Sunday, 22 June 2025
NEWS FEED

ตำรวจเตือน 'เขากวางเรนเดียร์-ไฟหลากสี' เสี่ยงอุบัติเหตุ เจอที่ไหนแจ้งเบาะแสได้ทันที

(16 ธ.ค. 67) พล.ต.ต.ศิริวัฒน์ ดีพอ รองโฆษกสำนักงานตำรวจแห่งชาติ เปิดเผยว่า พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ พันธุ์เพ็ชร์ ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (ผบ.ตร.) มีความห่วงใยในเรื่องความปลอดภัยของประชาชน ทั้งในด้านชีวิตและทรัพย์สิน โดยพบว่ามีประชาชนบางส่วนประดับตกแต่งยานพาหนะในลักษณะที่อาจก่อให้เกิดอุบัติเหตุหรือเป็นอันตรายต่อผู้ใช้รถใช้ถนน ซึ่งถือเป็นการกระทำที่ผิดกฎหมาย

ทั้งนี้ สำนักงานตำรวจแห่งชาติขอประชาสัมพันธ์ให้ประชาชนงดการประดับตกแต่งยานพาหนะตามแฟชั่นหรือเทศกาล เช่น การติดเขากวางเรนเดียร์ เนื่องจากลักษณะดังกล่าวยื่นออกมาเกินขอบเขตของตัวรถ หรืออาจหลุดร่วงระหว่างการขับขี่ การติดไฟหลากสี เพราะอาจทำให้เกิดความสับสนหรือทำให้ผู้อื่นไม่สามารถสังเกตสัญญาณไฟจากรถของท่านได้อย่างชัดเจน

การตกแต่งยานพาหนะในลักษณะดังกล่าวเป็นความผิดตาม พ.ร.บ.รถยนต์ พ.ศ. 2522 มาตรา 12 ประกอบมาตรา 60 ซึ่งอาจมีโทษปรับไม่เกิน 2,000 บาท

นอกจากนี้ หากการกระทำดังกล่าวนำไปสู่การเกิดอุบัติเหตุ และทำให้มีผู้ได้รับบาดเจ็บหรือเสียชีวิต ผู้ขับขี่อาจถูกดำเนินคดีในข้อหากระทำโดยประมาทเป็นเหตุให้ผู้อื่นได้รับอันตรายแก่กายหรือจิตใจ หรือเสียชีวิต ขึ้นอยู่กับกรณี

หากประชาชนพบเห็นผู้ขับขี่ยานพาหนะที่ประดับตกแต่งในลักษณะที่อาจเป็นอันตรายต่อผู้อื่น สามารถบันทึกภาพไว้เป็นหลักฐานและแจ้งเบาะแสการกระทำผิดได้ที่สายด่วน 191, สายด่วนตำรวจจราจร 1197 และสายด่วนตำรวจทางหลวง 1193 ตลอด 24 ชั่วโมง

แลนด์มาร์กสีเขียวแห่งใหม่ 'ปตท.' สานต่อพระราชปณิธาน พัฒนา 'สวนเปรมประชาวนารักษ์' เพื่อสังคมยั่งยืน

เมื่อวันที่ (10 ธ.ค. 67) พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว พร้อมด้วย สมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินี เสด็จพระราชดำเนินไปเปิดสวนสาธารณะเฉลิมพระเกียรติ “เปรมประชาวนารักษ์” ที่บริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) จัดสร้างเพื่อเฉลิมพระเกียรติในโอกาสพระราชพิธีมหามงคลเฉลิมพระชนมพรรษาครบ 6 รอบ 28 กรกฎาคม 2567 และทอดพระเนตรนิทรรศการเฉลิมพระเกียรติ “ชลวิถีธีรพัฒน์” ที่ถนนกำแพงเพชร 6 แนวขนานคลองเปรมประชากร โดยมี คณะองคมนตรี  ผู้บัญชาการเหล่าทัพ นางสาวแพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี พร้อมด้วยคณะรัฐมนตรี นายฉัตรชัย พรหมเลิศ ประธานกรรมการ บริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) (ปตท.) นายคงกระพัน อินทรแจ้ง ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่ ปตท. พร้อมคณะผู้บริหาร ข้าราชการ พนักงาน หน่วยงานภาครัฐและภาคเอกชน ผู้บริหารและพนักงานกลุ่ม ปตท. และประชาชนทุกหมู่เหล่า เฝ้าทูลละอองธุลีพระบาทรับเสด็จ

นายคงกระพัน อินทรแจ้ง ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร ปตท. กล่าวว่า ปตท. ร่วมกับหน่วยราชการในพระองค์ ภาครัฐ เอกชน และประชาชนได้ร่วมกันพัฒนาโครงการคลองเปรมประชากรตามพระราชดำริ เพื่อพัฒนาเมืองและสิ่งแวดล้อม โดยใช้พื้นที่ 10 ไร่ที่เคยเป็นพื้นที่รกร้าง มาพัฒนาเป็นสวนสาธารณะพร้อมบอกเล่าถึงพระมหากรุณาธิคุณของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 10 ต่อประชาชน ใช้เวลาสร้างจนแล้วเสร็จประมาณ 5 เดือน ตั้งแต่ มีนาคม - กรกฎาคม 2567  ก่อนจะเปิดให้ประชาชนได้ใช้ประโยชน์ พร้อมเชื่อมโยงระบบคมนาคมทั้งทางล้อ (ถนนวิภาวดีรังสิต) ราง (สถานีรถไฟฟ้าสายสีแดง-ทุ่งสองห้อง) และเรือ (คลองเปรมประชากร)

พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงมีพระมหากรุณาธิคุณพระราชทานชื่อสวนสาธารณะแห่งใหม่นี้ว่า “เปรมประชาวนารักษ์” ซึ่งหมายถึงสวนที่นำความสุขและความเบิกบานมาสู่ประชาชน โดยทรงปลูกต้นประดู่ป่าจำนวน 1 ต้น และสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินี ทรงปลูกต้นพิกุล 1 ต้น เพื่อความเป็นสิริมงคล

หลังจากนั้น เสด็จพระราชดำเนินไปทอดพระเนตรนิทรรศการเฉลิมพระเกียรติ “ชลวิถีธีรพัฒน์” การพัฒนาสายน้ำของผู้เป็นปราชญ์แห่งแผ่นดิน ที่เผยแพร่โครงการในการสืบสาน รักษา ต่อยอด การแก้ปัญหาสิ่งแวดล้อมและคุณภาพชีวิต บรรเทาความเดือดร้อนของราษฎร ผ่านการนำเสนอโครงการพระราชดำริตามพระบรมราโชบาย โครงการพัฒนาแหล่งน้ำ 10 โครงการทั่วประเทศ ได้แก่ โครงการพัฒนาคลองเปรมประชากร  โครงการพัฒนาถนนวิภาวดีรังสิต โครงการพัฒนาคูคลองในเกาะรัตนโกสินทร์และคลองรอบกรุง โครงการพัฒนาสระบ่อดินขาว จังหวัดนครสวรรค์  โครงการจัดหาน้ำบาดาลขนาดใหญ่แก้ปัญหาภัยแล้งอันเนื่องมาจากพระราชดำริ โครงการพัฒนาบึงสีไฟ จังหวัดพิจิตร โครงการพัฒนาบึงบอระเพ็ด จังหวัดนครสวรรค์  โครงการพัฒนาหุบกะพง จังหวัดเพชรบุรี โครงการพัฒนาคลองแม่ข่า จังหวัดเชียงใหม่  และ โครงการพัฒนาเกาะสีชัง จังหวัดชลบุรี 

ต่อจากนั้น ทอดพระเนตรนิทรรศการกลางแจ้ง “สายธารพระบารมีจักรีวงศ์” ร้อยเรียงเรื่องราวของ ปตท. บนเส้นทางการสนองแนวพระราชดำริ เพื่อพัฒนาสิ่งแวดล้อม สังคม ชุมชน และการแสดงละครเพลง “สายนทีแห่งราชัน เดอะ มิวสิคัล” ละครเพลงชีวิตริมสายน้ำที่ดีขึ้นจากพระมหากรุณาธิคุณ โดยความร่วมมือของ ศิลปินแห่งชาติ และ ศิลปินศิลปาธร ผสมผสานด้วยการบรรเลงจากวงดนตรี รอยัล แบงก์คอก ซิมโฟนี ออร์เคสตรา (RBSO) และนักแสดงกว่า 60 ชีวิต พร้อมด้วยมัลติมีเดียพิเศษ 3D Mapping เต็มรูปแบบ 

ปตท. ยังคงมุ่งมั่นพัฒนาโครงการเพื่อสังคมและสิ่งแวดล้อมตามแนวพระราชดำริ เพื่อยกระดับคุณภาพชีวิตของประชาชนให้ดีขึ้นอย่างยั่งยืน

ปราจีนบุรี-ขุดรากถอนโคน! ตำรวจภูธรภาค 2 ล้อมปราจีนบุรี “ทลายรังนักเลง” EP1  ล็อกเป้า ลุยค้น 3 วัน 59 เป้าหมาย ยึดอาวุธเพียบ 

(16 ธ.ค. 67) ที่ ภ.จว.ปราจีนบุรี พล.ต.ท.ยิ่งยศ เทพจำนงค์ รักษาราชการแทนผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 2 (รรท. ผบช.ภ.2) พร้อมด้วย พล.ต.ต.อิทธิพร โพธิ์ทอง รอง ผบช.ภ.2 และ พล.ต.ต.ภูมินทร์ สิงหสุต ผบก.ภ.จว.ปราจีนบุรี ประชุมติดตามการปฏิบัติการในยุทธการ “ทลายรังนักเลง” EP1 ปฐมบท .. ไล่ล่านักเลงปราจีน กวาดล้างเครือข่ายอาชญากรรมในพื้นที่จังหวัดปราจีนบุรี หลังเกิดเหตุคนร้ายใช้อาวุธปืนยิง สจ.โต้ง หรือ ชัยเมศร์ สิทธิสนิทพงศ์ ภายในบ้านพักของนายสุนทร วิลาวัลย์ อดีตนายก อบจ.ปราจีนบุรี เมื่อค่ำวันที่ 11 ธันวาคม 2567 ที่ผ่านมา

