Sunday, 22 June 2025
NEWS FEED

รองประธานวุฒิสภา คนที่หนึ่ง ร่วมงานเลี้ยงอาหารกลางวันตามคำเชิญของเอกอัครราชทูตสมาพันธรัฐสวิสประจำประเทศไทย

 

เมื่อวันที่ (18 ธ.ค.67) เวลา 12.00 นาฬิกา ณ ทำเนียบเอกอัครราชทูตสมาพันธรัฐสวิสประจำประเทศไทย พลเอก เกรียงไกร ศรีรักษ์ รองประธานวุฒิสภา คนที่หนึ่ง เข้าร่วมงานเลี้ยงอาหารกลางวันตามคำเชิญของนายเปโดร สวาห์เลน (H.E Mr. Pedro Zwahlen) เอกอัครราชทูตสมาพันธรัฐสวิสประจำประเทศไทย เพื่อแลกเปลี่ยนประสบการณ์และข้อคิดเห็นประเด็นการเรียนการสอนภาษาท้องถิ่นในภาคใต้และกลุ่มวัฒนธรรมที่หลากหลายของไทย กับการจัดการศึกษาแบบ

พหุภาษาโดยใช้ภาษาแม่เป็นฐานของสวิตเซอร์แลนด์ รวมถึงการแลกเปลี่ยนเรียนรู้วัฒนธรรมผ่านภาษาท้องถิ่นควบคู่กับหลักแนวคิดทางความเชื่อและศาสนาที่แตกต่างกัน ในโอกาสนี้ นายวรวิทย์ บารู สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร ในฐานะตัวแทนประธานสภาผู้แทนราษฎร เข้าร่วมรับประทานอาหารกลางวันและแลกเปลี่ยนความคิดเห็นด้วย

สวนนงนุชพัทยาต้อนรับปีใหม่ ร่วมกับชมรมลิ้นมังกรประเทศไทยทำพิธีเปิดแหล่งเรียนรู้แห่งใหม่ ณ สวนลอยฟ้า 

(19 ธ.ค.67) นายกัมพล ตันสัจจา ประธานสวนนงนุชพัทยา ร่วมกับนายบรรลือ ลดหวั่น ประธานชมรม นายปราโมทย์ โรจน์เรืองแสง รองประธานชมรมผู้ปลูกเลี้ยงลิ้นมังกรประเทศไทย และคณะ ร่วมกันทำพิธีเปิดแหล่งเรียนรู้ใหม่ในเรื่องของต้นลิ้นมังกร ภายในสวนลอยฟ้า เป็นการเก็บรวบรวมต้นลิ้นมังกรจากทั่วทุกมุมโลกและสายพันธุ์ใหม่ๆ เพื่อการศึกษาหาความรู้สำหรับผู้ที่สนใจ       

ปัจจุบันสภาพอากาศมีปัญหาฝุ่นละอองมีแนวโน้มสูงขึ้น ทำให้มีผลกระทบทางด้านสุขภาพ ทางสวนนงนุชพัทยาจึงให้ความสำคัญกับต้นไม้ทุกชนิดที่จะช่วยลดมลพิษและสภาวะโลกร้อน จากงานวิจัยของนาซ่า เคยศึกษาเรื่องอากาศสะอาดพบว่า ลิ้นมังกร (D. trifasciata) มีศักยภาพในการกรองอากาศภายในอาคารโดยขจัดสารพิษหลัก 4 ใน 5 ชนิดที่เกี่ยวข้องกับอาการป่วยโรคตึกเป็นพิษ SBS (sick building syndrome)[12] โดยเฉพาะถ้าวางไว้ในห้องนอนจะปล่อยออกซิเจนในเวลากลางคืน ช่วยให้หายใจได้ดีขึ้นขณะนอนหลับ  

ทางสวนนงนุชพัทยา ขอขอบคุณชมรมลิ้นมังกรประเทศไทย ที่จัดหาสายพันธุ์แปลก และใหม่ที่สุดในโลกมาให้ศึกษาเรียนรู้  นับว่าเป็นสิ่งที่หาดูได้ยากในปัจจุบัน นอกจากนี้สวนนงนุชพัทยายังมีพันธุ์ไม้มากกว่า18,000 ชนิด มาประดับตกแต่งเป็นสวนสวยต่างๆมากกว่า 60สวนเพื่อต้อนรับนักท่องเที่ยวชาวไทยและชาวต่างชาติได้เที่ยวชมทุกวัน

‘หมอยง’ เผยโนโรไวรัส ระบาดทุกปีในฤดูหนาว ชี้! ข่าวระบาดใหญ่เป็นเรื่องเก่าไม่ควรตื่นตระหนก

(19 ธ.ค. 67) ศ.นพ.ยง เผยผลศึกษาระบาดวิทยา โนโรไวรัส 10 ปี พบมากปี 2017 ระบาดพร้อม ไวรัสโรต้า ย้ำ! ไม่ใช่โรคใหม่ เผยปมข่าวระบาดใหญ่เรื่องเก่า ไม่ควรตื่นตระหนกจนเกินไป

วันที่ 19 ธ.ค. 2567 ศ.นพ.ยง ภู่วรวรรณ ราชบัณฑิต สำนักวิทยาศาสตร์ ศูนย์เชี่ยวชาญเฉพาะทางด้านไวรัสวิทยาคลินิก คณะแพทยศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย โพสต์เฟซบุ๊กถึง โนโรไวรัส ระบาดวิทยาในประเทศไทย ว่า ศูนย์เชี่ยวชาญเฉพาะทางด้านไวรัสวิทยาคลินิก คณะแพทยศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ได้ทำการศึกษาระบาดวิทยา ของโนโรไวรัสมาเป็นเวลายาวนานกว่า 10 ปี โดยมีการจำแนกสายพันธุ์อย่างละเอียด พบว่าสายพันธุ์ที่ระบาดมีความหลากหลายมาก

