Saturday, 21 June 2025
NEWS FEED

รวบสาวอินฟลูฯ ร่วมมือขบวนการจีนเทา ตระเวนเข้าออนเซ็นฉกบัตรเครดิตลูกค้าไปรูด

ตำรวจ สน.ทองหล่อจับกุมสาวอินฟลูเอนเซอร์เชียร์ร้านเหล้า ร่วมมือกับคนจีนปั้มแถบแม่เหล็กปลดล็อกเกอร์ ตระเวนเข้าออนเซ็นฉกบัตรเครดิตลูกค้าไปรูด

(8 ม.ค. 68) พล.ต.ต.วิทวัฒน์ ชินคํา ผบก.น.5 พ.ต.อ.พันษา อมราพิทักษ์ ผกก.สน.ทองหล่อ พ.ต.ท.อัครพล ธนธรรม รอง ผกก.สส.สน.ทองหล่อ สั่งการให้ พ.ต.ต.พงษ์สันต์ วิยะรันดร์ สว.สส.สน.ทองหล่อ ร.ต.อ.สมยศ หมาดสง่า รองสว.สส.สน.ทองหล่อ พร้อมกำลังเจ้าหน้าที่ตำรวจฝ่ายสืบสวน สน.ทองหล่อ ร่วมกันจับกุม นำกำลังเข้าจับกุม น.ส.ธัญชนก อายุ 22 ปี ตามเป็นบุคคลตามหมายจับของศาลอาญากรุงเทพใต้ ที่ 28/2568 ลงวันที่ 7 ม.ค. 2568 ในข้อหา ร่วมกันลักทรัพย์ในเวลากลางคืนโดยผ่านสิ่งกีดกั้นสำหรับคุ้มครองทรัพย์นั้น ร่วมกันใช้บัตรอิเล็กทรอนิกส์ของผู้อื่นโดยมิชอบ ในการที่น่าจะก่อให้เกิดความเสียหายแก่ผู้อื่น, ใช้บัตรอิเล็กทรอนิกส์ที่ผู้ออกได้ออกให้แก่ผู้มีสิทธิ์ใช้เพื่อประโยชน์ในการชำระค่าสินค้า ค่าบริการ หรือหนี้อื่น แทนการชำระด้วยเงินสด

สืบเนื่องจากกรณีที่ผู้กล่าวหาเข้าไปใช้บริการออนเซ็นที่เกิดเหตุ ลงทะเบียนชำระค่าบริการแล้วได้รับริสแบน หมายเลข 47 สำหรับใช้สแกนผ่านประตูอัตโนมัติ จากนั้นได้มีคนร้ายแอบก่อเหตุปลดล็อกตู้เก็บบัตรเครดิตของเหยื่อ แล้วนำไปรูด 3 แสนบาท ซึ่งถูกรูดไปในช่วงที่ผู้เสียหายกำลังแช่ออนเซ็น โดยผู้กล่าวหาไม่ได้เป็นผู้ใช้งาน จึงโทรอายัดกับธนาคารและรอผลการตรวจสอบของธนาคาร ต่อมาผู้กล่าวหาไม่ได้รับความร่วมมือที่ดีจากธนาคาร จึงมาร้องทุกข์ต่อพนักงานสอบสวน ว่ามีผู้ต้องหาซึ่งยังไม่ทราบว่าเป็นผู้ใดลักเอาบัตรเครดิตของตนไปใช้ จนเป็นเหตุให้ได้รับความเสียหาย

พนักงานสอบสวนได้แจ้งฝ่ายสืบสวนทำการสืบหาตัวผู้ต้องหา สอบสวนปากคำผู้กล่าวหา สอบสวนปากคำพยานร้านสปา บันทึกภาพที่เกิดเหตุ ทำแผนที่เกิดเหตุ หมายเรียกพยานไปยังธนาคารที่เกี่ยวข้องเพื่อทราบข้อมูลรายการบัญชี ผู้ใช้เครื่อง EDC เครื่องอ่านบัตรเครดิต จนนำไปสู่การจับกุมในที่สุด

จากการสอบสวนทราบว่า ผู้ต้องหาทำงานเป็นอินฟลูเอ็นเซอร์ เชียร์คนเข้าร้านเหล้า ลักษณะทำเป็นขบวนการ โดยผู้ต้องหาจะทำทีเป็นไปใช้บริการออนเซนดังกล่าว แล้วแอบเก็บเอาริสแบนด์หรือสายรัดข้อมือที่ใช้สแกนเข้าออกและตู้ล็อกเกอร์ไปทำแถบแม่เหล็กเพิ่มโดยให้กลุ่มเพื่อนชาวจีนอีก 4 คน ช่วยทำอันใหม่ขึ้นมา แล้วตระเวนเปิดล็อกเกอร์ของผู้เสียหายแล้วรูดเงินจากการใช้บัตรดังกล่าว คาดว่าทำแล้วหลายรายเตรียมขยายผลจับกุมเพิ่มเติม เบื้องต้นนำตัวส่ง สน.ทองหล่อ ดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป

‘พล.ต.ท.เรวัช’ เร่งสางปมประมูลขุด-ขนถ่านหินแม่เมาะ ย้ำชัด! ไม่มีธง ถูก-ผิดว่าตามข้อเท็จจริง คาดสรุปได้ภายใน ม.ค.นี้

(8 ม.ค.68) จากกรณีที่ นายพีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน ได้ลงนามในคำสั่งแต่งตั้งคณะกรรมการสอบสวนข้อเท็จจริงกรณีงานจ้างเหมาขุด-ขนถ่านหิน ที่เหมืองแม่เมาะ ของการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (กฟผ.) หลังจากมีการร้องเรียนเกี่ยวกับการจัดซื้อจัดจ้าง งานจ้างเหมาขุด-ขนถ่านหินที่เหมืองแม่เมาะของกฟผ. วงเงินงบประมาณ 7,250 ล้านบาท ว่ามีการดำเนินการที่ไม่ถูกต้องตามระเบียบหลักเกณฑ์ ฯลฯ นั้น เพื่อให้เกิดความถูกต้อง โปร่งใส โดยมี พลตำรวจโท เรวัช กลิ่นเกษร เป็นประธานกรรมการ

ล่าสุด พลตำรวจโท เรวัช ได้ออกมาเปิดเผยถึงความคืบหน้าการสอบสวนว่า หลังจากที่ท่านรองนายกฯ พีระพันธุ์ ได้แต่งตั้งตนเป็นประธานคณะกรรมการสอบสวนข้อเท็จจริงการจ้างเหมาขุดถ่านหิน เหมืองแม่เมาะ เมื่อวันที่ 25 ธ.ค. 2567 ที่ผ่านมา  หลังจากนั้น ช่วงบ่ายของวันที่ 26 ธ.ค. ก็เรียกประชุมคณะกรรมการทันที พร้อมกับได้ตั้ง พลตำรวจโท ไตรรงค์ ผิวพรรณ เป็นประธานคณะอนุกรรมการสอบสวนฯ เพื่อให้การทำงานเป็นไปอย่างรวดเร็ว

