Saturday, 19 April 2025
POLITICS NEWS

‘นายกฯอิ๊งค์-หัวหน้าพรรคร่วมฯ’ ร่วมแถลงเลื่อน ‘เอนเตอร์เทนเมนต์คอมเพล็กซ์’’ อ้างเร่งรับมือวิกฤติแผ่นดินไหว - ผลกระทบภาษีสหรัฐฯ ปัด ‘ทักษิณ’ กดดันพรรคร่วม

นายกฯ เผยหัวหน้าพรรคร่วมเห็นพ้องเลื่อนพิจารณาร่าง พ.ร.บ.เอนเตอร์เทนเมนต์คอมเพล็กซ์ออกไปก่อน อ้างต้องเร่งรับมือวิกฤติแผ่นดินไหว-ผลกระทบเศรษฐกิจจากภาษีสหรัฐฯ ยันไม่ใช่กาสิโนทั่วประเทศ วอนสังคมทำความเข้าใจให้ชัด ปัดข่าว ‘ทักษิณ’ กดดันพรรคร่วม

(8 เม.ย. 68) - นางสาวแพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี แถลงภายหลังการประชุมคณะรัฐมนตรี ว่าได้หารือร่วมกับหัวหน้าพรรคร่วมรัฐบาล และมีมติเห็นตรงกันให้เลื่อนการพิจารณาร่างพระราชบัญญัติการประกอบสถานบันเทิงครบวงจร หรือ “ร่าง พ.ร.บ.เอนเตอร์เทนเมนต์คอมเพล็กซ์” ออกไปก่อน โดยให้เหตุผลว่า ประเทศกำลังเผชิญวิกฤตหลายด้าน ทั้งภัยธรรมชาติจากแผ่นดินไหว การเยียวยาผู้ประสบภัย และกรณีสหรัฐฯ ประกาศขึ้นภาษีนำเข้าสินค้าจากไทย ซึ่งรัฐบาลต้องเร่งหาทางออกอย่างเร่งด่วน

“เรื่องนี้ไม่ใช่การซื้อเวลา แต่เป็นการจัดลำดับความสำคัญ” นายกรัฐมนตรีกล่าว พร้อมยืนยันว่า ร่างกฎหมายดังกล่าวยังคงอยู่ ไม่ได้ถอนออก เพียงแต่ขอเวลาสื่อสารและทำความเข้าใจกับประชาชนให้ชัดเจน โดยเฉพาะในประเด็นที่หลายฝ่ายเข้าใจว่าเป็นการเปิดทางให้กาสิโนถูกกฎหมายทั่วประเทศ

“เราไม่ได้ทำเพื่อกาสิโน แต่เป็นการสร้างพื้นที่ที่มีความบันเทิงหลากหลายสำหรับทุกเพศทุกวัย การให้ใบอนุญาตกาสิโนในพื้นที่นั้น เป็นเพียงส่วนหนึ่ง ไม่ใช่ทั้งหมด” นายกฯ ระบุ

ทั้งนี้ ยังปฏิเสธกระแสข่าวที่ว่า นายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี กดดันให้พรรคร่วมสนับสนุนร่างกฎหมายดังกล่าว โดยย้ำว่า พรรคร่วมรัฐบาลยังอยู่ครบ ไม่มีใครถูกขับออก และตนในฐานะผู้นำรัฐบาลต้องการให้ทุกฝ่าย “เห็นพ้องด้วยใจ ไม่ใช่แค่ตามมติ”

เมื่อถามย้ำว่า การชะลอพิจารณาในสภาคือการยอมถอยจากแรงต้านใช่หรือไม่ นายกรัฐมนตรียืนยันว่า รัฐบาลรับฟังเสียงของประชาชน แต่ต้องดูบริบทและปัญหาสำคัญที่ต้องเร่งดำเนินการก่อน เช่น เรื่องเศรษฐกิจและความเชื่อมั่นของนักลงทุน

“เรามองว่ากฎหมายนี้จะช่วยสร้างเม็ดเงิน กระตุ้นการท่องเที่ยว และการจ้างงาน แต่หากยังมีความเข้าใจคลาดเคลื่อน รัฐบาลก็จะเร่งชี้แจงให้ชัดเจนยิ่งขึ้น” นายกรัฐมนตรีกล่าว

‘วิโรจน์’ แฉ!! ส่วยสติกเกอร์ตัว T ขนสินค้าจากลาว ไม่ต้องมี ‘พาสปอร์ตรถ’ ชาวเน็ต สวนกลับ!! สติกเกอร์อันนี้ ถูกกฎหมาย ได้คู่กับสมุดประจำรถผ่านแดน

(7 เม.ย. 68) นายวิโรจน์ ลักขณาอดิศร รองหัวหน้าพรรคประชาชน ได้โพสต์เฟซบุ๊กระบุว่า …

ถ้าจ่ายค่าบริการ 1,000 บาท ก็จะได้สติกเกอร์ตัว T มาติดหน้ารถ ทีนี้ก็จะเอารถบรรทุกไปขนสินค้าจากประเทศลาวมายังประเทศไทยได้ โดยไม่จำเป็นต้องมีพาสปอร์ตรถ นี่จริงหรือครับ

ปรากฎว่า ชาวเน็ตสวนกลับทันที สติกเกอร์ตัว T นั้นมันถูกกฎหมาย โดยมีหลายคนได้แสดงความคิดเห็นกันมากมาย ยกตัวอย่างเช่น … 

สติกเกอร์ ตัว T จะติดหรือไม่ติดไม่สำคัญเท่า ตัวเล่มพาสปอร์ต ที่ระบุข้อมูลของรถคันนั้นๆครับ พาสปอร์ตรถก็เหมือนพาสปอร์ตคน ต้องมีการสแตมป์ประทับตรา ขาเข้า ขาออก ส่วนรถที่ไม่มีมันมีวิธีการ แต่ไม่ได้เกี่ยวว่าต้องแปะสติกเกอร์

ตัว T จากขนส่งนะท่าน รถข้ามด่านมีทุกคัน กรมขนส่งให้มา

สติกเกอร์ถูกกฎหมายแต่เอามาปั่นให้คนด่าได้ สุดยอดครับทั้งคนปั่นและคนเชื่อ

มันเป็นสติกเกอร์ผ่านแดนนี่ครับ

เป็นเหมือนพาสปอร์ตรถครับ สำหรับการขนสินค้ายากครับ ศุลกากรที่สะพานเขาคอยจับตาอย่างใกล้ชิดครับ ปรับหนักมาก

สติ๊กเกอร์อันนี้จะได้คู่กับสมุดประจำรถผ่านแดนครับ ปกติรถบรรทุกป้ายสาธารณะจะเป็นสีเขียว

ไปศึกษามาเยอะๆ

ท่านไม่รู้หรือแกล้งครับ

ตัวนี้ติดปกตินะครับ สำหรับรถขับออกต่างประเทศ

ถ้าขับรถไปลาวคือต้องติดค่ะ แต่ต้องใช้พาสปอร์ตรถตอนข้ามแดนอยู่ดี อันนี้สำหรับรถส่วนบุคคลทั่วไปนะคะ เพิ่งขับรถไปลาวมาค่ะ

‘พงศ์พรหม’ ชื่นชม!! ‘เอกนัฏ-อรรถวิชญ์-ฐิติภัสร์’ ในการสืบสวน อุตสาหกรรมก่อสร้าง เดินหน้าปราบ!! คอร์รัปชั่น แก้ปัญหาการผูกขาด รบกับอภิสิทธิ์ชนที่โกงชาติ เพื่อปชช.

(7 เม.ย. 68) นายพงศ์พรหม ยามะรัต นักธุรกิจด้านเทคโนโลยี และอดีตรองหัวหน้าพรรคกล้า ได้โพสต์เฟซบุ๊กเกี่ยวกับ การสืบสวนความผิดปกติของอุตสาหกรรมการก่อสร้าง โดยได้ระบุว่า ...

