Monday, 23 June 2025
NEWS FEED

‘ดร.เสรี’ ฟาดใส่!! กระบวนการยุติธรรม ของประเทศ จัดการคนทำผิดกฎหมายไม่ได้ ไม่เป็นที่พึ่งให้ปชช.

(15 ธ.ค. 67) ดร. เสรี วงษ์มณฑา นักวิชาการด้านการตลาดและการสื่อสารโพสต์เฟซบุ๊ก ว่าเวลานี้การที่มีคนทำผิดกฎหมาย ไม่ให้ค่ารัฐธรรมนูญ บดขยี้กระบวนการยุติธรรมจนป่นปี้ แล้วไม่มีความผิดใดๆ เอาโทษไม่ได้ เป็นเพราะอะไร

เพราะเราไม่มีกฎหมายจะจัดการกับเขา?

เพราะกฎหมายเราอ่อน มีช่องโหว่ให้เขารอดได้?

หรือผู้รักษากฎหมายนิ่งเฉยด้วยเหตุผลบางประการ กลัว? เกรงใจ? เป็นหนี้บุญคุณ? ได้รับผลประโยชน์?

ท่านที่มีอำนาจในการใช้กฎหมาย ท่านไม่คิดจะทำหน้าที่ของพวกท่านบ้างเลยหรือ ใจคอท่านจะยอมเห็นประเทศพินาศต่อหน้าต่อตาหรือ

ประชาชนเจ็บช้ำแค่ไหนแล้ว ประเทศชาติย่ำแย่เสื่อมทรุดแค่ไหน พวกท่านไม่เห็นเลยหรือ ทำไมจึงเฉยอยู่ได้

ยังมีองค์กร หรือกระบวนการอันใดที่ประชาชนพอจะพึ่งได้ในการรักษาประเทศให้ดำรงคงมั่นอย่างยั่งยืนอีกบ้าง

หรือท่านมองไม่เห็นการกระทำที่ชั่วร้าย ทำลายประเทศ ท่านไม่รู้ หรือท่านแกล้งไม่รู้ เพราะท่านกลัวว่าท่านจะเดือดร้อน

มีหน้าที่ แต่ไม่ทำหน้าที่ ก็ออกไปดีกว่าไหมคะ

‘แพทองธาร’ ได้รับการจัดอันดับจาก ‘นิตยสาร Forbes’ ติดอันดับ 29 ‘สตรีทรงอิทธิพล’ จาก 100 คนทั่วโลก

(15 ธ.ค. 67) นางสาวแพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ได้รับการจัดอันดับจาก นิตยสาร Forbes ติดอันดับ 29 ‘สตรีทรงอิทธิพล’ จาก 100 คนทั่วโลก โดยได้อธิบายว่า การเปลี่ยนแปลงทางการเมืองครั้งใหญ่ของประเทศไทย เมื่อศาลรัฐธรรมนูญมีคำสั่งถอดถอน นายเศรษฐา ทวีสิน อดีตนายกรัฐมนตรี ออกจากตำแหน่ง ต่อมาสภาผู้แทนราษฎร มีมติเห็นชอบเกินกึ่งหนึ่ง ให้ น.ส.แพทองธาร ชินวัตร เป็นว่าที่นายกรัฐมนตรี คนที่ 31 ในเดือนสิงหาคม 2567

จากนั้นเธอสาบานตนเข้ารับตำแหน่งก่อนวันเกิดอายุครบ 38 ปีเพียงไม่นาน ถือเป็นนายกรัฐมนตรีที่อายุน้อยที่สุดในประวัติศาสตร์ของประเทศไทย แพทองธารเป็นบุตรสาวคนเล็กของทักษิณ ชินวัตร ที่เคยดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรีระหว่างปี 2544 ถึง 2549 ส่วนยิ่งลักษณ์ ชินวัตร อาของเธอดำรงตำแหน่งดังกล่าวระหว่างปี 2554 ถึง 2559

ด้าน นางสาวจิราพร สินธุไพร รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า ผลการจัดอันดับ Top 100 The World’s Most Powerful Women ประจำปี 2024 ของนิตยสาร Forbes ซึ่งเป็นนิตยสารเกี่ยวกับธุรกิจและการเงินที่ทรงอิทธิพล มีชื่อเสียงระดับโลก ปรากฎชื่อ นางสาวแพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรีของประเทศไทย ติดอันดับที่ 29 จากสตรีทรงอิทธิพล 100 คนทั่วโลก และถือเป็นสตรีที่ทรงอิทธิพลอันดับ 3 ของเอเชีย ซึ่งเป็นเรื่องน่ายินดีที่นานาประเทศเล็งเห็นถึงศักยภาพผู้นำหญิงของไทยที่มีความโดดเด่นในเวทีโลก 