ทั้งนี้ ทางคณะอนุกรรมการฯ ได้เริ่มทำการสอบปากคำผู้ที่เกี่ยวข้องตั้งแต่วันที่ 27 ธ.ค. ก่อนที่จะหยุดไปในช่วงปีใหม่ จากนั้นในวันที่ 2 ม.ค. 2568 ได้เริ่มทำการสอบปากคำอีกครั้ง โดยได้เรียกมาสอบอีกจำนวน 17 ปาก ซึ่งโดยส่วนใหญ่เป็นเจ้าหน้าที่ของ กฟผ. แม่เมาะ 

นอกจากนี้ ยังได้เรียกบริษัทที่ประมูลชนะ รวมถึงบริษัทที่ร้องเรียนมาให้ข้อมูลแล้วเช่นกัน 

พลตำรวจโท เรวัช ย้ำว่า ทางคณะกรรมการสอบสวน จะเร่งทำงานอย่างเต็มที่เพื่อให้งานที่ได้รับมอบหมายเสร็จโดยเร็ว และหากได้เอกสารครบถ้วน คาดว่าจะสามารถสรุปสำนวนการสอบสวนได้ภายในเดือนมกราคมนี้ 

“ทางคณะกรรมการสอบสวน ได้รับฟังข้อมูลของทั้งสองฝ่ายอย่างครบถ้วน เพื่อนำไปพิจารณาเหตุผลตามข้อกฎหมาย ส่วนใครทําถูกหรือทําผิด ก็จะดำเนินการอย่างตรงไปตรงมา เพราะการทำงานในครั้งนี้เราไม่มีธงว่า ใครจะถูกจะผิด ถ้าถูกก็บอกถูก ถ้าผิดก็บอกผิด และผมขอยืนยันว่า ไม่มีใครโทรมาขออะไรทั้งสิ้น และหลังจากนี้ เมื่อได้ผลสรุปข้อเท็จจริงแล้ว จะมีการนำเสนอต่อรองนายกฯ พีระพันธุ์ต่อไป”

ทำไมเด็กจีนถึงครองเวทีโลก เมื่อวินัยเหล็กสร้างความสำเร็จระดับโลก

(8 ม.ค. 68) สมภพ พอดี แห่งเฟซบุ๊ก Sompob Pordi ได้โพสต์ข้อความลงในเฟซบุ๊กส่วนตัวพูดถึงความสำเร็จของระบบการศึกษาจีน ความว่า ปัจจุบันชาวโลกที่เป็นปกติต่างยอมรับว่า จีนเป็นหนึ่งในชาติที่มีระบบการศึกษาดีที่สุดในโลก แม้ว่าจะมีคนบางส่วนเยาะเย้ยและวิพากษ์วิจารณ์ว่าการศึกษาของจีนเน้นการท่องจำ ไม่ได้ส่งเสริมพัฒนาการทางความคิดสร้างสรรค์ และมุ่งปลูกฝังการเชื่อฟังคำสั่ง ซึ่งเป็นสิ่งที่พบในสังคมเผด็จการ  

ตั้งแต่ปี 2015 นครเซี่ยงไฮ้ได้เข้าร่วมการสอบวัดผล PISA ที่จัดโดยกลุ่มประเทศ OECD แม้ว่าบางคนจะมองว่าไม่มีประโยชน์ คะแนนเฉลี่ยของเซี่ยงไฮ้ในสามวิชา ได้แก่ คณิตศาสตร์ วิทยาศาสตร์ และการอ่าน ครองอันดับ 1 ถึง 3 ติดต่อกันในช่วงสี่ปีแรก (จีนหยุดเข้าร่วมตั้งแต่ปี 2019 เนื่องจากโควิด)  

ค่านิยมแบบขงจื้อที่ให้ความสำคัญกับการศึกษามีบทบาทสำคัญต่อความทุ่มเทของนักเรียนและครอบครัวชาวจีน พวกเขามุ่งมั่นที่จะเรียนรู้เพื่อความเป็นเลิศทางการศึกษา นอกจากนี้ ระบบการศึกษาของจีนยังเน้นสร้างพื้นฐานความรู้ที่แข็งแกร่งในทุกระดับชั้น โดยไม่เน้นการแสดงความคิดเห็นที่ขาดความรู้ เมื่อผู้เรียนมีพื้นฐานความรู้ที่เพียงพอแล้ว พวกเขาสามารถนำไปประยุกต์ใช้และต่อยอดเพื่อสร้างความรู้ใหม่  

ทิม คุก ซีอีโอของแอปเปิล เคยกล่าวว่า จีนดึงดูดบริษัทผู้ผลิตสินค้าไอทีเพราะมีช่างฝีมือและวิศวกรชั้นนำจำนวนมาก หากจัดประชุมวิศวกรด้านเครื่องมือในสหรัฐ ห้องประชุมห้องเดียวก็เพียงพอ แต่ถ้าทำในจีนต้องใช้สนามกีฬาขนาดใหญ่ อีลอน มัสก์ ซีอีโอของเทสล่าและสเปซเอ็กซ์ ยืนยันว่าเป็นความจริง  

เมื่อปีที่แล้ว ประธานาธิบดีแอฟริกาใต้ ซิริล รามาโฟซา เยี่ยมชมโรงงานของ BYD ซึ่งเป็นผู้นำด้านรถไฟฟ้าของจีน โดยมีวิศวกรมากถึงหนึ่งแสนคนทำงานอยู่ เขายิ่งประทับใจเมื่อทราบว่า BYD วางแผนเพิ่มจำนวนวิศวกรเป็นสองเท่าในสิบปีข้างหน้า  

จีนผลิตบัณฑิตระดับมหาวิทยาลัยกว่า 10 ล้านคนต่อปี โดยหนึ่งในสี่เป็นวิศวกรในหลากหลายสาขา การเข้ามหาวิทยาลัยในจีนต้องผ่านการสอบเกาเข่า ซึ่งเป็นการสอบที่เข้มข้นที่สุดในโลก จัดขึ้นในเดือนกรกฎาคมของทุกปี โดยทุกสิ่งในจีนจะหยุดชั่วคราวเพื่อให้เด็กนักเรียนกว่า 10 ล้านคนสอบอย่างไม่มีสิ่งรบกวน  

หมายเหตุ:  โรงเรียนจีนมีเครื่องแบบนักเรียน,โรงเรียนจีนกำหนดทรงผมนักเรียน, โรงเรียนจีนมีการบ้าน, โรงเรียนจีนมีการสอบวัดผล หากสอบไม่ผ่านต้องเรียนซ้ำชั้น  และไม่เคยมีคนจีนที่ต้องทุรนทุรายเพราะเครื่องแบบนักเรียน ทรงผมนักเรียน การบ้าน หรือการสอบวัดผล  

