Saturday, 26 April 2025
POLITICS NEWS

“สมศักดิ์” ไม่พูดชัด ตำแหน่งเลขาฯ พปชร. ยังต้องอยู่กับสามมิตร เตือน นักการเมือง อย่าคิดถึงแต่ตัวเอง ให้พึงสังวรไว้ ทำงานวันนี้ ผลจะสะท้อนตอนเลือกตั้ง

ที่ทำเนียบรัฐบาล นายสมศักดิ์ เทพสุทิน รมว.ยุติธรรม ในฐานะรองหัวหน้าพรรค ให้สัมภาษณ์ถึงการประชุมพรรคพลังประชารัฐที่มีกระแสข่าวเรื่องการปรับเปลี่ยนกรรมการบริหารพรรค ว่า ตอนประชุมกรรมการบริหารเพื่อกำหนดวันประชุมใหญ่นั้นตนไม่ได้ร่วมประชุม เรื่องการปรับกรรมการบริหารพรรคมีข่าวออกมาเรื่อยๆ ตนก็คิดในทางที่ดี ว่าอาจจะดีก็ได้ เรื่องการปรับโครงสร้างนั้นตนยังไม่ทราบรายละเอียด จึงไม่กล้าคิดอะไร ส่วนตนจะไปร่วมประชุมด้วยหรือไม่นั้น ขอดูก่อน 

ผู้สื่อข่าวถามว่าตำแหน่งเลขาธิการพรรคพลังประชารัฐยังต้องอยู่ กลับกลุ่มสามมิตรหรือไม่ นายสมศักดิ์ กล่าวว่า ตนไม่ทราบ อยู่ที่ทุกคนต้องเข้าใจ ต้องคุยกัน เมื่อถามว่า ถึงเวลาแล้วหรือยัง ในการปรับเปลี่ยนเลขาธิการพรรค นายสมศักดิ์ กล่าวว่า คนที่จะตอบเรื่องนี้หากไม่ถามเลขาธิการพรรค ก็ต้องถามหัวหน้าพรรค 

เมื่อถามว่า เราจะแก้ปัญหา อย่างไรในกรณีที่เมื่อมีเรื่องอะไรเกิดขึ้นในพรรคแล้วเลขาธิการพรรคไม่ทราบเรื่อง นายสมศักดิ์ กล่าวว่า เป็นเรื่องของเขา อย่าไปวิจารณ์เขา เมื่อถามว่า ก่อนหน้านี้ นายสมศักดิ์เองเคยพูดทีเล่นทีจริงว่าหากมีการเปลี่ยนเลขาธิการพรรคก็จะเข้าไปเป็นเลขาพรรคเสียเอง นายสมศักดิ์ กล่าวว่า เวลามันข้ามมาหลายเดือนแล้วจากตอนนั้นที่พูด เมื่อถามย้ำว่า ตอนนี้ยังคิดเช่นนั้นอยู่หรือไม่ นายสมศักดิ์ กล่าวว่า ไม่คิด 

ผู้สื่อข่าวถามว่า เหตุใดข่าวการปรับเปลี่ยนกรรมการบริหารพรรค จึงออกมาในช่วงนี้หนาหู นายสมศักดิ์ กล่าวว่าตนมองว่ามีคนพยายามทำให้เกิดข่าว  ส่วนจะเป็นคนในพรรคหรือไม่นั้นตนไม่ทราบ เพราะตนอาจจะให้ความสนใจเรื่องพรรคน้อยไป เนื่องจากส่วนตัวคิดว่าการทำงานต่างๆ ถ้าเราพยายามทำให้ได้งานออกมา ทั้งที่มีสถานการณ์โควิด-19 ก็น่าจะเป็นเรื่องดี ตนมุ่งเน้นเรื่องงานต่างๆ ของกระทรวงที่ออกมา ตนอยากจะทำมากที่สุด เช่น กฎหมายให้ผู้หญิงและเด็กเกิดความปลอดภัยจากอาชญากรต่อเนื่อง คิดว่าตนจะเสนอ ครม.ได้ในสิ้นเดือนนี้ 

"ถ้าเรามายุ่งเรื่องส่วนตัวมาก เช่น เรื่องในพรรคมากไป อยากเป็นโน่นเป็นนี่ อาจเสียงานในภาพรวม ผมจึงอยากให้นักการเมืองสังวรไว้ว่าประชาชนมองเราอยู่ อย่าคิดว่าวันนี้เราเดินได้สบายอยู่กับสิ่งที่เป็นอำนาจ แล้วทำให้ท่านสบาย แต่เวลาเลือกตั้งขอเรียนว่าสิ่งที่ทำไว้ในวันนี้มันจะสะท้อนในวันเลือกตั้ง ฝ่ายที่เป็นคู่แข่งเรา เขาจะเอามาโจมตีเราไม่ยั้ง แค่ภาพเดียวหรือสองภาพก็แทบตายแล้วในการเลือกตั้ง จึงอยากบอกว่าให้พึงสังวรตัวเองไว้ วันนี้อาจอยู่สบาย แต่วันเลือกตั้งมันยาก ผมก็เตือนตัวเองตลอด ต้องสร้างงาน” 