การสืบสวนความผิดปกติของอุตสาหกรรมการก่อสร้างรอบนี้ ต้องยกเครดิตให้คุณเอกนัฏ พร้อมพันธุ์ คุณโอ๋ และคุณเอ๋ (อรรถวิชญ์)
ผมรู้จักคุณเอ๋ส่วนตัว แต่อีก 2 ท่าน ผมไม่รู้จักอะไรส่วนตัวเลย และเลือกตั้งรอบที่ผ่านมาผมก็ไม่ได้เลือก รทสช.ด้วย

แต่วิกฤติรอบนี้ สร้าง “ตัวจริง” ให้แจ้งเกิดได้อย่างงดงามในฝั่ง “ขวาปฏิรูป”
ขอชื่นชมมากๆ แทนสังคมไทย

และฝากพรรคฝั่งขวา เช่นประชาธิปัตย์ พลังประชารัฐ ภูมิใจไทย (ปี 66 ผมไม่ได้เลือก 3 พรรคนี้เช่นกัน) ศึกษาการทำงานโดยเอาผลประโยชน์ประชาชนเป็นหลักของคน 3 คนนี้ไว้ 
พรรคฝั่งขวาจะโตได้ ต้องมีเป้าหมายเป็นการแก้ปัญหาให้ประชาชนเป็นตัวตั้ง เหมือนที่ในหลวงทุกรัชกาลท่านพูดไว้เสมอ

พรรคก้าวไกลเขาได้รับความนิยมสูงมาก ไม่ใช่เพราะประชาชนอยากล้มเจ้า
แต่พรรคก้าวไกลเขามี 1 อุดมการณ์ที่ผมก็ชื่นชม คือการรบกับการคอร์รัปชั่น รบการผูกขาด รบอภิสิทธิ์ชนที่โกงชาติอย่างเป็นล่ำเป็นสัน

ไม่ใช่สักแต่พูดว่ารักเจ้าไปเรื่อย แต่ผูกตัวเองกับระบบสูบเลือด สูบเนื้อประเทศชาติจนเสียหายแบบพรรคฝ่ายขวาส่วนใหญ่
เราจึงเห็น 2 พรรคฝ่ายขวาที่คนเค้าไม่เอาแล้ว ทั้งที่ประชาชนเคยนิยม ได้แก่พรรคพลังประชารัฐ และพรรคประชาธิปัตย์ ที่รอวันล่มสลาย หากไม่เปลี่ยนวิธีคิดตัวเอง

หากคุณเอกนัฏ คุณโอ๋ คุณเอ๋ ยัง keep pace นี้ได้ ให้ยาวจนจบรัฐบาล
แถม “สลัด” สมาชิกพรรคฝั่ง “โกงยับ” ที่มาเป็นกาฝากในพรรคได้
อนาคตคนกลุ่มนี้จะสดใสมากในการเมืองไทยครับ

‘ดร.รัชดา’ โพสต์เฟซ!! ‘ทักษิณ’ เป็นพ่อที่ใจร้าย เห็นแก่ความสุขสบาย ของตัวเอง ชี้!! ทำลายคุณค่าของลูกสาว เพิ่มความเอือมระอา เกลียดชัง สุดท้ายจะเหลืออะไร

(7 เม.ย. 68) ผู้ช่วยศาสตราจารย์ ดร.รัชดา ธนาดิเรก อดีตรองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ในรัฐบาลพลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา ได้โพสต์ข้อความโดยมีใจความว่า …

ไล่เลย ให้มันรู้กันไป #ไม่เอาคาสิโน

ทักษิณเป็นพ่อที่ใจร้ายและเห็นแก่ความสุขสบายของตัวเองเป็นที่ตั้ง ชอบอวดอหังการ์ แต่ละวันมีแต่ทำลายคุณค่าลูกสาว ลำพังลูกจะประคองตัวเองก็จะไม่ไหวอยู่แล้ว ได้พ่อมาเสริมเพิ่มความเอือมระอาเกลียดชังอย่างไม่แผ่วเช่นนี้ สุดท้ายจะเหลืออะไร

‘รวมไทยสร้างชาติ’ ยันสอยร่วง!! ร่างกม. นิรโทษกรรม ฉบับพรรคส้ม ภาคประชาชน ลั่น!! อยากให้สมานฉันท์ ประเทศไทยเดินหน้า แต่ไม่ขอล้างผิดให้ ‘คดี112 - คดีทุจริต’

(7 เม.ย. 68) นายวิชัย สุดสวาสดิ์ สส.ชุมพร และวิปรัฐบาลจากพรรครวมไทยสร้างชาติ ในฐานะผู้เสนอร่างพรบ.นิรโทษกรรมฯ ที่ใช้ชื่อว่า ร่างพรบ.สร้างเสริมสังคมสันติสุข พ.ศ. …. ที่จะมีการพิจารณาในที่ประชุมสภาฯ วันพุธที่ 9 เม.ย.นี้ต่อจากร่างพรบ.การประกอบธุรกิจสถานบันเทิงครบวงจรฯ เปิดเผยว่า มีคำยืนยันแล้วว่า สภาฯ จะพิจารณาร่างพรบ.นิรโทษกรรมฯ วันพุธที่ 9 เม.ย.นี้ต่อจากร่างพรบ.สถานบันเทิงครบวงจรฯ  ซึ่งร่างพรบ.นิรโทษกรรมที่เสนอเข้าสภาฯมา ที่เสนอมาสี่ร่างฉบับ จะมีเนื้อหาแตกต่างกัน แต่ในส่วนของร่างพรบ.นิรโทษกรรม ฯ ที่จะให้นิรโทษกรรมคดี 112 ด้วย ส.ส.รัฐบาลหลายคนไม่เห็นด้วย เราก็เข้าใจ น้องๆ นักศึกษาที่ถูกดำเนินคดี 112 แต่การจะให้ไปนิรโทษกรรม มันไกลเกินกว่าที่พวกเราจะตัดสินใจ

“ศาลรัฐธรรมนูญก็มีคำตัดสินเรื่องนี้มาแล้วสองครั้ง(คดีล้มล้างการปกครองฯ อดีตแกนนำม็อบสามนิ้ว กับคดียุบพรรคก้าวไกล) พวกเราส.ส.พรรครวมไทยสร้างชาติและส.ส.พรรคร่วมรัฐบาลที่แสดงท่าทีเรื่องนี้เช่น ภูมิใจไทย ก็ทำให้เราไม่อยากไปแตะตรงนั้น รวมถึงของเพื่อไทยเอง เท่าที่ได้ฟัง ก็ไม่เห็นด้วยที่จะให้รวมคดี 112 เข้ามาด้วยเพราะเรื่องให้นิรโทษกรรมคดี 112 หากไปดูตอนที่นายชัยธวัช จากพรรคก้าวไกลยื่นร่างเข้าสภาฯ ตอนนั้นศาลรัฐธรรมนูญยังไม่มีการชี้เรื่อง 112 ในคดียุบพรรคก้าวไกลออกมา  เมื่อตอนนี้ศาลชี้ออกมาแล้ว ก็ต้องเคารพศาลรัฐธรรมนูญ”

เมื่อถามว่าในการโหวตวาระแรก หลังอภิปรายเสร็จสิ้นแล้ว การโหวตจะโหวตอย่างไร เพราะมีเสนอเข้าไปสี่ฉบับ จะโหวตเห็นชอบทีละฉบับหรือไม่ นายวิชัย กล่าวว่า คงต้องคุยกันในวิปรัฐบาลวันพุธนี้ก่อน แต่เท่าที่เคยคุยกัน พรรคร่วมรัฐบาล คงจะให้นำร่างพรบ.สร้างเสริมสังคมสันติสุขฯ ของพรรครวมไทยสร้างชาติ เป็นร่างหลักในการพิจารณาของคณะกรรมาธิการวิสามัญฯ ที่จะตั้งขึ้น หลังผ่านวาระแรก อันนี้คือที่ได้รับแจ้งมา

