Sunday, 29 June 2025
NEWS FEED

'บุ๋ม ปนัดดา' ขอแรงคนไทยช่วยตักดินออกจากบ้านชาวเชียงราย พบพลเมืองดีให้ความช่วยเหลือกันเพียบ ขอเพียงแค่หนุนค่าน้ำมัน

ความคืบหน้าน้ำท่วมใน จ.เชียงราย หลังน้ำลดได้ทิ้งความเสียหายไว้ให้ชาวบ้านเป็นจำนวนมาก ล่าสุดบรรยากาศหน้าด่านพรมแดนไทย-เมียนมา อ.แม่สาย จ.เชียงราย ยังคงวุ่นวายตลอดทั้งวันเนื่องจากเจ้าหน้าที่เทศบาล ต.แม่สาย และหน่วยงานต่าง ๆ รวมทั้งชาวบ้าน ห้างร้าน ฯลฯ ต่างออกมาทำความสะอาดตามท้องถนนและอาคารต่าง ๆ อย่างต่อเนื่อง ซึ่งเป็นไปด้วยความยากลำบากเนื่องจากขาดแคลนน้ำประปา และทางเทศบาล ต.แม่สายต้องแบ่งช่วงเวลาจ่ายน้ำตามจุดต่าง ๆ

ทั้งนี้ เมื่อวานนี้ (19 ก.ย. 67) บุ๋ม ปนัดดา ได้ออกมาโพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊กขอความช่วยเหลือตักดินออกจากบ้าน โดยได้ระบุข้อความว่า…

“มีจิตอาสา หรือใครที่อยู่เชียงราย ที่รับตักดินออกจากบ้านคนไหมคะ บุ๋มมีโครงการช่วยทำความสะอาดบ้านให้กับประชาชนที่โดนน้ำท่วมและบ้านเต็มไปด้วยโคลน บางบ้านมีแต่คนแก่และผู้หญิง บางบ้านก็มีคนไข้ติดเตียง บุ๋มเห็นใจค่ะ เลยอยากหาคนไปช่วยทำความสะอาด โดยทางมูลนิธิจะเป็นผู้ดูแลค่าใช้จ่ายให้ แค่คราบฝุ่นก็เหนื่อยแล้ว เจอสภาพแบบนี้เครียดแทนเลย ซึ่งบ้านแรกที่อยากให้ไปอยู่ผามควาย เหมืองแดงค่ะ”

ทั้งนี้ พบว่ามีจิตอาสาจำนวนมากพร้อมให้ความช่วยเหลือ โดยต้องการเพียงค่าน้ำมันในการเดินทางเพียงเท่านั้น ทำชาวเน็ตจำนวนมากแห่คอมเมนต์ขอบคุณจิตอาสาเหล่านี้ที่พร้อมช่วยเหลือผู้ที่เดือดร้อน

'โซเชียล' แห่อาลัยฮีโร่ผู้กล้า 'ปูเป้' เจ้าหน้าที่อาสา ประสบอุบัติเหตุเสียชีวิตหลังไปช่วยน้ำท่วมเชียงราย

เมื่อวานนี้ (19 ก.ย. 67) เฟซบุ๊ก ‘NattyRescue ChiangRai’ เผยเรื่องราวสุดเศร้า ระบุว่า

“ร่วมไว้อาลัย ฮีโร่ ผู้กล้าที่มาช่วยชาวจังหวัดเชียงรายบ้านเรา ขอแสดงความเสียใจกับครอบครัวพี่อาสาท่านนี้ด้วย ที่สูญเสียฮีโร่ คุณจันทิมา ครุฑหมื่นไวย (พี่ปูเป้) สมาชิกอาสาสมัครบรรเทาสาธารณภัยแห่งประเทศไทย หน่วยธน 19-146 รถกู้ภัยเดินทางกลับจากช่วยน้ำท่วมเชียงราย เกิดประสบอุบัติเหตุที่พิจิตร เมื่อวันที่ 15 กันยายน 2567 ที่ผ่านมา คุณงามความดีที่สร้าง ขอให้สู่สุคติในชั้นที่สุขสงบและดียิ่งขึ้นไป ขอแสดงความเสียใจกับครอบครัวและเพื่อนร่วมงานกู้ภัยด้วยครับ…

“หลับให้สบาย บุญกุศลแห่งการเป็นจิตอาสา ขอให้ไปสู่ภพภูมิที่ดี เป็นเทวดานางฟ้าบนสรวงสวรรค์ ไม่มีอะไรยิ่งใหญ่เท่ากับการช่วยเหลือ ‘เพื่อนมนุษย์’ ”

ทั้งนี้ ร่างของคุณปูเป้ถูกนำมาประกอบพิธีทางศาสนาที่วัดมหาบุศษ์ ซอยอ่อนนุช 7 ถนนสุขุมวิท 77 กทม. ก่อนจะมีการฌาปนกิจในวันที่ 21 กันยายน 2567

