Saturday, 26 April 2025
POLITICS NEWS

ปลัด สปน. แจ้ง ขยายเวลา เวิร์ก ฟรอม โฮม ถึง 30 มิ.ย. มั่นใจ งานมีประสิทธิภาพ-ช่วยลดการแพร่ระบาด โควิด-19

ที่ทำเนียบรัฐบาล นายธีรภัทร ประยูรสิทธิ ปลัดสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า จากมติคณะรัฐมนตรี ประกาศของศบค.และสถานการณ์การแพร่ระบาดโควิด-19 ในขณะนี้ สำนักงานปลัดสำนักนายกรัฐมนตรีได้พิจารณาแล้วให้มีการขยายเวลาการ เวิร์ก ฟรอมโฮม ต่อเนื่องไปจนถึงวันที่ 30 มิถุนายนนี้ 

นายธีรภัทร กล่าวว่า โดยยึดแนวทางปฎิบัติที่ประกาศไว้เดิม แต่มีประเด็นเพิ่มเติมคือ เร่งรัดให้เจ้าหน้าที่ของสปน. ได้รับการฉีดวัคซีนให้ครบถ้วนโดยเร็ว ซึ่งขณะนี้ได้รับการฉีดวัคซีนไปแล้วประมาณ 74% อย่างไรก็ตามการดำเนินงานในขณะนี้ยังเป็นการประชุมหารือผ่านวิดีโอคอนเฟอเรนซ์ ซึ่งทุกการประชุมคณะกรรมการตามกฏหมาย และคณะอนุกรรมการที่เกี่ยวข้องต่างๆยังเป็นไปด้วยดี นอกจากนี้ผู้ตรวจราชการสำนักนายกรัฐมนตรีปกติจะต้องติดตามงานภาคต่างๆในต่างจังหวัด ก็ปรับมาใช้ระบบวิดีโอคอนเฟอเรนซ์ เพื่อติดตามงานในพื้นที่ โดยในบางภารกิจในพื้นที่ เช่น การตรวจมาตรฐานศูนย์ราชการสะดวก 300 กว่าหน่วย สปน.ได้ติดตามสถานะภาพในพื้นที่จริงผ่านระบบวิดีโอเคลื่อนที่ เพื่อดูพื้นที่จริงอย่างใกล้ชิด ได้เห็นในพื้นที่นั้นๆมีสภาพเป็นอย่างไรในเวลาที่ติดตามด้วย

นายธีรภัทร กล่าวว่า ในส่วนงานศูนย์บริการประชาชน สำนักนายกรัฐมนตรี ในการรับเรื่องราวร้องทุกข์ ยังคงใช้ 4 ช่องทางเดิม คือ

1.) สายด่วนของรัฐบาล1111

2.) ตู้ปณ.1111 และ

3.) เว็บไซต์ www.1111.go.th

4.) แอพพลิเคชั่น PSC1111

เนื่องจากสถานการณ์ โควิด-19 ยังต้องคงเฝ้าระวัง การรับเรื่องราวร้องทุกข์ ยังดำเนินการไปได้ด้วยดี โดยมากกว่า 90% เรื่องได้ยุติส่วนที่เหลือเป็นเรื่องของข้อกฎหมายที่ต้องพิจารณาเป็นรายหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง สปน.ได้รายงานข้อเสนอแนะและเรื่องร้องทุกข์ให้นายกรัฐมนตรีทราบทุกสัปดาห์ และนายกรัฐมนตรีได้เร่งรัดทุกเรื่องในที่ประชุมคณะรัฐมนตรี รวมหลายเรื่องนำไปสู่นโยบายการช่วยเหลือประชาชนในภาพรวม การช่วยเหลือเยียวยาประชาชนที่ได้รับผลกระทบจากสถานการณ์โรคโควิด-19 และฟื้นฟูเศรษฐกิจด้วย

ผู้สื่อข่าวถามว่า ที่ผ่านมาเมื่อเจ้าหน้าที่เวิร์กฟอรมโฮม มีปัญหาอุปสรรคอย่างไรหรือไม่ นายธีรภัทร กล่าวว่า หากทุกคนมาทำงานในที่ทำงานพร้อมกัน ประสิทธิภาพย่อมดีกว่าอยู่แล้ว แต่การทำงานชีวิตวิถีใหม่ เวิร์กฟอรมโฮม บางเรื่องที่ต้องการความรวดเร็วเร่งด่วน เราก็ใช้การพูดคุยและส่งผ่านข้อมูลผ่านอีเมล และไลน์ โดยที่ไม่ได้เห็นหน้ากัน แต่ในบางครั้งการได้ทำงานแบบพบเห็นหน้ากันก็จะมีประสิทธิภาพมากกว่า อย่างไรก็ตาม จากการประเมินในเวลานี้โดยติดตามการปฏิบัติงานของหน่วยงานอื่นๆด้วย ถือว่าประสิทธิภาพของการทำงานเป็นไปด้วยดี สามารถขับเคลื่อนนโยบายรัฐบาลและข้อสั่งการนายกรัฐมนตรี