เมื่อถามว่ามองว่า ขณะนี้ปี่กลองเลือกตั้งเริ่มดังขึ้นแล้วใช่หรือไม่ นายสมศักดิ์ กล่าวว่า ตนมองว่ายังไปได้อยู่เพราะมีปัจจัยอื่นที่จำเป็นต้องให้รัฐบาลทำงาน ขอให้ใจเย็นๆ ส่วนจะเป็น 1 ปีเหมือนที่นายกฯพูดหรือไม่นั้น มันอาจจะช้าไปกว่านั้น ก็ได้เพราะเป็นช่วงที่เรามองเห็นปัญหาที่ผ่านมา วันนี้เป็นวันที่ตั้งต้นเดินหน้า ทุกกระทรวงต้องรีบทำเพราะรู้ว่าต้องแข่งผลงานกันเพื่อให้ชาวบ้านรู้สึกว่าช่วงปลายรัฐบาลดีจริงๆ 

“อนุทิน” เผยแผนรับเปิดเทอม ต้องระดมฉีดวัคซีนโควิด-19 ครู

จากกรณีการกำหนดเปิดภาคเรียนในวันที่ 14 มิถุนายน 2564 โดยแต่ละพื้นที่ มีมาตรการแตกต่างกันออกไป ซึ่งมีความกังวลว่าอาจทำให้เกิดการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 ล่าสุด  11 มิถุนายน 2564 นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข ระบุว่า เมื่อมีการกำหนดอย่างไร ก็ต้องปฏิบัติกันไปเช่นนั้น สำหรับทางกระทรวงสาธารณสุข จากที่เคยให้บริการวัคซีนโควิด-19 แก่บุคลากรด้านการคมนาคมขนส่ง จากนี้จะเร่งให้บริการครู และบุคลากรด้านการศึกษาด้วย นอกจากนั้น ยังต้องร่วมมือกัน ฝึกให้เด็กคุ้นชินกับการใช้หน้ากากป้องกันโรค แน่นอน ว่าเป็นเรื่องยาก หากจะหวังให้เด็กรู้จักการเว้นระยะห่าง แต่ถ้าเด็กมีหน้ากาก ก็ช่วยลดความเสี่ยงได้มาก  สำหรับการให้บริการวัคซีนแก่เด็ก ปัจจุบันนี้ กำลังดำเนินการนำเข้าวัคซีนของไฟเซอร์ ซึ่งทางผู้ผลิต ยืนยันว่าใช้กับเด็กได้ และไทยมีแผนฉีดให้เด็กอายุต่ำกว่า 18 ปี ขณะเดียวกัน ยังรอพิจารณาผลการทดสอบวัคซีน Sinovac กับเด็ก 3 ขวบ หากมีความปลอดภัย มีประสิทธิภาพ ไทยก็ต้องนำมาพิจารณาปฏิบัติ เพื่อให้บริการนั้นครอบคลุมทุกช่วงอายุมากที่สุด 

นายอนุทิน ยังกล่าวย้ำด้วยว่า การนำเข้าวัคซีนของแอสตราเซนเนกา ยังยึดถือตามสัญญา และปัจจุบัน ได้หารือทำสัญญาระยะยาวกับผู้ผลิตเจ้าอื่น เพื่ออำนวยความสะดวกต่อการบริหารจัดการ และปัจจุบัน ได้มองไปถึงการฉีด เพื่อกระตุ้นภูมิคุ้มกัน ให้กับผู้ที่เคยรับบริการวัคซีนเมื่อช่วงต้นปี ซึ่งอาจจะได้รับวัคซีนในช่วงปลายปีนี้ เนื่องจากการ ให้บริการ ต้องเป็นไปด้วยความต่อเนื่องเพื่อสร้างภูมิคุ้มกันหมู่ และรักษาระดับภูมิคุ้มกันในประชาชน ชัดเจนว่า เรื่องวัคซีนต้องวางแผนระยะยาว เช่นนี้ จึงให้ความสำคัญกับการให้ไทยได้เป็นฐานการผลิตวัคซีน ไปจนถึงการมีวัคซีนเป็นของตัวเอง

ปัจจุบันวัคซีนที่ผลิตในไทย ได้ให้บริการไปแล้วนับล้านโดส ก็ยังไม่มีปัจจัยที่บ่งบอกว่าด้อยคุณภาพ ไม่มีความปลอดภัย ตรงนั้นสะท้อนความสามารถของคนไทย ระบบสาธารณสุขของไทยอยู่ในมาตรฐานที่สูง การรักษา เรายังยึดหลักว่าทุกคน ต้องได้รับการดูแลจากทีมแพทย์ ขณะที่เรื่องวัคซีน มีการวิพากษ์วิจารณ์ว่าไทยเริ่มต้นช้า ทั้งที่ไทยหารือกับผู้ผลิตมาตั้งแต่กลางปี 2563 ประสบความสำเร็จในการโน้มน้าวให้ผู้ผลิตเลือกไทยเป็นฐาน ในวันนี้ เราได้มีการจองวัคซีนเป็นจำนวนมาก และได้ทยอยฉีดไปกว่า 5 ล้านโดสแล้ว