เอฟเคไอไอ.ร่วม 'ท็อป-จิรายุส' เปิดเวทีตอบโจทย์อนาคตประเทศไทย เสนอรัฐเร่งเดินหน้าความตกลงดิจิทัลอาเซียนดึงเม็ดเงินลงทุนกว่า 60 ล้านล้านบาท มุ่งพัฒนาอุตสาหกรรมแห่งอนาคต สร้างฐานวิทยาศาสตร์-เทคโนโลยี เสริมทักษะเอไอ ยึดแนวทาง Green-ESG

นายอลงกรณ์ พลบุตร ประธานสถาบันเอฟเคไอไอ ไทยแลนด์( FKII Thailand) เปิดเผยวันนี้ว่า สถาบันเอฟเคไอไอ.ได้จัดกิจกรรมการสนทนาวาระประเทศไทย ( FKII NATIONAL DIALOGUE )เพื่อนำประเด็นที่เป็นความท้าทายและโอกาสในปัจจุบันและอนาคตมาวิเคราะห์เพื่อหาทางออกที่ดีที่สุดให้กับประเทศในหัวข้อ 'อนาคตปัญหาประเทศไทย' โดยจัดร่วมกับสถาบันทิวา มีผู้ร่วมการสนทนาแลกเปลี่ยน(Dialogue) ได้แก่ รศ.ดร.อาณัฐชัย รัตตกุล รองประธานเอฟเคไอไอ.

นายชยดิฐ หุตานุวัชร์ ประธานสถาบันทิวา และ นายจิรายุส ทรัพย์ศรีโสภา ผู้ก่อตั้งและประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท บิทคับ แคปปิตอล กรุ๊ป โฮลดิ้งส์ จำกัด (ท็อป-จิรายุส) ดำเนินรายการโดย นางสาวนวรัตน์ สัมพันธ์ศรี หัวหน้าคณะทำงานคณะกรรมการขับเคลื่อนเอฟเคไอไอ.ทั้งนี้ รศ.ดร.อาณัฐชัย รัตตกุล ให้เกียรติเป็นประธานเปิดงาน ณ สวนเสียงไผ่ สถาบันทิวา ทาวน์อินทาวน์ กรุงเทพมหานคร

ในกิจกรรมการสนทนาดังกล่าว 'ท็อป-จิรายุส' ได้แบ่งปันประสบการณ์ในการเข้าร่วมสภาเศรษฐกิจโลก (World Economic Forum; WEF) ณ เมืองดาวอส ซึ่งมีผู้นำประเทศต่างๆ ทั่วโลก และนักธุรกิจที่มีมูลค่าตลาดสูงกว่า 5 Billion USD รวมกันประมาณ 3,000 คน ซึ่งในประเทศไทยผู้ที่ได้เข้าร่วมก็จะบริษัทใหญ่ ๆ ได้แก่ CP, ThaiBev, PTT,SCG, KBank เป็นต้น ซึ่งใน WEF มีการพูดถึงเรื่อง ESG หรือ Environment, Social, และ Governance ที่เป็นกระแสของโลกในอนาคตที่จะมีผลบังคับใช้ในอีกไม่กี่ปีข้างหน้า (2030) ซึ่งทุกๆ กิจการโดยเฉพาะ SMEs ต้องทราบและเริ่มปรับตัวตั้งแต่วันนี้ เนื่องจากจะทำให้ไม่สามารถขายสินค้าให้กับลูกค้าเดิม ๆ ได้อีกต่อไป เพราะกระบวนการการผลิตที่ไม่สามารถแจกแจงปริมาณการปล่อยคาร์บอนหรือมีส่วนร่วมในการทำลายสภาพแวดล้อมของโลก นอกจากนี้ สถาบันการเงินก็จะไม่ยินดีปล่อยสินเชื่อให้กับธุรกิจที่มีส่วนร่วมในการทำลายสภาพแวดล้อมของโลกตลอดทั้งซัพพลายเชนเช่นเดียวกัน ปัจจัยดังกล่าวจึงเป็นข้อจำกัดในการดำเนินธุรกิจของผู้ที่ไม่ปรับเปลี่ยนการดำเนินธุรกิจตามเทรนด์โลก

แนวทางการปรับตัวของประเทศกำลังพัฒนาและประเทศเล็ก ๆ ได้แก่ การรวมกลุ่มทางภูมิศาสตร์และการค้า (Regionalization) เพื่อเพิ่มขนาดของเศรษฐกิจและประชากร (จาก 67 ล้านคน เป็น 600 ล้านคน) ซึ่งในภูมิภาค ASEAN กำลังอยู่ในขั้นตอนการจัดทำ DEFA (2025) หรือ Digital Economy Framework Agreement ซึ่งหากบรรลุข้อตกลงนี้ได้ประมาณ 60% จะสามารถดึงเม็ดเงินเข้ามาลงทุนในภูมิภาคนี้กว่า 2 Trillion USD ดังนั้น ประเทศใดมีความพร้อมมากกว่าก็มีโอกาสที่จะดึงเม็ดเงินลงทุนดังกล่าวได้มากกว่ากัน นอกจากนี้ ยังเป็น ASEAN Single Window, Free Flow for People และ Regional Money

