Tuesday, 1 July 2025
NEWS FEED

มูลนิธิหัวใจบริสุทธิ์ จับมือแรงงาน น่าน และภาคเอกชน มอบถุงยังชีพช่วยผู้ประสบอุทกภัย

(1 ก.ย.67) นางเธียรรัตน์ นะวะมะวัฒน์ ประธานมูลนิธิหัวใจบริสุทธิ์ พร้อมด้วย นางสาวกุลพรภัสร์ วงศ์มาจารภิญญา ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร กลุ่มไทยสมายล์บัส เจ้าหน้าที่กลุ่มพลังงานบริสุทธิ์ กลุ่มไทยสมายล์กรุ๊ป ลงพื้นที่มอบถุงยังชีพ จำนวน 300 ชุด เพื่อช่วยเหลือและเยี่ยมให้ขวัญกำลังใจแก่ผู้ประสบอุทกภัยในพื้นที่อำเภอเชียงกลาง จังหวัดน่าน

โดยมี นายเทวา ปัญญาบุญ รองผู้ว่าราชการจังหวัดน่าน นางสาวจำลองลักษณ์ ก่ายแก้ว แรงงานจังหวัดน่าน พร้อมหัวหน้าส่วนราชการหน่วยงานสังกัดกระทรวงแรงงานจังหวัดน่าน นายอำเภอเชียงกลาง และชาวบ้านในพื้นที่ ร่วมให้การต้อนรับ ณ ที่ว่าการอำเภอเชียงกลาง จังหวัดน่าน

นางเธียรรัตน์ กล่าวว่า มูลนิธิหัวใจบริสุทธิ์ กระทรวงแรงงาน กลุ่มพลังงานบริสุทธิ์ กลุ่มไทยสมายล์กรุ๊ป และพลังเครือข่ายภาคเอกชนมีความห่วงใยต่อชีวิตความเป็นอยู่ของพี่น้องประชาชนที่ประสบอุทกภัย ในวันนี้มูลนิธิหัวใจบริสุทธิ์จึงได้นำสิ่งของเครื่องอุปโภคบริโภคซึ่งได้รับการสนับสนุนจากภาคเอกชน ได้แก่ บริษัท สหพัฒนพิบูลย์ จำกัด บริษัท ไบ่ลี่ เอ็นเตอร์ไพรซ์ จำกัด บจก. คิงส์แพ็ค อินดัสเตรียล บริษัท ไทย สมายล์ บัส กลุ่มพลังงานบริสุทธิ์ (E@) และเครือข่ายภาคเอกชน ที่ได้ร่วมบริจาคเครื่องอุปโภคบริโภค อาทิ ข้าวสาร น้ำดื่ม บะหมี่กึ่งสำเร็จรูป ปลากระป๋อง ข้าวโอ๊ต โจ๊กคัพ โดนัท อาหารแห้ง เป็นต้น มามอบให้แก่ผู้ประสบอุทกภัยในพื้นที่จังหวัดน่าน รวมทั้งมูลนิธิยังได้มอบเรือท้องแบน จำนวน 6 ลำ เพื่อมอบให้กับทางจังหวัดน่านไว้ใช้ประโยชน์ในการนำไปช่วยเหลือประชาชนที่ประสบอุทกภัยในพื้นที่ นอกจากนี้ สำนักงานพัฒนาฝีมือแรงงานน่าน ยังได้ให้บริการเปลี่ยนถ่ายน้ำมันเครื่อง และซ่อมรถจักรยานยนต์ที่ได้รับผลกระทบเสียหายจากอุทกภัยแก่ประชาชนอีกด้วย

'กองทัพเรือ' จัดขบวนพยุหยาตราทางชลมารค ยิ่งใหญ่ สมพระเกียรติ อีกทั้งมอบเกียรติประวัติแด่ทุกผู้เกี่ยวข้องในพระราชพิธีสำคัญนี้

สืบเนื่องจาก 'กองทัพเรือ' ได้รับมอบหมายจากรัฐบาล ให้จัดขบวนพยุหยาตราทางชลมารค เนื่องในโอกาสมหามงคลเฉลิมพระชนมพรรษา 6 รอบ 28 กรกฎาคม พ.ศ. 2567 การพระราชพิธีเสด็จพระราชดำเนินถวายผ้าพระกฐิน ณ วัดอรุณราชวรารามราชวรมหาวิหาร ซึ่งได้มีการเตรียมการด้านการฝึกซ้อมกำลังพลฝีพาย และการซ่อมบำรุงเรือ รวมถึงการเตรียมความพร้อมในส่วนอื่น ๆ เพื่อให้การจัดงานในครั้งนี้เป็นไปด้วยความเรียบร้อย สง่างาม และสมพระเกียรติ 

รายการ THE TOMORROW มหาชนต้องรู้ ออกอากาศทางสถานีวิทยุ ส.ทร. FM93.0 MHz และสื่อออนไลน์ ในเครือ THE STATES TIMES เมื่อวันที่ 31 ส.ค.67 ได้ถือโอกาสพูดคุยกับผู้เกี่ยวข้องในพระราชพิธีสำคัญดังกล่าว โดยเริ่มที่ นาวาโทจิระพงศ์ กลมดวง นายเรือพระที่นั่งสุพรรณหงส์ ถึงเส้นทางการรับราชการจนเป็นนายเรือ ดังนี้...

นาวาโทจิระพงศ์ เล่าว่า เมื่อปี พ.ศ. 2536 ได้เริ่มต้นรับราชการอยู่กองเรือเล็ก กรมการขนส่งทหารเรือ โดยมีหน้าที่รับเชือกอำนวยความสะดวกให้เรือพระราชพิธีเข้าออกจากหลักจอด และได้ย้ายมาอยู่ที่แผนกเรือพระราชพิธี เมื่อปี พ.ศ. 2546 และได้เริ่มเป็นนายท้ายเรือพระที่นั่งสุพรรณหงส์ เมื่อปี พ.ศ. 2549 ซึ่งหน้าที่ของนายท้ายเรือนั้น ก็เหมือนคนขับรถที่ต้องถือพวงมาลัย คอยที่จะเลี้ยวซ้าย เลี้ยวขวาให้กับเรือ 