นายอนุทิน กล่าวด้วยว่า การทำงานกับหน่วยงานอื่น อาจมีความเห็นไม่ตรงกันบ้าง แต่ทุกฝ่ายมองการทำงานเป็นสำคัญ มองประชาชนเป็นสำคัญ ย่อมคุยกันรู้เรื่อง ยิ่งกับท่านนายกฯ พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา ขอย้ำว่าตนเคารพท่านในฐานะผู้บังคับบัญชา จึงไม่เคยมีเรื่องให้ขุ่นข้องหมองใจกัน ส่วนการอภิปรายที่ผ่านมา สังเกตได้ว่าสมาชิกพรรคภูมิใจไทย ก็ไม่ได้มุ่งวิจารณ์ท่านนายกฯ หรือรัฐบาล แต่สงสัยในการทำงานของสำนักงบประมาณ และสภาพัฒน์ ซึ่งท่านเอางบวัคซีนไปไว้ในงบกลาง และงบเงินกู้ แต่ไม่ปรากฏในเอกสารร่าง พ.ร.บ. งบประมาณ ซึ่งเป็นเอกสารหลัก แต่กลับไม่มีเรื่องของวัคซีนปรากฏอยู่ ย่อมถูกวิจารณ์ได้ง่าย แต่เมื่ออธิบายแล้ว เข้าใจข้อเท็จจริง ก็ทำงานกันต่อ 

“ตนไม่เคยกังวลเรื่องยุบสภา เพราะที่ผ่านมา เมื่อตัดสินใจเข้ามาทำงานการเมือง จะกลัวการเลือกตั้งไม่ได้ กลับกัน ต้องพร้อมตลอด ถ้าต้องเลือก ก็พร้อมลงสนาม ทั้งนี้ อยู่ในถนนสายการเมืองมาตั้งแต่ปี 2535 เข้าใจธรรมชาติการเมืองดี และที่ผ่านมา ทั้งตน และพรรคก็เติบโตขึ้นเรื่อยๆ หลักการทำงานของเราคือการลงมือทำให้สมกับได้ชื่อว่าเป็นพรรคปฏิบัติการเท่านั้นเอง” 

อนุชา ชี้ ประชุมใหญ่ที่ขอนแก่นไร้วาระเปลี่ยนเลขาพรรค โยน แล้วแต่บิ๊กป้อม-ยืนยัน รัฐบาลอยู่ครบวาระ ไม่มียุบสภา

ที่ทำเนียบรัฐบาล นายอนุชา นาคาศัย รมต.ประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ในฐานะเลขาธิการพรรคพลังประชารัฐ ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีการประชุมใหญ่สามัญประจำปีของพรรคพลังประชารัฐที่จังหวัดขอนแก่นในวันที่ 18 มิถุนายนนี้ ว่า สำหรับตน ยังไม่มีข่าวใดๆ ในเรื่องนี้ ส่วนที่มีข่าวอย่างนั้นอย่างนี้ก็ถือเป็นข่าวที่ถูกนำเสนอไปข้างนอก ส่วนจะมีวาระการประชุมใดบ้างนั้นขึ้นอยู่กับพล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ หัวหน้าพรรค เป็นหลัก 

ผู้สื่อข่าวถาม ถึงวาระการปรับเปลี่ยนกรรมการบริหารพรรคพลังประชารัฐ นายอนุชา กล่าวว่า สำหรับตนยังไม่ได้ยินเรื่องนั้น ก็เพียงได้ยินจากข่าว ทุกอย่างอยู่ที่หัวหน้าพรรคเพียงคนเดียว หัวหน้าพรรคจะเป็นคนสั่งการทุกอย่าง ซึ่งก็คงเรียบร้อย 

ผู้สื่อข่าวถามว่าจะเดินทางไปร่วมประชุมพรรคพลังประชารัฐที่ขอนแก่นด้วยตัวเองใช่หรือไม่ นายอนุชา กล่าวว่า ไปร่วมด้วยอย่างแน่นอน แต่ยังไม่ทราบโปรแกรมโดยละเอียด ซึ่งตามหมายกำหนดการของพรรคพลังประชารัฐเป็นการประชุมเพื่อรับรองงบประมาณของพรรคตามระเบียบที่พรรคการเมืองจะต้องประชุมใหญ่สามัญเพื่อรับรอง