พล.ต.ท.ยิ่งยศ กล่าวว่า หลังเกิดเหตุตำรวจภูธรจังหวัดปราจีนบุรี เข้าคลี่คลายสถานการณ์ และจับกุมกลุ่มผู้ก่อเหตุได้ 7 คน คุมตัวไว้ได้ ดำเนินคดีแจ้งข้อกล่าวหาร่วมกันฆ่าโดยเจตนา โดยไตร่ตรองไว้ก่อน และส่งฝากขัง ขณะนี้คุมตัวที่เรือนจำปราจีนบุรี ขณะเดียวกันตำรวจ ภ.จว.ปราจีนบุรี ร่วมกับกองบังคับการสืบสวนสอบสวนตำรวจภูธรภาค 2 และกองบังคับการปราบปราม ยังสืบสวนขยายผลนำไปสู่การเปิดยุทธการทลายรังนักเลง เพื่อขุดรากถอนโคนตัดเส้นเลือดเครือข่ายอิทธิพลในพื้นที่ ที่เป็นภัยต่อความสงบสุขของพี่น้องประชาชน

ผลจากการเปิดยุทธการ ทลายรังนักเลง ตั้งแต่วันที่ 14 – 16 ธันวาคม 2567 ตำรวจภูธรภาค 2 ร่วมกับตำรวจกองบังคับการปราบปราม กองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง ปูพรมตรวจค้นเป้าหมายใน 12 อำเภอ ของจังหวัดปราจีนบุรี รวม 59 เป้าหมาย ตรวจค้นพบอาวุธปืน 79 กระบอก  อาวุธปืนไม่มีทะเบียน 2 กระบอก กระสุน 601 นัด  จับกุมดำเนินคดีผู้ต้องหา 8 ราย

“ตำรวจภูธรภาค 2 ไม่มีที่ยืนให้นักเลง ไม่มีที่ยืนให้บ้านไหนก็ตามที่สร้างความเดือดร้อนเป็นภัยสังคม ยุทธการนี้เริ่มต้นกวาดล้างผู้มีอิทธิพลอย่างเข้มข้นในภาค 2 คือก้าวแรกของการปลดแอกประชาชนจากเงาอิทธิพลมืด ไม่ใช่แค่คำขู่ แต่นี่คือการปฏิบัติการเพื่อผลลัพธ์ที่เห็นได้จริงปราจีนจะไม่ใช่สนามของนักเลงอีกต่อไป รังอิทธิพลเถื่อนกำลังถูกทำลายลงแล้ว ยุทธการนี้เกิดขึ้นเพื่อสร้างสังคมปลอดภัย และให้ประชาชนกลับมาใช้ชีวิตอย่างมั่นคง" รรท.ผบช.ภ.2 กล่าว 

‘รองนายกฯ ประเสริฐ’ ปลุกผู้นำยุคใหม่รวมพลังปกป้องไซเบอร์ เปิดหลักสูตรระดับผู้บริหาร ‘Executive CISO’ สร้างอนาคตมั่นคงดิจิทัล

(16 ธ.ค. 67) นายประเสริฐ จันทรรวงทอง รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม (ดีอี) เป็นประธานกล่าวเปิด ‘หลักสูตรด้านความมั่นคงปลอดภัยไซเบอร์ระดับผู้บริหาร รุ่นที่ 2" (Executive Chief Information Security Officer : Executive CISO#2) ของสถาบันวิชาการความมั่นคงปลอดภัยไซเบอร์แห่งชาติ สำนักงานคณะกรรมการการรักษาความมั่นคงปลอดภัยไซเบอร์แห่งชาติ (สกมช.) โดยมีเป้าหมายในการพัฒนาศักยภาพและความรู้ความเข้าใจด้านความมั่นคงปลอดภัยไซเบอร์แก่ผู้บริหารระดับสูงในภาครัฐและเอกชนว่า การพัฒนาความพร้อมผู้บริหารระดับสูงมีความสำคัญในการดำเนินการด้านความมั่นคงปลอดภัยไซเบอร์ในระดับประเทศ และการสร้างเครือข่ายระดับผู้บริหารระดับสูงเพื่อการขับเคลื่อนด้านความมั่นคงปลอดภัยไซเบอร์ให้สอดคล้องกับนโยบายกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม ‘The Growth Engine of Thailand’ ครอบคลุมในด้านต่าง ๆ ได้แก่ 1. การยกระดับขีดความสามารถของประเทศ (Competitiveness) , 2. ความมั่นคงปลอดภัยทางดิจิทัล (Safety & Security) และ 3. การสร้าง พัฒนา ต่อยอด ทุนนุษย์ (Human Capital)

