Tuesday, 1 July 2025
NEWS FEED

สตูล ส่งมอบเรือของกลางคืนมาเลเซีย หลังถูกโจรกรรมมาซุกในสตูล พร้อมเดินหน้าตามหาคนผิดต่อไป การส่งมอบคืนในครั้งนี้เป็นการร่วมมือในการแก้ปัญหาอาชญากรรมข้ามชาติและการแก้ปัญหาความมั่นคงทางทะเล

(30 ส.ค. 67) ที่ผ่านมา ที่ด่านศุลกากรตำมะลัง จังหวัดสตูล มีพิธีส่งมอบเรือของกลางคืนให้แก่ทางการมาเลเซีย โดยนายศักระ กปิลกาญจน์  ผู้ว่าราชการจังหวัด  ผอ.ศรชล.ได้มอบหมายให้  น.อ.แสนย์ไท บัวเนียม รองผู้อำนวยการศูนย์อำนวยการรักษาผลประโยชน์ของชาติทางทะเลจังหวัดสตูล เป็นประธานในพิธี สำหรับเรือลำนี้เป็นเรือประมงสัญชาติมาเลเซีย ชื่อ KHF 818 ขนาด 38.46 กรอสตัน ถูกพบเมื่อวันที่ 18 พฤษภาคม 2567 โดยเจ้าหน้าที่ตรวจท่าปฏิบัติการ สำนักงานเจ้าท่าภูมิภาคจังหวัดสตูล พบว่าเรือลำนี้เข้ามาจอดที่อู่เรือในตำบลตำมะลัง อำเภอเมืองสตูล โดยไม่ได้รายงานการเข้ามาต่อเจ้าท่าตามกฎหมาย จากการสอบสวนพบว่า เรือลำนี้เป็นของนายอี เทีย จาย สัญชาติมาเลเซีย ซึ่งถูกโจรกรรมมาจากท่าเรือประมงกัวลาเคดาห์ ประเทศมาเลเซีย เมื่อวันที่ 15 ธันวาคม 2565 และได้มีการแจ้งความไว้ที่สถานีตำรวจกัวลาเคดาห์แล้ว ในการส่งมอบครั้งนี้ได้มีเจ้าหน้าที่ระดับสูงของจังหวัดสตูลเข้าร่วม อาทิ ผู้กำกับการสถานีตำรวจภูธรเมืองสตูล ,นายด่านศุลกากรสตูล, ผู้อำนวยการศูนย์บริหารจัดการด่านตรวจประมงเขต 9 สตูล, ประมงจังหวัดสตูล,หน่วยป้องกันและปราบปรามประมงทะเลเกาะหลีเป๊ะ (สตูล),กองพันทหารราบที่ 2 กรมทหารราบที่ 5,กองร้อยตำรวจตะเวนชายแดนที่ 436 สตูล และเจ้าท่าภูมิภาคสาขาสตูลและหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง สำหรับฝ่ายมาเลเซียมีมูฮัมหมัด ไครูลานัวร์ บิน อิบราฮิม รองสารวัตรตำรวจน้ำลังกาวี รัฐเคดาห์ และเจ้าหน้าที่จากสำนักงานประมงรัฐเคดาห์ มารับมอบเรือ

ทั้งสองฝ่ายได้ตรวจสอบสภาพเรือและยืนยันว่าไม่มีความเสียหายเพิ่มเติม การส่งมอบครั้งนี้เป็นไปตามกระบวนการทางกฎหมายและไม่มีการเรียกร้องผลประโยชน์ใดๆ ทางการไทยยังเน้นย้ำว่าจะเร่งติดตามจับกุมคนร้ายมาดำเนินคดีโดยเร็ว การส่งมอบเรือคืนครั้งนี้แสดงให้เห็นถึงความร่วมมืออันดีระหว่างไทยและมาเลเซียในการแก้ไขปัญหาอาชญากรรมข้ามชาติ และการรักษาความมั่นคงทางทะเลร่วมกัน

นิตยา แสงมณี // ผู้สื่อข่าวภูมิภาคประจำจังหวัดสตูล

นาวิกโยธิน พัน ร.7 ฯ ร่วมพิธีเจริญพระพุทธมนต์สมโภช พระพุทธรูปสำคัญ ประจำจังหวัดระยอง เลิมพระเกียรติสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ฯ

เมื่อวานนี้ (29 ส.ค.67) เวลา 09.00 น. นาวาโท เมธา คงเจริญ ผู้บังคับกองพันทหารราบที่ 7 กรมทหารราบที่ 3 กองพลนาวิกโยธิน (ผบ.พัน.ร.7 กรม ร.3 พล.นย.) ค่ายมหาสุรสิงหนาท ต.ตะพง อ.เมือง จ.ระยอง พร้อมด้วยกำลังพล ร่วมพิธีเจริญพระพุทธมนต์สมโภช พระพุทธรูปสำคัญประจำ จังหวัดระยอง ตามโครงการเทิดทูนสถาบันพระมหากษัตริย์และพระบรมวงศานุวงศ์ ประจำปีงบประมาณ 2567 กิจกรรมเฉลิมพระเกียรติ สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง จังหวัดระยอง ซึ่งได้รับเกียรติจาก นายไตรภพ วงศ์ไตรรัตน์ ผู้ว่าราชการจังหวัดระยอง เป็นประธานฝ่ายฆราวาสในพิธีฯ 

