Friday, 20 June 2025
POLITICS NEWS

“ชวน” เผยไทม์ไลน์ถกแก้ รธน. ยันลงมติแยกแต่ละฉบับ 24 มิ.ย. ตั้งกมธ.เป็นไปตามขั้นตอน

ที่รัฐสภา นายชวน หลีกภัย ประธานรัฐสภา กล่าวถึงการประชุมร่วมรัฐสภาเพื่อพิจารณาร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญว่า ก็จะไล่ตามลำดับของพรรคเพื่อไทย พลังประชารัฐ ภูมิใจไทย ประชาธิปัตย์ และชาติไทยพัฒนา 

เมื่อถามว่าความเป็นไปได้ที่จะรวมทั้ง 13 ญัตติเข้ามาพิจารณาเพื่อตั้งคณะกรรมาธิการนั้น นายชวน กล่าวว่า ก็คงพิจารณาไปพร้อมกันคือให้เสนอไปทีละฉบับ แต่ว่าจะไปลงมติแยกในวันพรุ่งนี้ (24 มิ.ย.) ซึ่งเวลาลงมติก็จะลงแยก แต่จะมีการถามทีละฉบับ ซึ่งคำนวณเวลาที่ใช้ในการลงมติอาจจะหลายชั่วโมง 

เมื่อถามอีกว่าถ้ามีข้อเสนอในช่วงสุดท้ายให้ตั้ง กมธ. ชุดเดียว เรื่องนี้ต้องแล้วแต่สมาชิกจะเป็นคนเสนอใช่หรือไม่ นายชวน กล่าวว่า เรื่องนี้จะเป็นไปตามขั้นตอนต่อไป 

เมื่อถามว่าถ้าจะมีการขยายวันประชุมเป็นวันที่สามจะเป็นไปได้หรือไม่ นายชวน กล่าวว่า เรากำหนดเวลาไว้ฝ่ายละ 6 ชั่วโมง และลงมติในวันพรุ่งนี้ ซึ่งเขาก็จะมีการเฉลี่ยกันว่าแต่ละพรรคใช้เวลาเท่าไหร่แล้ว

ครม. ไฟเขียว กระทรวงอุตสาหกรรมฯ กำหนดมาตรฐานผลิตภัณฑ์ยางล้อหล่อดอกซ้ำ ให้สอดคล้องข้อกำหนด UN 

ที่ทำเนียบรัฐบาล น.ส.รัชดา ธนาดิเรก รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี แถลงผลการประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) ว่า เนื่องจากปัจจุบันได้มีการนำยางล้อแบบสูบลมของรถบัส รถบรรทุก หรือรถพ่วง ซึ่งเป็นยางเก่าผ่านการใช้งานมานานและดอกยางสึกเสื่อมสภาพ นำกลับมาหล่อดอกยางใหม่แล้ววางขายในท้องตลาดจำนวนมาก และมีราคาถูกกว่ายางใหม่ แต่ยางหล่อดอกซ้ำเหล่านี้ไม่ได้รับการตรวจสอบคุณภาพและผ่านมาตรฐานผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรม ส่งผลให้เกิดความไม่ปลอดภัยแก่ผู้บริโภค ดังนั้น ครม.จึงอนุมัติร่างกฎกระทรวงกำหนดให้ผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรมยางล้อแบบสูบลมหล่อดอกซ้ำ สำหรับยานยนต์เชิงพาณิชย์และส่วนพ่วง ต้องเป็นไปตามมาตรฐาน พ.ศ. ....  ตามที่กระทรวงอุตสาหกรรมเสนอ  เพื่อให้สอดคล้องกับข้อกำหนดทางเทคนิคยานยนต์ของสหประชาชาติ (UN Regulation No. 109)  และส่งเสริมให้เป็นสินค้าที่มีคุณภาพตามมาตรฐานและเพิ่มความปลอดภัยแก่ผู้บริโภค

ซึ่งร่างกฎกระทรวงมีสาระสำคัญ เป็นการกำหนดให้ผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรมยางล้อแบบสูบลมหล่อดอกซ้ำ สำหรับยานยนต์เชิงพาณิชย์และส่วนพ่วง ต้องเป็นไปตามมาตรฐานเลขที่ มอก. 2979-2562 ตามประกาศกระทรวงอุตสาหกรรม ฉบับที่ 5471 พ.ศ.2562 โดยจะมีผลบังคับใช้เมื่อพ้นกำหนด 180 วัน นับแต่วันประกาศในราชกิจจานุเบกษาเป็นต้นไป ทั้งนี้ ผู้ผลิตหรือผู้นำเข้ายางล้อแบบสูบลมหล่อดอกซ้ำ สำหรับเชิงพาณิชย์และส่วนพ่วง จะต้องได้รับใบอนุญาตผลิตหรือนำเข้า ตามพระราชบัญญัติมาตรฐานผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรม พ.ศ.2511 และผู้จำหน่ายจะต้องจำหน่ายสินค้าที่ได้รับใบอนุญาตและมีการแสดงเครื่องหมายมาตรฐานถูกต้องครบถ้วน

ที่ผ่านมา กระทรวงอุตสาหกรรม โดยสำนักงานมาตรฐานผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรม (สมอ.) ได้จัดรับฟังความคิดเห็นผ่านทางเว็บไซต์ สมอ. (www.tisi.go.th) และแจ้งไปยังกลุ่มผู้มีส่วนได้ส่วนเสียให้ร่วมแสดงความคิดเห็นเรียบร้อยแล้ว เช่น  สมาคมวิศวกรรมยานยนต์ไทย กรมการขนส่งทางบก สถาบันยานยนต์ สภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย สมาคมผู้ผลิตชิ้นส่วนยานยนต์ไทย สมาคมอุตสาหกรรมยานยนต์ไทย และผู้ประกอบการที่เกี่ยวข้อง รวม 140 ราย ซึ่งส่วนใหญ่เห็นด้วยกับร่างกฎกระทรวง

น.ส.รัชดา กล่าวว่า ประโยชน์ที่จะได้รับ เมื่อร่างกฎกระทรวงฉบับนี้มีผลบังคับใช้ คือ 1)เพิ่มขีดความสามารถของผู้ประกอบการยางล้อแบบสูบลมหล่อดอกซ้ำในการพัฒนาคุณภาพผลิตภัณฑ์ และป้องกันการนำยางล้อหล่อดอกซ้ำที่ไม่ได้มาตรฐานเข้ามาจำหน่ายในประเทศ 2)เป็นการสร้างความมั่นใจแก่ผู้บริโภคในการซื้อสินค้าที่มีคุณภาพ ได้มาตรฐานรับรอง และคุ้มครองความปลอดภัยแก่ผู้บริโภค

“บิ๊กตู่” ยังยึดมาตรการปูพรมให้เอกชนแจ้งขอวัคซีนให้คนในองค์กรได้ แจง เปิดประเทศคำนึงการระบาดเฉพาะพื้นที่ โยนรัฐ-เอกชน หารือร่วมกันเอง ศบค.ไม่ใช่ผู้กำหนด พร้อมสั่งเร่งทุกจังหวัดเพิ่มเตียงรักษาโควิด