บทความนี้แปลและเรียบเรียงจาก "What makes Chinese students so successful by international standards?" โดย **The Straits Times** ของสิงคโปร์ วันที่ 21 ตุลาคม 2024  

หากไม่พอใจกับความสำเร็จของจีน อย่าบอกผม ติดต่อคนเขียนบทความนี้โดยตรงคือ **Peter Yongqi Gu** (ศาสตราจารย์ด้านภาษาที่มหาวิทยาลัยวิคตอเรีย นิวซีแลนด์) และ **Stephen Dobson** (ศาสตราจารย์และคณบดีคณะศิลปศาสตร์และการศึกษาที่มหาวิทยาลัย CQ ออสเตรเลีย) 

กทม. อ่วมฝุ่นพิษ PM 2.5 เกินมาตรฐานทุกพื้นที่ พบ ‘หนองแขม’ สีแดง – อีก 69 พื้นที่สีส้ม เริ่มมีผลกระทบสุขภาพ

ศูนย์ข้อมูลคุณภาพอากาศกรุงเทพมหานครสรุปผลการตรวจวัด PM 2.5 ตรวจวัดได้ 48.2-81.7 มคก./ลบ.ม. พบว่า 'เขตหนองแขม' เกินมาตรฐานอยู่ในระดับสีแดง และเกินมาตรฐานอยู่ในระดับสีส้ม จำนวน 69 พื้นที่ เริ่มมีผลกระทบต่อสุขภาพ ควรสวมหน้ากากอนามัยและลดเวลาทำกิจกรรมกลางแจ้ง

(8 ม.ค. 68) ทีมโฆษกศูนย์ข้อมูลคุณภาพอากาศกรุงเทพมหานคร ศูนย์ข้อมูลคุณภาพอากาศกรุงเทพมหานคร กรมอุตุนิยมวิทยา และสํานักงานพัฒนาเทคโนโลยีอวกาศและภูมิสารสนเทศ ขอรายงานสถานการณ์ฝุ่นละอองขนาดไม่เกิน 2.5 ไมครอน (PM 2.5) ของสถานีตรวจวัดคุณภาพอากาศของกรุงเทพมหานคร: ประจำวันพุธที่ 8 มกราคม พ.ศ. 2568 เวลา 07.00 น. ค่าเฉลี่ย 24 ชั่วโมง ของฝุ่นละอองขนาดไม่เกิน 2.5 ไมครอน (PM2.5) : ตรวจวัดได้ 48.2-81.7 ไมโครกรัม/ลูกบาศก์เมตร (มคก./ลบ.ม.) พบว่าเกินมาตรฐานอยู่ในระดับสีแดง มีผลกระทบต่อสุขภาพ (มาตรฐาน 75.1 มคก./ลบ.ม.ขึ้นไป ) จำนวน 1 พื้นที่ คือ เขตหนองแขม สามแยกข้างป้อมตำรวจ ถนนมาเจริญ เพชรเกษม 81 : มีค่าเท่ากับ 81.7 มคก./ลบ.ม.

และเกินมาตรฐานอยู่ในระดับสีส้ม เริ่มมีผลกระทบต่อสุขภาพ (มาตรฐานไม่เกิน 37.5 มคก./ลบ.ม.) จำนวน 69 พื้นที่ คือ
1.เขตคลองสามวา ภายในสำนักงานเขตคลองสามวา : มีค่าเท่ากับ 72.8 มคก./ลบ.ม.
2.เขตประเวศ ด้านหน้าห้างสรรพสินค้าซีคอน สแควร์ : มีค่าเท่ากับ 72.8 มคก./ลบ.ม.
3.เขตจตุจักร บริเวณด้านหน้ามหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ : มีค่าเท่ากับ 71.7 มคก./ลบ.ม.
4.เขตทวีวัฒนา ทางเข้าสนามหลวง 2 : มีค่าเท่ากับ 70.1 มคก./ลบ.ม.
5.เขตภาษีเจริญ หน้ามหาวิทยาลัยสยาม(ประมาณซอยเพชรเกษม 36) ทางเข้ามหาวิทยาลัย : มีค่าเท่ากับ 69.8 มคก./ลบ.ม.
6.เขตบางเขน ภายในสำนักงานเขตบางเขน : มีค่าเท่ากับ 69.7 มคก./ลบ.ม.
7.เขตตลิ่งชัน ถนนพุทธมณฑลสาย 1 ตัดกับถนนบรมราชชนนี : มีค่าเท่ากับ 69.6 มคก./ลบ.ม.
8.เขตบางกอกน้อย บริเวณหน้าสถานีตำรวจรถไฟบางกอกน้อย : มีค่าเท่ากับ 69.3 มคก./ลบ.ม.
9.เขตธนบุรี ริมป้ายรถเมล์บริเวณแยกมไหศวรรย์ : มีค่าเท่ากับ 68.9 มคก./ลบ.ม.
10.เขตคันนายาว บริเวณปากทางถนนสวนสยามตัดกับถนนรามอินทรา : มีค่าเท่ากับ 67.1 มคก./ลบ.ม.
11.เขตดอนเมือง ด้านข้างสำนักงานเขตดอนเมือง : มีค่าเท่ากับ 67.1 มคก./ลบ.ม.

12.เขตหนองจอก บริเวณหน้าสำนักงานเขตหนองจอก : มีค่าเท่ากับ 66.7 มคก./ลบ.ม.
13.เขตมีนบุรี สวนเฉลิมพระเกียรติ ร.9 ตรงข้ามสำนักงานเขตมีนบุรี : มีค่าเท่ากับ 66.6 มคก./ลบ.ม.
14.เขตบางกอกใหญ่ บริเวณสี่แยกท่าพระ แขวงวัดท่าพระ : มีค่าเท่ากับ 66.4 มคก./ลบ.ม.
15.สวนรมณีย์ทุ่งสีกัน เขตดอนเมือง : มีค่าเท่ากับ 65.7 มคก./ลบ.ม.
16.เขตบางนา บริเวณหน้าห้าง สรรพสินค้าบิ๊กซี บางนา : มีค่าเท่ากับ 65.6 มคก./ลบ.ม.
17.เขตลาดกระบัง ด้านหน้าโรงพยาบาลลาดกระบังข้างป้อมตำรวจ : มีค่าเท่ากับ 65.5 มคก./ลบ.ม.
18.เขตลาดพร้าว ภายในสำนักงานเขตลาดพร้าว : มีค่าเท่ากับ 64.9 มคก./ลบ.ม.
19.เขตบางซื่อ ภายในสำนักงานเขตบางซื่อ : มีค่าเท่ากับ 64.2 มคก./ลบ.ม.
20.เขตสายไหม ป้ายรถเมล์ด้านหน้าสำนักงานเขตสายไหม : มีค่าเท่ากับ 64.2 มคก./ลบ.ม.
21.เขตพญาไท หน้าแฟลตทหารบกใกล้โรงพยาบาลวิชัยยุทธ ตรงข้ามกระทรวงการคลัง : มีค่าเท่ากับ 64.1 มคก./ลบ.ม.
22.เขตคลองสาน บริเวณหน้าห้องสมุดใต้สะพานสมเด็จพระเจ้าตากสิน : มีค่าเท่ากับ 64.1 มคก./ลบ.ม.
23.เขตป้อมปราบศัตรูพ่าย ด้านหน้าสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ : มีค่าเท่ากับ 63.6 มคก./ลบ.ม.
24.เขตพระโขนง ภายในสำนักงานเขตพระโขนง : มีค่าเท่ากับ 63.5 มคก./ลบ.ม.
25.เขตบึงกุ่ม ภายในสำนักงานเขตบึงกุ่ม : มีค่าเท่ากับ 63.4 มคก./ลบ.ม.
26.สวนเสรีไทย เขตบึงกุ่ม : มีค่าเท่ากับ 63.3 มคก./ลบ.ม.
27.เขตบางขุนเทียน ภายในสำนักงานเขตบางขุนเทียน : มีค่าเท่ากับ 63.3 มคก./ลบ.ม.
28.สวนกีฬารามอินทรา เขตบางเขน : มีค่าเท่ากับ 63.2 มคก./ลบ.ม.
29.สวนทวีวนารมย์ เขตทวีวัฒนา : มีค่าเท่ากับ 62.6 มคก./ลบ.ม.

