Tuesday, 1 July 2025
NEWS FEED

'บิ๊กราญ' รอง ผอ.ศอ.ปส.ตร. เปิดการอบรมเชิงสัมมนา ด้านการปราบปรามยาเสพติด รับฟังเสียงสะท้อนจากคนทำงาน เพื่อเพิ่มประสิทธิผล ประชาชนอุ่นใจ ตามนโยบายรัฐบาล

(28 ส.ค. 67) พล.ต.ท.สำราญ นวลมา ผู้ช่วย ผบ.ตร./รอง ผอ.ศอ.ปส.ตร. พร้อมด้วย พล.ต.ท.ภาณุรัตน์ หลักบุญ เลขาธิการ ป.ป.ส., พล.ต.ท.คีรีศักดิ์ ตันตินวะชัย ผบช.ปส. ร่วมเปิดโครงการอบรม เชิงสัมมนาเรื่องมุมมองและเสียงสะท้อนจากผู้ปฏิบัติงานป้องกันปราบปรามยาเสพติด เพื่อเพิ่มประสิทธิผล ด้านความสงบสุขของประชาชนตามนโยบายรัฐบาล โดยมีเจ้าหน้าที่ตำรวจผู้ปฏิบัติงานด้านยาเสพติด ในสังกัด บช.ปส., บช.น., ภ. 1 – 9, สำนักงานยุทธศาสตร์ตำรวจ , สำนักงานกำลังพล, สำนักงานงบประมาณและการเงิน, ศูนย์อำนวยการป้องกันและปราบปรามยาเสพติดสำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ศอ.ปส.ตร.), ศอ.ปส.ภ.1 -9, น. และผู้สังเกตการณ์ เข้าร่วมทั้งสิ้น 175 คน โดยมีระยะเวลาอบรม ตั้งแต่วันที่ 28 – 30 สิงหาคม 2567 ณ ห้องประชุมฟีนิกซ์ ศูนย์ประชุมเอ็กซิบิชั่น เมืองทองธานี อำเภอปากเกร็ด จังหวัดนนทบุรี ทั้งนี้ ได้รับการสนับสนุนงบประมาณการสัมมนา จาก สำงาน ป.ป.ส. เป็นเงินจำนวน 1,810,700 บาท

การจัดสัมมนาในครั้งนี้เกิดมาจากสภาพปัญหาสังคมอันเกิดจากการใช้สารเสพติด และปัญหาอาชญากรรมที่เป็นผลโดยตรงจากยาเสพติดได้ทวีความรุนแรงจนส่งผลกระทบต่อการดำเนินชีวิตและความปลอดภัยของประชาชน เพื่อรับมือกับปัญหาดังกล่าว คณะรัฐมนตรีได้มีมติเมื่อวันที่ 2 กรกฎาคม 2567 เห็นชอบตามที่ นายกรัฐมนตรีเสนอ ให้การแก้ไขปัญหายาเสพติดเป็นนโยบายเร่งด่วน และสำคัญของรัฐบาล โดยได้มอบนโยบายเร่งรัดการป้องกันและปราบปรามในด้านต่าง ๆ เพื่อให้สามารถลดความเดือดร้อนของประชาชนจากปัญหายาเสพติด ได้อย่างมีประสิทธิภาพ และอยู่ในระดับที่ประชาชนเกิดความพึงพอใจ ซึ่งการป้องกันปราบปรามยาเสพติดในมิติที่ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ รับผิดชอบนั้น เมื่อพิจารณาจากเกณฑ์การผ่านตัวชี้วัดในด้านต่าง ๆ อาจถือว่าประสบความสำเร็จตามเป้าประสงค์ อย่างไรก็ตามทุกความสำเร็จ ทุกกระบวนงานที่ขับเคลื่อน และจากการทำงานของเจ้าหน้าที่ตำรวจ ที่ได้ทุ่มเทกำลังแรงกายทั้งหมดที่มีในการลงพื้นที่ชุมชน/หมู่บ้าน อย่างหนัก เพื่อเสาะแสวงหาข้อมูล และความร่วมมือของประชาชน ผู้นำชุมชน เพื่อให้ได้มาซึ่งข้อมูลผู้เสพ และผู้ค้ารายย่อยในชุมชน จนนำมาซึ่งการป้องกันและการปราบปรามยาเสพติดในพื้นที่ แต่ยังคงไม่สามารถลดสภาพปัญหาการแพร่ระบาดของยาเสพติด และเพิ่มความพึงพอใจของประชาชนได้อย่างมีนัยสำคัญทางสถิติ ด้วยเหตุนี้ ทิศทางการดำเนินการในไตรมาสสุดท้าย ซึ่งอาจเป็นจุดเปลี่ยนสำคัญของแผนปฏิบัติการด้านยาเสพติดของ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ จึงอยากรับฟังมุมมอง และเสียงสะท้อนจากเจ้าหน้าที่ผู้ปฏิบัติงานด้านการป้องกันปราบปรามยาเสพติด ที่อยู่ในพื้นที่โดยตรง เพื่อนำข้อมูล และข้อเสนอแนะมาใช้ในการปรับปรุงเป้าหมายตัวชี้วัด และผลสัมฤทธิ์ในช่วงเวลาสำคัญที่เหลืออยู่ เพื่อเพิ่มประสิทธิผลด้านความสงบสุขของประชาชนตามนโยบายรัฐบาลและใช้เป็นแนวทางในการปรับปรุงแผนปฏิบัติงาน   ด้านยาเสพติด ในปีงบประมาณ พ.ศ.2568 ต่อไป โดยการสัมมนามีการอภิปรายเรื่องการนำนโยบายของรัฐบาลมาสู่การปฏิบัติด้านการป้องกันและปราบปรามยาเสพติด , การสนับสนุนการทำงานด้านการป้องกันปราบปรามยาเสพติดให้แก่เจ้าหน้าที่ตำรวจ นอกจากนี้ยังมีการปฏิบัติ

