Sunday, 22 June 2025
NEWS FEED

‘รองนายกฯ ประเสริฐ’ เผย ‘รัฐบาล’ เร่งเครื่องแก้ปัญหาเด็กนอกระบบการศึกษา เร่งพัฒนาแพลตฟอร์มกลางภาครัฐ ยกระดับทักษะดิจิทัล รองรับ Learn to Earn เรียนรู้มีรายได้ สร้างอาชีพระหว่างศึกษา 

(21 ธ.ค.67) นายประเสริฐ จันทรรวงทอง รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม (ดีอี) เปิดเผยลงการลงพื้นที่และการเป็นประธานการประชุมคณะกรรมการขับเคลื่อนประเทศไทยเพื่อแก้ปัญหาเด็กและเยาวชนนอกระบบการศึกษาให้กลายเป็นศูนย์ (Thailand Zero Dropout) ระดับชาติ ณ โรงเรียนหนองน้ำใส ต.หนองน้ำใส อ.สีคิ้ว จ.นครราชสีมาเมื่อวันที่ 20 ธันวาคม 2567 พร้อมมีการประชุม Online อบรมเชิงปฏิบัติการการใช้งานระบบสารสนเทศ Thailand Zero Dropout ณ โรงเรียนราชสีมาวิทยาลัย ที่มีทุกภาคส่วนในจังหวัดนครราชสีมา และท้องถิ่นทั้ง 333 แห่ง ว่าการขับเคลื่อนการแก้ไขปัญหาเด็กและเยาวชนนอกระบบการศึกษาของชาติอย่างยั่งยืนและต่อเนื่อง หรือ THAILAND ZERO DROPOUT เน้นการแก้ปัญหาใน 4 ประเด็น ตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ 28 พฤษภาคม 2567 ได้แก่ 1. การเชื่อมโยงข้อมูลระหว่างหน่วยงานเพื่อค้นหาเด็กและเยาวชนนอกระบบการศึกษา 2. การบูรณาการความร่วมมือระหว่างหน่วยงานโดยใช้พื้นที่เป็นฐานเพื่อลุยดูแลกลุ่มเป้าหมาย 3. การจัดการศึกษาที่ยืดหยุ่นตามโจทย์ชีวิตของเด็กและเยาวชนแต่ละคน และ 4. การสร้างรายได้ไปพร้อมกับการเรียนรู้

นายประเสริฐ กล่าวว่า ขณะนี้รัฐบาลกำลังจัดทำโครงการพัฒนาแพลตฟอร์มกลางภาครัฐ เพื่อรองรับการพัฒนาทักษะดิจิทัล เรียนรู้มีรายได้ เรียนรู้ง่ายตลอดชีวิต ผ่านรูปแบบ Learn to Earn โดยจะมีการจัดเก็บข้อมูลด้านการศึกษา การฝึกอบรม การจัดหางาน ความต้องการตลาดแรงงาน และเชื่อมโยงข้อมูลต่างๆ เพื่อให้ผู้เรียนสามารถสะสมหน่วยการเรียนรู้ และการจับคู่ตำแหน่งงาน Job Matching นอกจากนี้รัฐบาลยังบูรณาการการทํางานร่วมกับกองทุนเพื่อความเสมอภาคทาง การศึกษา (กสศ.) และ แพลตฟอร์ม EWE (E-workforce ecosystem) ของสถาบันคุณวุฒิวิชาชีพ (สคช.) ในการพัฒนากําลังคนด้วยมาตรฐานอาชีพให้เป็นมืออาชีพ เพื่อความสามารถ ในการแข่งขันของประเทศอย่างยั่งยืน รวมถึงระบบการเทียบโอนสมรรถนะที่มีประสิทธิภาพ และเที่ยงตรงเพื่อส่งเสริมการเรียนรู้ตลอดชีวิตของกําลังคน เพื่อรองรับการช่วยเหลือกลุ่มที่ หลุดจากระบบการศึกษา

นายประเสริฐ กล่าวว่า นโยบายลดความเหลื่อมล้ำเป็นนโยบายที่รัฐบาลให้ความสำคัญ ณ ตรงจุดที่อยู่นี้มี ศูนย์ดิจิทัลชุมชน ที่พร้อมร่วมขับเคลื่อนนําเทคโนโลยีดิจิทัลมาให้โรงเรียนและชุมชน เช่น การ ให้บริการนักเรียนผ่านแพลตฟอร์มดิจิทัล และยังเป็นแหล่งเรียนรู้สำหรับการค้นคว้าหาข้อ มูล และองค์ความรู้ต่าง ๆ ที่เป็นประโยชน์กับเด็ก เยาวชน และประชาชนทุกคน รวมถึงการใช้ อินเทอร์เน็ตนอกเวลาเรียน

