เอกนัฏ ตอบชัดเจน!! ไม่ยอมให้ใครมา ทำมาหากิน บนความเดือดร้อนของพี่น้องประชาชน
เอกนัฏ ตอบชัดเจน!!
ไม่ยอมให้ใครมา ทำมาหากิน บนความเดือดร้อนของพี่น้องประชาชน

เอกนัฏ ตอบชัดเจน!!
ไม่ยอมให้ใครมา ทำมาหากิน บนความเดือดร้อนของพี่น้องประชาชน
(14 ธ.ค.67) พล.ต.ท.อาชยน ไกรทอง โฆษกสำนักงานตำรวจแห่งชาติ กล่าวว่า กรณีเหตุระเบิดภายในงานกาชาด อะเมซิ่งแผ่นดินดอยลอยฟ้า อ.อุ้มผาง จ.ตาก ประจำปี 2567 นั้น ได้รับรายงานจาก สภ.อุ้มผาง จ.ตาก ว่า เมื่อวันที่ 13 ธันวาคม 2567 เวลา 23.35น. เกิดเหตุทะเลาะวิวาทปาระเบิดใส่ผู้มาร่วมงานกาชาด อะเมซิ่งแผ่นดินดอยลอยฟ้า เจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.อุ้มผาง ได้ทำการช่วยเหลือผู้บาดเจ็บและประสานหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเพื่อนำผู้บาดเจ็บส่งตัวไปยังโรงพยาบาลอุ้มผาง ซึ่งมีผู้บาดเจ็บ 48 ราย และมีผู้เสียชีวิต 3 ราย โดยมีคนร่วมงานประมาณ 8,000 – 9,000 คน
หลังเกิดเหตุ เจ้าหน้าที่ตำรวจและเจ้าหน้าที่ทหารได้ร่วมกันสืบสวนติดตามจับตัวผู้ก่อเหตุได้ทั้ง 2 คน ได้แก่ คนไทย 1 คน คือ นายเอ (นามสมมติ) และกองกำลังกะเหรี่ยง KNU 1 คน คือ นายจอริทู มีประวัติเคยถูกจับกุมคดียาเสพติดเมื่อเดือนกุมภาพันธ์ 2567 ที่ผ่านมา จากการสอบสวนเบื้องต้น นายจอริทู รับว่าเป็นผู้สะพายกระเป๋าใส่ระเบิด สาเหตุเกิดจากมีเหตุโกรธเคืองกับกลุ่มวัยรุ่นคู่กรณีมาตั้งแต่งานลอยกะทง ครั้งนี้จึงมาก่อเหตุเอาคืนคู่กรณี
นอกจากนี้ โฆษก ตร. กล่าวว่า พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ พันธุ์เพ็ชร์ ผู้บัญชากรตำรวจแห่งชาติ (ผบ.ตร.) ได้แสดงความเสียใจกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ซึ่ง น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ได้สั่งการให้ดำเนินการเรื่องนี้เต็มที่ โดยหลังทราบเรื่อง ผบ.ตร.ได้สั่งการตำรวจฝ่ายสืบสวนพื้นที่ และ ภ.6 เร่งจับกุมผู้ก่อเหตุให้ได้ โดยให้บูรณาการกับหน่วยงานทหารเพื่อติดตามตัวผู้ก่อเหตุ ซึ่งเบื้องต้นสามารถควบคุมตัวผู้ต้องสงสัยไว้ได้ 2 ราย และได้สั่งการให้ พล.ต.ท.ธนายุตม์ วุฒิจรัสธํารงค์ ผู้ช่วย ผบ.ตร. ซึ่งรับผิดชอบงานสืบสวนสอบสวน กำกับดูแลพื้นที่ ภ. 5 และ ภ.6 ลงไปกำกับติดตามเรื่องนี้อย่างใกล้ชิดแล้ว เพื่อขยายผลดำเนินการทุกมิติ
