Tuesday, 1 July 2025
NEWS FEED

วธ.เปิดการฝึกอบรมเชิงปฏิบัติการ 'สอนศิลป์ ถิ่นกวี' มุ่งสืบสานมรดกภูมิปัญญาศิลปวัฒนธรรมไทย ณ มหาวิทยาลัยราชภัฏนครราชสีมา

เมื่อวานนี้ (3 ก.ย.67) นางสาวสุดาวรรณ หวังศุภกิจโกศล รัฐมนตรีว่าการกระทรวงวัฒนธรรม มอบหมายให้ นายประสพ เรียงเงิน อธิบดีกรมส่งเสริมวัฒนธรรม เป็นประธานในพิธีเปิดการฝึกอบรมเชิงปฏิบัติการในหัวข้อ 'สอนศิลป์ ถิ่นกวี ขับกล่อมดนตรีพื้นบ้าน ร่วมสานงานศิลปวัฒนธรรม' ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของโครงการส่งเสริมอุตสาหกรรมวัฒนธรรมสร้างสรรค์ จัดขึ้นที่หอประชุมมหาวิทยาลัยราชภัฏนครราชสีมา การฝึกอบรมเชิงปฏิบัติการครั้งนี้ เป็นความร่วมมือระหว่างกรมส่งเสริมวัฒนธรรมและมหาวิทยาลัยราชภัฏนครราชสีมา โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อสืบสานและเผยแพร่มรดกภูมิปัญญาของศิลปวัฒนธรรมไทย โดยเฉพาะอย่างยิ่งในด้านศิลปะและดนตรีพื้นบ้าน ให้แก่คนรุ่นใหม่ ครู อาจารย์ นักเรียน นักศึกษา และประชาชนทั่วไป

ในการกล่าวเปิดงาน นายประสพ เรียงเงิน ได้กล่าวชื่นชมการร่วมมือกันระหว่างหน่วยงานต่าง ๆ ที่นำไปสู่การขับเคลื่อนศิลปวัฒนธรรมและภูมิปัญญาท้องถิ่น ซึ่งเป็นรากฐานสำคัญของอุตสาหกรรมวัฒนธรรมสร้างสรรค์ในอนาคต 

นอกจากนี้ยังได้กล่าวถึงความสำคัญของการอนุรักษ์และส่งเสริมศิลปวัฒนธรรมไทยให้คงอยู่คู่สังคมไทยตลอดไป และการจัดฝึกอบรมครั้งนี้ได้รับความสนใจจากผู้เข้าร่วมงานเป็นจำนวนมาก ซึ่งแสดงให้เห็นถึงความสำเร็จในการจัดงานและการสนับสนุนของทุกภาคส่วนที่ร่วมมือกันเพื่ออนุรักษ์และสืบสานศิลปวัฒนธรรมไทยอย่างยั่งยืน

จากนั้น นางสาวลิปิการ์ กำลังชัย รองอธิบดีกรมส่งเสริมวัฒนธรรม กล่าวขอบคุณอธิบดีกรมส่งเสริมวัฒนธรรมที่เป็นประธานในพิธีเปิดการฝึกอบรมเชิงปฏิบัติการในหัวข้อ 'สอนศิลป์ ถิ่นกวี ขับกล่อมดนตรีพื้นบ้าน ร่วมสานงานศิลปวัฒนธรรม' โดยกรมส่งเสริมวัฒนธรรม ร่วมกับ มหาวิทยาลัยราชภัฏนครราชสีมา และศิลปินแห่งชาติ 3 สาขา จำนวน 17 ท่าน 

ผนึกกำลังในการดำเนินโครงการนี้เพื่อถ่ายทอดองค์ความรู้จากศิลปินแห่งชาติและศิลปินอื่น ๆ ให้แก่ผู้เข้าร่วมผ่านการเรียนรู้ใน 14 ฐานศิลปะ ซึ่งครอบคลุมหลากหลายแขนง ทั้งด้านจิตรกรรม ประติมากรรม วรรณศิลป์ และการแสดง อาทิ เทคนิคจิตรกรรมและสื่อผสม เทคนิคสร้างสรรค์ภาพพิมพ์ เทคนิคประติมากรรม  การสร้างสรรค์งานวรรณศิลป์ (กวีนิพนธ์) การสร้างงานศิลปะการแสดงพื้นบ้าน (เพลงโคราช) การสร้างงานศิลปะการแสดงพื้นบ้าน 

(ดนตรีพื้นบ้านและการสร้างงานศิลปะการแสดงนาฏศิลป์ไทยร่วมสมัย  เป็นต้น นอกจากนี้ยังมีนิทรรศการแสดงผลงานของศิลปินแห่งชาติอีก 39 ชิ้น โดยหวังว่าผู้เข้าร่วมจะได้รับแรงบันดาลใจและร่วมกันสืบทอดศิลปวัฒนธรรมไทยต่อไป กิจกรรมในครั้งนี้ได้รับความร่วมมือจากวิทยากรที่มีความรู้ความสามารถและประสบการณ์ได้แก่ ศิลปินแห่งชาติ ศิลปินพื้นบ้าน ศิลปินร่วมสมัย และครูศิลปะ อาทิ ดร. กมล ทัศนาญชลี ศิลปินแห่งชาติ สาขาทัศนศิลป์ (จิตรกรรมและสื่อผสม) นายวรนันทน์ ชัชวาล

