Sunday, 22 June 2025
NEWS FEED

เชียงใหม่ - บรรยากาศรับสมัครเลือกตั้ง นายกอบจ.เชียงใหม่ คึกคักท่ามกลางกองเชียร์ ที่มาให้กำลังใจผู้สมัครตั้งแต่เช้า 

(25 ธ.ค. 67) การรับสมัคร นายก อบจ.เชียงใหม่  และสมาชิก ส.อบจ เชียงใหม่ วันแรกเป็นไปด้วยความคึกคัก ท่ามกลางบรรดากองเชียร์ของผู้สมัครแต่ละพรรคที่มาส่งแรงใจให้ผู้สมัครกันตั้งแต่เช้า โดยวันแรกมีว่าที่ผู้สมัครนายก  3 คน  ขณะที่ ผอ.กกต.เชียงใหม่ ตั้งเป้ามีผู้มาใช้สิทธิ์ 75 % 

เมื่อวันที่ 23 ธันวาคม 2567 ที่ห้องประชุมสภาองค์การบริหารส่วนจังหวัดเชียงใหม่ ซึ่งใช้เป็นสถานที่รับสมัครนายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดเชียงใหม่ และสมาชิกองค์การบริหารส่วนจังหวัดเชียงใหม่ วันแรกของการรับสมัคร บรรยากาศเป็นไปด้วยความคึกคัก ท่ามกลางบรรดากองเชียร์ของแต่ละพรรคที่มาคอยให้กำลังใจผู้สมัครตั้งแต่เช้า 

นายพิชัย เลิศพงษ์อดิศร แชมป์เก่าจากพรรคเพื่อไทย และ นายพันธุ์อาจ ชัยรัตน์ จากพรรคประชาชน มาถึงที่สมัครพร้อมกันก่อนเวลา 08.30 น. ซึ่งตกลงกันไม่ได้ จึงได้มีการจับสลากหมายเลขสมัคร   ปรากฏว่านายพิชัย เลิศพงษ์อดิศร ได้หมายเลขประจำตัวผู้สมัครหมายเลข 2, นายพันธุ์อาจ ชัยรัตน์ ได้หมายเลขประจำตัวผู้สมัครหมายเลข 1 และผู้สมาชิกสภาองค์การบริหารส่วนจังหวัดเชียงใหม่ จำนวน 42 เขต ครบทั้ง 2 พรรค และพลตรี ดร.พนม ศรีเผือด ผู้สมัครอิสระ ได้หมายเลขประจำตัวผู้สมัครหมายเลข 3

โดยหลังเสร็จสิ้นการสมัครเรียบร้อยแล้ว ผู้สมัครนายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดเชียงใหม่แต่ละรายได้มาพบปะบรรดากองเชียร์ และผู้สนับสนุน ที่มารอต้อนรับ ท่ามกลางเสียงเชียร์ดังสนั่น รวมถึงลงพื้นที่พบปะประชาชน ออกหาเสียง บรรยากาศเป็นไปด้วยความคึกคัก เป็นอย่างมาก

นายพิชัย เลิศพงศ์อดิศร ผู้สมัครรับเลือกตั้งนายกอบจ.เชียงใหม่ หมายเลข 2 พรรคเพื่อไทย กล่าวว่า
การเลือกตั้งนายกอบจ.เชียงใหม่ ครั้งนี้มีความมั่นใจ 100%ในผลงานเพราะตลอดระยะเวลา 4 ปีที่ผ่านมาได้สร้างผลงานและทำงานอย่างเต็มที่ มีผลงานเป็นที่ประจักษ์ให้พี่น้องประชาชนนำไปประกอบการพิจารณาว่าควรจะมาเป็นนายกอบจ.เชียงใหม่ สมัยที่ 2 ต่ออีกหรือไม่ ซึ่งตามกฎหมายในขณะนี้ได้ไม่เกิน 2 สมัย มีความมั่นใจในตัวเองและทีมงาน ทั้ง ทีม ส.อบจ.ลงครบทุกเขต 42 เขต 25 อำเภอ
    
ซึ่งการเลือกตั้งครั้งนี้นายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรีจะมาเป็นผู้ช่วยหาเสียงให้ผมด้วย ซึ่งการเลือกตั้งนายกอบจ.เชียงใหม่ครั้งก่อนอดีตนายกฯทักษิณอยู่ต่างประเทศก็ใช้วิธีวิดีโอคอลมาช่วยหาเสียงให้ แต่ครั้งนี้อดีตนายกฯทักษิณ จะมาขึ้นเวทีพบปะพี่น้องชาวเชียงใหม่ในทุกอำเภอ เชียงใหม่เป็นเมืองหลวงของพรรคเพื่อไทย และอดีตนายกฯทักษิณ สร้างผลงานไว้มากมายจึงทำให้ผมมั่นใจล้านเปอร์เซ็นต์ นายพิชัย กล่าว    

ประกอบกับกาคเลือกตั้งครั้งก่อนได้คะแนน 402,179 คะแนน ในการเลือกตั้งครั้งนี้ด้วยผลงานที่ทำมาตลอด 4 ปีที่ชาวเชียงใหม่เห็นเป็นที่ประจักษ์จึงทำให้มั่นใจว่าครั้งนี้
จะได้คะแนนเลือกตั้งตามทึ่ได้ตั้งเป้าหมายไว้ 6 แสนคะแนน อยากให้เป็นประวัติศาสตร์การเลือกตั้งท้องถิ่น
ของอบจ.เชียงใหม่ 

เพราะก่อนนั้นในปี 2551-2557 ตนเป็นสมาชิกวุฒิสภา และมาลงสมัครรับเลือกตั้งได้เป็น นายกอบจ.เชียงใหม่ 4 ปี ลงพื้นที่ทุกอำเภอ อีกทั้งส.อบจ.เชียงใหม่ก็เข้มแข็ง มีจิตอาสาทำงานเพื่อพี่น้องประชาชนต่อไป ซึ่งผลงานที่ชัดเจนเช่นการจัดสร้างสวนสาธารณะบนที่ดินการรถไฟ ซึ่งตอนที่เป็นนายกอบจ.เชียงใหม่ ได้ขอให้การรถไฟยกให้อบจ.เชียงใหม่ดูแลและจะมีการพัฒนาต่อไป 

รวมถึงสวนสาธารณะบริเวณด้านหลังศาลากลางจังหวัดเชียงใหม่ ก็ได้พัฒนาให้เป็นสวนอบจ.เชียงใหม่เป็นสถานที่พักผ่อน ออกกำลังกายและนันทนาการ มีการจัดงาน Charming Chiang Mai ซึ่งขณะนี้ก็ยังจัดอยู่มีคนมาเที่ยวชมสวนดอกไม้กว่า 3 ล้านคนและมีโครงการในด้านสาธารณสุขจะสร้างโรงพยาบาลอบจ.เชียงใหม่ ขนาด 200เตียง ซึ่งมีสถานที่ก่อสร้างและของบประมาณจากทางรัฐบาลเรียบร้อยแล้ว ซึ่งเป็นรูปธรรมแล้วพร้อมที่จะเข้ามาสานงานต่อในเรื่องนี้ต่อไป