นายธีรภัทร กล่าวว่า ขณะนี้ทุกหน่วยงานใน สปน. ได้ปรับแผนการรายงาน ผลการทำงานต่อผู้บังคับบัญชา ซึ่งทุกหน่วยงานจะได้รายงานความคืบหน้าการทำงานมาที่ตน ว่ามีผลการทำงานอย่างไรบ้าง ในทุกสัปดาห์ โดยให้ระดับรองปลัดสำนักนายกรัฐมนตรี ผู้ตรวจราชการฯ ผู้อำนวยการสำนัก และผู้อำนวยการกอง ประชุมคอนฟอร์เรนพูดคุยกับเจ้าหน้าที่ในหน่วยงานของตนอยู่ตลอด โดยเมื่อวันที่ 10 มิถุนายนที่ผ่านมาตนได้ประชุมระดับผู้บริหารของสำนักนายกฯ สรุปงานผ่านวีดีโอคอนเฟอเรนซ์ 2-3 ชั่วโมง 

นอกจากงานปกติแล้วยังต้องทำงานช่วยศบค.ในเรื่องการแก้ไขปัญหาโควิด-19 ด้วย เช่น การบริหารจัดการหน้ากากอนามัย การสนับสนุนถุงยังชีพรายครอบครัวให้กับชาวบ้านในหมู่บ้าน 14 จังหวัดที่ต้องปิดเนื่องจากสถานการณ์โควิด-19 

ทั้งนี้ขอย้ำว่าปัจจุบันถึงแม้หน่วยราชการจะเวิร์กฟอรมโฮม แต่คุณภาพงานยังมีประสิทธิภาพอยู่ เป็นการช่วยลดการเดินทางและช่วยลดการแพร่ระบาดโควิด-19 ในช่วงนี้ 

จึงขอเชิญชวนพี่น้องประชาชนลดกิจกรรมที่ต้องพบปะกัน และดำเนินการตามมาตรการสาธารณสุขอย่างเคร่งครัดอีกระยะหนึ่ง รวมทั้งร่วมกันฉีดวัคซีน แล้วการดำรงชีวิตตามปกติจะได้คืนกลับมาโดยเร็ว

“เพจ เรือดำน้ำไทย” โพสต์คลิป ขนขุนพลลูกประดู่แจงเหตุจำเป็นต้องมีเรือดำน้ำ เสริมมิติปฏิบัติการใต้น้ำ ชี้อาจดูเป็นเรื่องไกลตัว แต่อยากให้เข้าใจว่ามีความจำเป็น ไม่อยากกลายเป็นจำเลยอีกต่อไป

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า “เพจ เรือดำน้ำไทย Thai Submarines” ของกองทัพเรือ ได้เผยแพร่สารคดีกองทัพเรือ โดยโพสต์ข้อความระบุว่า “ความคิด ความเข้าใจ และความจริงใจในการบอกเล่าครั้งใหม่ถึงเรื่องราวของ "เรือดำน้ำ" ...อย่าให้การทำหน้าที่เป็นจำเลยอีกต่อไป” พร้อมคลิปวิดีโอ ซึ่งมีตอนหนึ่งชี้แจงถึงเหตุผลและความจำเป็นการมีเรือดำน้ำ โดยพล.ร.ต.นเรศ วงศ์ตระกูล ผู้อำนวยการสำนักปฏิบัติการ กรมยุทธการทหารเรือ กล่าวว่า กองทัพเรือให้ความสำคัญกับปัญหาที่เกิดขึ้นทุกวันนี้ แต่สิ่งสำคัญภารกิจหลักกองทัพเรือต้องเตรียมความพร้อมในการปกป้อง รักษา อธิปไตยของชาติและความมั่นคงทางทะเลตามอำนาจหน้าที่ที่กำหนดไว้ตามกฎหมาย กองทัพเรือจำเป็นต้องมีเครื่องมือเหล่านี้ปฏิบัติการในลักษณะผสมผสานร่วมกัน ทั้งบนอากาศ ผิวน้ำ และใต้น้ำ ซึ่งเรือดำน้ำของกองทัพเรือถูกปลดประจำการไปแล้ว และไม่ได้รับการจัดหาอีกเลย  ทำให้เราขาดการปฏิบัติการมิติใต้น้ำตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา และกองทัพเรือพยายามปรับลดความเสี่ยงที่เกิดขึ้นด้วยการใช้เครื่องมืออื่นๆ แต่ก็ยังเกิดความเสี่ยงที่สูงอยู่ 