ทิพากร ศิลปินแห่งชาติ สาขาทัศนศิลป์ (ภาพถ่าย) นางชมัยภร บางคมบาง ศิลปินแห่งชาติ สาขาวรรณศิลป์ นายกำปั่น นิธิวรไพบูลย์ ศิลปินแห่งชาติ สาขาศิลปะการแสดง (เพลงโคราช) นายทรงศักดิ์ ประทุมสินธุ์ ศิลปินแห่งชาติ สาขาศิลปะการแสดง (ดนตรีพื้นบ้านอีสาน) นางรุ่งฤดี เพ็งเจริญ ศิลปินแห่งชาติ สาขาศิลปะการแสดง (ดนตรีไทยสำกล - ขับร้อง) นายเดช นานกลาง ผู้ทรงคุณวุฒิด้านปั้นดินเผาร่วมสมัยคนด่านเกวียนที่มาร่วมถ่ายทอดความรู้และ

ประสบการณ์ให้แก่ผู้เข้าร่วมการฝึกอบรมอย่างเข้มข้น ทำให้เกิดการต่อยอดภูมิปัญญา และสร้างแรงบันดาลใจในการสร้างสรรค์ผลงานศิลปะที่ยั่งยืนแก่ประเทศชาติ

อุทาหรณ์!! เอาเงินมรดกไปฝากเทรดจนติดหนี้ สุดท้ายฆ่าตัวตายหนีปัญหา สะท้อน!! อย่าปล่อยให้ใครมาควบคุมเงินเรา ไม่ว่าจะมากหรือน้อย

เมื่อวานนี้ (3 ก.ย. 67) เพจเฟซบุ๊ก ‘Elliott Wave by WaveAholic’ ได้โพสต์ข้อความเตือนใจผู้สนใจลงทุน ระบุว่า…

เมื่อวานซืนแอดได้ฟังเรื่องที่น่าสะเทือนใจ มาเรื่องนึง ในใจอยากเขียนถึงมาก เพราะมันสอนคนได้ทั้งสองฝั่ง

แต่จิตสำนึกบอกว่า เราจะเขียนยังไงให้เคารพคน ๆ นั้นมากที่สุด แต่ก็ยังเล่าเป็นอุทาหรณ์สอนใจเพื่อน ๆ ที่ติดตามกันมาได้ สุดท้ายขอเขียนถึงแบบนี้แล้วกัน

แอดได้ทราบข่าวมาว่ามีคนฆ่าตัวตายจากการ(ฝาก)เทรด

เรื่องราวโดยย่อคือ ท่านนี้ ได้รับเงินมรดกจากครอบครัวมา 20 ล้านบาท

มีความคิดอยากให้เงินก้อนนี้เติบโตขึ้น จึงลงทุนในการศึกษา โดยได้ลงเรียนการเทรดกับสถาบันหนึ่ง ซึ่งแอดขอไม่บอกว่าสถาบันนั้นสอนเทรดสินค้าอะไร ชื่ออะไร ใครเป็นเจ้าของ

เมื่อเข้าไปเรียนแล้ว ได้มีการเข้าร่วมกิจกรรม ‘นำเทรด’ กับสถาบัน และ ทำให้พอร์ตเสียหายไปประมาณ 5 ล้านบาท 

จากนั้นจึงเกิดความกังวล และได้ไปปรึกษา ‘โค้ช’ ในสถาบันนั้น 

โดยโค้ชเสนอทางออกให้ โดยบอกว่าจะรับ ‘ฝากเทรด’ ให้ โดยที่กำไรแบ่งกัน 50/50 ส่วนกรณีเสียแอดไม่ได้รับข้อมูล

โค้ชเหล่านั้นก็เอาเงินที่เหลือไปเทรด สุดท้ายติดลบมาอีก 2 ล้านบาท ทำให้ตอนนี้ขาดทุนไป 7 ล้านบาท ด้วยความเครียด และ กังวลของท่านเจ้าของเงิน กลัวที่บ้านจะตำหนิว่านำเงินมรดกมาทำเสียหาย จึงตัดสินใจฆ่าตัวตาย

เล่าได้เท่านี้จริง ๆ ลงรายละเอียดมากกว่านี้ไม่ได้แล้วและขอแสดงความเสียใจกับผู้เสียชีวิตด้วย
R.I.P 

จริง ๆ มีอุทาหรณ์ที่ควรพูดถึงในฝั่งเจ้าของเงิน แต่เมื่อเค้าจากไปแล้ว แอดขออนุญาต แสดงความเสียใจอย่างเดียวไม่พูดถึงอะไรในฝั่งนี้

แต่ที่อยากเขียนถึงคือ อยากบอกคนที่กำลังคิดว่าจะทำอะไรแบบนี้ในฝั่งคนสอน หรือโค้ชคนใดก็ตามว่า กรุณาระมัดระวัง เพราะสิ่งที่คุณคิดจะทำ คุณไม่มีทางรู้ว่ามันส่งผลต่อชีวิตของคนอื่นได้ระดับใดบ้าง 

แอดเชื่อเหลือเกินว่า ทั้งคนนำเทรด ทั้งโค้ชที่เกี่ยวข้องในเรื่องนี้ ไม่ได้รู้ตัวด้วยซ้ำว่ามีส่วนทำให้คนคนนึงตัดสินใจแบบนี้ เพราะสุดท้ายกิจกรรมของสถาบันก็ยังดำเนินต่อในปัจจุบัน

ส่วนฝั่งนักลงทุนแอดย้ำเสมอว่าในวงการนี้ หน้าฉากที่เห็น กับ สิ่งที่เป็น หลายครั้งมันสวนทางกัน อย่าเชื่อคนง่าย

หน้าฉากความสำเร็จที่คุณเห็นจากคนอื่น บางทีคนพวกนี้ก็มายืนบนจุดนั้นได้ จากความทุกข์ ความพังพินาศของคนอื่นนี่แหละ 