จากนั้น เมื่อปี พ.ศ. 2562 ได้รับโอกาสเป็นนายเรือพระที่นั่งสุพรรณหงส์ โดยมีหน้าที่รับผิดชอบทั้งหมด เช่น ต้องควบคุมเรือให้อยู่ในตำแหน่งที่กำหนดในริ้วขบวนและควบคุมความเร็วของเรือ ซึ่งการพายเรือพระที่นั่งต้องพายท่านกบินตลอดเส้นทาง 

นอกจากนี้ยังได้เป็นครูฝึกฝีพาย แก่คนที่พายเรือไม่เป็นเลย ให้ต้องมาเรียนรู้บนบกก่อน เรียกว่าการฝึกบนเขียงฝึก โดยกองทัพเรือมีเขียงฝึกอยู่ทั้งหมด 12 แห่งทั่วประเทศ 

เมื่อถามถึงความรู้สึกของฝีพายเรือพระที่นั่ง? นาวาโทจิระพงศ์ เผยว่า "ทุกคนอยากจะพายเรือเพื่อแสดงออกถึงความจงรักภักดี ส่วนตัวผมเอง มีความภาคภูมิใจมากที่ได้เป็นนายเรือพระที่นั่งสุพรรณหงส์ และอยากทำงานนี้ไปเรื่อย ๆ ซึ่งพร้อมถ่ายทอดความรู้และประสบการณ์ไปยังรุ่นน้อง ๆ ต่อไป"

สำหรับกาพย์เห่เรือเฉลิมพระเกียรติในครั้งนี้ นาวาโทจิระพงศ์ เล่าอีกว่า มีลักษณะเป็นการบรรยายเล่าถึงพระราชกรณียกิจของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ประพันธ์โดย พลเรือตรีทองย้อย แสงสินชัย มีทั้งหมด 4 บท ได้แก่ สรรเสริญพระบารมี, ชมเรือกระบวน, บุญกฐิน และชมเมือง ซึ่งทางกองทัพเรือได้เตรียมกำลังพลเห่เรือไว้ 3 ท่าน ได้แก่...

- ท่านที่ 1 เรือโทสุราษฎร์ ฉิมนอก หัวหน้าหมวดเรือลำเลียงที่ 1 ซึ่งมีประสบการณ์เป็นพนักงานเห่เรือสำรอง เมื่อปี พ.ศ. 2562 

- ท่านที่ 2 พ.จ.อ.พูลศักดิ์ กลิ่นบัว ช่วยปฏิบัติราชการกองเรือเล็ก เดิมเคยเป็นฝีพายเรือพระที่นั่งสุพรรณหงส์และเป็นครูฝึกพายเรือพระราชพิธี ครั้งนี้เป็นครั้งแรกของการเป็นพนักงานเห่เรือ 

- ส่วนท่านที่ 3 จ.อ.เสฐียร ขาวขำ ช่วยปฏิบัติราชการกองเรือเล็ก เคยเป็นฝีพายเรือพระที่นั่งสุพรรณหงส์และเป็นครูฝึกพายเรือพระราชพิธี ครั้งนี้เป็นครั้งแรกของการเป็นพนักงานเห่เรือเช่นกัน 

เมื่อถามถึงความรู้สึกของพนักงานเห่เรือที่ได้มีโอกาสเป็นส่วนหนึ่งของพระราชพิธีสำคัญครั้งนี้? ด้านเรือโทสุราษฎร์ กล่าวว่า "มีความรู้สึกปลาบปลื้มใจและเป็นเกียรติประวัติของวงศ์ตระกูลจะตั้งใจทำหน้าที่นี้ให้ดีที่สุดตามที่ได้รับมอบหมาย"

ส่วน พ.จ.อ.พูลศักดิ์ กล่าวว่า 'มีความภาคภูมิใจเป็นอย่างยิ่งที่ได้เข้ามาเป็น 1 ใน 3 ของพนักงานเห่เรือและเป็นเกียรติประวัติของวงศ์ตระกูล" และ จ.อ.เสฐียร กล่าวว่า "รู้สึกภาคภูมิใจและเป็นเกียรติสูงสุดในการทำหน้าที่นี้ ซึ่งต้องขอขอบคุณผู้บังคับบัญชาที่ให้โอกาส ส่วนการสืบทอดการเห่เรือให้คงอยู่ต่อไป"

เรือโทสุราษฎร์ กล่าวทิ้งท้ายด้วยว่า "ปัจจุบันทางกองทัพเรือได้ให้โอกาสบุคคลที่มีความรู้ความสามารถได้แสดงศักยภาพของตัวเองเพื่อสร้างสมประสบการณ์มากขึ้น ซึ่งปัจจุบันท่านผู้บัญชาการทหารเรือได้เล็งเห็นความสำคัญในเรื่องนี้ จึงได้เปิดโอกาสให้คนรุ่นใหม่ของกองทัพเรือ ได้เป็นพนักงานเห่เรือในครั้งนี้ด้วย"

สุโขทัย-รองนายกรัฐมนตรี ตรวจติดตามสถานการณ์อุทกภัยจังหวัดสุโขทัย สั่งการทุกหน่วยงานสำรวจพื้นที่น้ำท่วม เร่งเยียวยาประชาชน

วันนี้ (31 ส.ค. 67) เวลา 11.00 น. ณ ห้องประชุมศรีนคร ชั้น 3 ศาลากลางจังหวัดสุโขทัย นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรี ปฏิบัติหน้าที่แทนนายกรัฐมนตรี  เป็นประธานประชุมตรวจติดตามสถานการณ์อุทกภัยในพื้นที่จังหวัดสุโขทัยโดยมีนายอนุทิน ชาญวีรกูล รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย ร้อยเอก ธรรมนัส พรหมเผ่า รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ นายสมศักดิ์ เทพสุทิน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข ดร.สุรสีห์ กิตติมณฑล เลขาธิการสำนักงานทรัพยากรน้ำแห่งชาติ ดร.พรรณสิริ กุลนาถศิริ ส.ส.สุโขทัย เขต 1 ร่วมประชุมโดยรับฟังรายงานสรุปสถานการณ์อุทกภัยจากนายสุชาติ ทีคะสุข ผู้ว่าราชการจังหวัดสุโขทัย และสถานการณ์น้ำในภาพรวมของจังหวัดสุโขทัย โอกาสนี้ หัวหน้าส่วนราชการ หน่วยงานบริหารจัดการทรัพยากรน้ำ และส่วนราชการที่เกี่ยวข้องเข้าร่วมประชุม