เมื่อถามว่า รู้สึกอย่างไรต่อกรณีที่มีเสียงสนับสนุนให้นายอนุชาดำรงตำแหน่งเลขาธิการพรรคพลังประชารัฐต่อไป นายอนุชา กล่าวว่า ก็ต้องขอบคุณ ส่วนการที่ใครจะสนับสนุนใครอย่างไร หรือไม่นั้นตนคิดว่าทางพรรคเป็นสำคัญ เพราะตนไม่ได้มองว่า ใครจะเลือกที่รักมักที่ชังอย่างไร เพราะถึงอย่างไรก็แล้วแต่พรรคจะต้องเป็นสิ่งสำคัญ ใครจะคิดอ่านอย่างไรขอให้คิดถึงประโยชน์ของพรรคเป็นหลักเป็นสำคัญ ตนคิดว่าหัวหน้าพรรคเป็นผู้ที่จะเป็นผู้ตัดสินใจสุดท้ายเหนืออื่นใด เพราะฉะนั้นเราต้องเคารพการตัดสินใจของหัวหน้าพรรค

ผู้สื่อข่าวถามว่าภายในพรรคพลังประชารัฐมีการประเมินถึงกรณีที่มีกระแสข่าวการยุบสภาหรือไม่อย่างไร นายอนุชา กล่าวว่า เรื่องยุบสภาไม่มี ตน ยืนยันได้ ตนทำงานเต็มที่ ในคณะรัฐมนตรีทั้งรัฐบาลและนายกรัฐมนตรีก็ทำงานอย่างเต็มที่ ทุกคนช่วยกัน เรื่องของปัญหาอะไรเล็กๆน้อยๆมันย่อมมีเป็นธรรมดาอยู่แล้วของการทำงาน แต่ในเรื่องจะถึงขั้นยุบสภานั้น ไม่มีรับรองได้ ผมคิดว่ารัฐบาลคงอยู่ครบวาระ

“สมศักดิ์-อนุชา” รุดขึ้นตึกไทย ท่ามกลางกระแสปรับโครงสร้างพปชร.ปรับเลขาฯ พรรค

ผู้สื่อข่าวรายงานจากทำเนียบรัฐบาลว่า นายสมศักดิ์ เทพสุทิน รมว.ยุติธรรม ในฐานะรองหัวหน้าพรรค นายอนุชา นาคาศัย รมต.ประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ในฐานะเลขาธิการพรรคพลังประชารัฐ เข้าพบ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกฯและรมว.กลาโหม ที่ตึกไทยคู่ฟ้าท่ามกลางกระแสข่าวการปรับเปลี่ยนกรรมการบริหารพรรค โดยเฉพาะตำแหน่งเลขาธิการพรรคในการประชุมสามัญประจำปีวันที่ 18 พ.ค.นี้ ที่จ.ขอนแก่น โดยนายสมศักดิ์ กล่าวเพียงสั้นๆ อย่างอารมณ์ดีระหว่างเดินขึ้นตึกไทยคู่ฟ้าว่า​ “ไปร่วมบันทึกเทปเรื่องยาเสพติด ไม่ใช่ข่าวการประชุมพรรคนะ” 

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ในส่วนของนายอนุชา เข้าพบนายกฯเพื่อรายงานความคืบหน้ากรณี สถานีวิทยุโทรทัศแห่งประเทศไทย (เอ็นบีที) กรมประชาสัมพันธ์ุได้รับลิขสิทธิการถ่ายทอดสดการแข่งขันฟุตบอลชิงแชมป์แห่งชาติยุโรป 2020 หรือ ยูโร 2020 ที่จะมีขึ้นเวลา 02.00 น. วันที่ 12 มิ.ย. 

‘บิ๊กตู่’ สั่งปรับเกณฑ์ระเบียบ เชื่อมข้อมูลหนุนรัฐบาลดิจิทัล

น.ส.ไตรศุลี ไตรสรณกุล รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า สำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (สศช.) ได้รายงานให้พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และรมว.กลาโหม ทราบถึงความก้าวหน้าของการดำเนินการตามยุทธศาสตร์ชาติและแผนการปฏิรูปประเทศ โดย สศช. เสนอให้เร่งรัดการบริหารจัดการฐานข้อมูลขนาดใหญ่ หรือ บิ๊กดาต้าของภาครัฐต่อเนื่อง ซึ่งนายกรัฐมนตรีก็ได้มีข้อสั่งการให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องทั้งส่วนราชการและหน่วยงานรัฐ ไปปรับปรุงข้อกฎหมายและระเบียบโดยเร็วเพื่อสนับสนุนการเป็นรัฐบาลดิจิทัลให้เป็นรูปธรรม

ทั้งนี้ สศช. ได้รายงานว่าจากการดำเนินงานเกี่ยวข้องกับการบริหารจัดการข้อมูลขนาดใหญ่ของรัฐในระยะที่ผ่าน เช่น กรณีการพัฒนาระบบบริหารจัดการข้อมูลการพัฒนาคนแบบชี้เป้า (ทีพีแม็ป) พบว่าการเชื่อมโยงข้อมูลระหว่างหน่วยงานของรัฐยังมีข้อจำกัด เป็นอุปสรรคสำคัญของการขับเคลื่อนรัฐสู่การเป็นรัฐบาลดิจิทัล โดยประเด็นปัญหาหลักคือ แม้ว่าจะมีกฎหมายหลักที่เกี่ยวข้องกับการบูรณาการข้อมูลและพัฒนารัฐบาลดิจิทัลแล้ว เช่น พ.ร.บ.การพัฒนาดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม พ.ศ.2560 พ.ร.บ.คุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล พ.ศ.2562 แต่กฎหมายและระเบียบภายในของหน่วยงานต่างๆ ยังเป็นข้อจำกัดในการเชื่อมโยงและเผยแพร่ข้อมูลระหว่างหน่วยงาน