โรคนี้จะพบมากในฤดูหนาว จะเห็นว่าในช่วงโควิด 19  ที่มีการล็อกดาวน์ มีการปิดโรงเรียน เป็นช่วงที่ไม่พบการระบาดของโนโรไวรัส เรามีการเข้มงวดในการ กินร้อน ช้อนกลาง ล้างมือ เรามีการสอนการล้างมือ 5 ขั้นตอน แต่เมื่อหลังโควิด 19  จะเห็นได้ชัดว่ามีการระบาดของโนโรไวรัสเกิดขึ้น เหมือนก่อนยุคของโควิด 19 ระบาด ดังแสดงในรูปแสดงให้เห็นการศึกษาระยะยาวกว่า 10 ปี ดังแสดงในรูป

การระบาดใหญ่ของโนโรไวรัสในเด็กนักเรียน และผู้ใหญ่พบมากในปี 2017 ในปีนั้นมีการระบาดพร้อมกับไวรัสโรต้า แต่การระบาดในปีนี้พบโรตาไวรัสน้อยมาก เพราะเรามีวัคซีนให้กับเด็กเล็ก จึงทำให้พบโรคลดน้อยลงอย่างมาก แต่โนโรไวรัสไม่ได้ลดลง

สิ่งสำคัญขณะนี้ จะอยู่ที่เด็กหรือบุคคลที่อยู่รวมกันหมู่มาก เช่น ในโรงเรียน โรงงาน จะต้องมีมาตรการในการควบคุมป้องกันไม่ให้เกิดการระบาด เพราะจะทำให้เด็กเสียเวลาเรียน และโรงงานก็จะเสียผลผลิตได้

มีการเผยแพร่ในออนไลน์ ในสื่อสังคมกันมาก ว่ามีการระบาดหนักในโรงเรียน น่าจะเป็นข่าวเก่า ที่มีการระบาดเมื่อต้นเดือนพฤศจิกายน การให้ข้อมูลทางสื่อออนไลน์ น่าจะมีการลงวันที่ ถ้าไม่เช่นนั้นก็จะมีการ วนมาส่งใหม่ทำให้เข้าใจผิด คิดว่ากำลังระบาด โดยเฉพาะเอามาผสมกับการระบาดที่ประเทศจีน แต่อย่างไรก็ตาม ในทุกฤดูหนาว โรคนี้จะพบได้เพิ่มขึ้น เช่นเดียวกับโรต้าไวรัส เป็นการพบเพิ่มขึ้นในทุกปี ไม่ควรตื่นตระหนกจนเกินไป

ผบ.ทรภ.1 ตรวจเยี่ยมหน่วย พื้นที่ทางทะเลฝั่งตะวันออก "ต้องมั่นคงปลอดภัย"

เมื่อวันที่ (18 ต.ค 67) พลเรือโท อาภา ชพานนท์ ผู้บัญชาการทัพเรือภาคที่ 1 (ผบ.ทรภ.1) อ.สัตหีบ จ.ชลบุรี เดินทางมาตรวจเยี่ยม ฐานส่งกำลังบำรุงทหารเรือตราด ทัพเรือภาค 1 หมวดเรือลาดตระเวนชายเเดนทัพเรือภาคที่ 1 (มชด/1) และศูนย์รักษาความปลอดภัยทางทะเล กองทัพเรือ เกาะช้าง (ศรภ.ทร. เกาะช้าง) จังหวัดตราด ซึ่งเป็นพื้นที่ทางทะเลสุดเขตตะวันออกของไทย ที่อยู่ในความรับผิดชอบของทัพเรือภาคที่ 1 เพื่อรับทราบถึง ปัญหาอุปสรรค ข้อขัดข้อง และข้อเสนอแนะ ตลอดจน ได้เน้นย้ำถึงเป้าหมายสำคัญในการปฏิบัติงาน โดยมีเนื้อหาสำคัญที่ได้มอบไว้ให้กับกำลังพลทั้ง 3 หน่วย ได้แก่ “การปฏิบัติหน้าที่ในภารกิจต่าง ๆ ต้องมี ขั้นตอนการปฏิบัติที่มาตรฐาน (Procedure) หรือรายการตรวจสอบขั้นตอนการปฏิบัติ (Checklist) เพื่อใช้เป็นแนวทางในการปฏิบัติงานที่เป็นมาตรฐานความปลอดภัย ตามนโยบายเร่งด่วน ปีแห่งความปลอดภัยของ กองทัพเรือ (Navy Safety 2025)

หมู่เรือลาดตระเวนชายแดน ทัพเรือภาคที่ 1 ถือได้ว่าเป็นหน่วยกำลังรบหน่วยหนึ่งของกองทัพเรือ ที่มีความสำคัญอย่างยิ่ง ในการปฏิบัติการทางเรือในพื้นที่บริเวณชายแดน ด้วยการป้องกันอธิปไตยและรักษาความมั่นคงในพื้นที่ชายแดน จังหวัดจันทบุรี และจังหวัดตราด การรักษาผลประโยชน์ของชาติทางทะเล รวมทั้งการให้ความช่วยเหลือประชาชนที่ประสบภัยพิบัติต่าง ๆ ภายในพื้นที่รับผิดชอบ
ทั้งนี้ ได้ให้แนวทางกับกำลังพลทุกนาย ให้มุ่งมั่นปฏิบัติหน้าที่และปฏิบัติตนอยู่ในระเบียบวินัยอย่างดี สร้างภาพพจน์ที่ดี สร้างความสัมพันธ์อันดีกับพี่น้องประชาชน ดั่งเป็นที่กล่าวขวัญและยอมรับ ในคุณความดี ที่ได้ปฏิบัติอยู่เสมอมา

ฐานส่งกำลังบำรุงทหารเรือตราด ทัพเรือภาค 1
หมวดเรือลาดตระเวนชายเเดนทัพเรือภาคที่ 1 (มชด/1) และศูนย์รักษาความปลอดภัยทางทะเล กองทัพเรือ เกาะช้าง (ศรภ.ทร. เกาะช้าง) นับเป็น “พื้นที่ทางทะเลสุดเขตตะวันออกของไทย    พื้นที่หนึ่ง ในพื้นทางทะเล ที่มีความสำคัญต่อความมั่นคงของประเทศไทย เป็นพื้นที่ที่มีความเกี่ยวเนื่องกับอาณาเขตทางทะเลของประเทศไทย ซึ่งกองทัพเรือ มีหน่วยงานที่ดูแลความมั่นคง ความปลอดภัยและช่วยเหลือพี่น้องประชาชน อยู่ในพื้นที่