30.เขตบางรัก ข้างป้อมตำรวจหน้าลานบางรักเลิฟลี่ พลาซ่า : มีค่าเท่ากับ 62.4 มคก./ลบ.ม.
31.สวนเฉลิมพระเกียรติ 80 พรรษา เขตบางกอกน้อย : มีค่าเท่ากับ 62.0 มคก./ลบ.ม.
32.เขตหลักสี่ ภายในสำนักงานเขตหลักสี่ : มีค่าเท่ากับ 61.9 มคก./ลบ.ม.
33.เขตวังทองหลาง ด้านหน้าปั๊มน้ำมัน เอสโซ่ ซ.ลาดพร้าว 95 : มีค่าเท่ากับ 61.6 มคก./ลบ.ม.
34.เขตจอมทอง ภายในสำนักงานเขตจอมทอง : มีค่าเท่ากับ 61.1 มคก./ลบ.ม.
35.เขตราษฎร์บูรณะ ภายในสำนักงานเขตราษฎร์บูรณะ : มีค่าเท่ากับ 60.8 มคก./ลบ.ม.
36.เขตบางแค ภายในสำนักงานเขตบางแค : มีค่าเท่ากับ 60.7 มคก./ลบ.ม.
37.เขตสวนหลวง ด้านหน้าสำนักงานเขตสวนหลวง : มีค่าเท่ากับ 60.6 มคก./ลบ.ม.
38.เขตดุสิต ริมสวนหย่อมตรงข้ามสำนักงานเขตดุสิต : มีค่าเท่ากับ 59.9 มคก./ลบ.ม.
39.เขตยานนาวา ใกล้ธนาคารกรุงศรีอยุธยา สำนักงานใหญ่ : มีค่าเท่ากับ 59.7 มคก./ลบ.ม.

40.สวน 60 พรรษาสมเด็จพระนางเจ้าพระบรมราชินีนาถ เขตลาดกระบัง : มีค่าเท่ากับ 59.4 มคก./ลบ.ม.
41.สวนหนองจอก เขตหนองจอก : มีค่าเท่ากับ 58.9 มคก./ลบ.ม.
42.เขตสะพานสูง ภายในสำนักงานเขตสะพานสูง : มีค่าเท่ากับ 58.8 มคก./ลบ.ม.
43.เขตคลองเตย ภายในสำนักงานเขตคลองเตย : มีค่าเท่ากับ 58.6 มคก./ลบ.ม.
44.เขตสาทร สี่แยกหน้าสำนักงานเขตสาทร ซอย ถนนเซนต์หลุยส์ : มีค่าเท่ากับ 58.4 มคก./ลบ.ม.
45.เขตบางพลัด ภายในสำนักงานเขตบางพลัด : มีค่าเท่ากับ 58.3 มคก./ลบ.ม.
46.สวนพระนคร เขตลาดกระบัง : มีค่าเท่ากับ 58.1 มคก./ลบ.ม.
47.เขตดินแดง ริมถนนวิภาวดีรังสิต : มีค่าเท่ากับ 57.9 มคก./ลบ.ม.
48.สวนหลวงพระราม 8 เขตบางพลัด : มีค่าเท่ากับ 57.7 มคก./ลบ.ม.
49.เขตห้วยขวาง ภายในสำนักงานเขตห้วยขวาง (ด้านข้างโรงเพาะชำ) ถนนประชาอุทิศ : มีค่าเท่ากับ 57.5 มคก./ลบ.ม.
50.อุทยานเบญจสิริ เขตคลองเตย : มีค่าเท่ากับ 57.1 มคก./ลบ.ม.
51.สวนบางแคภิรมย์ เขตบางแค : มีค่าเท่ากับ 57.0 มคก./ลบ.ม.
52.สวนธนบุรีรมย์ เขตทุ่งครุ : มีค่าเท่ากับ 56.6 มคก./ลบ.ม.
53.เขตบางบอน ใกล้ตลาดบางบอน : มีค่าเท่ากับ 56.5 มคก./ลบ.ม.
54.เขตปทุมวัน หน้าห้างสามย่านมิตรทาวน์ : มีค่าเท่ากับ 56.4 มคก./ลบ.ม.
55.เขตทุ่งครุ หน้ามหาวิทยาลัยเทคโนโลยีพระจอมเกล้าธนบุรี : มีค่าเท่ากับ 56.3 มคก./ลบ.ม.
56.เขตบางกะปิ ข้าง ป้อมตำรวจตรงข้ามสำนักงาน เขตบางกะปิ : มีค่าเท่ากับ 55.9 มคก./ลบ.ม.
57.เขตพระนคร ภายในสำนักงานเขตพระนคร : มีค่าเท่ากับ 55.6 มคก./ลบ.ม.
58.เขตราชเทวี ภายในสำนักงานเขตราชเทวี : มีค่าเท่ากับ 55.2 มคก./ลบ.ม.
59.เขตบางคอแหลม บริเวณป้อมตำรวจสี่แยกถนนตก : มีค่าเท่ากับ 55.1 มคก./ลบ.ม.
60.เขตวัฒนา ตรงข้าม noble Reveal(ข้าง MK gold restaurants) : มีค่าเท่ากับ 54.7 มคก./ลบ.ม.
61.สวนจตุจักร เขตจตุจักร : มีค่าเท่ากับ 54.6 มคก./ลบ.ม.
62.สวนเบญจกิติ เขตคลองเตย : มีค่าเท่ากับ 54.5 มคก./ลบ.ม.
63.สวนสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ฯ เขตจตุจักร : มีค่าเท่ากับ 54.5 มคก./ลบ.ม.
64.สวนสาธารณะเฉลิมพระเกียรติ 6 รอบพระชนมพรรษา เขตบางคอแหลม : มีค่าเท่ากับ 53.7 มคก./ลบ.ม.
65.สวนสันติภาพ เขตราชเทวี : มีค่าเท่ากับ 53.6 มคก./ลบ.ม.