ด้านนายพันธุ์อาจ ชัยรัตน์ ผู้สมัครรับเลือกตั้งนายกอบจ.เชียงใหม่ หมายเลข1 จากพรรคประชาชน กล่าวว่า การลงสมัครรับเลือกตั้งครั้งนี้ ต้องบอกว่ามั่นใจสูง เพราะว่าพี่น้องประชาชนเชียงใหม่ก็อยากจะเห็นการเปลี่ยนแปลงไปในทางที่ดีไม่ว่าจะเป็นเรื่องเศรษฐกิจ สิ่งแวดล้อม คุณภาพชีวิตและมีประเด็นเรื่อง 3 ท. เรื่องความเท่าเทียมกัน ดูแลคนทุกคนทั่วถึง เชียงใหม่เป็นจังหวัดที่ใหญ่ที่สุดในประเทศ มีอำเภอถึง 25 อำเภอ จากแม่อายจนถึงอมก๋อยใช้เวลาเกือบ 10ชั่วโมง ในการเดินทาง เพราะว่ามีความไม่เท่าเทียมกันในการพัฒนา ก็อยากจะลดช่องว่างนี้ให้ได้มากที่สุดเท่าที่จะทำได้ในระดับท้องถิ่น
   
นายนพดล สุยะ ผู้อำนวยการสำนักงานคณะกรรมการการเลือกตั้ง ประจำจังหวัดเชียงใหม่ กล่าวว่า วันแรกมีผู้สมัคร นายก อบจ.เชียงใหม่ 3 คน และสมาชิก อบจ. สังกัดพรรคเพื่อไทย ครบ 42 คน 42 เขต สมาชิก อบจ. สังกัดพรรคประชาชน ครบ 42 คน 42 เขตเรียบร้อยแล้ว ส่วนพรรคอิสระยังมาไม่ครบ 

และจังหวัดเชียงใหม่มี  25 อำเภอ ประชากร 1 ล้าน 7 แสนคน เป็นผู้ที่มีอายุ 18 ปีขึ้นไปเป็นผู้มีสิทธิ์เลือกตั้ง 1,264,703 คน จำนวนครัวเรือน 559,541 ครัวเรือน มีหน่วยเลือกตั้ง 2,722 หน่วย 

คาดว่าการเลือกตั้งครั้งนี้จะมีผู้ออกมาใช้สิทธิ์ 75 เปอร์เซ็นต์ โดยการเลือกตั้งเมื่อ 4 ปีก่อน มีผู้ออกมาใช้สิทธิ์เพียง 72 เปอร์เซ็นต์เท่านั้น

หนิง ปณิตา นำทีม Dr.master ปฏิวัติวงการสินค้าดูแลเส้นผม! ปั้น Creator ให้เป็น Hair Master ตัวจริง

"Dr.master" แบรนด์ที่มุ่งแก้ปัญหาเส้นผมของคนไทย ด้วยการยกระดับสมุนไพรไทยผ่านการวิจัยและพัฒนาจนพิสูจน์ได้จริง พร้อมความร่วมมือจาก โรงพยาบาลมาสเตอร์พีช (Masterpiece Hospital) ผู้เชี่ยวชาญอันดับต้นด้านการปลูกผมในประเทศไทย

Dr.master ตั้งเป้าหมายสร้างผลิตภัณฑ์ที่ไม่เพียงแต่ช่วยแก้ปัญหาเส้นผม แต่ยังให้ความรู้ที่ถูกต้องแก่ผู้ใช้งาน โดยมีการเปิดตัวในงาน "The Master of Hair Solutions" กับ 4 ผู้เชี่ยวชาญ
🌟 คุณดาว ลภัสรดา เลิศภานุโรจ
🌟 คุณหนิง ปณิตา พัฒนาหิรัญ
🌟 คุณภูริวัจน์ เสรีฐานุพัชร์
🌟 พญ.กุลธิดา ลุสวัสดิ์

4 ผลิตภัณฑ์ตัวเด่นที่ต้องลอง
✔️ Dr.master NewHair Shampoo: ต้านผมร่วง ผมหงอก ผมงอกใหม่แข็งแรง
✔️ Dr.master NewHair Conditioner: เติมความชุ่มชื้น นุ่มลึกถึงโคน
✔️ Dr.master HairVital Serum: กระตุ้นรากผม ลดการอักเสบ
✔️ Dr.master Nutri H Dietary: วิตามินบำรุงจากภายในสู่ภายนอก

💡 ส่วนผสมธรรมชาติคุณภาพสูง เช่น สมุนไพร วิตามิน และสารสกัดจากธรรมชาติ
📜 การันตีคุณภาพ จากงานวิจัยของจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย

"Dr.master" ช่วยให้ทุกคนดูแลเส้นผมได้อย่างมั่นใจ เหมือนมีผู้เชี่ยวชาญดูแลคุณที่บ้าน

🌟 ติดตามความเคลื่อนไหวได้ที่
Facebook: Dr.master Official
Instagram: @drmaster.official
TikTok: @drmaster.official
Line: @Dr.master

ตำรวจท่องเที่ยวปล่อยแถวสร้างความเชื่อมั่นด้านความปลอดภัย เตรียมพร้อมดูแลนักท่องเที่ยวและประชาชนช่วงเทศกาลคริสต์มาสและปีใหม่ 2568

​​​ตามนโยบายของรัฐบาล กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา และสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ในการส่งเสริมการท่องเที่ยว “สร้างรายได้ สร้างความสุข สร้างความปลอดภัย” ยกระดับการรักษาความปลอดภัยและการดูแลอำนวยความสะดวกนักท่องเที่ยวทั้งชาวไทยและชาวต่างชาติในช่วงเทศกาลปีใหม่ 2568 นี้

​​(24 ธ.ค.67) เวลา 17.00 น. ณ บริเวณลานศูนย์การค้าเซ็นทรัลเวิลด์ เขตปทุมวัน กรุงเทพมหานคร กองบัญชาการตำรวจท่องเที่ยวจัด พิธีปล่อยแถวสร้างความเชื่อมั่นด้านความปลอดภัยของการท่องเที่ยวเทศกาลคริสต์มาสและปีใหม่ 2568 โดยมีนายสรวงศ์ เทียนทอง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา เป็นประธาน พร้อมด้วย พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ พันธุ์เพ็ชร์ ผบ.ตร. พล.ต.อ. กรไชย  คล้ายคลึง รอง ผบ.ตร.,  พล.ต.ท.ศักย์ศิรา เผือกอ่ำ ผบช.ทท. นางสาวนัทรียา ทวีวงส์ ปลัดกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา คณะผู้บริหารกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย ทูตานุทูต และข้าราชการในสังกัดกองบัญชาการตำรวจท่องเที่ยวและหน่วยร่วมบูรณาการ รวม 135 นาย