โดยรองนายกรัฐมนตรี เน้นย้ำถึงการให้ความช่วยเหลือประชาชนผู้ประสบอุทกภัย ให้ทุกหน่วยบูรณาการทำงานร่วมกันอย่างเต็มที่ โดยนายสมศักดิ์ เทพสุทิน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข ได้นำเสนอขอความอนุเคราะห์งบประมาณให้กรมโยธาธิการและผังเมือง กระทรวงมหาดไทย เพื่อดำเนินการก่อสร้างกำแพงป้องกันตลิ่ง ดังนี้

1.หมู่ 6 ตำบลคลองกระจง อำเภอสวรรคโลก ระยะทาง 300 เมตร
2.หมู่ 7ตำบลท่าทอง อำเภอสวรรคโลก ระยะทาง 800 เมตร
3.หมู่ 5 ตำบลคลองตาล อำเภอศรีสำโรง ระยะทาง 150 เมตร
4.หมู่ 6 ตำบลวังใหญ่ และหมู่ 8 ตำบลวังทอง อำเภอศรีสำโรง ระยะทาง 990 เมตร
5.หมู่ 1 , หมู่ 6 และหมู่ 7 ตำบลปากแคว อำเภอเมืองสุโขทัย ระยะทาง 2,400 เมตร
6.ตำบลยางซ้าย อำเภอเมืองสุโขทัย ระยะทาง 5,000 เมตร
7.ขอปรับปรุงพื้นที่รับน้ำนอง บริเวณตำบลยางซ้าย และตำบลปากพระ อำเภอเมืองสุโขทัย ในรูปแบบบางระกำโมเดล

ซึ่งรองนายกรัฐมนตรี ให้คำมั่นจะเร่งผลักดันให้มีการสร้างเขื่อนขนาดใหญ่ เพื่อแก้ไขปัญหาอุทกภัยลุ่มแม่น้ำยมในระยะยาวต่อไป จากนั้นได้เยี่ยมโรงครัวศูนย์ประสานช่วยเหลือผู้ประสบอุทกภัย และพบปะให้กำลังใจพร้อมมอบถุงยังชีพให้แก่ผู้ประสบอุทกภัย อำเภอเมืองสุโขทัย ณ อาคารอเนกประสงค์ ศาลากลางจังหวัดสุโขทัย พร้อมกล่าวพบปะให้กำลังใจประชาชนว่ารัฐบาลห่วงใยพี่น้องประชาชนในพื้นที่ ได้สั่งการให้ทุกภาคส่วน เร่งฟื้นฟู และช่วยเหลือให้กลับคืนสู่สภาพปกติโดยเร็ว ยืนยันรัฐบาลพร้อมเร่งแก้ปัญหาในระยะยาว หลักสำคัญคือพลังความร่วมมือทั้งหมดของประชาชนคนไทยที่จะร่วมมือกันฟันฝ่าอุปสรรคครั้งนี้ไปได้ ต่อจากนั้น รองนายกรัฐมนตรีและคณะ ลงพื้นที่ตรวจติดตามสถานการณ์น้ำ ณ ประตูระบายน้ำบ้านหาดสะพานจันทร์ และประตูระบายน้ำคลองหกบาท ต.ป่ากุมเกาะ อ.สวรรคโลก จ.สุโขทัย ก่อนที่จะเดินทางไปยังจังหวัดนครสวรรค์ และจังหวัดชัยนาท เพื่อหารือแนวทางการบริหารจัดการน้ำร่วมกับส่วนราชการที่เกี่ยวข้องต่อไป

"สุทิน คลังแสง รมว. กลาโหม" ให้เกียรติมาเป็นประธานกล่าวต้อนรับ"สมาชิกสมาคม สภท." ในการประชุมใหญ่สามัญประจำปี 2567 ครบรอบ 59 ปี

เมื่อวันที่ (30 ส.ค. 67) ที่โรงแรมคิงปาร์ค อเวนิว ถนนศรีนครินทร์ ซอย 40 เขตประเวศ กรุงเทพมหานคร
สุทิน คลังแสง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ให้เกียรติมาเป็นประธานกล่าวต้อนรับสมาชิก สภท. ในการประชุมใหญ่สามัญประจำปี 2567 สมาคมหนังสือพิมพ์ส่วนภูมิภาคแห่งประเทศไทย เนื่องในโอกาสครบรอบ 59 ปี โดยมีนายอนันต์ นิลมานนท์ นายกสมาคมหนังสือพิมพ์ส่วนภูมิภาคแห่งประเทศไทย และคณะกรรมการ ร่วมกันให้การต้อนรับ โดยรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม กล่าวต้อนรับสมาชิกสมาคม, สื่อมวลชน, แขกผู้มีเกียรติ, พร้อมมอบรางวัลโล่เกียรติคุณ ให้กับผู้ที่ทำคุณประโยชน์ให้กับสังคมและประเทศชาติหลายองค์กร

ทั้งนี้สมาคมยังได้รับเกียรติจาก สุรชาติ สมบัติเจริญ ศิลปินลูกทุ่งอมตะนิรันดร์กาล บุตรชาย บรมครูเพลงสุรพล สมบัติเจริญ ราชาเพลงลูกทุ่งไทย โดยมี สัญญา พรนารายณ์, เพ็ญนภา มุกดามาศ, จอย บียอนด์ ขนเพลงฮิตทั้งในอดีตและปัจจุบันมาร่วมขับกล่อมสร้างความบันเทิง ในโอกาสนี้ยังได้รับเกียรติจาก พลเอกเสริมศักดิ์ วิเศษไชยศรี อดีตหัวหน้าฝ่ายเสนาธิการรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ร่วมกล่าวแสดงความยินดีในโอกาสครบรอบ 59 ปี และยังได้รับเกียรติจากนคร วีระประวัติ ประธานสมาพันธ์สื่อมวลชนแห่งประเทศไทย ให้เกียรติมาร่วมกล่าวแสดงความยินดีและมอบโล่เกียรติคุณ"สื่อออนไลน์สร้างสรรค์สังคม" ให้กับสื่อมวลชนที่ทำคุณประโยชน์ต่อสังคมด้วยดีตลอดมา ในโอกาสนี้ด้วย

มูลนิธิหัวใจบริสุทธ์ จับมือกลุ่มไทยสมายล์กรุ๊ป รวมพลังเครือข่าย มอบถุงยังชีพช่วยผู้ประสบอุทกภัยชาวแพร่