โดยแบ่งกลุ่มสัมมนา (Workshop) ในหัวข้อ ต่าง ๆ อาทิ สรุปประเด็นปัญหา อุปสรรคที่เกิดจากการปฏิบัติงานแนวทางแก้ไข และข้อเสนอแนะการเพิ่มประสิทธิภาพงานในส่วนของเจ้าหน้าที่ตำรวจอย่างเร่งด่วน, แนวทางการเพิ่มความพึงพอใจของประชาชน และเครื่องมือวัดผลที่ควรนำมาใช้ในปีงบประมาณ พ.ศ. 2568, แนวทางและเกณฑ์ด้านการสืบสวนปราบปราม และสอบสวนที่ควรกำหนดในแผน และตัวชี้วัดของงานยาเสพติด ในปีงบประมาณ พ.ศ.๒๕๖๘ และข้อเสนอแนะที่สามารถนำมาใช้ในการปฏิบัติงาน ได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น หรือสามารถเปลี่ยนแปลงผลสำเร็จของงานได้อย่างสิ้นเชิง เพื่อผู้ปฏิบัติสามารถนำสิ่งที่ได้อบรมไปใช้ลดปัญหาอุปสรรค และประสิทธิภาพในการป้องกันและปราบปรามยาเสพติด ในทุกมิติ และอาจส่งผลต่อการลดสภาพปัญหาการแพร่ระบาดของยาเสพติด เพิ่มความรู้สึกพึงพอใจของประชาชน ลดจำนวนผู้เสพยาเสพติด และผู้มีอาการทางจิตประสาทจากฤทธิ์ยาเสพติด ทั้งในมิติด้านการค้นหาการนำส่งการสนับสนุนงานด้านการบำบัดรักษา และการบูรณาการกับหน่วยงานภาคีและภาคเอกชน ให้ปัญหาอยู่ในระดับที่ประชาชนยอมรับได้ และสิ่งที่สำคัญคือการเพิ่มความอุ่นใจปลอดภัยให้กับประชาชนในพื้นที่ต่อไป

สมุทรปราการ-”นันทิดา” เปิด สกายวอล์ค ทางเดินลอยฟ้า รำลึก!! “ชนม์สวัสดิ์” ผู้ก่อตั้งสกายวอล์ค

(28 ส.ค. 67) นางสาวนันทิดา แก้วบัวสาย นายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดสมุทรปราการ พร้อมด้วย นางประภาพร อัศวเหม นายกเทศมนตรีนครสมุทรปราการ นำคณะผู้บริหาร สมาชิกสภา หัวหน้าส่วนราชการ ร่วมเปิด สกายวอล์คทางเดินลอยฟ้า ภายใต้การผลักดันและให้การสนับสนุนริเริ่มก่อสร้างโครงการแห่งนี้ของนายชนม์สวัสดิ์ อัศวเหม อดีตประธานหอการค้าจังหวัดสมุทรปราการ

โดยทางด้าน นางสาวนันทิดา แก้วบัวสาย นายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดสมุทรปราการ ถือฤกษ์ดี วันที่ 28 สิงหาคม 2567 เวลา 9.28 น. ซึ่งถือว่าเป็นเลขมงคลของ นายชนม์สวัสดิ์ อัศวเหม อดีตประธานหอการค้าจังหวัดสมุทรปราการ อีกทั้ง เพื่อเป็นการรำลึกถึงนายชนม์สวัสดิ์ อัศวเหม ผู้ริเริ่มก่อสร้างโครงการสกายวอล์คและด้วยหัวใจที่มุ่งมั่นเพื่อพี่น้องประชาชนคนสมุทรปราการ องค์การบริหารส่วนจังหวัดสมุทรปราการจึงได้ทำการเปิดสกายวอล์คทางเดินลอยฟ้าเพื่อคนสมุทรปราการในวันนี้ตามคำมั่นสัญญาที่ให้ไว้

โดยทางด้าน นางสาวนันทิดา แก้วบัวสาย นายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดสมุทรปราการ กล่าวว่า สกายวอล์คแห่งนี้มีความสะดวกของทางเดินลอยฟ้า เชื่อม BTS ปากน้ำ ลงจากรถไฟฟ้าเดินต่ออีกนิดก็สามารถเข้าถึงสถานที่ราชการได้หลายแห่ง แถมยังสามารถเดินทะลุไปจนถึง "หอชมเมืองฯ" แบบไม่ร้อนไม่เปียก มีเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยคอยดูแลความปลอดภัยและให้บริการกับประชาชน โดยจะมีแผนที่ทางเดินสกายวอล์คและจุด ขึ้น-ลง ต่างๆ ที่เชื่อมต่อจาก BTS สถานีปากน้ำ (E19) ฝั่งทางออกที่ 6 ศาลากลาง เปิด-ปิด เวลา 05.00 - 01.00 น.

หมายเลข 1 : จุดขึ้น-ลงบันได ตรงข้ามสำนักงานป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยจังหวัดสมุทรปราการ ชมวิวริมเขื่อนศาลากลางจังหวัดฯ หรือติดต่อส่วนราชการได้ ทั้งสำนักงานตรวจคนเข้าเมืองฯ และเทศบาลนครสมุทรปราการ (อาคารใหม่กำลังก่อสร้าง) หรือเดินอีกนิดก็ถึง ที่ว่าการอำเภอเมืองสมุทรปราการ, ศาลากลางจังหวัด, อบจ.สมุทรปราการ, ศาลาประชาคม (มี สนง.พัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ และ สนง.วัฒนธรรมจังหวัด ตั้งอยู่ภายในอาคาร)

หมายเลข 2 : จุดขึ้น-ลงมีลิฟท์สำหรับวีลแชร์ และบันไดเดินขึ้นลง ใต้ร่มเงาต้นไม้ใหญ่ติดกับ "วิหารพระพุทธชินราชมงคลปราการ" อยู่ใกล้กับสรรพสามิตจังหวัดสมุทรปราการ ถ.สุทธิภิรมย์ ถัดไปยังมีไปรษณีย์ไทยอยู่ถัดไปอีก โดยจุดนี้มีห้องสุขาสำหรับผู้ใช้วีลแชร์หรือคนพิการโดยจะอยู่ติดกับลิฟท์ด้านบน

หมายเลข 3 : จุดขึ้น-ลงแบบบันไดเลื่อน สะดวกสบาย พร้อมลิฟท์โดยสารสำหรับวีลแชร์ ถ.ประโคนชัย ฝั่งเดียวกับ ศาลากลางฯ ที่อยู่ใกล้ป้ายรถประจำทาง ตรงข้ามสำนักงานที่ดินจังหวัดสมุทรปราการ เดินอีกนิดก็ถึงสถานีตำรวจภูธรจังหวัดสมุทรปราการ

หมายเลข 4 : จุดขึ้น-ลงบันได ด้านหน้า ถ.ประโคนชัย ติดห้องสมุดประชาชน มีป้ายรถประจำทางอยู่ด้าน ถ.ศรีสมุทร และก่อนถึงห้องสมุด เดินย้อนไปนิดจะเจอธนารักษ์ เดินขึ้นสกายวอล์คมามุ่งหน้าสู่หอชมเมืองฯ หรือเดินไปยังจุดต่างๆได้