สุดท้าย อย่าปล่อยให้คนอื่นมาควบคุมเงินของเราเอง และเมื่อใดก็ตามที่เราดันปล่อยสิทธิ์ความเป็นเจ้าของของเงินเราให้คนอื่นดูแล ‘ห้าม’ all-in เด็ดขาด ไม่ว่าใจจะอยากมากขนาดไหนก็ตาม

ยังมีอีกหลายเรื่องในวงการนี้ที่อยากมาเล่าสู่กันฟัง จะได้พึงระวังให้มาก ๆ

‘กองทัพเรือ’ ทำพิธีจม ‘เรือของพ่อ’ (ต.94-95) ณ อ่าวแสมสาร ชลบุรี เพื่อสดุดีวีรชนทหารเรือ หลังทำหน้าที่ปกป้องท้องทะเลไทยตลอด 40 ปี

เมื่อวานนี้ (3 ก.ย. 67) พล ร.อ.อะดุง พันธุ์เอี่ยม ผู้บัญชาการทหารเรือ ได้มอบหมายให้ พล.ร.ท.สุระศักดิ์ สิงขรวัฒน์ ผู้บัญชาการทัพเรือภาคที่ 1 เป็นประธานในพิธีเปิดโครงการอุทยานการเรียนรู้ใต้ท้องทะเล พร้อมกระทำพิธีจัดวาง ‘เรือของพ่อ’ ซึ่งเป็นเรือตรวจการณ์ใกล้ฝั่ง ต.94 และ ต.95 ที่ปลดระวางแล้วให้จมลงสู่ใต้พื้นสมุทร บริเวณร่องน้ำด้านทิศตะวันออก ระหว่างเกาะจวงและเกาะจาน อ่าวแสมสาร ต.แสมสาร อ.สัตหีบ จ.ชลบุรี อย่างสมเกียรติ ณ ดาดฟ้าเรือหลวงกระบุรี หมายเลข 457

โดย พล ร.ท.สุระศักดิ์ ได้ทำพิธีวางพวงมาลาก่อนกล่าวสดุดีอำลา รำลึกในวีรกรรมความเสียสละ และความกล้าหาญของทหารทุกนายที่ได้เคยร่วมรับใช้ประเทศชาติ ปฏิบัติภารกิจในการปกป้องและรักษาธิปไตยของชาติทางทะเล ฟันฝ่าคลื่นลมอันตรายร่วมกับเรือทั้ง 2 ลำมายาวนานเกือบ 40 ปี

จากนั้น พลเป่าแตรได้เป่าสัญญาณแตรนอน ก่อนที่เรือหลวงกระบุรี จะให้สัญญาณชักหวูดปล่อยน้ำเข้าเรือเพื่อให้จมลงสู่ใต้ทะเลเพื่อเป็นแหล่งเรียนรู้ทางประวัติศาสตร์สู่อนุชนรุ่นหลังต่อไป

สำหรับโครงการจมเรือเป็นอุทยานเรือรบแหล่งเรียนรู้ใต้ท้องทะเล มีวัตถุประสงค์เพื่อคงไว้ซึ่งเป็นสถานที่รำลึกถึงวีรกรรมของเหล่านักรบวีรชนทหารเรือ ที่ได้ทำหน้าที่ปกป้องผืนทะเลไทยบนเรือรบทั้ง 2 ลำ

และยังมีเป้าหมายเป็นแหล่งท่องเที่ยวใหม่สำหรับเหล่านักดำน้ำที่จะได้ศึกษาเรียนรู้ทางประวัติศาสตร์ และชื่นชมเรือรบอันสง่างาม ตลอดจนเป็นแหล่งปะการังเทียมและเป็นที่อยู่อาศัยให้สิ่งมีชีวิตใต้ทะเล

โดยเรือตรวจการณ์ใกล้ฝั่ง ต.94 และ ต.95 เป็นเรือชุดเดียวกับเรือ ต.91 ซึ่งเป็นเรือที่ได้รับพระมหากรุณาธิคุณจากพระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร ในการพระราชทานพระราชดำริ และพระบรมราชวินิจฉัยเกี่ยวกับการต่อเรือ เพื่อพึ่งพาตนเองของกองทัพเรือ 

ซึ่งกรมอู่ทหารเรือ นับตั้งแต่การสร้างเรือตรวจการณ์ใกล้ฝั่งชุดเรือ ต.91 ถึงเรือ ต.99 จำนวน 9 ลำ ระหว่างปี พ.ศ. 2510 - 2530 อันเป็นโครงการของกองทัพเรือ ตามพระราชดำริของพระองค์ จนสมัญญาเรือชุดนี้ว่า ‘เรือของพ่อ’

กองทัพเรือ นำเรือ ต.94 และเรือ ต.95 เป็นอุทยานการเรียนรู้ใต้ท้องทะเล เกาะจวง สัตหีบ

เมื่อวันที่ (3 ก.ย.67) เวลา 08.30 น. พลเรือเอก อะดุง พันธุ์เอี่ยม ผู้บัญชาการทหารเรือ ประธานกรรมการอำนวยการโครงการอนุรักษ์แนวปะการังและสิ่งมีชีวิตใต้ทะเลไทย ในพระดำริสมเด็จพระเจ้าลูกเธอ เจ้าฟ้าสิริวัณณวรี นารีรัตนราชกัญญา เป็นประธานประกอบพิธีนำเรือ ต.94 และ เรือ ต.95 ไปจัดวางเป็นอุทยานการเรียนรู้ใต้ท้องทะเล บริเวณทิศตะวันออกของเกาะจวง อ.สัตหีบ จ.ชลบุรี พร้อมด้วยคณะกรรมการอำนวยการโครงการอนุรักษ์แนวปะการังและสิ่งมีชีวิตใต้ทะเลไทย ในพระดำริสมเด็จพระเจ้าลูกเธอ เจ้าฟ้าสิริวัณณวรี นารีรัตนราชกัญญา ผู้แทนหน่วยงานสนองพระดำริ และเจ้ากรมกิจการพลเรือนทหารเรือ ในฐานะเลขานุการคณะกรรมการอำนวยการโครงการฯ กำลังพลกองทัพเรือ หน่วยงานสนองพระดำริ ประชาชน นักเรียนจากโรงเรียนในพื้นที่กว่า 300 คน ร่วมในพิธีดังกล่าว