“ผมเชื่อมั่นว่าสิ่งสําคัญที่จะทําให้มาตรการเหล่านี้สําเร็จ คําตอบอยู่ที่การดําเนินงาน ระดับพื้นที่จังหวัด อําเภอ ตําบล และหมู่บ้าน ‘เราทุกคนเป็นเจ้าของเรื่องนี้ร่วมกันครับ’ การแก้ปัญหา THAILAND ZERO DROPOUT ต้องอาศัยทุกคนในชุมชน ทุกอําเภอ ทุกตําบล ทุก หมู่บ้าน ช่วยกันดูแลเด็กและเยาวชนของเรา เพราะพวกเขาคืออนาคตของประเทศไทย จังหวัด นครราชสีมา หรือโคราชเป็นเมืองที่มีศักยภาพและเปี่ยมไปด้วยโอกาสมากมาย การที่จะพัฒนา ไปข้างหน้าได้ ต้องมีรากฐานกําลังคนที่เข้มแข็ง เราต้องไม่ปล่อยให้เกิดการสูญเสีย เด็กและ เยาวชนหลุดออกจากระบบการศึกษา หรือไม่ได้รับการพัฒนาเต็มศักยภาพแม้แต่คนเดียว เพราะเด็กทุกคนเป็นมนุษย์ทองคํา เป็นทรัพยากรที่มีคุณค่า ทุกฝ่ายต้องช่วยกัน สร้างโอกาสให้เด็ก และเยาวชนทุกคนได้รับการพัฒนาอย่างเต็มศักยภาพ” นายประเสริฐกล่าวย้ำ

2 ตายาย ใช้ยางรถยนต์เก่า ตกแต่งเป็น ‘ต้นคริสต์มาส – ตุ๊กตาหิมะ’ ชาวเน็ตแห่ชื่นชม!! ‘ความคิดสร้างสรรค์ – ความครีเอท’ แบบรีไซเคิล

(21 ธ.ค. 67) ผู้ใช้เฟซบุ๊กรายหนึ่ง โพสต์ภาพสุดน่ารักลงในกลุ่ม ‘อวดบ้านกันนะ’ โดยเผยให้เห็น 2 ตายาย กำลังตกแต่งต้นคริสต์มาสกันอย่างขะมักเขม้น โดยได้ใช้ยางรถยนต์นำมาพ่นสีเขียวเรียงทับ ๆ กันจนกลายเป็นต้นคริสต์มาส และมีการตกแต่งด้วยไฟ นอกจากนี้ข้าง ๆ ต้นคริสต์มาสก็ยังมีตุ๊กตาหิมะที่ทำจากยางรถยนต์อีกด้วย โดยทำการพ่นสีขาวและใช้ตะกร้ามาตกแต่งเป็นลูกตา โดยผู้โพสต์ได้ระบุข้อความว่า

ขออวดต้นคริสต์มาส ฝีมือคุณตาคุณยายหน่อยค่าทำจากยางล้อรถเก่าที่ไม่ใช้แล้วค่ะ มีล้อเคลื่อนย้ายได้ใช้เงินซื้อสีมาทา กับสายรุ้งตกแต่งค่ะ งบหลักร้อย

‘รู้จักพอ ก็เป็นสุข’

ทั้งนี้ โพสต์ดังกล่าวได้รับความสนใจจากชาวเน็ตและคำชื่นชมเป็นอย่างมาก มียอดแชร์โพสต์แล้วกว่า 2 พันครั้ง

ศาลปกครอง มีคำสั่ง ค้างค่าปรับ ‘ใบสั่งจราจร’ ให้!! ต่อทะเบียนได้ พร้อมป้ายเสียภาษี ชี้!! ชำระภาษี เป็นเรื่องเกี่ยวกับตัวรถ แต่ทำผิดกฎจราจร เป็นเรื่องของบุคคล

(21 ธ.ค. 67) ศาลปกครองกลาง มีคำพิพากษา ตามคดีหมายเลขดำที่ 2120/2567 คดีหมายเลขแดงที่ 2682/2567 ลงวันที่ 18 ธ.ค.2567 เกี่ยวกับการต่อภาษีรถยนต์ ที่ค้างค่าปรับใบสั่ง ตามกฎหมายจราจร ระหว่าง นายอำนาจ ผู้ฟ้องคดี กับผู้ถูกฟ้องคดี ประกอบด้วย กรมการขนส่งทางบก ที่ 1 อธิบดีกรมการขนส่งทางบก ที่ 2 สำนักงานขนส่งกรุงเทพมหานครพื้นที่ 5 ที่ 3 ฝ่ายทะเบียนสำนักงานขนส่งกรุงเทพมหานครพื้นที่ 5 ที่ 4 นายทะเบียนตามพระราชบัญญัติจราจรทางบก พ.ศ. 2522 ที่ 5 สำนักงานตำรวจแห่งชาติ ที่ 6 ผู้ถูกฟ้องคดี

เรื่องคดีพิพาทเกี่ยวกับการที่หน่วยงานทางปกครอง หรือเจ้าหน้าที่ของรัฐละเลยต่อหน้าที่ตามที่กฎหมายกำหนดให้ต้องปฏิบัติหรือปฏิบัติหน้าที่ดังกล่าวล่าช้าเกินสมควร และการกระทำละเมิดของหน่วยงานทางปกครองหรือเจ้าหน้าที่ของรัฐอันเกิดจากการละเลยต่อหน้าที่ตามที่กฎหมายกำหนดให้ต้องปฏิบัติหรือปฏิบัติหน้าที่ดังกล่าวว่าเกินสมควร

คดีนี้อธิบดีศาลปกครองกลางมีคำสั่งให้ดำเนินกระบวนพิจารณาคดีโดยเร่งด่วนตาม ข้อ 49/2 วรรคหนึ่ง แห่งระเบียบของที่ประชุมใหญ่ตุลาการในศาลปกครองสูงสุด ว่าด้วยวิธีพิจารณาคดีปกครอง พ.ศ. 2543