ที่ทำเนียบรัฐบาล นายอนุชา บูรพชัยศรี โฆษกประจำสำนักนายกฯ ให้สัมภาษณ์ตอบคำถามแทน พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกฯและรมว.กลาโหม กรณีเอกสาร ศูนย์บริการสถานการณ์โรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 กระทรวงมหาดไทย (ศบค.มท.) แจ้งให้จัดหาวัคซีนให้กับบริษัทเอกชน และต่อจากนี้บริษัทเอกชนจะยังสามารถทำเอกสารเพื่อขอวัคซีนได้อีกหรือไม่ ว่า ทางกระทรวงมหาดไทยได้ชี้แจงไปแล้วในเบื้องต้น ปัจจุบันมีข้อปฏิบัติที่กำหนดโดยศบค.มท. ให้องค์กรทั้งภาครัฐและเอกชนในประเทศไทย ที่มีความประสงค์จะขอรับวัคซีนให้กับบุคลากร สามารถแจ้งความประสงค์ไปยังคณะกรรมการโรคติดต่อจังหวัด ในกรณีที่เป็นองค์กรขนาดใหญ่และมีบุคลากรอยู่ในหลายจังหวัดหรือองค์กรระหว่างประเทศที่ติดต่อผ่านทางกระทรวงการต่างประเทศ สามารถแจ้งหนังสือมายัง อธิบดีกรมควบคุมโรค กระทรวงสาธารณสุข เพื่อขอรับวัคซีนฉีดให้กับบุคลากร ซึ่งได้ปฏิบัติอย่างต่อเนื่อง ทั้งนี้ นายกฯ ได้ให้นโยบายตั้งแต่วันที่ 7 มิถุนายนว่าจะฉีดแบบปูพรม ดังนั้นจึงมีการปฏิบัติตามข้อกำหนดอย่างชัดเจน

นายอนุชา กล่าวถึงกรณีการแพร่ระบาดคลัสเตอร์ใหม่ในหลายจังหวัดจะทบทวนการเปิดรับนักท่องเที่ยวต่างชาติ ที่ภูเก็ตแซนด์บ็อกซ์หรือไม่ ว่าจากการประชุมศบค.ชุดใหญ่เมื่อปลายสัปดาห์ที่ผ่านมา ได้หารือถึงสถานการณ์ต่างๆ โดยเฉพาะการแพร่ระบาดของโรครวมถึงการเปิดประเทศตามนโยบายของพล.อ.ประยุทธ์ ที่จะเปิดประเทศใน 120 วันหรือเดือน ต.ค.นี้ ซึ่งที่ประชุมมีมติว่าการพิจารณาเปิดพื้นที่นำร่องเพื่อรับนักท่องเที่ยวต่างชาติ ไม่ว่าจะที่จ.ภูเก็ต หรือตามเกาะต่างๆในจ.สุราษฎร์ธานี ทั้ง เกาะสมัย เกาะพงัน เกาะเต่า เป็นความตกลงร่วมกันระหว่างผู้ประกอบการและประชาชนในพื้นที่ โดยจะคำนึงถึงสถานการณ์การแพร่ระบาดในพื้นที่นั้นๆ รวมทั้งจำนวนผู้ได้รับวัคซีนและความพร้อมด้านสาธารณะสุขในพื้นที่ ดังนั้นการดำเนินการและปฏิบัติตามมาตราการด้านสาธารณสุขจะทำอย่างเคร่งครัดโดยผู้ว่าราชการจังหวัดและคณะกรรมการโรคติดต่อจังหวัดจะติดตามและประเมินสถานการณ์อย่างใกล้ชิด ส่วนแนวทางการเปิดรับนักท่องเที่ยวในพื้นที่อื่นนอกเหนือจาก จ.ภูเก็ตและเกาะต่างๆใน จ.สุราษฎร์ธานี กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬาจะเป็นผู้ดำเนินการพิจารณาเสนอ โดยรัฐและเอกชนจะต้องหาข้อสรุปให้ได้อย่างชัดเจนก่อนเสนอต่อที่ประชุมศบค.ให้พิจารณา และศบค.ไม่ใช่หน่วยงานที่จะกำหนดว่าพื้นที่ใดจะเปิดได้หรือไม่ ส่วนหลักเกณฑ์รับนักท่องเที่ยวยืนยันว่าจะดำเนินการให้เป็นตามมาตรฐานของกระทรวงสาธารณสุข และองค์การอนามัยโลก (WHO) 

ผู้สื่อข่าวถามถึงกรณีคณะกรรมการบริหารราชวิทยาลัยอายุรแพทย์แห่งประเทศไทย แสดงความห่วงใยต่อนโยบายเปิดประเทศใน 120 วัน นายอนุชา กล่าวว่า เรื่องนี้พล.อ.ประยุทธ์ รับฟังโดยเฉพาะการแสดงความคิดเห็นเรื่องข้อกังวลต่างๆแต่ทั้งหมดนายกฯได้ให้นโยบายไว้แล้วว่าจะต้องรักษาสมดุลทั้งเรื่องของเศรษฐกิจ การดูแลสุขภาพ และการดูแลการแพร่ระบาดจึงเป็นเหตุผลทำให้รัฐบาลต้องเลือกแซนด์บ็อกซ์ เปิดรับนักท่องเที่ยวเฉพาะบางพื้นที่เช่นที่ภูเก็ต ซึ่งจะมีการควบคุมในพื้นที่นั้น แต่หากพื้นที่นั้นๆต้องมีการดำเนินการแก้ไขปรับปรุงก็จะดำเนินการทันที ซึ่งสามารถแก้ไขและปรับเปลี่ยนเรื่องการเปิดประเทศในลักษณะการนำร่องในพื้นที่จังหวัดอื่นๆตามมา ส่วนที่มีหลายฝ่ายกังวลว่าปัจจุบันผู้ติดเชื่อเพิ่มขึ้นอาจส่งผลให้เตียงไม่เพียงพอ รวมถึงบางพื้นที่ไม่มีรถพยาบาลไปรับตัวผู้ป่วย ในที่ประชุมคณะรัฐมนตรีวันเดียวกันนี้ นายกฯได้สั่งการว่าให้แต่ละจังหวัดเพิ่มจำนวนเตียงและปรับให้รักษาผู้ป่วยตามอาการ อีกทั้งได้สั่งการว่าหากหน่วยงานใดมีความจำเป็นต้องเพิ่มอุปกรณ์ทางการแพทย์ไม่ว่าจะเป็นเครื่องช่วยหายใจ เครื่องเอกซเรย์ ให้เร่งแจ้งความประสงค์เข้ามา นายกฯพร้อมพิจารณาอนุมัติให้เป็นการเร่งด่วนเพิ่มประสิทธิภาพของโรงพยาบาลในการรักษาผู้ป่วย 