​​ไฮไลต์สำคัญของพิธีปล่อยแถวสร้างความเชื่อมั่นในครั้งนี้ ไม่เพียงแต่เป็นการแสดงกำลังความพร้อมในการดูแลนักท่องเที่ยวในช่วงเทศกาลปีใหม่ แต่ยังเป็นโอกาสเปิดตัว Thailand Tourist Police Application (TTPB-APP) ของขวัญที่ตำรวจท่องเที่ยวมอบให้แก่นักท่องเที่ยวและประชาชน โดยมีจุดสำคัญ คือการให้นักท่องเที่ยวสามารถติดต่อตำรวจท่องเที่ยว แจ้งเหตุฉุกเฉิน และแชร์โลเคชั่นได้แบบออนไลน์ เพื่อรับความช่วยเหลือจากตำรวจท่องเที่ยวได้อย่างทันท่วงที พร้อมกันนี้ ยังมีการสาธิตระบบปฏิบัติการรถโมบายตำรวจท่องเที่ยวเคลื่อนที่ ซึ่งจะออกประจำการในแหล่งท่องเที่ยวสำคัญทั่วประเทศในปี 2568 ที่จะถึงนี้ด้วย

สตม. เร่งรัดปราบปราม การกระทำความผิดของแรงงานต่างด้าว 

ตามนโยบายของ พล.ต.ท.ภาณุมาศ บุญญลักษม์ ผบช.สตม. ให้ สตม. เร่งรัดปราบปราม การกระทำความผิดของแรงงานต่างด้าว โดยเฉพาะแรงงาน 3 สัญชาติ นั้น  

วันนี้ (24 ธ.ค. 67) พล.ต.ต.ปรัชญา ประสานสุข รอง ผบช.สทส.ปรก.รอง ผบช.สตม. , นายนริศ นิรามัยวงศ์ ผู้ว่าราชการจังหวัดสมุทรสาคร  พร้อมด้วย พล.ต.ต.ณัฐกร ประภายนต์ ผบก.ตม.3,  พ.ต.อ.ปัณณวิช จันทร์สมบูรณ์ รอง ผบก.ปรก.รอง ผบก.ตม.3, พ.ต.อ.เพลิน กลิ่นพยอม รอง ผบก.ตม.3, พ.ต.อ.อรรถพล มีเสียง รอง ผบก.ฯ ปรก.รอง ผบก.ตม.3

พ.ต.อ.ปกฉัตร ชัยสุกวัฒน์ ผกก.ตม.จว.สมุทรสาคร และ พ.ต.อ.จิรพงศ์ รุจิรดำรงค์ชัย ผกก.สส.บก.ตม.3
 
พร้อมด้วยกำลังข้าราชการตำรวจในสังกัด สตม. ได้แก่ ตม.จว.สมุทรสาคร, กก.สส.บก.ตม.3, บูรณาการร่วมกับเจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.เมืองสมุทรสาคร และเจ้าหน้าที่จัดหางานจังหวัดสมุทรสาคร  รวมกว่า 100 นาย  ได้เข้าตรวจสอบบริเวณตลาดกลางกุ้ง เพื่อระดมกวาดล้างอาชญากรรมมช่วงวันคริสมาสต์ และเทศกาลปีใหม่

ตรวจสอบคนต่างด้าว บริเวณตลาดกลางกุ้ง ต.ท่าทราย อ.เมือง จว.สมุทรสาคร
เมื่อเดินทางถึงที่เกิดเหตุ พบคนต่างด้าว 3 สัญชาติ กว่า 500 ราย ทำงานอยู่ภายในสถานที่ดังกล่าว  
ผลการปฏิบัติ จับกุมผู้กระทำความผิด ตาม พ.ร.บ.คนเข้าเมือง พ.ศ.2522 และ พ.ร.ก.การบริหารจัดการการทำงานของคนต่างด้าว พ.ศ.2560 ดังนี้

1. ข้อหา เป็นคนต่างด้าวทำงานโดยไม่ได้รับอนุญาต จำนวน 20  ราย  
2.ข้อหา เป็นคนต่างด้าว ซึ่งได้รับอนุญาตให้อยู่ในราชอาณาจักรเป็นการชั่วคราวไม่พักอาศัย ณ ที่ ที่ได้แจ้งต่อพนักงานเจ้าหน้าที่ ตาม  ม.37(2) จำนวน  1 ราย

รวมทั้งสิ้น 21 ราย  

ซึ่งตลอดทั้งปี 2567 ทาง ตม.จว.สมุทรสาคร ได้จับกุมคนต่างด้าวที่กระทำผิดกฎหมาย หรือเข้ามาอยู่ในราชอาณาจักรโดยไม่ได้รับอนุญาต จำนวนกว่า 1,500 ราย

ทั้งนี้พล.ต.ต.ปรัชญา ประสานสุข รอง ผบช.สทส.ปรก.รอง ผบช.สตม.  ยังได้เปิดเผยว่า แม้ปัจจุบันประเทศไทยจะมีความจำเป็นที่จะต้องใช้แรงงานต่างด้าวในการทำงานในด้านต่างๆ ดูได้จากการที่ ครม. มีมติผ่อนผันการทำงานของแรงงานต่างด้าว ตลอดจนปัจจุบันก็อนุญาตให้คนต่างด้าวสามารถทำงานขายของหน้าร้านได้ โดยต้องมีนายจ้างและอยู่ภายใต้เงื่อนไขที่กำหนดโดยกระทรวงแรงงาน นั้น

แต่ก็ยังคงมีการลักลอบกระทำผิดกฎหมายทั้งโดยเจตนา หรือโดยความไม่รู้ของผู้ประกอบการ ซึ่งทางสำนักงานตำรวจคนเข้าเมืองก็มิได้นิ่งนอนใจ ส่วนหนึ่ง จึงได้มีการกวดขัน ปราบปราม เพื่อเป็นการป้องกันการกระทำผิดและบังคับให้มีการขึ้นทะเบียนแรงงานต่างด้าวที่ลักลอบเข้าเมืองโดยผิดกฎหมาย ตลอดจนประชาสัมพันธ์ให้ผู้ประกอบการ เจ้าของร้านที่มีลูกจ้างเป็นต่างด้าวขายของหน้าร้าน ผู้ประกอบการต้องอยู่ประจำที่ร้านหรือสถานประกอบการด้วย เป็นการยืนยันว่ากิจการดังกล่าวเป็นกิจการของนายจ้างคนไทยทั้งนี้ เพื่อป้องกันการแฝงตัวของคนต่างด้าว กรณีประกอบกิจการเองโดยผิดกฎหมาย

จันทบุรี พล.ร.อ.สุวิน แจ้งยอดสุข รองผู้บัญชาการทหารสูงสุดและคณะเยี่ยมบำรุงขวัญทหาร/ตชด