ด้านพล.ร.อ.เชษฐา ใจเปี่ยม โฆษกกองทัพเรือ กล่าวว่า เรื่องราวระหว่างหลักประกันความมั่นคงของชาติทางทะเลกับการช่วยเหลือประชาชนในเวลาที่ชาติประสบภาวะวิกฤต กองทัพเรือเป็นหน่วยงานหนึ่งที่ตั้งใจทำทุกอย่างอย่างสุดกำลัง โดยเฉพาะวิกฤตที่กำลังเกิดขึ้นอยู่ขณะนี้ เราได้ทุ่มเทกำลังพล ยุทโธปกรณ์ ตลอดจนการปรับงบประมาณทุกภาคส่วนมารองรับ สำหรับการสร้างการรับรู้เรื่องกำลังรบอันเป็นหลักประกันความมั่นคงของชาติทางทะเล อาจดูเป็นเรื่องไกลตัว ในภาวะการณ์เช่นนี้ แต่อยากให้เข้าใจว่ามีความจำเป็นที่จะต้องสร้างการรับรู้ร่วมกัน เพียงแต่อยากบอกถึงการทำหน้าที่ของเราโดยตระหนักถึงสถานการณ์ในปัจจุบัน อย่าให้การทำหน้าที่นี้ของเรากลายเป็นจำเลยอีกต่อไป

ผู้สื่อข่าวรายงาน ทั้งนี้เป็นที่น่าสังเกตว่าการเผยแพร่คลิปดังกล่าวนั้น คาดว่าเพื่อต้องการสร้างความรับรู้และความเข้าใจกับประชาชน เพราะในช่วงนี้ทางสภาฯ โดยคณะกรรมาธิการวิสามัญพิจารณาร่าง พ.ร.บ.งบประมาณจ่ายประจำปีงบประมาณพ.ศ.2565 กำลังมีการพิจารณางบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณปีพ.ศ.2565 อยู่ในขณะนี้

โฆษกก้าวไกล แนะ รมว.ศธ. นำงบ 5 แสนล้านที่เพิ่งผ่านสภา มาปรับใช้ในการเยียวยาสถานศึกษา-ผู้ปกครอง เพื่อลดภาระค่าใช้จ่ายในช่วงเปิดเทอม 14 มิถุนายนนี้

นางสาวสุทธวรรณ สุบรรณ ณ อยุธยา โฆษกพรรคก้าวไกล กล่าวถึง การเปิดภาคเรียนของสถานศึกษาในวันที่ 14 มิถุนายนนี้ ตามที่กระทรวงศึกษาธิการออกประกาศ โดยก่อนหน้านี้ 27 พฤษภาคม คุณตรีนุช เทียนทอง รมว.ศธ.ออกประกาศกำหนดแนวปฏิบัติการเก็บเงินบำรุงการศึกษา ค่าธรรมเนียมการศึกษา ค่าธรรมเนียมการเรียน และค่าธรรมเนียมอื่น ให้โรงเรียนหรือสถานศึกษาในสังกัดหรือในกำกับของ ศธ. ถือปฏิบัตินั้น ตนมองว่าภาระไปตกอยู่กับโรงเรียนเอกชนขนาดเล็กและขนาดกลาง ซึ่งรับภาระค่าใช้จ่ายหนัก คุณตรีนุชต้องดูด้วยว่าต้นทุนที่จะลดได้มาจากไหน ไม่ใช่ประกาศลดแล้วสั่งให้โรงเรียนปฏิบัติตามคำสั่งของคุณเท่านั้น ในสถานการณ์ภายใต้สภาวะวิกฤตเช่นนี้ เราต้องการรัฐที่มีประสิทธิภาพและรับผิดชอบชีวิตของประชาชนในทุกมิติ 

นาวสาวสุทธวรรณ ระบุอีกว่า แน่นอนว่าเราเห็นด้วยกับการคืนเงินบำรุงการศึกษาให้กับผู้ปกครองในส่วนที่ไม่ได้จัดกิจกรรมการเรียนการสอนในระหว่างการแพร่ระบาดของโควิด แต่ในอีกมิตินึงท่านไม่ควรโยนภาระในแก่สถานศึกษามากจนเกินไป เพราะโรงเรียนทุกโรงเรียน ไม่ว่าจะรัฐหรือเอกชน ก็มีค่าใช้จ่ายที่เป็น fixed cost กันอยู่แล้วทุกเดือน ทั้งเงินเดือนครู แม่บ้าน รปภ. ธุรการ ที่ต้องจ่าย ส่วนภาครัฐที่เป็นข้าราชการอาจไม่เท่าไหร่ แต่คนที่เป็นสัญญาจ้างต่าง ๆ ถ้าลดต้นทุนออกตรงนี้ไปจะลำบากทันที ส่วนเอกชนไม่ว่าจะขยับส่วนไหนทุกอย่างเป็นค่าใช้จ่ายหมด เงินเดือนบุคลากร ค่าบำรุงรักษาสถานที่ ค่าบริหารจัดการ ค่าสาธารณูปโภค ในส่วนนี้ไม่ได้ลดลง ถ้าโรงเรียนไหนกู้เงินมาลงทุนปรับปรุงพื้นที่ ดอกเบี้ยที่กู้มาก็ยังคงวิ่งไปอยู่ ที่ผ่านมารัฐไม่ได้มีมาตรการช่วยเรื่องการพักเงินต้นและดอกเบี้ยอย่างเป็นรูปธรรมเลย ดังนั้นค่าใช้จ่ายที่ท่านคิดจะนำมาเป็นส่วนลดให้ผู้ปกครองได้ในความเป็นจริงจึงไม่มากนัก 