เมื่อถามว่าจะมีการทบทวนการเปิดเรียนหรือไม่เพราะบางจังหวัดมีการแพร่ระบาดโควิดในโรงเรียน นายอนุชา กล่าวว่า หลังจากมีการเปิดภาคเรียนเมื่อวันที่ 14 มิ.ย. หากโรงเรียนใดมีปัญหาการแพร่ระบาดโควิดก็ต้องดำเนินการให้สอดคล้องกับมาตรการสาธารณสุขโดยการปิดเรียนชั่วคราว แต่โรงเรียนใดที่ไม่มีปัญหาก็ดำเนินการตามเดิม เมื่อถามว่าจะเปิดเผยงบประมาณด้านสาธารณสุขให้ประชาชนรับทราบได้หรือไม่ นายอนุชา กล่าวว่า นายกฯแจ้งว่าหากพบหรือเกิดข้อสงสัยมีหลักฐานสามารถร้องทุกข์กล่าวโทษและเข้าสู่กระบวนการตรวจสอบได้ทุกกรณีไม่มีการยกเว้นใครผู้ที่รับผิดชอบต้องเร่งดำเนินการตรวจสอบทันที หากพบว่าผิดจริงจะดำเนินคดีโดยไม่ละเว้น เมื่อถามว่าการฉีดวัคซีนในพื้นที่กทม.ฉีดวัคซีนได้เท่าไหร่แล้ว และจะทันกำหนดการที่วางไว้หรือไม่ นายอนุชา กล่าวว่า ณ วันที่ 22มิ.ย. ฉีดไปแล้ว 2,401,836 โดย ดังนั้นในเดือน ก.ค. จำนวน 5 ล้านโดสจะเป็นตามเป้าหมายที่วางไว้ 

'บิ๊กตู่' ขู่ใช้กม.ฟันม็อบ 24 มิ.ย. แนะ ปชช.คิดให้ดีก่อนร่วมชุมนุม พร้อมสั่งเข้มดูแลปัญหาทุจริต จากกรณีเสาไฟ บอกปชช.คาใจอะไรต้องทำให้จบ

ที่ทำเนียบรัฐบาล นายอนุชา บูรพชัยศรี โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ตอบคำถามแทนพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ถึงการชุมนุมในวันที่ 24 มิถุนายนที่ทำเนียบรัฐบาล ของกลุ่มไทยไม่ทน เพราะยอดติดเชื้อ โควิด-19 ยังสูงอยู่ ว่า 

พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและ รมว.กลาโหม มีความเป็นห่วงประชาชนในช่วงสถานการณ์การแพร่ระบาด โควิด-19 หวังว่าประชาชนจะได้พิจารณาว่าการออกมาร่วมชุมนุมอาจจะทำให้เกิดความสุ่มเสี่ยงติดเชื้อ เพราะคลัสเตอร์ต่างๆ ยังมีเกิดขึ้น จึงอยากให้ประชาชนพิจารณาหลีกเลี่ยงการรวมตัว ทั้งนี้หากเกิดการกระทำความผิด ผ่านการชุมนุมลักษณะต่างๆ ก็คงจะต้องใช้กฎหมายที่มีอยู่พิจารณาต่อไป

นอกจากนี้นายอนุชา บูรพชัยศรี โฆษกประจำสำนักนายกฯ ให้สัมภาษณ์ตอบคำถามแทน พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกฯและรมว.กลาโหม กรณีสำนักงานตรวจเงินแผ่นดินพบข้อมูล องค์การบริหารส่วนตำบลในจ.สมุทรสาครแห่งหนึ่ง จัดซื้อกล้อง ซีซีทีวี ในโรงพยาบาลแพงเกินจริง ว่า 

เรื่องนี้ พล.อ.อประยุทธ์ กำชับทุกหน่วยงานดูแลปัญหาการทุจริต หากพบการร้องทุกข์กล่าวโทษให้นำเข้ากระบวนการสอบสวนอย่างเข้มงวด เช่นเดียวกับปัญหาการจัดซื้ดเสาไฟฟ้าปฏิมากรรมพลังงานแสงอาทิตย์ที่แพงเกินจริงต้องดำเนินการตรวจสอบข้อมูลทั้งหมดจะต้องเข้าสู่กระบวนการเพื่อให้เกิดความโปร่งใส โครงการใดที่ยังเป็นข้อกังขาประชาชนยังไม่สะบายใจเจ้าหน้าที่จะดำเนินการอย่างชัดเจนเด็ดขาด

"พรรคกล้า" ร่าง จม.เปิดผนึก ถึง "บิ๊กตู่" หากพบผู้ติดเชื้อ นำตัวแยกจากครอบครัวทันที ป้องกันระบาดแบบทวีคูณ เสนอรัฐจัดยา Favipiravir ให้ผู้ติดเชื้อทันที ไม่ต้องรอได้เตียงก่อน ย้ำต้องรีบรักษา ลดโอกาสอาการหนัก

ทพ.กันตพงศ์ ดีชัยยะ คณะทำงานด้านสาธารณสุข พรรคกล้า และนายณัฐนันท์ กัลยาศิริ ทีมกฎหมายและผู้เสนอตัวสมัครรับเลือกตั้งเขตคลองสามวา พรรคกล้า ร่างข้อเสนอถึงนายกรัฐมนตรี เรื่องมาตรการป้องกันการแพร่ระบาดโควิด-19 แบบทวีคูณ สนับสนุนการเปิดประเทศภายใน 120 วัน ว่า ผู้ติดเชื้อวันนี้ยังสูงมากกว่า 4,000 คน ดังนั้นการจะยับยั้งการแพร่ระบาดและนำไปสู่การเปิดประเทศภายใน 120 วัน ต้องมีมาตรการที่รวดเร็ว ชัดเจน 

1.) เมื่อพบผู้ติดเชื้อ ให้รับการรักษาหรือแยกตัวผู้ป่วยออกจากครอบครัวและคนใกล้ชิด และนำผู้ติดเชื้อไปไว้สถานที่กักตัวทันที หากมารับตัวช้า ผู้ป่วยอยู่บ้านร่วมกับครอบครัว ติดเชื้อทีละคนสองคน สุดท้ายติดยกครัว บางบ้านมี 15 ถึง 20 คน สรุปติดเชื้อจาก 1 คน เป็น 20 คน ติดเชื้อทวีคูณ! 

2.) เมื่อทราบว่าติดเชื้อ แต่อยู่ระหว่างกักตัว รอเข้ารับการรักษา ก็ควรได้ยาต้านไวรัส (favipiravir) ทันที โดยใช้หน่วยแพทย์เชิงรุก, อสส., อาสาสมัครอื่นๆ เพื่อลดโอกาสเชื้อลงปอด ลดโอกาสอาการหนัก ลดโอกาสเกิดการสูญเสีย โดยอ้างอิงจากงานวิจัยหลายๆ ฉบับ จะพบว่า ยิ่งผู้ติดเชื้อเข้าถึงยาต้านไวรัสได้ไว ยิ่งลดความรุนแรงของโรคได้ ลดโอกาสแออัดในโรงพยาบาล ลดภาระของบุคลากรทางการแพทย์ 

"ทำทั้งหมดนี้ไม่ง่าย ต้องใช้ทั้งเงิน และบุคลากรจำนวนมาก แต่ก็ต้องทำครับ รัฐบาลต้องเร่งหาสถานที่กักตัวแยกตัวผู้ป่วยออกจากครอบครัว แยกครอบครัวออกจากกัน โดยใช้โรงแรม หรือสถานที่ราชการต่างๆ และโดยประการสำคัญ ให้ยารักษาทันทีที่ทราบผลการติดเชื้อ เพื่อยุติสถานการณ์โดยเร็วที่สุด หากยังปล่อยให้มีการติดเชื้อเป็นทวีคูณแบบนี้แน่นอนครับว่า เป้าหมายเปิดประเทศ 120 วัน ที่เป็นความมุ่งมั่นร่วมกันของคนไทยคงไม่สามารถสำเร็จได้" นายณัฐนันท์ กล่าว