นางสาวแพทองธาร เป็นนายกรัฐมนตรีหญิงที่อายุน้อยที่สุดในประวัติศาสตร์ของประเทศไทย โดยนับแต่ก้าวแรกที่เข้ามาดำรงตำแหน่ง ได้แสดงภาวะผู้นำในการรับมือกับภาวะวิกฤตภายในประเทศหลายเหตุการณ์ โดยเฉพาะการจัดการปัญหาอุทกภัยที่เกิดขึ้นในหลายจังหวัด เหตุการณ์ไฟไหม้รถบัสนักเรียน ที่ได้สั่งการหน่วยงานที่เกี่ยวข้องให้ดำเนินการอย่างรวดเร็ว ทันต่อสถานการณ์ รวมถึงเดินหน้าผลักดันนโยบายต่าง ๆ ต่อเนื่องจากรัฐบาล อดีตนายกรัฐมนตรี เศรษฐา ทวีสิน ซึ่งจากการแถลงผลการดำเนินงานของรัฐบาล รอบ 90 วันที่ผ่านมา มีหลายนโยบายที่ทำสำเร็จไปแล้ว และจะมีการดำเนินการต่อเนื่อง ไม่ว่าจะเป็น พักหนี้เกษตรกร 3 ปี การกระตุ้นการท่องเที่ยวด้วยฟรีวีซ่า โครงการเงินหมื่นฟื้นเศรษฐกิจ กฎหมายสมรสเท่าเทียม โครงการ 30 บาทรักษาทุกที่  การแก้ปัญหาไร้สัญชาติให้กับกลุ่มชาติพันธุ์ รวมถึงยังมี นโยบายที่ให้ความสำคัญกับสตรี เช่น การฉีดวัคซีนมะเร็งปากมดฟรีสำหรับผู้หญิงทุกคน เป็นต้น นางสาวจิราพร กล่าว

นางสาวจิราพร กล่าวเพิ่มเติมว่า ที่ผ่านมานางสาวแพทองธารยังเคยถูกจัดอันดับ 1 ใน 100 บุคคลผู้ทรงอิทธิพลแห่งอนาคต (Time 100 Next) ของนิตยสารไทม์ (Time) สหรัฐอเมริกา ในประเภทผู้นำ (Leaders) ร่วมกับผู้นำรุ่นใหม่ทั่วโลก รวมถึงยังได้รับความนิยมอันดับ 1 ในฐานะนักการเมืองที่โดดเด่นที่สุดของ ‘สวนดุสิตโพล’ แสดงให้เห็นว่านายกรัฐมนตรีเป็นผู้นำหญิงยุคใหม่ที่ได้รับความสนใจจากทั้งในประเทศและต่างประเทศ

'เอกนัฏ' สั่ง!! สส. ‘รวมไทยสร้างชาติ’ เร่ง!! ช่วยเหลือ ผู้ประสบภัยน้ำท่วมภาคใต้

(15 ธ.ค. 67) นายเอกนัฏ พร้อมพันธุ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม ในฐานะเลขาธิการพรรครวมไทยสร้างชาติ (รทสช.) เปิดเผยถึงกรณีให้ความช่วยเหลือน้ำท่วมภาคใต้ เนื่องจากมีฝนตกหนักติดต่อกันหลายวันว่า 

"จากเหตุการณ์น้ำท่วมภาคใต้ ทั้ง ชุมพร สุราษฎร์ธานี นครศรีธรรมราช ระนอง สส.ของพรรครวมไทยสร้างชาติ ได้ลงพื้นที่เร่งให้ความช่วยเหลือบรรเทาความทุกข์ร้อน จัดตั้งศูนย์ช่วยเหลือน้ำท่วม โรงครัวอาหารและลำเลียงข้าวของเพื่อส่งต่อช่วยเหลือในพื้นที่ประสบภัย ผมขอให้กำลังใจพี่น้องผู้ประสบภัยและผู้ปฏิบัติงานทุกท่าน" นายเอกนัฏ กล่าว

