Friday, 20 June 2025
POLITICS NEWS

“บิ๊กตู่” สั่งเร่งมาตรการแก้หนี้ภาคประชาชนด่วน

น.ส.รัชดา ธนาดิเรก รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า ขณะนี้พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และรมว.กลาโหม ห่วงใยหนี้ครู บุคลากรทางการศึกษา และหนี้นักเรียนที่หยั่งลึกมานาน เน้นให้มีมาตรการแก้หนี้ที่เป็นระบบและเห็นผลอย่างเป็นรูปธรรมเพื่อบรรเทาวิกฤตหนี้สินภาคประชาชนให้มากที่สุด พร้อมเร่งสร้างวินัยและความรู้ทางการเงินที่ถูกต้องให้กับประชาชน ซึ่งจะเป็นการแก้ปัญหาหนี้อย่างยั่งยืน

ล่าสุดมีแนวทางการช่วยเหลือนักเรียนนักศึกษาที่มีความจำเป็นต้องกู้เงินเพื่อการศึกษา โดยกองทุนเงินให้กู้ยืมเพื่อการศึกษา (กยศ.) ได้เตรียมเงินไว้ 3.8 หมื่นล้านบาท รองรับผู้กู้ในปีการศึกษา 2564 จำนวน 6.24 แสนคน ขณะที่สถานการณ์โควิด-19 ส่งผลให้ผู้กู้มีความยากลำบากในการหาผู้ค้ำประกัน กยศ. จึงได้ยกเลิกกำหนดที่ให้มีผู้ค้ำประกันการชำระเงินคืนกองทุน ในสัญญากู้ยืมเงินใหม่ตั้งแต่ปีการศึกษา 2564 โดยได้ปล่อยกู้ไปแล้วกว่า 3 พันล้านบาท และอยู่ระหว่างการพิจารณาอนุมัติอีกส่วนหนึ่ง รัฐบาลโดย กยศ. ยืนยันมีวงเงินเหลือพร้อมให้การสนับสนุนสำหรับนักเรียนนักศึกษาที่มีคุณสมบัติครบตามเงื่อนไข

สำหรับมาตรการช่วยเหลือลูกหนี้ กยศ. ขณะนี้มีลูกหนี้ 3.6 ล้านคนและผู้ค้ำประกัน 2.8 ล้านคน โดย กยศ. ออกมาตรการช่วยเหลือลูกหนี้ครอบคลุมทุกกลุ่ม ได้แก่ กลุ่มที่ยังไม่ถูกดำเนินคดี คือ

1.) ลดดอกเบี้ยเหลือ 0.01% ต่อปี สำหรับผู้กู้ที่ไม่เคยผิดนัด

2.) ลดเบี้ยปรับ 100% สำหรับผู้กู้ที่ชำระหนี้ปิดบัญชี

3.) ลดเบี้ยปรับ 80% สำหรับผู้กู้ที่ชำระหนี้ค้างทั้งหมด

4.) ลดเงินต้น 5% สำหรับผู้กู้ที่ไม่เคยผิดนัดและชำระหนี้ปิดบัญชีในคราวเดียว

5.) ลดอัตราการคิดเบี้ยปรับเหลือ 0.5% กรณีไม่สามารถชำระหนี้ได้ตามกำหนด ซึ่งมาตรการดังกล่าวข้างต้นจะมีผลถึง 31 ธ.ค. ปีนี้  

สำหรับกรณีผู้กู้ผิดนัดชำระหนี้ ประจำปี 2563 และ 2564 กยศ. จะชะลอการฟ้องคดีไปจนถึง 31 มี.ค. ปีหน้ายกเว้นคดีที่จะขาดอายุความในปีนี้พร้อมงดการขายทอดตลาด กรณีที่ถูกบังคับคดีจนถึงสิ้นปีนี้ กยศ. จะงดการขายทอดตลาด ส่วนผู้กู้ยืมเงินที่มีบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ จะได้รับการพักชำระหนี้เป็นเวลา 2 ปี ทั้งนี้ ลูกหนี้ กยศ. ยังจะได้รับความช่วยเหลือเพิ่มเติมตามข้อสั่งการนายกรัฐมนตรี ซึ่งอยู่ระหว่างการศึกษามาตรการอย่างรอบคอบก่อนประกาศใช้ อาทิ การปรับโครงสร้างหนี้ ลดเงินงวด ยืดเวลาผ่อนชำระ 

ขณะเดียวกัน ธนาคารออมสินยังได้ออกมาตรการช่วยเหลือครูและบุคลากรทางการศึกษาจัด “มหกรรมผ่อนปรนการชำระหนี้ครู” ยับยั้งสถานะไม่ให้เป็น NPL ส่งผลเสียทางเครดิต และกระทบต่อหน้าที่ราชการได้ในอนาคต โดยเลือกจ่ายดอกเบี้ยบางส่วน ตามแผนการชำระหนี้ที่ธนาคารกำหนด เป็นระยะเวลา 12 เดือน หรือนานที่สุดไม่เกินวันที่ 31 ธ.ค. 66 เปิดให้แจ้งความประสงค์ถึงวันที่ 30 มิ.ย. 64  