ทั้งนี้นางสาวสุทธวรรณยังให้กระทรวงศึกษาธิการทบทวนมาตรการที่ออกมาในทุกมิติอีกครั้ง ท่านควรจ่ายเงินอุดหนุนเพื่อช่วยเหลือผู้ปกครองแทนโรงเรียนเหล่านั้น โดยการใช้ก้อนเงินกู้ 500,000 ล้าน ที่เพิ่งผ่านสภาไปมาบริหารจัดการ นอกจากนี้ ศธ.ยังควรกำหนดมาตรการเพื่อช่วยเหลือผู้ปกครองให้ชัดเจน เช่น ชุดนักเรียน ยังไม่จำเป็นต้องให้ซื้อใหม่ เรียนออนไลน์ยิ่งไม่ต้องใช้ เพื่อลดภาระค่าใช้จ่าย วันที่นักเรียนต้องไปโรงเรียนควรอนุโลมเรื่องการแต่งกาย ไม่ต้องใส่ชุดนักเรียนก็ได้ ให้ใส่ชุดไปรเวทที่สุภาพแทน นี่เป็นพื้นฐานที่เรียบง่ายที่สุดที่กระทรวงศึกษาธิการจะสามารถลดภาระผู้ปกครองและสถานศึกษาได้

“ประยุทธ์” หารือเอกอัครราชทูตอินโดนีเซีย เร่งยกระดับการค้าและการลงทุน เพื่อฟื้นฟูเศรษฐกิจหลังสถานการณ์โควิด-19

ที่ห้องสีงาช้าง ตึกไทยคู่ฟ้า ทำเนียบรัฐบาล นายรัคมัต บูดีมัน (H.E. Mr. Rachmat Budiman) เอกอัครราชทูตสาธารณรัฐอินโดนีเซียประจำประเทศไทยเข้าเยี่ยมคารวะ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ในโอกาสเข้ารับตำแหน่ง

นายกรัฐมนตรี กล่าวว่าอินโดนีเซียเป็นพันธมิตรที่ใกล้ชิด มีความสัมพันธ์ที่ราบรื่นมาอย่างต่อเนื่อง มีความร่วมมือที่แน่นแฟ้นทั้งในระดับภูมิภาคและระหว่างประเทศ หวังว่าความรู้และประสบการณ์ของเอกอัครราชทูตอินโดนีเซีย จะช่วยกระชับความสัมพันธ์และยกระดับความร่วมมือระหว่างทั้งสองฝ่ายให้เพิ่มมากยิ่งขึ้นในทุกมิติ โอกาสนี้ นายกรัฐมนตรียังฝากความปรารถนาดีไปยังประธานาธิบดีอินโดนีเซีย และภริยา พร้อมขอบคุณรัฐบาลอินโดนีเซียที่ให้การสนับสนุนสถานเอกอัครราชทูต ณ กรุงจาการ์ตา ในการอำนวยความสะดวกในการนำคนไทยกลับประเทศไทยตลอดช่วงสถานการณ์โควิด-19 

เอกอัครราชทูตอินโดนีเซีย กล่าวแสดงความรู้สึกยินดีที่ได้มาดำรงตำแหน่งในไทย พร้อมยืนยันจะช่วยส่งเสริมความสัมพันธ์ระหว่างไทย-อินโดนีเซีย ให้แน่นแฟ้นยิ่งขึ้นทั้งในระดับทวิภาคีและอาเซียน โดยใช้ประโยชน์จากกลไกทวิภาคีและกรอบความร่วมมือในอาเซียนและพหุภาคีให้เกิดประโยชน์สูงสุดแก่ทั้งสองฝ่าย ทั้งความร่วมมือในการฟื้นฟูเศรษฐกิจจากผลกระทบของสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 ความร่วมมือด้านการประมง ความมั่นคง การศึกษา รวมถึงการแลกเปลี่ยนทางด้านวัฒนธรรมและดนตรี

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า จากนั้นทั้งสองฝ่ายได้หารือถึงความร่วมมือเพื่อการฟื้นฟูหลังสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 โดยต่างเห็นพ้องว่า ทั้งสองประเทศมีศักยภาพที่จะต่อยอดจากความร่วมมือทางเศรษฐกิจที่มีอยู่ และขยายความร่วมมือทางการค้าและการลงทุนให้เพิ่มขึ้นด้วยกันทั้งสองฝ่าย เพื่อสนับสนุนให้เกิดการฟื้นฟูเศรษฐกิจของทั้งสองประเทศ ผ่านการส่งเสริมการค้า และหาแนวทางลดอุปสรรคทางการค้าในสาขาที่เป็นผลประโยชน์ร่วมกัน อาทิ สินค้าเกษตร และประมง โดยนายกรัฐมนตรียินดีสนับสนุนการลงทุนของภาคเอกชนไทยในอินโดนีเซีย และขอให้อินโดนีเซียช่วยดูแลและอำนวยความสะดวกแก่นักลงทุนไทยในอินโดนีเซีย ขณะเดียวกันรัฐบาลไทยเชิญชวนให้มีการลงทุนในไทย เพิ่มเติม ซึ่งเอกอัครราชทูตอินโดนีเซียกล่าวว่ายินดีสนับสนุนการลงทุนในไทย และมีภาคเอกชนของอินโดนีเซียหลายแห่งสนใจ 