(31 ส.ค.67) นางเธียรรัตน์ นะวะมะวัฒน์ ประธานมูลนิธิหัวใจบริสุทธิ์ พร้อมด้วยเจ้าหน้าที่กลุ่มพลังงานบริสุทธิ์ กลุ่มไทยสมายล์กรุ๊ป ลงพื้นที่มอบถุงยังชีพ จำนวน 200 ชุด เพื่อช่วยเหลือและเยี่ยมให้ขวัญกำลังใจแก่ผู้ประสบอุทกภัยจังหวัดแพร่ โดยมี หัวหน้าส่วนราชการหน่วยงานสังกัดกระทรวงแรงงานจังหวัดแพร่ และชาวบ้านในพื้นที่ ร่วมให้การต้อนรับ ณ ศาลาการเปรียญ วัดมหาโพธิ์ หมู่ที่ 5 ตำบลป่าแมต อำเภอเมืองแพร่ จังหวัดแพร่       

นางเธียรรัตน์ กล่าวว่า มูลนิธิหัวใจบริสุทธิ์ กลุ่มพลังงานบริสุทธิ์ กลุ่มไทยสมายล์กรุ๊ป และพลังเครือข่ายมีความห่วงใยต่อชีวิตความเป็นอยู่ของพี่น้องประชาชนที่ประสบอุทกภัยอยู่ในขณะนี้ แม้ว่าบางพื้นที่น้ำเริ่มลดลงและอยู่ระหว่างการฟื้นฟูเพื่อกลับเข้าสู่ภาวะปกติ แต่ขณะเดียวกัน ยังมีอีกหลายพื้นที่ที่น้ำยังท่วมสูงอยู่และชาวบ้านได้รับความเดือดร้อน ในวันนี้มูลนิธิหัวใจบริสุทธิ์จึงได้นำสิ่งของเครื่องอุปโภคบริโภคซึ่งได้รับการสนับสนุนจากภาคเอกชน ได้แก่ บริษัท สหพัฒนพิบูลย์ จำกัด บริษัท ไป่ลี่ เอ็นเตอร์ไพรซ์ จำกัด บจก. คิงส์แพ็ค อินดัสเตรียล บริษัท ไทย สมายล์ บัส กลุ่มพลังงานบริสุทธิ์ (E@) และเครือข่ายภาคเอกชน ที่ได้ร่วมบริจาคเครื่องอุปโภคบริโภค อาทิ ข้าวสาร น้ำดื่ม บะหมี่กึ่งสำเร็จรูป ปลากระป๋อง ข้าวโอ๊ต โจ๊กคัพ โดนัท อาหารแห้ง เป็นต้น มามอบให้แก่ผู้ประสบอุทกภัยในพื้นที่จังหวัดแพร่ เพื่อเป็นการบรรเทาความเดือดร้อนในเบื้องต้น นอกจากนี้ สำนักงานพัฒนาฝีมือแรงงานแพร่ ยังได้ให้บริการตรวจเช็คเครื่องใช้ไฟฟ้า และอุปกรณ์การเกษตรแก่ประชาชนที่อุปกรณ์ได้รับผลกระทบเสียหายจากอุทกภัยอีกด้วย   

นางเธียรรัตน์ กล่าวต่อว่า ในวันนี้มูลนิธิยังได้มอบรถเข็นวีลแชร์ที่ได้รับการบริจาคจากกลุ่มไทยสมายล์กรุ๊ป ผู้ให้บริการรถและเรือโดยสารสาธารณะพลังงานไฟฟ้าในกรุงเทพมหานครและปริมณฑล ซึ่งจากการที่มูลนิธิหัวใจบริสุทธิ์ได้นำถุงยังชีพมามอบให้แก่ผู้ประสบอุทกภัยและนำรถเข็นวีลแชร์มามอบให้ผู้สูงอายุ ผู้พิการ และผู้ยากไร้ในครั้งนี้ เพื่อร่วมเป็นส่วนหนึ่งในการช่วยเหลือ บรรเทาความเดือดร้อน เติมกำลังใจ ให้แก่ผู้ป่วย ผู้สูงอายุ ผู้พิการ และผู้ยากไร้ในพื้นที่จังหวัดแพร่ได้มีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น สามารถอยู่ร่วมในสังคมได้อย่างมีความสุข และถือเป็นกิจกรรมหลักที่สอดคล้องกับวัตถุประสงค์ของมูลนิธิในด้านการสร้างสาธารณประโยชน์ ต่อชุมชน สังคม ทั้งนี้ มูลนิธิฯ จะทยอยส่งต่อธารน้ำใจถึงมือผู้ประสบอุทกภัยในพื้นที่ที่ต้องการความช่วยเหลือต่อไป

มูลนิธิป่อเต็กตึ๊ง จัดพิธีแจกเครื่องอุปโภคบริโภคครั้งยิ่งใหญ่ในงานประเพณีทิ้งกระจาด ประจำปี 2567 โดยมี นายชัชชาติ สิทธิพันธุ์ เป็นประธานในพิธี ณ มูลนิธิป่อเต็กตึ๊ง พลับพลาไชย พร้อมเผยงบประมาณ ปีนี้ลงพื้นที่แจกทั้งสิ้น 4 จังหวัด รวมมูลค่า 13.3 ล้านบาท

มูลนิธิป่อเต็กตึ๊ง จัดพิธีแจกเครื่องอุปโภคบริโภคครั้งยิ่งใหญ่ในงานประเพณีทิ้งกระจาด ประจำปี 2567 โดยมี นายชัชชาติ สิทธิพันธุ์ เป็นประธานในพิธี ณ มูลนิธิป่อเต็กตึ๊ง พลับพลาไชย พร้อมเผยงบประมาณ ปีนี้ลงพื้นที่แจกทั้งสิ้น 4 จังหวัด รวมมูลค่า 13.3 ล้านบาท