โฆษกพรรคกล้า อัด ‘"ปชป.ตกต่ำ’ เย้ยจะไม่เป็นแบบนี้ ถ้า ‘มาร์ค’ อยู่

วันที่ 21 มิถุนายน พ.ศ. 2564 นายแสนยากรณ์ สิงห์วีรธรรม โฆษกพรรคกล้า ออกมาแถลงข่าว พาดพิงถึงนายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ว่า ไม่กล้าแสดงจุดยืน และเอาแต่หลบอยู่หลังโฆษกพรรค

"ถ้าเป็นหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์คนก่อน คงมีท่าทีชัดเจนไปแล้ว ไม่แอบอยู่หลังโฆษกพรรคแบบนี้"

"แม้จะเสนอแก้ไขยกเลิกอำนาจ ส.ว. แต่ถ้าไม่กล้าตั้งเงื่อนไขทางการเมืองกับพรรคพลังประชารัฐ สุดท้ายก็แค่ละครตบตาฉากหนึ่งเท่านั้น ไม่มีอะไรคืบหน้า เสียดายเวลาผ่านมาเกือบ 2 ปี แต่ไม่ได้อะไรเลย" โฆษกพรรคกล้า กล่าว

เหตุการณ์ดังกล่าวเกิดขึ้นภายหลังจากที่นายกรณ์ จาติกวณิช หัวหน้าพรรคกล้า ออกมากดดันให้พรรคประชาธิปัตย์คว่ำร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญของพรรคพลังประชารัฐ หากพรรคพลังประชารัฐไม่ลงมติยกเลิกอำนาจ ส.ว.ตาม ม.272

ซึ่งการออกมาให้ข่าวครั้งนี้ของพรรคกล้า เท่ากับเป็นการเปิดศึกกับทางพรรคประชาธิปัตย์ที่มีนายจุรินทร์เป็นหัวหน้าพรรคอย่างชัดเจน เนื่องจากมีการเหน็บแถมถึงนายจุรินทร์ พร้อมเปรียบเทียบกับหัวหน้าพรรคคนก่อนอย่างนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ เพื่อนรักของนายกรณ์ จาติกวณิช หัวหน้าพรรคกล้า

 

ที่มา : https://www.facebook.com/sanyakorn.singhaweratham/posts/4089106017844007


โปรเด็ด! เทหมดตัว มาสด้า 2 และ นิสสันอัลเมร่า ทักเลย! ตอบไว! แอดเลย @TheShopsTimes

คลิก????https://lin.ee/vfTXud9

"สุทิน" ไม่ติดใจ ปม "ประธานรัฐสภา" ไม่บรรจุญัตติ ม.256 เผย เตรียมวัดใจ ครม. ทำประชามติ ยัน รับหลักการเพื่อไทยทุกร่าง ส่วนร่างอื่นขอรอฟังอภิปรายก่อน

ที่รัฐสภา นายสุทิน คลังแสง ส.ส. มหาสารคาม พรรคเพื่อไทย ในฐานะประธานคณะกรรมการประสานงานพรรคร่วมฝ่ายค้าน (วิปฝ่ายค้าน) กล่าวถึงการประชุม ร่วมรัฐสภาเพื่อพิจารณาร่างพระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) ว่าด้วยการออกเสียงประชามติ ว่า สำหรับการประชุมพ.ร.บ.ประชามติ คาดว่าจะจบภายในวันนี้ ซึ่งพรรคร่วมฝ่ายค้านมีทิศทางชัดเจนว่า เห็นชอบให้ผ่าน เนื่องจากมีความจำเป็นที่จะต้องใช้กฎหมายประชามติ ส่วนในวันพรุ่งนี้ (23 มิ.ย.) จะเป็นการประชุมร่วมรัฐสภาเพื่อพิจารณาร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญ ซึ่งเวลาเพียง 2 วัน พรรคร่วมฝ่ายค้านคงจะใช้ผู้อภิปรายไม่เกิน 30 คน พรรคเพื่อไทยประมาณ 13 คน ซึ่งหากไม่จบภายใน 2 วัน ก็จะขอหารือกับนายชวน หลีกภัย ประธานรัฐสภา ขยายเวลาเพิ่มไปถึงวันที่ 25 มิ.ย.  

นายสุทิน กล่าวต่อว่า ส่วนทิศทางการลงมติของพรรคเพื่อไทย ในส่วนร่างของพรรคจะเห็นชอบทั้ง 4 ร่างไม่นับรวมร่างแก้ไขเพิ่มเติมมาตรา 256 ที่ไม่ถูกบรรจุในวาระการประชุม ส่วนร่างอื่นๆ ไม่ว่าจะเป็นของพรรคพลังประชารัฐหรือพรรคร่วมรัฐบาล สมาชิกพรรคเพื่อไทยมีมติว่าจะรอฟังการอภิปรายแต่ละร่างก่อน ถึงจะมีมติไปทางใดทางหนึ่งในวันสุดท้าย เนื่องจากร่างของทั้งพรรคพลังประชารัฐและพรรคร่วมรัฐบาลมีส่วนที่ตรงกันกับร่างของพรรคเพื่อไทย ฉะนั้นส่วนที่ตรงกัน ก็ไม่น่าจะมีปัญหา ส่วนที่ไม่ตรงจะดูและฟังว่าสามารถที่จะปรับปรุงแก้ไขในชั้นคณะกรรมาธิการ วาระที่ 2 ได้หรือไม่ หากมีโอกาสที่จะปรับปรุงแก้ไขได้ก็คงจะพิจารณารับหลักการไป แต่หากเรื่องใดที่ไม่สามารถปรับปรุงได้และขัดกับเราชัดเจน แน่นอนว่าก็คงจะเห็นชอบไม่ได้ 