นอกจากนี้ นายกรัฐมนตรีและเอกอัครราชทูตอินโดนีเซีย ยังหารือถึงความร่วมมือด้านความมั่นคง โดยหวังว่าเมื่อสถานการณ์โรคโควิด-19 คลี่คลาย ทั้งสองฝ่ายจะขับเคลื่อนกิจกรรมและความร่วมมือต่าง ๆ เช่น การประชุมเพื่อแลกเปลี่ยนข้อมูลข่าวสาร การศึกษาและการฝึกอบรมด้านความมั่นคงและป้องกันประเทศ รวมทั้งการปราบปรามยาเสพติด ให้มีความคืบหน้าต่อไป

นอกจากนี้ นายกรัฐมนตรียังยืนยันความร่วมมือกับอินโดนีเซียและอาเซียนในการแก้ไขสถานการณ์ความไม่สงบในเมียนมา โดยไทยสนับสนุนฉันทามติ 5 ข้อของอาเซียน และหวังว่าปัญหาในเมียนมาจะสามารถแก้ไขด้วยสันติวิธี

“แรมโบ้” ยัน ไร้สัญญาณยุบสภาฯ แย้ม เงื่อนไขเดียวแยกทาง “พรรคร่วมทำงานไม่ได้” 

นายเสกสกล อัตถาวงศ์ ผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำนายกรัฐมนตรี กล่าวถึงกระแสข่าวยุบสภาว่า ยืนยันว่ายังไม่มีสัญญาณยุบสภาฯจากนายกรัฐมนตรี ตามที่มีกระแสข่าวแน่นอน และการทำงานในสภาฯ ยังเป็นไปได้ด้วยดี เห็นได้จากสภาฯ เห็นชอบร่างพ.ร.บ.งบประมาณ ปี 65 วาระแรกและพ.ร.ก.กู้เงิน 5 แสนล้านบาท ที่ฝ่ายค้านบางส่วนโหวตเห็นชอบด้วย และเวลา 1 ปีที่เหลือของรัฐบาลยังต้องเร่งรัดทำงานแก้ไขปัญหาให้ประชาชน หากไม่มีผลงานประชาชนจะไม่ไว้วางใจ และมั่นใจว่านายกฯจะไม่ทำอย่างนั้น เพราะสภาฯ ไม่ได้มีความผิด และพรรคร่วมรัฐบาล ไม่มีสัญญาณถอนตัว ทุกนโยบายของพรรคร่วมที่หาเสียงไว้ หากเป็นนโยบายที่ดีประชาชนได้ประโยชน์ก็ผลักดันเป็นนโยบายรัฐบาล

นายเสกสกล กล่าวว่า เงื่อนไขเดียวหากจะยุบสภาฯคือพรรคร่วมทำงานร่วมกันไม่ได้ เพราะมองแต่ผลประโยชน์ของตนเองหรือพรรค มากกว่าประชาชน แต่ตอนนี้ทำงานร่วมกันได้ดีมีเอกภาพ ความคิดเห็นที่แตกต่างถือเป็นเรื่องธรรมดา แต่รัฐมนตรีทุกคนของพรรคร่วมรัฐบาล คิดถึงแต่ประชาชนและประเทศชาติ เหมือนกับฝ่ายนิติบัญญัติ ที่ฝ่ายค้านและรัฐบาลยังทำงานร่วมกันได้ สามารถเสนอแนะรัฐบาลผ่านเวทีสภาฯ หรือกรรมาธิการได้ แต่อย่าบิดเบือนข้อเท็จจริงหรือโจมตีใส่ร้ายป้ายสีนายกฯ และครม. ทำลายขัดขวางการทำงานของรัฐบาล มากเกินไปเพราะประชาชนอาจจะเสียโอกาสได้

รมว.แรงงาน แจงเหตุประกันสังคมยกเลิกคิวฉีดวัคซีนไปเป็น 28 มิ.ย. ยัน ไม่ใช่เพราะวัคซีนไม่เพียงพอ แต่เป็นเพราะข้อมูลจากบริษัทสับสน

เมื่อวันที่ 11 มิ.ย. สำนักงานประกันสังคม ได้มีการส่งหนังสือแจ้งเวียนไปยังสถานประกอบการในเขตกรุงเทพมหานครฯ ที่ประสงค์ให้ผู้ประกันตน ฉีดวัคซีนโควิด-19 ตามนัด ว่าจะขอฉีดวัคซีนในวันนี้เป็นวันสุดท้ายเพื่อปิดปรับปรุงระบบชั่วคราว ทั้งหมด 45 ศูนย์ ตั้งแต่วันที่ 12-27 มิ.ย.นี้ เพื่อขอเคลียร์ยอดพนักงานหรือแรงงานของบริษัทต่างๆ ที่จะขอรับการฉีดวัคซีนโควิดมาให้กับสำนักงานประกันสังคม เนื่องจากพบปัญหาว่าบางบริษัทส่งยอดพนักงานเข้ามาจำนวนหนึ่ง แต่เมื่อถึงเวลานัดหมายฉีดวัคซีนจริงกลับมีจำนวนไม่ตรงกับยอดที่แจ้งไว้ และจะเปิดใหม่อีกครั้ง ในวัน 28 มิ.ย.