ตชด.ลุยน้ำท่วม ช่วยชาวบ้าน “ช้างศึก 1” สั่งกำชับ ตชด.ลงพื้นที่ช่วยประชาชน กาะติดสถานการณ์น้ำท่วมใต้ใกล้ชิด จัดกำลังช่วยเหลือทันท่วงที “ตชด.สิชล – ชุมพร” ส่งอาหาร น้ำดื่ม ยา บรรเทาทุกข์ผู้ประสบภัย

เมื่อวันที่ (15 ธ.ค. 67) พล.ต.ต.นิตินัย หลังยาหน่าย รักษาราชการแทนผู้บัญชาการตำรวจตระเวนชายแดน ( รรท.ผบช.ตชด. ) สั่งการชับ ให้ บก.ตชด.ภาค 4 และหน่วยงานในสังกัด ระดมกำลังเข้าช่วยเหลือประชาชนในพื้นที่น้ำท่วม จว.ชุมพร จว.ระนอง จ.นครศรีธรรมราช เนื่องจากฝนตกหนัก น้ำท่วมสูงหลายพื้นที่ มีประชาชนได้รับความเดือดร้อน ยานพาหนะได้รับความเสียหาย โดยให้ ตชด. นำ ยานพาหนะ และอุปกรณ์บรรเทาภัย เข้าช่วยเหลือพี่น้องประชาชนที่ได้รับความเดือดร้อนจากน้ำท่วม พร้อมบูรณาการทำงานกับหน่วยในพื้นที่เข้าให้การช่วยเหลือจนกว่าสถานการณ์จะเข้าสู่ภาวะปกติ ขณะเดียวกันให้ติดตามสถานการณ์น้ำ เฝ้าระวัง เตรียมพร้อมการเข้าช่วยเหลือประชาชนอย่างทันท่วงที โดยเฉพาะในพื้นที่ภาคใต้ตอนล่างที่อาจเกิดน้ำท่วมฉับพลันอีกระลอก

วันนี้ (15 ธ.ค. 67 ) พ.ต.ต.สมเกียรติ์ เทพฉิม ผบ.ร้อย ตชด.424 นำกำลังลงพื้นที่ ตำบลสำเภา อ.สิชล จว.นครศรีธรรมราช ซึ่งยังมีน้ำท่วมสูง ประชาชนได้รับความเดือดร้อน รถเล็กยังไม่สามารถสัญจรเข้าหมู่บ้านได้ ตชด.ได้ออกสำรวจพื้นที่ นำน้ำดื่มแจกจ่ายบรรเทาทุกข์ของประชาชน

ขณะที่สถานการณ์น้ำท่วมในพื้นที่ อ.สวี จว.ชุมพร ยังมีน้ำท่วมประชาชนได้รับความเดือดร้อนหลายครัวเรือน กองกำกับการตำรวจตระเวนชายแดนที่ 41 นำ  โดย พ.ต.อ.จาริพัฒน์  ทองแดง ผกก.ตชด.41 พร้อมชุดช่วยเหลือผู้ประสบภัย ลุยน้ำนำข้าวกล่อง, น้ำดื่ม, ถุงยังชีพ พร้อมยาเวชภัณฑ์  แจกจ่ายให้แก่ผู้ประสบอุทกภัยในพื้นที่ ต.ทุ่งระยะ ต.สวี อ.สวี ซึ่งมีประชาชนได้รับความเดือดร้อนจากน้ำท่วม 33 ครัวเรือน กว่า 100 คน ปัจจุบันในพื้นที่ไม่มีฝนตกแล้ว แต่ยังคงมีน้ำท่วมสูง ซึ่งต้องเฝ้าระวังและติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิดต่อไป.