สำหรับตำรวจพื้นที่ ผบ.ตร. ได้สั่งการให้ผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดตาก ตรวจสอบข้อเท็จจริงว่า ก่อนการจัดงานได้มีการประชุมหรือวางแผนในการดูแลรักษาความปลอดภัยอย่างไรหรือไม่ หากพบว่าเป็นงานประจำปีที่จัดขึ้นทุกปีและไม่มีการกำหนดแผนหรือมาตรการใดๆ รองรับ ให้พิจารณาข้อบกพร่องทางวินัยและการปกครองทันที รวมทั้งสั่งเพิ่มความเข้มทุกพื้นที่ที่มีการจัดงาน ทั้งด้านการหาข่าวและการปฏิบัติ และการระมัดระวังกลุ่มวัยรุ่นที่เป็นคู่อริ ต้องไม่ให้เกิดเหตุใดๆ ทั้งสิ้น เพื่อดูแลความปลอดภัยของพี่น้องประชาชน
สมาคมสื่อต้านโกง รวมพลหยุดทุจริตคอร์รัปชัน-สร้างธรรมาภิบาล มอบรางวัลรางวัล 'ANTI-CORRUPTION AWARDS 2024' ส่งเสริมการต้านคอร์รัปชั่น และส่งเสริมธรรมาภิบาลปี 2567 เผยสื่อฯ คว้ารางวัลต้านโกง 'ข่าว 3 มิติ' ปมแฉ มทร.ธัญบุรี ทุจริต 10 โครงการ 'ลุยชนข่าว' เปิดข่าวอื้อฉาวอดีตพระคมซุกทอง 'เนชั่นทีวี 22' เปิดโปงพิมพ์ตำราเรียนเอื้อเอกชน ส่วน 'ช่อง 7' ชำแหละส่วยสีกากี
เมื่อวันที่ (13 ธ.ค.67) ที่อาคารอเนกประสงค์ ชั้น 2 สถาบันวิชาการป้องกันประเทศ สมาคมผู้สื่อข่าวต้านคอร์รัปชั่น(ประเทศไทย) ได้จัดงานมอบรางวัล 'ANTI-CORRUPTION AWARDS 2024' ส่งเสริมการต้านคอร์รัปชั่น และส่งเสริมธรรมาภิบาลประจำปี 2567 โดยมีนายชวน หลีกภัย อดีตนายกรัฐมนตรี และอดีตประธานรัฐสภา เป็นประธานเปิดงานและมอบรางวัล พร้อมกล่าวปาฐกถาพิเศษ ในหัวข้อ 'คนรุ่นใหม่ ใจสุจริต'
ดร.เอก์ เหลืองสอาด นายกสมาคมผู้สื่อข่าวต้านคอร์รัปชั่น (ประเทศไทย) กล่าวว่าการจัดงานครั้งนี้ นับเป็นครั้งที่ 6 และก้าวสู่ปีที่ 13 ในการก่อตั้งสมาคมฯ เพื่อยกย่อง เชิดชู เป็นขวัญกำลังใจให้กับองค์กร หน่วยงาน บุคคล และสื่อมวลชน ที่ปฏิบัติหน้าที่ด้วยความซื่อสัตย์สุจริต นำหลักธรรมาภิบาลไปใช้เพื่อประโยชน์แก่ตัวเองและประเทศชาติ
ด้วยความร่วมมือกับองค์กรระดับประเทศ อาทิ มูลนิธิต่อต้านการทุจริต องค์กรต่อต้านคอร์รัปชัน (ประเทศไทย) และภาคีเครือข่ายธรรมาภิบาลแห่งชาติ ทำให้การขับเคลื่อนยุทธศาสตร์ชาติต่อต้านการทุจริตเป็นไปอย่างเข้มข้น โดยเฉพาะการลงนามบันทึกข้อตกลงความร่วมมือกับสถาบันอุดมศึกษาทั่วประเทศ ในการผลักดันจัดตั้งสภาธรรมาภิบาลนิสิตนักศึกษาแห่งประเทศไทย เพื่อเป็นศูนย์กลางปลุกจิตสำนึกเยาวชนคนรุ่นใหม่ สร้างพลเมืองสุจริต โดยสมาคมฯ ได้ลงนามบันทึกข้อตกลงความร่วมมือกับสถาบันอุดมศึกษา 39 แห่ง และจะยกระดับก่อให้เกิดสภาธรรมาภิบาลนิสิตนักศึกษาแห่งประเทศไทย ตามเจตนารมณ์ที่ตั้งไว้