อุตสาหกรรมแห่งอนาคต จะไม่มีอุตสาหกรรมที่มีอยู่ในปัจจุบันอีกต่อไป เนื่องจากหยุดเติบโตแล้ว และเน้นแข่งขันด้านราคา (Red Ocean) ในอนาคตจะขับเคลื่อนด้วยวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี (S&T) Deep Tech, Digital Infrastructure บนอุตสาหกรรม Frontier Technology ได้แก่ AI, Big Data, IoT, Block Chain, 3D Printing ฯลฯ

ผลกระทบต่อตลาดหลักทรัพย์เมื่อประกาศใช้ Net Zero ในปี 2030
-กองทุนต่าง ๆ จะไม่สามารถเข้าไปถือหุ้นบริษัทในตลาดหลักทรัพย์ที่ไม่ Green ไม่ได้ ดังนั้น บริษัทและ Supplier ทั้งหมดต้อง Green ทั้งประบวนการ
-บริษัทที่ไม่ปรับตัวเข้าสู่ Green จะไม่สามารถเข้าถึงแหล่งเงินทุนได้ เนื่องจากธนาคารไม่ปล่อยสินเชื่อให้บริษัทที่ไม่ Green
-บริษัทในตลาดหลักทรัพย์เดิมเป็น SET กับ MAI แต่ในอนาคตจะเป็น ESG กับ Non-ESG

เทคโนโลยี AI จะมีประสิทธิภาพมากขึ้นเรื่อย ๆ ดังนั้น คนต้องมีความสามารถในการสื่อสาร (Prompt) กับ AI ให้ได้ผลลัพธ์ที่ดีที่สุด (Ask the right Question) ดังนั้น จำเป็นที่จะต้อง Up-Skill / Re-Skill ในรูปแบบ Open Education Platform ตามความสะดวกของผู้เรียน

เรื่องการศึกษา เสนอว่าให้มีกระบวนการ Build Character ให้กับนักเรียน ทั้งนี้ เนื่องจากคนไทยมีความ Creativity สูงอยู่แล้ว จึงควรส่งเสริมให้พัฒนาขึ้น นอกจากนี้ ควรส่งเสริมด้าน Soft Skill (การสื่อสาร การเข้าร่วมกิจกรรม) และผลักดันเรื่อง Blue Ocean Competition.

สำหรับสถาบันเอฟเคไอไอ. ไทยแลนด์ (FKII Thailand: Field for Knowledge Integration and Innovation) เป็นองค์กรวิสาหกิจเพื่อสังคม (Social Enterprise) ทำหน้าที่สนับสนุนความร่วมมือทางเศรษฐกิจระหว่างประเทศไทยกับนานาประเทศรวมทั้งเป็นตัวกลางเชื่อมประสานระหว่างหน่วยงานวิจัยกับภาคเอกชนภาครัฐทั้งในและต่างประเทศทางด้านนวัตกรรมและองค์ความรู้เพื่อเพิ่มศักยภาพใหม่ของประเทศและการพัฒนาอย่างยั่งยืนตอบโจทย์ความท้าทายใหม่ของโลกปัจจุบันและอนาคต

ติดตาม FKII Thailand
FB: FKIIThailand https://shorturl.at/87OHy
LineOA: FKIIThailand https://lin.ee/BgPCPvd

เริ่มปิดไม่มิด!! กลิ่นโชย 'ต่างด้าวผิดกฎหมาย' คลุ้ง มุ้งการเมืองเริ่มสะกิด ติดตรงเก้าอี้ใหญ่เอาไงต่อ

(19 ก.ย. 67) ปัญหาชาวต่างชาติแย่งงานคนไทยดูจะไม่ใช่ปัญหาเล่น ๆ เสียแล้ว เพราะเท่าที่เห็นผ่านสายตา ก็มีดาวดังประจำสภาอย่างน้อย 2 คน หยิบเรื่องนี้ขึ้นมาถกแบบยกใหญ่ ไม่ว่าจะเป็น 'กอล์ฟ-ศาสตรา ศรีปาน' ผู้แทนของคนหาดใหญ่ จากพรรครวมไทยสร้างชาติ กับ 'ไอซ์-รัชนก ศรีนอก' สาวเสื้อส้มตัวแทนคนบางบอน 