เชียงใหม่-กองบิน 41 ร่วมพิธีเปิดปฏิบัติการ (Kick off) แก้ไขปัญหาในพื้นที่จังหวัดเชียงใหม่ เพื่อทำให้ประชาชนมีความสุข

วันอาทิตย์ที่ 15 ธันวาคม 2567 นาวาอากาศเอก ปรธร จีนะวัฒน์ ผู้บังคับการกองบิน 41 ร่วมพิธีเปิดปฏิบัติการ (Kick off) แก้ไขปัญหาในพื้นที่จังหวัดเชียงใหม่ เพื่อทำให้ประชาชนมีความสุข ซึ่งบูรณาการร่วมกัน เปิดปฏิบัติการ kick off ตรวจปัสสาวะกลุ่มเป้าหมาย เร่งค้นหาผู้เสพ ผู้ติดยาเสพติดในพื้นที่ ตั้งเป้าจะประกาศเป็น “จังหวัดสีขาว” ปลอดยาเสพติด ให้ได้ในวันที่ 28 กรกฎาคม 2568 โดยมี นายศิวะ ธมิกานนท์ รองผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงใหม่ เป็นประธานในพิธี ณ สนามกีฬาเทศบาลตำบลสุเทพ อำเภอเมืองเชียงใหม่ จังหวัดเชียงใหม่

ในโอกาสนี้ ผู้บังคับการกองบิน 41 ได้มอบหมายให้ นาวาอากาศเอก ชัยวัฒน์ เสมียนรัมย์ เสนาธิการกองบิน 41 ร่วมออกตรวจพื้นที่เทศบาลตำบลสุเทพ ที่ดำเนินการตรวจปัสสาวะกลุ่มเป้าหมายที่มีอายุตั้งแต่ 14-65 ปี ซึ่งจัดตั้ง ณ วัดโป่งน้อย ตำบลสุเทพ อำเภอเมืองเชียงใหม่ จังหวัดเชียงใหม่ และในการค้นหาผู้เสพ ผู้ติดยาเสพติดในพื้นที่ และนำผู้เสพ ผู้ติด และผู้มีอาการทางจิต เข้าสู่กระบวนการบำบัดรักษาฟื้นฟู และฟื้นฟูสภาพทางสังคม สร้างงาน สร้างอาชีพ เพื่อพัฒนาคุณภาพชีวิตให้อยู่ดีกินดีในระยะยาว โดยไม่กลับไปยุ่งเกี่ยวกับยาเสพติดอีกต่อไป

นภาพร/เชียงใหม่

ผลลัพธ์เยี่ยม! “เผ่าภูมิ” ชี้ “เงิน 10,000” ดันดัชนี้ความเชื่อมั่นผู้บริโภค-SME-อุตสาหกรรม พุ่ง 3 ตัว พร้อมกัน

(15 ธ.ค. 67) ดร. เผ่าภูมิ โรจนสกุล รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลัง เปิดเผยถึงสถานการณ์ความเชื่อมั่นทางเศรษฐกิจเดือนตุลาคม 2567 และพฤศจิกายน 2567 ดีขึ้นต่อเนื่อง 2 เดือนติด ส่วนหนึ่งเป็นผลจากการกระตุ้นเศรษฐกิจ ปี 2567 ผ่านผู้มีบัตรสวัสดิการแห่งรัฐและคนพิการ 14.55 ล้านคน ที่ดำเนินตั้งแต่ช่วงปลายเดือนกันยายน 2567 ที่ผ่านมา สะท้อนผ่านดัชนีทางเศรษฐกิจที่สำคัญ 3 ดัชนี ดังนี้

1) ดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภค (Consumer Confident Index: CCI) ปรับตัวเพิ่มขึ้นต่อเนื่อง 2 เดือน จาก 55.3 จุด ในเดือนกันยายน 2567 เพิ่มขึ้นเป็น 56.0 จุด ในเดือนตุลาคม 2567 และเพิ่มขึ้นเป็น 56.9 จุด ในเดือนพฤศจิกายน 2567 ส่วนหนึ่งเป็นผลจากกระตุ้นเศรษฐกิจของรัฐบาล ส่งผลให้มีการใช้จ่ายในระบบเศรษฐกิจเพิ่มขึ้น สร้างความเชื่อมั่นในกลุ่มผู้บริโภคมากขึ้น

2) ดัชนีความเชื่อมั่นผู้ประกอบการวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม (Small and Medium Enterprises Sentiment Index: SMESI) ปรับตัวเพิ่มขึ้น 2 เดือนติดต่อกัน จาก 49.6 จุด เพิ่มขึ้นเป็น 52.2 จุด ในเดือนตุลาคม 2567 และเพิ่มขึ้นเป็น 53.0 จุดในเดือนพฤศจิกายน 2567 โดยได้รับปัจจัยหนุนจากการกระตุ้นเศรษฐกิจ โดยเฉพาะกลุ่มสินค้าอุปโภคบริโภค ซึ่งได้รับผลประโยชน์โดยตรงจากการเพิ่มกำลังซื้อในตลาด