ดังนั้น ความพร้อมของหน่วยภายใต้ ทัพเรือภาคที่ 1 คือส่วนสำคัญในการเป็นหน่วยสนับสนุนและปฏิบัติการ ให้บรรลุถึงความสำเร็จตามภารกิจที่กองทัพเรือ มอบหมาย

นิราช/นันทพล ทิพย์ศรี ก012 ชลบุรี 0909535645

เพจดังเผย Norovirus ระบาดทุกปีเป็นปกติ ไม่ใช่โรคใหม่

(18 ธ.ค.67) จากกรณีที่มีข่าวพบการระบาดของเชื้อโนโรไวรัส (Norovirus) ในจังหวัดภูเก็ตจนทำให้มีผู้ป่วยจำนวนมาก เป็นเหตุให้เกิดความตื่นตระหนก เนื่องจากไวรัสดังกล่าวเคยเป็นประเด็นที่เกิดการระบาดในประเทศจีน

ล่าสุดเพจ 'อ้ายจง' ซึ่งนำเสนอข่าวสารเกี่ยวกับประเทศจีน ได้โพสต์ข้อมูลที่ระบุว่า Norovirus เป็นโรคที่ระบาดในจีนทุกปี โดยเฉพาะในช่วงฤดูหนาวระหว่างเดือนพฤศจิกายนถึงมีนาคม

นอกจากนี้ ยังมีรายงานจากสื่อท้องถิ่นในปีที่ผ่านมา ที่กล่าวถึงการระบาดของไวรัสดังกล่าวที่เกิดขึ้นเป็นระยะ ๆ ซึ่งทำให้เห็นว่าโรคโนโรไวรัสไม่ใช่โรคใหม่ที่เพิ่งเกิดขึ้นในปี 2024 นี้

ข้อมูลเพิ่มเติมจากการโพสต์ของเพจ 'อ้ายจง' ระบุเพิ่มเติมว่า  งานวิจัยเกี่ยวกับการระบาดของ Norovirus ในจีนช่วงปี 2016-2018 (ก่อนการระบาดของโควิด-19) พบว่า การระบาดมักเกิดในสถานรับเลี้ยงเด็ก โรงเรียน และสถานศึกษาเกือบ 80% ซึ่งส่วนใหญ่เกิดจากการติดต่อระหว่างบุคคล

ข่าวการปิดโรงเรียนหรือสถานศึกษาชั่วคราวเนื่องจากการระบาดของโรคนี้เกิดขึ้นเป็นประจำในจีนทุกปี ซึ่งไม่ได้เกิดขึ้นเฉพาะในปี 2024

ตามรายงานของโกลบอลไทม์ สื่อของทางการจีน ในปี 2020 ช่วงปลายปีที่มีการระบาดของโควิด-19 ก็ยังมีข่าวโรงเรียนในหลายพื้นที่ของจีน เช่น ฝูเจี้ยน โดยเฉพาะโรงเรียนอนุบาล ต้องหยุดเรียนชั่วคราวเนื่องจากมีเด็กติดเชื้อหลายสิบคน

ในปี 2019 ก่อนการระบาดของโควิด-19 จีนได้อนุมัติการทดลองทางคลินิกสำหรับวัคซีนป้องกันโนโรไวรัส โดยคาดว่าจะใช้เวลา 5 ปีในการทดสอบความปลอดภัยและประสิทธิผลก่อนที่จะสามารถยื่นขอขึ้นทะเบียนยา

โรคโนโรไวรัสไม่เพียงแต่ระบาดในกลุ่มเด็ก แต่ยังสามารถติดเชื้อในกลุ่มผู้ใหญ่ได้เช่นกัน โดยมีอาการอาเจียน ท้องเสีย ไข้ ปวดท้อง อ่อนเพลีย ตัวอย่างเช่นในช่วงต้นเดือนพฤษภาคม 2024 ที่ผ่านมา พบว่าศิษย์เก่าของมหาวิทยาลัยชิงฮว๋า หลายคนติดเชื้อหลังเข้าร่วมงานเลี้ยงครบรอบมหาวิทยาลัย ซึ่งตรวจสอบแล้วพบว่าอาหารและสภาพแวดล้อมของร้านอาหารมีเชื้อโนโรไวรัสปนเปื้อน

สำหรับในประเทศไทย ข้อมูลที่ตรวจสอบพบว่าเชื้อโนโรไวรัสมีการระบาดทุกปี โดยเฉพาะในกลุ่มนักเรียนและเด็กเล็ก

‘กรมอนามัย’ เผยมาตรการเฝ้าระวัง ‘โนโรไวรัส’ หลังพบการติดเชื้อใน จ.ระยอง กว่า 1,400 ราย

กรมอนามัย เผยมาตรการเฝ้าระวัง โนโรไวรัส หลังระบาดในสัปดาห์กีฬาสี รร. อ.แกลง จ.ระยอง นักเรียน ครู บุคลากร ติดเชื้อ 1,436 ราย ชี้ต้องตรวจประเมินคุณภาพน้ำดื่ม น้ำใช้ แนะล้างมือด้วยน้ำสะอาด สบู่ ก่อนและหลังทำกิจกรรมในชีวิตประจำวัน

เมื่อวันที่ (16 ธ.ค.67) นพ.ธิติ แสวงธรรม รองอธิบดีกรมอนามัย เปิดเผยถึงกรณีเกิดการระบาดของโรคอุจจาระร่วงของนักเรียน ครู และบุคลากร 2 โรงเรียน ในอำเภอแกลง จังหวัดระยอง พบผู้ป่วยรวม 1,436 ราย เป็นนักเรียน 1,418 ราย ครูและบุคลากร 18 ราย อันเกิดจากการติดเชื้อโนโรไวรัสที่ปนเปื้อนมากับ 'น้ำและน้ำแข็ง' ที่บริโภคในช่วงสัปดาห์ของการจัดกิจกรรมกีฬาสี โดยโนโรไวรัส (Norovirus) มักจะแพร่ระบาดในกลุ่มเด็กที่มีภูมิต้านทานน้อยกว่าผู้ใหญ่ โดยเฉพาะในช่วงฤดูหนาว พบบ่อยตามโรงเรียน ภัตตาคาร โรงพยาบาล สถานที่เลี้ยงเด็ก รวมไปถึงรถหรือเรือท่องเที่ยว