สำหรับสื่อสารมวลชนที่ได้รับรางวัลในปี 2567 ที่นำเสนอข้อมูลข่าวสารเกี่ยวกับการส่งเสริมการต้านคอร์รัปชั่น ได้แก่ 1.สถานีโทรทัศน์ไทยทีวีสีช่อง 3 HD รายการ 'ข่าว 3 มิติ' ข่าวผู้บริหารมหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลธัญบุรี ทุจริตจัดซื้อจัดจ้าง 10 โครงการ, 2.สถานีโทรทัศน์ช่อง 8 รายการ 'ลุยชนข่าว' ดำเนินรายการโดยนายพุทธอภิวรรณ องค์พระบารมี 'ข่าวอดีตพระคมยักยอกทรัพย์วัด ซุกทองนับร้อยล้านบาท' และ 3.สถานีโทรทัศน์ช่อง 7HD รายการ 'คอลัมน์หมายเลข 7' เปิดกลโกงวงการสีกากี เรียกเก็บส่วยสถานบันเทิง 4.สถานีโทรทัศน์เนชั่นทีวี (Nation TV 22) รายการ 'สืบสวนความจริง' เปิดโปงการจัดซื้อจัดจ้างภาครัฐ เปิดช่องฮั้วประมูล ในสำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมสวัสดิการและสวัสดิภาพครูและบุคลากรทางการศึกษา (สกสค.) และ 5.เพจเฟซบุ๊ก 'อีซ้อขยี้ข่าว' ฉะเรียกรับผลประโยชน์ของนักการเมือง สาวไปถึงตัว 'เทวดา สคบ.'
สำหรับรางวัลองค์กรส่งเสริมธรรมาภิบาล ประจำปี 2567 ได้แก่ 1.การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) 2.บริษัท ศรีตรัง แอโกรอินดัสทรี จำกัด (มหาชน) 2.บริษัท ศรีตรังแอโกรอินดัสทรี จำกัด (มหาชน) และ 3.บริษัท ชวิศา โซน จำกัด
ส่วนรางวัลส่งเสริมธรรมาภิบาลประเภทบุคคล ได้แก่นายวิทัย รัตนากร ผู้อำนวยการธนาคารออมสิน มีผลงานโดดเด่นในการขับเคลื่อนองค์กรคุณธรรมต้นแบบ ยึดมั่นในหลักธรรมาภิบาล ลดกำไรองค์กร เพื่อสังคมอย่างสมเหตุสมผล และดำเนินธุรกิจด้วยความซื่อสัตย์สุจริตโปร่งใส เป็นธรรม สำหรับอีกหนึ่งรางวัลส่งเสริมธรรมาภิบาล ได้แก่ รศ.ดร.อิสระ เสรีวัฒนาวุฒิ รองเลขาธิการสถาบันพระปกเกล้า มีผลงานที่เป็นรูปธรรมในด้านการส่งเสริมธรรมาภิบาลเป็นที่ประจักษ์ โดยเป็นผู้ริเริ่มโครงการบ้านเมืองสุจริต และได้รับการสนับสนุนต่อเนื่องนับจากปี 2563 จวบจนปัจจุบันนี้