ตามฟ้องโจทก์ระบุว่า นายทะเบียน กรมการขนส่งทางบก ไม่ออกป้ายภาษีวงกลมให้ โดยส่งมอบแค่ใบเสร็จชำระค่าภาษีประจำปีแล้วประทับตรา ว่าใช้แทนเครื่องหมายแสดงการเสียภาษีไม่เกิน 30 วัน ให้แทน พร้อมเอกสารที่ปรินต์จากเครื่องคอมพิวเตอร์ แสดงรายละเอียดข้อมูลการกระทำความผิดตามกฎหมายจราจร

โดยอ้างข้อตกลงที่ทำขึ้นระหว่างสำนักงานตำรวจแห่งชาติ กับกรมการขนส่งทางบก เพียงฝ่ายเดียว เป็นการละเลยและไม่เป็นไปตามหลักเกณฑ์และวิธีการของพระราชบัญญัติการจราจรทางบก ดังนั้นจึงไม่มีอำนาจในการชะลอการออก ป้ายภาษีวงกลม ให้กับเจ้าของรถที่ค้างชำระค่าปรับจราจร

“หลักการชำระภาษีรถเป็นเรื่องเกี่ยวกับตัวรถ แต่การทำผิดกฎจราจรเป็นเรื่องของบุคคล การนำ 2 เรื่องมาเชื่อมโยงกันจึงไม่ถูกต้อง เป็นการบังคับทางอ้อมให้เจ้าของรถต้องยินยอมชำระค่าปรับ” คำฟ้องตอนหนึ่งระบุ

ทั้งนี้ ศาลปกครองกลาง ยังสั่งให้ กรมการขนส่งทางบก จ่ายค่าสินไหมทดแทนให้แก่ผู้ฟ้องคดีด้วย

“พิพากษาให้ผู้ถูกฟ้องคดีที่ 5 ออกเครื่องหมายแสดงการเสียภาษีรถประจำปี พ.ศ. 2568 ให้แก่ผู้ฟ้องคดี ทั้งนี้ภายในสามวันนับแต่วันที่คดีถึงที่สุด และให้ผู้ถูกฟ้องคดีที่ 1 ชดใช้ค่าสินไหมทดแทนให้แก่ผู้ฟ้องคดีเป็นเงินจำนวน 3,151.50 บาท พร้อมดอกเบี้ยในอัตราร้อยละ 3 ต่อปี หรืออัตราดอกเบี้ยใหม่ที่กำหนดในพระราชกฤษฎีกาซึ่งออกตามความในมาตรา 7 วรรคสอง แห่งประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ บวกด้วยอัตราเพิ่มร้อยละ 2 ต่อปี นับแต่วันฟ้องเป็นต้นไปจนกว่าจะชำระเสร็จ ทั้งนี้ไม่เกินอัตราร้อยละ 5 ต่อปี ตามคำขอของผู้ฟ้องคดี ทั้งนี้ภายใน 30 วัน นับแต่วันที่คดีถึงที่สุด ยกฟ้องผู้ถูกฟ้องคดีที่ 2 ผู้ถูกฟ้องคดีที่ 3 ผู้ถูกฟ้องคดีที่ 4 และผู้ถูกฟ้องคดีที่ 6 คืนค่าธรรมเนียมศาลบางส่วนตามส่วนของการชนะคดีให้แก่ผู้ฟ้องคดี คำขออื่นนอกจากนี้ให้ยก” 

ท้ายคำพิพากษาระบุ

‘ฮุนได’ ชวน!! ตรวจเช็กสภาพรถ ฟรี!! เพื่อความปลอดภัย ก่อนเดินทางไกล

(21 ธ.ค. 67) เทศกาลแห่งความสุขมาถึงแล้ว เพื่อให้ทุกการเดินทางของคุณและคนที่คุณรักเต็มไปด้วยความมั่นใจ ฮุนได โมบิลิตี้ ประเทศไทย มอบความห่วงใยผ่านแคมเปญพิเศษ ‘ฮุนไดมอบโปรฯ ให้ ใส่ใจทุกการเดินทาง’ ฟรี!! ตรวจเช็กสภาพรถยนต์ พร้อมรับส่วนลดสุดพิเศษสำหรับอะไหล่ต่าง ๆ ที่จะช่วยให้รถของคุณพร้อมในทุกเส้นทาง

เตรียมรถให้พร้อมก่อนออกเดินทางในช่วงเทศกาลปีใหม่และวันหยุดยาวได้ที่ ศูนย์บริการฮุนไดทั่วประเทศ ตั้งแต่วันที่ 16 ธันวาคม 2567 - 28 กุมภาพันธ์ 2568 เพราะความปลอดภัยบนท้องถนนคือเรื่องสำคัญที่ไม่ควรมองข้าม ทีมงานมืออาชีพของฮุนไดพร้อมดูแลคุณและรถทุกคันด้วยความใส่ใจ เพื่อให้ทุกการขับขี่ราบรื่น และทุกการเดินทางเต็มไปด้วยความสุข ฮุนไดใส่ใจ เพื่อให้คุณมั่นใจในทุกเส้นทาง

