระจายสินค้าสำหรับพาณิชย์อิเล็กทรอนิกส์ในระดับภูมิภาค

นายภูมิธรรม กล่าวด้วยว่า ขณะนี้ได้ตั้งศูนย์เฉพาะกิจป้องกันและปราบปรามสินค้าและธุรกิจฝ่าฝืนกฎหมาย โดยปลัดกระทรวงพาณิชย์เป็นประธานรับรายงานทุกสัปดาห์ โดยจะประชุมร่วมกันทุก 2 สัปดาห์ หากมีความจำเป็นก็จะทำงานให้เข้มข้นขึ้น อย่างไรก็ตาม ย้ำว่า สินค้าที่จะจำหน่ายในไทยต้องมีคุณภาพ ถูกกฎหมาย ไม่สร้างความเสียหายให้กับประเทศ และเป็นไปตามมาตรฐานสากล และจะตรวจให้เข้มข้นขึ้น ถ้ามีปัญหาอาจเพิ่มความถี่ในการเปิดตู้

ขณะเดียวกัน  เนื่องจากโลกเปลี่ยนแปลงเร็วมาก กฎ ระเบียบที่มีอยู่ แม้จะมีผลบังคับใช้ แต่ก็ต้องมีการ ทบทวนปรับกฎระเบียบเพิ่มเติม เพื่อรักษาผลประโยชน์ประเทศอย่างเต็มที่ ทั้งนี้ มาตรการแนวทางที่จะออกมา จะไม่ถือเป็นการกีดกันทางการค้า แต่จะคำนึงถึงความตกลงทางการค้าและความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ พร้อมกับรักษาผลประโยชน์ของอุตสาหกรรม และธุรกิจทุกฝ่ายอย่างสมดุลสนับสนุนและพัฒนาผู้ประกอบการไทยให้สามารถปรับตัวและแข่งขันได้ในโลกการค้ายุคใหม่ ซึ่งทุกประเทศมีกลไกดูแลสินค้าผู้ประกอบการในประเทศของตัวเอง

“จากปัญหาความห่วงใยของพี่น้องประชาชนและผู้ประกอบการธุรกิจรายย่อยและผู้ประกอบการบนแพลตฟอร์ม ที่มีความกังวลในสินค้าจากต่างประเทศที่เข้ามา ทั้งปัญหาที่ไม่ได้มาตรฐานหรือผิดกฎหมาย ครม.ได้มอบหมายให้ผมเป็นประธานในการประชุมแก้ไขปัญหา และให้รายงานคณะรัฐมนตรีภายในสิ้นเดือนสิงหาคม ผมย้ำว่าสินค้าที่จะจำหน่ายในไทยต้องมีคุณภาพ ถูกกฎหมาย ไม่สร้างความเสียหายให้กับประเทศ และเป็นไปตามมาตรฐานสากล โดยจะดำเนินการไปพร้อมกับรักษาผลประโยชน์ของอุตสาหกรรม และธุรกิจทุกฝ่ายอย่างสมดุลสนับสนุนและพัฒนาผู้ประกอบการไทยให้สามารถปรับตัวและแข่งขันได้ในโลกการค้ายุคใหม่ ซึ่งทุกประเทศมีกลไกดูแลสินค้าผู้ประกอบการในประเทศของตัวเอง” รมว.พาณิชย์ กล่าว 

ส่วนแพลตฟอร์ม TEMU ซึ่งตั้งสำนักงานอยู่ที่สิงคโปร์ นายภูมิธรรม กล่าวว่า กระทรวงพาณิชย์ ได้หารือกับเอกอัคราชฑูตประเทศจีนแล้ว โดยทางเอกอัคราชฑูต รับทราบถึงข้อกังวลดังกล่าว และจะพยายามให้ทาง TEMU เข้ามาจดทะเบียนตั้งบริษัท และสำนักงานในประเทศไทย ซึ่งหากไม่ดำเนินการรัฐบาลไทยจำเป็นต้องใช้กฎหมายบังคับต่อไป

'จีน' ยืนยัน!! 'โรงไฟฟ้าพลังน้ำจิ่งหง' ไม่ได้ระบายน้ำจนกระทบไทย ย้ำ!! เคารพและเอาใจใส่ผลประโยชน์ประเทศในลุ่มแม่น้ำอย่างเต็มที่

(28 ส.ค.67) จากเฟซบุ๊กเพจ 'Chinese Embassy Bangkok สถานเอกอัครราชทูตสาธารณรัฐประชาชนจีนประจำประเทศไทย' ได้เผยข้อความ ระบุว่า...