นายสุชาติ ชมกลิ่น รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงานเปิดเผยว่า สำนักงานประกันสังคม จะปิดปรับปรุงศูนย์บริการฉีดวัคซีนป้องกันโรคโควิด-19 เพื่อผู้ประกันตนมาตรา 33 ในพื้นที่กรุงเทพมหานคร ทั้ง 45 ศูนย์ในวันที่ 12-27 มิ.ย.นี้

ทั้งนี้ ยืนยันว่า การปิดให้บริการฉีดวัคซีนดังกล่าวนี้ ไม่ใช่เป็นเพราะปัญหาได้รับจัดสรรวัคซีนไม่เพียงพอ เนื่องจากกระทรวงแรงงาน ได้รับการจัดสรรวัคซีน 1 ล้านโดส และเริ่มทยอยจัดส่งมา ตั้งแต่วันที่ 6 มิ.ย. ที่ผ่านมา ซึ่งได้เริ่มฉีดวัคซีนให้กับผู้ประกันตนในระบบไปแล้วตั้งแต่วันที่ 7 มิ.ย. ที่ผ่านมา

 

ที่มา : https://www.posttoday.com/politic/news/655272

https://www.infoquest.co.th/2021/95582


โปรเด็ด! เทหมดตัว มาสด้า 2 และ นิสสันอัลเมร่า ทักเลย! ตอบไว! แอดเลย @TheShopsTimes

คลิก????https://lin.ee/vfTXud9

“ประวิตร” เร่ง "แก้น้ำท่วมเมืองพัทยา" ช่วยปชช.เดือดร้อน ชูการท่องเที่ยว-อีอีซี

ที่ทำเนียบรัฐบาล พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี ประธานการประชุม คณะอนุกรรมการขับเคลื่อนโครงการขนาดใหญ่และโครงการสำคัญ ครั้งที่ 3/2564 โดยขอให้หน่วยงานเกี่ยวข้องติดตามแผนงานโครงการฯที่ผ่านความเห็นชอบ นำไปสู่การปฏิบัติเพื่อการบริหารจัดการน้ำอย่างเป็นระบบ เพื่อแก้ปัญหาน้ำทุกมิติและบรรเทาความเดือดร้อนให้ประชาชนที่ได้รับผลกระทบจากภาวะน้ำแล้ง น้ำท่วม และน้ำเค็ม กักเก็บ สำรองน้ำบนดินใต้ดิน ไว้ใช้อย่างเพียงพอและทั่วถึง

ทั้งนี้ที่ประชุมเห็นชอบโครงการก่อสร้างระบบระบายน้ำหลัก เพื่อบรรเทาปัญหาน้ำท่วมพื้นที่ชุมชน เมืองพัทยา จ.ชลบุรี ระยะที่ 1โดยเมื่อก่อสร้างแล้วเสร็จ จะรองรับน้ำฝนครอบคลุมพื้นที่ 15.39 ตร.กม. มีผู้ได้รับประโยชน์ 38,740 ครัวเรือน ลดความเสียหายทางเศรษฐกิจได้มากกว่า 600 ล้านบาทปี สามารถส่งเสริมการท่องเที่ยว และเขตเศรษฐกิจพิเศษภาคตะวันออก (อีอีซี)

รับทราบความคืบหน้าโครงการขนาดใหญ่ ที่ผ่านคณะกรรมการนโยบายน้ำแห่งชาติ (กนช.) เพื่อเตรียมเสนอคณะรัฐมนตรี 4 โครงการ ได้แก่

1.) อ่างเก็บน้ำ แม่ตาช้าง จ.เชียงราย

2.) อ่างเก็บน้ำ คลองโพล้ จ.ระยอง

3.) อ่างเก็บน้ำ บ้านหนองกระทิง จ.ฉะเชิงเทรา และ

4.) สถานีสูบน้ำดิบ พร้อมระบบท่อส่งน้ำ เพื่อรองรับการพัฒนาเมืองต้นแบบสามเหลี่ยม มั่นคง มั่งคั่ง ยั่งยืน จ.ปัตตานี และรับทราบผลการติดตามการขอใช้พื้นที่ป่า สำหรับการพัฒนาแหล่งน้ำ 26 โครงการ ให้กรมชลประทาน เร่งจัดทำรายงานสิ่งแวดล้อมให้เป็นฉบับสมบูรณ์ นอกจากนั้นรับทราบความก้าวหน้าโครงการแก้มลิงทุ่งหิน จ.สมุทรสงคราม พื้นที่ 2,623 ไร่ เพื่อใช้ชะลอน้ำหลาก ผลิตน้ำประปา และพัฒนาให้เป็นแหล่งท่องเที่ยวเพื่อยกระดับคุณภาพชีวิต และเสริมสร้างเศรษฐกิจให้กับจังหวัด ต่อไป