3) ดัชนีความเชื่อมั่นภาคอุตสาหกรรม (Thai Industrial Sentiment Index: TISI) ปรับตัวเพิ่มขึ้นจาก 87.1 จุด เป็น 89.1 จุด ในเดือนตุลาคม 2567 จากการผลิตและยอดขายสินค้าอุปโภคบริโภค เครื่องใช้ในบ้าน และอุปกรณ์การเกษตร และปุ๋ยเคมี ที่เพิ่มขึ้นจากการกระตุ้นเศรษฐกิจ สะท้อนถึงความเชื่อมั่นของภาคอุตสาหกรรมที่เริ่มฟื้นตัวและตอบสนองต่อการกระตุ้นเศรษฐกิจ โดยเฉพาะในกลุ่มสินค้าจำเป็นที่ตอบโจทย์ความต้องการในชีวิตประจำวันและภาคการเกษตร

ทั้งนี้ ความเชื่อมั่นทางเศรษฐกิจที่ปรับตัวขึ้นทั้ง 3 ดัชนี ข้างต้น สะท้อนถึงความเชื่อมั่นในกลุ่มผู้บริโภค ภาคอุตสาหกรรม และผู้ประกอบการ SMEs ที่มีการตอบสนองที่ดีต่อมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจ และสะท้อนถึงความคาดหวังในทิศทางเศรษฐกิจที่ดี โดยเฉพาะการปรับตัวดีขึ้นในกลุ่มธุรกิจที่มีบทบาทสำคัญในห่วงโซ่อุปทานของสินค้าอุปโภคบริโภค ซึ่งส่งผลดีต่อการบริโภคและการลงทุนในประเทศในระยะต่อไป

สำนักงานตำรวจแห่งชาติ ย้ำเตือน ตำรวจอายัดเงินเองได้ ไม่ต้องโอนมาให้ตรวจสอบ หากมีตำรวจวิดีโอคอลให้โอนเงิน มิจฉาชีพแน่นอน

(15 ธ.ค. 67) พล.ต.ต.ศิริวัฒน์ ดีพอ รองโฆษกสำนักงานตำรวจแห่งชาติ กล่าวว่า พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ พันธุ์เพ็ชร์ ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (ผบ.ตร.) มีความห่วงใยประชาชนในชีวิตและทรัพย์สินของพี่น้องประชาชน ซึ่งในช่วงที่ผ่านมา สำนักงานตำรวจแห่งชาติ ได้ประชาสัมพันธ์พี่น้องประชาชนเกี่ยวกับรูปแบบของอาชญากรรมรูปแบบต่าง ๆ อยู่เสมอ โดยเฉพาะอย่างยิ่งอาชญากรรมทางเทคโนโลยีในรูปแบบของแก๊งคอลเซ็นเตอร์ ที่แอบอ้างเป็นเจ้าหน้าที่ของรัฐ หลอกลวงให้ผู้เสียหายเกิดความหวาดกลัวว่าจะถูกดำเนินคดี และให้โอนเงินมาเพื่อตรวจสอบแสดงความบริสุทธิ์ใจ

สำนักงานตำรวจแห่งชาติ จึงขอย้ำเตือนพี่น้องประชาชน ว่าเจ้าหน้าที่ตำรวจ และหน่วยงานบังคับใช้กฎหมายต่าง ๆ มีอำนาจตามกฎหมายในการยึดหรืออายัดทรัพย์สินที่มีไว้เป็นความผิด เกี่ยวข้องกับการกระทำความผิด หรือได้มาจากการกระทำความผิด โดยไม่จำเป็นต้องให้เจ้าของทรัพย์สินโอนทรัพย์สินดังกล่าวให้กับเจ้าหน้าที่

โดยหากพี่น้องประชาชนพบเห็นเจ้าหน้าที่ตำรวจ หรือเจ้าหน้าที่ของรัฐ ใช้วิธีการวิดีโอคอลหาท่าน 
เพื่อโน้มน้าวหรือข่มขู่ให้ท่านโอนเงิน เพื่อแสดงความบริสุทธิ์ใจ เพื่อให้เจ้าหน้าที่ตรวจสอบ หรือบางครั้งอาจข่มขู่ถึงขั้นให้ถอดเสื้อผ้า ถ่ายคลิปวิดีโอ ขอให้พี่น้องประชาชนนึกไว้ก่อนเลยว่าเป็นมิจฉาชีพแน่นอน