(31 ส.ค.67) เวลา 09.00 น. มูลนิธิป่อเต็กตึ๊ง นำโดย นายวิเชียร เตชะไพบูลย์ ประธานกรรมการมูลนิธิฯ นายวิรุฬ เตชะไพบูลย์ ที่ปรึกษาประธานกรรมการ ดร.สุทัศน์ เตชะวิบูลย์ รองประธานกรรมการ นายสัก กอแสงเรือง รองประธานกรรมการ นายวิชิต ชินวงศ์วรกุล รองประธานกรรมการ  พร้อมด้วยคณะกรรมการ และผู้ช่วยกรรมการมูลนิธิฯ จัดพิธีแจกเครื่องอุปโภคบริโภค เนื่องในงานประเพณีทิ้งกระจาด ประจำปี 2567 จำนวน 20,000 ชุด ให้แก่ประชาชนผู้ยากไร้ทั้งในกรุงเทพฯ และต่างจังหวัดที่เดินทางมารอรับกันอย่างเนืองแน่น โดยสิ่งของที่แจกประกอบด้วย ข้าวสาร บะหมี่กึ่งสำเร็จรูป ปลากระป๋อง น้ำปลา น้ำมันพืช ขนม ฯลฯ บรรจุถุงผ้ามูลนิธิฯ พร้อมมอบค่าพาหนะคนละ 100 บาท 

โดยมี นายชัชชาติ สิทธิพันธุ์ ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร เป็นประธานในพิธี พร้อมด้วย แขกผู้มีเกียรติ ผู้แทนหน่วยงานในเครือมูลนิธิฯ และอาสาสมัครกิตติมศักดิ์ อาทิ นางศิริวรรณ โอภาสวงศ์ และ นางศิริพร โอภาสวงศ์ ร่วมในพิธี ณ มูลนิธิป่อเต็กตึ๊ง พลับพลาไชย กรุงเทพฯ

โดยบรรยากาศภายในงาน ได้มีผู้มีจิตศรัทธา ร่วมแจกจ่ายอาหาร และเครื่องอุปโภคบริโภคให้กับประชาชนที่มารอรับสิ่งของ รวมถึงเจ้าหน้าที่ และอาสาสมัครมูลนิธิฯ จัดทีมดูแลประชาชนตั้งแต่เมื่อวันที่ 30 สิงหาคม 2567ที่ผ่านมา นอกจากนี้ได้จัดให้มีเจ้าหน้าที่ และอาสาสมัครศิลปิน นำโดย นางดวงตา ตุงคะมณี นายนพดล ทรงแสง (จิ้ม ชวนชื่น) นายธวัชชัย คชาอนันต์ (แฮ็ค ชวนชื่น) นายวสวิศว์ ศตพิพัฒน์ (ต้น-วสวิศว์) นายสวิช เพชรวิเศษศิริ (บี๋) นายปิยะวัฒน์ รัตนหรูวิจิตร (หรูหรา) นางสาวพรชดา วราพชระ (มะเหมี่ยว) ฯลฯ ร่วมแจกจ่ายสิ่งของ แสดงดนตรี และสร้างสีสันภายในงาน โดยบรรยากาศเต็มไปด้วยความสนุกสนาน และอิ่มเอมใจทั้งผู้ให้และผู้รับ

นายวิเชียร เตชะไพบูลย์ ประธานกรรมการมูลนิธิป่อเต็กตึ๊ง เปิดเผยว่า งานประเพณีทิ้งกระจาด เป็นงานบุญที่สำคัญของชาวพุทธ ซึ่งปฏิบัติสืบทอดมาตั้งแต่สมัยพุทธกาล ด้วยการนำสิ่งของเครื่องอุปโภคบริโภค ข้าวสาร อาหารแห้ง มาเซ่นไหว้ ทำบุญอุทิศส่วนกุศลให้แก่บรรพชน และดวงวิญญาณที่ไร้ญาติ แล้วแจกเป็นทานแก่ผู้ยากไร้ เป็นงานบุญที่ครบทั้งการทำบุญและให้ทาน ซึ่งมูลนิธิป่อเต็กตึ๊งได้จัดทำสืบทอดประเพณีทิ้งกระจาดต่อเนื่องมาตั้งแต่ก่อตั้งมูลนิธิฯ เป็นเวลากว่า 100 ปี โดยเมื่อวันที่ 7 สิงหาคม 10 สิงหาคม  และ 24 สิงหาคม 2567 ที่ผ่านมา มูลนิธิฯ ได้ทำพิธีแจกจ่ายเครื่องอุปโภคบริโภค ณ สุสานมูลนิธิป่อเต็กตึ๊ง อำเภอบ้านแพ้ว จังหวัดสมุทรสาคร และ คลินิกการประกอบโรคศิลปะสาขาการแพทย์แผนจีนหัวเฉียว สาขาโคราช จังหวัดนครราชสีมา และสาขาศรีราชา จังหวัดชลบุรี รวมงบประมาณการจัดงานประเพณีทิ้งกระจาด ประจำปี 2567 แจกจ่ายเครื่องอุปโภคบริโภคให้กับประชาชน ทั้ง 4 แห่ง เป็นจำนวนเงินกว่า 13.3 ล้านบาท

ตลอดระยะเวลากว่า 114 ปี มูลนิธิฯ ได้ขยายขอบข่ายโครงการต่าง ๆ ออกไปอย่างกว้างขวาง ไม่เพียงแต่บำบัดทุกข์ บำรุงสุข แก่ผู้ตกทุกข์ได้ยากโดยไม่จำกัดเชื้อชาติ ศาสนา เท่านั้น แต่ยังได้พัฒนาคุณภาพชีวิตอีกในหลาย ๆ ทาง เพื่อเป็นองค์กร สาธารณกุศลที่ช่วยเหลือประชาชนครบวงจรในทุกๆ ด้าน ดังปณิธาน “มูลนิธิป่อเต็กตึ๊ง ช่วยชีวิต รักษาชีวิต สร้างชีวิต”

ติดตามข่าวสารกิจกรรม การช่วยเหลือของมูลนิธิป่อเต็กตึ๊ง ได้ที่เฟซบุ๊ก แฟนเพจ www.facebook.com/atpohtecktung

มูลนิธิป่อเต็กตึ๊ง ขอบุญบารมีองค์หลวงปู่ไต้ฮง (ไต้ฮงกง) ดลบันดาลให้ผู้มีจิตศรัทธา เจ้าหน้าที่  อาสาสมัคร และครอบครัวของทุกท่าน ที่มีส่วนร่วมในงานมหาบุญมหากุศลนี้  มีความสุข ความเจริญ สุขภาพร่างกายแข็งแรงตลอดปี ตลอดไป

“มูลนิธิป่อเต็กตึ๊ง ช่วยชีวิต รักษาชีวิต สร้างชีวิต”