ดังนั้น สศช. จึงเสนอให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องเร่งปรับปรุงกฎหมายและระเบียบภายในหน่วยงานให้รองรับและสนับสนุนการเชื่อมโยงและแลกเปลี่ยนข้อมูลร่วมกับหน่วยงานอื่น ให้สอดคล้องกับกฎหมายหลักด้านการพัฒนารัฐบาลดิจิทัล รวมทั้งสนับสนุนให้บุคลากรทุกหน่วยงานให้มีทัศนคติที่เอื้อต่อการบูรณาการข้อมูลร่วมกับหน่วยงานอื่น โดยชี้ให้เห็นความสำคัญและความจำเป็นในการบูรณาการข้อมูลเพื่อพัฒนานวัตกรรมและเทคโนโลยีดิจิทัลของภาครัฐ ซึ่งจะเป็นเครื่องมือที่มีประสิทธิภาพสูงสุดในการพัฒนานโยบายและการปฏิบัติงานด้วยข้อมูลและหลักฐานเชิงประจักษ์ในสภาพแวดล้อมของประเทศที่มีความซับซ้อนและเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว


โปรเด็ด! เทหมดตัว มาสด้า 2 และ นิสสันอัลเมร่า ทักเลย! ตอบไว! แอดเลย @TheShopsTimes

คลิก????https://lin.ee/vfTXud9

‘บิ๊กป้อม’ สั่งเร่งฟื้น คลองแสนแสบ มุ่งอนุรักษ์-พัฒนาสิ่งแวดล้อม-ยกระดับคุณภาพชีวิตประชาชน พร้อมสั่งการเตรียมรองรับฤดูฝนที่กำลังจะมา

เมื่อวันที่ 10 มิ.ย.พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี เป็นประธานการประชุมคณะอนุกรรมการบริหาร พัฒนา อนุรักษ์ และฟื้นฟู คลองแสนแสบ ครั้งที่ 3/2564 โดยที่ประชุมรับทราบความคืบหน้าแผนปฏิบัติการ พัฒนา ฟื้นฟูสภาพแวดล้อม คลองแสนแสบ จำนวน 84 โครงการ โดยกทม.จะเสนอครม.พิจารณาภายในเดือนมิ.ย.ต่อไป พร้อมรับทราบแนวทางการประชาสัมพันธ์ให้ประชาชนเข้าใจและเห็นความสำคัญของการร่วมพัฒนา โดยขอให้ทุกหน่วยงาน สร้างการรับรู้แก่ประชาชน โดยเฉพาะชุมชนริมคลอง ซึ่งอาจได้รับผลกระทบโดยตรง ให้มีความเข้าใจ และเห็นประโยชน์ร่วมกัน มีความภาคภูมิใจที่จะได้ร่วมพัฒนาเชิงอนุรักษ์คลองแสนแสบให้มีความสวยงามและใช้ประโยชน์ เพื่อการสัญจรได้อย่างปลอดภัยต่อไป

นอกจากนั้น รับทราบแผนเตรียมการรองรับน้ำฤดูฝนในพื้นที่คลองแสนแสบ ตามที่กรมชลประทาน วางแผนร่วมกับ กทม.ในการแก้ไขคุณภาพน้ำ และบริหารจัดการน้ำหลาก ให้มีแผนเผชิญเหตุและแนวทางการป้องกันอุทกภัยและน้ำท่วมในพื้นที่กทม. ที่มีพื้นที่เสี่ยงบริเวณเขตหนองจอก โดยกทม. มีแผนปรับลดระดับน้ำในคลองแสนแสบ เพื่อใช้เป็นแก้มลิงรองรับน้ำฝน หากเกิดมวลน้ำจำนวนมาก เพื่อป้องกันน้ำท่วม โดยให้หน่วยงานรับผิดชอบหลัก อาทิ กทม. กรมธนารักษ์ กรมควบคุมมลพิษ กรมโรงงานอุตสาหกรรมกรมเจ้าท่า กรมชลประทาน และกรมโยธาธิการและผังเมือง เร่งรัดแผนงาน โครงการ รวมทั้งการแก้ไขปัญหาในพื้นที่ให้เสร็จโดยเร็ว


โปรเด็ด! เทหมดตัว มาสด้า 2 และ นิสสันอัลเมร่า ทักเลย! ตอบไว! แอดเลย @TheShopsTimes

คลิก????https://lin.ee/vfTXud9

พปชร. เย้ยโควิด ยกโขยงประชุมใหญ่ 18 มิ.ย.นี้ จ.ขอนแก่น ยัน! เป็นไปตามมาตรการคุมโควิด-19