นายประเสริฐ กล่าวว่า หลักสูตร Executive CISO#2 มีวัตถุประสงค์ ในการส่งเสริมและพัฒนาทักษะผู้นำในการเปลี่ยนแปลงด้านความมั่นคงปลอดภัยไซเบอร์ขององค์กร , สร้างเสริมศักยภาพในการบริหารจัดการ และดำเนินการด้านความมั่นคงปลอดภัยไซเบอร์ขององค์กรในการปฏิบัติตามกฎหมายด้านการรักษาความมั่นคงปลอดภัยไซเบอร์ , พัฒนาเครือข่ายและศักยภาพผู้บริหารระดับสูงในการขับเคลื่อนด้านความมั่นคงปลอดภัยไซเบอร์ของหน่วยงานโครงสร้างพื้นฐานสำคัญทางสารสนเทศในระดับประเทศ และส่งเสริมการสร้างนวัตกรรมด้านความมั่นคงปลอดภัยไซเบอร์และการเชื่อมโยงเครือข่ายระหว่างองค์กร พร้อมทั้งสนับสนุนความเปิดกว้างและโปร่งใสในการบริหารจัดการความปลอดภัยทางไซเบอร์

จากนั้นนายประเสริฐ ได้กล่าวเปิดตัว กิจกรรมการแข่งขันทักษะทางไซเบอร์ (สำหรับผู้หญิงหรือผู้ที่มีเพศสภาพเป็นหญิง) Women Thailand Cyber Top Talent 2024 ของ สกมช. ซึ่งได้จัดขึ้นเพื่อส่งเสริมความเท่าเทียมให้นักเรียน นิสิต นักศึกษา และประชาชนทั่วไป ที่เป็นเพศหญิง หรือมีเพศสภาพเป็นหญิง ได้เพิ่มทักษะการเรียนรู้ พัฒนาประสบการณ์ด้านความมั่นคงปลอดภัยไซเบอร์ รวมทั้งเป็นการสร้างแรงงาน

ด้าน Cybersecurity สำหรับผู้หญิง หรือผู้ที่มีเพศสภาพเป็นหญิงของประเทศไทย ต่อไป
สำนักงานคณะกรรมการการรักษาความมั่นคงปลอดภัยไซเบอร์แห่งชาติ ตระหนักถึงความสำคัญของการเตรียมพร้อมในยุคดิจิทัล และมุ่งมั่นที่จะผลักดันให้ประเทศไทยมีความปลอดภัยไซเบอร์ที่แข็งแกร่งและยั่งยืนดังเจตนารมณ์  : ‘Team Thailand for Cybersecurity’ 

เมืองนครศรีธรรมราช ท่วมสูง 20-40 ซม. ปิดจราจร ลานสกา-ถึงคีรีวง เตือนปชช.เร่งอพยพขนของขึ้นที่สูง

(16 ธ.ค. 67) กรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย (ปภ.) รายงานสถานการณ์น้ำท่วมในพื้นที่ภาคใต้ โดยมี 4 จังหวัดได้รับผลกระทบ ได้แก่ ชุมพร ระนอง สุราษฎร์ธานี และนครศรีธรรมราช รวม 27 อำเภอ 137 ตำบล 814 หมู่บ้าน ประชาชนได้รับผลกระทบรวม 43,595 ครัวเรือน และมีผู้เสียชีวิต 3 ราย

โดยสำนักงานประชาสัมพันธ์จังหวัดนครศรีธรรมราช รายงานเมื่อเวลา 00.20 น. ของวันที่ 16 ธันวาคม 2567 รายงานว่า น้ำป่าจากคีรีวงไหลลงสู่พื้นที่ลานสกา ระดับน้ำบริเวณสะพานคีรีวงใกล้ถึงใต้สะพานแล้ว เทศบาลนครนครศรีธรรมราชเตรียมรับมือขั้นสูงสุด

ทั้งนี้ปริมาณน้ำป่าที่ไหลบ่าทะลักเชี่ยวกรากผ่านน้ำตกหนานหินท่าหา บ้านคีรีวง ต.กำโลน อ.ลานสกา ลงคลองท่าดี เข้าสู่อำเภอเมืองนครศรีธรรมราช ใช้ระยะเวลาประมาณ 7 - 8 ชั่วโมง 

โดยเมื่อเวลา 22.30 น. ของวันที่ 15 ธ.ค. เทศบาลนครนครศรีธรรมราชประกาศระดับน้ำที่สถานีท่าใหญ่สูงถึง 650 ซม. (ขั้นสูงสุด) ขอให้ประชาชนในพื้นที่เตรียมเคลื่อนย้ายทรัพย์สินขึ้นที่สูง

เวลา 23.11 น. มีการแจ้งเตือนประชาชนใน 4 โซน จำนวน 20 ชุมชน ให้เตรียมขนย้ายทรัพย์สินและอพยพผู้เปราะบางไปยังพื้นที่ปลอดภัย เนื่องจากคาดว่าน้ำจะท่วมพื้นที่ในเวลาประมาณ 16.00 น. ของวันที่ 16 ธันวาคม 2567

ณ เวลา 06.19 น. ของวันที่ 16 ธันวาคม 2567 สถานการณ์การจราจรในจังหวัดนครศรีธรรมราชมีดังนี้