สำนักงานตำรวจแห่งชาติ มอบเงินช่วยเหลือตำรวจจราจร สภ.เขวาใหญ่ จ.มหาสารคาม ถูกรถจักรยานยนต์พุ่งชนขณะตั้งจุดตรวจ

พล.ต.ท.ประจวบ วงศ์สุข ผู้ช่วยผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ รักษาราชการแทนรองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (ผู้ช่วย ผบ.ตร.รรท.รอง ผบ.ตร.) มอบหมายให้ พล.ต.ท.นิธิธร จินตกานนท์ ผบช.ประจำ สง.ผบ.ตร./หน.คณะทำงานเสริมสร้างภาพลักษณ์ตำรวจจราจร เป็นผู้แทนสำนักงานตำรวจแห่งชาติ เดินทางไปยัง สภ.เขวาใหญ่ อ.กันทรวิชัย จ.มหาสารคาม เมื่อวานนี้ (30 สิงหาคม 2567) เวลา 11.45 น. เพื่อมอบเงินกองทุนสวัสดิการสำนักงานตำรวจแห่งชาติ จำนวน 100,000 บาท กรณีเจ้าหน้าที่ตำรวจจราจร สภ.เขวาใหญ่ ได้รับบาดเจ็บ ถูกรถจักรยานยนต์เฉี่ยวชนขณะปฏิบัติหน้าที่

เหตุการณ์ดังกล่าวเกิดขึ้นเมื่อช่วงเช้าของวันที่ 7 สิงหาคม 2567 ร.ต.อ.รณชัย ภูหักทำ และตำรวจจราจร สภ.เขวาใหญ่ จ.มหาสารคาม ได้ร่วมกันวางอุปกรณ์บนพื้นถนนเพื่อตั้งจุดตรวจกวดขันวินัยจราจร บริเวณหน้าตู้ยามขามเรียง ถนนทางหลวงแผ่นดิน หมายเลข 2202 ทั้งฝั่งขาเข้าและขาออก โดยวางกรวยสะท้อนแสงตามแนวเส้นแบ่งช่องทางเดินรถ นำป้ายแผงไฟแสดงจุดตรวจ มีสัญญาณไฟวับวาบ มีป้ายชื่อผู้ควบคุมพร้อมหมายเลขโทรศัพท์ติดต่อ วางตั้งบนถนนให้เห็นเด่นชัดในเขตปลอดภัย และนำรถยนต์ของทางราชการที่ใช้ในงานจราจร มาจอดไว้เพื่อเพิ่มการมองเห็นให้ถูกต้องตามยุทธวิธีตำรวจในการตั้งจุดกวดขันวินัยจราจร และเริ่มปฏิบัติหน้าที่ในเวลา 10.00 น. จากนั้นได้มีรถจักรยานยนต์ยี่ห้อฮอนด้า สีแดง ขับขี่มุ่งหน้ามายังจุดตรวจด้วยความเร็ว ตำรวจจราจรในจุดตรวจได้ให้สัญญาณหยุด แต่เด็กชายอายุ 14 ปี ซึ่งเป็นผู้ขับขี่ได้พยายามจะหลบหนี จนพุ่งชน ร.ต.อ.รณชัย ฯ ได้รับบาดเจ็บ ฟันหน้าบนหัก 3 ซี่ ถูกนำส่งโรงพยาบาลมหาสารคาม โดยแพทย์วินิจฉัยว่ากระดูกขากรรไกรล่างหัก ต้องทำการรักษาอย่างต่อเนื่อง

พล.ต.ท.นิธิธรฯ ได้มอบเงินเงินกองทุนสวัสดิการสำนักงานตำรวจแห่งชาติ จำนวน 100,000 บาท ให้กับ ร.ต.อ.รณชัย ภูหักทำ รอง สว.จร.สภ.เขวาใหญ่ ตามหลักเกณฑ์การจ่ายเงินช่วยเหลือข้าราชการตำรวจที่บาดเจ็บจากการปฏิบัติหน้าที่ ตามมติที่ประชุมคณะกรรมการสวัสดิการ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ และได้มอบสิ่งของเครื่องบริโภคให้กับข้าราชการตำรวจ สภ.เขวาใหญ่ เพื่อเป็นขวัญกำลังใจในการปฏิบัติหน้าที่ด้วย 

ด้าน พล.ต.ท.ประจวบฯ กล่าวว่า จากคลิปกล้องวงจรปิดเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นนั้น เป็นการตั้งจุดตรวจเพื่อป้องกันและลดอุบัติเหตุจราจร การสวมหมวกนิรภัย การขับขี่รถโดยมีใบอนุญาตขับรถจากนายทะเบียนขนส่ง ไม่ขับรถขณะมึนเมาสุรา หรือของมึนเมาอย่างอื่น (เสพยาเสพติด) นั้น เป็นข้อกฎหมายตาม พ.ร.บ.จราจรทางบก พ.ศ.2522 ซึ่งทุกคนต้องปฏิบัติตามหากมีการใช้รถใช้ถนน หากฝ่าฝืนนอกจากจะถูกดำเนินคดีตามกฎหมายแล้ว ยังเพิ่มความเสี่ยงต่อการบาดเจ็บหรือเสียชีวิตกับทั้งผู้ขับขี่และผู้ร่วมทางอีกด้วย

ทั้งนี้ ผู้ใช้รถใช้ถนนสามารถแจ้งอุบัติเหตุ เหตุร้าย หรือขอความช่วยเหลือจากเจ้าหน้าที่ตำรวจได้ตลอด 24 ชั่วโมง ได้ที่สายด่วน 191 จราจรทุก สน./สภ.ทั่วประเทศ , สายด่วน 1197 ตำรวจจราจรในเขตกรุงเทพมหานคร และปริมณฑล , สายด่วน 1193 ตำรวจทางหลวงทั่วประเทศ และสายด่วน 1599 สายด่วนสำนักงานตำรวจแห่งชาติ

รพ.อาภากรเกียรติวงศ์ ฐท.สส. พร้อมช่วยเหลือ ปชช. และสนับสนุนภัยน้ำท่วม

โรงพยาบาลอาภากรเกียรติวงศ์ ฐานทัพเรือ สัตหีบ เตรียมความพร้อมด้านการแพทย์ช่วยเหลือประชาชนและสนับสนุนภัยน้ำท่วม