66.สวนวชิรเบญจทัศ เขตจตุจักร : มีค่าเท่ากับ 52.8 มคก./ลบ.ม.
67.เขตสัมพันธวงศ์ บริเวณหน้าหัวมุม ซุ้มประตูเฉลิมพระเกียรติ (วงเวียนโอเดียน) : มีค่าเท่ากับ 52.5 มคก./ลบ.ม.
68.สวนหลวง ร.9 เขตประเวศ : มีค่าเท่ากับ 49.7 มคก./ลบ.ม.
69.สวนลุมพินี เขตปทุมวัน : มีค่าเท่ากับ 48.2 มคก./ลบ.ม.

ข้อแนะนำสุขภาพ:คุณภาพอากาศระดับสีแดง: มีผลกระทบต่อสุขภาพ

ประชาชนทุกคน : งดกิจกรรมกลางแจ้ง หากมีความจำเป็นต้องทำกิจกรรมกลางแจ้งให้ใช้อุปกรณ์ป้องกันตนเองทุกครั้ง เช่น หน้ากากป้องกัน PM2.5 หากมีอาการผิดปกติให้รีบไปพบแพทย์ ผู้ที่มีโรคประจำตัว ควรอยู่ในพื้นที่ปลอดภัยจากมลพิษทางอากาศ ให้เตรียมยาและอุปกรณ์ที่จำเป็นให้พร้อมและปฏิบัติตามคำแนะนำของแพทย์อย่างเคร่งครัด

คุณภาพอากาศระดับสีส้ม: เริ่มมีผลกระทบต่อสุขภาพ

ประชาชนทั่วไป : ใช้อุปกรณ์ป้องกันตนเอง เช่น หน้ากากป้องกัน PM2.5 ทุกครั้งที่ออกนอกอาคาร
จำกัดระยะเวลาในการทำกิจกรรมหรือการออกกำลังกายกลางแจ้งที่ใช้แรงมาก ควรสังเกตอาการผิดปกติ เช่น ไอ หายใจลำบาก ระคายเคืองตา

ประชาชนกลุ่มเสี่ยง : ใช้อุปกรณ์ป้องกันตนเอง เช่น หน้ากากป้องกัน PM2.5 ทุกครั้งที่ออกนอกอาคาร

เลี่ยงการทำกิจกรรมหรือการออกกำลังกายกลางแจ้งที่ใช้แรงมาก ให้ปฏิบัติตามคำแนะนำของแพทย์ หากมีอาการผิดปกติให้รีบไปพบแพทย์

กรมอุตุนิยมวิทยา พยากรณ์สภาพอากาศในพื้นที่กรุงเทพมหานคร : อากาศเย็นกับมีหมอกบางในตอนเช้า และอุณหภูมิจะสูงขึ้น 1-2 องศาเซลเซียส

ปัจจัยที่เกี่ยวข้อง (คาดการณ์แนวโน้มสภาพอากาศที่ส่งผลกระทบต่อฝุ่น PM2.5 โดยสภาพทางอุตุนิยมวิทยา) ในช่วงวันที่ 8 - 15 ม.ค. 2568 การระบายอากาศอยู่ในเกณฑ์ 'ไม่ดี-อ่อน-ดี' ขณะที่มีการเกิดอินเวอร์ชันใกล้ผิวพื้น ทำให้มลพิษทางอากาศสามารถแพร่กระจายได้อย่างจำกัด ส่งผลให้ความเข้มข้นของฝุ่นละอองมีแนวโน้มเพิ่มขึ้นในช่วง 2-3 วัน ก่อนจะมีแนวโน้มลดลงในช่วงสุดสัปดาห์ก่อนจะมีแนวโน้มเพิ่มขึ้นอีกครั้งหนึ่ง และคาดการณ์วันนี้ อากาศเย็นกับมีหมอกบางในตอนเช้า และอุณหภูมิจะสูงขึ้น 1-2 องศาเซลเซียส

จากการตรวจสอบข้อมูลจุดความร้อน (hotspot) ผ่านดาวเทียม จากหน่วยงาน NASA ไม่พบจุดความร้อนที่ดาวเทียมตรวจพบค่าความร้อนสูงผิดปกติจากค่าความร้อนบนผิวโลกบริเวณพื้นที่กรุงเทพมหานคร

สำนักสิ่งแวดล้อมได้ประสานแจ้งทุกหน่วยงานที่เกี่ยวข้องให้เพิ่มความเข้มงวดการดำเนินงานตามแผนปฏิบัติการแก้ไขปัญหาฝุ่นละออง เพื่อเป็นการบรรเทาความรุนแรงของสถานการณ์ฝุ่นละออง PM2.5 และผลกระทบที่อาจเกิดขึ้นกับสุขภาพอนามัยของประชาชน และขอเชิญชวนส่งเสริมการมีส่วนร่วมของประชาชนและทุกภาคส่วน โดยช่วยกันปรับเปลี่ยน พฤติกรรมและลดกิจกรรมที่อาจก่อให้เกิดฝุ่นละออง เพื่อลดผลกระทบต่อสุขภาพ '5 วิธีลดฝุ่น คุณก็ทําได้' 1. หมั่นทําความสะอาดบ้านด้วยวิธีเช็ดฝุ่น 2. งดเผาขยะ งดจุดธูป 3. ปลูกต้นไม้ช่วยดูดซับมลพิษดักจับฝุ่นละออง 4. เดินทางด้วยระบบขนส่งสาธารณะ และ 5. ดับเครื่องยนต์ขณะจอดรถ ตรวจสภาพเครื่องยนต์ไม่ให้มีค่าควันดํา เกินมาตรฐาน

เปิดประวัติ 'ลิม กึมยา' อดีตสส.ฝ่ายค้านกัมพูชา ถูกยิงปริศนาในไทย ด้านตร.ออกหมายจับมือยิงแล้ว

(8 ม.ค. 68) ลิม กึมยา (Lim Kim Ya) อดีต ส.ส.ฝ่ายค้านกัมพูชาจากพรรคสงเคราะห์ชาติ (Cambodia National Rescue Party หรือ CNRP) วัย 74 ปี ถูกยิงเสียชีวิตบริเวณเกาะกลางถนนตรงข้ามวัดบวรนิเวศวิหาร เขตพระนคร กรุงเทพฯ เวลาประมาณ 18.00 น.  