เมื่อถามว่าญัตติ มาตรา 256 ที่ไม่สามารถบรรจุเข้าวาระประชุมได้ หากพ.ร.บ.ประชามติผ่านความเห็นชอบจากสภา พรรคร่วมฝ่ายค้านมีการพูดคุยกันหรือไม่ ว่าจะขอมติจากสภาเพื่อทำประชามติมาตั้งสมาชิกสภาร่างรัฐธรรมนูญ (ส.ส.ร.) นายสุทิน กล่าวว่า แน่นอน สำหรับกรณี ม.256 ที่ไม่ถูกบรรจุและยังไม่ตก เรามองในแง่ดีว่าเป็นเพราะยังไม่มีพ.ร.บ.ประชามติ ซึ่งในวันพรุ่งนี้ก่อนพิจารณาร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญ จะหารือกับประธานรัฐสภาในที่ประชุมว่าหากพ.ร.บ.ประชามติผ่านแล้วจะใช้วิธีใดในการดันเรื่องนี้เข้าเพื่อให้สภามีมติส่งคณะรัฐมนตรี (ครม.) ทำประชามติ

เมื่อถามว่า ศาลรัฐธรรมนูญมีคำวินิจฉัยว่าต้องทำประชามติก่อน แต่พรรคเพื่อไทยยังมีการยื่นร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญในมาตรานี้ นายสุทิน กล่าวว่า เราเสนอเข้ามา เจตนาเพื่อเป็นต้นเรื่อง ต้นทางที่จะนำไปสู่การทำประชามติ หากเราไม่เสนอเข้ามาเลย ก็ไม่รู้จะเริ่มต้นอย่างไรถึงจะมีการทำประชามติ 

เมื่อถามว่า พรรคก้าวไกลมีการระบุว่าจะให้สภายื่นเรื่องให้ครม.จัดทำประชามติ ได้พูดคุยกันถึงประเด็นนี้แล้วหรือไม่ นายสุทิน กล่าวว่า แบบนี้ก็ได้ เพราะเป็นแนวทางตรงกันอยู่แล้ว ว่าเราคงจะต้องให้สภายื่นเรื่องให้ครม. แต่จะต้องรอ พ.ร.บ.ประชามติ หากไม่ผ่านแนวปฏิบัติก็ไม่ได้ 

จับตา ครม. เคาะแผนเปิดประเทศรับต่างชาติ

การประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) ที่ประชุมเตรียมรับข้อเสนอกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา ถึงแนวทางการเปิดประเทศรับนักท่องเที่ยวต่างชาติที่ฉีดวัคซีนครบแล้ว เริ่มนำร่องที่จังหวัดภูเก็ต ในวันที่ 1 ก.ค.นี้ ผ่านการทำ “ภูเก็ตแซนด์บ๊อก” และการเปิดพื้นที่บาส่วนของจังหวัดสุราษฎร์ธานี คือ เกาะสมุย เกาะพะงัน และเกาะเต่า รับนักท่องเที่ยวต่างชาติ เริ่มวันที่ 15 ก.ค. 64 

ทั้งนี้ นายพิพัฒน์ รัชกิจประการ รมว.การท่องเที่ยวและกีฬา กล่าวว่า ในด้านการเตรียมความพร้อมของพื้นที่ ล่าสุดทางจังหวัดก็ได้เตรียมความพร้อมแล้ว ถือเป็นไปตามแนวทางที่นายกรัฐมนตรีประกาศเอาไว้ว่าจะเปิดประเทศใน 120 วัน โดยหลังจาก ครม. เห็นชอบแล้ว ในวันที่ 25 มิ.ย.นี้ จะลงพื้นที่ไปตรวจสอบความพร้อมขั้นสุดท้าย ก่อนนายกรัฐมนตรี และคณะ จะเดินทางไปลงพื้นที่จังหวัดภูเก็ต วันที่ 1 ก.ค.นี้ 

ส่วนในจังหวัดอื่นๆ ที่มีความพร้อม คือมีการฉีดวัคซีนให้คนในพื้นที่ครบ 70% แล้ว ก็ได้มอบหมายให้การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) ไปหารือกับทาง ศบค.ชุดเล็ก และผู้ว่าราชการจังหวัดแต่ละจังหวัด เพื่อทำการเปิดเมืองรับนักท่องเที่ยวต่อจากภูเก็ตต่อไป 