หมายเลข 5 : จุดขึ้น-ลงบันได ในพื้นที่ "อุทยานการเรียนรู้และหอชมเมืองสมุทรปราการ" เปิด-ปิด เฉพาะเวลา 06.00 - 18.00 น. สะดวกสุดๆ กับส่วนเชื่อมต่อเข้าอาคารหอชมเมืองฯ ที่บริเวณชั้น 2 ลงลิฟท์มาชั้น 1 เพื่อรับชมนิทรรศการ หรือขึ้นไปชั้น 23 และ ชั้น 25 เพื่อชมวิวสวยๆ ของเมืองสมุทรปราการได้อีกด้วย หอชมเมืองฯ เปิดให้บริการวันอังคาร - วันเสาร์ เวลา 10.00 - 17.00 น. งดให้บริการวันอาทิตย์ - วันจันทร์ และวันหยุดนักขัตฤกษ์

คิว-ข่าวสมุทรปราการ รายงาน

มูลนิธิป่อเต็กตึ๊ง สร้างอาชีพ สร้างชีวิต มอบอุปกรณ์ประกอบอาชีพแก่สตรีแม่เลี้ยงเดี่ยวหรือด้อยโอกาส ในพื้นที่จังหวัดพิษณุโลก พร้อมนำหน่วยแพทย์เคลื่อนที่ออกบริการฟรี

(28 ส.ค. 67) มูลนิธิป่อเต็กตึ๊ง นำโดย นางศิริกุล โอภาสวงศ์ กรรมการและเลขาธิการ พร้อมด้วย นางจินดา บุญลาภทวีโชค กรรมการตรวจสอบ นางศิริพร กระจ่างหล้า ผู้จัดการฝ่ายสังคมสงเคราะห์ นางสาวศุภรัตน์ สมบัติเจริญไทย หัวหน้าแผนกส่งเสริมการศึกษาและอาชีพ และ นางสาวเนาวรัตน์ วรรณศิริ หัวหน้าแผนกหน่วยแพทย์สงเคราะห์ชุมชนนำทีมลงพื้นที่จังหวัดพิษณุโลก มอบวัสดุอุปกรณ์ประกอบอาชีพให้แก่สตรีที่มีรายได้น้อยมีภาระหน้าที่ดูแลคนในครอบครัว เป็นแม่เลี้ยงเดี่ยว หรือด้อยโอกาสทางสังคม มีความรู้ความสามารถ แต่ขาดแคลนวัสดุอุปกรณ์ประกอบอาชีพ จำนวน 11 ราย  คิดเป็นมูลค่าทั้งสิ้น 218,260 บาท (สองแสนหนึ่งหมื่นแปดพันสองร้อยหกสิบบาทถ้วน) เพื่อสร้างอาชีพ สร้างรายได้ สร้างชีวิต  ให้กับสตรีได้นำวัสดุอุปกรณ์ไปประกอบอาชีพเลี้ยงตนเองและครอบครัว ช่วยลดปัญหาความเหลื่อมล้ำในสังคม สร้างความสุขสู่ครอบครัว ชุมชน สังคมและประเทศชาติอย่างยั่งยืน โดยมี นายพชรเสฏฐ์ บุญศิริสาริศา รองผู้ว่าราชการจังหวัดพิษณุโลก พร้อมด้วย  นางสาวกุรุพิน สิงห์น้อย ผู้เชี่ยวชาญเฉพาะด้านสตรี ผู้แทนกรมกิจการสตรีและสถาบันครอบครัว และ นางศิริกานต์ ชาวห้วยหมาก ผู้อำนวยการสถานคุ้มครองและพัฒนาอาชีพบ้านสองแคว ร่วมในพิธี พร้อมกันนี้ มูลนิธิป่อเต็กตึ๊ง ได้นำทีมหน่วยแพทย์ฯ ลงพื้นที่ให้บริการประชาชน ฟรี ประกอบด้วย บริการตรวจรักษาโรคทั่วไป จ่ายยา ตรวจวัดสายตาพร้อมแจกแว่น ฯลฯ โดยมีประชาชนเข้ารับบริการเป็นจำนวนมาก ณ  ศาลาประชาคม ศาลากลางจังหวัดพิษณุโลก

นางศิริกุล โอภาสวงศ์ กรรมการและเลขาธิการ เปิดเผยว่า โครงการส่งเสริมอาชีพเพื่อสตรี มีวัตถุประสงค์เพื่อมอบวัสดุอุปกรณ์ประกอบอาชีพให้แก่สตรีที่มีรายได้น้อย มีภาระหน้าที่ดูแลคนในครอบครัว เป็นแม่เลี้ยงเดี่ยว หรือด้อยโอกาสทางสังคม มีความรู้ความสามารถ แต่ขาดแคลนวัสดุอุปกรณ์ประกอบอาชีพ โดยมูลนิธิฯ มุ่งหวังในการสร้างอาชีพ สร้างรายได้ สร้างชีวิต ให้กับสตรีได้นำวัสดุอุปกรณ์ไปประกอบอาชีพเลี้ยงตนเองและครอบครัว ลดปัญหาความเหลื่อมล้ำในสังคม สร้างความสุขสู่ครอบครัว ชุมชน สังคมและประเทศชาติอย่างยั่งยืนต่อไป โดยได้รับความร่วมมือจากศูนย์เรียนรู้การพัฒนาสตรีและครอบครัวและสถานคุ้มครองและพัฒนาอาชีพ จำนวน 10 แห่ง ได้แก่ กรุงเทพมหานคร จังหวัดนนทบุรี สงขลา สุราษฎร์ธานี ศรีสะเกษ ขอนแก่น ลำพูนลำปาง เชียงราย และจังหวัดพิษณุโลก ซึ่งได้ดำเนินการมอบวัสดุอุปกรณ์ประกอบอาชีพแก่สตรีไปแล้ว 6 แห่ง จำนวน 52 ราย คิดเป็นมูลค่าทั้งสิ้น 1,018,679 บาท (หนึ่งล้านหนึ่งหมื่นแปดพันหกร้อยเจ็ดสิบเก้าบาทถ้วน)