ฟรี!! ตรวจเช็กสภาพรถยนต์ 40 รายการ ดูแลรถยนต์ของคุณอย่างละเอียดโดยทีมช่างผู้เชี่ยวชาญ ตรวจสอบระบบหลัก ๆ เพื่อให้มั่นใจว่ารถอยู่ในสภาพสมบูรณ์ พร้อมออกเดินทางได้อย่างปลอดภัย

รายการตรวจเช็ก 40 รายการ มูลค่า 496 บาท ได้แก่:
1. ไฟเตือนแบตเตอรี่ 
2. ไฟเตือนน้ำมันเครื่อง 
3. ไฟเตือนเครื่องยนต์ 
4. ไฟเตือน ABS 
5. ไฟเตือน AIR BAG 
6. ไฟเตือนเบรกมือ 
7. สัญญาณบอกตำแหน่งเกียร์ออโต้ 
8. ไฟเลี้ยว 
9. ไฟฉุกเฉิน 
10. ไฟหรี่ 
11. ไฟสูง 
12. แตร 
13. การทำงานของใบปัดน้ำฝน 
14. กระจกประตูไฟฟ้า 
15. ระบบล็อกประตูไฟฟ้า 
16. กระจกมองข้างไฟฟ้า 
17. เข็มขัดนิรภัยด้านคนขับ 
18. ระบบปรับอากาศ 
19. เบรกมือ 
20. เข็มขัดนิรภัยด้านผู้โดยสาร 

21. แบตเตอรี่ 
22. ระดับน้ำในถังพักหม้อน้ำ 
23. ระดับน้ำในถังพักน้ำล้างกระจก 
24. ไส้กรองอากาศ 
25. น้ำมันเครื่อง 
26. น้ำมันเบรก 
27. น้ำมันคลัทช์หรือน้ำมันเกียร์ออโต้ 
28. น้ำมันพวงมาลัยเพาเวอร์ 
29. สายพานด้านหน้าเครื่องยนต์ 
30. ยางปัดน้ำฝน 
31. ไฟหน้า 
32. ไฟเลี้ยว 
33. ไฟเบรก ไฟถอยหลัง 
34. ลูกหมากเหล็กกันโคลง 
35. ลูกหมากคันชักคันส่ง 
36. ปีกนกและบู๊ช 
37. โช้คอัพหน้าและหลัง 
38. ยางหุ้มเพลาขับในและนอก (ถ้ามี) 
39. ยางหุ้มแร็คพวงมาลัย 
40. การรั่วซึมของน้ำมันเครื่อง น้ำมันเกียร์-เฟืองท้าย และน้ำมันเพาเวอร์

‘มูลนิธิเจ้าพระยาอภัยราชาสยามานุกูลกิจ – มูลนิธิสถาบันแสงสว่างในพระอุปถัมภ์ฯ’ ฉลองวันคริสต์มาส!! เปิดตัวหนังสือนิทานเรื่อง ‘ผองเพื่อนของบิ๊กและดุ๊กดิ๊ก’

(21 ธ.ค. 67) มูลนิธิเจ้าพระยาอภัยราชาสยามานุกูลกิจ โดย เคานต์เจรัลด์ แวน เดอ สตราเทน พอนโธส ประธานมูลนิธิเจ้าพระยาอภัยราชาสยามานุกูลกิจ เป็นเจ้าภาพร่วมกับมูลนิธิสถาบันแสงสว่างในพระอุปถัมภ์ฯ จัดงานเลี้ยงเฉลิมฉลองวันคริสต์มาส เปิดตัวหนังสือนิทานเรื่อง ‘ผองเพื่อนของบิ๊กและดุ๊กดิ๊ก’ ในฉบับภาษาไทยแปลจากบทพระนิพนธ์หนังสือนิทานของ ‘เจ้าหญิงเลอาแห่งเบลเยียม’ ประกอบด้วย 7 เรื่องสั้น สะท้อนถึงสถานการณ์ที่เด็กพิเศษต้องพบเจอในชีวิตจริง และคำแนะนำวิธีรับมือกับความรู้สึก พร้อมมอบให้แก่น้อง ๆ เด็กพิเศษที่มาร่วมงาน และเตรียมจัดส่งไปให้แก่ น้อง ๆ เด็กพิเศษ ทั่วประเทศไทย เพื่อมอบเป็นของขวัญในเทศกาลคริสต์มาสและปีใหม่ที่กำลังจะมาถึง

สำหรับกิจกรรมดังกล่าวนอกจากการเปิดตัวหนังสือนิทานแล้วยังจัดขึ้นด้วยวัตถุประสงค์สำคัญคือเพื่อสร้างความตระหนักรู้ในสังคม ถึงการทำงานและการอุทิศตนของบุคลากรผู้ดูแลกลุ่มบุคคลที่มีความต้องการการดูแลเป็นพิเศษ และเพื่อมอบความสุขให้กับเด็กๆ 