“เรื่องการโหวตร่างพรบ.นิรโทษกรรมทีละฉบับ อาจเป็นไปได้ การให้นิรโทษกรรมคดีการชุมนุมทางการเมือง เป็นเรื่องที่ต้องยอมรับว่าประเทศไทยที่ผ่านมา มีความเห็นแตกต่างในเรื่องการแสดงออกทางการเมืองเป็นเวลายี่สิบกว่าปีแล้ว ประเทศไทยถึงเวลาแล้วที่ต้องละลายเรื่องสีเสื้อ เพื่อกลับมาสร้างความปรองดองสมานฉันท์ เพื่อนำพาประเทศไทยให้เดินไปได้ และเรื่องนี้ก็เป็นนโยบายรัฐบาลในเรื่องการสร้างปรองดอง ผมคิดว่าส.ส.ทุกคน อยากให้ประเทศไทยเดินหน้าภายใต้ความปรองดองสมานฉันท์ เรื่องการออกกฎหมายนิรโทษกรรม ส.ส.หลายคน ทั้งจากรัฐบาลและฝ่ายค้าน ที่ได้นั่งคุยกัน  ต่างก็เห็นด้วยกับการให้ออกกฎหมาย ในส่วนของพรรครวมไทยสร้างชาติที่ผมกับคณะ ยื่นเข้าไป มีเนื้อหาคือไม่ให้นิรโทษกรรมคดี 112 รวมถึงคดีทุจริต”

‘ภูมิใจไทย’ ครบรอบ 17 ปี เปิดตัวโลโก้ใหม่สีน้ำเงินล้วน พร้อมสโลแกน ‘เดินหน้าการเมือง สันติสามัคคี เทิดทูนสถาบัน’

(6 เม.ย. 68) พรรคภูมิใจไทย (ภท.) จัดงานฉลองครบรอบวันก่อตั้งพรรคครบ 17 ปี อย่างยิ่งใหญ่ ภายใต้การนำของนายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรี และหัวหน้าพรรคภูมิใจไทย พร้อมด้วยคณะกรรมการบริหารพรรค และสมาชิกพรรคที่มาร่วมพิธีทางศาสนาและการเปิดตัวโลโก้ใหม่ของพรรค ซึ่งเปลี่ยนเป็นสีน้ำเงินล้วน สื่อถึงความสงบ สันติ และความเข้มแข็งตามอุดมการณ์ของพรรค

โดยมีการจัดกิจกรรมพิธีทำบุญทางศาสนาพุทธและอิสลาม พร้อมด้วยการประชุมใหญ่สามัญประจำปี 2568 ซึ่งมีกระแสการเปลี่ยนโลโก้และสัญลักษณ์ของพรรคเป็นสีน้ำเงินทั้งหมด เพื่อสะท้อนถึงแนวทางการดำเนินการทางการเมืองที่ยึดมั่นในวิถีของความเป็นไทยและความจงรักภักดีต่อสถาบันสำคัญของชาติ

"เดินหน้าการเมือง สันติสามัคคี เทิดทูนสถาบัน" เป็นสโลแกนใหม่ที่พรรคภูมิใจไทยยึดถือในการพัฒนาการเมืองไทยให้มั่นคงและยั่งยืนในระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์เป็นประมุข โดยนายอนุทิน ชาญวีรกูล กล่าวถึงความสำคัญของการเปลี่ยนแปลงครั้งนี้ว่า สีน้ำเงินสะท้อนถึงความสงบ ความสามัคคี และความมั่นคง ซึ่งเป็นคุณลักษณะสำคัญของพรรคที่มุ่งทำงานเพื่อประชาชน

ในโอกาสสำคัญนี้ ยังมีตัวแทนจากพรรคร่วมรัฐบาลหลายพรรค เช่น พรรคเพื่อไทย พรรคชาติไทยพัฒนา พรรคประชาธิปัตย์ มาร่วมแสดงความยินดีและให้กำลังใจพรรคภูมิใจไทยในการพัฒนาและเติบโตทางการเมือง รวมถึงการส่งเสริมสันติสุขในสังคมไทย

นายอนุทิน ชาญวีรกูล ยืนยันว่า การเปลี่ยนโลโก้และสโลแกนของพรรคในครั้งนี้ จะเป็นการยกระดับการทำงานของพรรคภูมิใจไทยให้เติบโตอย่างมั่นคง และยังคงยึดมั่นในอุดมการณ์ที่ไม่เปลี่ยนแปลง เช่น ความจงรักภักดีต่อสถาบัน และการทำงานเพื่อประโยชน์สูงสุดของประชาชน

การเปลี่ยนแปลงครั้งนี้ถือเป็นสัญลักษณ์สำคัญในการก้าวเข้าสู่บทบาทที่สำคัญของพรรคภูมิใจไทยในการก้าวไปข้างหน้าและเติบโตในสังคมการเมืองไทยอย่างมั่นคงและเป็นสถาบันที่ได้รับการยอมรับจากประชาชนและสังคมโดยรวม

‘ปราชญ์ สามสี’ ย้อนรอยเครือข่าย ‘พอล แชมเบอร์-ตั๋วปารีส’ ชี้!! การถูกจับด้วย ม.112 คือจุดจบของเกมที่คนเหล่านี้เริ่มไว้

เมื่อวานนี้ (4 เม.ย. 68) เพจเฟซบุ๊ก 'ปราชญ์ สามสี' ได้โพสต์ข้อความระบุว่า…

ย้อนรอยไม่ลืม — จากข้อมูลเครือข่าย ‘ตั๋วปารีส’ สู่วันที่คนเหล่านี้โดนจับ
โดย ป.สามสี

นี่ไม่ใช่เรื่องใหม่ แต่คือ ‘เรื่องเก่า’ ที่ข้าพเจ้าและอีกหลายคนเคยพูด เคยเตือน และเคยเขียนไว้แล้วนับตั้งแต่หลายปีก่อน

ชื่อของ Paul Wesley Chambers และเครือข่ายนักวิชาการต่างชาติ-ไทย ที่สนิทชิดเชื้อกับ ‘ปวิน ชัชวาลพงศ์พันธ์’ ไม่ได้โผล่มาแบบไร้ร่องรอย แต่มีประวัติปรากฏชัดเจนในฐานข้อมูลสาธารณะและแหล่งทุนต่างชาติหลายแห่ง

พวกเขาคือขบวนการที่อ้างชื่อวิชาการ แต่แฝงไว้ด้วยแนวคิดแทรกแซงประเทศ ใช้วาทกรรมเสรีนิยมครอบสังคมไทยด้วยการบิดเบือนประวัติศาสตร์ชาติ บั่นทอนสถาบันหลัก และสร้างภาพจำแบบตะวันตกให้กับคนรุ่นใหม่ผ่านหนังสือ บทความ สัมมนา และทุนสนับสนุนจากองค์กรต่างชาติ

ในปี 2564 ชื่อของเขาถูกบันทึกไว้ว่าเป็นหนึ่งในผู้ได้รับทุนจาก Taiwan Foundation for Democracy เพื่อผลิตผลงานในเครือข่าย Milk Tea Alliance ซึ่งเราเคยชี้ไว้แล้วว่านี่คือกลไกแทรกแซงทางวัฒนธรรมและอุดมการณ์ ที่แฝงตัวอยู่ในวงวิชาการอาเซียน

และวันนี้ — ปี 2568 — ความจริงที่เคยถูกมองข้ามก็ย้อนกลับมาทวงถาม
เมื่อข่าวออกมาว่า หนึ่งในบุคคลที่เคยได้รับการกล่าวถึงในข้อมูลนี้ ถูก เจ้าหน้าที่ไทยควบคุมตัว และ ตรวจสอบสถานะการพำนัก-การทำงานในประเทศ โดยมีหลักฐานเชื่อมโยงทั้งทางเครือข่าย ทุนต่างชาติ และกิจกรรมที่ไม่สอดคล้องกับวัตถุประสงค์ของวีซ่า

นี่จึงไม่ใช่เรื่องน่าตกใจสำหรับผู้ติดตาม ‘ขบวนการตั๋วปารีส’ และพฤติกรรมแทรกแซงของนักวิชาการข้ามชาติ แต่เป็นเพียง ‘จุดจบของเกม’ ที่คนพวกนี้เริ่มเล่นไว้นานแล้ว

สิ่งที่น่าคิดคือ… ทำไมหน่วยงานไทยเพิ่ง ‘กล้าจับ’ ในวันนี้? หรือว่าวันนี้ เราเริ่มตาสว่างและเลิกกลัวเสียงจากต่างชาติแล้วจริง ๆ

เรื่องนี้ไม่ใช่บทสรุปของการต่อสู้ทางความคิด — แต่มันคือเครื่องเตือนใจว่า หากเราไม่เฝ้าระวัง สิ่งที่เรียกว่า ‘วิชาการ’ อาจกลายเป็นอาวุธที่ย้อนกลับมาทำลายชาติเราเอง