ตลอดระยะเวลากว่า 114 ปี มูลนิธิป่อเต็กตึ๊ง ได้ขยายขอบข่ายโครงการต่าง ๆ ออกไปอย่างกว้างขวาง ไม่เพียงแต่บำบัดทุกข์ บำรุงสุข แก่ผู้ตกทุกข์ได้ยากโดยไม่จำกัดเชื้อชาติ ศาสนา เท่านั้น แต่ยังได้พัฒนาคุณภาพชีวิตอีกในหลาย ๆ ทาง เพื่อเป็นองค์กรสาธารณกุศลที่ช่วยเหลือประชาชนครบวงจรในทุกๆ ด้าน ดังปณิธาน มูลนิธิป่อเต็กตึ๊ง ช่วยชีวิต รักษาชีวิต สร้างชีวิต ต่อไป

ติดตามข่าวสาร และกิจกรรมการช่วยเหลือของมูลนิธิป่อเต็กตึ๊งได้ที่เฟซบุ๊ก แฟนเพจ www.facebook.com/atpohtecktung

#ป่อเต็กตึ๊ง ช่วยชีวิต รักษาชีวิต สร้างชีวิต#
#แอปพลิเคชันป่อเต็กตึ๊ง1418
#ช่วยจริงอุ่นใจแม้ในนาทีฉุกเฉิน

สตูล รื้อถอนโพงพาง เครื่องมือประมงผิดกฎหมายในทะเลพื้นที่ อ.ละงู และ อ.ทุ่งหว้า 250 ปากทามกลางสายฝน

เมื่อวันที่ (27 ส.ค. 67) ที่ผ่านมา ในพื้นที่ทะเลในเขตตำบลทุ่งบุหลัง อำเภอทุ่งหว้า จังหวัดสตูล ที่เป็นรอยต่อทางทะเลไปยังอำเภอปะเหลียน จังหวัดตรัง พบการบุกรุกปักเสาไม้ป่าโกงกางขนาดใหญ่ ที่ใช่ทำเครื่องมือผิดกฎหมาย โพงพาง  ปักขวางทางเดินล่องน้ำในทะเลเป็นจำนวนมาก เต็มในทะเลสตูล มีถึง 500 กว่าปาก และในวันนี้ กำลังทางเรือ, เรือ ศรชล.4006, เรือ ศรชล.2906 , เรือตรวจการประมงทะเล 214, เรือทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่ง 202, เรือ RIB ของ นรภ.ทร.เกาะหลีเป๊ะ และ เรือยางของศูนย์ป้องกันและปราบปรามประมงทะเลกระบี่ รวมทั้งกำลังพลจาก ศรชล.จว.สตูล, ศคท.จว.สตูล ชปพ.นก.พตต.ศรชล.ภาค 3 ,หน่วยปฏิบัติการ หน่วยบัญชาการต่อสู้อากาศยานและรักษาฝั่งที่ 452,หน่วยป้องกันและปราบปรามประมงทะเลเกาะหลีเป๊ะ (สตูล) ศูนย์ป้องกันและปราบปรามประมงทะเลกระบี่ กองตรวจการประมง กรมประมง ศูนย์อนุรักษ์ทรัพยากรทางทะเลจังหวัดสตูล , สำนักงานเจ้าท่าภูมิภาคสาขาสตูล, ตำรวจน้ำสตูล และฝ่ายปกครองอำเภอทุ่งหว้า

หลังได้รับมอบหมายจาก นายศักระ กปิลกาญจน์ ผู้อำนวยการ ศรชล.จว.สตูล/ผวจ.สตูล มอบหมายให้ น.อ.แสนย์ไท  บัวเนียม ร.น. รองผู้อำนวยการ ศรชล.จว.สตูล/ผบ.นก.พตต.ศรชล.ภาค ๓ เป็นประธานในพิธีเปิดปฏิบัติการรื้อถอนเครื่องมือประมงผิดกฎหมาย ประเภท “โพงพาง” พื้นที่ อ.ละงู และ อ.ทุ่งหว้า จว.สตูล  พร้อมด้วย น.อ.รัฐพล แก้วกระจาย ร.น. หัวหน้า ศคท.จว.สตูล ณ สถานีเรือละงู ต.แหลมสน อ.ละงู จว.สตูล ซึ่งได้นำกำลังออกปฏิบัติการและสามารถรื้อถอนโพงพางได้ จำนวน 250 ปาก การปฏิบัติเป็นไปด้วยความเรียบร้อย ทามกลางที่ฝนตกหนัก  แต่ทำการรื้อถอนโดยไม่มีกลุ่มชาวประมงออกมาขวางกันแต่อย่างใด

ด้านนายจรัญ หลีหมัน ประมงอำเภอทุ่งหว้า กล่าวว่า การออกปฏิบัติการ รื้อถอนโพงพางในครั้งนี้ ต้องจัดการอย่างเร่งด่วน พบว่าการแอบทำโพงพางมีผลเสี่ยงต่อระบบนิเวศใต้น้ำ สัตว์น้ำสูญพันธ์ได้ และวันนี้หากรู้ว่าคนที่ลักลอบทำผิด แน่นอนต้องโดนโทษทางแกฎหมายเป็นเงินตั้งแต่ 1 แสนบาท จนถึง 5 แสนบาท ปรับจำนวน 5 เท่าของสัตว์น้ำที่จับได้

นิตยา แสงมณี // ผู้สื่อข่าวภูมิภาคประจำจังหวัดสตูล

'ราชตฤณมัยฯ' แจงปมโครงการ Entertainment Complex อยู่ระหว่างหาสถานที่ก่อสร้าง ไม่ใช่พื้นที่ 'สนามม้านางเลิ้ง' เดิม

(28 ส.ค. 67) คมชัดลึก ออนไลน์ เผยบทสัมภาษณ์ชี้แจงจากผู้บริหาร 'ราชตฤณมัยสมาคมแห่งประเทศไทยในพระบรมราชูปถัมภ์' ภายหลังมีกระแสดรามาเปิดตัวโครงการ Entertainment Complex มูลค่าการลงทุนกว่า 2 แสนล้านบาท เพื่อสร้างสถานที่สันทนาการแบบครบวงจร World Class ระดับเอเชีย ภายใต้ชื่อ 'The Royal Siam Haven' คาดพร้อมเปิดให้บริการ ปี 2575 ด้วยแนวคิดทันสมัยเข้ากับธุรกิจบันเทิงและการท่องเที่ยวเพื่อเชิญชวนให้ชาวต่างชาติมาท่องเที่ยวเสริมสร้างเศรษฐกิจและเม็ดเงินหมุนเวียน โดยมีแนวคิดที่สอดคล้องกับโลกยุคปัจจุบัน

แต่หลังจากประกาศเปิดตัวโครงการไปนั้น มีประชาชนบางส่วนอาจจะยังเข้าใจคลาดเคลื่อนเรื่องสถานที่ก่อสร้างโครงการ Entertainment Complex 'The Royal Siam Haven' โดย ดร.อริย์ธัช รัตนศุทธพบูลย์ รองประธานกรรมการอำนวยการและนายกสนามราชตฤณมัยสมาคมแห่งประเทศไทยในพระบรมราชูปถัมภ์ และประธานโครงการดังกล่าว ได้ออกมาเปิดเผยว่า...