ภายในงานได้รับเกียรติจาก เจ้าหญิงเลอาแห่งเบลเยียม ทรงร่วมงานเลี้ยง ผ่านทางออนไลน์จากประเทศเบลเยียม พร้อมด้วยบุคคลสำคัญ อาทิ ดร. จิรายุและท่านผู้หญิงอรนุช อิศรางกูร ณ อยุธยา ท่านผู้หญิงภรณี มหานนท์ ดร.ศักดิ์ทิพย์และม.ร.ว.เบญจภา ไกรฤกษ์ คุณหญิงขวัญตา เทวกุล หม่อมบงกชปริยา ยุคล ณ อยุธยา ม.ร.ว.มาลินี จักรพันธุ์ คุณสุทธิภัค จิราธิวัฒน์ คุณวิลเลียมและคุณเคธี ไฮเนค เข้าร่วมงาน โดยมี เคานต์เจรัลด์ แวน เดอ สตราเทน พอนโธส ประธานมูลนิธิเจ้าพระยาอภัยราชาสยามานุกูลกิจ ให้การต้อนรับ และร่วมชมโชว์ชมชุดพิเศษจากน้องๆ มูลนิธิสถาบันแสงสว่างในพระอุปถัมภ์ฯ เมื่อเร็วๆ นี้ ณ แกรนด์ ฮอลล์ โรงแรม ดิ แอทธินี โฮเทล แบงค็อก

เชียงใหม่-คณะพยาบาล มช.ฉลองปีใหม่ รื่นเริงสดใสรับปี 2568

คณะกรรมการที่ประชุมอาจารย์และบุคลากรสมัยที่ 8 ร่วมกับ สโมสรนักศึกษา คณะพยาบาลศาสตร์ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ จัดงานสานสัมพันธ์อาจารย์ บุคลากร และนักศึกษา "Happy New Year 2025: New Year New You, Together We're Happy" สวัสดีปีใหม่ 2568: ปีใหม่สุขสดใสรับสิ่งใหม่ไปด้วยกัน โดยมี ผู้ช่วยศาสตราจารย์ ดร.สุภารัตน์ วังศรีคูณ คณบดีคณะพยาบาลศาสตร์ เป็นประธานกล่าวเปิดงานและอวยพรปีใหม่ ณ บริเวณสนามกีฬาด้านหลังหอพักนักศึกษาพยาบาล  เมื่อวันศุกร์ที่ 20 ธันวาคม 2567

วัตถุประสงค์เพื่อเสริมสร้างความสามัคคีและสัมพันธภาพที่ดีระหว่างอาจารย์ บุคลากร และนักศึกษา รวมทั้งเพื่อให้ได้มีโอกาสทำกิจกรรมร่วมกัน กิจกรรมประกอบด้วย การรับประทานอาหารเย็น การแข่งขันเกมส์มหาสนุก การแสดงโชว์สุดพิเศษ และ จับฉลากมอบของขวัญปีใหม่ 2568 ช่วงท้ายร้องบทเพลงพระราชนิพนธ์ 'พรปีใหม่' ก่อนปิดงานอย่างมีความสุข

ตม.จว.กระบี่ รวบหนุ่มออสเตรีย ขับเจ็ตสกี ชนนักท่องเที่ยวรัสเซียเสียชีวิต

ตามนโยบายสำนักงานตำรวจแห่งชาติ และสำนักงานตรวจคนเข้าเมือง โดย พล.ต.ท.ภาณุมาศ บุญญลักษม์ ผบช.สตม. และ พล.ต.ต.พันธนะ นุชนารถ รอง ผบช.สตม. สั่งการให้สืบสวนจับกุมคนต่างด้าวที่กระทำผิดตาม พ.ร.บ.คนเข้าเมือง พ.ศ.2522 และกฎหมายอื่นๆ ที่เกี่ยวข้อง โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อเป็นการดูแลความสงบเรียบร้อยของสังคม ตลอดถึงความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สินของประชาชนและนักท่องเที่ยว 

ภายใต้การอำนวยการของ พล.ต.ต.ทรงโปรด สิริสุขะ ผบก.ตม.6,พ.ต.อ.กันตวัฒน์  พงศ์สถาบดี รอง ผบก.ตม.6 ,พ.ต.อ.สรธรรศจ์  เอี่ยมละออ ผกก.ตม.จว.กระบี่ สั่งการให้ พ.ต.ท.สุเมธ กนกเหมพันธ์ รอง ผกก.ตม.จว.กระบี่ ,ว่าที่ พ.ต.ท.วิรัตน์ อินทร์ยอด สว.ตม.จว.กระบี่, พ.ต.ต.ศานติพจน์ นวนเรือง สว.ตม.จว.กระบี่ พร้อมด้วยชุดสืบสวนปราบปราม ตม.จว.กระบี่ ร่วมกับเจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.เกาะพีพี , ตำรวจ สภ.กะรน , ตำรวจท่องเที่ยว ส.ทท.3 กก.2 บก.ทท.3 บูรณาการร่วมเข้าตรวจค้นรีสอร์ตแห่งหนึ่งบนเกาะพีพี หลังทราบว่าคนต่างด้าวซึ่งเป็นผู้ต้องหาตามหมายจับ เข้าพักอาศัยในรีสอร์ตดังกล่าว จากการตรวจค้นพบนายเดวิดฯ อายุ 25 ปี สัญชาติออสเตรีย ผู้ต้องหาตามหมายจับศาลจังหวัดภูเก็ต ”ข้อหากระทำการโดยประมาทเป็นเหตุให้ผู้อื่นถึงแก่ความตาย“ สืบเนื่องจากเมื่อวันที่ 17 ธันวาคมที่ผ่านมานายเดวิดฯ ได้ขับเจ็ตสกีชนชายชาวรัสเซียเสียชีวิตขณะเล่นน้ำบริเวณชายหาดกะรน ตำบลกะรน จังหวัดภูเก็ต พยานในที่เกิดเหตุยืนยันว่าผู้ตายถูกเจ็ตสกีชน และจากการตรวจสอบกล้องวงจรปิดพบว่า เจ็ตสกีลำดังกล่าวขับมาด้วยความเร็ว ก่อนตีวงเลี้ยวชนเข้ากับผู้ตาย หลังเกิดเหตุ นายเดวิดฯ ได้เดินทางต่อมายังเกาะพีพี จังหวัดกระบี่ ตำรวจจึงรวบรวมหลักฐาน ขออนุมัติศาลออกหมายจับ และสามารถติดตามจับกุมตัวได้ในที่สุด เบื้องต้นผู้ต้องหาให้การปฏิเสธ โดยตำรวจชุดจับกุมได้นำตัวส่งพนักงานสอบสวน สภ.กะรน เพื่อดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป

ด้วยในพื้นที่จังหวัดกระบี่ มีนักท่องเที่ยวเข้ามาเป็นจำนวนมาก ตม.จว.กระบี่ จึงได้มีมาตรการออกตรวจพื้นที่ ดูแลความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สินของนักท่องเที่ยวและประชาชน ตลอดจนสร้างความมั่นใจให้แก่นักท่องเที่ยว และหากประชาชนท่านใดพบเห็นการกระทำผิด กรุณาแจ้งมายัง ตม.จว.กระบี่ โทร 075 611097 จักขอบพระคุณเป็นอย่างยิ่ง

มูลนิธิป่อเต็กตึ๊ง จัดเต็ม มอบอุปกรณ์ประกอบอาชีพผู้ยากไร้ พร้อมนำหน่วยแพทย์เคลื่อนที่บริการฟรี พร้อมช่างและอาสาสมัคร ในโครงการออกหน่วยทำขาเทียมพระราชทานเคลื่อนที่ ครั้งที่ 172

ระหว่างวันที่ 16 – 20 ธันวาคม พ.ศ. 2567 มูลนิธิป่อเต็กตึ๊ง นำโดย นายวิเชียร เตชะไพบูลย์ ประธานกรรมการ ห่วงใยเยาวชน ประชาชนผู้ยากไร้ และผู้พิการ มอบหมายคณะกรรมการมูลนิธิฯ ลงพื้นที่จังหวัดหนองคาย เร่งลดความเหลื่อมล้ำ มอบโอกาส สร้างชีวิต แก่ชาวหนองคายอย่างยั่งยืน รวมมูลค่าที่มูลนิธิป่อเต็กตึ๊งดำเนินการกว่าเจ็ดแสนบาท โดยเมื่อวันพุธที่ 18 ธันวาคม พ.ศ. 2567 นายวิรุฬ เตชะไพบูลย์ ที่ปรึกษาประธานกรรมการมูลนิธิป่อเต็กตึ๊ง เป็นประธานในพิธี  พร้อมด้วย นายสุรพงษ์ เตชะหรูวิจิตร กรรมการและรองเลขาธิการ นายณัฐพร จาตุศรีพิทักษ์ ผู้ช่วยกรรมการ และ นางสาวดวงชุตา ติยะพจนพรกุล ผู้ช่วยผู้จัดการฝ่ายสังคมสงเคราะห์  นำทีมลงพื้นที่จังหวัดหนองคาย (จังหวัดที่ 16 ของภาคตะวันออกเฉียงเหนือ) จำนวน 21 ครัวเรือน พร้อมมอบจักรยาน จำนวน 50 คัน แก่โรงเรียนชนบทที่ขาดแคลน จำนวน 5 โรงเรียน 

เพื่อให้นักเรียนที่ประสบปัญหาในการเดินทางได้ยืมเรียน รวมถึงเป็นการแบ่งเบาภาระค่าพาหนะแก่ผู้ปกครองได้อีกทางหนึ่ง อีกทั้งยังเสริมสร้างให้นักเรียนได้ออกกำลังกาย เรียนรู้กฎจราจร เรียนรู้การแบ่งปัน และดูแลรักษาสาธารณสมบัติร่วมกัน รวมมูลค่าการดำเนินการช่วยเหลือชาวหนองคายในครั้งนี้ทั้งสิ้น จำนวน 560,120 บาท (ห้าแสนหกหมื่นหนึ่งร้อยยี่สิบบาทถ้วน) นอกจากนี้ มูลนิธิฯ ยังได้จัดหน่วยแพทย์สงเคราะห์ชุมชน นำทีมแพทย์อาสาฯ เจ้าหน้าที่หน่วยแพทย์ ทีมบรรเทาสาธารณภัย (กู้ชีพ)  และอาสาสมัครลงพื้นที่ให้บริการประชาชนฟรี ประกอบด้วย บริการตรวจรักษาโรคทั่วไป จ่ายยา ทันตกรรม คัดกรองเบาหวาน กิจกรรมนันทนาการ ตรวจวัดสายตาพร้อมแจกแว่น บริการตัดผม ฯลฯ ให้แก่ประชาชนในพื้นที่ โดยมี นายสมภพ สมิตะสิริ ผู้ว่าราชการจังหวัดหนองคาย เป็นประธานในพิธี พร้อมด้วย  นายสุรพล แก้วอินธิ ผู้ตรวจราชการกรมการพัฒนาชุมชนเป็นประธานร่วมในพิธี มูลนิธิฯ / สมาคมจีนประจำจังหวัดต่างๆ เป็นผู้ประสานงานและร่วมในพิธี 