โฆษกสถานเอกอัครราชทูตจีน ได้ออกแถลงว่า สถานการณ์อุทกภัยในไทยพื้นที่หลายแห่งในภาคเหนือและภาคตะวันออกเฉียงเหนือของประเทศไทยได้เกิดน้ำท่วม ฝ่ายจีนมีความกังวลอย่างมากในเรื่องนี้  

เบื้องต้นกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องของจีน พบว่า สภาพน้ำของแม่น้ำในประเทศจีนได้อยู่ในภาวะปกติในเมื่อเร็ว ๆ นี้ และอ่างเก็บน้ำที่เกี่ยวข้องของแม่น้ำล้านช้างได้อยู่ในสถานะกักเก็บน้ำ ตั้งแต่วันที่ 18 ถึง 25 สิงหาคม 

ปริมาณการไหลออกเฉลี่ยต่อวันของสถานีไฟฟ้าพลังน้ำจิ่งหง ได้ลดลง 60% เมื่อเทียบกับเดือนสิงหาคมของปีก่อนหน้า และไม่ได้มีการดำเนินการระบายน้ำ 6 ประเทศในลุ่มแม่น้ำล้านช้างเป็นประชาคมที่มีอนาคตร่วมกัน ซึ่งเชื่อมต่อกันด้วยภูเขาและแม่น้ำ

ฝ่ายจีนเคารพและเอาใจใส่ผลประโยชน์ และข้อกังวลของประเทศในลุ่มแม่น้ำอย่างเต็มที่ จีนยินดีส่งเสริมการแบ่งปัน และความร่วมมือในด้านข้อมูลทรัพยากรน้ำ เสริมสร้างศักยภาพในการจัดการแบบบูรณาการในลุ่มแม่น้ำ และร่วมกันรับมือกับการเปลี่ยนแปลงภูมิอากาศ ภัยพิบัติน้ำท่วม และความท้าทายอื่น ๆ เป็นต้น

นราธิวาส-แม่ทัพภาคที่ 4 เป็นประธานพิธีเปิดกิจกรรมตามโครงการ 'แว่นตาเฉลิมพระเกียรติ สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง'

(28 ส.ค.67) เวลา 10.30 น. ณ สโมสรนายทหารสัญญาบัตร กรมทหารราบที่ 151 ค่ายกัลยาณิวัฒนา อำเภอเมือง จังหวัดนราธิวาส พลโท ศานติ ศกุนตนาค แม่ทัพภาคที่ 4 / ผู้อำนวยการรักษาความมั่นคงภายในภาค 4 เป็นประธานพิธีเปิดกิจกรรม ตามโครงการ 'แว่นตาเฉลิมพระเกียรติ สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง' พร้อมด้วย คุณกรีชา เกิดศรีพันธุ์ กรรมการบริษัท ห้างแว่นท็อปเจริญ, นายบุญส่ง ไตรภูธร ผู้จัดการฝ่ายกิจกรรมพิเศษห้างแว่นท็อปเจริญ, นายณัฏฐ์พัชร์ ธรรมศักดิ์ ผู้ประสานงานโครงการฯ, คุณกาญจนา เกิดศรีพันธุ์ กรรมการบริษัท ห้างแว่นท็อปเจริญ และ พลตรี เฉลิมพร ขำเขียว ผู้บัญชาการกองพลทหารราบที่ 15 / ผู้อำนวยการศูนย์ประสานงานโครงการอันเนื่องมาจากพระราชดำริ จัดพิธีมอบแว่นสายตาให้กับพี่น้องสมาชิกโครงการศิลปาชีพที่ประสบปัญหาสายตาและการมองเห็น และได้รับผลกระทบจากสถานการณ์ความไม่สงบในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ ซึ่งอยู่ในความรับผิดชอบของศูนย์ประสานงานโครงการอันเนื่องมาจากพระราชดำริ โดยมี หัวหน้าส่วนราชการ ทหาร ตำรวจ ละพี่น้องสมาชิกศิลปาชีพที่เข้าร่วมคัดกรองตรวจวัดสายตา ประกอบแว่นในโครงการดังกล่าวให้การต้อนรับ