น.ส.พัชรินทร์ ซำศิริพงษ์ ส.ส.กทม.ในฐานะโฆษกพรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) กล่าวว่า พรรคพปชร. มีมติจัดประชุมใหญ่สามัญประจำปี ในวันที่ 18 มิ.ย.นี้ ที่ ศูนย์ประชุมและแสดงสินค้านานาชาติขอนแก่น จ.ขอนแก่น ทั้งนี้เป็นไปตามที่คณะกรรมการโรคติดต่อจังหวัดขอนแก่น อนุญาต ภายใต้มาตรการป้องกันโรคและควบคุมโรคติดต่อโควิด-19 

“หน่วยมั่นคง ทหาร-ตร.” พร้อมเข้าควบคุม พื้นที่โดยเฉพาะในแคมป์คนงานก่อสร้าง ห้ามมีการเคลื่อนย้ายแรงงานไปมาระหว่างแคมป์

พล.ต.ธีรพงศ์ ปัทมสิงห์ ณ อยุธยา รองโฆษกกองบัญชาการกองทัพไทย เปิดเผยว่าในขณะนี้ ศูนย์ปฏิบัติการแก้ไขสถานการณ์ฉุกเฉินด้านความมั่นคง (ศปม.) ได้รับมอบหมายจาก ศูนย์ปฏิบัติการ ศูนย์บริหารสถานการณ์โควิด-19 (ศปก.ศบค.) ให้ฝ่ายทหารและตำรวจ บูรณาการความร่วมมือในการการจัดเจ้าหน้าที่ฝ่ายความมั่นคงดูแลควบคุมการ เข้า-ออก ของคนงานในบริเวณที่พักคนงานก่อสร้างในพื้นที่เขตหลักสี่และชุมชนคลองเตย เพื่อเป็นการควบคุมการเคลื่อนย้ายแรงงานไปมาระหว่างแคมป์ต่างๆ แล้ว

สำหรับ การเข้าไปควบคุมหรือสั่งปิดพื้นที่นั้น อยู่ในดุลยพินิจและอำนาจของเขต หรือจังหวัด โดยหากมีความจำเป็นที่ต้องใช้กำลังในด้านต่างๆ มากขึ้น จะพิจารณาสนธิกำลังทหาร-ตำรวจ เข้าสนับสนุนการปฏิบัติของ ศูนย์ปฏิบัติการ ศูนย์บริหารสถานการณ์โควิด-19 (ศปก.ศบค.) ในการควบคุมดูแลพื้นที่ที่อาจมีความสุ่มเสี่ยงเพื่อป้องกันการแพร่ระบาดของเชื้อต่อไป

‘ธิษะณา กลุ่ม Re-solution’ ชวนประชาชนเข้าชื่อแบบใหม่ ส่งไลน์ได้ ไม่ต้องใช้สำเนาบัตร ไม่ต้องส่งเอกสาร วอนประชาชนช่วยกันเร่งเข้าชื่อแก้ รธน. สกัดสืบทอดอำนาจภาค 2 และรัฐบาลเฮงซวย

นางสาวธิษะณา ชุณหะวัณ แกนนำกลุ่ม Re-solution กล่าวถึง กรณีการยื่นแก้ไขรัฐธรรมนูญของพรรครัฐบาลที่มีข้อเสนอพยายามรวบหัวรวบหางแก้ไขเรื่องระบบเลือกตั้งเพื่อประโยชน์ของพรรคการเมืองใหญ่ในการเลือกตั้งครั้งต่อไป โดยทำไปเพื่อประโยชน์ของคนบางกลุ่ม ไม่ใช่เพื่อประโยชน์ของประชาชนส่วนใหญ่ของประเทศ หากปล่อยให้เป็นเช่นนี้ ปล่อยให้พรรครัฐบาลสามารถยื่นแก้ไขได้อย่างสะดวก ทิศทางการแก้ไขรัฐธรรมนูญก็จะได้รัฐธรรมนูญตามที่ฝ่ายรัฐบาลสืบทอดอำนาจต้องการ ปัญหาเชิงโครงสร้างของประเทศนี้ก็ยังมีอยู่ต่อไป สร้างความเดือดร้อนให้กับประชาชนทุกหย่อมหญ้า 

“หากพวกเราปล่อยให้มีการแก้ไขรัฐธรรมนูญตามร่างของพรรครัฐบาล ประเทศไทยจะยังมี ส.ว.250 คน ที่สามารถมาโหวตเลือกนายกรัฐมนตรีได้อยู่ แล้วพวกเขาก็จะเลือกนายกรัฐมนตรีที่เป็นคนของระบอบประยุทธ์อย่างไม่แตกแถวเหมือนที่ผ่านมา แม้ว่าคนคนนั้นจะเป็น พล.อ.ประยุทธ์ หรือไม่ก็ตาม และพวกเขาจะกระโดดป้องผลประโยชน์ของชนชั้นนำ ขัดขวางผลประโยชน์และร่างกฎหมายของประชาชน หากพวกเขาเห็นว่าสิ่งเหล่านั้นจะขัดขวางผลประโยชน์และลดอำนาจของพวกเขาเอง ทั้งๆ ที่การมี ส.ว.250 คน ไม่ได้มีประโยชน์กับประชาชน และเป็นอุปสรรคขัดขวางประเทศ และผลาญเงินภาษีของประชาชนปีละหลายพันล้านบาทด้วย” นางสาวธิษะณา ระบุ