กองทัพเรือ โดย สำนักงานเลขานุการคณะกรรมการพัฒนาเพื่อความมั่นคงในระดับพื้นที่ในเขต ทัพเรือภาคที่ 1 จัดกิจกรรมอบรมเยาวชนเข้มแข็งต้านภัยยาเสพติด ตามแผนการพัฒนาพื้นที่เพื่อเสริมความมั่นคงในเขต ทัพเรือภาคที่ 1 ประจำปี 2568
โดยจัดให้มีการบรรยาย ให้ความรู้ถึงพิษภัยของยาเสพติด การแข่งขันกีฬาต้านยาเสพติด การทำกิจกรรมละลายพฤติกรรม จากกองกิจการพลเรือน ฐานทัพเรือสัตหีบ และการบรรยายอาชญากรรมทางเทคโนโลยี และโทษยาเสพติด จากสถานีตำรวจภูธร เมืองสมุทรสงคราม ให้แก่นักเรียน ณ โรงเรียนไทยรัฐวิทยา 70 (บ้านบางแก้ว) ตำบลบางแก้ว อำเภอเมืองสมุทรสงคราม จังหวัดสมุทรสงคราม มีนักเรียนเข้าร่วมกิจกรรมจำนวน 93 คน ระหว่างวันที่ 11-13 ธันวาคม 2567
โดยมี น.อ.กฤษดา จิระไตรพร รองเสนาธิการทัพเรือภาคที่ 1 เป็นประธานเปิดกิจกรรมฯ
ที่สนามกีฬาราชนาวี กม.5 อ.สัตหีบ จ.ชลบุรี จัดให้มีการแข่งขันกีฬารักบี้ฟุตบอล ประเภท 15 คน กระชับมิตร เชื่อมความสัมพันธ์ ระหว่าง ทีมรักบี้ฟุตบอลราชนาวี (กองทัพเรือ) กับ ทีมรักบี้ฟุตบอล Korean Armed Forces Athletic Cops (KAFAC) โดยมี พลเรือเอก ปกครอง มนธาตุผลิน อดีต รองผู้บัญชาการทหารสูงสุด ในฐานะ ประธานชมรมรักบี้ฟุตบอลราชนาวี ร่วมให้การต้อนรับ
สำหรับ การแข่งขันกีฬารักบี้ฟุตบอล กระชับมิตร เชื่อมความสัมพันธ์ ระหว่าง ทีมรักบี้ฟุตบอลราชนาวี (กองทัพเรือ) กับ รักบี้ฟุตบอล Korean Armed Forces Athletic Cops (KAFAC) ในครั้งนี้ทาง ชมรมรักบี้ฟุตบอลราชนาวี ได้เชิญทีม รักบี้ฟุตบอล Korean Armed Forces Athletic Cops (KAFAC) จากเกาหลี เพื่อสนับสนุนการพัฒนาทักษะในการเล่นกีฬารักบี้ฟุตบอล เพิ่มพูนประสบการณ์ในระดับสากล ให้แก่นักกีฬาของกองทัพเรือ อันสอดคล้องกับนโยบายหลัก ของผู้บัญชาการทหารเรือ ประจำปี 2567 อีกทั้งยังเป็นการเชื่อมความสัมพันธ์ระหว่างผู้บริหารของ ทร.และผู้บริหารกองทัพสาธารณรัฐเกาหลี โดยใช้กีฬารักบี้ฟุตบอล เป็นสื่อกลาง จัดการแข่งขันแบบเหย้า เยือน โดยทัพนักกีฬารักบี้ฟุตบอลราชนาวี จะเดินทางไปเข้าร่วมการแข่งขันระหว่างห้วงเดือน มีนาคม 68 ณ สาธารณรัฐเกาหลี