- ถนนสาย 403 ท้ายสำเภา-มหาวิทยาลัยรามคำแหง: น้ำท่วมสูง รถทุกชนิดไม่สามารถผ่านได้
- ทางเข้าศูนย์ราชการนาสาร: รถเล็กไม่สามารถผ่านได้
- เส้นทางนาพรุ-เบญจม: รถผ่านไม่ได้
- ถนนกะโรม-เบญจม: ผ่านได้เพียงฝั่งเดียว

เมื่อเวลา 07.50 น. เจ้าหน้าที่ประกาศปิดเส้นทางฝั่งขาออก ตั้งแต่หน้า ธ.ก.ส. ลานสกา จนถึงทางเข้าคีรีวง จนถึงขณะนี้สถานการณ์น้ำท่วมในจังหวัดนครศรีธรรมราชครอบคลุม 11 อำเภอ 51 ตำบล 289 หมู่บ้าน ประชาชนได้รับผลกระทบรวม 32,608 ครัวเรือน และมีผู้เสียชีวิต 3 ราย

กรมชลประทานรายงานปริมาณฝนสะสมในพื้นที่นครศรีธรรมราชตลอด 48 ชั่วโมงที่ผ่านมา (14-15 ธันวาคม 2567) วัดได้ 299.0 มิลลิเมตร โดยมีการติดตั้งเครื่องสูบน้ำจำนวน 63 เครื่อง และเครื่องผลักดันน้ำ 19 เครื่อง ในพื้นที่เสี่ยงต่าง ๆ เพื่อลดผลกระทบจากน้ำท่วม ซึ่งระดับน้ำในคลองท่าดี ณ สถานี X.285 ยังคงสูงกว่าตลิ่งประมาณ 0.66 เมตร และมีแนวโน้มเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง

รพ.สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ฯ จัดประชุมเพื่อพัฒนาแนวทางการให้บริการทางการแพทย์ฉุกเฉิน 

(16 ธ.ค. 67) นาวาเอกหญิง นงลักษณ์ สิงห์โกวินท์ รองผู้อำนวยการโรงพยาบาลฝ่ายบริการสุขภาพ เป็นประธานในพิธีเปิดการประชุม เครือข่ายการแพทย์ฉุกเฉิน โซน 4 และบ้านฉาง ประจำปีงบประมาณ 2568 ณ ห้องประชุม 1 โรงพยาบาลสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์  กรมแพทย์ทหารเรือ อ.สัตหีบ จ.ชลบุรี ซึ่งจัดขึ้นโดย แผนกปฏิบัติการรถพยาบาล กลุ่มงานการพยาบาลอุบัติเหตุและฉุกเฉิน รพ.สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ฯ 

โดยการประชุมในครั้งนี้ มีผู้เข้าร่วมประชุม 24 คน จาก 14 หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง โดยมีเป้าหมายเพื่อแลกเปลี่ยนข้อมูลและประสานงานเกี่ยวกับระบบการแพทย์ฉุกเฉิน รวมถึงการพัฒนาศักยภาพเครือข่ายให้สอดคล้องกับความต้องการของประชาชน ในพื้นที่

บรรยากาศการประชุมเป็นไปด้วยความเรียบร้อย ผู้เข้าร่วมประชุมได้ร่วมกันวางแผนและเสนอแนวทางการดำเนินงานที่มีประสิทธิภาพ เพื่อยกระดับการให้บริการทางการแพทย์ฉุกเฉิน ในปีงบประมาณ 2568

ทั้งนี้ ผลลัพธ์จากการประชุม จะถูกนำไปใช้ในการพัฒนาแผนการดำเนินงานให้สอดคล้องกับสถานการณ์ปัจจุบันและเพิ่มประสิทธิภาพของระบบการแพทย์ฉุกเฉิน ในพื้นที่ต่อไป

นิราช/นันทพล ทิพย์ศรี รายงาน 0909535645

ผู้บัญชาการทหารเรือ รับมอบอาคารพักอาศัยส่วนกลางกองทัพเรือ เพื่อเป็นสวัสดิการแก่กำลังพลกองทัพเรือ

(16 ธ.ค. 67) พลเรือเอก จิรพล ว่องวิทย์ ผู้บัญชาการทหารเรือ เป็นประธานในพิธีรับมอบอาคารพักอาศัยส่วนกลางกองทัพเรือ เพื่อเป็นสวัสดิการแก่กำลังพลกองทัพเรือ โดยมี พลเรือเอก เชิงชาย ชมเชิงแพทย์ พลเรือเอก วรวุธ พฤกษารุ่งเรือง ประธานคณะที่ปรึกษากองทัพเรือ และประธานกรรมการบ้านพักข้าราชการในกองทัพเรือ พลเรือโท วัชระ พัฒนรัฐ ผู้บัญชาการฐานทัพเรือสัตหีบ คุณคีรี กาญจพาสน์ ประธานกรรมการบริษัท บีทีเอส กรุ๊ป โฮลดิ้งส์ จำกัด นายทหารชั้นผู้ใหญ่ของกองทัพเรือ กำลังพลกองทัพเรือ และแขกผู้มีเกียรติเข้าร่วม พิธี ณ บริเวณก่อสร้างอาคารพักอาศัย ติดถนนหลวงหมายเลข 3126 คลองขลอด อำเภอสัตหีบ จังหวัดชลบุรี