นางสาวธิษะณา ในฐานะแกนนำกลุ่ม Re-solution ยังกล่าวต่อไปด้วยว่า ประเทศไทยก็ยังจะมีองค์กรอิสระ ศาลรัฐธรรมนูญ ที่อิสระจากประชาชน แต่ไม่อิสระจากคณะรัฐประหารสืบทอดอำนาจ ทำงานค้านสายตาประชาชน ปกป้องคนของระบอบประยุทธ์ กำจัดคนที่พวกเขาคิดว่าเป็นศัตรูทางการเมืองของระบอบ รวมทั้งประเทศของเราก็จะยังมียุทธศาสตร์ชาติ 20 ปี และแผนปฏิรูปประเทศที่เป็นโซ่ตรวนฉุดรั้งประเทศทำให้นโยบายที่สร้างสรรค์ ยึดผลประโยชน์ของประชาชนเป็นที่ตั้งก็จะเกิดขึ้นไม่ได้ในประเทศแห่งนี้ และประเทศไทยก็อาจจะยังมีกลุ่มคนที่เสียผลประโยชน์ สมคบกันสร้างสถานการณ์ปูทางให้เกิดการรัฐประหาร เกิดวงจรอุบาทว์การรัฐประหารไม่จบไม่สิ้น สุดท้ายก็จะกลับมาสร้างความเดือดร้อนให้กับประชาชน ละเมิดสิทธิและเสรีภาพ และใช้งบประมาณสุรุ่ยสุร่ายไม่เห็นหัวประชาชนเหมือนที่ผ่านมา 

“อย่าปล่อยให้พวกเขาสามารถสืบทอดอำนาจภาค 2 ได้สำเร็จ มาร่วมกันเข้าชื่อรื้อระบอบประยุทธ์กันให้ถล่มทลายและรวดเร็วที่สุด เพื่อเป็นจุดเริ่มต้นแก้ไขปัญหาเชิงโครงสร้างของประเทศนี้ เพื่อให้คุณภาพชีวิตของประชาชนทุกคนดีขึ้น ไม่ต้องเจอกับรัฐบาลเฮงซวยภาค 2 และเพื่อส่งเสียงบอกพวกเขาว่าหยุดลุแก่อำนาจ หยุดกินรวบประเทศ ประชาชนรู้ทันพวกเขาหมดแล้วว่าพวกเขาต้องการอะไร ประชาชนจะใช้เสียงของตัวเองขัดขวางกลุ่มคนที่เห็นแก่ประโยชน์ของตัวเองและพวกพ้อง ประชาชนจะผลักดันร่างรัฐธรรมนูญของประชาชนให้เป็นร่างแก้ไขหลักที่พิจารณากันในสภาแทนที่จะเป็นร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญของพรรคการเมืองที่มุ่งรวบหัวรวบหางแก้ไขเรื่องระบบเลือกตั้งเพื่อประโยชน์ของพรรคการเมืองใหญ่และกลุ่มคนไม่กี่คน แทนที่จะเป็นผลประโยชน์ของประชาชนทั้งประเทศ” นางสาวธิษะณา กล่าว

นางสาวธิษะณา ระบุว่าสืบเนื่องจากที่ พ.ร.บ. เข้าชื่อเสนอกฎหมาย พ.ศ.2564 ประกาศใช้บังคับเมื่อวันที่ 27 พฤษภาคมที่ผ่านมา ส่งผลให้ประชาชนสามารถเข้าชื่อเสนอร่างกฎหมายหรือร่างรัฐธรรมนูญต่อสภาได้สะดวกมากขึ้น ประเด็นสำคัญคือทำให้การเข้าชื่อเสนอกฎหมายง่ายขึ้น และมีหลากหลายช่องทาง รวมทั้งไม่ต้องมีเอกสารเยอะเหมือนเมื่อก่อน ไม่จำเป็นต้องใช้สำเนาบัตรประชาชน และสามารถส่งผ่านสื่ออิเล็กทรอนิกส์ได้ โดยที่ไม่ต้องส่งแผ่นกระดาษ ดังนั้นพวกเรา กลุ่ม Re-solution จึงเปิดช่องทางการเข้าชื่อแก้ไขรัฐธรรมนูญในหลากหลายช่องทางผ่านสื่ออิเล็กทรอนิกส์เพื่อให้ประชาชนที่ทนไม่ไหวกับระบอบประยุทธ์สามารถมาร่วมเข้าชื่อแก้รัฐธรรมนูญด้วยกันได้สะดวกมากขึ้น 