ขณะที่วาระอื่นๆ กระทรวงการคลัง เสนอร่างพระราชกฤษฎีกาออกตามความในประมวลรัษฎากร ว่าด้วยการยกเว้นรัษฎากร (ฉบับที่ .. ) พ.ศ. .... (การยกเว้นภาษีเงินได้นิติบุคคลให้แก่ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยสำหรับเงินสนับสนุนที่ได้รับจากกองทุนส่งเสริมการพัฒนาตลาดทุน) และเสนอการกำหนดเบี้ยประชุมให้แก่ประธานอนุกรรมการ และอนุกรรมการในคณะอนุกรรมการที่แต่งตั้งโดยคณะกรรมการมาตรฐานทางจริยธรรม (ก.ม.จ.) ตามพระราชบัญญัติมาตรฐานทางจริยธรรม พ.ศ. 2562

“เลขาฯ สมช.” ระบุ ไม่รื้อภูเก็ต แซนด์บ็อกซ์ หลังพบคลัสเตอร์กระจายไป 11 จังหวัด เผย รอประเมินหลัง ”สุพัฒนพงษ์” ลงพื้นตรวจ 25 มิ.ย. นี้ 

ที่ทำเนียบรัฐบาล พล.อ.ณัฐพล นาคพาณิชย์ เลขาธิการสภาความมั่นคงแห่งชาติ (สมช.) ในฐานะผู้อำนวยการศูนย์ปฏิบัติการศูนย์บริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (ศปก.ศบค.) กล่าวว่าในการประชุมศบค. วันนี้ยังไม่มีการทบทวนมาตรการแนวทางการเปิดประเทศรับนักท่องเที่ยวในพื้นที่นำร่อง ภูเก็ตแซนด์บ็อกซ์ แม้จะพบคลัสเตอร์ระบาดใหญ่ที่จ.ยะลา มีผู้ติดเชื้อ 402 ราย และกระจายไป 11 จ.ภาคใต้ โดยมาตรการทั้งหมด จะต้องรอประเมินสถานการณ์ หลังจากนายสุพัฒนพงษ์ พันธ์มีเชาว์ รองนายกรัฐมนตรี และ รมว.พลังงาน ลงพื้นที่ไปติดตามความพร้อมในวันที่ 25 มิ.ย.นี้ ก่อน 

“ชวน” ย้ำ ถกกฎหมายยาเสพติด-ประชามติ ต้องเสร็จวันนี้ พร้อมกำชับสมาชิกปฏิบัติตามมาตรการป้องกันโควิดเคร่งครัด 

ที่รัฐสภา นายชวน หลีกภัย ประธานรัฐสภา กล่าวถึงการประชุมร่วมรัฐสภาเพื่อพิจารณาร่างพ.ร.บ.ว่าด้วยการออกเสียงประชามติ และร่างพ.ร.บ.ยาเสพติด ว่า เป็นเรื่องที่คณะกรรมาธิการ (กมธ.) จะต้องชี้แจงต่อรัฐสภา ซึ่งกลับมาพิจารณาร่วมกันหลังจากผ่านมาเป็นเดือนแล้ว และเข้าใจว่าวันนี้จะจบ แต่ปัญหามีอยู่เพียงว่าสมาชิกในห้องประชุมมีจำนวนเพิ่มขึ้น

ดังนั้นเวลาที่มีการลงมติทําให้เกิดความแออัดมากขึ้น จึงต้องพยายามลดความหนาแน่นของห้องประชุม แต่เมื่อต้องลงมติก็จำเป็นต้องเข้ามาอยู่ในห้องประชุมพร้อมกัน จึงขอความร่วมมือสมาชิกให้สวมหน้ากากอนามัย เพราะการเว้นระยะห่างอาจจะทำยาก โดยหวังว่าการประชุมพิจารณาทั้งเรื่องวาระกฎหมายยาเสพติดและพ.ร.บ. ประชามติจะเสร็จสิ้นภายในวันนี้ เพราะพรุ่งนี้ (23 มิ.ย.) จะเป็นเรื่องของการพิจารณาร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญ ทั้งนี้ยอมรับว่าการพิจารณาวาระกฎหมายยาเสพติดอาจจะต้องใช้เวลาพอสมควร เพราะต้องพิจารณาและลงมติในรายมาตรา

นายชวน กล่าวต่อว่า สำหรับข้อกังวลเรื่องการป้องกันการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 ในพื้นที่รัฐสภานั้น เรื่องนี้มีการพูดคุยกับฝ่ายเลขาธิการสภาฯ ทุกวัน เพราะพบข้อมูลผู้ติดเชื้อ ไม่ว่าจะเป็นแม่บ้านหรือผู้ขายอาหารภายในอาคารรัฐสภา แต่ขณะนี้ยังไม่ส่งผลกระทบถึงคนอื่น อย่างไรก็ตามขอร้องทุกฝ่ายให้เพิ่มมาตรการเข้มงวด อย่างน้อยให้มีการสวมหน้ากากอนามัย 100% เพราะเรื่องอื่นอาจจะคงไม่ได้ทั้งหมด เช่น เรื่องของการเว้นระยะห่าง