โนไวรัสเป็นโรคติดต่อจากคนสู่คน สามารถติดต่อได้ง่าย จากการสัมผัสทางอาหาร น้ำดื่ม อากาศ การสัมผัส และการหายใจ เช่น การสัมผัสผู้ป่วยที่ติดเชื้อโนโรไวรัสโดยตรง การสัมผัสสิ่งของที่มีเชื้อโนโรไวรัส รวมถึงสภาพแวดล้อมไม่ถูกหลักสุขาภิบาล โดยโนโรไวรัสมีระยะฟักตัวสั้น 12-48 ชั่วโมงหลังการรับเชื้อ อาการที่พบส่วนใหญ่ผู้ป่วยมักมีอาการคลื่นไส้อาเจียนรุนแรง ปวดมวนท้อง ท้องเสีย มีไข้ต่ำ ๆ อ่อนเพลีย ปวดศีรษะและปวดเมื่อยตามร่างกาย อาการรุนแรงในเด็กเล็กและผู้สูงอายุ บางรายอาจทำให้มีอาการขาดน้ำ จึงควรดื่มน้ำเกลือแร่ เพื่อทดแทนการเสียน้ำและเกลือแร่

ประชาชนควรมีมาตรการในการป้องกันตนเองจากโรโนไวรัสตามคำแนะนำ ดังนี้
- รับประทานอาหารที่ปรุงสุกใหม่ ใช้ช้อนกลาง
- ล้างผักและผลไม้ให้สะอาด
- ล้างมือด้วยน้ำสะอาดและสบู่ก่อนและหลังทำกิจกรรมในชีวิตประจำวัน
- หลีกเลี่ยงดื่มน้ำที่ไม่สะอาด และหลีกเลี่ยงการสัมผัสน้ำที่ไม่สะอาด

ส่วนหน่วยงานและสถานประกอบกิจการควรมีมาตรการควบคุมป้องกัน ดังนี้
- การเติมคลอรีนในถังพักน้ำดื่มและน้ำใช้
- การตรวจประเมินคุณภาพน้ำใช้ น้ำดื่มอย่างต่อเนื่อง
- จัดให้มีจุดล้างมือพร้อมสบู่หรือเจลแอลกอฮอล์ที่เพียงพอ
- การให้ความรู้ในการดูแลสุขภาพและส่งเสริมพฤติกรรมอนามัยส่วนบุคคลที่ดีสำหรับการป้องกันโรค

ผบ.ตร.แสดงความเสียใจ สดุดีตำรวจกล้า ผบ.หมู่ สภ.เมืองกำแพงเพชร ที่เสียชีวิตถูกรถชนขณะปฏิบัติหน้าที่ตั้งจุดสกัดจับขบวนการขนแรงงานต่างด้าว สั่งจัดพิธีให้สมเกียรติ ดูแลสิทธิประโยชน์อย่างเต็มที่ พร้อมให้ถอดบทเรียนเพิ่มประสิทธิภาพการตั้งด่านตรวจ 

(18 ธ.ค.67) พล.ต.ท.อาชยน ไกรทอง โฆษกสำนักงานตำรวจแห่งชาติ กล่าวถึงกรณีรถขบวนการขนย้ายแรงงงานต่างด้าวชนเจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.เมืองกำแพงเพชร เสียชีวิตขณะตั้งด่าน ว่า ได้รับรายงานจาก สภ.เมืองกำแพงเพชร ก่อนเกิดเหตุตำรวจได้รับแจ้งจากสายลับ ว่าจะมีขบวนการลักลอบขนย้ายแรงงานต่างด้าวจาก อ.วังเจ้า จ.ตาก ผ่านพื้นที่ จ.กำแพงเพชร บริเวณพื้นที่ ต.นาบ่อคำ อ.เมือง จ.กำแพงเพชร จึงวางแผนจับกุม

โดยเมื่อวันที่ 17 ธันวาคม 2567 เวลาประมาณ 23.30 น. ขณะตำรวจได้ตั้งจุดสกัดจับกุม บริเวณบนถนนหลวง 1116 (สายรอง) วังเจ้า - กำแพงเพชร หน้าอนามัยนาบ่อคำ บ้านหนองปิ้งไก่ ต.นาบ่อคำ อ.เมือง จ.กำแพงเพชร พร้อมใช้อุปกรณ์สกัดเจาะยางรถยนต์ไว้บนถนนในช่องทางการจราจรที่เปิดไว้ มีเจ้าหน้าที่ตำรวจสายตรวจใช้ไฟฉายส่องให้สัญญาณเพื่อให้รถหยุด ได้มีรถคนร้ายขนแรงงานต่างด้าวตามที่ได้รับแจ้งผ่านมา โดยรถ 2 คันแรกได้เร่งความเร็วเข้าด่านแต่ถูกอุปกรณ์สกัดเจาะยางรถยนต์วางอยู่ ทำให้ล้อหน้าทั้งสองข้างยางรั่วไม่สามารถไปต่อได้ ส่วนคันที่ 3 มีนายทรงพลฯ เป็นคนขับ ไม่ยอมหยุดรถ แต่กลับพุ่งชนรถตำรวจที่จอดอยู่อย่างจัง ทำให้ตำรวจที่อยู่บริเวณดังกล่าวต้องกระโดดหลบด้วยความรวดเร็ว แต่ปรากฏว่าด้านท้ายของรถได้ฟาดร่างของ ส.ต.ท.ณัฐวัฒน์ ภวัตรัชต์พงษ์ ผบ.หมู่(ป.) สภ.เมืองกำแพงเพชร ที่ยืนปฏิบัติหน้าที่ กระเด็นไปฟาดกับเสาไฟส่องสว่างข้างทาง เสียชีวิตคาที่ และทำให้ ส.ต.ท.บุญญฤทธิ์ แก้วจาเครือ ผบ.หมู่(ป.) สภ.เมืองกำแพงเพชร ได้รับบาดเจ็บบริเวณหัวเข่า มีทรัพย์สินราชการเสียหายเป็นรถยนต์สายตรวจ 1 คัน หลังเกิดเหตุสามารถจับกุมผู้ต้องหาขับขี่รถยนต์นำพาคนต่างด้าวหลบหนีเข้าเมืองจำนวน 3 คน และผู้ต้องหาสัญชาติเมียนมา เป็นบุคคลต่างด้าวหลบหนีเข้าเมือง 19 คน พร้อมของกลางรถยนต์กระบะ 3 คัน