พลเรือตรี​ สรรชัย​ เลิศวีระศิริกุล​ ผู้อำนวยการโรงพยาบาลอาภากรเกียรติวงศ์​ ฐานทัพเรือสัตหีบ​ เป็นประธาน กล่าวให้โอวาทและให้แนวทางการปฏิบัติงานแก่ กำลังพลสายแพทย์ ในการจัดชุดแพทย์เตรียมความพร้อม ด้านการช่วยเหลือประชาชนสนับสนุนภัยน้ำท่วม​ และได้ตรวจความพร้อมของหน่วยปฏิบัติ​ ซึ่งประกอบด้วย​ ชุดปฏิบัติการฉุกเฉินทางการแพทย์​ (Mini​MERT)​ ชุดปฏิบัติการเวชกรรมป้องกัน (PERT)​  ชุดช่วยเหลือเยียวยาจิตใจผู้ประสบภาวะวิกฤต (MCATT) ชุดปฏิบัติการฉุกเฉินทางการแพทย์ระดับสูง ในภาวะภัยพิบัติ (MERT)​ ชุดกู้ชีพและช่วยชีวิตผู้ป่วยทางน้ำ (Maritime  and Aquatic Life Support: MALS)​ ​ชุดสำรวจและประเมินความเสียหาย นายทหารสัญญาบัตร กองทัพเรือ(Naval​ Diaster Assessment Team : NDAT)

ผลการปฏิบัติในก่รตรวจสอบ เป็นไปด้วยความเรียบร้อยพร้อมปฏิบัติ ณ สนามฟุตบอลโรงพยาบาลอาภากรเกียรติวงศ์ ฐานทัพเรือสัตหีบ​ อ.สัตหีบ จ.ชลบุรีเมื่อวันที่ 28 สิงหาคม 2567

เชียงใหม่-มหกรรมการท่องเที่ยวต่างประเทศ 'Thai International Travel Fair North 2024' (TITF NORTH 24)

กลับมาอีกครั้งตามคำเรียกร้องกับ มหกรรมการท่องเที่ยวต่างประเทศที่ใหญ่ที่สุดในภาคเหนือ 'Thai International Travel Fair North 2024' หรือ TITF NORTH 24 ที่จัดโดย ชมรมไทยบริการท่องเที่ยวภาคเหนือ ในปีนี้จะพาทุกท่าน ตื่นตา...ตื่นใจ...ไปกับแพ็คเก็จทัวร์ หลากหลายประเทศจากสมาชิกของชมรมฯ พร้อมบูทประชาสัมพันธ์การท่องเที่ยวที่ตบเท้าเข้าร่วมงานอย่างคึกคัก ห้ามพลาดแค่ 3 วันเท่านั้น ระหว่างวันที่ 30 สิงหาคม – 1 กันยายน 2565 ที่ชั้น 1 ศูนย์การค้าเซ็นทรัล เชียงใหม่ (เซ็นเฟส สี่แยกศาลเด็ก)

ชมรมไทยบริการท่องเที่ยวภาคเหนือ จัดมหกรรมการท่องเที่ยวในครั้งนี้เพื่อเป็นการส่งเสริมอุตสาหกรรมท่องเที่ยวในตลาดต่างประเทศ ซึ่งจะเป็นการเผยแพร่ข้อมูลการท่องเที่ยวปัจจุบันของแต่ละประเทศ รวมไปถึงเส้นทาง และราคาสุดพิเศษจากสายการบินชั้นนำ เพื่อเป็นการกระตุ้นเศรษฐกิจภาคการท่องเที่ยว และบริการเพื่อให้ตอบโจทย์ผู้ที่ต้องการเดินทางไปท่องเที่ยวยังต่างประเทศ รวมไปถึงการสร้างความสัมพันธ์กับองค์กรการท่องเที่ยว และพันธมิตรทางธุรกิจทั้งใน และต่างประเทศ เพื่อเป็นการสร้างภาพลักษณ์อันดีให้กับสมาคมไทยบริการท่องเที่ยว และชมรมไทยบริการท่องเที่ยวภาคเหนือ ให้เป็นที่รู้จัก และยอมรับในวงกว้างมากขึ้น

สำหรับพิธีเปิดงานได้จัดให้มีขึ้นในวันที่ 30 สิงหาคม 2567 โดยได้รับเกียรติจาก นางกันชกา สุวณิชย์ ประธานชมรมไทยบริการท่องเที่ยว ภาคเหนือ, Mr. Lyu Sheng สถานกงสุลใหญ่แห่งสาธารณรัฐประชาชนจีนประจำเชียงใหม่, Mr. Que Xiaohua - Director การท่องเที่ยวจีน, Mr. Yi Sangwoo - Director การท่องเที่ยวเกาหลี, Ms. Nichapa Rojanasoonthon - Asst Marketing Director การท่องเที่ยวฟิลิปปินส์, Mr. Awang Shawal Awang Sulaiman - Deputy Director การท่องเที่ยวมาเลเซีย, Mr. Jeffrey Lin - Deputy Director การท่องเที่ยวไต้หวัน, นายจุลนิตย์ วังวิวัฒน์ ประธานหอการค้าจังหวัดเชียงใหม่, คุณอุทัย ศิริ ผู้อำนวยการฝ่ายแผนงาน การพาณิชย์ และการเงิน ท่าอากาศยานเชียงใหม่, ผศ.ดร. ธัญญานุภาพ อานันทนะ รองอธิการบดี มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ - ผอ อุทยานวิทยาศาสตร์ภาคเหนือ และ นายพรเทพ อรรถกิจไพศาล ผู้จัดการศูนย์การค้าเซ็นทรัล เชียงใหม่ ร่วมพิธีเปิดงานอย่างเป็นทางการ

ภายในงานพบกับองค์กรการท่องเที่ยวจากหลากหลายประเทศ อาทิ การท่องเที่ยวมาเลเซีย, การท่องเที่ยวเกาหลี, การท่องเที่ยวจีน, การท่องเที่ยวฟิลิปปินส์ และการท่องเที่ยวไต้หวัน และบูทสายการบินชั้นนำที่มาสร้างสีสันในงาน อาทิ สายการบิน Air China, สายการบิน Thai Air Asia / Thai Air Asia X, สายการบิน China Airlines, สายการบิน EVA Air, สายการบิน Lion Air, สายการบิน Nok Air, สายการบิน STARLUX, สายการบิน VietJet Air, สายการบิน Bhutan Airlines, สายการบิน Myanmar Int Airways และสายการบิน Salam Air ร่วมด้วยพันธมิตรทางธุรกิจอย่าง AIS 5G และ The Baristro