เหตุการณ์นี้เกิดขึ้นหลังจากลิม กึมยา วิพากษ์วิจารณ์ "รัฐบาลตระกูลฮุน" อย่างหนักในประเด็นที่เกี่ยวกับเกาะกูด โดยกล่าวหาว่ารัฐบาลฮุน เซนกำลังวางแผนยกเกาะกูดให้ไทยเพื่อแลกกับผลประโยชน์ผ่านบันทึกความเข้าใจ MOU 44  

พล.ต.ท.สยาม บุญสม ผู้บัญชาการตำรวจนครบาล ได้สั่งการให้เจ้าหน้าที่เร่งติดตามตัวผู้ต้องสงสัย ซึ่งเป็นชายขับรถจักรยานยนต์สีแดงที่คาดว่าใช้ปืนยิงผู้เสียชีวิต ก่อนหลบหนีไปจากที่เกิดเหตุ  

รายงานจากคมชัดลึกระบุว่า ลิม กึมยา ถูกยิงเข้าบริเวณชายโครงขวาและหัวไหล่ขวาอย่างละนัด เจ้าหน้าที่ตำรวจและหน่วยกู้ชีพพยายามช่วยเหลือด้วยการปั๊มหัวใจ แต่ไม่สามารถยื้อชีวิตเขาไว้ได้  

ในขณะเดียวกัน สื่ออมรินทร์รายงานว่าผู้เสียชีวิตเดินทางมาจากเสียมราฐ ประเทศกัมพูชา โดยรถบัสพร้อมภรรยาชาวฝรั่งเศสและญาติชาวกัมพูชา ก่อนจะถูกคนร้ายยิงเสียชีวิต  

ลิม กึมยา เป็นสมาชิกคนสำคัญของพรรค CNRP ซึ่งก่อตั้งขึ้นในปี 2555 และเคยประสบความสำเร็จในการเลือกตั้งปี 2556 ด้วยการคว้าที่นั่งในสภาได้ 55 จาก 123 ที่นั่ง พรรคนี้เป็นแกนนำในการวิพากษ์วิจารณ์สมเด็จฯ ฮุน เซน และรัฐบาลของเขา  

สมเด็จฯ ฮุน เซน เคยออกมาระบุว่าสมาชิกพรรค CNRP เป็น "ผู้ก่อการร้าย" และกล่าวหาว่าพรรคนี้สมคบคิดกับต่างชาติในการโค่นล้มรัฐบาล จนศาลกัมพูชาสั่งยุบพรรคในปี 2560 และห้ามสมาชิกพรรค 118 คนยุ่งเกี่ยวกับการเมืองเป็นเวลา 5 ปี  

การโจมตีรัฐบาลอย่างต่อเนื่องทำให้พรรค CNRP ถูกกล่าวหาว่าเป็นภัยต่อความมั่นคง ขณะที่รัฐบาลกัมพูชาก็เผชิญแรงกดดันจากประชาคมโลกในเรื่องสิทธิมนุษยชนและเสรีภาพทางการเมือง  

เหตุการณ์นี้ยังสร้างความสนใจในประเด็นเกี่ยวกับความสัมพันธ์ระหว่างไทยและกัมพูชา โดยเฉพาะกรณีเกาะกูด ซึ่งถูกหยิบยกมาเป็นข้อถกเถียงทั้งในฝั่งไทยและกัมพูชา โดยฝ่ายค้านกัมพูชาเชื่อว่ารัฐบาลฮุน เซน จะยกเกาะกูดให้ไทย  

สมเด็จฯ ฮุน เซน เรียกร้องให้มีกฎหมายใหม่เพื่อตราหน้าผู้พยายามล้มล้างรัฐบาลลูกชายของเขา ฮุน มาเนต ว่าเป็น "ผู้ก่อการร้าย" ซึ่งสะท้อนถึงความตึงเครียดทางการเมืองที่ยังคงสูงขึ้นในกัมพูชา  

ล่าสุด (8 ม.ค. 68) พ.ต.อ.สนอง แสงมณี ผู้กำกับการสถานีตำรวจชนะสงคราม เปิดเผยว่า สน.ชนะสงคราม ได้ออกหมายจับคนร้าย นายเอกลักษณ์ แพน้อย อายุ 41 ปี ที่ก่อเหตุยิง นายลิม กิมยา ชายสัญชาติฝรั่งเศส-กัมพูชา ที่ถูกยิงเสียชีวิต เมื่อวานนี้ (7 ม.ค.68) ในข้อหา ฆ่าผู้อื่นโดยไตร่ตรองไว้ก่อน พกอาวุธปืนไปในเมืองหมู่บ้านหรือทางสาธารณะ โดยไม่มีเหตุอันควรยิงปืนฯ หลังก่อเหตุยิง นาย ลิม กิมยา เสียชีวิต เมื่อวันที่ 7 ม.ค.68 เวลา 17.45 น.บริเวณวงเวียน 13 ห้าง ถนนสิบสามห้าง แขวงบวรนิเวศวิหาร เขตพระนคร กทม

ผู้บัญชาการทหารเรือ เปิดกิจกรรมรักษ์ทะเลไทย  โครงการในพระราชดำริ ฟื้นฟูธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม

มูลนิธิอนุรักษ์แนวปะการังและสิ่งมีชีวิตใต้ทะเลไทย ในสมเด็จพระเจ้าลูกเธอ เจ้าฟ้าสิริวัณณวรี นารีรัตนราชกัญญา จัดกิจกรรม 'รักษ์ทะเลไทย ตามแนวพระดำริสมเด็จพระเจ้าลูกเธอ เจ้าฟ้าสิริวัณณวรี นารีรัตนราชกัญญา'

เมื่อวันที่ (7 ม.ค.68) เวลา 08.30 น. พลเรือเอก จิรพล ว่องวิทย์ ผู้บัญชาการทหารเรือ ประธานคณะกรรมการดำเนินงานโครงการอนุรักษ์แนวปะการังและสิ่งมีชีวิตใต้ทะเลไทย ในพระดำริสมเด็จพระเจ้าลูกเธอ เจ้าฟ้าสิริวัณณวรี นารีรัตนราชกัญญา เป็นประธานจัดกิจกรรม 'รักษ์ทะเลไทย ตามแนวพระดำริสมเด็จพระเจ้าลูกเธอ เจ้าฟ้าสิริวัณณวรี นารีรัตนราชกัญญา' เนื่องในโอกาสวันคล้ายวันประสูติสมเด็จพระเจ้าลูกเธอ เจ้าฟ้าสิริวัณณวรี นารีรัตนราชกัญญา วันที่ 8 มกราคม 2568 ณ บริเวณหาดเตยงาม หน่วยบัญชาการนาวิกโยธิน อ.สัตหีบ จ.ชลบุรี โดยมีคณะกรรมการโครงการอนุรักษ์แนวปะการังและสิ่งมีชีวิตใต้ทะเลไทยฯ ข้าราชการ ลูกจ้าง พนักงานราชการ จากทุกภาคส่วน นักดำน้ำจิตอาสา ประชาชน และนักเรียน กว่า 500 คน ร่วมในกิจกรรมครั้งนี้ 