ทั้งนี้ กิจกรรมดังกล่าวจัดขึ้น เพื่อเป็นการเฉลิมพระเกียรติและสำนึกในพระมหากรุณาธิคุณ ณ พระอุโบสถ วัดป่าประดู่ พระอารามหลวง อ.เมืองระยอง จ.ระยอง

 

รวมพลัง 'วปอ.บอ. รุ่นที่ 1' ลงพื้นที่ช่วยบรรเทาวิกฤตน้ำท่วมสุโขทัย พร้อมเตรียมแผนสร้างเสริมเศรษฐกิจการท่องเที่ยวสุโขทัยหลังน้ำลด

(29 ส.ค. 67) วิทยาลัยป้องกันราชอาณาจักร เผยกิจกรรมลงพื้นที่ 2 วันของตัวแทนคณะนักศึกษาหลักสูตรการป้องกันราชอาณาจักรสำหรับผู้บริหารแห่งอนาคต (วปอ.บอ.) รุ่นที่ 1 อาทิ นางสาวแพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี คณะที่ปรึกษาผู้ทรงคุณวุฒิประจำหลักสูตร นางสาวณัฐธิดา เทพสุทิน และนางรัดเกล้า อินทวงศ์ สุวรรณคีรี เข้าร่วมช่วยเหลือชาวบ้านจากวิกฤตน้ำท่วมจังหวัดสุโขทัยภายใต้โครงการชื่อ 'เรายังมีเรา' โดยร่วมกันระดมทุนส่วนตัวกว่า 2 แสนบาท นำถุงยังชีพจำนวน 400 ชุดกระจายให้แก่ผู้ประสบภัยในหลายพื้นที่ รวมถึงสนับสนุนอาหารสดที่เต็นท์ประกอบอาหาร และมอบเงินบริจาคให้แก่มูลนิธิร่วมกตัญญู เพื่อเป็นทุนในการสานต่อความช่วยเหลือแก่ผู้ประสบอุทกภัยในจังหวัดอื่นๆ ในพื้นที่ภาคเหนือต่อไป 

นอกจากนั้น กลุ่มตัวแทนคณะนักศึกษา วปอ.บอ. รุ่นที่ 1 ยังเตรียมจัดการประชุมเชิงปฏิบัติการสร้างเสริมเศรษฐกิจการท่องเที่ยวสุโขทัยเมืองสร้างสรรค์ เพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจท่องเที่ยวหลังผ่านพ้นวิกฤตอีกด้วย

สำหรับการลงพื้นที่ช่วยเหลือน้ำท่วมในครั้งนี้ กลุ่มตัวแทนคณะนักศึกษาหลักสูตร วปอ.บอ. รุ่นที่ 1 ลงพื้นที่อย่างต่อเนื่องเป็นระยะเวลา 2 วัน เริ่มต้นตั้งแต่วันนี้ วันพฤหัสบดีที่ 29 สิงหาคม ที่บ้านนา อำเภอศรีสำโรง มีการนำถุงยังชีพไปมอบให้ผู้ประสบภัย จำนวน 120 ชุด ตามด้วย ตำบลยางซ้าย อำเภอเมือง โดยมีการนำถุงยังชีพไปมอบให้ผู้ประสบภัย จำนวน 80 ชุด และในวันพรุ่งนี้ (30 ส.ค.67) จะเดินทางไปยัง ตำบลวังใหญ่ อำเภอศรีสำโรง มีการนำถุงยังชีพไปมอบให้ผู้ประสบภัย จำนวน 200 ชุดต่อไปอีกด้วย 

ทั้งนี้ ภายในถุงยังชีพประกอบไปด้วย เครื่องอุปโภคบริโภค ได้แก่ สบู่ ยาสีฟัน แปรงสีฟัน กระดาษชำระ ผ้าอนามัย ถุงขยะ ข้าวสาร อาหารแห้งและอาหารสำเร็จรูป รวมถึงน้ำขวดแพค เป็นต้น

นอกจากนี้ กลุ่มตัวแทนคณะนักศึกษาหลักสูตร วปอ.บอ. รุ่นที่ 1 ร่วมกับคณะกรรมาธิการท่องเที่ยว สภาผู้แทนราษฎร ได้เตรียมความพร้อมการจัดการประชุมเชิงปฏิบัติการสร้างเสริมเศรษฐกิจการท่องเที่ยวสุโขทัยเมืองสร้างสรรค์ (Sukhothai Creative City) ในวันศุกร์ที่ 30 สิงหาคม ณ โรงแรมสุโขทัย เทรเชอร์ รีสอร์ทแอนด์สปา จังหวัดสุโขทัย เพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจของพื้นที่ให้ดีขึ้นอย่างยั่งยืนแม้ต้องรับมือกับวิกฤตต่างๆ ในอนาคต ผ่านกิจกรรมการท่องเที่ยวเชิงสร้างสรรค์ด้วยทุนทางวัฒนธรรมของจังหวัดสุโขทัย นำโดย ดร.พรรณสิริ กุลนาถศิริ รองประธานกรรมาธิการท่องเที่ยว สภาผู้แทนราษฎร 