(14 ธ.ค. 67) ดร.หิมาลัย ผิวพรรณ ผู้อำนวยการพรรครวมไทยสร้างชาติ , สส.สัญญา นิลสุพรรณ , นางพิมพ์ปวีณ์ นิลสุพรรณ เลขานุการนายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดนครสวรรค์ , นายวสวัตติ์ กลิ่นขจร เลขานุการผู้อำนวยการพรรครวมไทยสร้างชาติ , นายอิทธิพัทธ์ เศรษฐยุกานนท์ คณะทำงานผู้อำนวยการพรรครวมไทยสร้างชาติ , นางปวีณา นิลแย้ม คณะทำงานผู้อำนวยการพรรครวมไทยสร้างชาติ , นายติน ตันติเตชะ หัวหน้าฝ่ายทะเบียนสมาชิกพรรครวมไทยสร้างชาติ พร้อมคณะ เข้าร่วมกิจกรรมโครงการ ๒๔๗๕ รุ่งอรุณแห่งการปฏิวัติ และพบปะพี่น้องประชาชนชาวพัฒนานิคม ณ อาคารสหกรณ์การเกษตรพัฒนานิคมจำกัด ตำบลดีลัง อำเภอพัฒนานิคม จังหวัดลพบุรี ในการนี้ได้รับการต้อนรับจาก นายบุญมี หรัดดี ประธาน อสม. จังหวัดลพบุรี , สุภกร กมลพัฒนะ รองประธาน อสม.จังหวัดลพบุรี , นายเดชวุฒิ นิลแย้ม อดีตนายอำเภอพัฒนานิคม จังหวัดลพบุรี พร้อมด้วยผู้นำท้องที่และท้องถิ่น
เมื่อวานนี้ (13 ธ.ค.67) ที่กรมทหารพรานที่ 21 ค่ายศรีสองรัก อำเภอเมือง จังหวัดเลย พลโท บุญสิน พาดกลาง แม่ทัพภาคที่ 2/ผู้บัญชาการศูนย์ปฏิบัติการกองทัพภาคที่ 2/ผู้บัญชาการหน่วยบัญชาการสกัดกั้นและปราบปรามยาเสพติดสารตั้งต้นและเคมีภัณฑ์ชายแดนภาคตะวันออกเฉียงเหนือ (มทภ.2/ผบ.ศปก.ทภ.2/ผบ.นบ.ยส.24) แถลงข่าวการจับกุมผู้ต้องหา 4 ราย พร้อมของกลาง ไอซ์ จำนวน 6 กระสอบน้ำหนัก 200 กก. และรถยนต์ จำนวน 2 คัน ในพื้นที่ อำเภอปากชม จังหวัดเลย โดยมี นายกิตติคุณ บุตรคุณ รองผู้ว่าราชการจังหวัดเลย พลตรี สุคนธรัตน์ ชาวพงษ์ ผู้บัญชาการกองกำลังสุรศักดิ์มนตรี พลตรี พุทธิวัฒน์ สิริพงศ์พล ผู้บัญชาการมณฑลทหารบกที่ 28 พลตำรวจตรี พงพิพัฒน์ ศิริพรวิวัฒน์ ผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดเลย พันเอก สุพรเทพ ไชยยงค์ ผู้บังคับการกองบังคับการควบคุมที่ 3 กองกำลังสุรศักดิ์มนตรี พันเอก อินทราวุธ ทองคำ ผู้บังคับหน่วยเฉพาะกิจกรมทหารพรานที่ 21 นายสามารถ หมั่นนอก ปลัดจังหวัดเลย นายยศวัฒน์ พัชระศักดิ์สกุล นายอำเภอปากชม พร้อมหน่วยงานความมั่นคงในพื้นที่จังหวัดเลย ร่วมแถลงข่าว
สืบเนื่องจากเจ้าหน้าที่ทหารพรานกองร้อยเฉพาะกิจทหาพรานที่ 2109 หน่วยเฉพาะกิจกรมทหารพรานที่ 21 ได้รับทราบจากสายข่าว ว่ากลุ่มกระบวนการลักลอบขนยาเสพติดเข้ามาเคลื่อนไหวในพื้นที่ เมื่อเวลา 19.00 น. วันที่ 11 ธันวาคม 2567 จึงได้จัดกำลังชุดเคลื่อนที่เร็วของหน่วย ทำการลาดตระเวนเฝ้าตรวจจุดเพ่งเล็ง และตรวจพบรถยนต์ต้องสงสัยที่ดัดแปลงกระบะตู้ทึบ ไว้เพื่อปิดบังอำพรางในการกระทำผิด เจ้าหน้าที่จึงได้ขับติดตามดูพฤติกรรม และตั้งจุดตรวจจุดสกัด รถต้องสงสัยที่คาดว่าจะเป็นรถนำ บริเวณสามแยกบ้านห้วยเป้า หมู่ 5 ตำบลปากชม อำเภอปากชม จังหวัดเลย