ส่วนทางคดี พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ พันธุ์เพ็ชร์ ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (ผบ.ตร.) หลังทราบเรื่องสั่งการให้ พล.ต.ท.กิติศักดิ์ ดุรงควิบูลย์ ผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 6 และ พล.ต.ต.โอภาส คงเมือง ผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดกำแพงเพชร ลงควบคุมคดี สอบสวนคดีด้วยตนเอง 

นอกจากนี้ โฆษก ตร. กล่าวว่า ผบ.ตร.ขอแสดงความเสียใจต่อครอบครัวของ ส.ต.ท.ณัฐวัฒน์ ภวัตรัชต์พงษ์ ผบ.หมู่(ป.) สภ.เมืองกำแพงเพชร ที่เสียชีวิตขณะปฏิบัติหน้าที่ นับเป็นการสูญเสียตำรวจน้ำดีของสำนักงานตำรวจแห่งชาติ พร้อมขอยกย่องสดุดี 'ส.ต.ท.ณัฐวัฒน์ฯ' เป็นตำรวจกล้า ที่ทำหน้าที่ 'ผู้พิทักษ์สันติราษฎร์' ทุ่มเท อย่างเต็มกำลังความสามารถ ไม่หวาดหวั่น จนวาระสุดท้ายของชีวิต โดยสั่งการให้ สั่งการให้ตำรวจภูธรภาค 6 และตำรวจภูธรจังหวัดกำแพงเพชร จัดพิธีบำเพ็ญกุศลศพให้อย่างสมเกียรติ ดูแลสิทธิประโยชน์ และสวัสดิการต่าง ๆ อย่างเต็มที่ นอกจากนี้ ยังสั่งการให้งานป้องกันปราบปรามถอดบทเรียนเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพของการตั้งด่าน จุดตรวจ จุดสกัดทั่วประเทศ ให้เกิดความปลอดภัยแก่เจ้าหน้าที่ตำรวจยิ่งขึ้นทุกมิติ

ชาวเน็ตจี้ฟังเสียงผู้ใช้บุหรี่ไฟฟ้ากว่า 1 ล้านคน เอาบุหรี่ไฟฟ้าขึ้นบนดินแทนการแบน

จากกรณีการเรียกร้องให้คงกฎหมายห้ามบุหรี่ไฟฟ้าของเครือข่าย NGO ด้านสุขภาพโดยมีการยื่นรายชื่อ 5 แสนรายให้คณะกรรมาธิการวิสามัญพิจารณาศึกษากฎหมายและมาตรการควบคุมกำกับบุหรี่ไฟฟ้าในประเทศไทย (กมธ.) คงการแบนบุหรี่ไฟฟ้าต่อไป เนื่องจากคะแนนเสียงส่วนใหญ่ใน กมธ. ต่างเห็นด้วยที่จะนำบุหรี่ไฟฟ้าที่อยู่ใต้ดินขึ้นมาควบคุมให้ถูกกฎหมาย เช่นเดียวกับ 82 ประเทศทั่วโลก นั้น
นายสาริษฏ์ สิทธิเสรีชน เจ้าของเพจเฟซบุ๊กและ X (ทวิตเตอร์) “มนุษย์ควัน” โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊กระบุ “#โหวตนี้เพื่อบุหรี่ไฟฟ้าถูกกฎหมาย ถ้าผู้ใช้บุหรี่ไฟฟ้าล่ารายชื่อกันเองได้ก็เป็นล้านเหมือนกัน! ในไทยขนาดแบนอยู่ยังใช้กันเป็นล้านคน เชื่อผม!”

โพสต์ดังกล่าวยังได้เผยแพร่ภาพโพลออนไลน์ที่จัดทำโดยเพจของสื่อออนไลน์ชื่อดังที่มีผู้ติดตามในเฟซบุ๊กกว่า 14 ล้านคนเมื่อปี 2565 สอบถามความคิดเห็นของสังคมว่าถึงเวลาหรือยังที่บุหรี่ไฟฟ้าควรถูกกฎหมาย ซึ่งผู้ตอบส่วนใหญ่ (ร้อยละ 64.91) ระบุว่าถึงเวลาแล้วที่บุหรี่ไฟฟ้าควรถูกกฎหมายเพื่อเป็นทางเลือก และหากบุหรี่ปกติถูกกฎหมายได้ บุหรี่ไฟฟ้าก็ควรถูกกฎหมายด้วย

พร้อมกล่าวปิดท้ายว่า “เรามันประชาชนจนๆ ตาดำๆ ไม่มีเงินจัดงานแบบเค้าหรอก แต่ก็อยากให้รู้ว่าผู้ใช้บุหรี่ไฟฟ้าอีกเป็นล้านคนที่อยากให้ถูกกฎหมายสักที ฟังเสียงผู้ใช้บ้าง อย่าฟังความข้างเดียว”
นายสาริษฏ์ ยังได้แสดงความเห็นต่อว่าก่อนหน้านี้เครือข่ายผู้ใช้บุหรี่ไฟฟ้าก็เคยมีการยื่นรายชื่อผู้สนับสนุนให้ควบคุมบุหรี่ไฟฟ้าอย่างถูกกฎหมายเกือบ 5 หมื่นราย พร้อมผลการวิจัยและแนวทางที่ต่างประเทศควบคุมบุหรี่ไฟฟ้าไปให้กับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง อาทิ กมธ. วิสามัญฯ เพื่อขอให้บุหรี่ไฟฟ้าถูกกฎหมายภายใต้การควบคุมที่เข้มงวด เช่นเดียวกับ 80 กว่าประเทศทั่วโลกที่ไม่แบนบุหรี่ไฟฟ้า และเชื่อว่า กมธ วิสามัญนั้นมีตัวแทนจากหลายพรรคการเมือง หลายฝ่าย แม้กระทั่ง NGO สายสุภาพ และถือว่าเป็นผู้แทนของประชาชนทั้งประเทศ
 