ศาสตรา เขย่าเรื่องนี้ โดยยกเอาเรื่องต่างชาติแย่งงานคนไทย และต่างชาติแปลงร่างเป็นนายทุนมาหารือในรัฐสภาแล้วหลายครั้ง เพราะปัญหาดังกล่าวผุดขึ้นในพื้นที่หาดใหญ่เอง โดยมีชาวต่างชาติประกอบอาชีพต้องห้ามหลายอาชีพ รวมไปถึงในเชียงใหม่, ภูเก็ต และเมืองท่องเที่ยวอีกหลายเมืองที่มีชาวต่างชาติแปลงร่างเป็นนายทุนเจ้าของกิจการหลายกิจการ 

เรื่องน่าห่วงที่ผู้แทนหาดใหญ่จากรวมไทยสร้างชาติ คนนี้กลัวและมักจะทิ้งท้ายให้รัฐบาลเปิดรับฟังเยอะ ๆ เพราะเริ่มเห็นช่องการดึงเงินออกนอกประเทศแบบ 100% จากต่างชาติเหล่านี้ คล้าย ๆ กับกรณีที่เกิดขึ้นแล้วแบบทัวร์ศูนย์เหรียญ ก็ต้องดูว่าจะมีประกาศิตจากรัฐบาลที่เริ่มเจอเสียงกดดันดังขึ้นแค่ไหน...

ข้ามมาฟากบางบอน 'ไอซ์ รัชนก' ออกลูกอึ้ง!! หลังเจอพม่าครองแผงตลาดบางบอน พร้อมจี้ให้รัฐบังคับใช้กฎหมาย-เก็บภาษีให้คุ้มนั้น ก็ต้องบอกว่างวดนี้น้องไอซ์ออกเชิงสวนกระแส สส.พรรคส้มเขตปทุมวัน ที่รายนั้นดอดออกตัวปกป้องคนต่างชาติบางประเทศ จนถูกประชาชนโซเชียล ติดแฮชแท็ก #พรรคประชาชนพม่า #สสพรรคประชาชนพม่า 

จะว่าไปแล้ว กระแสต่างด้าวสาวไส้ไปสักคืบ ก็จะพบว่า มีประเด็นที่ถูกจุดติดมาจาก AYA IRRAWADEE หนึ่งในคอลัมนิสต์ของ THE STATES TIMES ที่กัดไม่ปล่อยกับขบวนการต่างด้าวยึดบางกอก ซึ่งว่ากันว่า พอลอกคราบออกมาแล้ว มีเลือดสีส้มเจือปนอยยู่ในระดับอนุบาล พาลกระทบไปถึงคนทำงานในหน่วยงานภาคราชการต้องร้อน ๆ หนาว ๆ 

แน่นอนว่า 'ข้าของประชาชน' ตัวจริง ที่รู้ข่าวก็ใช่ว่าจะเงียบกริบ โดยล่าสุดหนึ่งในข้าราชการประจำของกรุงเทพมหานคร อย่าง 'อุ๊-วรชล ถาวรพงษ์' ผู้อำนวยการเขตบางกอกน้อย ก็ขยับตัวออกมาตรวจสอบเขตพื้นที่ต่าง ๆ เอง โดยเฉพาะตลาดวังหลัง ซึ่งผลคือพบ 'คนต่างด้าว-ต่างชาติ' ทั้งมีบัตรและไม่มีบัตรเดินขายของกันว่อน แถมคนพวกนี้ยังมีการอัปเดตผลงานให้แฟนคลับติดตามชมเป็นระยะ ๆ ใน Tiktok เสียด้วย...

ย้อนไปอีกนิดกับ 'อุ๊-วรชล' ถือเป็นข้าราชการฝีมือดีคนหนึ่ง ที่มักจะขยับตัวได้อย่างรวดเร็วเวลาเกิดประเด็นดรามาต่าง ๆ ในสังคม ครั้นตั้งแต่การเริ่มแจกผ้าอนามัยฟรีที่เขตบางขุนเทียน / 'แคมเปญคุณกั๊กเราเก็บ' ที่ไล่จัดการกับการกั๊กที่จอดรถหน้าบ้าน รวมถึงจัดการปัญหาหาบเร่โบ๊เบ๊ที่เขตป้อมปราบศัตรูพ่าย และล่าสุดก็กับต่างด้าวบางกอกน้อย 

สุดท้าย มีตัวเลขมาฝากให้คิดตามจาก 'กรมการจัดหางาน' กระทรวงแรงงาน ที่ได้รายงานผลปฏิบัติการเพื่อตรวจสอบ จับกุม และดำเนินคดีนายจ้าง/สถานประกอบการ และคนต่างชาติ ที่ลักลอบทำงานผิดกฎหมายระหว่างวันที่ 5 มิถุนายน - 11 กรกฎาคม 2567 รวม 36 วัน