“บิ๊กตู่” มอบรางวัลภาพถ่าย “บันทึกคนไทย หัวใจไม่เคยท้อ” ชื่นชมคนไทยร่วมมือร่วมใจช่วงวิกฤติโควิด-19 “ย้ำ” การเรียนออนไลน์เป็นสถานการณ์ชั่วคราว ขอห่วงใยนักเรียน นักศึกษา ให้มีวินัยในตนเอง

ที่ห้อง PMOC ชั้น 2 ตึกไทยคู่ฟ้า ทำเนียบรัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม เป็นประธานการประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) ผ่านระบบ Video Conference  

โดยก่อนการประชุม เมื่อเวลา 08.00 น. ที่ห้องสีม่วง ตึกไทยคู่ฟ้า พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม เป็นประธานในพิธีมอบรางวัลการประกวดภาพถ่ายโครงการศิลปินร่วมสมัย สู้ภัยโควิด ด้วยจิตสำนึก #2 ในหัวข้อ “บันทึกคนไทย หัวใจไม่เคยท้อ” โดยนายอิทธิพล คุณปลื้ม รัฐมนตรีว่าการกระทรวงวัฒนธรรม นำผู้ชนะเข้าเยี่ยมคารวะนายกรัฐมนตรีเพื่อรับโล่รางวัล

รัฐมนตรีว่าการกระทรวงวัฒนธรรม กล่าวรายงานว่า เพื่อเก็บรวบรวมเป็นบันทึกประวัติศาสตร์และภาพความทรงจำสำหรับคนไทยทั้งประเทศในช่วงสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อโควิด-19 โดยมีประชาชนส่งภาพเข้าร่วมประกวด 8,012 ภาพ แบ่งออกเป็นรางวัลประเภทนักเรียน/นักศึกษา ประเภทบุคคลทั่วไป และ รางวัลภาพถ่ายดีเด่นประจำภูมิภาค 7 ภูมิภาค รวมทั้งสิ้น 1,121 รางวัล

พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า โครงการนี้มุ่งหวังให้คนได้เห็นมุมมองที่ดี แม้จะมีสถานการณ์ที่ยากลำบากของการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 จนเกิดความรักความสามัคคีการ เพื่อนำพาประเทศชาติต่อไป และ ร่วมมือกับรัฐบาลที่มีความตั้งใจดี หลายเรื่องรัฐบาลทำ หลายคนอาจจะไม่เห็น แต่เชื่อว่าทุกคนตรงนี้เห็น และ เห็นว่าอะไรที่ดีในประเทศไทย มีมากกว่าไม่ดีแน่นอน แต่จะทำอย่างไร ให้สิ่งที่ดี มีมากกว่าสิ่งที่ไม่ดี แม้วันนี้จะมีสถานการณ์โควิด แต่เราก็แสดงให้เห็นถึงความร่วมมือร่วมใจกันแล้ว ในระยะที่ 1 ยังมีระยะที่ 2 และ 3 ก็จะยิ่งร่วมมือให้มากยิ่งขึ้น เพื่อจะได้สำเร็จ ไม่มีปัญหาใดที่รัฐบาลทำได้เพียงผู้เดียว ต้องทำไปด้วยกันกับทุกคน เดินหน้าไปสู่อนาคต คือ การเปิดประเทศให้ได้ตามนโยบายที่กำหนด จึงอยากให้ทุกคนช่วยกันคิดว่าจะทำอย่างไร หากตำหนิกันไปมา ก็จะติดหล่มอยู่ที่เดิม อยากให้ทุกคนมองไปข้างหน้า  และ ตระหนักว่า สิ่งที่กำลังทำนั้น ทำให้เราเดินไปข้างหน้าได้เร็วขึ้น หรือ ช้าลง จึงขอให้ทุกคนคิดอย่างมีวิสัยทัศน์และมีกระบวนการคิด  โดยทุกอย่างต้องเริ่มต้นที่ก้าวแรก เริ่มตัวเรา จากนั้นก็จะมีก้าวต่อไป

ในช่วงท้าย นายกรัฐมนตรี กล่าวทักทายเด็กนักเรียนที่เข้ารับรางวัล พร้อมแสดงความห่วงใยและสอบถามนักเรียน นักศึกษาถึงการเรียนหนังสือออนไลน์ในช่วงนี้ ก่อนกล่าวว่า การเรียนออนไลน์ในช่วงนี้เป็นสถานการณ์ชั่วคราว ขอให้ทุกคนใส่ใจ ที่สำคัญต้องมีวินัยในตนเอง เพราะกระบวนการคิด วิสัยทัศน์ เริ่มจากตัวเราเองแล้วคิดต่อยอดจากหนังสือตำรา รวมทั้งการวางแผนอาชีพในอนาคต นายกรัฐมนตรียังย้ำว่าเยาวชนทุกคนคืออนาคตของชาติที่จะสามารถทำให้ประเทศไทยพัฒนาต่อไปได้

“วิษณุ” รับ ม.144-185 มีปัญหา ส่อทำรธน.ปราบโกงอ่อนลง ปัดตอบ แก้บัตรเลือกตั้ง 2 ใบ ทำการเมืองย้อนยุคปี 40 บอก “ก้าวไกล” ก่อนยื่นทำประชามติรื้อรธน.ทั้งฉบับ รอให้กฎหมายบังคับใช้ก่อน

ที่ทำเนียบรัฐบาล นายวิษณุ เครืองาม รองนายกรัฐมนตรี ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีที่มี เสียงวิจารณ์หลายพรรคการเมืองดำเนินการยื่นร่างแก้ไขเพิ่มเติมรัฐธรรมนูญเป็นการทำเพื่อประโยชน์ของนักการเมืองเอง แต่ประชาชนไม่ได้ประโยชน์ ว่า แล้วจะให้แก้อย่างประชาชนจึงจะได้ประโยชน์ ขอให้ไปถามผู้ที่เสนอ หรือเจ้าของร่างฯจะดีกว่า 

ผู้สื่อข่าวถามถึงกรณีที่สมาชิกวุฒิสภา (ส.ว.) บางส่วน ออกมาท้วงติงถึงการเสนอแก้ไขรัฐธรรมนูญมาตรา 144 และ 185 ซึ่งเป็นการห้ามไม่ให้ ส.ส. และ ส.ว. เข้าไปยุ่งเกี่ยว หรือ แทรกแซงการแปรญัตติงบประมาณไม่ว่าจะทางตรงหรือทางอ้อม ลักษณะเช่นนี้จะทำให้คุณสมบัติของรัฐธรรมนูญฉบับปราบโกงอ่อนแอลงหรือไม่ นายวิษณุ กล่าวว่า 2 มาตรานี้ ถือเป็นปัญหาเช่นกัน หากร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญ ทั้ง 2 มาตราผ่านความเห็นชอบของที่ประชุมร่วมรัฐสภาในการพิจารณาวาระที่ 1 เมื่อเข้าสู่ขั้นตอนสามารถแก้ไขได้ ไม่ว่าจะเป็นการแก้ไขให้เข้มข้นมากขึ้น หรือแก้ไขให้มีเนื้อหาชัดเจนมากขึ้น ผู้ยื่นแก้ไขอาจมีความรู้สึกว่าที่ผ่านมาบทบัญญัติ 2 มาตรานี้ยังไม่มีความชัดเจนว่าอะไรที่ทำได้ และอะไรที่ทำไม่ได้บ้าง จนทำให้เกิดปัญหาในการตีความ อย่างไรก็ตามตนยังไม่รู้ว่าเขาจะแก้ไปในทิศทางใด