ด้านนายพิชิต วีรังคบุตร รองผู้อำนวยการ สำนักงาน ส่งเสริมเศรษฐกิจ (มหาชน) พันเอกนาวิน ปรีชาพณิชยกุล ผู้จัดการ อพท.สุโขทัย พร้อมด้วยตัวแทนคณะนักศึกษาหลักสูตร วปอ.บอ. รุ่นที่ 1 ได้แก่ นางสาวณัฐธิดา เทพสุทิน, ดร.ณพรรษสรณ์ เสมสันต์, ดร.ธีรศานต์ สหัสสพาศน์ และ นางสาวณัฐธิดา เทพสุทิน ตัวแทนคณะนักศึกษาหลักสูตร วปอ.บอ. รุ่นที่ 1 เปิดเผยว่า จังหวัดสุโขทัยเป็นจังหวัดพื้นที่รับน้ำจากภาคเหนือ และเป็นเส้นทางแม่น้ำยมที่ไม่มีเขื่อนเก็บกัก ทำให้ขณะนี้สถานการณ์น้ำอยู่ในจุดที่ก่อให้เกิดผลกระทบอย่างมากต่อประชาชน เกิดน้ำท่วมพื้นที่การเกษตรของประชาชนและเส้นทางอีกหลายจุดในจังหวัด 

ทางคณะนักศึกษาหลักสูตร วปอ.บอ. รุ่นที่ 1 นั้นมีความเป็นห่วงใยชาวบ้านในพื้นที่เป็นอย่างมาก และเป็นพื้นที่ที่ทางหลักสูตรได้เคยเดินทางมาศึกษาดูงานและเชื่อมความสัมพันธ์กับหลายหน่วยงานในจังหวัดสุโขทัยมาก่อนหน้านี้ โดยทางคณะนักศึกษาหลักสูตร วปอ.บอ. รุ่นที่ 1 ได้ร่วมกันจัดหาเครื่องอุปโภคบริโภคและรีบเดินทางเข้าช่วยเหลือปันน้ำใจให้กับผู้ที่ประสบภัยอย่างเร่งด่วน พร้อมพูดคุยกับหน่วยงานในพื้นที่เพื่อประสานความช่วยเหลือในอนาคต 

จากนั้น เมื่อจังหวัดสุโขทัยผ่านพ้นวิกฤตอุทกภัยแล้ว ทางคณะนักศึกษาหลักสูตร วปอ.บอ. รุ่นที่ 1 จะร่วมมือสร้างเสริมเศรษฐกิจการท่องเที่ยวสุโขทัยเมืองสร้างสรรค์ ตามที่เคยได้มีการลงนามความร่วมมือก่อนหน้านี้ในการพัฒนารูปแบบผลิตภัณฑ์ และส่งเสริมการท่องเที่ยวในด้านต่างๆ โดยการจัดการประชุมเชิงปฏิบัติการในวันที่ 30 สิงหาคมนี้ จะช่วยสร้างความมั่นใจให้กับจังหวัดสุโขทัย ว่าจะได้รับการสนับสนุนเพื่อฟื้นฟูเศรษฐกิจและพร้อมรับมือกับวิกฤตต่างๆ ในอนาคต ด้วยการสร้างความเข้มแข็งทางเศรษฐกิจจากการท่องเที่ยวอย่างยั่งยืน

'รัฐบาล' มั่นใจ!! สถานการณ์น้ำเหนือรับมือได้ ยืนยัน!! 'กรุงเทพฯ-ภาคกลาง' ยังไม่น่าเป็นห่วง

(29 ส.ค. 67) นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ ปฏิบัติหน้าที่แทนนายกรัฐมนตรี และร้อยเอกธรรมนัส พรหมเผ่า รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ เปิดเผยภายหลังเดินทางเข้าอาคารชินวัตร 3 ถนนวิภาวดี เพื่อรายงานสถานการณ์น้ำให้กับนางสาวแพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี

โดยนายภูมิธรรม กล่าวว่า วันนี้เป็นการประชุมร่วมกันเพื่อสรุปสถานการณ์อุทกภัย ประกอบกับในวันพรุ่งนี้ (30 ส.ค.67) นายกรัฐมนตรีจะลงพื้นที่ไปให้กำลังใจประชาชนที่จังหวัดสุโขทัย ส่วนรัฐมนตรีคนอื่นจะเดินทางไปในวันที่ 31 สิงหาคม เพื่อประชุมที่ศาลากลางจังหวัดสุโขทัย เพื่อหาทางแก้ไขปัญหา และสั่งการแก้ไขปัญหาเฉพาะหน้า

ขณะที่ร้อยเอกธรรมนัส ได้รายงานสถานการณ์น้ำเหนือในปัจจุบันว่า สถานการณ์ในแม่น้ำยม ที่จังหวัดสุโขทัย ขณะนี้สามารถควบคุมสถานการณ์ได้แล้ว ก่อนที่ปริมาณน้ำที่ผ่านจากจังหวัดสุโขทัย จะเข้าสู่จังหวัดนครสวรรค์ ซึ่งตนก็จะลงไปดูพื้นที่ บริเวณปากน้ำโพในวันพรุ่งนี้ (30 ส.ค.67) พร้อมยืนยันว่าสถานการณ์ ณ ขณะนี้รัฐบาล "เอาอยู่"

โดยสิ่งที่ปฏิบัติหน้าที่แทนนายกรัฐมนตรีมีความเป็นห่วงก็คือ ปริมาณน้ำเหนือที่จะลงมาอีกครั้งหนึ่ง ซึ่งรัฐบาลก็เฝ้าติดตามการพยากรณ์อากาศจากกรมอุตุนิยมวิทยาอยู่เสมอว่า จะมีน้ำเมื่อไหร่ แต่ปริมาณน้ำ ณ เวลานี้ยืนยันว่า สามารถควบคุมได้ 

ด้านนายภูมิธรรม ระบุอีกว่า ปัจจุบันนี้เขื่อน และอ่างเก็บน้ำต่าง ๆ ยังสามารถรองรับปริมาณน้ำได้ ซึ่งไม่น่ามีความเป็นห่วง แต่รัฐบาลก็พยายามป้องกันเรื่องอุบัติเหตุ เช่น พายุ ที่อาจจะมีเพิ่มเข้ามา 