“อนุทิน” คุย สสจ.รับมือเปิดประเทศใน 120 วัน เผย ญี่ปุ่นเตรียมสนับสนุนวัคซีนโควิด

ที่ กระทรวงสาธารณสุข นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข (สธ.) กล่าวถึงนโยบายของพลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ซึ่งมีเป้าหมายการเปิดประเทศใน 120 วัน ระบุว่า กระทรวงสาธารณสุข มีหน้าที่รับนโยบาย และหาทางปฏิบัติ เพื่อให้สอดคล้องกับนโยบาย จากนี้ ต้องเตรียมการในหลายเรื่อง เช่น เตียงผู้ป่วย บุคลากรทางการแพทย์ ยารักษาโรค และวัคซีน ขณะที่ในเชิงพื้นที่ อีก 1-2 วัน จะหารือร่วมกับผู้บริหารกระทรวงฯ หัวหน้าหน่วยราชการเขตสุขภาพเขต สำนักงานสาธารณสุขจังหวัด (สสจ.) หาแนวทางจัดการ เพื่อให้สอดคล้องกับนโยบายประเทศ 

เมื่อถามถึงการพบเชื้อไวรัสสายพันธุ์เบต้า หรือสายพันธุ์แอฟริกา นายอนุทิน ตอบว่า ทางกระทรวงฯ ได้เข้มงวดในมาตรการป้องกันที่มากขึ้น ต้องยอมรับว่า ปัญหา มาจากคนที่ลักลอบเข้ามา เชื่อว่าวินาทีนี้ทาง ศบค.ได้สั่งการไปยังหน่วยงานความมั่นคงต่างๆ ให้ดูแลตามแนวชายแดนให้มากที่สุดเท่าที่จะทำได้ 

ส่วนในเรื่องวัคซีน ซึ่งมีข้อเสนอให้เข็มที่ 3 เพื่อกระตุ้นภูมิคุ้มกัน ตนรับฟังทุกข้อเสนอ แต่การตัดสินใจ ขอให้เป็นเรื่องของคณะกรรมการทางวิชาการ ซึ่งได้มีการพิจารณาและรายงานทุกสัปดาห์อยู่แล้ว มีการศึกษาถึงขั้นว่าจะฉีดยี่ห้อเดียวกันหรือต่างยี่ห้อด้วยซ้ำ ซึ่งพร้อมทำตามคำแนะนำของคณะกรรมการ

“ทั้งนี้ มีข่าวดีคือ ประเทศญี่ปุ่นเตรียมสนับสนุนวัคซีนให้กับประเทศไทย เกิดจากความสัมพันธ์อันดีของทั้งสองประเทศ รวมถึงชาวญี่ปุ่นเองก็เข้ามาลงทุนในประเทศไทยอย่างมหาศาล เกิดการจ้างงาน สร้างรายได้ เป็นสัญญาณที่ดีว่าภายหลังจากนี้ไทยและญี่ปุ่น จะมีความสัมพันธ์ที่แน่นแฟ้นกันมากขึ้น การได้วัคซีน เข้ามาเพิ่มย่อมจะเป็นการสร้างความต่อเนื่องในการให้บริการวัคซีน” 

ก้าวไกล ชี้ แก้รัฐธรรมนูญหนนี้ ส่อเปิดช่องโกงหนักขึ้น

วันที่ 21 มิ.ย. 64 นางสาวศิริกัญญา ตันสกุล รองหัวหน้าพรรคก้าวไกลได้แสดงความคิดเห็นต่อการแก้ไขรัฐธรรมนูญ โดยศิริกัญญาบอกว่าการแก้รัฐธรรมนูญในครั้งนี้ นอกจากปัญหาต่างๆ ที่สังคมได้พูดกันแล้ว อีกหนึ่งเรื่องที่ยังพูดถึงกันน้อย คือการแก้ไข ม.144 และ 185 ที่จะเปิดช่องให้ ส.ส. และ ส.ว. ซึ่งเป็นฝ่ายนิติบัญญัติ เข้าไปแทรกแซงการทำงานของข้าราชการและการจัดสรรงบประมาณได้ "โดยไม่มีโทษตามกฎหมาย"

ทั้งนี้ สาระสำคัญของการแก้ไข ม.144 ของนายไพบูลย์ คือยังคงห้ามไม่ให้ ส.ส. ส.ว. และ กมธ. ของร่าง พ.ร.บ. งบประมาณรายจ่ายประจำปี, ร่าง พ.ร.บ. งบประมาณกลางปี, และร่าง พ.ร.บ. โอนงบประมาณ แปรญัตติในเชิงการขอเพิ่มงบประมาณ และยังคงให้อำนาจศาลรัฐธรรมนูญในการวินิจฉัยการกระทำของฝ่ายนิติบัญญัติ แต่ตัดส่วนที่เป็นบทกำหนดโทษ และกลไกในการตรวจสอบไม่ว่าจะเป็นการให้ข้าราชการทำหนังสือแจ้งเมื่อพบการกระทำความผิด การให้อำนาจ ปปช. มีอำนาจส่งคำร้องให้ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัย รวมทั้งส่วนที่ว่าด้วยการเรียกเงินคืน