เมื่อสบโอกาสจึงได้แสดงตัวเป็นเจ้าหน้าที่เข้าตรวจสอบ แต่บุคคลดังกล่าวท่าทางมีพิรุธ เจ้าหน้าที่จึงได้ให้ลงจากรถ ควบคุมตัวไว้ตรวจสอบหาความเชื่อมโยงสามารถทำตรวจยึด/จับกุม ผู้ต้องหาพร้อมของกลางยาไอซ์ จำนวน 6 กระสอบ ประมาณ 200 กิโลกรัม รถยนต์กระบะ จำนวน 2 คัน รถยนต์กระบะ โตโยต้า รีโว้ สีบรอนซ์ ทะเบียน บม 5410 เพชรบุรี (รถยนต์กระบะ ดัดแปลงตู้ทึบ) รถขนยาไอซ์, รถยนต์กระบะ นิสสัน นาวารา สี่ประตู สีดำ ทะเบียน กต 4383 ชุมพร (รถนำทาง) และจับกุมผู้ต้องหาได้ทั้งหมด จำนวน 4 ราย พลโท บุญสิน พาดกลาง แม่ทัพภาคที่ 2 กล่าวว่า ในวันนี้ได้มาให้กำลังใจเจ้าหน้าที่ในการปฏิบัติงานตามแนวป้องกันชายแดนของเรา ในห้วงที่ผ่านมา ได้มีการจับกุมยาบ้า 50 ล้านเม็ด ซึ่งทราบได้ว่ามีการใช้อย่างกว้างขวาง ซึ่งมีมูลค่าสูง
ในครั้งนี้ที่สำคัญมีการได้รับแจ้งจากแหล่งข่าวพี่น้องประชาชนในพื้นที่ ซึ่งมีกลุ่มขบวนการจากภาคกลางตอนล่าง ยังคงมีความพยายามที่จะลำเลียงยาเสพติดเหล่านี้เข้าสู่พื้นที่ตอนใน ในครั้งนี้เป็นอีกครั้งหนึ่ง ที่เราจับกุมผู้ต้องหาได้ และเป็นยาเสพติด (ยาไอซ์) จำนวน 200 กก. มูลค่ากว่า 200 ล้านบาทโดยปัจจัยสำคัญคือ มีผู้ต้องการยาเสพติดเป็นอย่างมาก ในพื้นที่ภาคกลาง ทางแม่ทัพภาคที่ 2 จึงแจ้งต่อตำรวจภูธรจังหวัดเลย ขอให้นำผู้ต้องหาไปขยายผล นำไปสู่กลุ่มกระบวนการผู้สั่งการ และกลุ่มนายทุนที่อยู่เบื้องหลัง เป็นคดีสมคบคิด จนสามารถนำไปสู่การยึดทรัพย์ให้ได้ สาเหตุที่มียาเสพติดจำนวนมากเข้าในพื้นที่ เนื่องจากช่วงนี้ใกล้เทศกาลปีใหม่ มีความต้องการของลูกค้าในตลาดสูงมาก
ท้ายที่สุดนี้ ขอขอบคุณเจ้าหน้าที่ หน่วยเฉพาะกิจกรมทหารพรานที่ 21และทุกส่วนราชการที่ได้ปฏิบัติงานอย่างเข้มแข็ง และบูรณาการร่วมกัน จนทำให้การจับกุมในครั้งนี้ประสบความสำเร็จ ขอขอบคุณสื่อมวลชนทุกท่าน ที่มาร่วมเป็นสักขีพยาน และช่วยประชาสัมพันธ์ ข้อมูลข่าวสาร ขอให้สื่อได้ช่วยเป็นกระบอกเสียง เชิญชวนประชาชนร่วมแจ้งข้อมูลข่าวสารเกี่ยวกับการลักลอบค้ายาเสพติด หรือข้อมูลผู้ค้ายาเสพติดผ่านช่องทางตรงของ เจ้าหน้าที่ในหน่วยกำลังป้องกันชายแดนทุกหน่วย และส่วนราชการที่เกี่ยวข้อง ได้ตลอด 24 ชั่วโมง เพื่อให้ปัญหายาเสพติดลดลง และพี่น้องประชาชนมีความปลอดภัยในชีวิต และทรัพย์สิน