การจัดกิจกรรม 'รักษ์ทะเลไทย ตามแนวพระดำริสมเด็จพระเจ้าลูกเธอ เจ้าฟ้าสิริวัณณวรี นารีรัตนราชกัญญา' ในครั้งนี้ มีวัตถุประสงค์ เพื่อสำนึกในพระกรุณาธิคุณ ที่ทรงมีเจตนารมณ์ในการอนุรักษ์แนวปะการัง กัลปังหา และสิ่งมีชีวิตใต้ทะเลไทย และทรงห่วงใยปัญหาความเสื่อมโทรมของทรัพยากรใต้ทะเล และแสดงออกถึงความจงรักภักดีแด่ พระบรมวงศานุวงศ์ อีกทั้งเป็นการส่งเสริมงานอนุรักษ์ทรัพยากรธรรมชาติทางทะเล และเสริมสร้างความสัมพันธ์ที่ดีกับหน่วยงานต่างๆ ที่เข้าร่วมกิจกรรมฯ อันจะเป็นประโยชน์ในการประสานความร่วมมือในการดำเนินงานด้านการอนุรักษ์ทรัพยากรทางทะเล โดยกิจกรรมประกอบด้วย พิธีเปิดกรวยถวายความเคารพ ถวายพระพรชัยมงคลและเทิดพระเกียรติ การปลูกปะการังในทะเลบริเวณเกาะไก่เตี้ย การปล่อยพันธุ์ปลากะพง จำนวน 339 ตัว ปล่อยหอยมือเสือ จำนวน 39 ตัว การปล่อยเต่าทะเล จำนวน 39 ตัว การเก็บขยะชายหาด และดำน้ำเก็บขยะใต้ทะเลบริเวณอ่าวนาวิกโยธิน กิจกรรมบริจาคโลหิต และการจัดแสดงนิทรรศการของหน่วยงานสนองพระดำริ 

กองทัพเรือ ในฐานะที่เป็นหน่วยงานสนองพระดำริ ได้จัดกิจกรรมต่าง ๆ เพื่อให้เป็นไปตามเจตนารมณ์และพระประสงค์ของพระองค์ ซึ่งนอกจากจะเป็นการสนับสนุนการดำเนินโครงการตามพระดำริแล้ว ยังเป็นการสร้างความร่วมมือร่วมใจในการร่วมกันดูแลรักษาทรัพยากรทางทะเลให้มีความอุดมสมบูรณ์ เป็นการส่งเสริมการอนุรักษ์และฟื้นฟูสิ่งแวดล้อมทางทะเล ตลอดจนเป็นการสร้างจิตสำนึกให้ประชาชนได้เห็นถึงคุณค่าของทรัพยากรทางทะเล นำไปสู่ความสมดุลทางธรรมชาติและการพัฒนาที่ยั่งยืนสืบไป

'คลัง' ปลุกพลัง-ติดปีก SME ออก 2 Soft loan 2 หมื่นล้าน ดอกเบี้ย 3% ผ่าน SME Bank

ดร. เผ่าภูมิ โรจนสกุล รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลัง เปิดเผยว่า รัฐบาลโดยกระทรวงการคลังต้องการเข้าช่วยเหลือ SME ที่ยังเข้าไม่ถึงสินเชื่อจากสถาบันการเงินพาณิชย์ เนื่องจากยังมีความเข้มงวดในการปล่อยสินเชื่อในภาวะที่เศรษฐกิจยังฟื้นตัวไม่เต็มที่ รัฐบาลจึงเร่งใช้กลไกสถาบันการเงินเฉพาะกิจของรัฐเพิ่มเติม โดยคณะรัฐมนตรีได้มีมติเห็นชอบมาตรการด้านการเงิน 2 โครงการ ได้แก่ 1) โครงการสินเชื่อปลุกพลัง SME และ 2) โครงการสินเชื่อ Beyond ติดปีก SME ผ่านธนาคารพัฒนาวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อมแห่งประเทศไทย (SME-D Bank) ดังนี้

1) โครงการสินเชื่อ 'ปลุกพลัง SME' วงเงินสินเชื่อ 10,000 ล้านบาท เพื่อเป็นเงินทุนเสริมสภาพคล่อง ลงทุน ขยาย ปรับปรุงกิจการให้กับ SME รายย่อยและมีความเปราะบางที่มีรายได้ต่อปีไม่เกิน 2 ล้านบาท วงเงินสินเชื่อต่อรายไม่เกิน 1.5 ล้านบาท ดอกเบี้ยคงที่ปีที่ 1 – 3 ร้อยละ 3 ต่อปี ปลอดชำระเงินต้นไม่เกิน 12 เดือน รับคำขอถึงวันที่ 30 ธันวาคม 2568

2) โครงการสินเชื่อ Beyond 'ติดปีก SME' วงเงินสินเชื่อ 10,000 ล้านบาท เพื่อเป็นเงินทุนเสริมสภาพคล่อง ลงทุน ขยาย ปรับปรุงกิจการ ปรับเปลี่ยนทรัพย์สินหรือเครื่องจักร เพื่อเพิ่มศักยภาพในการดำเนินธุรกิจให้กับ SME ที่มีรายได้ต่อปีไม่น้อยกว่า 2 ล้านบาท วงเงินสินเชื่อต่อรายไม่เกิน 15 ล้านบาท ดอกเบี้ยคงที่ปีที่ 1 – 3 ร้อยละ 3 ต่อปี ปลอดชำระเงินต้นไม่เกิน 12 เดือน รับคำขอถึงวันที่ 30 ธันวาคม 2568

ทั้ง 2 โครงการดังกล่าวจะช่วยสนับสนุน SME ในทุกภาคธุรกิจทั้งในส่วนของ SME รายย่อยและมีความเปราะบาง สามารถเข้าถึงแหล่งเงินทุนได้อย่างทั่วถึงและมีสภาพคล่องเพียงพอในการดำเนินธุรกิจทันที

ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติเป็นประธานพิธีฌาปนกิจศพตำรวจกล้า 'ร.ต.ท.บรรรัง เกษาพร'

เมื่อวานนี้ (7 ม.ค. 68) เวลา 14.00 น. พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ พันธุ์เพ็ชร์ ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ เป็นประธานพิธีฌาปนกิจศพ ร.ต.ท.บรรรัง เกษาพร อายุ 55 ปี รอง สว (ป) สน.สายไหม โดยมีคณะผู้บังคับบัญชา และเพื่อนข้าราชการตำรวจ ร่วมพิธี ณ วัดสายไหม ต.คูคต อ.ลำลูกกา จ.ปทุมธานี