สำหรับพิธีนำเรือ ต.94 และ เรือ ต.95 ไปจัดวางเป็นอุทยานการเรียนรู้ใต้ท้องทะเล ประกอบด้วย พิธีบำเพ็ญกุศลทักษิณานุปทาน และพิธีเปิดโครงการอุทยานการเรียนรู้ใต้ท้องทะเล การจัดแสดงนิทรรศการของหน่วยงานสนองพระดำริ นิทรรศการประวัติ เรือ ต.94 และ เรือ ต.95 ณ สโมสรสัญญาบัตร กองเรือยุทธการ และพิธีจัดวางเรือ ต.94 และเรือ ต.95 บริเวณเกาะจวง พิธีกล่าวอำลา พิธีวางพวงมาลา การเป่าแตรนอน การให้สัญญาณชักหวูดนำเรือลงใต้ทะเล การเปิดคลุมป้ายโครงการฯ บริเวณชายหาดเกาะจวง และการปล่อยน้ำเข้าเรือ เพื่อนำเรือลงสู่ใต้ทะเล ณ เรือหลวงกระบุรี

โครงการอุทยานการเรียนรู้ใต้ท้องทะเล ภายใต้โครงการอนุรักษ์แนวปะการังและสิ่งมีชีวิตใต้ทะเลไทย ในพระดำริสมเด็จพระเจ้าลูกเธอ เจ้าฟ้าสิริวัณณวรี นารีรัตนราชกัญญา มีวัตถุประสงค์ เพื่อแสดงออกถึงความจงรักภักดีแด่ พระบรมวงศานุวงศ์ และปลูกจิตสำนึกในการอนุรักษ์ทรัพยากรทางทะเล โดยนำเรือ ต.94 และ เรือ ต.95 ไปจัดวางเป็นอุทยานการเรียนรู้ใต้ท้องทะเลให้เป็นแหล่งที่อยู่อาศัยของสัตว์ทะเลชายฝั่ง เป็นแหล่งอาหารที่อุดมสมบูรณ์ เป็นแหล่งที่อนุบาลหรือยึดเกาะของตัวอ่อนปะการัง รวมทั้งจะเป็นแหล่งท่องเที่ยวใต้ทะเลในพื้นที่จังหวัดชลบุรี แห่งใหม่ เป็นการขยายกลุ่มนักท่องเที่ยวที่แออัด อันจะทำให้ปะการัง ได้มีเวลาพักฟื้นและเจริญเติบโตต่อไป

สมเด็จพระเจ้าลูกเธอ เจ้าฟ้าสิริวัณณวรี นารีรัตนราชกัญญา ทรงมีเจตนารมณ์ ที่จะอนุรักษ์แนวปะการัง กัลปังหา และสิ่งมีชีวิตใต้ทะเลไทย และทรงห่วงใยปัญหาความเสื่อมโทรม ของทรัพยากรธรรมชาติใต้ทะเล จึงโปรดให้มีการจัดตั้งมูลนิธิและโครงการ “อนุรักษ์แนวปะการังและสิ่งมีชีวิตใต้ทะเลไทย” ขึ้น โดยมีวัตถุประสงค์ เพื่อให้แนวปะการัง กัลปังหา และสิ่งมีชีวิตใต้ทะเลไทย ได้รับการอนุรักษ์รวมทั้งได้รับการฟื้นฟูระบบนิเวศทางทะเล และสัตว์ทะเลไม่ถูกทำลาย อีกทั้งยังเป็นการกระตุ้นและปลูกจิตสำนึก ให้ประชาชนได้เห็นถึงคุณค่าของทรัพยากรทางทะเล นำไปสู่ความสมดุลทางธรรมชาติ และการพัฒนาที่ยั่งยืนสืบไป

กองทัพเรือ ได้ตระหนักถึงความสำคัญและประโยชน์ของการอนุรักษ์ทรัพยากรทางทะเล จึงได้จัดทำโครงการนำเรือ ต.94 และ เรือ ต.95 ไปจัดวางเป็นอุทยานการเรียนรู้ใต้ท้องทะเล ณ บริเวณทิศตะวันออกของเกาะจวง ภายใต้โครงการอนุรักษ์แนวปะการังและสิ่งมีชีวิตใต้ทะเลไทย ในพระดำริสมเด็จพระเจ้าลูกเธอ เจ้าฟ้าสิริวัณณวรี นารีรัตนราชกัญญา เพื่อสนองพระดำริ ที่ทรงมีเจตนารมณ์ที่จะอนุรักษ์แนวปะการัง กัลปังหา และสิ่งมีชีวิตใต้ทะเลไทย โดยทรงห่วงใยปัญหาเรื่องความเสื่อมโทรมของทรัพยากรธรรมชาติใต้ทะเล การทำร้ายสัตว์ทะเลด้วยน้ำมือมนุษย์โดยตั้งใจหรือรู้เท่าไม่ถึงการณ์ เป็นแหล่งฝึกศึกษาให้กับนักเรียนฝึกดำน้ำ เป็นการสร้างแหล่งท่องเที่ยวทางทะเลแห่งใหม่ในพื้นที่จังหวัดชลบุรี เป็นการลดผลกระทบจากการท่องเที่ยวดำน้ำในแนวปะการังตามธรรมชาติ และเปิดโอกาสในการพักฟื้นตัวของแหล่งท่องเที่ยวแนวปะการังธรรมชาติให้สามารถใช้ประโยชน์ได้อย่างยั่งยืน ตลอดจนเป็นการช่วยส่งเสริมการท่องเที่ยวให้เป็นแหล่งรายได้ให้กับประชาชนในพื้นที่อำเภอสัตหีบ จังหวัดชลบุรี ต่อไป