โดยมีการเข้าตรวจสอบสถานประกอบการที่จ้างแรงงานข้ามชาติทั่วประเทศ 8,776 แห่ง ดำเนินคดีแล้ว 280 แห่ง และตรวจสอบพบคนต่างชาติ จำนวน 108,875 คน แยกเป็นสัญชาติเมียนมา 80,913 คน, กัมพูชา 16,507 คน, ลาว 7,804 คน, เวียดนาม 104 คน และสัญชาติอื่น ๆ 3,547 คน ซึ่งในนี้มีการดำเนินคดีทั้งสิ้น 726 คน แยกเป็นสัญชาติเมียนมา 473 คน กัมพูชา 74 คน ลาว 101 คน เวียดนาม 14 คน และสัญชาติอื่น ๆ 64 คน

นี่แค่ส่วนหนึ่งเท่านั้นของแรงงานต่างชาติที่ถูกตรวจตราในช่วงครึ่งปี ยังไม่นับก่อนหน้าที่มีอยู่อีกเท่าไรต่อเท่าไรที่เข้ามาทำงานในประเทศไทยโดยไม่เคารพกฎหมายและอยู่ภายใต้กรอบแรงงานต่างชาติ เช่น ใบอนุญาตทำงานถูกต้อง และทำงานตามสิทธิ (ทำได้-ทำไม่ได้) ตามประกาศกระทรวงแรงงาน เพื่อให้สามารถทำงานและอยู่ในราชอาณาจักรอย่างถูกต้องตามกฎหมาย แบบไม่ต้องหลบซ่อนและได้รับการคุ้มครองตามสิทธิที่พึงมี

ก่อนไทยแลนด์จะกลายเป็นแดนต่างด้าว...จะรัฐบาลหรือจะใคร หากรีบโชว์พาวไว ๆ กระแสเลือดรักชาติอาจเทให้กระจุยเชียวนะ...ทำเป็นเล่น!!

'สนามบินกระบี่' แจงสาวนอนบนสายพานลำเลียงกระเป๋าถ่ายอวดไอจี ยัน!! ยังไม่มีความผิด เพราะไม่ได้ทำทรัพย์สินทางราชการเสียหาย

(19 ก.ย. 67) จากกรณีโลกโซเชียลได้โพสต์คลิปวิดีโอ หญิงสาวรายหนึ่งนอนบนสายพานลำเลียงกระเป๋าเดินทางในสนามบิน พร้อมกับถ่ายคลิปลงไอจี และใส่เพลงประกอบ โดยระบุว่า "ขึ้นไปนอนแบบนี้ได้ด้วยเหรอคะ?? พอดีเห็นในไอจีค่ะ เป็นคนไทย" หลังมีการแชร์ต่อในสังคมโซเชียล ก็มีเสียงวิจารณ์กันอย่างกว้างขวางถึงความไม่เหมาะสม เพราะอาจเกิดอันตรายได้

ล่าสุด นายชาญยุทธ ศรีแก้ว รักษาการ ผอ.ท่าอากาศยานนานาชาติกระบี่ เปิดเผย ว่า กรณีดังกล่าวทราบเรื่องจากโซเชียลแล้ว ซึ่งขณะนี้อยู่ระหว่างการหาข้อมูลว่า เหตุเกิดเมื่อไร ส่วนจะมีความผิดหรือไม่นั้น อยู่ระหว่างการตรวจสอบ แต่เนื่องจากเหตุดังกล่าวไม่ได้ทำให้เกิดทรัพย์สินทางราชการเสียหาย ก็ไม่มีความผิด

แต่เป็นเรื่องของความไม่เหมาะสม และใช้งานอุปกรณ์ผิดประเภทมากกว่า ซึ่งทางสนามบินจะทำป้ายประชาสัมพันธ์ให้เด่นชัดมากขึ้น และจัดเจ้าหน้าที่ร่วมกับทางสายการบินต่าง ๆ คอยดูแลไม่ให้เกิดเหตุการณ์ดังกล่าวขึ้นอีก

นายชาญยุทธ กล่าวอีกว่า สำหรับสายพานลำเลียงกระเป๋านั้นออกแบบมาไม่ให้มีช่องว่าง และรับน้ำหนักได้ในปริมาณมาก ซึ่งการจะเกิดอันตรายนั้นคงเป็นไปได้น้อย แต่การใช้งานสร้างขึ้นมาสำหรับสิ่งของเท่านั้น ไม่ควรที่คนจะขึ้นไปนั่งหรือนอน ซึ่งอาจจะเกิดอันตราย หากไปชนเข้ากับส่วนโค้งหรือพลัดตก จึงฝากเตือนผู้ใช้บริการทุกคนห้ามทำลักษณะนี้อีก