ร.ต.ท.บรรรัง เกษาพร รอง สวป.สน.สายไหม เสียชีวิตในขณะเข้าระงับเหตุฯ จากกรณีผู้ใช้อาวุธปืนขนาด 9 มม.ยิงขณะเข้าระงับเหตุทะเลาะวิวาท บริเวณถนนเฉลิมพงษ์ แขวงและเขตสายไหม กรุงเทพมหานคร เมื่อช่วงค่ำวันที่ 3 มกราคม 2568

ทั้งนี้ สำนักงานตำรวจแห่งชาติขอแสดงความไว้อาลัย และขอแสดงความเสียใจกับครอบครัวของ ร.ต.ท.บรรรัง เกษาพร ซึ่งกองบัญชาการตำรวจนครบาลดูเรื่องเกี่ยวกับสวัสดิการปูนบำเหน็จให้ตามระเบียบต่อไป

ดาราจีน พาเหรดแฉขบวนการค้ามนุษย์จับตัวเรียกค่าไถ่ ชี้ กรณี ‘ซิงซิง’ ไม่ใช่ครั้งแรก ก่อนหน้ามีเหยื่อแล้ว 3 คน

(7 ม.ค. 68) หลังจากมีการเผยแพร่ข่าวของ “ซิงซิง” นักแสดงหนุ่มชาวจีน ที่หายตัวไปบริเวณชายแดนไทย-พม่า ซึ่งมีพฤติการณ์คล้ายกับขบวนการค้ามนุษย์ ก็มีนักแสดงหลายคนออกมาเปิดเผยว่าตนเองก็ตกเป็นเหยื่อในลักษณะเดียวกัน!

โดยนักแสดงที่ชื่อ "เติ้งโหย่ว"ได้โพสต์ว่า เขาก็ถูกชักชวนจากบุคคลที่ใช้ชื่อวีแชตว่า "GMMGrammy~十六" ติดต่อให้มาทำงานที่ไทยเช่นเดียวกันกับซิงซิง แต่เขารู้สึกแปลกๆ และได้เตือนนักแสดงคนอื่นๆ ให้ระวังคนคนนี้เอาไว้ด้วย

ด้านนักแสดงที่ชื่อ "ฟ่านหู่" ก็ออกมาเปิดเผยประสบการณ์โดนแก๊งหลอกลวงระดับมืออาชีพ หลอกมาไทยพร้อมกับนักแสดงอีกหลายคน ทว่าโชคดีที่เขาพบพฤติกรรมที่ไม่น่าไว้วางใจ และทำการส่งข้อความไปหาผู้กำกับชาวไทยที่ถูกนำชื่อมาแอบอ้าง ก่อนที่จะได้รู้ความจริงว่าตนเองกำลังโดนหลอก และวางแผนหลบหนีมาได้สำเร็จ

ขณะที่นักแสดงอีกคน ที่ชื่อ "สี่ว์ต้าจิ่ว" ได้โพสต์ว่า เขาถูกหลอกเหมือนกัน และได้นั่งเครื่องบินมาที่ไทยด้วย แต่เขาเอาตัวรอดมาได้และเดินทางกลับจีนแล้ว โดยซิงซิงน่าจะอยู่ในล็อตที่ 3 ส่วนเขาเป็นล็อตที่ 2 หรือกล่าวคือ ขณะนี้มีคนอย่างน้อย 3 กลุ่มที่ถูกหลอกลวง โดยมีเหยื่อมากกว่า 1 ราย

รายงานระบุว่า นี่เป็นวิธีการตกเหยื่อของแก๊งมิจฉาชีพในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ โดยจะมีการแทรกซึมเข้าไปตามกลุ่มเพื่อน หรือกลุ่มหางานในวีแชต ชักจูงและหว่านล้อมให้ผู้คนหลงเชื่อ พร้อมกับเสนอค่าตอบแทนที่ค่อนข้างสูง เพื่อดึงดูดความสนใจ ซึ่งคล้ายกับกรณีของ "สี่ว์ป๋อชุน" ในปี 2023 ที่เขาเห็นประกาศรับสมัครนักแสดงในกลุ่มพาร์ทไทม์ โดยบอกว่าเป็นโปรเจกต์ฟอร์มยักษ์ ต้องเก็บเป็นความลับ

หลังจากพูดคุยและตกลงกันเรียบร้อย สี่ว์ป๋อชุนก็เดินทางไปยังแคว้นปกครองตนเองสิบสองปันนา กลุ่มชาติพันธุ์ไท มณฑลอวิ๋นหนาน (ยูนนาน) จากนั้นก็ถูกพาตัวไปยังพม่า และถูกกักตัวไว้ เพื่อเรียกเงินค่าไถ่จากครอบครัว ถึง 620,000 หยวน (ประมาณ 3.1 ล้านบาท) และถึงแม้จะได้เงินไปแล้วแต่เขาก็ต้องรออีก 100 กว่าวันถึงจะถูกปล่อยตัวกลับจีน

GMM ยันไม่เกี่ยวข้องกรณี 'ซิงซิง' หลังถูกแอบอ้างพัวพันดาราจีนหายตัว

(7 ม.ค. 68) จีเอ็มเอ็ม แกรมมี่ ยันไม่มีส่วนเกี่ยวข้องหลอกลวง ซิงซิง นักแสดงจีน แจงกระบวนการคัดเลือกศิลปินโปร่งใส ขอ ปชช.อย่าเชื่อข่าวปลอม

จากกรณีหญิงรายหนึ่งระบุใน weibo ของจีน ว่าแฟนหนุ่มของเธอคือ ซิงซิง หรือ หวังซิง นักแสดงจีน หายตัวไปที่ชายแดนไทย-เมียนมา เมื่อวันที่ 3 มกราคมที่ผ่านมา หลังจากเดินทางมาเพื่อถ่ายทำงานในประเทศไทย โดยมีการกล่าวอ้างถึงค่ายศิลปินยักษ์ใหญ่

ทางด้านบริษัท จีเอ็มเอ็ม แกรมมี่ จำกัด (มหาชน) หรือ GMM Grammy ออกแถลงการณ์ผ่าน Weibo ปฏิเสธไม่มีส่วนเกี่ยวข้องใดๆ กับกรณีนักแสดงชาวจีนหายตัวที่แม่สอด

" บริษัทขอย้ำว่ากระบวนการคัดเลือกศิลปินและนักแสดงของเรามีความโปร่งใส และปฏิบัติตามขั้นตอนที่กำหนดไว้อย่างเคร่งครัด เราจะไม่ติดต่อบุคคลใดๆ ผ่านช่องทาง ส่วนตัว และจะไม่ขอให้ผู้สมัครรายใดจ่ายค่าธรรมเนียมใดๆ

บริษัทขอแนะนำให้ประชาชนไม่เชื่อในข้อมูลที่ไม่ถูกต้อง และตรวจสอบข้อมูลผ่านช่องทางการสื่อสารอย่างเป็นทางการของบริษัทเท่านั้น"


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top