เรือตรวจการณ์ใกล้ฝั่ง ต.94 และ ต.95 เป็นเรือตรวจการณ์ใกล้ฝั่งชุดเรือ ต.91ซึ่งประกอบด้วยเรือ ต.91, เรือ ต.92, เรือ ต.93, เรือ ต.94, เรือ ต.95, เรือ ต.96, เรือ ต.97, เรือ ต.98 และเรือ ต.99 รวมทั้งสิ้น 9 ลำ สร้างโดยกรมอู่ทหารเรือ ตั้งแต่ปี พ.ศ.2510 - 2530 นับเป็นเรือตรวจการณ์สมัยใหม่ชุดแรก ที่กองทัพเรือไทยสร้างเองในประเทศ ตามพระราชดำริ และพระบรมราชวินิจฉัยของพระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราชบรมนาถบพิตร นับเป็นพระมหากรุณาธิคุณอย่างหาที่สุดมิได้แก่กองทัพเรือไทยเป็นล้นพ้น พระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร ทรงมีพระราชดำริว่า กองทัพเรือเราควรต่อเรือประเภทนี้ไว้ใช้เองบ้าง ทั้งนี้ด้วยเรือยนต์รักษาฝั่งมีบทบาทสำคัญ เช่น ในการปราบปราม และป้องกันการลักลอบลำเลียงอาวุธ และกำลังคนของฝ่ายก่อการร้ายเข้ามาใน่านน้ำอาณาเขตของประเทศเรา ในระหว่างการต่อเรือ ต.91 กองทัพเรือ ได้รับพระมหากรุณาธิคุณจากพระองค์ โดยทรงให้สถาบันวิจัยและทดสอบ แบบเรือของต่างประเทศช่วยทดสอบแบบเรือลำนี้ทางเทคนิคต่าง ๆ ให้  และได้พระราชทานคำแนะนำจนถึงทรงร่วมทดลองเรือในทะเลด้วยพระองค์เอง กองทัพเรือยังคงสานต่อพระราชปณิธานอย่างต่อเนื่องสืบมา ในการปรับปรุงแบบเรือและสร้างเพิ่มเติม เช่น เรือ ต.92, ต.93, ต.94, ต.95, ต.96, ต.97, ต.98,ต.99, ต.991, ต.994

ซึ่งทำให้ กองทัพเรือสามารถสร้างเรือรบเองได้อย่างต่อเนื่อง เพื่อเสริมสร้างรั้วทางทะเลให้เข้มแข็ง อีกทั้งยังทำให้องค์บุคคลของกองทัพเรือ ได้มีการพัฒนาความรู้ ความสามารถ และก้าวไปสู่การต่อเรือขนาดใหญ่ต่อไป

สำหรับ เรือ ต.94 ขึ้นระวางประจำการเมื่อวันที่ 22 กุมภาพันธ์ 2526 และปลดประจำการเมื่อวันที่ 1 ตุลาคม 2562 และเรือ ต.95 ขึ้นระวางประจำการเมื่อวันที่ 27 ธันวาคม 2525 และปลดประจำการเมื่อวันที่ 1 ตุลาคม 2562 โดยเรือทั้ง 2 ลำ สังกัดหมวดเรือที่ 2 กองเรือยามฝั่ง กองเรือยุทธการ

นิราช/นันทพล ทิพย์ศรี ชลบุรี 

กองทัพเรือ เตรียมนำเรือ ต.94 และ เรือ ต.95 จัดสร้างอุทยานการเรียนรู้ใต้ท้องทะเล เกาะจวง

เมื่อวันที่ (30 ส.ค.67) เวลา 08.00 น. พลเรือโท พาสุกรี วิลัยรักษ์ เจ้ากรมกิจการพลเรือนทหารเรือ เป็นประธานพิธีบวงสรวง เรือ ต.94 และ เรือ ต.95 ณ ท่าเรือแหลมเทียน การท่าเรือสัตหีบ ฐานทัพเรือสัตหีบ ก่อนที่จะนำเรือทั้ง 2 ลำ ไปจัดวางเป็นอุทยานการเรียนรู้ใต้ท้องทะเล บริเวณพื้นที่เกาะจวง อ.สัตหีบ จ.ชลบุรี โดย กองทัพเรือ ได้กำหนดจัดโครงการนำเรือ ต.94 และ เรือ ต.95 ไปจัดสร้างอุทยานการเรียนรู้ใต้ท้องทะเล บริเวณเกาะจวง อำเภอสัตหีบ จังหวัดชลบุรี ภายใต้โครงการ "อนุรักษ์แนวปะการังและสิ่งมีชีวิตใต้ทะเลไทย ในพระดำริ สมเด็จพระเจ้าลูกเธอ เจ้าฟ้าสิริวัณณวรี นารีรัตนราชกัญญา" ในวันที่ 3 กันยายน 2567 เพื่อเป็นแหล่งศึกษาเรียนรู้ เกี่ยวกับทรัพยากรธรรมชาติใต้ท้องทะเล โดยมี ผู้บัญชาการทหารเรือ เป็นประธานในพิธี ในวันดังกล่าว