(24 ธ.ค.67) พลเรือโท สมรภูมิ จันโท ผู้บัญชาการป้องกันชายแดนจันทบุรีและตราด พันตำรวจเอก พรชัย แช่มช้อย ผู้กำกับการ ตชด.11และพันตำรวจโท คณิศร์ ผิวขาว รองผู้กำกับการ ตชด.11พร้อมด้วยข้าราชการตำรวจ ร่วมให้การต้อนรับพลเรือเอก สุวิน แจ้งยอดสุข รองผู้บัญชาการทหารสูงสุดและคณะ ในการตรวจเยี่ยมบำรุงขวัญหน่วยปฏิบัติงานสนามในพื้นที่ กปช.จต. ณ บก.กปช.จต. จ.จันทบุรี รองผู้บัญชาการทหารสูงสุดและคณะ ขึ้นแท่นรับความเคารพจากหน่วยทหาร ตชด. ที่หน้ากองบัญชาการ ป้องกันชายแดนจันทบุรีและตราด ได้มีทหารและตชด.ร่วมต้อนรับ ทหารเข้ารายงาน ภารกิจต่างๆ การบฏิบัติงานตามแนวชายแดนด้านจันทบุรี ต่อท่านรองผู้บัญชาการทหารสูงสุด ท่านได้กล่าวชื่นชมการทำงาน ของหน่วยทหารและ ตชด.

อนึ่งในการตรวจเยี่ยมครั้งนี้มีจุดมุ่งหมายเพื่อ:
- ส่งเสริมขวัญกำลังใจของหน่วยปฏิบัติงาน ในการปฏิบัติงานในพื้นที่ตามแนวชายแดนที่ติดต่อกับประเทศกัมพูชา ตรวจสอบการปฏิบัติงานและความพร้อมของหน่วยทหารและตชด.ในพื้นที่ จ.จันทบุรีการส่งเสริมความสัมพันธ์ระหว่างหน่วยงานทหาร ตชด.ตำรวจ ฝ่ายปกครองในพื้นที่ 

ไปที่ห้องประชุม พล.ร.อ.สุวิน แจ้งยอดสุข รอง ผู้บัญชาการทหารสูงสุด และคณะ ได้เข้าร่วมประชุมกับหน่วยทหารที่ปฏิบัติตามแนวชายแดนด้านจันทบุรี พร้อมกับหน่วย ตชด. ในพื้นที่จังหวัดจันทบุรี ได้กำชับถึงการทำงานในพื้นที่ตามตะเข็บชายแดนที่ติดต่อกับประเทศกัมพูชาให้เน้นถึงความปลอดภัยเป็นที่ตั้ง รวมถึงการกระทบกระทั่งระหว่างกองกำลังทั้งสองประเทศ การป้องกันปราบปรามการกระทำผิดทุกรูปแบบ ในเรื่องของการลักลอบขนถ่ายสินค้าที่หนีภาษีอาทิเช่นเนื้อหมู เนื้อไก่ สัตว์ต่าง ๆ เพราะไม่ได้ผ่านการตรวจของกรมปศุสัตว์ อาจมีเชื้อโรคเข้ามาแพร่ระบาดในประเทศของเราได้เนื่องจากไม่ได้ผ่านการตรวจอย่างถูกต้อง และยังเน้นย้ำ ถึงเรื่องการลักลอบขนของหนีภาษี ตามชายแดน อาทิเช่นบุหรี่ เหล้า ไพ่ อุปกรณ์ต่าง ๆ ที่ไม่ผ่านการเสียภาษี สิ่งของต่างๆที่ไม่ได้ผ่านศุลกากร หรือตามช่องทางที่ถูกต้อง หรือแอบลักลอบขนย้ายตามช่องทางธรรมชาติ 

ต้องขยันออกเดินเท้าตามแนวชายแดน ที่มีรายงานว่าแอบลักลอบหรือแอบขนข้ามคลอง หรือข้ามแนวเขตตามป่าเข้ามาในราชอาณาจักรไทย ของหนีภาษีเคลื่อนย้ายเข้ามาในจังหวัดจันทบุรี นั้นทำรายได้กับผู้ที่ลักลอบขนย้ายเป็นกอบเป็นกำ เนื่องจากไม่ต้องผ่านการเสียภาษีแต่ไปขายในราคา ดีได้กำไรมาก สินค้าที่รอบขนข้ามฝั่งมาจากประเทศเพื่อนบ้าน จะเข้ามาตามแนวตะเข็บชายแดนด้านอำเภอสอยดาวและโป่งน้ำร้อนในพื้นที่ของจังหวัดจันทบุรีเพื่อ กระจายสินค้าไปจังหวัดต่าง ๆ อีก ส่วนด้านการค้ามนุษย์ ก็ต้องตรวจเข้มตรวจการเข้าออก ตามด่านที่มีอยู่ในจังหวัดจันทบุรี ในสองด่านคือด่านบ้านเขาแหลมและด่านบ้านเขาเกลือ ในการตรวจพาสปอร์ตหรือหนังสือผ่านแดน สำหรับบุคคลที่จะเข้าออก เดินทางเข้ามาในจังหวัดจันทบุรี และการป้องกันอธิปไตยตามแนวชายแดน การป้องกันการตัดไม้ทำลายป่า  

ซึ่งเป็นภารกิจที่ทหารและ ตชด. ทั้งสองหน่วยนี้ปฏิบัติและประสานงานทำงานร่วมกันบูรณาการในการจับ กวดขันและการออกลาดตระเวนร่วมกัน ในพื้นที่ตามตะเข็บชายแดน ด้านจังหวัดจันทบุรี กันเป็นประจำการปฏิบัติครั้งนี้แสดงให้เห็นถึงความมุ่งมั่นของหน่วย และชื่นชมหน่วย กก.ตชด.11 ในการส่งเสริมและสนับสนุนการปฏิบัติงานของหน่วยงานหทหารที่ร่วมปฏิบัติ งานของการปฏิบัติในการตรวจตราและเสริมกำลังของทหารอย่างดีเยี่ยม จึงมีผลงานในการปฏิบัติเป็นที่น่ายกย่อง นี่คือทหารของประชาชน 

ชลบุรี-รวมผู้กระทำผิดกว่า 600 ราย จาก ผบก.ชลบุรี ผนึกกำลังเปิดปฏิบัติการ "ล้างบางปรสิต EP.2 ขจัดพิษร้ายซอยจอมเทียน" 

(24 ธ.ค. 67) สืบเนื่อง จากปฏิบัติการ "ล้างบางปรสิต" ที่ได้เปิดปฏิบัติการภายใต้นโยบายของ พลตำรวจโท ยิ่งยศ เทพจำนงค์ ผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 2 ที่ได้เล็งเห็นถึงความสำคัญในการแก้ไขปัญหาเร่งด่วน ในเรื่องการปราบปรามอาชญากรรมข้ามชาติและแรงงานต่างด้าวผิดกฎหมาย เปรียบเสมือน "ปรสิต" ที่คอยกัดกินความสุข ความเป็นอยู่ที่ดี และยังคอยทำร้ายพี่น้องประชาชน นับว่าเป็นปฏิบัติการที่สามารถจับกุมผู้กระทำความผิดและมีผลการจับกุมได้จำนวนมาก