ทั้งนี้หากพี่น้องประชาชนพบเห็นการหลอกลวงในลักษณะดังกล่าว สามารถแจ้งเบาะแสได้ที่ สายด่วนสำนักงานตำรวจแห่งชาติ 1599 และถ้าท่านตกเป็นเหยื่อ หรือได้รับความเสียหาย สามารถแจ้งความร้องทุกข์ได้ที่สถานีตำรวจในพื้นที่ หรือแจ้งความออนไลน์ได้ที่ เว็บไซต์ www.thaipoliceonline.go.th หรือ สายด่วน 1441 ได้ ตลอด 24 ชั่วโมง

สมุทรปราการ-“บิ๊กโจ๊ก” ร่วมงานสังสรรค์สมาคมชาวใต้สมุทรปราการ ครั้งที่ 19 หารายได้จัดสร้างอาคารสำนักงานสมาคมชาวใต้สมุทรปราการ 

(14 ธ.ค 67) ที่ลานอเนกประสงค์ เยื้องหมู่บ้านพฤกษา 106 ถนนตำหร-บางพลี อ.เมือง จ.สมุทรปราการ ทางสมาคมชาวใต้สมุทรปราการ ได้จัดงานเลี้ยงสังสรรค์พี่น้องชาวใต้ในจังหวสมุทรปราการเป็นครั้งที่ 19 โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อหารายได้จัดสร้างอาคารสำนักงานสมาคมชาวใต้สมุทรปราการ โดยสมาคมชาวใต้สมุทรปราการ ได้จดทะเบียนยกฐานะ จากชมรมชาวใต้สมุทรปราการ ซึ่งได้มีประวัติ บันทึกไว้ว่าราวปี 2540 พี่น้องชาวใต้ 14 จังหวัด ในสมุทรปราการ ได้รวมตัวกันก่อตั้งชมรมชาวใต้สมุทรปราการขึ้นมาในขณะนั้น

โดยมี นายสุรเชษฐ์ คุยยกสุย ซึ่งเป็นผู้ใหญ่บ้านในขณะนั้น เป็นประธานชมรมคนแรก และได้มีการจัดกิจกรรมสังสรรค์เพื่อหารายได้นำไปช่วยเหลือที่น้องชาวใต้ และสาธารณประโยชน์มาอย่างต่อเนื่อง  กระทั่งปี พ.ศ. 2556 ทางกรรมการบริหารชมรมฯ ขณะนั้นมีความประสงค์จะยกฐานะให้ชมรมชาวใต้สมุทรปราการ เป็นองค์กรที่สามารถทำกิจกรรมเพื่อสาธารณประโยชน์อย่างเป็นทางการมากยิ่งขึ้น จึงได้มีมติจัดตั้งเป็นสมาคมขึ้น 

มีนายไพรัตน์ จันทร์ไชยแก้ว นายเฉลิม จันทร์เภา และนายพิศิษฐ์ รมย์ทอง เป็นผู้ยื่นขอจดทะเบียนก่อตั้งสมาคม เมื่อปี พ.ศ.2550 และมีนายไพรัตน์ จันทร์ไชยแก้ว เป็นนายกสมาคมคนแรก มีกรรมการบริหารสมาคม ชุดก่อตั้งทั้งหมดรวม 15 คน  ต่อมาสมาคมชาวใต้สมุทรปราการ ได้รับการสนับสนุนจากผู้ประกอบการ และพี่น้องชาวใต้และคนในจังหวัดสมุทรปราการ จนสามารถจัดซื้อที่ดินของสมาคมได้เป็นที่เรียบร้อย

ภายในงานยังได้รับเกียรติจากท่าน พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ หักพาล อดีตรอง ผบ.ตร.ในฐานะนายกสมาคมชาวปักษ์ใต้ ในพระบรมราชูปถัมภ์ เป็นประธานกล่าวเปิดงาน โดยมี พล.ต.ต.ปกปภพ บดีพิทักษ์ ผบก.ศฝร.ภ.6 ประธานจัดงานสังสรรค์ชาวใต้สมุทรปราการ ครั้งที่ 19 เป็นผู้กล่าวถึงวัตถุประสงค์ของการจัดงานในครั้งนี้