เมื่อถามว่า หากมีการแก้ไขมาตราเหล่านี้จริงจะทำให้กระบวนการตรวจสอบการทุจริตอ่อนแอลงหรือไม่ นายวิษณุ กล่าวว่า ก็มีส่วนที่จะเป็นเช่นนั้นได้ แต่อาจจะไม่ใช่เจตนารมย์ของร่างฯก็ได้ แต่สุดท้ายจะเป็นอย่างไรขึ้นอยู่กับมติที่ประชุมร่วมรัฐสภา เพราะสภาก็อยากจะร่างรัฐธรรมนูญใหม่ ทั้งฉบับอยู่แล้ว 

ผู้สื่อข่าวถามว่า การยื่นร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญบัตรเลือกตั้งใบเดียวเป็นสองใบเหมือนในอดีต คิดว่าจะทำให้ประเทศกลับไปสู่สภาพเหมือนกับตอนที่ใช้รัฐธรรมนูญปี 2540 หรือไม่ นายวิษณุ กล่าวว่า ไม่ทราบ เมื่อถามว่า แนวโน้มการแก้ไขเพื่อจะตัดอำนาจ ส.ว. หรือ ปิดสวิตช์ ส.ว. นั้น จะเป็นไปได้หรือไม่ นายวิษณุ กล่าวว่า ไม่ทราบ 

ผู้สื่อข่าวถามถึงกรณีที่นายชวน หลีกภัย ประธานรัฐสภา ไม่บรรจุญัตติแก้ไขรัฐธรรมนูญมาตรา 256 เรื่องการตั้งสภาร่างรัฐธรรมนูญ (ส.ส.ร.) ในวาระการพิจารณาของรัฐสภา นายวิษณุ กล่าวว่า ตนตอบไม่ถูก เพราะเป็นเรื่องของรัฐสภา นายชวนพูดแล้วว่าไม่ได้ตีตก ตนเข้าใจว่าจะมีการนำเรื่องนี้เข้าไปหารือในที่ประชุมร่วมรัฐสภา

ผู้สื่อข่าวถามกรณีที่พรรคก้าวไกลระบุว่าหลังจากร่างพระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) ว่าด้วยการออกเสียงประชามติ พ.ศ. … ผ่านความเห็นชอบในที่ประชุมรัฐสภาในวันนี้แล้วจะเสนอญัตติด่วนต่อรัฐสภาให้คณะรัฐมนตรีทำประชามติถามความเห็นของประชาชนต่อการตั้ง ส.ส.ร. เรื่องนี้ทำได้เลยหรือไม่ นายวิษณุ กล่าวว่า ร่าง พ.ร.บ. ประชามติยังไม่ผ่านออกมาเป็นกฎหมาย ตามขั้นตอนแล้วหลังจากที่ร่างกฎหมายดังกล่าวผ่านความเห็นชอบของที่ประชุมร่วมรัฐสภาแล้ว ทางรัฐสภาจะส่งให้รัฐบาลเพื่อนำขึ้นทูลเกล้าฯ เพื่อทรงพิจารณา ลงพระปรมาภิไธยก่อนจะนำไปสู่การประกาศใช้ ดังนั้นถ้าอยู่ๆ จะนำร่างกฎหมายฉบับนี้มาใช้ทั้งที่ยังไม่ได้เป็นกฎหมายเลยก็อาจจะทำให้เกิดการถกเถียงกันไปเปล่าๆ ทั้งนี้สามารถเตรียมการเอาไว้ได้ แต่ถ้าจะทำถึงขั้นนำกฎหมายนั้นมาใช้เลยคงจะไม่ได้ 

กยศ. เตรียม 3.8 หมื่นล้านบาท รองรับผู้กู้ปีการศึกษา 2564 ไม่ต้องมีคนค้ำฯ ด้าน ธนาคารออมสิน จัด “มหกรรมผ่อนปรนการชำระหนี้ครู” ถึง 30 มิ.ย. นี้

ที่ทำเนียบรัฐบาล น.ส.รัชดา ธนาดิเรก รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวถึงแนวทางการช่วยเหลือนักเรียน นักศึกษา ที่มีความจำเป็นต้องกู้เงินเพื่อการศึกษา ว่า กองทุนเงินให้กู้ยืมเพื่อการศึกษา (กยศ.) ได้เตรียมเงินไว้ 3.8 หมื่นล้านบาทรองรับผู้กู้ในปีการศึกษา 2564 จำนวน 6.24 แสนคน โดยยกเลิกเงื่อนไขไม่ต้องมีผู้ค้ำประกันการชำระเงินคืน ในสัญญากู้ยืมเงินใหม่ตั้งแต่ปีการศึกษา 2564

ขณะนี้ ปล่อยกู้ไปแล้วกว่า 3 พันล้านบาท และอยู่ระหว่างการพิจารณาอนุมัติอีกส่วนหนึ่ง โดยกยศ. มีวงเงินเหลือพร้อมให้การสนับสนุนสำหรับนักเรียนนักศึกษาที่มีคุณสมบัติครบตามเงื่อนไข ทั้งนี้เพื่อบรรเทาความเดือดร้อนช่วงสถานการณ์โควิด-19 

น.ส.รัชดา กล่าวว่า สำหรับมาตรการช่วยเหลือลูกหนี้ กยศ. ขณะนี้มีลูกหนี้ 3.6 ล้านคนและผู้ค้ำประกัน 2.8 ล้านคน โดย กยศ. ออกมาตรการช่วยเหลือลูกหนี้ครอบคลุมทุกกลุ่ม ได้แก่ กลุ่มที่ยังไม่ถูกดำเนินคดี คือ

1.) ลดดอกเบี้ยเหลือ 0.01 เปอร์เซ็นต์ ต่อปี สำหรับผู้กู้ที่ไม่เคยผิดนัด

2.) ลดเบี้ยปรับ 100 เปอร์เซ็นต์ สำหรับผู้กู้ที่ชำระหนี้ปิดบัญชี

3.) ลดเบี้ยปรับ 80 เปอร์เซ็นต์ สำหรับผู้กู้ที่ชำระหนี้ค้างทั้งหมด

4.) ลดเงินต้น 5เปอร์เซ็นต์สำหรับผู้กู้ที่ไม่เคยผิดนัดและชำระหนี้ปิดบัญชีในคราวเดียว

5.) ลดอัตราการคิดเบี้ยปรับเหลือ 0.5เปอร์เซ็นต์กรณีไม่สามารถชำระหนี้ได้ตามกำหนด มีผลถึง 31 ธ.ค.นี้  