"ราชตฤณมัยสมาคมแห่งประเทศไทยจะไปสร้าง Entertainment Complex ในพื้นที่ของสนามม้านางเลิ้งนั้นไม่ใช่อย่างแน่นอน เราจะไปสร้างในพื้นที่อื่น เนื่องจากว่าพื้นที่สนามม้านางเลิ้ง ปรับโฉมเป็นสวนสาธารณะแห่งใหม่ของคนกรุงเทพมหานครในนาม อุทยานเฉลิมพระเกียรติ พระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร"

สำหรับจุดเริ่มต้นของโครงการ 'Entertainment Complex' เนื่องมาจากในปัจจุบันการเลี้ยงม้าในไทยซบเซามาก ขณะนี้ไม่มีการขยายสายพันธุ์ม้าเพิ่ม ไม่มีกิจกรรมเกี่ยวกับม้าเหมือนเมื่อก่อน ประกอบกับราชตฤณมัยสมาคมแห่งประเทศไทย ในพระบรมราชูปถัมภ์ หรือ ที่นิยมเรียกกันว่า 'สนามม้านางเลิ้ง' ปิดตัวลง จึงทำให้คนที่ประกอบอาชีพเลี้ยงม้าอยู่ยาก ทางสมาคมเองเล็งเห็นว่าควรที่จะสืบสานเรื่องของม้าแข่ง เลยเริ่มหาที่จะสร้างสถานที่แข่งขันม้า เพื่อสืบทอดเจตนารมณ์ ร.6 ด้วย

ที่สำคัญ โครงการ 'The Royal Siam Haven' ในขณะนี้ยังหาพื้นที่เหมาะสมกับการจัดสร้างโครงการเนื่องจากอยู่ในขั้นตอนประสานงาน คาดว่าจะใช้พื้นที่มากกว่า 1,000 ไร่ หากตั้งอยู่ในพื้นที่กรุงเทพมหานคร ก็จะเป็นปอดของกรุงเทพฯ ด้วย เพราะโครงการจะใช้พลังงานสะอาด ไม่สร้างมลพิษ ที่สำคัญจะมีแท่งฟอกอากาศที่สามารถฟอกอากาศ เป็นแหล่งพื้นที่สีเขียวอีกที่หนึ่งในประเทศที่น่าไปใช้บริการ 

โดยทาง คุณปฐวี สุรินทร์ กรรมการบริหารสมาคม ราชตฤณมัยฯ ได้เผยเพิ่มเติมว่า มูลค่าการลงทุนกว่า 2 แสนล้านบาท จะมีชื่อ บริษัท Royal Sport Complex จำกัด 'RSC' เข้ามาเป็นพันธมิตรร่วมกับราชตฤณมัยสมาคมฯ นอกจากนี้ยังมีพันธมิตรที่เข้าร่วม 3-4 ราย รวมถึงทางเกาหลีใต้ซึ่งได้มีการเซ็นสัญญา MOU เป็นที่เรียบร้อยในวันแถลงข่าว 24 สิงหาคม 2567 ที่ผ่านมา และจะมีการแถลงข่าวเพิ่มเติมในอีก 90 วันข้างหน้า 

ส่วนระยเวลาดำเนินการก่อสร้างทั้งหมดของโครงการ จะมี 2 เฟส ใช้ระยะเวลาก่อสร้าง 7 ปี โดยตั้งใจไว้ว่าจะเริ่มก่อสร้างได้ ช่วงปลายปี 2568 เพราะในขณะนี้ยังอยู่ในขั้นตอนกระบวนการการขอใบอนุญาตต่างๆ พร้อมพัฒนาเป็นเวิลด์คลาสครบวงจร

อย่างเฟสแรกมีทั้งสนามม้าแห่งใหม่รองรับการแข่งขันระดับสากล และโรงพยาบาลม้า คาดว่าจะเสร็จ ประมาณปี 2570-2571 ส่วนเฟสสอง โรงแรมระดับ 6 ดาว, สนามกอล์ฟ, ยอร์ชคลับ, ภัตตาคารหรู, โรงละคร, โรงพยาบาล, การท่องเที่ยวเชิงสุขภาพ, ศูนย์การเรียนรู้, กิจกรรมกีฬาและบันเทิงต่าง ๆ 

ส่วนเรื่องของกาสิโน นั้นทาง คุณปฐวี เผยว่า "ในขณะนี้ทางเรามีใบอนุญาตเต็มรูปแบบในการทำสนามม้า, แข่งขันม้า, พัฒนาม้าแข่งในระดับสากล โดยประจุดประสงค์เพื่อสร้างเป็นแลนด์มาร์กแห่งใหม่ แต่หากว่าในภายภาคหน้ามี พ.ร.บ.ใบอนุญาตชัดเจน ทางเราก็เข้าร่วม"

ปัจจุบัน ราชตฤณมัยสมาคมแห่งประเทศไทย ในพระบรมราชูปถัมภ์ ยังคงสภาพบอร์ด และความเป็นองค์กรไว้ แม้จะไม่มีสถานที่ตั้งดำเนินงานก็ตาม โดยขอบเขตของราชตฤณามัยสมาคม ดำเนินการเฉพาะเรื่องการจัดการแข่งขันม้า ไม่ได้เกี่ยวข้องกับด้านอื่น ๆ ซึ่งคาดว่า อยู่ในช่วงการเคลื่อนไหวระดมทุนจากกลุ่มนักธุรกิจใหญ่ในไทยที่สนใจกิจการเอนเตอร์เทนเมนต์คอมเพล็กซ์ หาก ร่าง พ.ร.บ.สถานบันเทิงครบวงจร ผ่านกระบวนการเห็นชอบ ซึ่งจะต้องมีการขอใบอนุญาตในส่วนอื่น ๆ ต่อไป

'ศาลฯ' สั่งห้ามผู้ปกครองนำ 'น้องไนซ์' ออกสอนเชื่อมจิตทุกช่องทาง พร้อมให้นำตัวไปพบแพทย์สุขภาพเด็กและวัยรุ่น ภายใน 15 วัน