ตำรวจภูธรจังหวัดชลบุรีนำโดย พลตำรวจตรีธวัชเกียรติ จินดาควรสนอง ผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดชลบุรี ได้ดำเนินการต่อยอดโดยเปิดปฏิบัติการ "ล้างบางปรสิต EP.2 ขจัดพิษร้ายซอยจอมเทียน" มุ่งเน้นกวาดล้างยาเสพติดในพื้นที่เป้าหมายอาคารพาณิชย์ ภายในซอยจอมเทียนซอย 2,3 และ 4 เนื่องจากพื้นที่ดังกล่าว เป็นพื้นที่เป้าหมายที่มีการแพร่กระจายของยาเสพติดเป็นจำนวนมาก ทั้งผู้จำหน่ายและผู้เสพ จนปรากฎเป็นภาพข่าวในสื่อสังคมออนไลน์ อีกทั้งระดมกวาดล้างชาวต่างชาติที่แฝงตัวเข้ามาและทำงานผิดกฎหมาย โดยได้เปิดปฏิบัติการในช่วงเช้า เวลา 06.00 น. ของวันที่ 23 ธันวาคม 2567 ที่ผ่านมา สามารถจับกุมผู้กระทำความผิด ได้ดังนี้

1. ปฏิบัติการจอมเทียน 3 ซอยโมเดล
- จับกุมยาเสพติดในข้อหาจำหน่าย 5 ราย ,คดีครอบครองยาเสพติด 15 รายและข้อหาเสพยาเสพติดให้โทษ 82 ราย รวมจับกุมผู้ต้องหาทั้งสิ้น 93 ราย พร้อมตรวจยึดของกลางยาบ้าจำนวน 981 เม็ดและยาไอซ์รวม 53 กรัม
- จับกุมคนต่างด้าวอยู่ในราชอาณาจักรโดยการอนุญาตสิ้นสุด Overstay  5 ราย, เป็นคนต่างด้าวเดินทางเข้ามาและอยู่ในราชอาณาจักรโดยไม่ได้รับอนุญาต 6 ราย, ความผิดตาม ม.38 เป็นเจ้าบ้านฯ รับคนต่างด้าวเข้าพักอาศัยไม่แจ้งต่อพนักงานเจ้าหน้าที่ภายใน 24 ชม. 16 ราย รวมจับกุมผู้ต้องหาใน พรบ.คนเข้าเมือง 27 ราย

2. ปฏิบัติการบุกทลายแก๊งชาวต่างชาติทำผิดกฎหมาย
- ตรวจค้นบ้านพักย่าน ถ.เทพประสิทธิ์ ตามหมายค้นศาลแขวงพัทยา 2 หลัง จับกุมชาวต่างชาติรวมกลุ่มกันในลักษณะแก๊งคอลเซนเตอร์ และหลอกขายสินค้าโดยใช้ประเทศไทย เป็นฐานที่มั่น ได้ 13 ราย (จีน 10 ราย เกาหลี 3 ราย) พร้อมตรวจยึดคอมพิวเตอร์และโทรศัพท์มือถือกว่า 60 รายการ
- จับกุมชาวต่างชาติ (จีน) 2 ราย ในข้อหาลักทรัพย์ เครื่องรับ-ส่งสัญญาณติดเสาสัญญาณโทรศัพท์ บริษัทเครื่อข่ายโทรศัพท์มือถือค่ายใหญ่ ตรวจยึดของกลางเป็นเครื่องขยายสัญญาณโทรศัพท์ 94 เครื่อง รวมมูลค่า 8 ล้านบาท ได้ที่บริเวณพื้นที่ สภ.หนองขาม
- จับกุมชาวต่างชาติ (ฮ่องกง) ผลิตบุหรี่ไฟฟ้าขาย โดยตั้งฐานการผลิตในโรงแรมหรูกลางเมืองพัทยา พร้อมตรวจยึดหัวบุหรี่ไฟฟ้ากว่า 1,300 ชิ้น (จากการล่อซื้อ), ตัวบุหรี่ไฟฟ้า, ก้นบุหรี่ไฟฟ้า, น้ำยาบุหรี่ไฟฟ้า, ผงส่วนผสมน้ำยาบุหรี่ไฟฟ้าอีกจำนวนมาก และอาวุธปืนแบบกึ่งอัตโนมัติไม่มีทะเบียน 1 กระบอก พร้อมเครื่องกระสุนปืน

3.ปฏิบัติการกวาดล้างความผิดตาม พรบ.คนเข้าเมืองของ สตม. ตั้งแต่เปิดปฏิบัติการ "กวาดล้างปรสิต" จนถึงปัจจุบัน
-จับกุมคนต่างด้าวอยู่ในราชอาณาจักรโดยการอนุญาตสิ้นสุด Overstay 10 ราย, เป็นคนต่างด้าวเดินทางเข้ามาและอยู่ในราชอาณาจักรโดยไม่ได้รับอนุญาต 253 ราย, ความผิดตาม ม.38 เป็นเจ้าบ้านฯ รับคนต่างด้าวเข้าพักอาศัยไม่แจ้งต่อพนักงานเจ้าหน้าที่ภายใน 24 ชม. 116 ราย, ความผิดตาม พรก.การทำงานของคนต่างด้าว 28 ราย และหมายจับ 26 ราย 

โดยปฏิบัติการดังกล่าว เป็นเพียงหนึ่งในนโยบายในการป้องกันและปราบปรามอาชญากรรมที่เกี่ยวกับการกระทำความผิดเกี่ยวเนื่องกับยาเสพติดที่เป็นปัญหาเรื้อรังระดับชาติ และคดีอื่นๆ รวมแล้วกว่า 600 ราย

อีกทั้ง หากไม่กำจัดให้สิ้นซาก จะเป็นภัยแก่สังคมและเยาวชนคนรุ่นใหม่ที่ต้องเติบโตและใช้สภาพแวดล้อมที่เต็มไปด้วยยาเสพติด โดยตำรวจภูธรภาค 2 และตำรวจภูธรจังหวัดชลบุรี จะดูแลพี่น้องประชาชน เพื่อสร้างความปลอดภัย จนเกิดความอุ่นใจ นำไปสู่ความเชื่อมั่นของประชาชนและสายตาชาวโลก ดังวิสัยทัศน์ของผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติว่า “เป็นตำรวจมืออาชีพ ปฏิบัติหน้าที่ด้วยความซื่อสัตย์สุจริต โปร่งใส เพื่อให้เกิดความผาสุกแก่ประชาชน”
นิราช/นันทพล ทิพย์ศรี ชลบุรี 0909535645

ผบก.ตม.1 ร่วมพิธีปล่อยแถวสร้างความเชื่อมั่นด้านความปลอดภัยของการท่องเที่ยวเทศกาลส่งท้ายปีเก่าต้อนรับปีใหม่ 2568 (Happy New Year 2025)