‘เพจดัง’ แฉ!! ‘ขรก.หนุ่ม’ รับงานร้องเพลงกลางคืน ตื่นทำงานเช้าไม่ไหว เซ็นชื่อย้อนหลัง-รับเงินเดือน-โบนัสปกติ ‘ชาวเน็ต’ จี้ตรวจสอบโดยด่วน

(19 ก.ย. 67) เฟซบุ๊ก ‘ปฏิบัติการหมาเฝ้าบ้าน’ ได้เผยแพร่เรื่องราวของ ‘ข้าราชการหนุ่ม’ รายหนึ่งรับจ๊อบ ‘ร้องเพลงตามร้านอาหารช่วงดึก’ แต่ไม่เคยตื่นมาทำงานราชการช่วงกลางวัน แต่รับเงินเดือน โบนัสแบบฉ่ำ ๆ ทั้งนี้ ทางเพจได้ระบุข้อความว่า…

“ไม่เข้างานหลวง ติดร้องเพลงดึก ตื่นไม่ไหว…

“ข้าราชการ อบต.ศรีพราน อ่างทอง ตำแหน่งเจ้าหน้าที่ป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย บรรจุทำงานที่นี่ประมาณ 10 ปี แต่ไม่เคยมาทำงาน มีอาชีพร้องเพลงร้านอาหารกลางคืน ตื่นไม่ไหว กลางวันต้องนอน ได้เงินเดือนปกติ โบนัสก็ได้ครบหมด…

“จะเข้า อบต. ก็ตอนนายกฯ สั่งให้หัวหน้าฝ่ายเรียกมาตักเตือนและเซ็นชื่อย้อนหลังเพื่อป้องกันการตรวจสอบ ขึ้นอยู่ว่าจะเรียกตอนไหน เวลาไม่แน่นอน มาบ้างไม่มาบ้าง พอเซ็นเสร็จก็หายไปเหมือนเดิม ไม่มีบทลงโทษอะไร ปล่อยเฉย…

“พ่อหนุ่มนักร้องกับวงของเขา กลางวันนอน กลางคืนร้องเพลง ไม่เข้าทำงานที่ อบต. ข้าราชการงานป้องกันฯ เงินเดือนเต็ม โบนัสได้ ครั้งหลังสุดนายกฯ เรียกให้เข้าไปเซ็นย้อนหลังเดือนสิงหา-กันยา ถึงตอนนี้ยังไม่เข้าไป อบต.ศรีพราน จ.อ่างทอง”

หลังจากนั้น ทางเพจได้อัปเดตเพิ่มว่า…

“เซ็นชื่อย้อนหลังครบแล้ว…ท่านมิกซ์ ร้องได้ กลองดี กีตาร์เป็น เล่นร้านเหล้ากลางคืน ตื่นทำราชการไม่ไหว วันนี้เข้าสำนักงานเซ็นชื่อย้อนหลังตั้งแต่เดือนสิงหาครบแล้ว ด้วยความเมตตาของนายก อบต….

“ข้าราชการ ตำแหน่งป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย อบต.ศรีพราน อ่างทอง”

ทั้งนี้ โพสต์ดังกล่าวได้รับความสนใจจากชาวเน็ตเป็นจำนวนมาก พร้อมยังจี้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องตรวจสอบโดยด่วน ชี้ ถ้าผิดจริง สมควรไล่ออก

'เพจดัง' แฉตัวตน HR ที่ไม่ให้ผ่านทดลองงาน เพราะ 'ใส่เสื้อส้ม-พูดอีสาน' คาดเป็นทีมไอโอ สายปั่นตนเป็น 'รอยัลลิสต์' คอยทำให้สังคมแตกแยก

จากกรณี ผู้ใช้เฟซบุ๊กรายหนึ่งโพสต์ว่า 'น้องชายตนเอง' ไม่ผ่านทดลองงาน เหตุเพราะใส่เสื้อสีส้มและใช้ภาษาอีสานในที่ทำงาน จากการประเมินของฝ่ายบุคคลที่ชื่อ 'พี่เลิศ' นั้น...

ล่าสุด (19 ก.ย.67) เพจ 'วันนี้พรรคส้มโกหกอะไร' ได้เปิดเผยว่า กรณีที่สื่อหลายสำนักเสนอข่าว พนักงานไม่ผ่านทดลองงาน เพราะใส่เสื้อส้มและพูดอีสาน 

จากการตรวจสอบพบตัว HR คนดังกล่าว ในวงการออนไลน์ชื่อ 'พี่เลิศ' ในชีวิตจริงชื่อ 'น็อต' สนิทกับ สส. พรรคส้ม และ ด้อมส้มหลายคน

ทั้งนี้ ทางเพจฯ ได้โพสต์อีกว่า #ทุกคนคะ มาต่อกันค่ะ ไอ้เลิศ ที่ อิพลอย บอกว่าเป็น หัวหน้า HR คนที่ไม่ให้พนักงานใส่เสื้อส้ม และ พูดอีสาน ผ่านงาน มันเป็นใคร ?