โปรแกรมการท่องเที่ยวจากเทรเวลเอเจนซี่อย่าง มานิตย์บริการท่องเที่ยว เชียงใหม่, WIN TRAVEL & TOUR, RUBY TRAVEL, P.D.EXPRESS CHIANG MAI TOUR, Standard Tour Co.,Ltd, ทอฝันทัวร์, SHOWNUEATOUR, Chatuporn Tour & Travel, Nakornping Inter Group 2021 Co.,Ltd, CM Wonder Tour & Carrent, บ้านนกทัวร์, SESUN TOUR, GLOBAL TOUR 1995 CO.,LTD, P.P. AIR TRAVEL (เชียงราย), CHIANGMAI QUALITY TOUR ที่จะมาร่วมประชาสัมพันธ์เส้นทางท่องเที่ยวต่างประเทศ

มหกรรมการท่องเที่ยวต่างประเทศที่ใหญ่ที่สุดในภาคเหนือ “Thai International Travel Fair North 2024” หรือ TITF NORTH 24 ในครั้งนี้ได้รับความร่วมมือจากผู้สนับสนุนมากมาย Thai-Amadeus Southeast Asia, TRAVELPORT, บจก. เบสอินเตอร์เนชั่นแนลเทรเวลแอนด์เอเจนซี่, บริษัท ไทยเที่ยวนอกทัวร์ จำกัด, บริษัท เรียล เจอร์นีย์ จำกัด, Tune Insurance, TBO. COM และ บริษัท ประกันภัยไทยวิวัฒน์ จำกัด (มหาชน)
 
ทั้งนี้ตลอด 3 วันในการจัดงาน ทุกท่านสามารถร่วมสนุกกับกิจกรรมแจกของรางวัลจากการท่องเที่ยวต่างประเทศ สายการบิน ลุ้นเป็นผู้โชคดีรับตั๋วเครื่องบิน และ แพ็คเก็จทัวร์ ในทุกๆ ยอดชำระ 1,000 บาทภายในงาน รับคูปองชิงโชคได้เลยทันที แล้วพบกันในงาน Thai International Travel Fair North 2024 หรือ TITF NORTH 24 ได้ตั้งแต่วันที่ 30 สิงหาคม – 1 กันยายน 2567 ณ ลานโปรโมชั่น ชั้น1 ศูนย์การค้า เซ็นทรัลเชียงใหม่ (เซ็นเฟส สี่แยกศาลเด็ก)

'อลงกรณ์' ชี้การเข้าร่วมรัฐบาลผสมข้ามขั้วของพรรคประชาธิปัตย์ คือการยุติ 2 ทศวรรษแห่งความขัดแย้งแตกแยกของประเทศ

นายอลงกรณ์ พลบุตร รองประธานคณะกรรมการยุทธศาสตร์ พรรคประชาธิปัตย์และอดีตรองประธานสภาขับเคลื่อนการปฏิรูปประเทศโพสต์ข้อความที่น่าสนใจเป็นมุมมองใหม่ทางการเมืองในเฟสบุ๊คส่วนตัววันนี้เกี่ยวกับประเด็นการเข้าร่วมรัฐบาลของพรรคประชาธิปัตย์มีข้อความดังต่อไปนี้

“…มติการเข้าร่วมรัฐบาลของพรรคประชาธิปัตย์คือกุญแจดอกสุดท้ายที่เปิดอนาคตใหม่ให้กับประเทศ
เพราะเป็นการยุติการต่อสู้ทางการเมืองที่ร้ายแรงที่สุดรุนแรงที่สุดครั้งหนึ่งในประวัติศาสตร์ที่กินเวลายาวนานถึง 20 ปี เป็น 2 ทศวรรษแห่งความขัดแย้งที่ต่อสู้กันทั้งในและนอกสภาฯ.แบ่งแยกประชาชนเป็นฝักฝ่ายนำไปสู่การสูญเสียเลือดเนื้อและชีวิตของประชาชนและเจ้าหน้าที่รัฐระหว่างเดือนตุลาคมปี 2551-พฤษภาคม 2553 ล้มตายกว่า 100 คนและบาดเจ็บเกือบ 3 พันคนมีการรัฐประหารสูญเสียประชาธิปไตยถึง 2 ครั้งในปี 2549 และปี 2557 

นับเป็นบาดแผลความขัดแย้งที่กว้างและลึกที่แม้แต่รัฐบาลในอดีตไม่ว่ารัฐบาลอภิสิทธิ์-ยิ่งลักษณ์-พล.อ.ประยุทธ์จะพยายามสร้างความสมานฉันท์ปรองดองก็ไม่ประสบความสำเร็จและไม่มีใครตอบได้ว่าความขัดแย้งแตกแยกดังกล่าวจะสิ้นสุดลงเมื่อใด

จนกระทั่งเมื่อมีการร่วมจัดตั้งรัฐบาลผสมระหว่างพรรคเพื่อไทยกับพรรครวมไทยสร้างชาติ (พล.อ.ประยุทธ์) และพรรคพลังประชารัฐ (พล.อ.ประวิตร) ภายหลังการเลือกตั้งปี 2566 ซึ่งถือเป็นกุญแจดอกแรกที่เปิดประตูความร่วมมือข้ามขั้วระหว่าง2ฝ่ายเพื่อยุติความขัดแย้ง ก่อนที่กุญแจดอกสุดท้ายจะเกิดขึ้นเมื่อพรรคประชาธิปัตย์ตัดสินใจเข้าร่วมรัฐบาลผสมข้ามขั้วเมื่อวานนี้ เป็นการสิ้นสุดอดีตที่ขมขื่นและเริ่มต้นวันใหม่ของประเทศ

ผมได้แต่หวังว่า ทุกฝ่ายจะเรียนรู้ความผิดพลาดทางการเมืองในอดีตอย่าให้ประวัติศาสตร์กลับมาซ้ำรอยเดิม การยึดมั่นระบบรัฐสภาภายใต้ระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุขการยึดถือหลักนิติรัฐนิติธรรมความซื่อสัตย์สุจริตและการยึดประโยชน์ของส่วนรวมเป็นที่ตั้งคือแนวทางที่ประเทศและการเมืองไทยจะก้าวเดินไปข้างหน้าได้อย่างมั่นคงและมีอนาคต


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top