(24 ธ.ค. 67) เพื่อเป็นการตอบสนองนโยบายของรัฐบาลโดย น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ที่ให้ความสำคัญกับการท่องเที่ยว ทางสำนักงานตำรวจแห่งชาติ โดย พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ พันธุ์เพ็ชร์ ผบ.ตร. ได้กำหนดมาตรการป้องกันปราบปรามอาชญากรรม การรักษาความสงบเรียบร้อย การบังคับใช้กฎหมาย และอำนวยความสะดวกด้านการจราจรในช่วงวันคริสต์มาส และเทศกาลปีใหม่ 2568 และให้สำนักงานตรวจคนเข้าเมือง สนับสนุนการปฏิบัติของหน่วยงานในพื้นที่ในการจัดพิธีปล่อยแถวป้องกันปราบปรามอาชญากรรมฯ  

สำนักงานตรวจคนเข้าเมือง โดย พล.ต.ท.ภาณุมาศ บุญญลักษม์ ผบช.สตม.ได้มอบหมายให้ พล.ต.ต.ประสาธน์ เขมะประสิทธิ์ ผบก.ตม.1 เป็นผู้แทนสำนักงานตรวจคนเข้าเมือง นำกำลังข้าราชการตำรวจในสังกัดกองบังคับการตรวจคนเข้าเมือง 1 เข้าร่วมการปล่อยแถวสร้างความเชื่อมั่นด้านความปลอดภัยของการท่องเที่ยวเทศกาลส่งท้ายปีเก่าต้อนรับปีใหม่ 2568 (Happy New Year2025) ซึ่งจัดโดยกองบัญชาการตำรวจท่องเที่ยว บริเวณลานศูนย์การค้าเซ็นทรัลเวิลด์ ถนนพระราม 1 แขวงปทุมวัน เขตปทุมวัน กรุงเทพมหานคร พิธีจัดขึ้นโดยมี นายสรสงงศ์ เทียนทอง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา เป็นประธานในพิธี และมีหน่วยงานเข้าร่วมพิธีปล่อยแถว เช่น ....

พิธีปล่อยแถวสร้างความเชื่อมั่นด้านความปลอดภัยของการท่องเที่ยวเทศกาลส่งท้ายปีเก่าต้อนรับปีใหม่ 2568 (Happy New Year 2025) จัดขึ้นเพื่อเเสดงให้เห็นถึงความพร้อม ของสำนักงานตำรวจเเห่งชาติและหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ที่สามารถดูแลความปลอดภัยให้กับประชาชน และนักท่องเที่ยวในช่วงหยุดยาวปีใหม่ที่จะถึงนี้ กองบังคับการตรวจคนเข้าเมืองได้มีการบูรณาการร่วมกับเจ้าหน้าที่ตำรวจกองบังคับการตำรวจท่องเที่ยว 1 และเจ้าหน้าที่ตำรวจกองบังคับการตรวจนครบาล 1 – 9 โดยจัดเจ้าหน้าที่ฝ่ายสืบสวนสืบสวนหาข่าว และเจ้าหน้าชุดเคลื่อนที่เร็วใช้รถยนต์ไฟฟ้าตรวจการณ์อัจฉริยะ (SMART PATROL CAR : SPC)ออกสืบสวนหาข่าวและตรวจพื้นที่บริเวณสถานที่จัดงานและในพื้นที่ที่มีนักท่องเที่ยวหนาแน่น

ทั้งนี้ สำนักงานตรวจคนเข้าเมือง ได้สั่งการให้หน่วยงานในสังกัดดำเนินการระดมกวาดล้างอาชญากรรมช่วงวันคริสต์มาส และวันหยุดยาวเทศกาลปีใหม่ 2568 ช่วงก่อนควบคุมเข้มข้น ระหว่างวันที่ 17 – 23 ธันวาคม 2567 (7 วัน) และช่วงควบคุมเข้มข้น ระหว่างวันที่ 27 ธ.ค.2567 – 2 มกราคม 2568 (7 วัน) โดยกำหนดเป้าหมายในการระดมกวาดล้าง เช่น
1. เพิ่มความเข้มในการตรวจสอบบุคคลและหนังสือเดินทางหรือเอกสารใช้แทนหนังสือเดินทาง ที่เดินทางเข้าออกประเทศ หรือมายื่นคำร้องขออยู่ต่อในราชอาณาจักร เป็นการชั่วคราวด้วยความระเอียดรอบคอบ โดยเฉพาะกลุ่มบุคคลที่ต้องเฝ้าระวังเป็นพิเศษ มีพฤติกรรมน่าสงสัย หรือเป็นบุคคลไม่พึงปรารถนาให้เข้ามาในราชอาณาจักรหรือเป็นบุคคลต้องห้ามตามมาตรา 12 แห่ง พ.ร.บ.คนเข้าเมือง พ.ศ.2522
2. เตรียมความพร้อมด้านกำลังพล อุปกรณ์และยานพาหนะ เพื่อสนับสนุนการปฏิบัติของหน่วยงานตำรวจท้องที่ หรือหน่วยงานที่เกี่ยวข้องด้านความมั่นคงเมื่อได้รับการร้องขอ พร้อมทั้งจัดทำแผนเผชิญเหตุตามมาตรฐานการปฏิบัติ (SOP)
3. เพิ่มความเข้าในการสืบสวน ปราบปราม และจับกุมผู้กระทำความผิดตามกฎหมายว่าด้วยคนเข้าเมือง เช่น นำพาคนต่างด้าวเข้ามาในราชอาณาจักร หลบหนีเข้าเมือง ช่วยเหลือซ่อนเร้นคนต่างด้าวให้พ้นการจับกุม อยู่ในราชอาณาจักรโดยการอนุญาตสิ้นสุด (OVER STAY) หากพบการกระทำความผิดให้ดำเนินการตามกฎหมายโดยเคร่งครัด

สำนักงานตำรวจแห่งชาติมอบของขวัญปีใหม่ 2568 “สร้างความเชื่อมั่นในความปลอดภัยต่อชีวิตและทรัพย์สินของประชาชน”แถลงผลการระดมกวาดล้างในช่วงวันคริสต์มาส และเทศกาลปีใหม่ 2568 

ตามนโยบายรัฐบาลที่ตระหนักและให้ความสำคัญในการป้องกันปราบปรามอาชญากรรม การรักษาความสงบเรียบร้อย ตลอดจนการป้องกันและลดอุบัติเหตุทางถนน และอำนวยความสะดวกการจราจรให้แก่ประชาชน ควบคู่ไปกับการกระตุ้นเศรษฐกิจและการท่องเที่ยว โดยมุ่งหวังให้สำนักงานตำรวจแห่งชาติมีส่วนสำคัญในการขับเคลื่อนการดำเนินการดังกล่าว ซึ่งสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ภายใต้การนำของ พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ พันธุ์เพ็ชร์ ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ได้นำนโยบายรัฐบาลมาสู่การปฏิบัติ โดยได้มอบหมายให้ พล.ต.อ.ประจวบ วงศ์สุข รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ขับเคลื่อนการปฏิบัติให้บรรลุผลสำเร็จอย่างมีประสิทธิภาพ