ขณะที่สถานการณ์น้ำในพื้นที่กรุงเทพ และปริมณฑล และภาคกลาง ก็ยืนยันว่าไม่มีความน่าเป็นห่วง ซึ่งสถานการณ์เฉพาะหน้าขณะนี้ก็ยืนยันว่า "เอาอยู่ ทั้งหมด" แต่ก็ต้องเตรียมป้องกันเรื่องพายุ ที่อาจจะมีเพิ่มเข้ามา โดยในวันเสาร์ที่ 31 สิงหาคมนี้ นายสุรสีห์ กิตติมณฑล เลขาธิการสำนักงานทรัพยากรน้ำแห่งชาติ หรือ สทนช. จะนำแผนที่ทั้งหมดมาประเมินว่า ตรงไหนยังเป็นจุดบอดอยู่ และให้ดาวเทียมถ่ายภาพไว้ทั้งหมด เพื่อมาประเมินสถานการณ์ร่วมกัน ซึ่งจะสามารถสั่งการ และบัญชาการที่ศาลากลางจังหวัดสุโขทัยได้ทันที เนื่องจากเป็นสถานที่ที่เป็นศูนย์อำนวยการส่วนหน้า 

เมื่อถามถึงอุปสรรคการเป็นรัฐบาลรักษาการ จะส่งผลต่อการช่วยเหลือประชาชนหรือไม่ โดยเฉพาะงบประมาณ นายภูมิธรรม ยืนยันว่า ขณะนี้ไม่ใช่รัฐบาลรักษาการ แต่เป็นรัฐบาลโดยตรง เพราะ เป็นการพ้นตำแหน่งเฉพาะตัวของนายกรัฐมนตรี เพราะฉะนั้นรัฐมนตรีสามารถทำหน้าที่ได้อย่างเต็มที่ และสามารถอนุมัติงบประมาณกลางได้ทันที หากพบเจอปัญหา ซึ่งขณะนี้ได้วางงบฯ ไว้ทุกภาคส่วนแล้ว และผู้ว่าราชการทุกจังหวัดมีงบประมาณจังหวัดละ 20 ล้านบาท หลังรัฐบาลประกาศเป็นภาวะภัยพิบัติ อีกทั้งยังมีเงินอยู่อีกก้อนหนึ่งที่รองนายกรัฐมนตรีดูแลอยู่ 

ทั้งนี้ตนในฐานะรองนายกรัฐมนตรี ปฏิบัติหน้าที่แทนนายกรัฐมนตรี สามารถเซ็นอนุมัติงบประมาณกลาง เพื่อแก้ไขปัญหาภัยพิบัติได้ 

ไขความลับ 'อาหารแนวเมดิเตอร์เรเนียน' ปลายทาง 'อายุยืน' ที่คนจาก 5 พื้นที่การันตี

(29 ส.ค. 67) เพจเฟซบุ๊ก ‘Healme’ ผู้เผยแพร่เรื่องราว Health & Wellness ปรับเปลี่ยนพฤติกรรมเพื่อสุขภาพที่ดีระยะยาว ได้เผยแพร่วิดีโอในหัวข้อ ‘อาหารแบบไหน ช่วยอายุยืน อิงจากการทานอาหารในรูปแบบวิถีชีวิตของชาว Blue Zone ชาวกลุ่มพื้นที่ ที่มีอายุ 100 ปีขึ้นไปมากที่สุดในโลก’ โดยระบุว่า…

กินอาหารแบบ Mediterranean Food ช่วยอายุยืนได้ เพราะจะช่วยส่งเสริมสุขภาพได้มากที่สุด จากการสำรวจที่เข้าไปดูพื้นที่ Blue Zone กลุ่มคนที่อายุยืนมากที่สุดในโลกที่มีอายุ 100 ปีขึ้นไป พบว่าคนกลุ่มนี้ทานอาหารใกล้เคียงกับแบบ Mediterranean Food ที่สุด 

สำหรับพื้นที่ Blue Zone คือพื้นที่ที่มีคนอายุ 100 ปีมากที่สุดในโลก ได้แก่ โอกินาวา ญี่ปุ่น / ซาร์ดิเนีย อิตาลี / โลมาลินดา สหรัฐอเมริกา / นิโคยา คอสตาริกา / อิคาเรีย กรีซ และเมื่อไปดูวิถีชีวิต อาหารการกินจะพบว่าคนกลุ่มเหล่านี้กินใกล้เคียงกันมาก นั่นก็คือแบบ Mediterranean Food อันได้แก่

1.ไม่กินอาหารแปรรูป เน้นกินอาหารที่มองแล้วรู้เลยว่าเป็นวัตถุดิบอะไร 

2.กินผักผลไม้หลากหลาย รวมทั้งเมล็ดธัญพืชต่าง ๆ 

3 กินกรดไขมันดีเยอะ เช่น โอเมก้า 3 จากปลา หรือมะกอก หรือน้ำมันมะกอก 

สำหรับ ‘น้ำมันมะกอก’ เป็นหนึ่งในอาหารหลักของอาหารแบบ Mediterranean Food ในน้ำมันมะกอกมีสารไฮดรอกซีไทโรซอล (Hydroxytyrosol) ที่เป็นสารต้านอนุมูลอิสระ ที่มีค่า ORAC สูงที่สุด โดยมีค่า ORAC มากกว่าแอสต้าแซนทีน 2.4 เท่า และมากกว่าวิตามินซี 7.3 เท่า (ORAC หรือ Oxygen Radical Absorbance Capacity คือการวัดค่าประสิทธิภาพของสารต้านอนุมูลอิสระ) 