(28 ส.ค. 67) ที่ศาลเยาวชนและครอบครัว จ.สุราษฎร์ธานี คณะผู้พิพากษา ออกบัลลังก์ อ่านคำสั่งในคดี คส.2/2567 คดีที่ พมจ.สุราษฎร์ธานี เป็นผู้ร้องให้ศาลมีคำสั่งคุ้มครองสวัสดิภาพ น้องไนซ์ ห้ามไม่ให้ น.ส.นัฐพร (ขอสงวนนามสกุล) แม่น้องไนซ์ กับพวกรวม 2 คน โดยขอให้ศาลมีคำสั่ง 

1.ห้ามนำกิจกรรมไลฟ์สดอันเกี่ยวกับการเชื่อมจิต

2.ห้ามเผยแพร่คำสอนทางพุทธศาสนาอันเป็นการบิดเบือน หรือผิดเพี้ยนจากหลักทางพระพุทธศาสนา และไม่ปรากฏหลักฐานในพระไตรปิฎก

3.ห้ามใช้สื่อต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้องกับเด็กในการดำเนินกิจกรรม (เชื่อมจิต) ไม่ว่าจะเป็นภาพถ่าย รวมถึงภาพเคลื่อนไหว หรือสื่ออื่น ที่เป็นการยืนยันถึงตัวเด็ก 

4.ห้ามจัดกิจกรรมที่เกี่ยวข้องกับการเชื่อมจิต 

5.ออกคำสั่งกำหนดมาตรการ หรือวิธีการเพื่อเป็นการคุ้มครองสวัสดิภาพเด็กตามที่ศาลเห็นสมควร

ซึ่งศาลได้มีคำสั่งตามคำร้องของ พม. ให้นำเด็กไปตรวจสุขภาพที่สถาบันสุขภาพจิตเด็กและวัยรุ่น ภาคใต้ ภายใน 15 วันหลังจากคำสั่งศาลและให้ตรวจ 2 ครั้งภายใน 6 เดือนและให้แพทย์รายงานต่อศาลทราบด้วย 

ห้ามนำเด็กทำกิจกรรมไลฟ์สดเกี่ยวกับการเชื่อมจิต เผยแพร่คำสอนทางพุทธศาสนาอันเป็นการบิดเบือนหรือผิดเพี้ยนจากหลักทางพระพุทธศาสนาและไม่ปรากฏหลักฐานในพระไตรปิฎก,

ห้ามใช้สื่อต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้องกับเด็กในการดำเนินกิจกรรมเชื่อมจิตไม่ว่าจะเป็นภาพถ่ายรวมถึงภาพเคลื่อนไหวหรือสื่ออื่นที่เป็นการยืนยันถึงตัวเด็ก และ ออกคำสั่งกำหนดมาตรการหรือวิธีการเพื่อเป็นการคุ้มครองกับ พม.

เนื่องจากพนักงานเจ้าหน้าที่อำนาจอยู่แล้วเนื่องจากได้รับการแต่งตั้งจากรัฐมนตรีโดยไม่ต้องรอให้ศาลสั่งในการคุ้มครองสวัสดิภาพเด็ก หากไม่ปฏิบัติตามจะมีโทษจำคุก

ด้าน น.ส.ชลลดา ชนะศรีรัตนกุล พัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ จ.สุราษฎร์ธานี กล่าวว่า ในรายละเอียดคำสั่งศาล เราไม่สามารถเปิดเผยได้ เนื่องจากต้องเป็นไปตาม พ.ร.บ.คุ้มครองเด็ก

น.ส.ชลลดา กล่าวต่อว่า ซึ่งหลังจากนี้ พมจ.จะได้ร่วมกับผู้ปกครองในการปฏิบัติตามคำสั่งศาล โดยเฉพาะการวางแผนการเลี้ยงดูในทุก ๆ ด้าน ทั้งด้านสังคม การศึกษา และการนำเด็กไปทำกิจกรรม ซึ่งศาลได้กำชับผู้ปกครองให้ดำเนินการตามคำสั่งอย่างเคร่งครัด หากไม่ปฏิบัติตามก็จะมีความผิดตามกฎหมาย

รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา เปิดเส้นทางโครงการ ททท.ทัวร์อารยสถาปัตย์ ส่งเสริมการท่องเที่ยวเชิงสุขภาพและการท่องเที่ยวเพื่อคนทั้งมวล กรุงเทพฯ - พัทยา ที่ 'สวนนงนุชพัทยา'

ที่ห้องประชุมเฟื่องฟ้า สวนนงนุชพัทยา จ.ชลบุรี นาย เสริมศักดิ์ พงษ์พานิช รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา เปิดเส้นทางโครงการ “ททท.ทัวร์อารยสถาปัตย์ ส่งเสริมการท่องเที่ยวเชิงสุขภาพและการท่องเที่ยวเพื่อคนทั้งมวล กรุงเทพฯ - พัทยา” พร้อมด้วย แขกผู้มีเกรียติ อาทิ นาย อำนาจ เจริญศรี รองผู้ว่าราชการจังหวัดชลบุรี, ,นาย  สมชาย ชมภูน้อย ผู้อำนวยการภูมิภาคภาคตะวันออก การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.),นาย ปรเมศวร์ งามพิเชษฐ์ นายกเมืองพัทยา นายกฤษนะ ละไล ประธานมูลนิธิฯ และเครือข่ายมนุษย์ล้อทูตอารยสถาปัตย์ เข้าร่วมประชุม โดยมี นายกัมพล ตันสัจจา ประธานสวนนงนุชพัทยา  ให้การต้อนรับ

สำหรับโครงการ “ททท.ทัวร์อารยสถาปัตย์ ส่งเสริมการท่องเที่ยวเชิงสุขภาพและการท่องเที่ยวเพื่อคนทั้งมวล กรุงเทพฯ - พัทยา" ที่ทางมูลนิธิอารยสถาปัตย์เพื่อคนทั้งมวล ร่วมกับการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) และเครือข่ายมนุษย์ล้อทูตอารยสถาปัตย์ กำหนดจัดขึ้น ณ เมืองพัทยา และสวนนงนุชพัทยา ระหว่างวันที่ 27-28 สิงหาคมนี้ เพื่อต่อยอด ขยายผล และกระตุ้นให้เกิดการท่องเที่ยวเพื่อคนทั้งมวลอย่างต่อเนื่อง ทั่วถึง เท่าเทียมและยั่งยืน พร้อมพิธีประกาศปฏิญญา Pattaya for all 