นอกจากนี้ ยังได้แชร์โพสต์ที่ทางเพจเคยโพสต์ไว้เมื่อ 17 ส.ค. 66 ที่ระบุว่า…

เรามารื้อเครือข่ายอาจารย์ ในเครือข่าย #ตั๋วปารีส ที่สนิท ชิดเชื้อ ปวิน กันมั่งดีกว่า 
พอล แชมเบอร์ (Dr. Paul Wesley Chambers)

-อาจารย์ประจำสถานประชาคมอาเซียนศึกษา คณะสังคมศาสตร์ มหาวิทยาลัยนเรศวร
-นักวิจัยในสังกัด Peace Research Institute Frankfurt (PRIF)
-เกิดที่เมืองนอร์แมน รัฐโอกลาโฮมา สหรัฐฯ
-จบการศึกษาปริญญาเอกจากคณะ Southeast Asian Studies and Political Science มหาวิทยาลัย Northern Illinois University

-อดีตผู้ช่วยอาจารย์มหาวิทยาลัย Northern Illinois University
-เคยทำงานให้กับ Cambodian Institute for Cooperation and Peace
-อดีตผู้อำนวยการฝ่ายการวิจัย Institute of South East Asian Affairs (ISEAS) - Yusof Ishak Institute องค์กร Think Tank ประเทศสิงคโปร์
-อดีตเจ้าหน้าที่ Peace Corps หน่วยงานในสังกัดรัฐบาลสหรัฐฯ

นายพอล แชมเบอร์ เคลื่อนไหวในรูปแบบของนักวิชาการ ร่วมกับเครือข่ายที่ได้รับการสนับสนุนจากต่างประเทศ มีข้อมูลสายสัมพันธ์เชื่อมโยงกับบุคคลและเครือข่ายของ National Endowment for Democracy (NED) คือนายฐิตินันท์ พงษ์สุทธิรักษ์ นักวิชาการด้านความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ คณะรัฐศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย 

และเว็บไซต์ the101.world อีกทั้งยังมีความใกล้ชิดกับคนในขบวนการต่อต้านสถาบันฯ หลายคน เช่น นาย เซอฮัด อูนาลดิ (Serhat Ünaldi) มหาวิทยาลัยฮุมโบลด์แห่งเบอร์ลิน.  ผู้เขียนหนังสือ Working towards the Monarchy: The Politics of Space in Downtown Bangkok

นายเดวิด สเตร็คฟัสส์ (David Streckfuss) นายเคลาดิโอ โซปรานเซ็ตติ (Claudio Sopranzetti) นายชาญวิทย์ เกษตรศิริ และนายปวิน ชัชวาลพงศ์พันธ์ ผู้เขียนหนังสือ Coup, King, Crisis: A Critical Interregnum in Thailand (Southeast Asia Studies Monographs), ASEAN-U.S. Relations: What Are the Talking Points, มนุษย์ต่างด้าว, การทูตทักษิณ, Love and Death of King Ananda Mahidol of Thailand เป็นต้น

แล้วถึงแม้ว่านายพอลจะเป็นอดีตผู้อำนวยการฝ่ายการวิจัย ISEAS แต่เมื่อเดือนกันยายน 2565 นายพอลก็ยังเขียนบทความเกี่ยวการเมืองไทยให้กับ ISEAS (บริหารโดย Choi Shing Kwok อดีตผอ.ข่าวกรองฯ กระทรวงกลาโหมสิงคโปร์) และเดือนกรกฎาคม 2564 นายพอลเป็น 1 ใน 4 คณะอาจารย์มหาวิทยาลัยนเรศวร ที่ได้รับทุนจาก The Taiwan Foundation for Democracy (NGO ในเครือพันธมิตร NED ของไต้หวัน) สำหรับงานวิจัย ‘Strengthening the Milk Tea Alliance: Building Democracy and Freedom through Film and Discussion’

จะเห็นได้ว่า เครือข่ายอาจารย์ทั้งไทยและต่างชาติที่ไปปรากฏตัวที่ปารีส ส่วนใหญ่ เกี่ยวข้องกับการจัดตั้งขบวนการ พันธมิตรชานม ที่เข้าแทรกแซง เอเชียตะวันออกเฉียงใต้นั้นเอง

ตัวนาย พอล แชมเบอร์ เข้าใจว่า ที่อยู่ในไทยได้เพราะได้รับการสนับสนุน จาก อาจารย์บางท่าน ใน ม.นเรศวร ให้การสนับสนุน ให้ข้าวให้น้ำมากเลยทีเดียว ไม่รู้เป็นไรกันน่อ…

เรื่อง : ปราชญ์ สามสี

‘พอล แชมเบอร์’ นักวิชาการชื่อดัง ม.นเรศวร ถูกจับข้อหา ม.112 หลังกองทัพภาคที่ 3 เข้าแจ้งความ ฐานหมิ่นสถาบันฯ

(4 เม.ย.68) นายสุณัย ผาสุข ที่ปรึกษาองค์กรฮิวแมนไรท์ วอทช์ ประจำประเทศไทย เปิดเผยว่า เจ้าหน้าที่ตำรวจ ได้จับกุม นายพอล แชมเบอร์ส นักวิชาการชื่อดัง สังกัด ม.นเรศวร โดยระบุว่า...

“ด่วน! จับนักวิชาการต่างชาติข้อหา #ม112 ตำรวจบุกจับ ‘ดร. พอล แชมเบอร์ส’ นักวิชาการชื่อดังด้านไทยศึกษา สังกัดมหาวิทยาลัยนเรศวร ระบุมีหมายจับจากศาลพิษณุโลก ฐานหมิ่นสถาบันกษัตริย์ โดยกองทัพภาคสามเป็นผู้แจ้งความ … นี่เรามีรัฐบาลพลเรือนที่เป็นสมาชิกคณะมนตรีสิทธิมนุษยชนยูเอ็นจริงๆ ใช่มั้ย”

ขณะที่ นายเชตวัน เตือประโคน ส.ส.ปทุมธานี พรรคประชาชน โพสต์ข้อความว่า “พอล แชมเบอร์ส หนึ่งในนักวิชาการชาวต่างชาติ ม.นเรศวร ที่ศึกษาเรื่องทหารไทยและการเมืองเมืองไทยมากที่สุดคนหนึ่งถูกจับข้อหา ป.อาญา ม.112 ซึ่งคดีนี้แจ้งความโดย กองทัพภาค 3

เราอยู่ในรัฐบาลประชาธิปไตยจริงเหรอ? นี่คือรัฐบาลพลเรือนที้มาจากการเลือกตั้งของประชาชนจริงเหรอ? ทหารอยู่ภายใต้รัฐบาลพลเรือนจริงเหรอ?

เมื่อวานก็จับมือเผด็จการทหารพม่า วันนี้ก็มีนักวิชาการถูกจับกุม

สิทธิมนุษยชนไม่สนใจ เสรีภาพทางวิชาการถูกย่ำยีป่นปี้หมดแล้วครับ”

สำหรับ ดร. พอล แชมเบอร์ เป็นนักวิชาการด้านรัฐศาสตร์ที่มีชื่อเสียง โดยเฉพาะในเรื่องความสัมพันธ์ระหว่างทหารและพลเรือนในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ปัจจุบันดำรงตำแหน่งอาจารย์และที่ปรึกษาพิเศษด้านกิจการต่างประเทศ ของ Center of ASEAN Community Studies คณะสังคมศาสตร์ มหาวิทยาลัยนเรศวร

พอล แชมเบอร์ มีผลงานเป็นหนังสือและบทความในวารสารวิชาการจำนวนมาก โดย งานเขียนส่วนใหญ่ ให้ความสำคัญกับการศึกษาบทบาทของกองทัพในประเทศไทย โดยเฉพาะเรื่องอำนาจและอิทธิพลทางการเมือง

ทั้งนี้ งานของพอล แชมเบอร์ เป็นส่วนสำคัญในการทำความเข้าใจบทบาทของกองทัพไทยตลอดประวัติศาสตร์ที่ผ่านมา ชี้ให้เห็นถึงโครงสร้างอำนาจและความสัมพันธ์ระหว่างทหารกับพลเรือนในประเทศไทย ซึ่งยังคงเป็นประเด็นสำคัญที่ส่งผลต่อพัฒนาการทางการเมืองของประเทศ ตลอดจนแนวโน้มในอนาคตของบทบาททางการเมืองของทหารในสังคมไทย