อาหารที่มีค่า ORAC สูงจะมีประสิทธิภาพในการต้านอนุมูลอิสระ ช่วยป้องกันโรคที่มีสาเหตุมาจากอนุมูลอิสระ เช่น โรคหลอดเลือด หัวใจ มะเร็ง นอกจากนี้ยังช่วยปกป้องเซลล์ให้ปลอดภัยจากการถูกทําลายด้วย

สารไฮดรอกซีไทโรซอล (Hydroxytyrosol) ขึ้นชื่อว่าเป็น Anti-Aging / AntiCancer ช่วยปกป้องร่างกายของได้ดีมาก ๆ โดยจะช่วยดูแลหลอดเลือด และช่วยต้านการอักเสบในร่างกาย ควบคุมระดับความดัน และช่วยปกป้องสมอง เช่น ระบบไฮโพธาลามัส ซึ่งเป็นศูนย์ควบคุมความสมดุลของร่างกาย 

ฉะนั้นถ้าอยากอายุยืนจะต้อง (1) ลดอาหารแปรรูป เลือกทานอาหารที่รู้ว่าคืออะไร (2) หลีกเลี่ยงน้ำตาล ลดแป้ง และเลือกกินอาหารที่มีโอเมก้า 3 มากขึ้น กินกรดไขมันที่ดีมากขึ้น หลีกเลี่ยงพวกโอเมก้า 6 

นอกจากนี้ยังสามารถเปลี่ยนมาใช้น้ำมันมะกอกในการทำอาหารได้ด้วย โดยใช้วิธีที่เรียกว่า Slow Cooking Low Temperature ไม่ต้องใช้อุณหภูมิสูงมาก ก็สามารถใช้ทําอาหารได้ หรือเปลี่ยนจากน้ำสลัดมายองเนส มาเป็นน้ำมันมะกอกก็ได้ แต่ต้องเป็น Extra Virgin Olive Oil น้ำมันมะกอกแบบสกัดเย็น เพื่อจะได้ประโยชน์มาก ๆ และมีสารต้านอนุมูลอิสระที่สูง

ประธานวุฒิสภา กล่าวเปิดและปาฐกถาพิเศษ ในโครงการพัฒนาเยาวชนคนรุ่นใหม่กับการเรียนรู้วิถีประชาธิปไตย

(28 ส.ค.67) เวลา 10.00 นาฬิกา ณ ห้อง B1 - 5 ชั้น B1 อาคารรัฐสภา นายมงคล สุระสัจจะ ประธานวุฒิสภา เป็นประธานในพิธีเปิดโครงการพัฒนาเยาวชนคนรุ่นใหม่กับการเรียนรู้วิถีประชาธิปไตย พร้อมปาฐกถาพิเศษ หัวข้อ “เยาวชนกับการพัฒนาประชาธิปไตย” ให้กับผู้เข้าร่วมโครงการ พร้อมด้วยสมาชิกวุฒิสภาที่เข้าร่วมพิธีเปิด ประกอบด้วย นางอังคณา นีละไพจิตร สมาชิกวุฒิสภา นายปริญญา วงษ์เชิดขวัญ สมาชิกวุฒิสภา พลตํารวจตรี อังกูร คล้ายคลึง สมาชิกวุฒิสภา และผู้บริหารของสำนักงานเลขาธิการวุฒิสภา ประกอบด้วย นายพีระพจน์  รัตนมาลี รองเลขาธิการวุฒิสภา และนายสาธิต วงศ์อนันต์นนท์ ที่ปรึกษาด้านระบบงานนิติบัญญัติ นางรักชนก เกสรทอง ผู้อำนวยการสำนักประชาสัมพันธ์ พร้อมด้วยนางสาวพรเพ็ญ ทองสิมา ผู้อำนวยการศูนย์ส่งเสริมและพัฒนาโรงเรียนตามพระราชดำริและโรงเรียนเฉลิมพระเกียรติ เข้าร่วมในพิธีเปิด 

โดยผู้เข้าร่วมโครงการฯ ประกอบด้วย ครูและนักเรียนจากโรงเรียนตามพระราชดำริและโรงเรียนเฉลิมพระเกียรติจากทั่วประเทศ จำนวน 24 โรงเรียน รวมจำนวนทั้งสิ้น 165 คน

สภาผู้แทนราษฎร มีมติท่วมท้นผ่านร่างกฎหมายประชามติ ส่งต่อให้วุฒิสภา โดยยึดหลักเพิ่มความคล่องตัว การมีส่วนร่วมของประชาชน และความเป็นธรรม คณะกรรมาธิการสว.พร้อมพิจารณา

เมื่อวันที่ (21 ส.ค. 67) การประชุมสภาผู้แทนราษฎร มีการประชุมพิจารณาร่างพระราชบัญญัติว่าด้วยการออกเสียงประชามติ (ฉบับที่ ..) พ.ศ. …โดยผลการพิจารณามีมติเห็นชอบร่างพระราชบัญญัติฯดังกล่าวและมีมติเห็นด้วยกับข้อสังเกตของคณะกรรมาธิการ

ที่ประชุมสภาผู้แทนราษฎรได้ลงมติเห็นชอบร่างพระราชบัญญัติฯในวาระที่ 3 ด้วยคะแนนเสียง 409 เสียง จากทั้งหมด 410 เสียง โดยขั้นตอนต่อไปจะส่งร่างพระราชบัญญัติฯสู่การพิจารณาของวุฒิสภา