ตามที่บริษัท อู่ตะเภา อินเตอร์เนชั่นแนล เอวเอชั้น จำกัด ได้ก่อสร้างอาคารพักอาศัยให้เป็นสวัสดิการด้านที่พักอาศัยแก่กำลังพลกองทัพเรือ บริษัท อู่ตะเภา อินเตอร์เนชั่นแนล เอวเอชั้น จำกัด หรือ บริษัท UTA โดยกลุ่มกิจการร่วมค้า บี บี เอส ประกอบด้วย บริษัท บีทีเอส กรุ๊ป โฮลดิ้งส์ จำกัด (มหาชน) บริษัท การบินกรุงเทพ จำกัด (มหาชน) และบริษัท ชิโน-ไทย เอ็นจิเนียริ่ง แอนด์ คอนสตรัคชั่น จำกัด (มหาชน) ได้ลงนามในสัญญาร่วมลงทุนโครงการพัฒนาสนามบินสนามบินอู่ตะเภา และเมืองการบินภาคตะวันออก เมื่อวันที่ 19 มิถุนายน 2563 การนี้ ทางบริษัท UTA ได้ยื่นข้อเสนอและสิทธิ์ที่เป็นประโยชน์เพื่อช่วยส่งเสริมประสิทธิภาพในการดำเนินโครงการแก่กองทัพเรือ จำนวน 11 ข้อ โดยหนึ่งในข้อเสนอนั้นคือการสร้างอาคารพักอาศัยและพื้นที่สันทนาการ 

ต่อมาคณะกรรมการบ้านพักข้าราชการในกองทัพเรือได้เสนอโครงการโครงการก่อสร้างอาคารพักอาศัยดังกล่าวโดยโดยกองทัพเรือได้อนุมัติให้ดำเนินการก่อสร้างอาคารพักอาศัยในพื้นที่บริเวณพื้นที่ติดถนนหลวงหมายเลข 3126 และคลองขลอด อำเภอสัตหีบ จังหวัดชลบุรี เป็นลำดับแรก ประกอบด้วยอาคารพักอาศัย ขนาดขนาด 51 ครอบครัว จำนวน 4 อาคาร พร้อมสิ่งอำนวยความสะดวก การนี้ได้ทำพิธีวางศิลาฤกษ์เมื่อวันพุธที่ 15 มีนาคม 2565 โดย พลเรือเอก เชิงชาย ชมเชิงแพทย์ ผู้บัญชาการทหารเรือในขณะนั้นเป็นประธาน ร่วมกับ คุณคีรี กาญขนพาสน์ ประธานกรรมการบริหาร บริษัท อู่ตะเภา อินเตอร์ เนชั่นแนล เอวิเอชั่น จำกัด

บัดนี้ โครงการก่อสร้างอาคารพักอาศัยดังกล่าวได้ดำเนินการก่อสร้างเสร็จเรียบร้อย จำนวน 2 อาคาร ได้แก่อาคาร A1 และ A2 พร้อมสิ่งอำนวยความสะดวก รวมทั้งพร้อมให้กำลังพลของกองทัพเรือและครอบครัวได้เข้าพักอาศัย

ภาพข่าว สมนึก เชื้อสนุก

นราธิวาส – อ.จะแนะ จ.นราธิวาส ร่วมแสดงพลังต่อต้านความรุนแรง

(16 ธ.ค. 67) จากกรณีกลุ่มผู้ก่อเหตุรุนแรงจำนวน 4 คน ใช้อาวุธปืนยิงทหารสังกัดชุดช่าง หน่วยเฉพาะกิจกรมทหารพรานที่ 49 ขณะกำลังบรรจุทรายใส่กระสอบบริเวณริมคลองหัวสะพาน บ้านมะนังกาแยง หมู่ที่ 3 ตำบลจะแนะ จังหวัดนราธิวาส เพื่อเตรียมไว้ให้กับชาวบ้านในการรับมือกับสถานการณ์น้ำท่วมระลอกใหม่ ก่อนที่ผู้ก่อเหตุจะขี่รถจักรยานยนต์หลบหนีไป ทำให้อาสาสมัครทหารพราน วุฒิชัย ไทยประดิษฐ์ ถูกยิงบริเวณหัวไหล่และมุมปากขวา ได้รับบาดเจ็บสาหัสและเสียชีวิตในเวลาต่อมา และอาสาสมัครทหารพราน จักรพงษ์ ฤทธิรุตม์กูล ถูกยิงบริเวณแขนซ้าย บาดเจ็บสาหัส ซึ่งเหตุการณ์ดังกล่าวสร้างความสะเทือนใจให้แก่ประชาชนในพื้นที่เป็นอย่างมาก จึงร่วมกันปฏิเสธความรุนแรง โดยการจัดกิจกรรมประชาชนจะแนะ ร่วมอำนวยพร สู่อำเภอสันติสุขอย่างยั่งยืนขึ้น โดยกิจกรรมเป็นการประกอบพิธีละหมาดฮายัต นำโดย นายโยฮัน เบ็ญฮาวัน นายอำเภอจะแนะ เป็นผู้นำละหมาดฯ ,นายอับดุลอาซิ บาโด ประธานชมรมอิหม่านอำเภอจะแนะ /กรรมการอิสลามประจำจังหวัดนราธิวาส , นายอับดุลฮาดี เจ๊ะแต รองประธานชมรมอิหม่าม คอเต็บ บีหลั่น อำเภอจะแนะ จังหวัดนราธิวาส ร่วมนำบรรดาเจ้าหน้าที่รัฐและผู้นำศาสนา ผู้นำชุมชน ผู้นำท้องที่ ผู้นำท้องถิ่น จาก 44 มัสยิด 10 หมู่บ้าน และนักเรียน กว่า 500 คน เพื่อขอพรจากพระเจ้า (อัลลอฮฺ ซ.บ.) เรียกร้องให้เกิดความสันติสุขในพื้นที่ ในวันนี้ (16 ธันวาคม 2567) เวลา 09.00 น. ที่ หอประชุมอำเภอระแงะ จังหวัดนราธิวาส