โอกาสนี้ แม่ทัพภาคที่ 4 / ผู้อำนวยการรักษาความมั่นคงภายในภาค 4 กล่าวว่า "โครงการนี้เกิดขึ้นเนื่องจากความห่วงใยพี่น้องประชาชนโครงการศิลปาชีพในความดูแลของผู้อำนวยการศูนย์ประสานงานโครงการอันเนื่องมาจากพระราชดำริ เพื่อเฉลิมพระเกียรติสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง ในปี 2566 – 2570 ห้างแว่นท็อปเจริญ จะให้บริการตรวจวัดสายตาประกอบแว่นและมอบแว่นฟรีให้กับพี่น้องประชาชนตามโครงการ แว่นตาเพื่อพี่น้อง 3 จังหวัดชายแดนใต้ ปีละ 2,000 อัน รวมทั้งสิ้น จำนวน 10,000 อัน โดยในปีงบประมาณ 2566 - 2567 ได้จัดกิจกรรมในพื้นที่จังหวัดยะลา ปัตตานี นราธิวาส สงขลา มีประชาชนได้รับแว่นสายตาแล้วจำนวน 3,128 คน ในนามของกองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในภาค 4 ส่วนหน้า และพี่น้องประชาชนทุกคนที่ได้รับมอบแว่นตาในวันนี้ ต้องขอขอบคุณบริษัท ร่วมเจริญพัฒนา จำกัด (มหาชน) และทุกภาคส่วน ที่ได้จัดทำโครงการ ส่งผลให้ประชาชนมีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น ส่งเสริมให้พี่น้องประชาชนใช้ชีวิตได้สะดวกและมีความสุขมากยิ่งขึ้น    

สำหรับกิจกรรมภายในงานยังจัดให้บริการตรวจสุขภาพเบื้องต้น พร้อมสั่งจ่ายยารักษาตามอาการแก่ประชาชนฟรีจากเจ้าหน้าที่ทางการแพทย์ของศูนย์ประสานการแพทย์จังหวัดชายแดนภาคใต้ และจัดให้บริการตัดผมบุรุษฟรี จากกองร้อยทหารพรานที่ 4612 ในโครงการเกศาสานใจ เพื่อแบ่งเบาภาระค่าใช้จ่าย สร้างความสุข เติมพลังใจแก่ประชาชนที่เข้ารับบริการ

'บิ๊กราญ' รอง ผอ.ศอ.ปส.ตร. เปิดการอบรมเชิงสัมมนา ด้านการปราบปรามยาเสพติด รับฟังเสียงสะท้อนจากคนทำงาน เพื่อเพิ่มประสิทธิผล ประชาชนอุ่นใจ ตามนโยบายรัฐบาล

(28 ส.ค. 67) พล.ต.ท.สำราญ นวลมา ผู้ช่วย ผบ.ตร./รอง ผอ.ศอ.ปส.ตร. พร้อมด้วย พล.ต.ท.ภาณุรัตน์ หลักบุญ เลขาธิการ ป.ป.ส., พล.ต.ท.คีรีศักดิ์ ตันตินวะชัย ผบช.ปส. ร่วมเปิดโครงการอบรม เชิงสัมมนาเรื่องมุมมองและเสียงสะท้อนจากผู้ปฏิบัติงานป้องกันปราบปรามยาเสพติด เพื่อเพิ่มประสิทธิผล ด้านความสงบสุขของประชาชนตามนโยบายรัฐบาล โดยมีเจ้าหน้าที่ตำรวจผู้ปฏิบัติงานด้านยาเสพติด ในสังกัด บช.ปส., บช.น., ภ. 1 – 9, สำนักงานยุทธศาสตร์ตำรวจ , สำนักงานกำลังพล, สำนักงานงบประมาณและการเงิน, ศูนย์อำนวยการป้องกันและปราบปรามยาเสพติดสำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ศอ.ปส.ตร.), ศอ.ปส.ภ.1 -9, น. และผู้สังเกตการณ์ เข้าร่วมทั้งสิ้น 175 คน โดยมีระยะเวลาอบรม ตั้งแต่วันที่ 28 – 30 สิงหาคม 2567 ณ ห้องประชุมฟีนิกซ์ ศูนย์ประชุมเอ็กซิบิชั่น เมืองทองธานี อำเภอปากเกร็ด จังหวัดนนทบุรี ทั้งนี้ ได้รับการสนับสนุนงบประมาณการสัมมนา จาก สำงาน ป.ป.ส. เป็นเงินจำนวน 1,810,700 บาท