เปิดชื่อ ‘189 อดีตสว.’ แถลงต้านรัฐบาลดัน ‘กม.กาสิโน’ พร้อมกาง 6 ข้อเตือน ชี้! ไม้ขีดก้านเดียวทำไฟไหม้บ้านพินาศได้

เปิดชื่อ"189 อดีตสว." แถลงต้านรัฐบาลดัน "กม.กาสิโน" กาง 6 ข้อเตือน! ไม้ขีดก้านเดียวทำไฟไหม้บ้านพินาศ
(3 เม.ย. 68) ผู้สื่อข่าวรายงานว่า กลุ่มอดีตสมาชิกวุฒิสภา (สว.) จำนวน 189 คน ออกแถลงการณ์กรณีที่รัฐบาลเร่งรีบบรรจุวาระร่างพระราชบัญญัติการประกอบธุรกิจสถานบันเทิงครบวงจร ในการประชุมสภาผู้แทนราษฎร โดยระบุว่า

คำแถลงของอดีตสมาชิกวุฒิสภา (สว.) เรียนประธานรัฐสภา หัวหน้าพรรคการเมือง และพี่น้องประชาชนไทย เรื่องคัดค้านร่าง พ.ร.บ.สถานบันเทิงครบวงจร และร่างกฎหมายการพนันออนไลน์ มีเนื้อหาดังนี้

ข้าพเจ้า อดีตสมาชิกวุฒิสภา ตามรายชื่อที่ปรากฏข้างท้ายนี้ ขอแถลงว่า ในฐานะประชาชนที่มีความห่วงใยประเทศชาติ และในฐานะผู้เคยทำหน้าที่นิติบัญญัติแห่งรัฐสภา มีความเห็นร่วมกันว่าร่างกฎหมายสถานบันเทิงครบวงจร (Entertainment Complex) และร่างกฎหมายการพนันออนไลน์ ที่จะนำเข้าสู่การรับรองของสภาผู้แทนราษฎร ในระยะใกล้นี้ จะเป็นหายนะภัยอย่างยิ่งต่อประเทศชาติ ประชาชน และต่ออนาคตของลูกหลานคนไทยทั้งปวง เราขอแสดงทัศนะ ดังนี้

1.กาสิโนและการพนัน ไม่ใช่นโยบายที่พรรคร่วมรัฐบาลเคยประกาศรณรงค์ ในการเลือกตั้งครั้งที่ผ่านมา แต่เป็นโครงการงอกขึ้นมาใหม่แบบผิดปกติ ซึ่งรัฐบาลกลับเห็นเป็นเรื่องเร่งด่วนและสำคัญ โดยจะเร่งนำเข้าสู่การประชุมสภาผู้แทนราษฎรให้ทันก่อนปิดสมัยการประชุมสภา ในวันที่ 10 เมษายน 2568 ทั้ง ๆ ที่เป็นเรื่องรอได้ เมื่อเทียบกับปรากฏการณ์แผ่นดินไหว เมื่อ 28 มีนาคม 2568 ที่ประชาชนทั้งประเทศตระหนกตกใจ และเรียกหามาตรการป้องกันภัยพิบัติในอนาคตอย่างเร่งด่วน แต่กลับไม่ได้รับความใส่ใจจากรัฐบาล

2.ข้ออ้างของรัฐบาล เรื่องจะใช้พื้นที่สำหรับกาสิโนเพียง 10 เปอร์เซ็นต์เท่านั้น ถือว่าไม่มีเหตุผลเพียงพอ เพราะกาสิโนมีฤทธิ์แรงร้ายที่ทำลายทุกสิ่งทุกอย่าง ไม้ขีดก้านเดียวทำให้ไฟไหม้บ้านพินาศทั้งหลังได้ การพนันออนไลน์ไม่ต้องมีพื้นที่ทางกายภาพแม้เพียงตารางนิ้วเดียว แต่ทำให้เหยื่อสิ้นเนื้อประดาตัวได้ เชื้อมะเร็งที่ปอดขนาดเท่าเม็ดถั่วเขียว แต่ก็ลุกลามทำลายร่างกายให้เจ็บและเสียชีวิตได้ พื้นที่มากน้อยจึงไม่สำคัญเท่าพิษสงของการพนัน
3.อำนาจการพิจารณาอนุญาตและการบริหารจัดการในรายละเอียด เช่น การกำหนดพื้นที่และสัดส่วน หลักเกณฑ์การควบคุมป้องกันอบายมุขอื่นๆ การเก็บภาษี การยกเลิกกฎหมายและกฎระเบียบ ค่าธรรมเนียมในอนาคต การตรวจสอบถ่วงดุล ฯลฯ เหมือนโอนลอยอำนาจไปอยู่ในมือของคณะกรรมการนโยบายที่เปิดทาง และเอื้อประโยชน์ให้กับผู้มีอำนาจ ทุจริตได้อย่างไร้ขอบเขตทำให้ไม่สามารถวางใจได้ว่าโครงการจะดำเนินไปอย่างโปร่งใสสุจริต มาตรฐานการป้องกันและตรวจสอบการทุจริตของไทยนั้น ไม่อาจเทียบได้เลยกับสิงคโปร์ ดังที่รับทราบกันโดยทั่วไปอยู่แล้ว

4.โครงการการพนันครบวงจรตามกฎหมายสองฉบับนี้ ไม่สามารถสร้างเม็ดเงินทางเศรษฐกิจได้จริงตามที่กล่าวอ้างสำนักงานพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (ศสช.) ชี้ไว้แล้วว่า การพนันไม่ได้มีผลต่อการเพิ่มขึ้นของ GDP เพราะปราศจากการผลิตใดๆ เป็นเพียงการย้ายเงินจากมือคนหนึ่งไปสู่มืออีกคนหนึ่งเท่านั้น การพนันจึงเป็นกิจกรรมเสี่ยง ที่สร้างนักพนันเสพติด ทำให้คนเล่นหรือเหยื่อหมดเนื้อหมดตัว มีแต่เจ้ามือที่ร่ำรวย ใครเล่นได้ก็เล่นซ้ำ เพราะอยากได้เพิ่ม คนเล่นเสียก็เล่นซ้ำเพราะต้องการ ทวงคืนไม่มีนักพนันคนไหนมั่งคั่งขึ้นมาจากการพนัน ตรงกันข้ามกลับต้องเป็นหนี้ ต้องขายทรัพย์สิน แม้แต่ต้องฆ่าตัวตายเพื่อหนีหนี้

5.แหล่งกาสิโนและการพนันออนไลน์ คือ ที่รวมของการฉ้อฉลคดโกงทั้งปวง เช่น คอลเซนเตอร์ นักหลอกลวงให้ลงทุน (Scammer)  อาชญากรข้ามชาติ ยาเสพติด ค้ามนุษย์ ค้าประเวณี โจร นักตีชิงวิ่งราว และเป็นแหล่งเพาะอบายมุขทั้งปวง ที่ชุมนุมกันอยู่ตามบ่อนชายแดนให้รู้เห็น กันโดยทั่วไป แล้วถึงขั้น รัฐบาลต้องตัดไฟ ตัดการสื่อสาร ตัดการส่งพลังงาน แล้วเหตุใดรัฐบาลยังไม่ตระหนักถึงมหันตภัยเหล่านี้

6.กาสิโนไม่ได้ทำให้ประเทศร่ำรวยจริงตามคำโฆษณาของรัฐบาล ฟิลิปปินส์มีกาสิโน 50 แห่ง นับตั้งแต่ 50 ปีก่อน อีก 3 ประเทศ เริ่มมีกาสิโนตั้งแต่ 30 ปีก่อน คือ เมียนมามี 230 แห่ง ลาวมี 2 แห่ง กัมพูชามี 150 แห่ง ถ้ากาสิโนทำให้ประเทศมั่งคั่งขึ้นมาจริง ผู้คนในประเทศเพื่อนบ้านนับแสนนับล้านคน ทำไมต้องอพยพมาทำงานในประเทศไทย นักพนันมีแต่อนาคตที่จะวิบัติสถานเดียว ดังที่ล้นเกล้าฯ รัชกาลที่ 5 ทรงมีพระราชหัตถเลขาถึงสมเด็จกรมพระยาดำรงราชานุภาพ เมื่อ 100 กว่าปีล่วงมาแล้ว ว่า "ข้อที่เข้าใจกันว่าเล่นไม่สนุกนั้นไม่จริงเลย สนุกยิ่งกว่าอะไรๆ หมด ถ้าชาวบางกอกรู้ ได้ไปเล่นแล้ว ฉิบหายกันไม่เหลือ ถ้าหากไปถึงเมืองเราเข้าเมื่อไร จะรอช้าสักวันเดียวก็ไม่ควร ต้องห้ามทันที"