โดยสามารถโหลดเอกสารแบบฟอร์มได้จาก : https://bit.ly/3t04VTR เมื่อกรอกเอกสารและลงลายมือชื่อเรียบร้อยแล้ว จะถ่ายรูปส่งมาหรือส่งเป็นไฟล์ก็ได้ โดยสามารถส่งมาได้หลากหลายช่องทาง จะส่งผ่านไลน์ https://page.line.me/resolutioncon 

กล่องข้อความเฟสบุ๊กเพจ : https://www.facebook.com/resolutionconstitution/ 

กล่องข้อความทวีตเตอร์ : https://twitter.com/ResolutionCons

กล่องข้อความอินสตราแกรม : @ResolutionCon

ส่งผ่านอีเมล : [email protected] ก็ได้

สำหรับประชาชนที่สะดวกส่งเอกสารทางจดหมาย ก็สามารถส่งมาได้ที่ “Re-Solution สำนักงานคณะก้าวหน้า 1768 อาคารไทยซัมมิททาวเวอร์ ชั้น 5 ถนน เพชรบุรีตัดใหม่ แขวงบางกะปิ เขตห้วยขวาง กรุงเทพมหานคร 10310” และเรายังมีโต๊ะรับลงชื่อในหลายจังหวัด หากใกล้ที่ไหนก็ไปที่นั่นได้เลย

ศธ.แจง แนวทาง 4 ON รับเปิดเรียน 14 มิ.ย.นี้ ย้ำ 4 จ.แดงเข้ม ยังไม่ให้ใช้พื้นที่ทำการสอน ชี้ บุคลากร ข้ามจว.หากมีความเสี่ยงให้กักตัว 14 วัน

ที่ทำเนียบรัฐบาล พญ.อภิสมัย ศรีรังสรรค์ ผู้ช่วยโฆษกศูนย์บริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (โควิด-19 ) หรือศบค.แถลงว่า ศบค.ชุดเล็กได้พูดคุยถึงการเตรียมความพร้อมในการเปิดเรียนภาค 1/2564 ในวันที่ 14 มิ.ย.นี้ โดยปลัดกระทรวงศึกษาธิการ แจ้งถึงความพร้อมโดยให้จัดการเรียนการสอนตามความเหมาะสมของผู้เรียน เหมาะสมกับสถานการณ์และสอดคล้องกับการเรียนวิถีใหม่ในรูปแบบ 4 ON โดยแยกพื้นที่ควบคุมสูงสุดและเข้มงวด (สีแดงเข้ม) 4 จังหวัด ให้เปิดเรียนพร้อมกันทั่วประเทศ แต่ไม่อนุญาตให้ใช้สถานที่บริเวณโรงเรียนหรือสถานศึกษา ทำการเรียนการสอน แต่ให้จัดการเรียนการสอน 4 รูปแบบ คือ

1.) ทางออนไลน์ หรือการเรียนผ่านช่องทางออนไลน์

2.) ออนแอร์ หรือการเรียนรู้ผ่านดีแอลทีวี หรือทางดิจิตอลทีวี

3.) ออนดีมานหรือการเรียนการสอนผ่านการใช้งานแอพพลิเคชั่นต่างๆ

4.) ออนแฮนด์ หรือการจัดส่งหนังสือแบบเรียนและสื่อการเรียนรู้ถึงบ้านทางไปรษณีย์เท่านั้น

สำหรับจังหวัดพื้นที่ควบคุมสูงสุด (สีแดง) 17 จังหวัด และพื้นที่ควบคุม 56 จังหวัด (สีส้ม) สามารถจัดการเรียนการสอนแบบผสมผสานได้ เช่น เรียนในที่ตั้งสามารถทำได้ โดยโรงเรียนทั้งหมดต้องผ่านเกณฑ์ประเมิน ไทยสต็อปโควิด 44 ข้อ และมีมาตรการปลอดภัยเพียงพอที่จะเปิดการเรียนได้ โดยการใช้สถานที่ของโรงเรียนต้องผ่านการประเมิน จากนั้นให้โรงเรียนขอความเห็นชอบจากคณะกรรมการโรคติดต่อจังหวัดทำการเปิดเรียนในที่ตั้งสถานศึกษา ส่วนกรุงเทพฯ ได้เพิ่มช่องทางออนสกูลไลน์ หรือมีกลุ่มไลน์แต่ละห้องเรียนหรือรายวิชา

พญ.อภิสมัย กล่าวว่า ที่ประชุมศบค.พูดคุยถึงการเตรียมความพร้อมบุคลากร โดยเกือบ 60 เปอร์เซ็นต์ ได้รับการฉีดวัคซีนแล้ว หากบุคลากรต้องข้ามพื้นที่จากต่างจังหวัดเข้ามาในกรุงเทพฯขอให้ทุกคนสำรวจความเสี่ยงของตัวเองและสังเกตอาการ ไปในพื้นที่เสี่ยงหรือสัมผัสกับกลุ่มเสี่ยงหรือไม่ ถ้าไม่แน่ใจให้กักตัว 14 วัน ก่อนติดต่อประสานงานกับบุคคลอื่น และสถานศึกษาต้องเอาใจใส่บุตรหลานที่จะเดินทางไปเรียนด้วย


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top