"3 ปีที่ผ่านมา ที่บทบัญญัติมาตรา 144 ของรัฐธรรมนูญ 2560 บังคับใช้ แสดงให้เราเห็นแล้วว่าบทบัญญัติดังกล่าวมีปัญหา ไม่ว่าจะเป็นเส้นแบ่งที่ไม่ชัดว่าอะไรคือการกระทำที่มีผลต่อการเพิ่มงบประมาณ ที่ผ่านมาก็มีกรรมาธิการก็สามารถลงมติเพื่อเพิ่มงบให้หน่วยงานอยู่ แน่นอนว่าเราแปรญัตติไม่ได้ แต่การแสดงความคิดเห็นว่างบสวัสดิการประชาชนควรเพิ่มขึ้น เราทำได้หรือไม่ ซึ่งความไม่ชัดเจนตรงนี้ทำให้เกิดการตีความกฎหมายอย่างไม่มีขีดจำกัด และเป็นเครื่องมือในการโจมตีกันทางการเมือง อย่างที่หัวหน้าพรรคก้าวไกลโดนในช่วงหลังการอภิปรายงบประมาณที่ผ่านมา"

"แต่ในร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญ ฉบับของพรรคพลังประชารัฐ ก็ไม่ได้แก้ไขเรื่องที่เป็นปัญหาตรงนี้ ส่วนที่เป็นปัญหายังคงอยู่ แต่เลือกไปตัดส่วนบทกำหนดโทษ และบทที่ว่าด้วยกลไกการตรวจสอบแทน ส่วนนี้ทำให้ดิฉันเห็นว่าการแก้ไขรัฐธรรมนูญมาตรานี้ของนายไพบูลย์เป็นการแก้เพื่อเอื้อให้พวกของตนมีช่องในการแทรกแซงงบประมาณเพิ่มขึ้นโดยไม่ต้องรับผิดมากกว่า"

นอกจากนี้ ศิริกัญญา บอกว่าเรามองการแก้ไขรัฐธรรมนูญที่มาตรา 144 อย่างเดียวไม่ได้ ต้องดูคู่กับการแก้ไขรัฐธรรมนูญมาตรา 185 ที่เดิมกำหนด ห้าม ส.ส. และ ส.ว. เอาไว้ 3 เรื่อง คือ

1.) ห้ามแทรกแซงการทำงานในหน้าที่ของราชการ รัฐวิสาหกิจ และอปท.

2.) ห้ามทำให้ตนมีส่วนในการใช้งบประมาณหรือมีส่วนในการเห็นชอบโครงการของหน่วยงานรัฐ

3.) ห้ามแทรกแซงการแต่งตั้ง โยกย้าย เลื่อนขั้นเงินเดือน หรือการพ้นจากตำแหน่งของข้าราชการ

ซึ่งในรัฐธรรมนูญฉบับที่พรรคพลังประชารัฐกำลังจะแก้ไขนี้ ตัด 2 ข้อแรกออก เหลือเพียงการห้ามแทรกแซงการแต่งตั้งโยกย้ายเพียงข้อเดียว

"จะเห็นว่าสิ่งที่ร่างรัฐธรรมนูญของพรรคพลังประชารัฐแก้ไข จะบอกว่าแก้เพราะต้องการทำลายภาพความไม่ไว้ใจนักการเมืองที่เขียนเอาไว้ในรัฐธรรมนูญ 2560 ก็คงจะไม่ใช่ เพราะการแก้ทั้ง 2 มาตราไม่ได้แก้ที่สาระสำคัญของความไม่ไว้ใจนักการเมืองที่มาจากการเลือกตั้งเลย แต่เป็นการแก้เพื่อทำลายกลไกการตรวจสอบ และข้อห้ามที่ทำให้ตนเองแทรกแซงข้าราชการและงบประมาณยากเท่านั้น"

สุดท้าย ศิริกัญญาตั้งข้อสังเกตว่า พ.ร.ก. เงินกู้ 5 แสนล้าน มีส่วนแผนงานฟื้นฟูฯ ที่เป็นเหมือน "เช็คเปล่า" ให้รัฐบาลเอาไปใช้ได้ในปีงบประมาณหน้าอีกประมาณ 170,000 ล้านบาท จะมีการตั้งงบประมาณโครงการพัฒนาและเสริมสร้างความเข้มแข็งของฐานรากที่เป็นโครงการระดับจังหวัดราว 45,000 ล้านบาท รวมทั้งการแก้ไขรัฐธรรมนูญครั้งนี้เป็นการเปิดให้ ส.ส. และ ส.ว. เข้ามาแทรกแซงการเริ่มทำงบประมาณของปี 2566 ซึ่งเป็นโค้งสุดท้ายก่อนจะมีการเลือกตั้งครั้งหน้า น่าสังเกตว่าการแก้ไขรัฐธรรมนูญครั้งนี้ อาจจะเป็นการเปิดทาง "หาเงินเลือกตั้ง" สำหรับนักการเมืองบางกลุ่ม"