ถ้ารัฐบาลเห็นว่า คนไทยทั้งประเทศสมควรตกเป็นทาสการพนัน ที่จะเสียไร่ เสียนา เสียรถ เสียทรัพย์สิน ครอบครัวพินาศ สังคมเสื่อมทราม ก็จงเดินหน้าต่อไป แต่ถ้ารัฐบาลตระหนักถึงบาปบุญ คุณโทษ ที่คนรุ่นหลังจะต้องเผชิญกับมรดกบาปของแผ่นดิน ก็จงน้อมรับพระราชปณิธานของพระพุทธเจ้าหลวงใส่เกล้าใส่กระหม่อมฯ ด้วยการถอนกฎหมาย ทั้ง 2 ฉบับ ออกไปโดยเร็วเถิด

ด้วยจิตคารวะและปรารถนาดี ลงชื่อ :

1. พล ต.อ.ประทิน สันติประภพ (สว.2543)
2. รศ.ดร.เจิมศักดิ์ ปิ่นทอง (สว.2543)
3. พญ.มาลินี สุขเวชชวรกิจ (สว.2543)
4. สมชาย แสวงการ (สว.2551,2554,2562)
5. รศ.แก้วสรร อติโพธิ (สว.2543)
6. ขวัญสรวง อติโพธิ (สว.2549)
7. ประสาร มฤคพิทักษ์ (สว.2551,2554)
8. พิกุลแก้ว ไกรฤกษ์ (สว.2551,2562)
9. มาลีรัตน์ แก้วก่า (สว.2543)
10.นพ.พลเดช ปิ่นประทีป (สว.2562)

11.สมชาย เสียงหลาย (สว.2562)
12.ดิเรกฤทธิ์ เจนครองธรรม (สว.2562)
13.วัลลภ ตังคณานุรักษ์ (สว.2539,2543,2562)
14.คุณหญิง พรทิพย์ โรจนสุนันท์ (สว.2562)
15.วรารัตน์ อติแพทย์ (สว.2562)
16.นส. รสนา โตสิตระกูล (สว.2549,2551)
17.พลเอก วลิต โรจนภักดี (สว.2562)
18.สุนี  จึงวิโรจน์ (สว.2562)
19.พล.ต.ต.พิสิษฐ์ เปาอินทร์ (สว.2562)
20.จินตนา ชัยยวรรณาการ (สว.2562)

21.กำพล เลิศเกียรติดำรงค์ (สว.2562)
22.รณวฤทธิ์ ปริยฉัตรตระกูล (สว.2562)
23.รศ ดร.ศักดิ์ไทย สุรกิจบวร (สว.2562)
24.พลเอก มารุต ปัชโชตะสิงห์ (สว.2562)
25.ผศ ดร. สมเกียรติ อ่อนวิมล (สว.2543)
26.รศ พญ พรพันธุ์ บุญรัตพันธุ์ (สว.2551,2554)
27. พลเอก สิงห์ศึก สิงห์ไพร (สว.2562)*
28. พิไลพรรณ สมบัติศิริ (สว.2554)
29.วิชัย ทิตตภักดี (สว.2562)
30.กอบกุล อาภากรณ์ ณ อยุธยา (สว.2562)

31.กิตติศักดิ์ รัตนวราหะ (สว.2562)
32.ประดิษฐ์ เหลืองอร่าม (สว.2562)
33.คำนูณ สิทธิสมาน (สว.2551, 2554, 2562)
34.จิรชัย มูลทองโร่ย (สว.2562)
35.นพ.ทวีวงษ์ จุลกมนตรี (สว.2562)
36.พิชัย ขำเพชร (สว.2543)
37.วีระพล วัชรประทีป (สว.2543)
38.จัตุรงค์ เสริมสุข (สว.2562)
39.ศ.พิเศษ กาญจนารัตน์ ลีวิโรจน์ (สว.2562)
40.หม่อมหลวงปนัดดา ดิศกุล (สว.2562)

41.จรินทร์ จักกะพาก (สว.2562)
42.ทพ. อนุศักดิ์ คงมาลัย (สว.2551,2562)
43.ประพันธ์ คูณมี (สว.2562)
44.อภิรดี ตันตราภรณ์ (สว.2562)
45.บรรชา พงศ์อายุกูร (สว.2551,2562)
46.อนุมัติ อาหมัด (สว.2562)
47.เพ็ญพักตร์ ศรีทอง (สว.2562)
48.อำพล จินดาวัฒนะ (สว.2562)
49.ถาวร เทพวิมลเพชรกุล) (สว.2562)
50.จเด็จ อินสว่าง (สว.2562)

51.พลเอก สราวุฒิ ชลออยู่ (สว.2562)
52.วงศ์สยาม เพ็งพานิชภักดี (สว.2562)
53.มหรรณพ เดชวิทักษ์ (สว.2554,2562)
54.เสรี สุวรรณภานนท์ (สว.2562)
55.วิทวัส บุญญสถิตย์ (สว.2551,2554)
56.มีชัย วีระไวทยะ (สว.2543)
57.พล ต.ต.วีระ อนันตกูล (สว.2543)
58.ถาวร เกียรติไชยากร (สว.2543)
59. สุวัฒน์ จิราพันธุ์ (สว.2562)
60.ชาญวิทย์ ผลชีวิน (สว.2562)

61.พลเอก จีระศักดิ์ ชมประสพ (สว.2562)
62.ศ.พิเศษ พรเพชร วิชิตชลชัย (สว.2562)*
63.ถวิล เปลี่ยนศรี (สว.2562)
64.จารุพงศ์ จีนาพันธ์ (สว.2554)
65.พล.ต.อ. ชัชวาลย์ สุขสมจิตร (สว.2562)
66. พลเอก สมเจตน์ บุญถนอม (สว.2554,2562)
67. รศ ดร. ทัศนา บุญทอง (สว.2551 /2554)*
68.พลเอก สำเริง ศิวาดำรงค์ (สว.2562)
69.วิบูลย์ลักษณ์ ร่วมรักษ์ (สว.2562)
70.พลเอก ธีรเดช มีเพียร (สว.2522,2554,2562)*

71.วิทยา ผิวผ่อง (สว.2562)
72.นพ. เจตน์ ศิรธรานนท์  (สว.2551,2554,2562)
73. สุรชัย เลี้ยงบุญเลิศชัย (สว.2551,2554,2562)*
74. ยงยุทธ สาระสมบัติ (สว.2539, 2562)
75. ดวงพร รอดพยาธิ์ (สว.2562)
76.ร.อ.ประยุทธ เสาวคนธ์ (สว.2562)
77. กีรณา สุมาวงศ์ (สว.2539,2551,2554)
78.พล.อ.ศุภรัตน์ พัฒนาวิสุทธิ์ (สว.2562)
79.พล.ต.ท.วิบูลย์ บางท่าไม้ (สว.2562)
80.ตวง อันทะไชย (สว.2551,2554,2562)

81. ฉวีรัตน์ เกษตรสุนทร (สว.2562) 
82.เตือนใจ ดีเทศน์ (สว.2543)
83.พล.อ.สุรศักดิ์ กาญจนรัตน์ (สว 2562)
84.พล.อ.อ.สุจินต์ แช่มช้อย (สว.2562)
85.สำราญ ครรชิต (สว.2562)
86.เนาวรัตน์ พงษ์ไพบูลย์ (สว.2562)
87.สมชาย ชาญณรงค์กุล (สว.2562)
88.ชลิต แก้วจินดา (สว.2562)
89 เชิดศักดิ์ จำปาเทศ (สว.2562)
90.ศรีศักดิ์ วัฒนพรมงคล (สว.2562)