นิราช/นันทพล ทิพย์ศรี ก012 ชลบุรี 0909535645

สมุทรปราการ- “บิ๊กเผือก” ผบช.ทท. จัดงานครบรอบ 7 ปี วันคล้ายวันสถาปนากองบัญชาการตำรวจท่องเที่ยว

เมื่อวันที่ (30 ส.ค. 67) เวลา 09.00 น. ณ กองบัญชาการตำรวจท่องเที่ยว ได้จัดพิธีทำบุญเลี้ยงพระเนื่องในโอกาส ครบรอบ 7 ปี วันคล้ายวันสถาปนากองบัญชาการตำรวจท่องเที่ยว ณ กองบัญชาการตำรวจท่องเที่ยว ถนนสุวรรณภูมิ 4 อ.บางพลี จ.สมุทรปราการ

นับเป็นปีที่ 7 ของการก่อตั้งกองบัญชาการตำรวจท่องเที่ยวภายหลังได้รับการยกฐานะจากกองบังคับการตำรวจท่องเที่ยวขึ้นเป็นกองบัญชาการ เมื่อวันที่ 1 กันยายน 2560 ทั้งนี้ เพื่อเป็นการรำลึกถึงการก่อตั้งและเสริมสร้างความเป็นสิริมงคลแก่กองบัญชาการตำรวจท่องเที่ยว

โดยในช่วงเช้า พล.ต.ท.ศักย์ศิรา เผือกอ่ำ ผบช.ทท. พร้อมด้วย พ.อ.หญิง อติกานต์ เผือกอ่ำ ประธานชมรมแม่บ้านตำรวจท่องเที่ยว พล.ต.ต.พงษ์สยาม มีขันทอง รอง ผบช.ทท. พล.ต.ต.กฤษณ์ วาฤทธิ์ รอง ผบช.ทท. พล.ต.ต.นรเศรษฐ์ สุวรรณนิกขะ ผบก.อก.บช.ทท. พล.ต.ต.ม.ล.สันธิกร วรวรรณ ผบก.ทท.1 พล.ต.ต.ฐากูร นิ่มสมบุญ ผบก.ทท.2 และ พล.ต.ต.ภพพล จักกะพาก ผบก.ทท.3 นำข้าราชการตำรวจในสังกัดกองบัญชาการตำรวจท่องเที่ยว ประกอบพิธีสักการะสิ่งศักดิ์สิทธิ์เพื่อความเป็นสิริมงคล

จากนั้นในเวลา 09.30 น. พล.ต.ท. ศักย์ศิรา เผือกอ่ำ ผบช.ทท.เป็นประธานในพิธี นำข้าราชการตำรวจในสังกัดกองบัญชาการตำรวจท่องเที่ยว พร้อมด้วยคณะแม่บ้านตำรวจท่องเที่ยว ร่วมถวายภัตตาหารเพลแด่พระสงฆ์ จำนวน 9 รูป พระสงฆ์เจริญชัยมงคลคาถาเจริญพระพุทธมนต์เพื่อความเป็นสิริมงคล เนื่องในโอกาสวันคล้ายวันสถาปนากองบัญชาการตำรวจท่องเที่ยว

โดยในงานวันคล้ายวันสถาปนากองบัญชาการตำรวจท่องเที่ยว ครบรอบ 7 ปี มีข้าราชการตำรวจระดับสูงรวมถึงหน่วยงานต่างๆ อาทิ สำนักงาน ปปส. การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ ตลอดจนนักธุรกิจ และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องต่างเดินทางมาร่วมแสดงความยินดี พร้อมทั้ง ได้มอบกระเช้าดอกไม้ร่วมอวยพรเนื่องในโอกาสวันคล้ายวันสถาปนากองบัญชาการตำรวจท่องเที่ยว

คิว-ข่าวสมุทรปราการ-รายงาน

ทัพเรือภาค 1 ร่วมกับ ท่าเรือประจวบ ฝึกปฎิบัติการร่วม รักษาความปลอดภัยท่าเรือและเรือ ภายใต้รหัส “NAPPEX2024”

เมื่อเวลา 11.00 น. (4 ก.ย. 67) ที่ห้องประชุม บจก.ท่าเรือประจวบ อ.บางสะพาน จ.ประจวบคีรีขันธ์ นาวาเอก อโศก ศรีสวัสดิ์ รองเสนาธิการ ทัพเรือภาคที่ 1 พ.ต.อ. ชัยรินทร์ แก้วสุวรรณ  ผกก. สภ.บางสะพาน  นายวิทักษ์ ทองรุ่งเปลว ปลัดอำเภอบางสะพาน และนายจิร โชตินุชิต กรรมการผู้จัดการ บจก.ท่าเรือประจวบ  นายวีระ ร่วมพุ่ม รองนายกองค์การบริหารส่วนตำบลแม่รำพึง พร้อมแขกผู้มีเกียรติ เจ้าหน้าที่ส่วนที่เกี่ยวข้อง ร่วมเปิดการฝึกปฎิบัติการร่วมในการรักษาความปลอดภัยท่าเรือและเรือ ตาม ISPS Code ภายใตัรหัส Naval Security Prachuap Port Exercise 2024 “NAPPEX2024” ในการฝึกซ้อมจะมีการจำลองเหตุรับมือสถานการณ์ การก่อความไม่สงบในท่าเรือ เพื่อเตรียมความพร้อมในการรับมือภาวะฉุกเฉิน และภัยก่อการร้ายต่างๆ ที่อาจเกิดขึ้นในพื้นที่ท่าเรือ เพื่อสร้างความมั่นใจในความปลอดภัยให้แก่ผู้ใช้บริการ โดยมีหน่วยงานทั้งภาครัฐและเอกชนที่เกี่ยวข้องเข้าร่วมฝึกซ้อม และสังเกตการณ์ 