การจัดสัมมนาในครั้งนี้เกิดมาจากสภาพปัญหาสังคมอันเกิดจากการใช้สารเสพติด และปัญหาอาชญากรรมที่เป็นผลโดยตรงจากยาเสพติดได้ทวีความรุนแรงจนส่งผลกระทบต่อการดำเนินชีวิตและความปลอดภัยของประชาชน เพื่อรับมือกับปัญหาดังกล่าว คณะรัฐมนตรีได้มีมติเมื่อวันที่ 2 กรกฎาคม 2567 เห็นชอบตามที่ นายกรัฐมนตรีเสนอ ให้การแก้ไขปัญหายาเสพติดเป็นนโยบายเร่งด่วน และสำคัญของรัฐบาล โดยได้มอบนโยบายเร่งรัดการป้องกันและปราบปรามในด้านต่าง ๆ เพื่อให้สามารถลดความเดือดร้อนของประชาชนจากปัญหายาเสพติด ได้อย่างมีประสิทธิภาพ และอยู่ในระดับที่ประชาชนเกิดความพึงพอใจ ซึ่งการป้องกันปราบปรามยาเสพติดในมิติที่ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ รับผิดชอบนั้น เมื่อพิจารณาจากเกณฑ์การผ่านตัวชี้วัดในด้านต่าง ๆ อาจถือว่าประสบความสำเร็จตามเป้าประสงค์ อย่างไรก็ตามทุกความสำเร็จ ทุกกระบวนงานที่ขับเคลื่อน และจากการทำงานของเจ้าหน้าที่ตำรวจ ที่ได้ทุ่มเทกำลังแรงกายทั้งหมดที่มีในการลงพื้นที่ชุมชน/หมู่บ้าน อย่างหนัก เพื่อเสาะแสวงหาข้อมูล และความร่วมมือของประชาชน ผู้นำชุมชน เพื่อให้ได้มาซึ่งข้อมูลผู้เสพ และผู้ค้ารายย่อยในชุมชน จนนำมาซึ่งการป้องกันและการปราบปรามยาเสพติดในพื้นที่ แต่ยังคงไม่สามารถลดสภาพปัญหาการแพร่ระบาดของยาเสพติด และเพิ่มความพึงพอใจของประชาชนได้อย่างมีนัยสำคัญทางสถิติ ด้วยเหตุนี้ ทิศทางการดำเนินการในไตรมาสสุดท้าย ซึ่งอาจเป็นจุดเปลี่ยนสำคัญของแผนปฏิบัติการด้านยาเสพติดของ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ จึงอยากรับฟังมุมมอง และเสียงสะท้อนจากเจ้าหน้าที่ผู้ปฏิบัติงานด้านการป้องกันปราบปรามยาเสพติด ที่อยู่ในพื้นที่โดยตรง เพื่อนำข้อมูล และข้อเสนอแนะมาใช้ในการปรับปรุงเป้าหมายตัวชี้วัด และผลสัมฤทธิ์ในช่วงเวลาสำคัญที่เหลืออยู่ เพื่อเพิ่มประสิทธิผลด้านความสงบสุขของประชาชนตามนโยบายรัฐบาลและใช้เป็นแนวทางในการปรับปรุงแผนปฏิบัติงาน   ด้านยาเสพติด ในปีงบประมาณ พ.ศ.2568 ต่อไป โดยการสัมมนามีการอภิปรายเรื่องการนำนโยบายของรัฐบาลมาสู่การปฏิบัติด้านการป้องกันและปราบปรามยาเสพติด , การสนับสนุนการทำงานด้านการป้องกันปราบปรามยาเสพติดให้แก่เจ้าหน้าที่ตำรวจ นอกจากนี้ยังมีการปฏิบัติ