(24 ธ.ค. 67) เวลา 13.30 น. พล.ต.อ.ประจวบ วงศ์สุข รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ เป็นประธานการประชุมมาตรการป้องกันปราบปรามอาชญากรรม และผลการระดมกวาดล้างก่อนวันคริสต์มาสและเทศกาลปีใหม่ 2568 โดยมีผู้แทนกองบัญชาการตำรวจนครบาล , ตำรวจภูธรภาค 1-9 , กองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง , กองบัญชาการตำรวจปราบปรามยาเสพติด , กองบัญชาการตำรวจสันติบาล , สำนักงานตรวจคนเข้าเมือง , กองบัญชาการตำรวจสืบสวนสอบสวนอาชญากรรมทางเทคโนโลยี , กองบัญชาการตำรวจท่องเที่ยว , กองบัญชาการตำรวจตระเวนชายแดน  ฯลฯ เข้าร่วมประชุม ณ ห้องประชุมพระพุทธประทานยศบารมี ตำรวจภูธรภาค 5 ซึ่งในภาพรวมการจัดงานทั่วประเทศ มีจำนวน 695 แห่ง แบ่งเป็น กรุงเทพมหานคร 258 แห่ง และจังหวัดอื่น ๆ 437 แห่ง โดยแบ่งเป็นพื้นที่การจัดงานขนาดใหญ่ 47 แห่ง และได้เตรียมพร้อมกำลังเจ้าหน้าที่ตำรวจปฏิบัติหน้าที่ในพื้นที่จัดงานเฉลิมฉลองทั่วประเทศ 8,468 นาย

สำนักงานตำรวจแห่งชาติได้สั่งการให้ทุกหน่วยเพิ่มความเข้มงวดในการบังคับใช้กฎหมาย และระดมกำลังเจ้าหน้าที่ตำรวจทั่วประเทศร่วมกันกวาดล้างอาชญากรรมทุกประเภท ในห้วงวันที่ 17 - 23 ธันวาคม 2567 มีผลการดำเนินการ ดังนี้

1. อาชญากรรมทั่วไป รวมจับกุม 36,609 คดี ผู้ต้องหา 37,574 คน ตรวจยึด/อายัดทรัพย์สินในคดี 114,225,749 บาท
- ความผิดเกี่ยวกับการพนัน ยาเสพติด พ.ร.บ.คนเข้าเมืองฯ และสถานบริการ รวมจับกุม 31,036 คดี ผู้ต้องหา 32,172 คน มูลค่าตรวจยึด/อายัดทรัพย์สินในคดี 103,490,764 บาท / ในส่วนคดียาเสพติด จับกุมได้ 10,465 คดี ผู้ต้องหา 10,461 คน ตรวจยึดยาเสพติดของกลาง ยาบ้า 10,833,177 เม็ด ยาไอซ์ 8,209.51 กรัม เคตามีน 620.59 กรัม เฮโรอีน 81.3 กิโลกรัม ฝิ่น 3,428 กรัม ยาอี 273 เม็ด โคเคน 213 กรัม กัญชา 18.16 กิโลกรัม น้ำกระท่อม 44,000 มิลลิลิตร 

- ความผิดเกี่ยวกับอาวุธปืน รวมจับกุม 1,664 คดี ผู้ต้องหา 1,595 คน ของกลางอาวุธปืนสงคราม 10 กระบอก อาวุธปืนไม่มีทะเบียน 1,062 กระบอก อาวุธปืนมีทะเบียน 345 กระบอก วัตถุระเบิด 1,075 ลูก พลุ/ดอกไม้ไฟ 248 ดอก เครื่องกระสุนปืน 7,618 นัด มูลค่า 5,574,133 บาท

- จับกุมบุคคลตามหมายจับ รวม 3,909 หมายจับ ผู้ต้องหา 3,807 คน

2. อาชญากรรมทางเทคโนโลยี 
- ความผิดเกี่ยวกับการหลอกลวงออนไลน์ด้านการเงิน หลอกลวงจำหน่ายสินค้าออนไลน์และสินค้าผิดกฎหมาย เผยแพร่ข่าวปลอม ล่วงละเมิดทางเพศต่อเด็ก และพนันออนไลน์ รวมจับกุม 3,519 คดี ผู้ต้องหา 3,490 คน มูลค่าตรวจยึด/อายัดทรัพย์สินในคดี 712,266,009 บาท      

- ความผิดตาม พ.ร.ก.มาตรการป้องกันและปราบปรามอาชญากรรมทางเทคโนโลยี พ.ศ.2566 (บัญชีม้า ซิมม้า) รวมจับกุม 447 คดี ผู้ต้องหา 427 คน มูลค่าตรวจยึด/อายัดทรัพย์สินในคดี 284,940 บาท 

พร้อมกันนี้ได้วาง 10 มาตรการป้องกันปราบปรามอาชญากรรมและการก่อเหตุความไม่สงบในพื้นที่ในช่วงวันคริสต์มาสและเทศกาลปีใหม่ 2568 ได้แก่ ระดมกวาดล้างอาชญากรรมก่อนถึงกำหนดการจัดงานตามเทศกาล สืบสวนหาข่าว เฝ้าระวังการลักลอบขนย้ายและการจำหน่ายยาเสพติดให้กับนักท่องเที่ยวในแหล่งท่องเที่ยวหรือสถานที่จัดงาน เฝ้าระวังการเดินทางเข้า-ออกราชอาณาจักรของบุคคลกลุ่มเสี่ยง รักษาความปลอดภัยและอำนวยความสะดวกนักท่องเที่ยว ตลอดจนการดำเนินโครงการ “ร่วมใจดูแลความปลอดภัยบ้านประชาชนช่วงเทศกาลสำคัญ” (ฝากบ้าน 4.0) ระหว่างวันที่ 21 ธันวาคม 2567 ถึง 2 มกราคม 2568 และแสวงหาความร่วมมือจากภาคประชาชน 