ภายในกิจกรรมดังกล่าว นายอำเภอจะแนะ , ผู้บังคับหน่วยเฉพาะกิจกรมทหารพรานที่ 49 , ผู้นำศาสนา และกลุ่มสตรี พร้อมมวลชนทุกคนต่างพร้อมใจกันแสดงพลัง เพื่อแสดงออกถึงการต่อต้านความรุนแรง และประกาศเจตนารมณ์รวมพลังต่อต้านการใช้ความรุนแรงในทุกรูปแบบโดยพร้อมใจกันชูป้ายข้อความว่า ชาวจะแนะต้องการสันติสุข“ชาวจะแนะไม่ต้องการความรุนแรง,หยุดใช้ความรุนแรง ทั้งนี้ มวลชนพร้อมใจกล่าว เจตนารมณ์ว่า ”ประชาชนจะแนะ ร่วมอำนวยพร สู่อำเภอสันติสุข ” เป็นการส่งสัญญาณว่าชาวจะแนะไม่มีใครเห็นด้วยกับการใช้ความรุนแรง พร้อมเรียกร้องให้สันติสุขกลับคืนสู่พื้นที่ให้เร็ววัน 

ด้าน นางสุภาพร หริกจันทร์  ชาวบ้าน อ.จะแนะ จ.นราธิวาส หนึ่งในผู้เข้าร่วมกิจกรรม กล่าวว่า “วันนี้มาร่วมแสดงเจตนารมณ์ไม่เห็นด้วยกับความรุนแรงที่เกิดขี้น และเพื่อร่วมแรงร่วมใจแสดงออกถึงการไม่เห็นด้วยและต้องการไม่ให้เกิดความรุนแรงในลักษณะแบบนี้อีก ชาวอำเภอจะแนะรักในความสันติสุขและพร้อมจะต่อต้านความรุนแรงในทุกรูปแบบ และขอเป็นกำลังใจกับเจ้าหน้าที่ทุกภาคส่วนที่เสียสละช่วยเหลือพี่น้องประชาชนในพื้นที่”

ข่าว.แวดาโอ๊ะ หะไร จ.นราธิวาส

ผู้ว่าฯ “ชัชชาติ” เปิดหลักสูตรผู้บริหารระดับสูงด้านการพัฒนาผู้นำเมือง (ผู้นำเมือง รุ่น 10) 

วันที่ (13 ธ.ค. 67) ที่ห้องประชุมสภา กทม.(ดินแดน) ชั้น 2 อาคารไอราวัตพัฒนา ศาลาว่าการกรุงเทพมหานคร เขตดินแดง มหาวิทยาลัยนวมินทราธิราช จัดพิธีเปิดการอบรมหลักสูตรผู้บริหารระดับสูงด้านการพัฒนาผู้นำเมือง (ผู้นำเมือง รุ่น 10) โดยได้รับเกียรติจาก นายชัชชาติ สิทธิพันธุ์ ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร เป็นประธานกล่าวเปิดงาน และ ศ.สุรพล นิติไกรพจน์ นายกสภามหาวิทยาลัยนวมินทราธิราช กล่าวต้อนรับผู้เข้ารับการศึกษาอบรม โดยมี รศ.พงษ์ศักดิ์ น้อยพยัคฆ์ รองอธิการบดีมหาวิทยาลัยฯเป็นผู้กล่าวรายงาน พร้อมด้วย ผู้เข้ารับการศึกษาอบรม คณะผู้บริหารมหาวิทยาลัย และศิษย์เก่า (ผู้นำเมืองรุ่น 9)