นายจิร โชตินุชิต กรรมการผู้จัดการ บริษัท ท่าเรือประจวบ จำกัด เปิดเผยว่า บริษัท ท่าเรือประจวบ จำกัด ถือเป็นท่าเรือน้ำลึกเอกชนที่มีจุดยุทธศาสตร์ และขีดความสามามารถในการให้บริการ ด้วยทำเลที่ตั้งที่เหมาะสม "ท่าเรือประจวบ"ให้บริการกับลูกค้าอื่นๆ ในการบรรทุกขนถ่ายสินค้าต่างๆ ด้วยศักยภาพและขีดความสามารถของ "ท่าเรือประจวบ" จึงมีความคิดที่จะเพิ่มสายธุรกิจให้กับบริษัท ท่าเรือประจวบ จำกัด ซึ่งส่งผลให้เกิดประโยชน์ต่อประเทศ ต่อจังหวัด และต่อชุมชนในเรื่องการเพิ่มประสิทธิภาพการขนส่งทางน้ำ ประกอบกับพันธกิจที่จะมุ่งสู่ "ประตูสู่เศรษฐกิจสีนำเงิน" และพัฒนาเศรษฐกิจบนพื้นฐานการใช้ทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่งอย่างยั่งยืน เป็นแนวทางการขับเคลื่อนเจริญเติบโตทางเศรษฐกิจที่ควบคู่ไปกับการดูแลรักษาระบบนิเวศอย่างยั่งยืน

นาวาเอก อโศก ศรีสวัสดิ์ รองเสนาธิการ ทัพเรือภาคที่ 1 กล่าวว่า การฝึกครั้งนี้มีหน่วยเข้าร่วมการฝึกประกอบด้วย ทัพเรือภาคที่ 1 เรือหลวงกระบุรี ศูนย์อ้านวยการรักษาผลประโยชน์ชาติทางทะเล (ศรชล) ชุดปฏิบัติการพิเศษจากหน่วยบัญชาการสงครามพิเศษทางเรือ ตำรวจน้ำ เจ้าท่าตำรวจตระเวณชายแดน 14 เจ้าหน้าที่ชุด EOD และหน่วยงานต่างๆในพื้นที่บางสะพาน ทั้งนี้ระหว่างมีการฝึก เรือหลวงกระบุรี ได้ร่วมกับท่าเรือประจวบ จำกัด จัดกิจกรรมเปิดเรือให้นักเรียน นักศึกษา และผู้สนใจเข้าเยี่ยมชมเรือหลวงกระบุรี ในวันที่ 5 ก.ย.ระหว่างเวลา 10.00 - 16.00 น. อีกด้วย

ข่าว   ณัฐธภพ พันสาย  /  จ.ประจวบคีรีขันธ์   0649646443

ก.แรงงาน ผนึกกำลังมูลนิธิหัวใจบริสุทธิ์ ส่งต่อธารน้ำใจช่วยผู้ประสบอุทกภัยภาคเหนือ

เมื่อวันที่ (29 ส.ค. 67) เวลา 10.00 น. นายไพโรจน์ โชติกเสถียร ปลัดกระทรวงแรงงาน เป็นประธานมอบเครื่องอุปโภคบริโภคให้กับ นางเธียรรัตน์ นะวะมะวัฒน์ ประธานมูลนิธิหัวใจบริสุทธิ์ ซึ่งได้รับการสนับสนุนจากบริษัทไบ่ลี่ เอ็นเตอร์ไพร์ส จำกัด ที่ได้นำผลิตภัณฑ์ข้าวโอ๊ต จำนวน 200 ลัง
รวมทั้งสิ้น 3,000 ห่อ เพื่อร่วมสนับสนุนส่งต่อธารน้ำใจนำไปช่วยเหลือผู้ประสบอุทกภัยทางจังหวัดภาคเหนือ โดยมี นางสาวกรจิรัฏฐ์ พงจันทร์ศธร ผู้ช่วยปลัดกระทรวงแรงงาน จ.ส.อ.หญิง วรรณภา ปานสุข และนายชานนท์ บุญสง ผู้แทนบริษัท ไบ่ลี่ เอ็นเตอร์ไพร์ส จำกัด ร่วมรับมอบ ณ บริเวณโถงชั้น 1 อาคารกระทรวงแรงงาน

นายไพโรจน์ กล่าวว่า กระทรวงแรงงาน มีความห่วงใยต่อชีวิตความเป็นอยู่ของพี่น้องผู้ใช้แรงงานและพี่น้องประชาชนที่ประสบอุทกภัยอยู่ในขณะนี้ แม้ว่าบางพื้นที่น้ำเริ่มลดลงและอยู่ระหว่างการฟื้นฟู
เพื่อกลับเข้าสู่ภาวะปกติ แต่ขณะเดียวกัน ยังมีอีกหลายพื้นที่ที่น้ำยังท่วมสูงอยู่และชาวบ้านได้รับความเดือดร้อน การที่กระทรวงแรงงานได้รับการสนับสนุนจากสถานประกอบการ และร่วมมือกับมูลนิธิหัวใจบริสุทธิ์ เพื่อนำเครื่องอุปโภคบริโภคไปแจกจ่ายช่วยเหลือผู้ประสบอุทกภัยทางจังหวัดภาคเหนือในครั้งนี้ เป็นการบรรเทาความเดือดร้อนของพี่น้องประชาชนที่ประสบอุทกภัยในเบื้องต้น ซึ่งภายหลังจากการส่งมอบในวันนี้จะทยอยส่งต่อธารน้ำใจไปสู่ผู้ประสบอุทกภัยในพื้นที่ต่างๆ ต่อไป