เมื่อวานนี้ (13 ธ.ค.67) เวลา 10.00 นาฬิกา ณ สถาปัตยกรรมเครื่องยอด อาคารรัฐสภา ชั้น 11 นายมงคล สุระสัจจะ ประธานวุฒิสภา ให้เกียรตินำคณะผู้เข้าร่วมโครงการฝึกอบรมเชิงปฏิบัติการเพื่อพัฒนาครูต้นแบบประชาธิปไตยวุฒิสภา เยี่ยมชมวุฒิสภา ภายหลังเป็นประธานในพิธีปิดและมอบเกียรติบัตรแก่ผู้เข้าร่วมกิจกรรม ณ ห้องสัมมนา B1-1 ชั้น B1 อาคารรัฐสภา โดยประธานวุฒิสภากรุณานำคณะเข้าชมสถาปัตยกรรมเครื่องยอด อาคารรัฐสภาและโถงพิธี ในการนี้ นางปัณณิตา สท้านไตรภพ นายสาธิต วงศ์อนันต์นนท์ ที่ปรึกษาด้านระบบงานนิติบัญญัติ และนายอธิภัทร พุกเศรษฐี ผู้อำนวยการสำนักประชาสัมพันธ์ ร่วมให้การต้อนรับด้วย
จากนั้น นายพีระพจน์ รัตนมาลี รองเลขาธิการวุฒิสภา ให้การต้อนรับคณะฯ ที่เข้าเยี่ยมชมห้องประชุมวุฒิสภา ณ ห้องฟังการประชุมสำหรับประชาชน ชั้น 4 โดยมีนายสาธิต วงศ์อนันต์นนท์ ที่ปรึกษาด้านระบบงานนิติบัญญัติ ร่วมให้การต้อนรับ และคณะฯได้เข้าเยี่ยมชมศูนย์เรียนรู้องค์กรต้นแบบสำนักงานเลขาธิการวุฒิสภา โดยลำดับ
อนึ่ง ก่อนหน้านี้ เวลา 09.00 นาฬิกา คณะฯ ได้เข้าสักการะพระบรมราชานุสาวรีย์ รัชกาลที่ 7 พร้อมเยี่ยมชมพิพิธภัณฑ์รัฐสภา ชั้น MB1
(13 ธ.ค.67) นพ.เหรียญทอง แน่นหนา ผู้อำนวยการ โรงพยาบาลมงกุฎวัฒนะ ประกาศผ่านเฟซบุ๊กว่า ตั้งแต่วันศุกร์ที่ 13 ธ.ค.67 เป็นต้นไป โรงพยาบาลมงกุฎวัฒนะจะไม่สามารถให้บริการผู้ป่วยสิทธิบัตรทองตั้งแต่วันเสาร์ที่ 14 ธ.ค. 67 นี้ เวลาเที่ยงคืนเป็นต้นไป โดยผู้ป่วยบัตรทองทุกรายจะต้องจ่ายเงินค่ารักษาเอง
นพ.เหรียญทอง ระบุว่า โรงพยาบาลมงกุฎวัฒนะ จะหยุดให้บริการรับส่งต่อผู้ป่วยกรณี OP-REFER จากทุกคลินิกที่ส่งต่อมา ไม่ว่าจะมีใบส่งตัวหรือไม่มีใบส่งตัว เนื่องจากปัญหาหนี้ค้างชำระจาก สปสช. ที่ไม่สามารถจ่ายหนี้กว่า 44 ล้านบาท ตามที่ได้ตกลงกันไว้ในเดือนพฤศจิกายนที่ผ่านมา ขณะที่ปัจจุบันค้างจ่ายหนี้ประมาณ 50 ล้านบาท
ทั้งนี้ รพ.มงกุฎวัฒนะไม่สามารถดำเนินการต่อไปได้หากไม่มีการชำระหนี้จาก สปสช. โดยผู้ป่วยบัตรทองจากคลินิกต่าง ๆ ต้องจ่ายค่าบริการเองจนกว่าจะมีการเคลียร์หนี้ทั้งหมดจากสปสช.