รวมทั้ง ประชาชน เยาวชน และผู้แทนจากสถาบันการศึกษา เป็นผู้รับมอบ และอาสาสมัครมูลนิธิป่อเต็กตึ๊งร่วมมอบและสร้างสีสันภายในงาน ณ บริเวณหอประชุมที่ว่าการอำเภอเมือง จังหวัดหนองคาย

และวันนี้ (วันศุกร์ที่ 20 ธันวาคม พ.ศ.2567) นางสาวดวงชุตา ติยะพจนพรกุล ผู้ช่วยผู้จัดการฝ่ายสังคมสงเคราะห์ มูลนิธิป่อเต็กตึ๊ง นำทีมแผนกส่งเสริมการศึกษาและอาชีพ ลงพื้นที่ มอบค่าพาหนะ พร้อมเครื่องอุปโภคบริโภค ประกอบด้วย ผ้าห่ม ปลากระป๋อง เส้นหมี่ขาว ทิชชูเปียก รองเท้าฟองน้ำ และ ขนม บรรจุถุงผ้าดิบ ให้แก่ผู้รับขาเทียม ช่างและอาสาสมัคร และเจ้าหน้าที่ที่เข้าร่วมโครงการออกหน่วยทำขาเทียมพระราชทานเคลื่อนที่ ครั้งที่ 172 รวมจำนวน 160 ชุด พร้อมมอบเครื่องอุปโภคบริโภคให้แก่เจ้าหน้าที่มูลนิธิขาเทียมอีก 50 ชุด คิดเป็นงบประมาณมูลค่าทั้งสิ้น 162,132.50 บาท (หนึ่งแสนหกหมื่นสองพันหนึ่งร้อยสามสิบสองบาทห้าสิบสตางค์) โดยมี นายสมภพ สมิตะสิริ ผู้ว่าราชการจังหวัดหนองคาย เป็นประธานในพิธี 

พร้อมด้วย ศาสตราจารย์คลินิก นายแพทย์นิเวศน์ นันทจิต เลขาธิการมูลนิธิขาเทียม ในสมเด็จพระศรีนครินทราบรมราชชนนี กรรมการมูลนิธิขาเทียมฯ และผู้แทนจากหน่วยงานภาครัฐและเอกชนต่างๆ ร่วมในพิธี ณ หอประชุมองค์การบริหารส่วนจังหวัดหนองคาย อำเภอเมืองหนองคาย จังหวัดหนองคาย

รวมงบประมาณการดำเนินภารกิจ 3 โครงการ เพื่อชาวหนองคายและผู้เข้าร่วมโครงการในรอบนี้ทั้งสิ้น 722,252.50 บาท (เจ็ดแสนสองหมื่นสองพันสองร้อยห้าสิบสองบาทห้าสิบสตางค์)

ตลอดระยะเวลากว่า 114 ปี ที่มูลนิธิป่อเต็กตึ๊ง  ได้ขยายขอบข่ายโครงการต่าง ๆ ออกไปอย่างกว้างขวาง ไม่เพียงแต่บำบัดทุกข์ บำรุงสุข แก่ผู้ตกทุกข์ได้ยากโดยไม่จำกัดเชื้อชาติ  ศาสนา เท่านั้น แต่ยังได้พัฒนาคุณภาพชีวิตอีกในหลายทาง เพื่อเป็นองค์กรสาธารณกุศลที่ช่วยเหลือประชาชนครบวงจรในทุก ๆ ด้าน ต่อไป ดังปณิธาน 'มูลนิธิป่อเต็กตึ๊ง ช่วยชีวิต รักษาชีวิต สร้างชีวิต'

ติดตามข่าวสาร และกิจกรรมการช่วยเหลือของมูลนิธิป่อเต็กตึ๊งได้ที่เว็บไซต์ www.pohtecktung.org และเฟซบุ๊ก แฟนเพจ www.facebook.com/atpohtecktung

เชียงใหม่-กิจกรรมหน่วยมิตรประชากองบิน 41 ครั้งที่ 1/68 โรงเรียนเจ้าพ่อหลวงอุปถัมภ์ 1

เมื่อวานนี้ (19 ธ.ค.67) นาวาอากาศเอก ปรธร จีนะวัฒน์ ผู้บังคับการกองบิน 41 เป็นประธานในพิธีเปิดกิจกรรมหน่วยมิตรประชากองบิน 41 ครั้งที่ 1/68 โดยมี ดร.โรจนไชย์ สมจันทร์ ผู้อำนวยการโรงเรียนเจ้าพ่อหลวงอุปถัมภ์ 1 พร้อมด้วยผู้นำชุมชน คณะครู และผู้ปกครอง ให้การต้อนรับ หัวหน้าหน่วยขึ้นตรงกองบิน 41 ข้าราชการ และสมาชิกชมรมแม่บ้านทหารอากาศกองบิน 41 ร่วมกิจกรรม ณ โรงเรียนเจ้าพ่อหลวงอุปถัมภ์ 1 ตำบลสุเทพ อำเภอเมืองเชียงใหม่ จังหวัดเชียงใหม่