จากนั้นรัฐมนตรีท่องที่ยวและกีฬาและคณะ ได้เยี่ยมชมความพร้อมของสวนนงนุชพัทยาในเรื่องอารยสถาปัตย์เพื่อคนทั้งมวล ซึ่งประกอบไปด้วยห้องน้ำ,ทางลาด,ลิฟต์,สระวายน้ำ,ป้ายบอกทาง,รถชมวิวรวมถึงที่พักสำหรับผู้สูงอายุและผู้พิการ ต่อจากนั้นได้ชมสวนสวยมากกว่า 60 สวนและศูนย์เรียนรู้ของทางสวนนงนุชพัทยา และอีกสิ่งหนึ่งที่สวนนงนุชพัทยาได้ทำมาอย่างต่อเนื่องคือมอบโอกาสให้ผู้สูงอายุ (อายุตั้งแต่60ปีขึ้นไป) เข้าฟรีทุกวันศุกร์ ผู้พิการและผู้ติดตามเข้าฟรีทุกวัน

เชียงใหม่-ม.แม่โจ้ MOU ร่วมกับบริษัท ไฮไลฟ์ ไอบีซี จำกัดพัฒนาหลักสูตรและกิจกรรมด้านการอนุรักษ์พลังงานและพลังงานทดแทน

(28 ส.ค.67) มหาวิทยาลัยแม่โจ้ โดยวิทยาลัยพลังงานทดแทน จัดพิธีบันทึกความร่วมมือทางวิชาการ กับ บริษัท ไฮไลฟ์ ไอบีซี จำกัด เพื่อร่วมกันพัฒนาหลักสูตรและกิจกรรมด้านการอนุรักษ์พลังงานและพลังงานทดแทนสำหรับสถาบันอุดมศึกษา โดยมี ผู้ช่วยศาสตราจารย์พาวิน มะโนชัย รองอธิการบดีมหาวิทยาลัยแม่โจ้ และ นางวัชราภรณ์ ลิน กรรมการผู้มีอำนาจลงนามบริษัท ไฮไลฟ์ ไอบีซี จำกัด  เป็นผู้แทนลงนามทั้งสองฝ่าย ร่วมด้วย ผู้ช่วยศาสตราจารย์ ดร.นิกราน หอมดวง คณบดีวิทยาลัยพลังงนทดแทน มหาวิทยาลัยแม่โจ้ และ ดร.บัณฑิต จำรัส ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ไฮไลฟ์ ไอบีซี จำกัด ลงนามร่วมเป็นพยาน ทั้งนี้ มีคณะผู้บริหารของทั้งสองหน่วยงานร่วมแสดงความยินดีและเป็นสักขีพยาน ณ ห้องประชุมรวงผึ้ง อาคารสำนักงานมหาวิทยาลัย มหาวิทยาลัยแม่โจ้ จ.เชียงใหม่ 

ผู้ช่วยศาสตราจารย์ พาวิน มะโนชัย รองอธิการบดีมหาวิทยาลัยแม่โจ้ กล่าวว่า บันทึกความเข้าใจความร่วมมือทางวิชาการ การพัฒนาหลักสูตรและกิจกรรมด้านการอนุรักษ์พลังงานและพลังงานทดแทน สำหรับสถาบันอุดมศึกษา ระหว่างมหาวิทยาลัยแม่โจ้ โดยวิทยาลัยพลังงานทดแทน ร่วมกับ บริษัท ไฮไลฟ์ ไอบีซี จำกัด มีวัตถุประสงค์เพื่อร่วมมือในการเสริมสร้างความรู้ด้านพลังงานอย่างบูรณาการ สร้างความตระหนักของการใช้พลังงานและพลังงานทดแทนอย่างมีคุณค่าและมีประสิทธิภาพ ตลอดจนความร่วมมือทางวิชาการและวิจัยที่สนับสนุนความก้าวหน้าของทั้งสองหน่วยงาน

นางวัชราภรณ์ ลิน กรรมการบริหารกลุ่มบริษัท ไฮไลฟ์/ ผู้บริหาร เจ้าหน้าที่ บริษัท ไฮไลฟ์ ไอบีซี จำกัด กล่าวถึงความร่วมมือทางวิชาการ ระหว่าง กลุ่มบริษัทไฮไลฟ์และวิทยาลัยพลังงานทดแทน มหาวิทยาลัยแม่โจ้ กลุ่มบริษัทไฮไลฟ์ ซึ่งดําเนินธุรกิจหลากหลายที่มีบทบาทสําคัญในจังหวัดเชียงใหม่ ประกอบด้วยธุรกิจ อสังหาริมทรัพย์ การบริหารจัดการสินทรัพย์ และอุตสาหกรรมการผลิต เรามองเห็นถึงความสําคัญของการใช้ พลังงานทดแทนในการสร้างความยั่งยืนให้กับธุรกิจและสังคมในอนาคต

โดยเฉพาะอย่างยิ่ง บริษัท ไฮไลฟ์ โกลบอล ฟู้ดส์ จํากัด ซึ่งเป็นหนึ่งในธุรกิจอุตสาหกรรมการผลิตของกลุ่มบริษัทฯ ขณะนี้อยู่ระหว่างการก่อสร้างโรงงานผลิตผักและผลไม้ทั้งตัดแต่งสดและแปรรูป ภายใต้แบรนด์ ฟินโก้และฟันโก้ เพื่อการส่งออกทั้งในประเทศและต่างประเทศ โรงงานนี้ตั้งอยู่ที่อําเภอดอยหล่อ จังหวัดเชียงใหม่ บนพื้นที่ทั้งหมด กว่า 35 ไร่ ซึ่งได้รับการอนุมัติการส่งเสริมการลงทุนจากทาง BOI มูลค่ารวมกว่า 422 ล้านบาท โรงงานดังกล่าวมี เป้าหมายเป็นต้นแบบของ smart factory ที่ใช้พลังงานทดแทนในกระบวนการผลิต เราได้ทําบันทึกข้อตกลงร่วมกับบริษัท ซิโน พาวเวอร์ จํากัด ในการติดตั้งหลังคาโซลาร์เซลล์ให้กับโรงงาน โดยใน ความร่วมมือนี้ได้เชิญคณาจารย์จากวิทยาลัยพลังงานทดแทนมาให้บริการทางวิชาการในเรื่องพลังงานทดแทน ซึ่ง ได้จัดให้มีการบรรยายในหัวข้อ "การใช้พลังงานทดแทนเพื่อพัฒนาความยั่งยืนในอุตสาหกรรมการแปรรูปอาหาร และผลผลิตเกษตร" ให้แก่พาร์ทเนอร์ของกลุ่มบริษัท สื่อมวลชน และนักศึกษา เพื่อเป็นการต่อยอดความรู้และ ความเข้าใจให้เกิดประโยชน์ในอนาคต