"ดิฉันคิดว่า ประเด็นเรื่อง ส.ส. เข้าไปมีส่วนในการผลักดันโครงการพัฒนาในพื้นที่หรือไม่ รวมทั้งเรื่องการเขียนรัฐธรรมนูญบนฐานความไม่ไว้วางใจนักการเมืองที่มาจากการเลือกตั้ง เป็นเรื่องที่ต้องถกเถียงกันในเชิงหลักการ และการถกเถียงก็ยังไม่จบ แต่ชัดเจนว่าการแก้รัฐธรรมนูญของพรรคพลังประชารัฐในครั้งนี้ไม่ได้แตะต้องส่วนที่เป็นหัวใจของข้อถกเถียงเหล่านั้น"

"ร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญของพรรคพลังประชารัฐ คือการยอมรับว่านักการเมืองไม่น่าไว้วางใจ และทิ้งส่วนที่มีปัญหาเอาไว้แบบเดิม แต่ไปแก้ไขส่วนที่เป็นกลไกตรวจสอบเพื่อให้นักการเมืองสามารถกระทำผิดได้ง่ายขึ้นและไม่ต้องรับโทษ"

"ดิฉันคิดว่าถ้าพรรคพลังประชารัฐอยากแก้ไขปัญหาจริงๆ แก้ไขเนื้อความที่ไม่ไว้ใจนักการเมือง และทำให้กลไกการผลักดันงบประมาณลงพื้นที่ที่ทำกันเป็นปกติอยู่แล้ว ให้ขึ้นมาอยู่บนโต๊ะ ทำอย่างโปร่งใส ประชาชนตรวจสอบได้ ไม่ใช่ปกปิดสิ่งที่พวกท่านทำกันเป็นปกติเอาไว้ให้อยู่นอกระบบ แล้วไปตัดกลไกการตรวจสอบที่จะยิ่งทำให้การผลักดันงบประมาณยิ่งไม่มีการตรวจสอบ และเปิดช่องให้เกิดการคอร์รัปชันง่ายขึ้นไปอีก" ศิริกัญญากล่าวทิ้งท้าย


โปรเด็ด! เทหมดตัว มาสด้า 2 และ นิสสันอัลเมร่า ทักเลย! ตอบไว! แอดเลย @TheShopsTimes

คลิก????https://lin.ee/vfTXud9

เคหะชุมชนนวมินทร์ ร้องกมธ.สวัสดิการสังคม สอบปมบริษัทเอกชนยังครองสิทธิบริหารเรียกเก็บค่าเช่า-ค่าน้ำซ้ำซ้อน ทั้งที่หมดสัญญาตั้งแต่ปี 61

ที่รัฐสภา นายชัยยุทธ นวลสุวรรณ ตัวแทนโครงการเคหะชุมชนนวมินทร์ ซอยนวมินทร์ 139 แขวงนวลจันทร์ เขตบึงกุ่ม กทม. เข้ายื่นหนังสือ น.ส.รังสิมา รอดรัศมี ส.ส.สมุทรสงคราม พรรคประชาธิปัตย์ ในฐานะประธานคณะกรรมาธิการ (กมธ.) สวัสดิการสังคม สภาผู้แทนราษฎร เพื่อร้องเรียนความเดือดร้อนของผู้เช่าอาศัยในเคหะชุมชนนวมินทร์ โดยนายชัยยุทธ กล่าวว่า ภายในบริเวณโครงการมีทั้งหมด 10 อาคาร จำนวนทั้งสิ้น 1,700 กว่าห้อง

ปัญหาคือปัจจุบัน สัญญาเช่าระหว่างการเคหะแห่งชาติกับบริษัทเอกชนแห่งหนึ่งได้สิ้นสุดลงแล้วตั้งแต่ปี 2561 แต่บริษัทเอกชนไม่ยอมออกจากพื้นที่และใช้สิทธิในการบริหาร ต่อมาในเดือนเม.ย.ที่ผ่านมาการเคหะแห่งชาติได้เข้ามาบริหารเอง โดยให้ผู้พักอาศัยทั้งหมดทำสัญญาเช่ากับการเคหะแห่งชาติโดยตรง ซึ่งขณะนี้มีผู้ทำสัญญาเช่าแล้วประมาณ 1,400 ห้อง โดยในการทำสัญญาเช่าดังกล่าว การเคหะแห่งชาติได้งดเก็บค่าเช่าในเดือนเม.ย.เพื่อบรรเทาความเดือดร้อนในช่วงโควิด-19 โดยให้ผู้เช่าที่ทำสัญญาใหม่ชำระค่าเช่าพร้อมค่าน้ำประปาตั้งแต่เดือนพ.ค.และเดือนมิ.ย.เป็นต้นไป และชำระค่าไฟฟ้ากับการไฟฟ้านครหลวงโดยตรง