91.บุญมี สุระโคตร (สว.2562)
92.ประยูร เหล่าสายเชื้อ (สว.2562)
93.พล.อ.ชูศักดิ์ เมฆสุวรรณ์ (สว.2562)
94. ธานี สุโชดายน (สว.2562)
95.ณรงค์ รัตนานุกูล (สว.2562)
96.พล.ร.ท.สนธยา น้อยฉายา (สว.2562)
97.สุวรรณี สิริเวชชะพันธ์ (สว.2562)
98. ปรีชา บัววิรัตน์เลิศ (สว.2562)
99.พล.อ.สกนธ์ สัจจานิตย์ (สว.2562)
100.ถาวร ลีนุตพงษ์ (สว.2551/2554)

101.พลเอก อกนิษฐ์ หมื่นสวัสดิ์ (สว.2562)
102.พลโท อำพน ชูประทุม (สว.2562)
103.พลเอก วสันต์ สุริยมงคล (สว.2562)
104.ศ.นพ.วิรัติ พาณิชย์พงษ์ (สว.2551,2554)
105.พลเอก ประสาท สุขเกษตร (สว.2562)
106.ถนัด มานะพันธุ์นิยม (สว.2562)
107.ดุสิต เขมะศักดิ์ชัย (สว.2562)
108.พลเอก ฉัตรชัย สาริกัลยะ (สว.2562)
109.รศ.ดร ประเสริฐ ปิ่นปฐมรัฐ (สว.2562)
110.พล.อ.อ.อดิศักดิ์ กลั่นเสนาะ (สว.2562)
111.พลเอก วีรัณ ฉันทศาสตร์โกศล (สว.2562)
112.สมพล พันธุ์มณี (สว.2554)
113.มรว.ปรียนันทนา รังสิต (สว.2551)
114.กิตติ วสีนนท์ (สว.2562)
115.พลเอก ปฐมพงศ์ ประถมภัฏ (สว.2562)
116.เฉลียว เกาะแก้ว (สว.2562)
117.พล.อ.วรพงษ์ สง่าเนตร (สว.2562)
118.พลอากาศเอก วีรวิท คงศักด์ ( สว.2551,2554)
119.ลักษณ์ วจนานวัช (สว.2562) 
120.พลเรือเอก พะจุณณ์ ตามประทีป (สว.2562)

121.พล.ร.อ.ศิษฐวัชร วงษ์สุวรรณ (สว.2554,2562)
122.วีระศักดิ์ ภูครองหิน (สว.2562)
123.ดาวน้อย สุทธินิภาพันธ์ (สว 2562)     
124.พล.ร.อ.อิทธิคมน์ ภมรสูต (สว.2562)
125.ปิยะพันธ์ นิมมานเหมินทร์ (สว.2554,2562)
126.เชิดศักดิ์ สันติวรวุฒิ (สว.2562)
127.พิเชต สุนทรพิพิธ (สว.2551,2554)
128.ณรงค์ อ่อนสะอาด (สว.2562)
129.พล.อ.สุนทร ขำคมกุล (สว.2562)
130.สุวพันธุ์ ตันยุวรรธนะ (สว.2562)

131.พลเอก ธงชัย สาระสุข (สว.2562)
132.พลเอก ฉัตรเฉลิม เฉลิมสุข (สว.2562)
133.พลเอก ไพชยนต์ ค้าทันเจริญ (สว.2562)
134.นิอาแซ ซีอุเซ็ง (สว.2562)
135.ภาณุ อุทัยรัตน์ (สว.2562)
136.วิรัตน์ เกสสมบูรณ์ (สว.2562)
137.พลเรือเอก ชัยวัฒน์ เอี่ยมสมุทร (สว.2562)
138.พลเอก สสิน ทองภักดี (สว.2562)
139.พล.อ.อาชาไนย ศรีสุข (สว.2562)
140.พล.อ.อ.ตรีทศ สนแจ้ง (สว.2562)

141.ดร.ภาณุวัฒน์ พันธุ์วิชาติกุล (สว.2562)
142.พล.อ.นิวัตร มีนะโยธิน (สว.2562)
143.พล.อ.อักษรา เกิดผล (สว.2562)
144.สมศักดิ์ โชติรัตนะศิริ (สว.2562)
145.พลเอก พล.อ.ชาตอุดม ติตถะสิริ (สว.2562)
146.พลเอก ทวีป เนตรนิยม (สว.2562)
147.พิศาล มาณวพัฒน์ (สว.2562) 
148.พลตำรวจโท พิสัณห์ จุลดิลก (สว.2562)
149.สมบูรณ์ ทองบุราณ (สว.2543)
150.วีระศักดิ์ โควสุรัตน์ (สว.2562)

151.พล.อ.สุรพงษ์ สุวรรณอัตถ์ (สว.2562) 
152.พล.ร.อ.กฐนิธ กิตติอำพน (สว.2562)
153.เพิ่มพงษ์ เชาวลิต (สว.2562)
154.พล.ร.อ.พัลลภ ตมิสานนท์ (สว.2562)
155.ศ.เกียรติคุณ ไกรสิทธิ์ ตันติศิรินทร์ (สว.2562)
156.รศ.นรีวรรณ จินตกานนท์ (สว.2554)
157.ไพโรจน์ พ่วงทอง (สว.2562)               
158.พล.อ.วินัย สร้างสุขดี (สว.2562)
159.นพ.เฉลิมชัย เครืองาม (สว.2554/2562)
160.พล.อ.ดนัย มีชูเวท (สว2562)

161.นพ.ณรงค์ สหเมธาพัฒน์ (สว.2562)
163.พล.อ.เกษมศักดิ์ ปลูกสวัสดิ์ (สว.2551)
164.พล.อ.สมหมาย เกาฏีระ (สว.2562 )
165.พล.อ.สุรเชษฐ์ ชัยวงศ์ (สว.2562)
166.นายอุดม  วรัญญูรัฐ (สว.2562)
167.พล.ต.มนูญกฤต รูปขจร (สว.2543)*
168.พล.ต.โอสถ ภาวิไล (สว.2562)
169.พล.อ.บุญธรรม โอริส (สว.2562)
170.อนุศาสน์ สุวรรณมงคล (สว.2551,2554,2562)

171.พล.ต.อ.สุนทร ซ้ายขวัญ (อดีต สว.2551)
172.วรวิทย์ วงษ์สุวรรณ (สว.2551)
173.พล.ต.ท.สานิตย์ มหถาวร (สว.2562)
174.นายประมาณ สว่างญาติ (สว.2562)
175.พล.อ.สมศักดิ์ นิลบรรเจิดกุล (สว.2562)
176.พล.อ.ธวัชชัย สมุทรสาคร (สว.2562)
177.นายอมร นิลเปรม (สว.42,สว.62)
178.ดิเรก ถึงฝั่ง (สว.2551)
179.บุญชัย โชควัฒนา (สว.2551,2554)
180.สุโข วุฑฒิโชติ (สว.2551)

181.เกียว แก้วสุทอ (สว.012 , 2562)
182.ปัญญา งานเลิศ (สว.2562)
183.นพ.เฉลิมชัย บุญยะลีพรรณ (สว.2562)
184.สุมล สุตะวิริยวัฒน์ (สว.2551)
185.สงคราม ชื่นภิบาล (สว.2551)
186.ประดิษฐ์ ตันวัฒนะพงษ์ (สว.2551)
187.พล.ร.อ.ณรงค์ พิพัฒนาศัย (สว.2562)
188.ทรงเดช เสมอคำ (สว.2562)
189.พล.ร.อ.นพดล โชคระดา (สว.2562)

ทั้งนี้ แถลงการณ์ของอดีต สว.ดังกล่าว มี 3 อดีตประธานวุฒิสภา 3 คน ร่วมลงชื่อ คือ พลตรีมนูญกฤต รูปขจร อดีตประธานวุฒิสภา ชุด 2543 , พลเอกธีรเดช มีเพียร อดีตประธานวุฒิสภา ชุด 2554 และ ศ.พิเศษ พรเพชร วิชิตชลชัย อดีตประธานวุฒิสภาชุด 2562
และอดีตรองประธานวุฒิสภา 3 คน ร่วมลงชื่อ คือ นายสุรชัย เลี้ยงบุญเลิศชัย อดีตรองประธานวุฒิสภา คนที่ 1 สมัย 2554 , รศ.ดร.ทัศนา บุญทอง อดีตรองประธานวุฒิสภา คนที่ 2 สมัย 2551 และ พล.อ.สิงห์ศึก สิงห์ไพร อดีตรองประธานวุฒิสภา คนที่ 1 สมัย 2562