สำหรับหลักสูตรผู้นำเมือง เป็นหลักสูตรที่เน้นการวิเคราะห์เชิงบูรณาการ ในด้านการบริหารจัดการเมืองและท้องถิ่น ซึ่งจะช่วยเพิ่มศักยภาพผู้นำทำให้เกิดการพัฒนาต่อยอดแนวคิดที่ดีระหว่างกัน และเกิดองค์ความรู้ในเชิงการบริหารจัดการ การเชื่อมโยงงานภาคีเครือข่ายที่หลากหลาย การบริหารจัดการเชิงพื้นที่ที่ดี และการนำสังคมที่ดี เพื่อมุ่งสู่การพัฒนาเมืองและท้องถิ่นอย่างยั่งยืน

มีวัตถุประสงค์ เพื่อสร้างทัศนคติ ความรู้ ความเข้าใจ การบริหารจัดการเมืองและการปกครองส่วนท้องถิ่น เพื่อให้ผู้นำหรือผู้บริหารของทุกภาคส่วน ได้นำเสนอและแลกเปลี่ยนประเด็นเชิงประสบการณ์ในด้านการบริหารจัดการเมืองและการปกครองส่วนท้องถิ่นอย่างอิสระ เพื่อให้ผู้นำภาครัฐ ภาคเอกชน สามารถบูรณาการแนวคิดแนวทางในการบริหารองค์กรบริหารเมืองและท้องถิ่นร่วมกันเป็นประโยชน์ต่อเมือง สังคม ประเทศชาติ

สำหรับผู้เข้าอบรมหลักสูตรผู้นำเมือง รุ่น 10 ประกอบด้วย ข้าราชการกรุงเทพระดับผอ. ข้าราชการการเมืองกรุงเทพมหานคร สมาชิกสภากรุงเทพ ข้าราชการการเมืองระดับประเทศ ผู้บริหารสถาบันอุดมศึกษา ผู้บริหารหน่วยงานรัฐ  / รัฐวิสาหกิจ ผู้บริหารองค์กรส่วนท้องถิ่น ผู้แทนมูลนิธิ และสื่อมวลชน จำนวน 130 คน อาทิ นายพินิจ จารุสมบัติ อดีตรองนายกรัฐมนตรี พล.ท.เจษฎ์ จันทรสนาม  รอง ผอ.ประสานการปฏิบัติที่ 1 กองอำนวยการรักษาความมัานคงภายในราชอาณาจักร พล.ท.ชนินทร์ สิงหนาทนิติรักษ์ ผู้อำนวยการศูนย์การปฏิบัติที่ 3 กองอำนวยการรักษาความมัานคงภายในราชอาณาจักร นายพรชัย มงคลวนิช  อธิการบดี มหาวิทยาลัยสยาม  

สุราษฎร์ธานี-ระทึกน้ำท่วมขัง กลางเมืองสุราษฎร์ธานี หลังฝนตกหนักต่อเนื่องนานกว่า 3 ชั่วโมง สั่งปิดโรงเรียนเขตเทศบาลนครเพื่อความปลอดภัย

(16 ธ.ค. 67) นายธีรุตน์ ศุภวิบูลย์ผล รองผู้ว่าราชการจังหวัดสุราษฎร์ธานี รักษาราชการแทนผู้ว่าราชการจังหวัดสุราษฎร์ธานี พร้อมด้วย นายบุญเรือง หลงละลวด หัวหน้าสำนักงานป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยจังหวัดสุราษฎร์ธานี และนายประเสริฐ บุญประสพ นายกเทศมนตรีนครสุราษฎร์ธานี ร่วมลงพื้นที่ติดตามสถานการณ์น้ำท่วมขังรอระบาย ตั้งแต่ถนนกาญจนวิถี ไปจนถึงหน้าโรงพยาบาลทักษิณ หลังมีฝนที่ตกหนักนานกว่า 3 ชั่วโมง ในเขตเทศบาลนครสุราษฎร์ธานี ทำให้เกิดน้ำท่วมขัง ถนนหลายเส้น ความสูง 30 – 50 เซนติเมตร โดยเฉพาะจุดดังกล่าว ซึ่งเป็นพื้นที่ลุ่ม รับน้ำจากถนนอื่นๆ ไหลบ่ามารวมกัน ส่งผลให้น้ำท่วมสูง รถที่สัญจรได้ยาก และคลื่นน้ำ ยังเข้าไปกระทบต่อบ้านเรือน และสถานประกอบการริมถนนจนได้รับความเสียหาย 

กรณีดังกล่าว รักษาราชการแทนผู้ว่าราชการจังหวัดสุราษฎร์ธานี ได้ประสานให้ปิดการจราจร ถนนเส้นดังกล่าวชั่วคราว เพื่อลดผลกระทบ ต่อประชาชน และเร่งนำรถสูบน้ำท่วมขังประสิทธิภาพสูง ของ ปภ.สุราษฎร์ธานี เข้ามาระบายน้ำ ในบริเวณดังกล่าว ซึ่งเกี่ยวเนื่องกับถนนอื่นๆอีกหลายเส้น 

สำหรับโรงเรียนในเขตเทศบาล ได้มีการสั่งปิดการเรียนการสอน หรือ ปรับมาเรียนออนไลน์หลายแห่ง เพื่อความปลอดภัยของนัก

สิทธิเณศ เห้งทับ สุราษฎร์ธานี


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top