ร่างพระราชบัญญัติฯที่ผ่านสภาผู้แทนราษฎร มีการแก้สาระสำคัญใน 3 ประเด็นหลัก คือประการแรก เพิ่มความคล่องตัวในการทำประชามติ โดยเปิดให้สามารถจัดการออกเสียงประชามติในวันเดียวกันกับการเลือกตั้งทั่วไปอื่นได้ และใช้เขตลงคะแนนนั้น ๆ ในการดำเนินการได้

เพิ่มการมีส่วนร่วมของประชาชน โดยกำหนดให้การออกเสียงกระทำได้ด้วยวิธีที่หลากหลาย ทั้งการใช้บัตรออกเสียงแบบปกติ การออกเสียงทางไปรษณีย์ การออกเสียงโดยเครื่องลงคะแนน การออกเสียงทางระบบเทคโนโลยีสารสนเทศ หรือออกเสียงโดยวิธีอื่น

พร้อมกับมีการกำหนดให้คณะกรรมการการเลือกตั้งต้องเปิดให้มีการแสดงความคิดเห็นอย่างเท่าเทียมทั้งจากผู้ที่เห็นด้วยและไม่เห็นด้วยกับการออกเสียงนั้น

และสุดท้ายดเป็นการเพิ่มความเป็นธรรม โดยปรับเกณฑ์การได้ข้อยุติในการออกเสียง จากรูปแบบ “เสียงข้างมาก 2 ชั้น” ให้เป็น “เสียงข้างมากธรรมดา”ตามร่างของพรรคเพื่อไทย หรือ ตัดเงื่อนไขเกณฑ์ขั้นต่ำของผู้ออกมาใช้สิทธิ์ และคงไว้เพียงว่า“เสียงเห็นชอบ” ต้องเป็นเสียงที่มากที่สุดของผู้มาลงคะแนนเท่านั้น

นับว่าร่างพระราชบัญญัติฯดังกล่าว เป็นความเห็นร่วมกันของพรรคการเมืองทุกพรรคผ่านกลไกสภา เพื่อนำไปสู่การยกร่างรัฐธรรมนูญฉบับใหม่

นายไชยยงค์ มณีรุ่งสกุล สมาชิกวุฒิสภา กลุ่มสื่อมวลชนจากสงขลา ในฐานะโฆษกคณะกรรมาธิการ กล่าวว่า ได้มีการแต่งตั้งคณะกรรมาธิการวิสามัญพิจารณาร่างพรบ.ดังกล่าว โดยทางคณะกรรมาธิการของวุฒิสภาพร้อมที่จะพิจารณาร่างดังกล่าว ซึ่งส่วนใหญ่เห็นด้วยในทิศทางเดียวกัน เพื่อการแก้ไขรัฐธรรมนูญ

ทั้งนี้ ร่างพระราชบัญญัติฯ ดังกล่าว ถือเป็นความสำเร็จในขั้นต้น เพื่อนำไปสู่การร่างรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ผ่านกลไกการออกเสียงประชามติ ให้มีกติกาที่เป็นสากล และสอดคล้องกับบริบทในสังคมไทยมากขึ้นต่อไปในอนาคต

ทรภ.1 ร่วมประชุมประสานข่าวสารทางทะเลระหว่าง ทรภ.1 - ทร.กพช. ณ กรุงพนมเปญ

ทัพเรือภาคที่ 1 ร่วมประชุมประสานข่าวสารทางทะเลระหว่าง ทรภ.1 - ทร.กพช. (กองบัญชาการทางยุทธวิธีสํานักงานเลขาธิการคณะกรรมการความมั่นคงทางทะเลแห่งชาติ ราชอาณาจักรกัมพูชา) ครั้งที่ 17 ณ กรุงพนมเปญ ราชอาณาจักรกัมพูชา

เมื่อวานนี้ (28 ส.ค.67) พลเรือโท สุระศักดิ์ สิงขรวัฒน์ ผู้บัญชาการทัพเรือภาคที่ 1 พร้อมคณะ ได้เข้าร่วมการประชุมข่าวสารทางทะเลระหว่าง กองทัพเรือไทย โดยทัพเรือภาคที่ 1 กับกองบัญชาการทางยุทธวิธี สำนักงานเลขาธิการคณะกรรมการความมั่นคงทางทะเลแห่งชาติราชอาณาจักรกัมพูชา การประชุมครั้งนี้ มีวัตถุประสงค์ เพื่อแลกเปลี่ยนข่าวสาร พัฒนาช่องทางการสื่อสาร และเสริมสร้างเครือข่ายด้านการข่าวระหว่างหน่วยงานของทั้งสองประเทศ เพื่อรองรับและรับมือกับสถานการณ์ทางทะเล ตามแนวชายแดนที่มีการเปลี่ยนแปลงอยู่เสมอ
อีกทั้ง ยังเป็นการกระชับความสัมพันธ์และความร่วมมือระหว่างประเทศไทยและประเทศเพื่อนบ้าน เพื่อเสริมสร้างประสิทธิภาพในการปฏิบัติราชการและความมั่นคงทางทะเลของภูมิภาค

นิราช/นันทพล ทิพย์ศรี รายงาน 0909535645

วันคล้ายวันสถาปนา รพ.สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ฯ ครบรอบ 27 ปี