แต่ยกเว้นกรณีผู้ป่วยโรคมะเร็ง โรคไตวายเรื้อรัง และโรคเอดส์ ซึ่งทางรพ.ยังคงให้บริการตรวจรับการรักษาต่อไป เนื่องจากเป็นกรณีโรคร้ายแรง
"ขอรายงานว่า สปสช. ยังคงล่าช้าในการจ่ายค่ารักษาพยาบาลค้างจ่ายที่ รพ.มงกุฎวัฒนะ แม้ว่าจะมีการสำรองเงินทดรองจ่ายล่วงหน้า (Pre-paid) จำนวน 60 ล้านบาทแล้วก็ตาม แต่หนี้ค้างจ่ายและค่ารักษาพยาบาลยังสะสมเพิ่มขึ้นทุกวัน โดยไม่ได้รับการจ่ายตามกำหนดที่คณะทำงาน สปสช. ตกลงกับ รพ.มงกุฎวัฒนะเมื่อพฤศจิกายน 2567
สปสช. ยังมีการเบี้ยวหนี้และลดอัตราการจ่ายค่าแพทย์ ซึ่งทำให้การจ่ายค่ารักษาพยาบาลไม่เป็นไปตามกำหนด แม้ว่าค่ารักษาพยาบาลในแต่ละเดือนจะสูงกว่ามากกว่า 60 ล้านบาท ขณะที่เงินทดรองจ่ายล่วงหน้ากลับไม่พอที่จะครอบคลุม
การจ่ายเงินล่าช้ายังคงเป็นปัญหาตั้งแต่มีนาคม 2567 จนถึงปัจจุบัน และยังไม่สามารถปฏิบัติตามมติของบอร์ด สปสช. ที่ตกลงกับ รพ.มงกุฎวัฒนะได้ รพ.มงกุฎวัฒนะต้องใช้เงินสดของตนเองเพื่อดำเนินการมาเกือบ 9 เดือนแล้ว จนเริ่มประสบปัญหาขาดสภาพคล่องจากการที่ สปสช. ยังไม่จ่ายค่ารักษาพยาบาลตามกำหนด
หาก สปสช. ยังคงไม่ดำเนินการจ่ายเงินค้างจ่ายมากกว่า 60 ล้านบาทภายในวันที่ 13 ธันวาคม 2567 เวลา 12.00 น. และไม่เคลียร์หนี้ตามที่ตกลง รพ.มงกุฎวัฒนะจะไม่สามารถจ่ายค่าแพทย์ บุคลากร และคู่ค้าต่าง ๆ ได้ในวันที่ 15 ธันวาคม 2567 ทำให้ไม่สามารถให้บริการผู้ป่วยสิทธิบัตรทองได้ตั้งแต่วันที่ 14 ธันวาคม 2567 เวลา 00.00 น. เป็นต้นไป" นพ.เหรียญทอง ระบุ
4 ปีแห่งการเดินทาง ขอบคุณทุกความไว้วางใจที่มอบให้ THE STATES TIMES ✨ เราพร้อมก้าวเข้าสู่ปีที่ 5 ด้วยพลังและความมุ่งมั่นที่จะพัฒนาสื่อคุณภาพเพื่อคุณ ❤️