สำหรับกรณีผู้กู้ผิดนัดชำระหนี้ ประจำปี 2563 และ 2564 กยศ. จะชะลอการฟ้องคดีไปจนถึง 31 มี.ค.ปีหน้ายกเว้นคดีที่จะขาดอายุความในปีนี้ พร้อมงดการขายทอดตลาด กรณีที่ถูกบังคับคดีจนถึงสิ้นปีนี้ ส่วนผู้กู้ยืมเงินที่มีบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ จะได้รับการพักชำระหนี้เป็นเวลา 2 ปีทั้งนี้ ลูกหนี้ กยศ. จะได้รับความช่วยเหลือเพิ่มเติมตามข้อสั่งการนายกรัฐมนตรี ที่อยู่ระหว่างศึกษามาตรการอย่างรอบคอบก่อนประกาศใช้ อาทิ การปรับโครงสร้างหนี้ ลดเงินงวด ยืดเวลาผ่อนชำระ เป็นต้น 

น.ส.รัชดา กล่าวว่า ธนาคารออมสิน ได้จัด “มหกรรมผ่อนปรนการชำระหนี้ครู” เพื่อยับยั้งไม่ให้ครูและบุคลากรทางเป็นหนี้เสีย ส่งผลเสียทางเครดิต และกระทบต่อหน้าที่ราชการ โดยให้เลือกจ่ายดอกเบี้ยบางส่วน ตามแผนการชำระหนี้ที่ธนาคารกำหนด เป็นระยะเวลา 12 เดือน หรือนานที่สุดไม่เกินวันที่ 31 ธ.ค. 66 โดยเปิดให้แจ้งความประสงค์จนถึงวันที่ 30 มิ.ย. 64 

“พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ห่วงใยหนี้ครู บุคลากรทางการศึกษา และหนี้นักเรียน ที่หยั่งลึกมานาน เน้นให้มีมาตรการแก้หนี้ที่เป็นระบบ เห็นผลอย่างเป็นรูปธรรมเพื่อบรรเทาวิกฤตหนี้สินภาคประชาชนให้มากที่สุด พร้อมเร่งสร้างวินัยและความรู้ทางการเงินที่ถูกต้องให้กับประชาชน ซึ่งจะเป็นการแก้ปัญหาหนี้อย่างยั่งยืน” น.ส.รัชดา กล่าว  

“แรมโบ้” แจงยิบ ขั้นตอน “บิ๊กตู่” สางปมหนี้ครัวเรือน หลัง อดีตรมว.คลังวิจารณ์

ที่ทำเนียบรัฐบาล นายเสกสกล อัตถาวงศ์ ผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำนายกรัฐมนตรี กล่าวถึงกรณีที่นายสมหมาย ภาษี อดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง วิจารณ์การแก้หนี้ของพล.อ. ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ที่ระบุรัฐบาลจะแก้ปัญหาหนี้ของประชาชนทั้งประเทศให้เสร็จภายใน 6 เดือน แล้วเก็บไปขำว่า อยากแนะนำให้กลับไปฟังนายกฯ แถลง ไม่ใช่เชื่อตามรายงานข่าวโดยสนิทใจ แล้วมาวิจารณ์ผู้อื่นจนเกิดความเสียหาย

นายเสกสกล กล่าวว่า สิ่งที่นายกฯ แถลงนั้น เป็นการย้ำว่านายกฯ และรัฐบาลให้ความสำคัญกับประชาชนในทุกกลุ่ม เพราะเป็นหนี้กันจำนวนมาก เป็นหนี้ตั้งแต่อายุยังน้อยแล้วส่งผลกระทบไปตลอดชีวิตที่เหลือ ดังนั้น การแก้ไขปัญหาหนี้สินให้กับประชาชนจึงถือว่าเป็นนโยบายสำคัญที่นายกฯ พยายามทำมาโดยตลอด ในภาพรวมแล้วผลจากความตั้งใจทำงานของนายกฯ และรัฐบาล จะเห็นว่า “หนี้ครัวเรือน” ก่อนปี 2557 มีอัตราเพิ่มขึ้นเดือนละ 88,000 ล้านบาท แต่หลังจากปี 2557 ถึงปัจจุบัน มีการเพิ่มขึ้นเดือนละ 50,000 ล้านบาท 

นายเสกสกล กล่าวว่า ถ้าได้ฟังเองจนครบก็จะเข้าใจว่า นายกฯ เห็นปัญหาหนี้ในภาพรวม แบ่งเป็นกลุ่มใหญ่ๆ เช่น หนี้ กยศ. 3.6 ล้านคน และผู้ค้ำประกัน 2.8 ล้านคน หนี้ครู/ข้าราชการ 2.8 ล้านบัญชี หนี้เช่าซื้อรถยนต์และมอเตอร์ไซค์ 27.7 ล้านบัญชี หนี้บัตรเครดิตและสินเชื่อส่วนบุคคล 49.9 ล้านบัญชี และหนี้สินอื่นๆ อีก 51.2 ล้านบัญชี  

นายเสกสกล กล่าวว่า จากนั้นก็ได้อธิบายมาตรการช่วยเหลือของรัฐบาล ทั้งระยะสั้นและระยะต่อไป โดยมาตรการระยะสั้น ให้เร่งทำทันทีภายใน 6 เดือน ไม่ใช่แก้ให้เสร็จ ซึ่งต้องสร้างกลไกการทำงานให้เห็นเป็นรูปธรรมโดยเร็ว แล้วค่อยๆ แก้กันไป ช้าเร็วขึ้นอยู่กับความร่วมมือของแต่ละคน โดยมีมาตรการสำคัญๆ เช่น การลดภาระดอกเบี้ย ทั้งในส่วนสินเชื่อรายย่อย สินเชื่อ PICO และ NANO สำหรับประชาชน การปรับลดดอกเบี้ยเงินกู้ของครู ข้าราชการ และสหกรณ์ การปรับรูปแบบการชำระหนี้ การคุ้มครองความเป็นธรรมให้ประชาชนที่เช่าซื้อรถยนต์/รถจักรยานยนต์ รวมทั้งให้ ธปท.ทบทวนเพดานอัตราดอกเบี้ยและการกำกับดูแลบัตรเครดิต สินเชื่อส่วนบุคคล และสินเชื่อจำนำทะเบียน

นายเสกสกล กล่าวว่า ส่วนมาตรการช่วยเหลือในการไกล่เกลี่ยปัญหาหนี้สิน เพื่อลดการดำเนินคดีกับประชาชน เช่น หนี้ กยศ. หนี้สถาบันการเงินเฉพาะกิจ หนี้สหกรณ์ มีการเพิ่มช่องทางการเข้าถึงแหล่งทุนสำหรับผู้ประกอบการรายย่อย และ SMEs เช่น จัดให้มีซอฟโลน สำหรับ SME ที่เป็น NPL เพื่อต่อลมหายใจ พลิกกลับมาทำธุรกิจต่อไปได้ 