เมื่อวานนี้ (28 ส.ค. 67) ณ หอประชุม รพ.สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ กรมแพทย์ทหารเรือ อ.สัตหีบ จ.ชลบุรี พลเรือโท ณัฐ อิศรางกูร ณ อยุธยา เจ้ากรมแพทย์ทหารเรือ คณะผู้บังคับบัญชา คณะผู้แทนจากหน่วยงานกองทัพเรือ ผู้มีอุปการะคุณ ผู้แทนหน่วยงานภาครัฐ ภาคเอกชน องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น สถานศึกษา ร่วมแสดงความยินดีและร่วมพิธี เนื่องในวันคล้ายวันสถาปนาโรงพยาบาลสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ กรมแพทย์ทหารเรือ ครบรอบ 27 ปี โดยมี พลเรือตรี ดนัย ปานแดง ผู้อำนวยการโรงพยาบาลสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ฯ ให้การต้อนรับในการนี้ พลเรือตรี ดนัย ปานแดง พร้อมคณะผู้บังคับบัญชา ข้าราชการ รพ.สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พร. ได้ร่วมประกอบพิธีทางศาสนา เพื่ออุทิศส่วนบุญกุศลให้กับผู้ที่ล่วงลับและเพื่อความเป็นสิริมงคล ในวาระครบรอบ 27 ปี วันสถาปนา รพ.สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ กรมแพทย์ทหารเรือ

นอกจากนี้ พลเรือตรี ดนัย ปานแดง ผอ.รพ.ฯ ประธานจัดงานวันสถาปนา รพ.ฯ พร้อมคณะผู้บังคับบัญชา และแขกผู้มีเกียรติ ได้ร่วมพิธีมอบรางวัลบุคลากรดีเด่น 16 รางวัล และหน่วยงานดีเด่น 6 หน่วยงาน ตามค่านิยม SRK-TOP โรงพยาบาล สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ ประจำปี 2567  พร้อมทั้งกล่าวแสดงความชื่นชมและยินดีกับผู้ได้รับรางวัลบุคลากรดีเด่น ตลอดจนบุคลากรที่ได้รับการเสนอชื่อเข้ารับการศัดเลือกทั้งหมด ซึ่งนับเป็นบุคลากรดีเด่น ในระดับหน่วยงาน และเป็นบุคคลที่เป็นแบบอย่างที่ดีแก่บุคลากรอื่นๆ ของโรงพยาบาล ขอให้ทุกท่านคงไว้ ซึ่งพฤติกรรม และการปฏิบัติที่ดีนี้ตลอดไปและในตอนท้าย พลเรือโท ณัฐ อิศรางกูร ณ อยุธยา เจ้ากรมแพทย์ทหารเรือ ได้เป็นประธานในพิธี มอบทุนการศึกษาแก่บุตรกำลังพลของ โรงพยาบาลสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ฯ รวมเป็นเงินทั้งสิ้น 625,000 บาท

โดยจัดสรรเป็นทุนการศึกษา จำนวน 120 ทุน ทุนละ 5,000 บาท ประกอบด้วยทุนการศึกษา ระดับประถมศึกษา 36 ทุน ระดับมัธยมศึกษา 46 ทุน ระดับอุดมศึกษา 21 ทุน ทุนสำหรับเด็กพิเศษ 2 ทุน ทุนโรงเรียนในพื้นที่ใกล้เคียง 10 ทุน ทุนโรงเรียนเด็กพิเศษ ทุนละ 10,000 บาท 1 ทุน ทุนนักเรียนพยาบาลทหารเรือ ทุนละ 10,000 บาท 2 ทุน
และทุนนักเรียนจ่าทหารเรือ เหล่าทหารแพทย์ ทุนละ 10,000 บาท จำนวน 2 ทุน

นิราช/นันทพล ทิพย์ศรี ชลบุรี 0909535645

ผบ.ตร.ตรวจเยี่ยมศูนย์ฝึกอบรมตำรวจภูธรภาค 3 กำชับการผลิตตำรวจรุ่นใหม่ต้องปลอดภัย มีมาตรฐาน และพร้อมรับมืออาชญากรรมในอนาคต

เมื่อวานนนี้ (28 ส.ค. 67) เวลา 13.30 น. พล.ต.อ.ต่อศักดิ์ สุขวิมล ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (ผบ.ตร.) พร้อมด้วย คุณนิภาพรรณ สุขวิมล นายกสมาคมแม่บ้านตำรวจ , พล.ต.ต.พิทักษ์ อุทัยธรรม รอง ผบช.ประจำ สง.ผบ.ตร. และคณะ ได้เดินทางไปตรวจเยี่ยมศูนย์ฝึกอบรมตำรวจภูธรภาค 3 (ศฝร.ภ.3) ต.จอหอ อ.เมือง จ.นครราชสีมา โดยมี พล.ต.ท.ฐากูร นัทธีศรี ผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 3 (ผบช.ภ.3), พล.ต.ต.วิวัฒน์ สีลาเขตต์ รอง ผบช.ภ.3, พล.ต.ต.ณรงค์ฤทธิ์ ด่านสุวรรณ์ ผบก.ภ.จว.นคราชสีมา และ พล.ต.ต.สถาพร เอมโอษฐ์ ผบก.ศฝร.ภ.3 พร้อมด้วยข้าราชการตำรวจ ศฝร.ภ.3 และนักเรียนนายสิบตำรวจ ให้การต้อนรับ