ไอ้เลิศ มันเป็นด้อมส้ม มีเพื่อนสนิทสมัครเป็น สส.พรรคส้ม ไอ้เลิศ มันชอบปั่นว่าตัวเองเป็น รอยัลลิสต์ รักสถาบัน ปั่นตรรกะโง่ ๆ ในหลายกลุ่ม

ไอ้เลิศ อิพลอย และแก๊งพวกมัน คาดว่าเป็นทีมไอโอที่คอยทำให้สังคมแตกแยก ไอ้เลิศมันล็อกโปรไฟล์ แต่มันลืมไปว่ามันเมนต์ไว้ที่เพจคนอื่นว่าอะไรบ้างค่ะ

'ชัชชาติ' เปิดเกณฑ์ใหม่ 'หาบเร่-แผงลอย' ในกทม. ผู้ค้าต้องเป็นคนไทย และต้องยื่นภาษีเงินได้ด้วย

(19 ก.ย.67) นายเอกวรัญญู อัมระปาล โฆษกของกรุงเทพมหานคร เปิดเผยว่า นายชัชชาติ สิทธิพันธุ์ ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร ได้ลงนามในประกาศกรุงเทพมหานคร เรื่อง หลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขการกำหนดพื้นที่ทำการค้าและการขาย หรือจำหน่ายสินค้าบนถนนหรือสถานสาธารณะ โดยมีหลักเกณฑ์การพิจารณากำหนดพื้นที่ทำการค้า ดังนี้

ถนนที่มีช่องทางจราจรตั้งแต่ 3 ช่องทางจราจรขึ้นไป ไม่ว่าจะเป็นการเดินรถทางเดียวหรือสวนทาง เมื่อจัดวางแผงค้าแล้วต้องมีที่ว่างให้ประชาชนสัญจรได้ไม่น้อยกว่า 2 เมตร โดยให้สำนักงานเขตทบทวนความจำเป็นและความเหมาะสมของการเป็นพื้นที่ทำการค้าทุก 2 ปี

ส่วนถนนที่มีช่องทางจราจรน้อยกว่า 3 ช่องทางจราจร ไม่ว่าจะเป็นการเดินรถทางเดียวหรือสวนทาง เมื่อจัดวางแผงค้าแล้วต้องมีที่ว่างให้ประชาชนสัญจรได้ไม่น้อยกว่า 1.5 เมตร โดยให้เขตทบทวนความจำเป็นและความเหมาะสมของการเป็นพื้นที่ทำการค้าทุก 1 ปี แผงค้าต้องมีขนาดไม่เกิน 3 ตารางเมตร โดยมีความลึกของแผงค้าต้องไม่เกิน 1.5 เมตร ให้จัดวางแผงค้าได้เพียงฝั่งเดียว โดยให้ชิดกับด้านถนนและต้องห่างจากผิวจราจรอย่างน้อย 50 เซนติเมตร เพื่อให้มีระยะปลอดภัยด้านการจราจร

และให้เว้นระยะห่าง 3 เมตร ทุกระยะ 10 แผงค้า เพื่อเป็นทางเข้าออกและทางฉุกเฉิน รูปแบบ ลักษณะแผงค้าและสิ่งประกอบแผงค้า เช่น ร่ม หลังคาแผงค้า ต้องมีความเป็นระเบียบเรียบร้อยเหมาะสมกับลักษณะพื้นที่นั้น ๆ

สำหรับคุณสมบัติของผู้ทำการค้าและผู้ช่วยจำหน่ายสินค้า ต้องเป็นผู้มีสัญชาติไทย โดยมีคุณสมบัติเพิ่มเติม ดังนี้

1.เป็นผู้ถือบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ
2.เป็นคู่สัญญาในการซื้อบ้านที่อยู่อาศัยกับการเคหะแห่งชาติในโครงการบ้านมั่นคงของสถาบันพัฒนาองค์กรชุมชนและยังมีภาระผูกพันในการชำระหนี้
3.เป็นบุคคลที่ได้รับเงินสวัสดิการจากกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์
4.เป็นผู้มีรายได้ไม่เกิน 300,000 บาทต่อปี โดยอ้างอิงจากเงินได้หลังจากหักค่าใช้จ่ายประกอบธุรกิจตามหลักฐานการยื่นภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา

นอกจากนี้ผู้ทำการค้าต้องลงทะเบียนแจ้งความประสงค์ต่อสำนักงานเขตที่กำหนดให้มีพื้นที่ทำการค้า ไม่มีแผงค้าอื่นหรือผู้ช่วยจำหน่ายสินค้าในแผงค้าอื่นในพื้นที่ที่กรุงเทพมหานครกำหนดให้เป็นพื้นที่ทำการค้า