นอกจากนี้ ยังมีอดีต สว.2539 ร่วมลงชื่อ อาทิ วัลลภ ตังคณานุรักษ์ , กีรณา สุมาวงศ์

อดีต สว.2543 ร่วมลงชื่อ อาทิ พล.ต.อ.ประทิน สันติประภพ ดร.สมเกียรติ อ่อนวิมล เตือนใจ ดีเทศน์ รศ.ดร.เจิมศักดิ์ ปิ่นทอง แก้วสรร อติโพธิ มาลีรัตน์ แก้วก่า มีชัย วีระไวทยะ พญ.มาลินี สุขเวชชวรกิจ พล.ต.ต.วีระ อนันตกูล ถาวร เกียรติไชยากร พิชัย ขำเพชร วีระพล วัชรประทีป เสรี สุวรรณภานนท์

อดีต สว.2549 อาทิ รสนา โตสิตระกูล ขวัญสรวงค์ อติโพธิ

อดีต สว.2551 มีทั้งเลือกตั้งและสรรหาร่วมลงชื่อ อาทิ สมชาย แสวงการ ประสาร มฤคพิทักษ์ รศ.พญ.พรพันธุ์ บุญรัตพันธุ์ พิกุลแก้ว ไกรฤกษ์ สุมล สุตะวิริยะวัฒน์ ดิเรก ถึงฝั่ง สุขโข วุฒิโชติ บุญชัย โชควัฒนา พล.ต.อ.สุนทร ซ้ายขวัญ มรว.ปรียนันทนา รังสิต สงคราม ชื่นภิบาล พิเชต สุนทรพิพิธภัณฑ์ อนุศาสน์ สุวรรณมงคล ตวง อันทะไชย คำนูณ สิทธิสมาน พล.อ.อ.วีรวิท คงศักดิ์ ศ.นพ.วิรัติ พาณิชย์พงษ์

อดีต สว.2554 ร่วมลงชื่อ อาทิ พล.อ.สมเจตน์ บุญถนอม นพ.เจตน์ ศิรธรานนท์ พิไลพรรณ สมบัติศิริ สมพล พันธ์มณี ถาวร ลีนุตพงษ์ พล.ร.อ.ศิษฐวัชร วงษ์สุวรรณ นพ.เฉลิมชัย เครืองาม วิทวัส บุญญสถิตย์

อดีต สว.2562 ร่วมลงชื่อจำนวนมาก อาทิ คุณหญิง พรทิพย์ โรจนสุนันท์ หม่อมหลวง ปนัดดา ดิศกุล พล.อ.อกนิษฐ์ หมื่นสวัสดิ์ พล.อ.วรพงษ์ สง่าเนตร พล.อ.ฉัตรชัย สาริกัลยะ พล.อ.สกนธ์ สัจจานิตย์ พล.ร.อ.ณรงค์ พิพัฒนาศัย พล.ร.อ.ฐนิต กิตติอำพนธ์ พล.อ.สมหมาย เกาฏีระ พล.อ.สุรพงศ์ สุวรรณอัตถ์ พล.อ.วีรัณ ฉันทศาสตร์โกศล พล.อ.อ.ตรีทศ สนแจ้ง พล.ต.อ.ชัชวาลย์ สุขสมจิตร พล.ต.ท.วิบูลย์ บางท่าไม้ พล.ต.ท.สานิตย์ มหถาวร นพ.พลเดช ปิ่นประทีป วิบูลย์รักษ์ ร่วมลักษณ์ ประพันธ์ คูณมี ศ.พิเศษ กาญจนารัตน์ ลีวิโรจน์ จเด็จ อินสว่าง ถวิล เปลี่ยนศรี ชาญวิทย์ ผลชีวิน เนาวรัตน์ พงษ์ไพบูลย์ อภิรดี ตันตราภรณ์ วีรศักดิ์ โคว้สุรัตน์ นพ.อำพล จินดาวัฒนะ พล.อ.สุรศักดิ์ กาญจนรัตน์ ดร.ภาณุวัฒน์ พันธุ์วิชาติกุล กอบกุล อาภากรณ์ ณ อยุธยา นพ.เฉลิมชัย บุญยะลีพรรณ สุวพันธุ์ ตันยุวรรธนะ ลักษณ์ วจนานวัช พล.ร.อ.พะจุณณ์ ตามประทีป พล.อ.ธวัชชัย สมุทรสาคร นพ.ณรงค์ สหเมธาพัฒน์ ฯลฯ

รวมอดีต สว.ที่ร่วมลงชื่อเบื้องต้น 189 คน และกำลังทะยอยลงชื่อสมทบเพิ่มเติม อีกจำนวนมาก

สมุทรปราการ-อำนวย บุญริ้ว นายกแพรกษาใหม่ มั่นใจเลือกตั้ง สท.เอาอยู่!! แม้มีคู่แข่ง 

วิเคราะห์เกมการเมืองตำบลแพรกษาใหม่ ภายใต้การกำกับดูแลของ นายอำนวย บุญริ้ว นายกเทศมนตรีเมืองแพรกษาใหม่ หรือที่ประชาชนรู้จักกันดีในนาม นายกนาจ แม่ทัพใหญ่ตำบลแพรกษาใหม่ ที่สามารถฟันฝ่าเอาชนะอุปสรรคนานับประการมาได้ ดุจเหล็กกล้า 

เอาชนะคู่แข็งพรรคส้มในการเลือกตั้งนายกท้องถิ่นแบบลอยลำ ประชาชนเทคะแนนเสียงให้แบบขาดลอย หรือแม้แต่การเลือกตั้งสมาชิก ส.อบจ.ในเขตพื้นที่ที่ผ่านมา ก็สามารถใช้หน้าตาชื่อเสียงที่ชื่อ อำนวย บุญริ้ว อ้อนขอคะแนนเสียงพา สจ.ในเขตพื้นที่เอาชนะคู่แข่งเข้าวินไปตามคาดหมาย คงเป็นเพราะความใจถึง พึ่งได้ และความไม่ถือตัวของนายกคนนี้ทำให้เข้าไปนั่งอยู่ในใจของประชาชนโดยทั่ว

กระทั่งล่าสุดคณะสมาชิกสภาเทศบาล ( สท.) ทั่วประเทศหมดวาระไปเมื่อวันที่ 27 มีนาคม 2568 ที่ผ่านมา และกำหนดให้มีการเลือกตั้งสมาชิกสภาเทศบาลใหม่ ล่าสุดคณะทำงานในนามกลุ่มพัฒนาแพรกษาใหม่ ได้ยื่นใบสมัครการเลือกตั้งสมาชิกสภาเทศบาลเมืองแพรกษาใหม่ ทั้ง 3 เขต 

ซึ่งแต่ละเขตจะมีสมาชิกเขตละ 6 คน และรอบนี้ก็มีคู่แข่งอีกเช่นเคยหากจะบอกว่าบังเอิญคงจะไม่ใช่ เพราะคู่แข่งมาในชื่อกลุ่มพัฒนาแพรกษาใหม่เหมือนกัน ส่งสมาชิกลงแข่งในพื้นที่เขต 1 หากย้อนถามแม่ทัพใหญ่อย่างนาย อำนวย บุญริ้ว นายกเทศมนตรีฯ ถึงความหนักใจ คงตอบได้ทันทีว่าไม่หนักใจและเอาอยู่ เพราะที่ผ่านมาพิสูจน์แล้วด้วยผลงาน การบริหาร การพัฒนา หากประชาชนไม่รักไม่ศรัทธาคงมายืนอยู่จุดนี้ไม่ได้แน่นอน และเชื่อมั่นว่าคณะสมาชิกทุกคนทั้ง 3 เขต นั้นจะสอบผ่านและเข้าไปนั่งเก้าอี้สมาชิกสภาเทศบาลได้อีกสมัยอย่างแน่นอน ดั่งคำที่ว่า ทองแท้ ย่อมไม่กลัวไฟ


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top