นายเสกสกล กล่าวว่า ส่วนการเพิ่มจำนวนโรงรับจำนำ โรงรับจำนอง นายสมหมาย เป็นถึงอดีต รมว.คลัง ต้องเข้าใจกว่าใครๆ ว่า โรงจำนำ จำนองเป็นที่พึ่งสำหรับผู้มีรายได้น้อย หรือปานกลาง ที่มีโอกาส “ชักหน้าไม่ถึงหลัง” ได้เสมอ เขาเพียงต้องการกู้เงินระยะสั้น เงื่อนไขน้อย วงเงินหลักพัน-หลักหมื่น ไม่ใช่หลักแสน-หลักล้าน ซึ่งคิดดอกเบี้ยต่ำเพียง 0.25% ถึง 1.25% ต่อเดือน เพื่อแก้ขัดแก้ปัญหาเฉพาะหน้า เช่น ช่วงเปิดเทอม ยามป่วยไข้ ขายของขาดทุน หรือลงทุนเพิ่ม ซึ่งถ้าไม่มีแหล่งทุนคนจนของรัฐนี้แล้ว ก็เหมือนกับผลักให้คนยากคนจนไปพึ่งพาหนี้นอกระบบ หรือให้นายทุนปล่อยเงินกู้ขูดรีด 

นายเสกสกล กล่าวว่า นายกฯ ยังนำเสนอมาตรการระยะต่อไป เช่น เร่งส่งเสริมการแข่งขันให้อัตราดอกเบี้ยถูกลง การให้ความช่วยเหลือเด็กรุ่นใหม่หรือคนเกษียณที่มีภาระหนี้สิน โดยจะออกมาตรการเพื่อลดภาระค่าใช้จ่ายเรื่องที่อยู่อาศัยและค่าเดินทางระบบขนส่งมวลชนในราคาถูก การจัดตั้งหน่วยงานขึ้นมาใหม่ เพื่อกำกับดูแลสินเชื่อเช่าซื้อรถยนต์ และสินเชื่อรายย่อยเป็นการเฉพาะ และการจัดตั้งศูนย์ไกล่เกลี่ยข้อพิพาททางธุรกิจและการเงิน เพื่อชะลอการฟ้องและอำนวยความสะดวกให้การฟื้นฟูหนี้รายบุคคลที่มีเจ้าหนี้หลายราย เป็นต้น 

นายเสกสกล กล่าวว่า ในความเป็นจริงหนี้สินของแต่ละกลุ่ม ก็จะมีหน่วยงานที่เป็นเจ้าภาพอยู่แล้ว เพียงแต่นายกฯ จะดูแลในระดับนโยบาย ภาพกว้าง ที่ต้องมีผลบังคับใช้กับคนทั้งประเทศ เช่น กฎหมายขายฝากที่ช่วยคุ้มครอง ให้ความเป็นธรรม ไม่ให้ผู้จำนองถูกยึดที่ดินเหมือนในอดีต กฎหมายทวงหนี้เพื่อคุ้มครองสิทธิ์ลูกหนี้ และขจัดวงจรผู้มีอิทธิพล และกฎหมายปรับปรุงอัตราดอกเบี้ยและวิธีคิดดอกเบี้ยที่ใช้มาแล้ว 95 ปี (พ.ศ. 2468 จนถึงปัจจุบัน) เพื่อไม่ให้ลูกหนี้ถูกเอาเปรียบและสอดคล้องกับเศรษฐกิจในปัจจุบัน เช่น กรณีที่สัญญาเงินกู้ไม่ได้ระบุอัตราดอกเบี้ยไว้ เดิมสามารถคิดดอกเบี้ยอัตราคงที่ 7.5% ต่อปี ให้แก้เป็น 3% ต่อปี ส่วนกรณีผิดนัดชำระหนี้ เดิมคิดดอกเบี้ยอัตราคงที่ 7.5% ต่อปี แก้เป็น 5% ต่อปี โดยให้คำนวณดอกเบี้ยจากเงินต้น เฉพาะงวดที่ผิดนัดเท่านั้น ไม่ใช่คิดดอกเบี้ยจากเงินต้นที่ค้างอยู่ทั้งหมด 

นายเสกสกล กล่าวว่า ดังนั้น น่าจะหมดคำถามในเรื่องความรู้ความเข้าใจ เรื่องเศรษฐกิจการเงินการคลังของนายกฯ คนที่นายสมหมาย กำลังกล่าวหา ยิ่งกว่านั้น ตนอยากจะบอกว่า นายกฯ คนนี้ที่สนับสนุนการทำบัญชีครัวเรือน ผลักดันกองทุนการออมแห่งชาติ (กอช.) เพราะอยากให้ทุกคนมีบำนาญใช้ตลอดชีวิต รวมทั้งกองทุนเพื่อความเสมอภาคทางการศึกษา (กสศ.) เพิ่มเติมจากเดิมที่เคยมีกองทุนเงินให้กู้ยิมเพื่อการศึกษา (กยศ.) เพื่อเป็นการเพิ่มโอกาสทางการศึกษาในรูปแบบเงินสนับสนุน ไม่ใช่เงินกู้ สำหรับคนยากจนจริงๆ ไม่ให้หลุดจากระบบการศึกษาของประเทศ

นายเสกสกล กล่าวว่า ด้วยวิสัยทัศน์นายกฯ คนนี้ใช่หรือไม่ ที่ผลักดันการขับเคลื่อนประเทศไปสู่สังคมไร้เงินสด (Cashless Society) ภายใต้แผนยุทธศาสตร์ "ระบบการชำระเงินอิเล็กทรอนิกส์แห่งชาติ" หรือ National e-Payment ของรัฐบาล ร่วมกับธนาคารพาณิชย์และธนาคารเฉพาะกิจของรัฐ (SFIs) ทำให้คนไทยรู้จักและคุ้นเคยกับบริการรับโอนเงินรูปแบบใหม่ หรือ พร้อมเพย์ (Prompt pay) ตั้งแต่ปี 2560 นอกจากจะค่าธรรมเนียมถูกมากๆ แล้ว รัฐบาลยังประหยัดค่าใช้จ่ายปีละหลักหมื่นล้านบาท ในการขนส่งเงิน การรักษาความปลอดภัย การผลิตเงิน เป็นต้น ที่สำคัญในยามวิกฤตโควิดนี้ โครงการต่างๆ เช่น เราชนะ คนละครึ่ง ยิ่งใช้ยิ่งได้ รวมทั้งการค้าขายออนไลน์ ก็ขยายผลมาจากการใช้เงินดิจิทัลทั้งสิ้น ซึ่งโปร่งใส ตรวจสอบได้ ขจัดการทุจริต และคนไทยก็เริ่มปรับตัวใช้จ่ายเงินดิจิทัลมากเป็นอันดับต้นๆ ของโลก

นายเสกสกล กล่าวว่า อยากให้นายสมหมายทบทวนดูใหม่ว่าการออกมาวิพากย์วิจารณ์ครั้งนี้ ตั้งอยู่บนพื้นฐานของความบริสุทธิ์ใจไร้อคติหรือ ลองทบทวนดูว่าได้คิดให้รอบคอบและไม่บุ่มบ่าม ตามที่นายสมหมายเคยมีบทเรียนมาในอดีตหรือไม่ อย่าปล่อยให้ประวัติศาสตร์ซ้ำรอย ที่ตัดสินใจผิดพลาดจนเกือบติดคุก แต่อยากให้ช่วยติดตามผลงานรัฐบาลอย่างสร้างสรรค์ เชื่อว่านายกฯ พร้อมรับฟังทุกความเห็นที่เป็นประโยชน์ต่อประเทศชาติและประชาชน