สมุทรปราการ-โรงพยาบาลเปาโล สมุทรปราการ ร่วมพิธีลงนามบันทึกข้อตกลงความร่วมมือ (MOU) กับจังหวัดสมุทรปราการ

เมื่อวันที่ (18 ก.ย. 67) ณ Feeling Bar & Restaurant ตำบลเทพารักษ์ อำเภอเมืองสมุทรปราการ นายสุพจน์ ภูติเกียรติขจร รองผู้ว่าราชการจังหวัดสมุทรปราการ เป็นประธานในพิธี การลงนามครั้งนี้ มุ่งเน้นการส่งเสริมมาตรการป้องกันและลดอุบัติเหตุทางถนนในพื้นที่ที่มีการจราจรคับคั่ง

โดยมีเป้าหมายเพื่อยกระดับความปลอดภัยของผู้ใช้ถนนและลดความเสี่ยงของอุบัติเหตุที่อาจเกิดขึ้น โรงพยาบาลเปาโล สมุทรปราการ นำโดย ดร.มัทนิน พฤติธนาภัทร ผู้อำนวยการฝ่ายบริหาร ได้มีส่วนร่วมในโครงการดังกล่าว

โดยมีส่วนร่วมในการขับเคลื่อนมาตรการด้านความปลอดภัยให้กับชุมชน และมุ่งมั่นที่จะร่วมมือกับหน่วยงานภาครัฐในการพัฒนาและดำเนินการเพื่อประโยชน์สูงสุดของประชาชนในพื้นที่

ซึ่งการลงนามครั้งนี้ สะท้อนถึงการสร้างความร่วมมือที่เข้มแข็งระหว่างภาครัฐและเอกชน ซึ่งเป็นอีกก้าวสำคัญในการยกระดับคุณภาพชีวิตของผู้ใช้ถนนในจังหวัดสมุทรปราการ

คิว-ข่าวสมุทรปราการ รายงาน

'นักวิชาการ' แนะดูคลิปแล้วจะรู้ว่าสมควรเชื่อใคร หลัง 'รมว.พิชัย' ถาม!! "ผู้ว่าฯ ธปท.จบจากที่ไหน?"

เมื่อวานนี้ (18 ก.ย. 67) รศ.หริรักษ์ สูตะบุตร อดีตรองอธิการบดีฝ่ายบริหารบุคคล มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊กว่า

"ผู้ว่าเองพูดในเชิงว่า เราเองไม่ต้องไปเน้นจีดีพี ผมไม่รู้ว่าท่านจบจากที่ไหนนะฮะ ผมว่าเป็นสิ่งที่ผิด ผมว่าอันนี้เป็นสิ่งที่ผิด ท่านพูดเหมือนกับคนไม่ค่อยรู้เรื่อง"

นี้คือคำพูดของ คุณพิชัย นริพทะพันธุ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ อันเป็นการวิพากษ์วิจารณ์ การแสดงปาฐกถาพิเศษ ในหัวข้อ ‘ท้องถิ่นที่สากล : อนาคตประเทศไทย Globally Competitive Localism : Future of Thailand’ ในงานเสวนาที่สำนักข่าวไทยพับลิก้าจัดขึ้นเมื่อวันที่ 13 กันยายน 2567 ซึ่งมีข้อความส่วนหนึ่งว่า

"เราไม่ควรโตแบบล่าตัวเลข GDP แต่ตัวเลขที่ต้องล่าคือ ความมั่งคั่ง รายได้ของครัวเรือนที่สะท้อนความเป็นอยู่ของคน เพราะ GDP ไม่ได้สะท้อนความเป็นอยู่ของคน”

ท่านผู้ว่าแบงก์ชาติจบมาจากที่ไหน สามารถหาข้อมูลได้จาก google ตัวคุณพิชัยเอง จบมาจากที่ไหน ก็สามารถหาได้จาก google เช่นกัน วิญญูชนลองค้นหาข้อมูลดังกล่าวแล้วนำมาเปรียบเทียบกันเอาเอง

อยากให้ทุกท่านลองย้อนกลับไปดูคลิปจาก youtube เมื่อ 13 ปีที่แล้ว ที่คุณพิชัย นริพทะพันธุ์ ดีเบตกับคุณหมอ วรงค์ เดชกิจวิกรม ในหัวข้อ ประกัน vs จำนำข้าว ในรายการ เจาะข่าวเด่นของคุณสรยุทธ์ สุทัศนจินดา และอยากให้ฟังจนจบ

เมื่อหาข้อมูลเกี่ยวกับ ใครจบจากที่ไหน และดูคลิปดังกล่าวแล้ว ท่านก็สมควรจะตัดสินได้เองได้เองว่า สมควรเชื่อใคร

ดูคลิปข้างต้นได้จาก link ด้านล่างนะครับ
(https://www.youtube.com/watch?v=H4QQQ3M7pEo)


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top