ภายในกิจกรรม ผู้บังคับการกองบิน 41 ได้มอบทุนการศึกษา ทุนอาหารกลางวัน ถุงยังชีพ และผ้าห่มกันหนาว ให้แก่เด็กนักเรียนโรงเรียนเจ้าพ่อหลวงอุปถัมภ์ 1 และผู้ปกครองที่มาร่วมกิจกรรม

นอกจากนี้คณะหน่วยมิตรประชากองบิน 41 ได้ให้บริการ ด้านการแพทย์ตรวจรักษา ให้คำแนะนำด้านสุขภาพ จากหน่วยแพทย์เคลื่อนที่จากโรงพยาบาลกองบิน 41 และบริการตัดผม โดยแผนกสวัสดิการกองบิน 41 พร้อมทั้งได้จัดเลี้ยงอาหารกลางวัน ขนมโดนัทรวมถึงน้ำผลไม้อีกด้วย

ไทยคิกออฟ 'e-Visa'พร้อมให้คนทั่วโลกลงทะเบียน เริ่ม 1 ม.ค. 2568 อำนวยความสะดวกนักเดินทางเข้าไทย

(19 ธ.ค.67) ประเทศไทยเตรียมเปิดให้บริการระบบตรวจลงตราอิเล็กทรอนิกส์ หรือ e-Visa เพื่ออำนวยความสะดวกให้กับชาวต่างชาติในการยื่นขอวีซ่าออนไลน์จากทุกที่ทั่วโลก เริ่มตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม 2568 นี้ ผ่านเว็บไซต์ www.thaievisa.go.th

นายมาริษ เสงี่ยมพงษ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ เป็นประธานในงานเปิดตัว 'Kick-off THAI E-VISA: Apply, Anywhere, Anytime' เมื่อวันที่ 17 ธันวาคม 2567 โดยระบบ e-Visa นี้จะครอบคลุมสถานเอกอัครราชทูตและสถานกงสุลไทย 94 แห่งทั่วโลก ช่วยให้ผู้เดินทางสามารถยื่นขอวีซ่าได้ง่ายและสะดวกยิ่งขึ้น

นายวรวุฒิ พงษ์ประภาพันธ์ อธิบดีกรมการกงสุล กล่าวถึงการพัฒนาระบบ e-Visa ซึ่งเริ่มต้นในปี 2562 และต่อยอดเป็นการออกวีซ่าแบบออนไลน์ในปี 2564 ปัจจุบันพร้อมใช้งานทั่วโลก ระบบนี้ออกแบบมาเพื่อความสะดวกในการสมัครวีซ่า โดยใช้หลักการ 3 A คือ Apply (สมัคร) Anywhere (ที่ใดก็ได้) และ Anytime (เมื่อใดก็ได้) ช่วยให้นักเดินทางไม่ต้องไปที่สถานทูตหรือยื่นเอกสารหลายฉบับ เพียงแค่เข้าเว็บไซต์ก็สามารถขอวีซ่าได้ง่ายๆ และปลอดภัย

นายมาริษ กล่าวว่า การเปิดตัวระบบ e-Visa จะช่วยเพิ่มความสะดวกให้กับนักท่องเที่ยว นักธุรกิจ นักลงทุน และนักศึกษา โดยไม่ต้องผ่านขั้นตอนที่ยุ่งยาก และลดข้อจำกัดที่ไม่จำเป็น เพื่อทำให้การเดินทางง่ายขึ้น ระบบ e-Visa ยังช่วยเพิ่มความสามารถในการแข่งขันของไทยในตลาดโลก พร้อมย้ำจุดยืนของไทยในการเชื่อมโยงการเดินทางระหว่างประเทศ

นอกจากนี้ ระบบ e-Visa ยังมีการเชื่อมโยงข้อมูลกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เช่น สำนักงานตรวจคนเข้าเมืองและสำนักข่าวกรองแห่งชาติ เพื่อการคัดกรองและแลกเปลี่ยนข้อมูลแบบเรียลไทม์

สำหรับนักเดินทางจาก 93 ประเทศที่ได้รับการยกเว้นการตรวจลงตรา สามารถเดินทางเข้ามาในไทยได้ไม่เกิน 60 วัน โดยไม่จำเป็นต้องยื่นขอ e-Visa ส่วนวีซ่าประเภทอื่น ๆ เช่น วีซ่านักเรียน หรือวีซ่าทำงาน ก็สามารถยื่นขอผ่านระบบนี้ได้

ทั้งนี้ ระบบการชำระค่าธรรมเนียมวีซ่าผ่านออนไลน์จะพร้อมใช้งานในบางประเทศภายใน 6 เดือน ซึ่งจะช่วยอำนวยความสะดวกให้กับผู้เดินทางมากยิ่งขึ้น

ระบบ e-Visa นี้จะเปิดให้บริการตลอด 24 ชั่วโมง ไม่มีวันหยุด เพื่อรองรับการเดินทางของนักท่องเที่ยวจากทั่วโลก


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top