มีนายไพรัตน์ จันทร์ไชยแก้ว นายกสมาคมชาวใต้สมุทรปราการ กล่าวให้การต้อนรับ นอกจากนี้ภายในงานยังได้รับเกียรติจากนายสุดใจ จิรยาภากร ประธาน กต.ตร.สมุทรปราการ ประธานที่ปรึกษาเดินทางมาร่วมให้การสนับสนุนพร้อมทั้งมอบเงินให้กับทางสมาคมเพื่อนำไปบริหารให้เกิดประโยชน์อย่างสูงสุด นอกจากนี้ยังมีนายอำนวย สุวรรณรักษ์ อดีตอุตสาหกรรมจังหวัดสมุทรปราการ ที่ปรึกษา นายประสงค์ โภคเจริญดี กต.ตร.สมุทรปราการ ที่ปรึกษา นางสาวศุภลักษณ์ ปาลกะวงศ์ สมาพันธ์จิตอาสาชาวใต้ สมาคมชาวปักษ์ใต้ ในพระบรมราชูปถัมภ์ รองประธานจัดงาน นายชาญณรงค์ รมย์ทอง เลขาจัดงานฯ พันตำรวจตรี อดุลย์ รุ่งเรือง สารวัตรอำนวยการ สถานีตำรวจภูธรสำโรงใต้
ทนายวิจิตร ทองนุ่น (ทนาย ใจถึงพื่งได้ )  

ผู้ช่วยสมาชิกวุฒิสภาและที่ปรึกษากิตติมศักดิ์ประจำคณะกรรมาธิการการบริหารราชการแผ่นดินวุฒิสภา ปิยพงษ์  เชื้อบ้านเกาะ(ปีเตอร์นคร)ตลอดจน คณะกรรมการบริหารสมาคมชาวใต้สมุทรปราการ คณะกรรมการฝ่ายจัดงาน สมาชิกสมาคมฯ ชมรมชาวใต้ที่ทำ MOU ร่วมกับทางสมาคมชาวใต้จังหวัดสมุทรปราการ 

และผู้ที่ให้การสนับสนุน รวมกว่า 1.000 คน เข้าร่วมงานกันอย่างคึกคักบรรยากาศภายในงานได้มีการส่งมอบธงโดย พล.ต.ต.ปกปภพ บดีพิทักษ์ ผบก.ศฝร.ภ.6 ได้ส่งมอบธงให้กับ นายธัญญารัตน์ พรหมสุทธิ์ อุตสาหกรรมจังหวัดสมุทรปราการ ในการจัดงานครั้งที่ 20 ต่อไป ในการนี้ทางสมาคม ได้เนรมิตสถานที่ให้เป็นแบบงานวัด มีการออกร้านอาหาร ของทางภาคใต้ และภาคกลางมีการจำหน่ายสินค้าภาคใต้ตลอดจนเครื่องเล่นสนามบ้านลม ตุ๊กตาปูนพลาสเตอร์ระบายสี ตักปลา และห้องเด้งดึ๋ง เพลิดเพลินไปกับวงดนตรี วงกัลปังหา วงฉลามขาว วงคนข้างถนน และวงชาวาลา

คิว-ข่าวสมุทรปราการ รายงาน

‘รมต.เฮ้ง’ ผู้ใหญ่ใจดี ไม่ทอดทิ้ง!! น้องนักเรียนหญิง มอบทุนเติมฝัน ให้ไปแข่งขันคอมพิวเตอร์หุ่นยนต์เกาหลีใต้

(14 ธ.ค. 67) นายสุชาติ ชมกลิ่น รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงพาณิชย์ ได้โพสต์ข้อความระบุว่า …

ผมไม่มีอะไรมาก มันไม่เกี่ยวไม่ใช่เรื่องการเมือง แต่เป็นเรื่องของการส่งเสริมสนับสนุน ให้น้องๆ หนูๆ นักเรียนทุกคน ที่ตั้งใจขยัน มีความสามารถ ได้ไปแสดงความสามารถ ความเก่ง เป็นตัวแทนพี่น้องคนไทย ที่สำคัญคือ เป็นพลังกำลังใจ ให้น้องคนเก่ง ได้สร้างความฝันที่ดีงาม ของคนรุ่นใหม่ ที่จะเป็นพลังสำคัญของประเทศชาติ ในอนาคต 