และหากการก่อสร้างโรงงานเสร็จสิ้นตามแผนในปลายปีนี้ เราจะจัดให้มีการเยี่ยมชมโรงงานเพื่อเป็นต้นแบบให้กับ นักศึกษาและผู้ที่สนใจในเรื่องการจัดการ smart factory ซึ่งจะเป็นประโยชน์อย่างยิ่งในอนาคตในฐานะผู้นําภาคเอกชนของจังหวัดเชียงใหม่ มีความภูมิใจที่กลุ่มบริษัทไฮไลฟ์จะเป็นตัวแทนโรงงานชั้นนํา
 
ผู้ช่วยศาสตราจารย์ดร.นิกราน หอมดวง คณบดีวิทยาลัยพลังงานทดแทน มหาวิทยาลัยแม่โจ้ กล่าวว่า สำหรับการลงนามความร่วมมือในครั้งนี้ ทั้งสองฝ่ายได้ตระหนักถึงความสำคัญและคุณค่าของพลังงานตลอดจนทรัพยากรพลังงาน ซึ่งเป็น ปัจจัยพื้นฐานที่สำคัญในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจของประเทศ และเป็นสิ่งจำเป็นต่อการดำรงชีวิตของประชาชน เพื่อเสริมสร้างความรู้ด้านพลังงานอย่างบูรณาการ การสร้างความตระหนักของการใช้พลังงานและพลังงานทดแทน อย่างมีคุณค่าและมีประสิทธิภาพ

ตลอดจนความร่วมมือทางวิชาการและวิจัยที่สนับสนุนความก้าวหน้าของทั้งสองหน่วยงาน และสร้างความเข้มแข็งให้กับเครือข่ายระหว่างภาครัฐและภาคเอกชน ส่งเสริมการอนุรักษ์พลังงานและการใช้พลังงานทดแทนของประเทศให้เป็นไปอย่างยั่งยืน

'ชาวลาว' เรียกร้องความเป็นธรรมให้ 'หนุ่มไทย' หลังถูกวัยรุ่นอายุ 17 ขับรถเฟอร์รารี่ชนดับ

(28 ส.ค. 67) ผู้ใช้เฟซบุ๊กชื่อ 'Joseph Akaravong' ได้ออกมาโพสต์เรื่องร้องเรียน หลังมีหนุ่มชาวไทยที่ไปอาศัยอยู่ที่สปป.ลาว ถูกหนุ่มวัย 17 ปี ขับรถหรูชนจนเสียชีวิต ทำให้ชาวสปป.ลาว ไม่พอใจเป็นอย่างมากออกมาเรียกร้องความเป็นธรรมให้หนุ่มไทยคนนี้ โดยระบุข้อความในโพสต์ว่า... 

"รถที่ชนคนตายคือคันนี้ ผู้ที่เสียชีวิตคือคนไทยที่อาศัยอยู่ในลาว FuFu Idol Indy คนขับรถฝั่งญาติ อ้างคนเกี่ยวข้องไม่ปฏิบัติตามกฎหมาย อายุเพิ่ง 17 ปี"

ภาพที่ผู้ร้องเรียนโพสต์นั้นเป็นภาพรถซูเปอร์คาร์เฟอร์รารี่ สีขาว สภาพด้านหน้าพังยับเยินจากอุบัติเหตุดังกล่าว พร้อมโพสต์ภาพของหนุ่มไทยที่เสียชีวิต นอกจากนี้ชาวเน็ตได้ออกมาแสดงความอาลัย รวมทั้งเรียกร้องความเป็นธรรมเป็นจำนวนมาก

ซึ่งพบว่าทางโซเชียลมีเดียของทางสปป.ลาว ได้ติดแฮ็ชแท็ก #ຂໍຄວາມເປັນທຳໃຫ້ອ້າຍຟູ ที่แปลได้ว่า #ขอความเป็นให้อ้ายฟู ทั้งนี้ยังพบว่าชาวไทยผู้เสียชีวิตนั้นเป็นช่างภาพคนดังในโลกออนไลน์ และมีคนสปป.ลาวติดตามเป็นจำนวนมาก เมื่อไปดูเฟซบุ๊ก 'FuFu Idol Indy' ของผู้เสียชีวิตนั้นพบว่ามีชาวลาวเข้ามาแสดงความอาลัยเป็นจำนวนมาก

ข้อมูลอีกด้านเพื่อคนที่มีความคิดหวังจะยึดโซเชียลมีเดียเป็นที่ทำมาหากิน ร้อยละ 97.5% ที่มีรายได้จากการเป็นยูทูบเบอร์ 'ไม่พ้นความยากจน'

(28 ส.ค.67) ผู้ใช้บัญชีเฟซบุ๊ก 'Stapnavatr Vajira' ได้โพสต์ข้อมูลที่น่าสนใจในทางเศรษฐกิจของคนที่มีความคิดหวังจะเอาโซเชียลมีเดียเป็นที่ทำมาหากิน ไว้ดังนี้...

(1) ประเทศไทยมี Ranking อยู่ในอันดับ 10 ของโลก ที่มีการสร้างช่องยูทูบและมีผู้ติดตามเกิน 10 ล้าน หรือถ้าพูดในอีกด้านหนึ่งคือ เมืองไทยได้มีคนที่อยากจะเข้ามาเกี่ยวข้อง ทั้งในแง่การผลิตหรือบริโภค น่าจะเยอะมากแล้ว หรือ อาจเข้าโซน Red Ocean ได้แล้ว

(2) 58% ของคนสร้างคอนเทนต์ในโลก ทำงานนี้อย่างเดียว

(3) 59% ของการทำคอนเทนต์ในช่วงปีแรก จะมีรายได้ไม่เกิน 100 ดอลลาร์!!!

(4) มีเพียงร้อยละ 12 ของผู้สร้างคอนเทนต์ที่ทำงานเต็มเวลา จะมีรายได้เกิน 50,000 ดอลลาร์ต่อปี และมีร้อยละ 46 ที่มีรายได้น้อยกว่า 1,000 ดอลลาร์ต่อปี

(5) ร้อยละ 97.5% มีรายได้จากการเป็นยูทูบเบอร์ ไม่พ้นความยากจน

เอาไว้บอกลูกหลานที่ไม่อยากทำงาน นึกว่างานแบบนี้ดี

อดอยากครับ เป็นทั้งโลก

ทำสวนดีกว่ามั้งครับ


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top