"อย่าเอาอคติ ความน้อยใจ ความโกรธ ที่นายกฯ ปรับออกจาก ครม. การได้เป็น รมว.คลัง จากการสนับสนุนของนายกฯ ก็ถือว่านายกฯ ให้เกียรติว่าเป็นผู้ใหญ่ในบ้านเมืองที่มีความรู้ความสามารถ คนเราต้องรู้จักน้ำใจที่มีให้กันบ้าง อย่าทำตัวเป็นคนที่ใช้อัตตาเพราะความโลภ โกรธ หลง ใช้ความโมโห จนกลายเป็นคนพาล ทำตัวเป็นฝ่ายค้านไป อย่าลืมว่าคนเป็นหนี้ คนยากจนทุกข์แสนสาหัสอย่างไร นายสมหมายไม่เข้าใจ เพราะไม่ได้เดือดร้อนด้วย จึงขอย้ำอีกครั้งว่า อย่าเอาความผิดหวังของตัวเองมาเหยียบย่ำหัวเราะเยาะเย้ยคนจนคนที่เป็นหนี้เป็นสินเลย การที่นายกฯกำลังจะแก้ไขปัญหาให้คนเป็นหนี้ทั้งหลาย โปรดอย่าทำลายความตั้งใจของนายกฯที่มีความหวังตั้งใจจริง ต้องการให้คนไทยหมดหนี้หมดสินโดยเร็วจะสำเร็จมากน้อยดีกว่ายืนดูบนหอคอยงาช้าง และยืนหัวเราะเยาะเย้ยแบบไม่ใยดีของนายสมหมาย พี่น้องประชาชนคนยากจนคนเป็นหนี้เป็นสิน จะสาปแช่งนายสมหมายให้ไปตกนรกตอนแก่ได้ ให้พึงระวังคำพูดคำจาไว้ด้วย" นายเสกสกล กล่าว

โฆษกกลาโหมฯ แจง ทบ. จัดซื้อเครืองบินช่วงโควิด ย้ำจำเป็นทดแทนเครื่องเก่าก่อนปลดระหว่างปี 66 ชี้ ใช้ภาระกิจช่วยปชช. วอน อย่ามองใช้งบประมาณไม่คุ้มค่า ยัน จัดหาโปร่งใส

ที่กระทรวงกลาโหม พล.ท.คงชีพ ตันตระวานิชย์โฆษกกระทรวงกลาโหม กล่าวถึงกรณีการจัดซื้อเครื่องบินแอร์บัส ซี 295 ของกองทัพบก ว่า กระทรวงกลาโหมได้อนุมัติ ให้กองทัพบกจัดซื้อ ภายใต้การเสนอความต้องการของหน่วย และเป็นเครื่องบินลำเลียงขนาดกลาง ใช้ในภารกิจบรรทุกกำลังพล โดยเฉพาะการฝึกกระโดดร่ม การเคลื่อนย้ายทางยุทธวิธี ของหน่วยรบพิเศษ และการส่งกำลังผัดเปลี่ยนชายแดน การกู้ภัย การอพยพประชาชนในพื้นที่เกิดภัยพิบัติ และการเคลื่อนย้ายเครื่องมือแพทย์และผู้ป่วย รวมถึงการชุดส่งชุดพลาดไปช่วยเหลือ ในโรงพยาบาลสนามและเรือนจำ ที่จังหวัดเชียงใหม่ที่ผ่านมาที่มีการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19

โฆษกกระทรวงกลาโหม กล่าวอีกว่า อัตราที่ควรจะมี กำหนดไว้ 8 ลำ แต่ปัจจุบัน มีเพียง 4 ลำ ปัจจุบันใช้การได้เพียงลำเดียวเท่านั้น และใช้ในภารกิจฝนหลวง และเป็นรุ่นเก่าคาซ่า 212 ใช้มาตั้งแต่ปี 2537 จนถึงขณะนี้ 27 ปี โดยจะปลดระหว่างในปี 2566 หลังครบการใช้งาน 30 ปี 

“การทยอยจัดซื้อเครื่องติดแอร์บัสซี 295 เริ่มดำเนินการมาตั้งแต่ปี 2558 ซึ่งเป็นการจะซื้อมาแล้วหนึ่งลำและในปี 2561 อีกหนึ่งลำ และปี 2564 อีกหนึ่งลำ ซึ่งจะใช้เวลาในการจัดส่งได้อีกสองปีครึ่ง ซึ่งใช้งบประมาณของหน่วยกองทัพบก งบปี 2564” พล.ท.คงชีพ กล่าว

เมื่อถามว่า มีการตั้งข้อสังเกตในการจัดซื้อท่ามกลางสถานการณ์การแพร่ระบาดเชื้อไวรัส โควิด-19 นั้น พล.ท.คงชีพ กล่าวว่า อยากจะให้เข้าใจว่า เครื่องบินดังกล่าวเป็นเครื่องบินสีพรางทางทหาร และเครื่องบินมีความจำเป็น โดยเฉพาะการบรรทุกกำลังพล 70 นาย เราไม่สามารถนำชีวิตทหารไปเสี่ยงได้ กับอุปกรณ์ที่เก่า ซึ่งจะต้องให้กำลังพลนั้นเชื่อมั่นในยุทโธปกรณ์ที่จะใช้ด้วย และปัจจุบันเฮลิคอปเตอร์ และเครื่องบินที่ใช้อยู่ตามแนวใช้แดน ค่อนข้างที่จะเก่ามาก ซึ่งจะเห็นจากข่าวที่ตกกันอยู่ต่อเนื่อง มีชีวิตที่ต้องสูญเสียอยู่ตลอด

"อะไรที่เป็นเรื่องของความจำเป็นก็อยากจะให้เข้าใจ ด้วยว่าเครื่องบินจะจัดซื้อในช่วงการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัส โควิด-19 เราก็จะนำมาใช้ในการลำเลียง คนเข้าไปช่วย ในเรื่องโควิด ในแต่ละพื้นที่ด้วยเช่นกัน เมื่อมีความเร่งด่วน ต้องการใช้แพทย์ทหาร เครื่องมือแพทย์ ทหารก็พร้อมที่จะเข้าไปสนับสนุน ฉะนั้นอยากให้เห็นใจ จะเป็นยุคโควิด หรือยุคใดก็แล้วแต่ ก็จำเป็นที่จะต้องใช้  จึงอยากจะให้ทุกคนเข้าใจว่า อาจจะไม่ใช่ว่าจะซื้อในยุคโควิด แล้วจะซื้อไม่ได้ ถ้าจำเป็นจริงๆ ก็ต้องใช้ ขออย่ามองว่าทุกอย่างเป็นการใช้งบประมาณไม่คุ้มค่า" โฆษกกระทรวงกลาโหม กล่าว 

ทั้งนี้ พล.ท.คงชีพ กล่าวย้ำว่า กองทัพบก ได้จัดซื้อเป็นไปตามระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรี และเป็นไปด้วยความโปร่งใส


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top