ศรีสุวรรณ ร้อง ป.ป.ช. สอบ อบต.ราชาเทวะ ปมเสาไฟกินรี ชี้ พิรุธอื้อ

ที่สำนักงาน ป.ป.ช. นายศรีสุวรรณ จรรยา เลขาธิการสมาคมองค์การพิทักษ์รัฐธรรมนูญไทย ยื่นร้องเรียนต่อ ป.ป.ช. เพื่อให้สอบสวนการจัดซื้อเสาไฟประติมากรรมกินรีพลังงานโชล่าเซลล์ ของ อบต.ราชาเทวะ จ.สมุทรปราการ ที่อาจส่อไปในทางทุจริต และไม่มีความคุ้มค่าต่อการใช้จ่ายเงินแผ่นดิน เนื่องจากบางส่วนมีการติดตั้งในซอยที่เป็นป่าหญ้ารกทึบ มีระยะเสาแต่ละต้นถี่เกินไป และอาจเป็นการเอื้อประโยชน์ให้เอกชนบางราย

เมื่อตรวจสอบการดำเนินโครงการดังกล่าวพบว่า เสาไฟกินรีแต่ละต้นมีราคาเฉลี่ยต้นละ 95,485 บาท โดยมีการประมูลติดตั้งมาตั้งแต่ปี 2556 เรื่อยมาจนถึงปัจจุบันกว่า 8 ปีแล้ว ดำเนินการไปแล้วมากกว่า 12 สัญญา มูลค่า 1,079,291,000 บาท โดยมีเสาไฟกินรีระบบโซล่าเชลล์ติดตั้งแล้วกว่า 11,339 ต้น ในขณะที่ อบต.ราชาเทวะมีพื้นที่เพียง 31 ตร.กม.คิดเป็น 19,375 ไร่ (ในจำนวนนี้ใช้เป็นพื้นที่สนามบินสุวรรณภูมิ จำนวน 9,451 ไร่) ซึ่งจะเหลือเป็นพื้นที่เหลือเพียง 9,924 ไร่เท่านั้น มีครัวเรือนเพียง 15,185 หลังคาเรือนเท่านั้น หากจะเปรียบเทียบให้เห็นชัดเสาไฟกินรี 1 ต้นจะเท่ากับ 1 ครัวเรือนเลยทีเดียว ซึ่งเป็นกรณีที่ผิดปกติอย่างมาก

นอกจากนั้น ในการประมูลงานดังกล่าวตลอด 8 ปีที่ผ่านมา มีเพียงบริษัทเดียวที่สามารถประมูลงานดังกล่าวได้ แม้จะมีคู่แข่งขันที่เสนอราคาต่ำกว่าราคากลางเกือบครึ่งแต่ก็ถูกปัดตกด้านคุณสมบัติ อันชี้ให้เห็นถึงข้อพิรุธ ที่สำคัญการกำหนดราคากลาง ไม่มีความเสถียรจะเปลี่ยนแปรไปตามวงเงินงบประมาณที่ได้รับการจัดสรรในแต่ละครั้ง ซึ่งเป็นเรื่องที่ผิดสังเกต ซึ่งการกระทำดังกล่าวอาจเข้าข่ายความผิดตาม พรบ.ว่าด้วยความผิดเกี่ยวกับการเสนอราคาต่อหน่วยงานของรัฐ 2542 หรือกฎหมายฮั้วประมูลได้ แม้จะอ้างว่าการประมูลดำเนินการตามกฎหมายการจัดซื้อจัดจ้างและการบริหารพัสดุภาครัฐ 2560 แล้วก็ตาม

เมื่อสมาคมฯลงพื้นที่ตรวจสอบสภาพข้อเท็จจริง พบว่าในพื้นที่ของ อบต.ราชาเทวะ ทุกตรอก ซอก ซอย ซึ่งแม้เป็นซอยแคบๆจะเต็มไปด้วยเสาไฟประติมากรรมกินรีพลังงานโชล่าเซลล์เต็มไปหมดทั้งสองฝั่งซอย บางจุดมีระยะห่างประมาณ 5-10 เมตรก็มี และบางซอยแทบจะเป็นซอยร้างมีหญ้าขึ้นรกชัฏ บางซอยถนนหนทางเป็นหลุมเป็นบ่อน้ำขังใช้สัญจรแทบไม่ได้ แต่ก็ยังมีเสาไฟกินรีไปติดตั้งอย่างมากมาย และยังมีติดตั้งรอบสระน้ำก็ยังมีอีกด้วย