ชาวเน็ตได้เข้ามากดถูกใจและแชร์โพสต์ดังกล่าวไปเป็นจำนวนมาก พร้อมคอมเม้นต์สนับสนุนว่า
“+1ขอใช้ สิทธิ์เลือก✅ =ถึงเวลาแล้วที่บุหรี่ไฟฟ้าควรถูกกฎหมายเพื่อเป็นทางเลือก”
“1+ เห็นด้วยกับการที่บุหรี่ไฟฟ้าถูกกฎหมาย”
“เห็นด้วยครับขอให้ถูกกฎหมายและเป็นตามหลักสากลครับ”
 
นายสาริษฏ์ สิทธิเสรีชน เป็นหนึ่งในผู้ที่ได้รับเชิญจาก กมธ. ในฐานะประชาชนผู้ใช้ ที่ได้รับผลกระทบจากความไม่ชัดเจนของกฎหมายและถูกริดรอนสิทธิขั้นพื้นฐานของผู้บริโภค เพื่อให้ข้อมูลเกี่ยวกับผลวิจัยทางวิทยาศาสตร์และแนวทางการควบคุมผลิตภัณฑ์แบบไม่มีควันในต่างประเทศ ซึ่งตรงกันข้ามกับประเทศไทยที่แบนบุหรี่ไฟฟ้าแต่ก็ยังมีผู้ใช้ในประเทศถึงประมาณ 1ล้านคน

สตม. ทลายแก๊งคอลเซ็นเตอร์ ยากูซ่าญี่ปุ่น

ภายใต้การอำนวยการของ พล.ต.ต.ภาณุมาศ บุญญลักษม์ รอง ผบช.ฯ รรท.ผบช.สตม. พร้อมด้วย พล.ต.ต.พันธนะ นุชนารถ รอง ผบช.สตม., พล.ต.ต.ธนิต ไทยวัชรามาศ รอง ผบช.สอท.ปรก.รอง ผบช.สตม., พล.ต.ต.ประพันธ์ศักดิ์ ประสานสุข ผบก.สส.สตม., พ.ต.อ.รัฐโชติ โชติคุณ รอง ผบก.สส.สตม., พ.ต.อ.ชิตเดชา สองห้อง รอง ผบก.สส.ภ.7 ช่วยราชการ บก.สส.สตม., พ.ต.อ.ชย พานะกิจ ผกก.(สอบสวน) หัวหน้ากลุ่มงานสอบสวน บก.สส.สตม., พ.ต.อ.ชูวงษ์ อุทัยสาง ผกก.ปอพ.บก.สส.สตม., พ.ต.อ.ธวัชชัย นรินรัตน์ ผกก.1 บก.สส.สตม. และ พ.ต.อ.พิสิษฐ์ ศรีอ่อน ผกก.2 บก.สส.สตม. ร่วมแถลงข่าวการจับกุมผู้ต้องหารายสำคัญ ดังนี้  

สืบเนื่องจาก บก.สส.สตม. ได้รับการประสานงานจากสถานเอกอัครราชทูตญี่ปุ่น ประจำประเทศไทย กรณี มีกลุ่มคนร้ายลักลอบจัดตั้งสำนักงานคอลเซ็นเตอร์เพื่อหลอกลวงชาวญี่ปุ่น เป้าหมายเป็นผู้สูงอายุที่อาศัยอยู่ในประเทศญี่ปุ่น โดยหลอกลวงว่าจะได้รับเงินประกันสุขภาพคืน ซึ่งแก๊งคอลเซ็นเตอร์ญี่ปุ่นนี้ จะทำงานตั้งแต่วันจันทร์ - วันเสาร์ โดยมีรูปแบบการหลอกลวงว่า “เป็นการขอคืนเงินค่ารักษาพยาบาล โดยใช้โทรศัพท์หลอกลวงผู้สูงอายุในญี่ปุ่น โดยอ้างว่าเป็นเจ้าหน้าที่ของรัฐ” ซึ่งคอลเซ็นเตอร์สายแรกจะปลอมเป็นเจ้าหน้าที่ผู้รับผิดชอบของหน่วยงานของรัฐ โทรศัพท์ไปอธิบายกับเหยื่อที่ประเทศญี่ปุ่นว่าจะมีการคืนค่ารักษาพยาบาลสะสมจำนวนหลายล้านเยน และจะให้เหยื่อทำการเตรียมเงินไว้ในบัญชี ตั้งแต่จำนวน 500,000 เยน ขึ้นไป จากนั้นจะหลอกให้เหยื่อไปทำรายการโอนเงินที่หน้าตู้เอทีเอ็มไปยังบัญชีของคนร้าย เมื่อเหยื่อโอนเงินให้แล้ว หัวหน้าแก๊งก็จะสั่งการให้ลูกน้องไปถอนเงินออกจากบัญชี โดยพบความเสียหายแล้วกว่าวันละหลายสิบล้านเยน

จากการสืบสวนพบว่ากลุ่มคนร้ายได้ลักลอบจัดตั้งสำนักงานคอลเซ็นเตอร์อยู่ในพื้นที่ จว.ชลบุรี จำนวน 2 แห่ง จึงได้ขออนุมัติหมายค้นต่อศาลจังหวัดพัทยาเข้าตรวจค้น มีรายละเอียดดังต่อไปนี้

จุดที่ 1 บ้านพูลวิลล่าหรู (บ้านระดับหัวหน้าสั่งการ) จากการตรวจค้นพบคนต่างด้าว สัญชาติญี่ปุ่น จำนวน 2 ราย ได้แก่ นายทากายูกิ (สงวนนามสกุล) และนายฮาจิเมะ (สงวนนามสกุล) พักอาศัยอยู่ มีพฤติการณ์เป็นผู้ควบคุมและสั่งการพนักงานคอลเซ็นเตอร์ พร้อมพบพยานหลักฐานโทรศัพท์มือถือ แท็บเล็ต อุปกรณ์คอมพิวเตอร์ รวมจำนวน 42 รายการ และพยานหลักฐานที่ยืนยันว่าเป็นแก๊งคอลเซ็นเตอร์จริง ได้แก่ ภาพการสนทนากับสมาชิกคอลเซ็นเตอร์, สคริปและข้อมูลของเหยื่อที่ถูกหลอกลวง เป็นต้น 