“กระทรวงแรงงาน ขอขอบคุณทุกภาคส่วน ทั้งผู้ประกอบการภาคเอกชน และมูลนิธิหัวใจบริสุทธิ์
ที่ช่วยกันสนับสนุนสิ่งของเพื่อช่วยเหลือผู้ประสบภัย นอกเหนือจากการมอบสิ่งของเพื่อบรรเทาความเดือดร้อนในเบื้องต้นแล้ว ในส่วนของกระทรวงแรงงานเอง ผมยังได้สั่งการให้แรงงานจังหวัดพร้อมหน่วยงานในสังกัด
จัดทีมเจ้าหน้าที่เพื่อออกหน่วยบริการด้านแรงงานให้ความช่วยเหลือประชาชนที่ได้รับผลกระทบ อาทิ การซ่อมแซมบ้านเรือน อุปกรณ์เครื่องใช้ไฟฟ้า ซ่อมรถจักรยานยนต์ และเครื่องยนต์เล็กเพื่อการเกษตรที่เสียหายจากน้ำท่วม รวมทั้งรับสมัครงาน ฝึกอบรมอาชีพให้แก่ผู้ได้รับผลกระทบจากอุทกภัย ให้คำปรึกษาด้านกฎหมายแรงงานและสิทธิประโยชน์ประกันสังคมเพื่อฟื้นฟูในพื้นที่ที่น้ำลดอีกด้วย” นายไพโรจน์ กล่าว

ทั้งนี้ หากลูกจ้าง นายจ้าง และพี่น้องประชาชนที่ประสบอุทกภัยได้รับความเดือดร้อนและต้องการขอรับความช่วยเหลือจากหน่วยงานในสังกัดกระทรวงแรงงาน สามารถติดต่อสอบถามรายละเอียดได้ที่สายด่วนกระทรวงแรงงาน โทร.1506

กรมแพทย์ทหารเรือ ลงนาม MOU ทางการแพทย์ฯ กับคณะแพทยศาสตร์ศิริราชพยาบาล ม.มหิดล กรมการแพทย์ทหาร 3 เหล่าทัพ และ สตช.

(4 ก.ย. 67) กรมแพทย์ทหารเรือ โดย พลเรือโท ณัฐ  อิศรางกูร ณ อยุธยา เจ้ากรมแพทย์ทหารเรือ และคณะเข้าร่วมในพิธี ลงนามบันทึกข้อตกลงความร่วมมือ (MOU) ทางการแพทย์และสาธารณสุข ระหว่างคณะแพทยศาสตร์ศิริราชพยาบาล ม.มหิดล กรมการแพทย์ทหาร 3 เหล่าทัพ และสำนักงานแพทย์ใหญ่ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (สตช.) ณ ห้องประชุมสิรินธร อาคารเฉลิมพระเกียรติ รพ.ศิริราช เมื่อ 3 กันยายน 2567 ที่ผ่านมา

นิราช/นันทพล ทิพย์ศรี รายงาน 

ศาลอุทธรณ์พิพากษา จำคุก 8 ปี 'ครูไพบูลย์' คดีพรากผู้เยาว์อดีตภรรยา 'เอ๋ มิรา'

(3 ก.ย.67) ความคืบหน้ากรณี ‘เอ๋ มิรา ชลวิรัลวานิศร์’ ยื่นฟ้องอดีตสามีนายไพบูลย์ แสงเดือน หรือ ครูไพบูลย์ ผู้บริหารค่ายเพลงลูกทุ่งในความผิดฐานพรากผู้เยาว์และกระทำชำเราเด็กอายุต่ำกว่า 15 ปี

ล่าสุด นายวิษรุษ มณีรัตน์ ทนายของ มิรา ได้โพสต์ข้อความเผยความคืบหน้า โดยระบุว่า…

"พ่อ แม่ เด็กและผู้เยาว์ วันนี้คงอุ่นใจขึ้น ความยุติธรรมของกฎหมายไทย ที่จะเป็นเกราะป้องกันเด็กอายุต่ำกว่า 18 ปี จากคนที่จ้องจะทำลายอนาคตของเด็ก คดีพรากผู้เยาว์ มิรา ชลวิรัลวานิศร์ ตัดสินแล้ววันนี้ ศาลอุทธรณ์จำคุก 8 ปี ไม่รอการลงโทษ"

ขณะที่เฟซบุ๊กของ ‘ครูไพบูลย์’ ยังไม่มีความเคลื่อนไหวใด ๆ มีเพียงโพสต์ช่องทางการติดต่องาน และโพสต์ภาพเจ้าตัวเองล่าสุด 12 ชม.ที่แล้ว ที่ระบุว่า…

"ฉันผ่านมาหมดแล้ว สุข ทุกข์ ผิดหวัง สมหวัง ยากจน มีกิน ขอคุณความดีคุ้มครอง" 

โดยก่อนหน้านี้ เมื่อวันที่ 6 พ.ค.65 พนักงานอัยการ จ.หนองบัวลำภู ได้มีคำสั่งฟ้องนายไพบูลย์ ในคดีพรากผู้เยาว์

ต่อมาเมื่อวันที่ 6 ก.พ.66 ศาลชั้นต้นได้พิพากษา นายไพบูลย์ จำคุก 8 ปีไม่รอลงอาญา คดีพรากผู้เยาว์อดีตภรรยา ชดใช้เงิน 350,000 บาท โดยนายไพบูลย์ได้ยื่นอุทธรณ์ และล่าสุด ศาลอุทธรณ์ได้ตัดสินจำคุก 8 ปี ไม่รอการลงโทษ


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top