สมาคมองค์การพิทักษ์รัฐธรรมนูญไทย จึงต้องนำความพร้อมพยานหลักฐานมายื่นร้องเรียนต่อ ป.ป.ช. เพื่อให้ดำเนินการไต่สวนตาม พรป.ว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต 2561 เพื่อเอาผิดผู้บริหารและที่เกี่ยวข้องทั้งหมด

“สิระ” หนุน กมธ.กฎหมาย ดันแก้ ให้เซ็กส์ทอยถูกกฎหมาย เพื่อควบคุมสินค้าที่ได้มาตรฐานลดปัญหา ฆ่าข่มขืน

นายสิระ เจนจาคะ ส.ส.กทม. พปชร. ประธานกรรมาธิการกฎหมายการยุติธรรมและสิทธิมนุษยชน กล่าวถึงปัญหาการลักลอบนำเข้าเซ็กส์ทอยไร้คุณภาพและเกิดเหตุไฟฟ้าช๊อตผู้ใช้งานปางตายว่า ส่วนตัวสนับสนุนให้มีการนำเข้า เพื่อจำหน่ายเซ็กส์ทอยอย่างถูกกฎหมาย เพื่อให้มีกฎหมายเข้ามาควบคุมว่าจะใช้ เซ็กส์ทอยกับบุคคลกลุ่มใดได้บ้าง และสามารถควบคุมสินค้าให้ได้มาตรฐาน

โดยเฉพาะ ศคบ.ที่จะเข้าไปดูแลได้ และยังทำให้รัฐจัดเก็บภาษีส่วนนี้ได้อีกด้วยเหมือนที่หลายๆประเทศทำกัน แต่กฎหมายไทยยังไม่อนุญาต ทั้งที่เรื่องนี้ถือเป็นเสรีภาพส่วนบุคคล ส่วนตัวสนับสนุนให้มีการแก้ไขกฎหมายเพราะจะเกิดประโยชน์ในหลายด้านลดปัญหาอาชญากรรม การฆ่าข่มขืน ลดปัญหาการหย่าร้างและปัญหาในครอบครัวได้ จากปัญหาความต้องการทางเพศที่ไม่สมดุล

ซึ่งการแก้กฎหมายเรื่องนี้ เชื่อว่าสามารถทำได้เพราะไม่ได้ไปขัดต่อความสงบสุขของประชาชน ต่างจากการแก้กฎหมายเพื่อการพนันหรืออบายมุขอื่นๆ และยังลดปัญหาการลักลอบนำเข้า เซ็กส์ทอยที่ไม่ได้มาตรฐาน และเป็นอันตรายแก่ชีวิตประชาชนได้ โดยกรรมาธิการกฎหมายฯ สภาผู้แทนราษฎรพร้อมที่จะศึกษาการแก้กฎหมายเรื่องนี้ หากมีการร้องเรียนเข้ามา เพราะถือเป็นเรื่องสิทธิของประชาชนที่กรรมาธิการมีหน้าที่ 

ส่วนที่คนบางกลุ่มมองว่าประเทศไทยเป็นเมืองพุทธ นายสิระ กล่าวว่า ประเทศญี่ปุ่นก็เป็นเมืองพุทธเช่นกันควรคำนึงถึงผลประโยชน์ ทางสังคมมากกว่าซึ่งจะต้องมาศึกษากัน

วิษณุ ยัน ไม่มียุบสภา บอก ไม่เคยได้ยินนายกฯ พูด ปัดตอบ 3 พรรคร่วม จ่อ แก้รธน. ชี้ ปล่อยให้ตกผนึกก่อน 

ที่ทำเนียบรัฐบาล นายวิษณุ เครืองาม รองนายกรัฐมนตรี ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีที่มีกระแสข่าวเรื่องการยุบสภาว่า ตนไม่เคยได้ยิน เมื่อถามว่าในที่ประชุมครม.นายกฯ ได้เอยถึงเรื่องดังกล่าวหรือไม่ นายวิษณุกล่าวว่า "ไม่มีๆ แต่ถ้ามี เขาก็ไม่พูด" 

ผู้สื่อข่าวถามถึงกรณีที่ 3 พรรคร่วมรัฐบาล ได้แก่ พรรคภูมิใจไทย พรรคประชาธิปัตย์ และ พรรคชาติไทยพัฒนาเตรียมเสนอร่างแก่ไขรัฐธรรมนูญเป็นรายมาตรา นายวิษณุกล่าวว่า ปล่อยให้มันตกผลึกก่อน 

เมื่อถามถึงกรณีที่ได้เข้าพบพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกฯ และ รมว.กลาโหม ที่ห้องทำงานตึกไทยคู่ฟ้า ทำเนียบรัฐบาล เมื่อช่วงเช้าวันที่ 9  มิ.ย.ว่า เป็นการพูดคุยถึงพ.ร.ก.กู้เงิน 5 แสนล้านบาท ซึ่งเข้าเข้าสู่การประชุมสภาฯในวันที่ 9 มิ.ย. 
 


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top