จุดที่ 2 บ้านพูลวิลล่า (บ้านทำคอลเซ็นเตอร์) จากการตรวจค้นพบคนต่างด้าวสัญชาติญี่ปุ่น จำนวน 3 ราย ได้แก่ นายเคนจิโระ (สงวนนามสกุล), นายทากาฮิโระ (สงวนนามสกุล) และ นายคัตสึฮิโตะ (สงวนนามสกุล) พักอาศัยอยู่ มีพฤติการณ์ในการเป็นพนักงานคอลเซ็นเตอร์ พร้อมพบพยานหลักฐานโทรศัพท์มือถือ แท็บเล็ต กระดานรายชื่อ ข้อมูลของผู้เสียหาย รวมจำนวน 37 รายการ และพบพยานหลักฐานที่ยืนยันว่าเป็นแก๊งคอลเซ็นเตอร์จริง ได้แก่ ภาพสคริป การสนทนากับเหยื่อ ข้อมูลของเหยื่อที่ถูกหลอกลวง เป็นต้น  

จากพฤติการณ์และพยานหลักฐานดังกล่าว เป็นที่น่าเชื่อว่าคนต่างด้าวทั้ง 5 ราย เป็นบุคคลที่เป็นภัยต่อสังคม ผบก.สส.สตม. จึงได้เพิกถอนการอนุญาตให้อยู่ในราชอาณาจักร จากนั้นได้นำตัวส่ง กก.3 บก.สส.สตม. เพื่อกักตัวไว้รอการดำเนินการตามกฎหมายต่อไป

จากการสืบสวนเพิ่มเติมพบว่า หัวหน้าแก๊งเคยเป็นสมาชิกยากูซ่า แก๊งยามากูจิ ในประเทศญี่ปุ่น โดยตรวจสอบเบื้องต้นพบว่ามีผู้เสียหายถูกหลอกลวง มูลค่าความเสียหายรวมเป็นเงิน 24,000,000 เยน/วัน หรือประมาณ 5 ล้านบาทต่อวัน ซึ่งพบว่ากลุ่มผู้กระทำความผิดนำเงินไปฟอกโดยการเปิดธุรกิจมีลักษณะการใช้คนไทยเป็นนอมินี ซึ่งจะได้ทำการสืบสวนรวบรวมพยานหลักฐานเพื่อขยายผลการกระทำความผิดต่อไป      

สตม. ขอเรียนให้ท่านทราบว่า สตม. มีมาตรการในการตรวจสอบ กวดขัน และปราบปรามการกระทำความผิด ในด้านต่าง ๆ รวมถึงการเฝ้าระวังบุคคลทั้งสัญชาติไทยและสัญชาติอื่น ๆ ที่มีหมายจับ และการเดินทางเข้า-ออกประเทศไทย หากประชาชนท่านใดพบเห็นเบาะแสการกระทำความผิด กรุณาแจ้งมายัง สำนักงานตรวจคนเข้าเมืองอาคารเฉลิมพระเกียรติสมเด็จพระบรมโอรสาธิราชฯ สยามมกุฎราชกุมาร พระชนมพรรษา 60 พรรษา เลขที่ 904 หมู่ที่ 6 ต.บ้านใหม่ อ.ปากเกร็ด จว.นนทบุรี 11120 หรือติดต่อตรวจคนเข้าเมืองจังหวัดในพื้นที่ หรือที่ www.immigration.go.th จักขอบพระคุณเป็นอย่างยิ่ง

บช.ปส.เปิด ปฏิบัติการ 'สยบไพรีปราบสมุทร ep.3' จับกุมเครือข่ายลำเลียงยาเสพติดทางเรือ พื้นที่ จว.สงขลา ยึดเรือทัก SUMBER OCEAN

ตามนโยบายของ นางสาว แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ที่แถลงต่อรัฐสภา ว่ารัฐบาลให้ความสำคัญกับแก้ปัญหายาเสพติดเป็นนโยบายเร่งด่วน โดยแก้ปัญหายาเสพติดอย่างเด็ดขาดและครบวงจร เริ่มตั้งแต่การตัดต้นตอการผลิตและจำหน่ายด้วยการร่วมมือกับประเทศเพื่อนบ้าน การสกัดกั้น ควบคุมการลักลอบนำเข้าและตัดเส้นทางการลำเลียงยาเสพติด การปราบปรามและการยึดทรัพย์ผู้ค้าอย่างเด็ดขาด นั้น 

พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ พันธุ์เพ็ชร์ ผบ.ตร. สั่งการให้ ,พล.ต.อ.ไกรบุญ ทรวดทรง จตช.รรท.รอง ผบ.ตร./ ผอ.ศอ.ปส.ตร. พล.ต.ท.สำราญ นวลมา  พล.ต.ท.อัคราเดช พิมลศรี ผู้ช่วย ผบ.ตร.  และ พล.ต.ท.สรายุทธ สงวนโภคัย ผบช.ภ.4 รรท.ผู้ช่วย ผบ.ตร./รอง ผอ.ศอ.ปส.ตร. ขับเคลื่อนตามนโยบายของรัฐบาล บช.ปส. 

โดย พล.ต.ท.สันติ ชัยนิรามัย จตร.รรท.ผบช.ปส. ได้สั่งการให้ กองบังคับการข่าวกรองยาเสพติด(บก.ขส.) เปิดปฏิบัติการ 'สยบไพรีปราบสมุทร ep.3' ปิดล้อมตรวจค้น ยึด/อายัดทรัพย์สินกลุ่มเครือข่ายลักลอบขนยาเสพติดทางน้ำข้ามชาติ รายสำคัญในพื้นที่ จว.สงขลา