โดยแบ่งกลุ่มสัมมนา (Workshop) ในหัวข้อ ต่าง ๆ อาทิ สรุปประเด็นปัญหา อุปสรรคที่เกิดจากการปฏิบัติงานแนวทางแก้ไข และข้อเสนอแนะการเพิ่มประสิทธิภาพงานในส่วนของเจ้าหน้าที่ตำรวจอย่างเร่งด่วน, แนวทางการเพิ่มความพึงพอใจของประชาชน และเครื่องมือวัดผลที่ควรนำมาใช้ในปีงบประมาณ พ.ศ. 2568, แนวทางและเกณฑ์ด้านการสืบสวนปราบปราม และสอบสวนที่ควรกำหนดในแผน และตัวชี้วัดของงานยาเสพติด ในปีงบประมาณ พ.ศ.๒๕๖๘ และข้อเสนอแนะที่สามารถนำมาใช้ในการปฏิบัติงาน ได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น หรือสามารถเปลี่ยนแปลงผลสำเร็จของงานได้อย่างสิ้นเชิง เพื่อผู้ปฏิบัติสามารถนำสิ่งที่ได้อบรมไปใช้ลดปัญหาอุปสรรค และประสิทธิภาพในการป้องกันและปราบปรามยาเสพติด ในทุกมิติ และอาจส่งผลต่อการลดสภาพปัญหาการแพร่ระบาดของยาเสพติด เพิ่มความรู้สึกพึงพอใจของประชาชน ลดจำนวนผู้เสพยาเสพติด และผู้มีอาการทางจิตประสาทจากฤทธิ์ยาเสพติด ทั้งในมิติด้านการค้นหาการนำส่งการสนับสนุนงานด้านการบำบัดรักษา และการบูรณาการกับหน่วยงานภาคีและภาคเอกชน ให้ปัญหาอยู่ในระดับที่ประชาชนยอมรับได้ และสิ่งที่สำคัญคือการเพิ่มความอุ่นใจปลอดภัยให้กับประชาชนในพื้นที่ต่อไป

สมุทรปราการ-”นันทิดา” เปิด สกายวอล์ค ทางเดินลอยฟ้า รำลึก!! “ชนม์สวัสดิ์” ผู้ก่อตั้งสกายวอล์ค

(28 ส.ค. 67) นางสาวนันทิดา แก้วบัวสาย นายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดสมุทรปราการ พร้อมด้วย นางประภาพร อัศวเหม นายกเทศมนตรีนครสมุทรปราการ นำคณะผู้บริหาร สมาชิกสภา หัวหน้าส่วนราชการ ร่วมเปิด สกายวอล์คทางเดินลอยฟ้า ภายใต้การผลักดันและให้การสนับสนุนริเริ่มก่อสร้างโครงการแห่งนี้ของนายชนม์สวัสดิ์ อัศวเหม อดีตประธานหอการค้าจังหวัดสมุทรปราการ

โดยทางด้าน นางสาวนันทิดา แก้วบัวสาย นายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดสมุทรปราการ ถือฤกษ์ดี วันที่ 28 สิงหาคม 2567 เวลา 9.28 น. ซึ่งถือว่าเป็นเลขมงคลของ นายชนม์สวัสดิ์ อัศวเหม อดีตประธานหอการค้าจังหวัดสมุทรปราการ อีกทั้ง เพื่อเป็นการรำลึกถึงนายชนม์สวัสดิ์ อัศวเหม ผู้ริเริ่มก่อสร้างโครงการสกายวอล์คและด้วยหัวใจที่มุ่งมั่นเพื่อพี่น้องประชาชนคนสมุทรปราการ องค์การบริหารส่วนจังหวัดสมุทรปราการจึงได้ทำการเปิดสกายวอล์คทางเดินลอยฟ้าเพื่อคนสมุทรปราการในวันนี้ตามคำมั่นสัญญาที่ให้ไว้