อีกทั้งยังได้วาง 3 มาตรการบังคับใช้กฎหมายและอำนวยความสะดวกด้านการจราจร เช่น ลดจำนวนการเกิดอุบัติเหตุไม่น้อยกว่าร้อยละ 5 และเพิ่มความเข้มในการบังคับใช้กฎหมาย มุ่งเน้นลดอุบัติเหตุทางถนน ตามมาตรการ 10 ข้อหาหลัก โดยเฉพาะข้อหาเมาแล้วขับ นอกจากนี้ ยังได้กำหนดให้กองบัญชาการตำรวจนครบาล และตำรวจภูธรภาค 1 – 9 ดำเนินการปล่อยแถวป้องกันปราบปรามอาชญากรรม รักษาความสงบเรียบร้อย การบังคับใช้กฎหมายและอำนวยความสะดวกด้านการจราจร ในช่วงวันคริสต์มาสและเทศกาลปีใหม่ 2568 พร้อมกันทั่วประเทศ 71 จุด โดย พล.ต.อ.ประจวบฯ เป็นประธานพิธีปล่อยแถวป้องกันปราบปรามอาชญากรรม ที่บริเวณลานอนุสาวรีย์สามกษัตริย์ อ.เมืองเชียงใหม่ จ.เชียงใหม่ โดยมีผู้แทนหน่วยงานความมั่นคง หน่วยงานภาครัฐ องค์กรส่วนท้องถิ่น อาสาสมัคร มูลนิธิ และภาคประชาสังคมในพื้นที่ เข้าร่วมพิธีโดยพร้อมเพรียงกัน

ทั้งนี้ พล.ต.อ.ประจวบฯ กล่าวว่า วันคริสต์มาส และห้วงวันหยุดเทศกาลปีใหม่ 2568 มีประชาชนเดินทางกลับภูมิลำเนาและพักผ่อนในแต่ละภูมิภาคเป็นจำนวนมาก ตลอดจนมีนักท่องเที่ยวทั้งชาวไทยและชาวต่างชาติเดินทางมาท่องเที่ยว 

ขอให้เจ้าหน้าที่ตำรวจทุกนายตั้งใจปฏิบัติหน้าที่ พร้อมระดมสรรพกำลังป้องกันปราบปรามอาชญากรรม รักษาความสงบเรียบร้อย ป้องกันและลดอุบัติทางถนน และอำนวยการจราจรให้เป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ เกิดวามสงบเรียบร้อยในทุกพื้นที่ ส่งเสริมการท่องเที่ยวและกระตุ้นเศรษฐกิจ สร้างความเชื่อมั่นในความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สินของประชาชนและนักท่องเที่ยว เพื่อเป็นของขวัญมอบให้กับประชาชนและสังคมในช่วงเทศกาลปีใหม่ 

สวนนงนุชพัทยานำช้างซานตาคลอส ร่วมขบวนพาเหรดพร้อมมอบของขวัญคนเกิดเดือนมกราคมเข้าฟร

วันที่ (24 ธ.ค. 67)  เวลา 09.30 น. สวนนนงนุชพัทยา โดยนายกัมพล ตันสัจจา ประธานสวนนงนุชพัทยา ได้นำช้างแสนรู้แต่งกายด้วยชุดซานตาคลอส รวมทั้งนักแสดงชายหญิง แต่งกายเป็นซานตาคลอสและแซนตี้  ร่วมเดินขบวนพาเหรดต้อนรับเทศกาลคริสต์มาส  และส่งท้ายปีเก่าตอนรับปีใหม่สำหรับคนที่เกิดเดือนมกราคม ฟรีบัตรผ่านประตูตลอดเดือน

วันหยุดยาวปีนี้อย่าพลาดพาครอบครัวเที่ยวสวนนงนุชพัทยา สวนที่ติดหนึ่งในสิบสวนที่สวยที่สุดในโลก ในโฉมใหม่ที่มีการประดับตกแต่ด้วยดอกไม้นับหมื่นต้น สักการะสิ่งศักดิ์สิทธิใหม่ล่าสุด พระพิเฆศ เจ้าแม่กวนอิม พระสังกัจจายน์ เป็นต้น เพื่อเป็นสิริมงคลในช่วงเทศกาลขึ้นปีใหม่ชมสวนสวยมากกว่า 60 สวน น้องๆหนูๆพลาดไม่ได้กับความยิ่งใหญ่ของหุบเขาไดโนเสาร์ ที่มีมากกวา 1,700 ตัว

สำหรับผู้ที่เกิดเดือนมกราคมรับสิทธิ์เพียงแสดงบัตรประชาชน ส่วนโปรโมชั่นอื่นสำหรับเด็กที่มีความสูงไม่เกิน140 ซม.(ที่มากับครอบครัว) และผู้พิการเข้าฟรีทุกวัน ผู้สูงอายุ (มีอายุตั้งแต่ 60 ปีขึ้นไป)เข้าชมสวนฟรีทุกวันศุกร์ สำหรับท่านที่สนใจชมการแสดงนงนุชโชว์ และการแสดงของน้องช้างแสนรู้ มีการแสดงวันละ 4 รอบ ณ โรงละครสกาลานงนุชพัทยา  สวนนงนุชพัทยาเปิดให้บริการทุกวันตั้งแต่ เวลา 08.00-18.00 น. สามารถสอบถามรายละเอียด เพิ่มเติมได้ที่ www.nongnoochpattaya.com

กมธ.การเทคโนโลยีสารสนเทศ การสื่อสาร และการโทรคมนาคม วุฒิสภาประชุมหารือและแลกเปลี่ยนความคิดเห็นร่วมกับรัฐมนตรีว่าการกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม 

กมธ.การเทคโนโลยีสารสนเทศ การสื่อสาร และการโทรคมนาคม วุฒิสภา เดินทางไปราชการเพื่อประชุมหารือและแลกเปลี่ยนความคิดเห็นร่วมกับรัฐมนตรีว่าการกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม ผู้บริหาร และผู้แทนของหน่วยงานในกำกับของกระทรวง

เมื่อวานนี้ (23 ธ.ค.67) เวลา 13.30 นาฬิกา ณ ห้องประชุม 801 ชั้น 8 คณะกรรมาธิการการเทคโนโลยีสารสนเทศ การสื่อสาร และการโทรคมนาคม วุฒิสภา โดยนายนิเวศ พันธ์เจริญวรกุล ประธานคณะกรรมาธิการ และคณะ เข้าร่วมประชุมหารือและแลกเปลี่ยนความคิดเห็นร่วมกับรัฐมนตรีว่าการกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม 

โดยมีนายประเสริฐ จันทรรวงทอง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม และคณะผู้บริหาร ให้การต้อนรับ

ซึ่งได้หารือและให้ความคิดเห็นในประเด็นที่สำคัญ ได้แก่ การพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานดิจิทัล ความปลอดภัยทางไซเบอร์ (Cybersecurity) เศรษฐกิจดิจิทัล (Digital Economy) การคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล (Privacy Protection) การศึกษาด้านเทคโนโลยีดิจิทัล การจัดการกับข่าวปลอมและเนื้อหาอันตราย ตลอดจนปัญหาและอุปสรรคที่ควรเร่งดำเนินการแก้ไข

ทั้งนี้ การประชุมรับฟังความคิดเห็นร่วมกันในครั้งนี้ ทำให้เกิดการแลกเปลี่ยนมุมมอง ข้อคิดเห็นอันเป็นประโยชน์ต่อการขับเคลื่อนและพัฒนาด้านดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม เพื่อสนองต่อความต้องการของประชาชนและส่งเสริมความก้าวหน้าของประเทศไทยในยุคดิจิทัลต่อไป


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top