สืบเนื่องเมื่อวันที่ 4 ธ.ค.66 เจ้าหน้าที่ตำรวจ บก.ขส. กับ บก.ปส.3 จับกุม นายเอกวิชญ์ฯ กับพวก พร้อมของกลาง ไอซ์ 1 ตัน คีตามีน 1.2 ตัน ขณะกำลังขนยาเสพติดของกลาง ลงจากรถกระบะ ไปขึ้นเรือ ที่ท่าเทียบเรือ อ.บางปะกง จว.ฉะเชิงเทรา จึงได้สืบสวนขยายผล ขออนุมัติศาลออกหมายจับผู้ร่วมขบวนการ 4 ราย ในข้อหากระทำความผิดฐาน"ร่วมกันผลิต นำเข้า ส่งออก จำหน่าย หรือมีไว้ในครอบครองซึ่งยาเสพติดให้โทษในประเภท 1 และประเภท 2 ฯ ,สมคบโดยการ ตกลงกันตั้งแต่สองคนขึ้นไป เพื่อกระทำความผิดร้ายแรงเกี่ยวกับยาเสพติด" ประกอบด้วย  
1.นายชานนธ์ ฯ หมายจับ ที่ 471/2566  
2.นายนิรันดร์ ฯ หมายจับ ที่ 56/2567
3.นายชาญชัย ฯ หมายจับ ที่ 470/2566 (หลบหนีออกนอกประเทศ ออกหมายแดง) 
4.นายนพดล ฯ  หมายจับ ที่ 192/2567 (หลบหนีออกนอกประเทศ ออกหมายแดง)

สยบไพรีปราบสมุทร ep.1 วันที่ 9 – 20 ธ.ค.66  บก.ขส. ร่วมกับ บก.ปส.3 และ สำนักงาน ป.ป.ส. เปิดปฏิบัติการกดดัน ตัดท่อน้ำเลี้ยง ยึดอายัดทรัพย์สินของนายชาญชัยฯ กับพวก ประกอบด้วย  บ้านพร้อมที่ดิน, ร้านอาหารตำทะลวง, บริษัทประกอบธุรกิจการเดินเรือ, เงินสด, ทองรูปพรรณ,พระเครื่อง, และรถยนต์ จำนวนมาก รวมมูลค่ากว่า 140 ล้านบาท สยบไพรีปราบสมุทร ep.2  วันที่ 10 ส.ค.67 บก.ขส. ร่วมกับ บก.ปส.3 สืบสวนขยายผล อย่างต่อเนื่อง ทราบว่า กลุ่มนี้จะมีการลักลอบลำเลียงยาเสพติด โดยเรือสปีดโบ๊ท บริเวณท่าเรือ ในเกาะนกใหญ่รีสอร์ท ต.ตะกาดง้าว อ.ท่าใหม่ จว.จันทบุรี จึงได้วางแผนจับกุม นายอนันต์ฯ และพวกรวม 10 คน พร้อมของกลาง ไอซ์ 1.5 ตัน  ทำการยึดอายัดทรัพย์สิน เป็น บ้านพร้อมที่ดิน และรถยนต์ มูลค่ากว่า 10 ล้านบาท และติดตามจับกุม เครือข่ายได้ในพื้นที่ภาคกลาง และภาคอีสาน เพิ่มเติมอีก 2 ราย คือ นายเด่นฯ ในพื้นที่ กทม. และ นายวัชรพงษ์ฯ ในพื้นที่ จว.อุบลราชธานี ออกหมายจับกลุ่มเครือข่ายเพิ่มเติมอีก 8 ราย 

จากการสอบสวน นายอนันต์ฯ ให้ข้อมูลว่า เมื่อประมาณเดือน ม.ค.67 นายนพดลฯ ได้สั่งการให้ตนไปซื้อเรือทัก (Tug Boat) หรือ เรือลากจูง ที่ใช้ลากจูงเรือใหญ่ ในการเข้า/ออกท่าเรือ จากเมืองบาตั้ม ประเทศอินโดนิเซีย ชื่อว่า SUMBER OCEAN  โดยให้นายสมคิดฯ ทำหน้าที่กัปตันเรือ เพื่อใช้ลักลอบลำเลียงยาเสพติดออกนอกประเทศ บก.ขส. สืบทราบว่าวันที่ 17 ธ.ค.67 เรือ SUMBER OCEAN ที่มี นายสมคิดฯ กัปตันเรือ จะนำเข้ามาจอดซ่อมที่ท่าเรือเทพา อ.เทพาจว.สงขลา จึงได้รายงานให้ ผู้บังคับบัญชาทราบ 

วันนี้ (18 ธ.ค.67) พล.ต.ท.สันติ ชัยนิรามัย จตร.รรท.ผบช.ปส. สั่งการให้ พล.ต.ต.สมบูรณ์ เทียนขาว รอง ผบช.ปส.  พล.ต.ต.อิทธิพล จันทร์ศรีบุตร ผบก.ขส. ลงไปบัญชาการการปฏิบัติในพื้นที่ บูรณาการกำลังเจ้าหน้าที่ทุกภาคส่วน ประกอบด้วย  บก.ขส.(ศขส.สข.) บก.ปส.4 ตำรวจน้ำ สงขลา, ปปส. ภ.9, กรมเจ้าท่าสงขลา, สภ.เทพา จว.สงขลา เปิดปฏิบัติการ  สยบไพรีปราบสมุทร ep.3 จับกุม นายสมคิดฯ กัปตันเรือ SUMBER OCEAN ตามหมายจับที่ 674/2567 ในข้อหา สมคบโดยการตกลงกันตั้งแต่สองคนขึ้นไปเพื่อกระทำ ผิดร้ายแรงเกี่ยวกับยาเสพติดโดยมีลักษณะเป็นการกระทำขององค์กรอาชญากรรม ได้ที่บ้านพักใน จว.ตรัง และเข้าตรวจยึดอายัดเรือทัก (Tug Boat) หรือ เรือลากจูง SUMBER OCEAN บ้านพร้อมที่ดิน รถยนต์ และทรัพย์สินอื่น ๆ รวมมูลค่ากว่า 20 ล้านบาท

อนึ่ง เครือข่ายลำเลียงยาเสพติดทางเรือ ข้ามชาติขนาดใหญ่ นี้ สามารถจับกุมผู้ร่วมขบวนการ แล้ว 19 ราย ยึดอายัดทรัพย์สินกว่า 170 ล้านบาท มีนายนพดลฯเป็นผู้สั่งการ ลำเลียงยาเสพติดเส้นทางจากทะเลอันดามัน และ อ่าวไทย ปลายทางจะเป็นน่านน้ำสากลของเกาะใต้หวัน และประเทศฟิลิปปินส์  บช.ปส.จะได้ทำการสืบสวนขยายผล จับกุม ขุดรากถอนโคน และ ยึดอายัดทรัพย์สินของเครือข่ายนี้ อย่างต่อเนื่อง และ เต็มกำลังความสามารถ ต่อไป


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top