โดยทางด้าน นางสาวนันทิดา แก้วบัวสาย นายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดสมุทรปราการ กล่าวว่า สกายวอล์คแห่งนี้มีความสะดวกของทางเดินลอยฟ้า เชื่อม BTS ปากน้ำ ลงจากรถไฟฟ้าเดินต่ออีกนิดก็สามารถเข้าถึงสถานที่ราชการได้หลายแห่ง แถมยังสามารถเดินทะลุไปจนถึง "หอชมเมืองฯ" แบบไม่ร้อนไม่เปียก มีเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยคอยดูแลความปลอดภัยและให้บริการกับประชาชน โดยจะมีแผนที่ทางเดินสกายวอล์คและจุด ขึ้น-ลง ต่างๆ ที่เชื่อมต่อจาก BTS สถานีปากน้ำ (E19) ฝั่งทางออกที่ 6 ศาลากลาง เปิด-ปิด เวลา 05.00 - 01.00 น.

หมายเลข 1 : จุดขึ้น-ลงบันได ตรงข้ามสำนักงานป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยจังหวัดสมุทรปราการ ชมวิวริมเขื่อนศาลากลางจังหวัดฯ หรือติดต่อส่วนราชการได้ ทั้งสำนักงานตรวจคนเข้าเมืองฯ และเทศบาลนครสมุทรปราการ (อาคารใหม่กำลังก่อสร้าง) หรือเดินอีกนิดก็ถึง ที่ว่าการอำเภอเมืองสมุทรปราการ, ศาลากลางจังหวัด, อบจ.สมุทรปราการ, ศาลาประชาคม (มี สนง.พัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ และ สนง.วัฒนธรรมจังหวัด ตั้งอยู่ภายในอาคาร)

หมายเลข 2 : จุดขึ้น-ลงมีลิฟท์สำหรับวีลแชร์ และบันไดเดินขึ้นลง ใต้ร่มเงาต้นไม้ใหญ่ติดกับ "วิหารพระพุทธชินราชมงคลปราการ" อยู่ใกล้กับสรรพสามิตจังหวัดสมุทรปราการ ถ.สุทธิภิรมย์ ถัดไปยังมีไปรษณีย์ไทยอยู่ถัดไปอีก โดยจุดนี้มีห้องสุขาสำหรับผู้ใช้วีลแชร์หรือคนพิการโดยจะอยู่ติดกับลิฟท์ด้านบน

หมายเลข 3 : จุดขึ้น-ลงแบบบันไดเลื่อน สะดวกสบาย พร้อมลิฟท์โดยสารสำหรับวีลแชร์ ถ.ประโคนชัย ฝั่งเดียวกับ ศาลากลางฯ ที่อยู่ใกล้ป้ายรถประจำทาง ตรงข้ามสำนักงานที่ดินจังหวัดสมุทรปราการ เดินอีกนิดก็ถึงสถานีตำรวจภูธรจังหวัดสมุทรปราการ

หมายเลข 4 : จุดขึ้น-ลงบันได ด้านหน้า ถ.ประโคนชัย ติดห้องสมุดประชาชน มีป้ายรถประจำทางอยู่ด้าน ถ.ศรีสมุทร และก่อนถึงห้องสมุด เดินย้อนไปนิดจะเจอธนารักษ์ เดินขึ้นสกายวอล์คมามุ่งหน้าสู่หอชมเมืองฯ หรือเดินไปยังจุดต่างๆได้

หมายเลข 5 : จุดขึ้น-ลงบันได ในพื้นที่ "อุทยานการเรียนรู้และหอชมเมืองสมุทรปราการ" เปิด-ปิด เฉพาะเวลา 06.00 - 18.00 น. สะดวกสุดๆ กับส่วนเชื่อมต่อเข้าอาคารหอชมเมืองฯ ที่บริเวณชั้น 2 ลงลิฟท์มาชั้น 1 เพื่อรับชมนิทรรศการ หรือขึ้นไปชั้น 23 และ ชั้น 25 เพื่อชมวิวสวยๆ ของเมืองสมุทรปราการได้อีกด้วย หอชมเมืองฯ เปิดให้บริการวันอังคาร - วันเสาร์ เวลา 10.00 - 17.00 น. งดให้บริการวันอาทิตย์ - วันจันทร์ และวันหยุดนักขัตฤกษ์

คิว-ข่าวสมุทรปราการ รายงาน


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top