ผมอยากเห็นคนที่เป็นนักการเมือง อยากทำเพื่อชาติ บ้านเมือง ออกมา ช่วยกันทำ ให้น้องๆ คนรุ่นใหม่ ได้เห็นนักการเมืองคือที่พึ่งพา ในยามที่ต้องปรึกษา ไม่อยากเห็นน้องๆคนรุ่นใหม่ๆ มองนักการเมืองคือเรื่องทะเลาะกัน เพื่อผลประโยชน์ ของตัวเองหรือครอบครัวตัวเอง การเป็นนักการเมืองคือ ต้องเสียสละ ทำงานรับใช้พี่น้องประชาชน ทำเพื่อชาติบ้านเมือง

สุชาติ ชมกลิ่น

‘สหประชาชาติ’ แนะ!! ไทย ให้ปลดล็อก ‘Sex Worker’

(14 ธ.ค. 67) ที่โรงแรมเรเนซองส์ กรุงเทพฯ ราชประสงค์ ชั้น 4 ห้อง Studio R6 คณะทำงานแห่งสหประชาชาติว่าด้วยการเลือกปฏิบัติต่อผู้หญิงและเด็กผู้หญิง (WGDAWG) แถลงข่าวสถานการณ์ด้านสิทธิฯ ภายหลังการมาเยือนประเทศไทยเป็นครั้งแรกตามคำเชิญของรัฐบาล

ไฮนา ลู และ อีวานา เคิร์สติช ตัวแทนสมาชิกคณะทำงาน ได้ประเมินความคืบหน้าและข้อท้าทายในการบรรลุความเท่าเทียมทางเพศและขจัดการเลือกปฏิบัติในการมาเยือนประเทศไทยครั้งนี้ รวมถึงพิจารณาหลายแง่มุมของชีวิตผู้หญิงและเด็กผู้หญิง โดยเฉพาะอย่างยิ่งผู้ที่เผชิญรูปแบบการเลือกปฏิบัติที่ทับซ้อนแตกต่างกันไป ซึ่งมีการหารือทั้งในกรุงเทพมหานคร แม่สอด เชียงใหม่ และ หาดใหญ่

สาระสำคัญของรายงาน ระบุว่า ไทยอยู่ในจังหวะสำคัญที่จะก้าวเป็นแบบอย่างของความเท่าเทียมทางเพศในภูมิภาค โดยออกแถลงการณ์ชื่นชมที่มีความก้าวหน้าด้านสิทธิผู้หญิงและเด็กผู้หญิง ทั้งด้านกฎหมายและในเชิงสถาบันต่าง ๆ โดยเฉพาะการศึกษา สาธารณสุข และการจ้างงาน

อย่างไรก็ดี ยังมีความกังวลต่อช่องว่างที่สำคัญในการบังคับใช้นโยบาย ซึ่งขัดขวางการบรรลุความเสมอภาค โดยเสนอแนะว่ากลไกขับเคลื่อนเรื่องผู้หญิงระดับชาติ ควรได้รับการสนับสนุนทางการเงิน รวมถึงบุคลากร ซึ่งการจัดสรรงบประมาณที่คำนึงถึงมิติทางเพศ ยังเป็นหนึ่งในคำมั่นที่ระบุไว้ในรัฐธรรมนูญ

อีวานา เคิร์สติช กล่าวว่า ในเครื่องความรุนแรงทางเพศ เราเห็นว่าเทคโนโลยีเป็นส่วนหนึ่งที่ทำให้เกิดการ ‘ไซเบอร์บูลลี’ หรือการเปิดเผยข้อมูลที่ทำให้เกิดอันตราย เป็นความท้าทายของรัฐบาลไม่ให้การล่วงละเมิดและตักตวงผลประโยชน์จากผู้หญิง

อยากแนะนำให้รัฐบาลไทย เลิกทำให้การค้าบริการทางเพศเป็นสิ่งผิดกฎหมาย เราอยากให้เขาเข้ารับบริการทางสุขภาพได้อย่างเป็นธรรม ขณะเดียวกัน รัฐบาลควรดำเนินการบูรณาการในการดูแลเหยื่อ แต่ในทางปฏิบัติเองเราก็พบว่ายังมีทีมงานไม่เพียงพอในศูนย์ต่าง ๆ ซึ่งน่าจะทำให้ทุกคนเข้าถึงบริการพื้นฐานเหล่านี้ได้อย่างเท่าเทียมกันมากขึ้น


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top