นายชัยยุทธ กล่าวต่อว่า แต่เนื่องจากบริษัทเอกชนยังคงอ้างสิทธิ์ในการบริหาร ทำให้การเคหะแห่งชาติไม่สามารถเข้ามาดูแลผู้พักอาศัยได้อย่างทั่วถึง และบริษัทเอกชนยังมีใบแจ้งหนี้ที่ผู้พักอาศัยชำระกับการเคหะแห่งชาติแล้วมาเรียกเก็บซ้ำซ้อน โดยเรียกเก็บเดือนเม.ย. เดือนพ.ค. และเดือนมิ.ย.อีก ซึ่งหากผู้พักอาศัยไม่ชำระจะตัดน้ำตัดไฟ ที่ผ่านมามีผู้พักอาศัยหลายกรณีที่ถูกตัดน้ำตัดไฟ นอกจากนี้สภาพอาคารที่พักอาศัยทรุดโทรมเป็นอย่างมาก การเคหะแห่งชาติจะเข้ามาพัฒนา บริษัทเอกชนก็ขัดขวางโดยอ้างสิทธิ์การบริหารและครอบครอง ตนจึงอยากให้กมธ.ว่า กรณีเช่นนี้เกิดขึ้นได้อย่างไร

ด้าน น.ส.รังสิมา กล่าวว่า ตนจะนำเข้าระเบียบวาระการประชุมของกมธ.ในวันที่ 29 มิถุนายน เพื่อให้กมธ.พิจารณาว่าจะลงพื้นที่ไปดูหรือจะทั้งลงพื้นที่ไปดูและเชิญหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเข้ามาให้ข้อมูลในชั้นกมธ.

"แสนยากรณ์" ชี้ ปชป. มาทรงไม่ชัดเจนอีกแล้ว ไม่กล้าตั้งเงื่อนไขกับ พปชร.-ส.ว. แก้ไข ม.272 ยกเลิกอำนาจส.ว.เลือกนายกฯ ยกอดีต ถ้าเป็นหัวหน้าพรรค ปชป. คนก่อน คงชัดเจนไปแล้ว ไม่หลบหลังโฆษกพรรคแบบนี้

นานแสนยากรณ์ สิงห์วีรธรรม โฆษกพรรคกล้า กล่าวถึงกรณีโฆษกพรรคประชาธิปัตย์บอกว่าเป็นการตัดสินในของสมาชิกรัฐสภา หลังจากหัวหน้าพรรคกล้า ท้าพรรคประชาธิปัตย์คว่ำร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญของพรรคพลังประชารัฐ หากพรรคพลังประชารัฐไม่ลงมติยกเลิกอำนาจ ส.ว.เลือกนายกรัฐมนตรี ว่า ถ้าพรรคประชาธิปัตย์ออกมาทรงนี้ การแก้ไขรัฐธรรมนูญให้เป็นประชาธิปไตย ยกเลิกอำนาจ ส.ว.เลือกนายกรัฐมนตรี คงเป็นแค่ฝันไป ไม่มีวันเกิดขึ้นจริง เพราะไม่มีทางที่พรรคพลังประชารัฐและ ส.ว.จะลงมติให้ จึงเป็นเหตุที่หัวหน้าพรรคกล้าออกมาท้าให้พรรคประชาปัตย์แสดงความชัดเจน หากพรรคพลังประชารัฐและ ส.ว. ไม่ลงมติรับหลักการยกเลิกอำนาจ ส.ว.เลือกนายกรัฐมนตรี ก็จะไม่สนับสนุนร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญที่พรรคพลังประชารัฐเสนอเช่นกัน 

"ถ้าเป็นหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์คนก่อน คงมีท่าทีชัดเจนไปแล้ว ไม่แอบอยู่หลังโฆษกพรรคแบบนี้ แม้จะเสนอแก้ไขยกเลิกอำนาจ ส.ว. แต่ถ้าไม่กล้าตั้งเงื่อนไขทางการเมืองกับพรรคพลังประชารัฐ สุดท้ายก็แค่ละครตบตาฉากหนึ่งเท่านั้น ไม่มีอะไรคืบหน้า เสียดายเวลาผ่านมาเกือบ 2 ปี แต่ไม่ได้อะไรเลย" โฆษกพรรคกล้า กล่าว 

โฆษกพรรคกล้า กล่าวย้ำว่า ความขัดแย้งและการบริหารราชการแผ่นดินที่ไม่ราบรื่น ตลอดครึ่งเทอมของรัฐบาลชุดนี้ เพราะความไม่เป็นประชาธิปไตยของรัฐธรรมนูญ ดังนั้น ต้องกลับไปกลัดกระดุมเม็ดแรกให้ถูกต้อง แก้ไขบทเฉพาะกาลมาตรา 272 ยกเลิกอำนาจ ส.ว. เลือกนายกรัฐมนตรี แต่จะเป็นจริงได้หรือไม่ ก็ขึ้นอยู่กับพรรคการเมืองที่มี ส.ส.ในสภาฯ จึงอยากฝากสื่อมวลชน สอบถามความชัดเจนกับพรรคการเมือง โดยเฉพาะพรรคประชาธิปัตย์และพรรคเพื่อไทย จะกล้าตั้งเงื่อนไขกับพรรคพลังประชารัฐและ ส.ว. ตามที่หัวหน้าพรรคกล้าเคยเสนอไว้หรือไม่


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top