ผบ.ตร.ได้ตรวจเยี่ยมการฝึกอบรมยิงปืนพกของนักเรียนนายสิบตำรวจ รุ่นที่ 14 และการฝึกอบรมภาควิชาการของนักเรียนนายสิบตำรวจ รุ่นที่ 15 จากนั้น ผบ.ตร. และคณะ ได้เดินทางไปยังห้องประชุมศูนย์ฝึกอบรมตำรวจภูธรภาค 3 เพื่อรับฟังบรรยายสรุปเกี่ยวกับการฝึกอบรมหลักสูตรนักเรียนนายสิบตำรวจในปัจจุบัน ซึ่ง ผบก.ศฝร.ภ.3 ได้บรรยายปัญหาข้อขัดข้อง เช่น สภาพของอาคารที่พักและระบบสาธารณูปโภคต่าง ๆ ที่อยู่ในสภาพชำรุดทรุดโทรมเป็นอย่างมาก โดย ผบ.ตร.ได้รับทราบและได้สั่งการให้สำนักงานงบประมาณและการเงิน สำนักงานตำรวจแห่งชาติ พิจารณาจัดสรรงบประมาณเพื่อช่วยแก้ปัญหาเป็นการเร่งด่วน

ทั้งนี้ ผบ.ตร. ได้กำชับแนวทางการปฏิบัติของศูนย์ฝึกอบรมตำรวจภูธรภาค 3 ในการฝึกอบรมข้าราชการตำรวจ ดังนี้

1. ให้ความสำคัญกับการผลิตข้าราชการตำรวจให้เกิดแนวคิดที่ว่า ทักษะ ความรู้ ความเชี่ยวชาญ สามารถพัฒนาได้อยู่เสมอ ผ่านการลงมือปฏิบัติจริง (Learning By Doing) และการเรียนรู้ได้ตลอดชีวิต (Lifelong Learning) เพื่อให้ข้าราชการตำรวจเมื่อจบการฝึกอบรมแล้ว จะแสวงหาการพัฒนาทักษะทางวิชาชีพตำรวจ ด้วยตนเองอยู่เสมอ
2. เน้นย้ำให้การจัดฝึกอบรมทุกครั้งจะต้องเป็นไปตามมาตรฐานการศึกษา ทั้งในเรื่องวิชาการ การฝึกทักษะทางยุทธวิธีตำรวจ การฝึกตามแบบฝึกตำรวจ โดยเฉพาะอย่างยิ่ง การฝึกอบรมกลางแจ้งในช่วงที่อุณหภูมิสูง จะต้องมีการควบคุมการปฏิบัติให้เป็นไปตามหลักวิทยาศาสตร์การกีฬาอย่างเคร่งครัด เพื่อป้องกันอันตรายที่อาจเกิดต่อสุขภาพของผู้เข้ารับการฝึกอบรม
3. ผู้บังคับบัญชาต้องดูแลเอาใจใส่เรื่องสวัสดิการ ขวัญกำลังใจของผู้ใต้บังคับบัญชาอย่างจริงจังในทุกระดับ เพราะขวัญ คือ อำนาจรบที่ไม่มีตัวตน

ผบ.ตร.ได้กล่าวชมเชย และขอบคุณข้าราชการดำรวจในสังกัดศูนย์ฝึกอบรมตำรวจภูธรภาค 3 ทุกนาย ที่ได้ร่วมแรงร่วมใจในปฏิบัติหน้าที่อันมีส่วนสำคัญอย่างยิ่งต่อสำนักงานตำรวจแห่งชาติ คือการผลิตข้าราชการตำรวจที่จะต้องออกไปปฏิบัติหน้าที่ดูแลพี่น้องประชาชน ให้ได้รับความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สิน และยังมีภารกิจดำเนินการฝึกอบรมตามหลักสูตรพัฒนาประสิทธิภาพกำลังพลอื่น ๆ โดยมีเป้าหมายให้ตำรวจไทยมีทักษะทางวิชาชีพ และพัฒนาศักยภาพให้พร้อมเผชิญกับทุกสถานการณ์ในปัจจุบัน

นอกจากนี้ ในส่วนของสมาคมแม่บ้านตำรวจ คุณนิภาพรรณ สุขวิมล นายกสมาคมแม่บ้านตำรวจ พร้อมด้วยคุณฐาณิญา ผิวพรรณ , คุณชนาพร ไกรทอง กรรมการบริหารสมาคมแม่บ้านตำรวจ ร่วมเปิดโครงการฝึกอบรมการเอาตัวรอดจากคนร้ายมีอาวุธในที่สาธารณะ (Active Shooter) ให้กับชมรมแม่บ้านตำรวจภูธรภาค 3 โดยมีคุณนัทษมน นัทธีศรี ประธานชมรมแม่บ้านตำรวจภูธรภาค 3  คณะแม่บ้านตำรวจภูธรภาค 3 และข้าราชการตำรวจภูธรภาค 3  ร่วมการอบรม ณ ห้องประชุมศูนย์ฝึกอบรมตำรวจภูธรภาค 3 อบรมโดยวิทยากรที่มีความรู้ความเชี่ยวชาญจากกองบังคับการปฏิบัติการพิเศษ เพื่อให้สมาชิกแม่บ้านตำรวจ และข้าราชการตำรวจ มีความรู้ในหลักการปฏิบัติตนเมื่ออยู่ในสถานการณ์ความรุนแรงชั้นวิกฤต  สถานการณ์เหตุกราดยิง ซึ่งเป็นภัยที่อาจเกิดขึ้นได้แบบไม่คาดคิดดังนั้น จึงต้องมีการฝึกฝนเตรียมความพร้อมอยู่ตลอดเวลา เพื่อช่วยลดความสูญเสียให้ได้มากที่สุด 


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top