Saturday, 26 April 2025
POLITICS NEWS

“บิ๊กแก้ว” พร้อมส่ง ทหาร คุมแคมป์แรงงาน กทม. พร้อมตั้งจุดตรวจเข้า-ออก ชุดลาดตระเวณ กั้นรั้วลาดหนาม สกัดเคลื่อนย้าย

ที่กองบัญชาการกองทัพไทย (บก.ทท.) พล.อ.เฉลิมพล ศรีสวัสดิ์ ผู้บัญชาการทหารสูงสุด (ผบ.ทสส.) ในฐานะหัวหน้าศูนย์ปฏิบัติการแก้ไขสถานการณ์ฉุกเฉินด้านความมั่นคง (หน.ศปม.) กล่าวถึงกรณี ศบค. ประสานหน่วยงานความมั่นคงให้ส่ง กำลังทหาร ตำรวจ คุมเข้มแคมป์คนงานก่อสร้างใน กทม. หลังพบว่ายังมีการเคลื่อนย้าย ว่าเป็นภาพรวมของนโยบาย ว่าเจ้าหน้าที่หน่วยงานความมั่นคงจะเข้าไปดูแลในการควบคุม ตั้งแต่การตั้งจุดตรวจ การตรวจสถานที่ต่างๆ

ซึ่งสถานการณ์ในปัจจุบัน หลังจากมีการตรวจแคมป์คนงาน ที่เป็นคลัสเตอร์การแพร่ระบาด โควิด-19 และยังมีการเคลื่อนย้ายกันออกไป ทั้งนี้ต้องไปดูว่า ศบค.ได้กำหนด แคมป์คนงานในแต่ละพื้นที่เอาไว้อย่างไร

ซึ่งในแนวทางปฏิบัติหากมีกรณีเช่นนี้เราจะจัดส่งเจ้าหน้าที่ไปสำรวจวแคมป์แรงงาน จะต้องได้รับการควบคุมแบบไหน การเข้าออก สามารถเล็ดออกจากพื้นที่ได้หรือไม่ จำเป็นต้องมีเครื่องกีดขวางมากั้นช่องโหว่ที่ยังปิดไม่ได้หรือไม่ เช่น รั้วลวดหนาม

โดยประสานกับผู้ประกอบการที่ดูแลพื้นที่ เพื่อไม่ให้เกิดการลักลอบโดย

1.) จัดเจ้าหน้าที่ประจำจุดเข้า-ออก และพิจารณาเป็นกรณีไปหากจำเป็นต้องเข้า-ออก

2.) ลาดตระเวนในพื้นที่เพื่อให้ไม่ให้มีการลักลอบ 

ทั้งนี้ยืนยันว่าจะใช้เจ้าหน้าที่ตำรวจเป็นหลักในการปฏิบัติหน้าที่ในขณะที่เจ้าหน้าที่ทหารจะเป็นส่วนเสริม และใช้ สารวัตรทหาร(สห.) ในการปฏิบัติงาน ยกเว้นกรณีมีแคมป์แรงงานหลายแห่งทีต้องควบคุม จำเป็นต้องใช้กำลังทหาร ซึ่งขึ้นอยู่กับว่า แคมป์แรงงานตั้งอยู่ในพื้นที่ความรับผิดชอบของเหล่าทัพใด ก็จะประสานเหล่าทัพนั้นส่งกำลังทหารไปดูแล

“บิ๊กป้อม” ขึงขังยันไม่เคยส่งสัญญาณลูกพรรคเตรียมพร้อมยุบสภา “ลั่น” อยู่ครบเทอม ไม่กังวลสถานการณ์การเมือง โทษสื่อเขียนกันเองประชุม พปชร.ขอนแก่น ปัดตอบห่วง "บิ๊กตู่" หรือไม่หลังแจงเดือดกลางสภา

ที่ทำเนียบรัฐบาล พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี ในฐานะพรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) ให้สัมภาษณ์ข้อเท็จจริงกรณีที่มีข่าวว่าส่งสัญญาณกับลูกพรรคให้เตรียมความพร้อมในทางการเมืองที่อาจะมีการยุบสภาในเวลาอันใกล้นี้ว่า มันครบปีครบเทอมแล้วหรือยัง ถ้ายังก็ไม่มีอะไรเลย สื่อว่ากันและเขียนกันไปเองทั้งนั้น

ผู้สื่อข่าวถามว่าแสดงว่ารัฐบาลจะอยู่ครบเทอมใช่หรือไม่ พล.อ.ประวิตร ย้อนถามว่า “ครบเทอมมันกี่ปี ยืนยันว่ากระแสข่าวที่ออกมาไม่มีข้อมูลข้อเท็จจริงเลย สื่อเขียนข่าวกันเองทั้งนั้น” เมื่อถามย้ำว่ารัฐบาลจะอยู่ครบ 4 ปีใช่หรือไม่ พล.อ.ประวิตร กล่าวว่า ก็ไม่รู้ แต่ถ้าครบเทอมเวลามันก็คือ 4 ปี

เมื่อถามว่าในฐานะรองนายกรัฐมนตรีฝ่ายความมั่นคงมีความมั่นใจว่ารัฐบาลจะอยู่ครบเทอม โดยไม่มีการยุบสภาก่อนใช่หรือไม่ พล.อ.ประวิตร กล่าวว่า “สถานการณ์ข้างหน้าผมคิดคนเดียวไม่ได้ต้องคิดกันหลายๆ พรรคหลายๆ คน ว่ามีความเหมาะสมขนาดไหนและสถานการณ์เป็นอย่างไร” และในส่วนของพรรคพปชร. ทุกคนก็เห็นแล้วว่ามีความเข้มแข็งหรือไม่ แต่ยืนยันว่าไม่มีเรื่องการไปดูดใครเข้ามาอยู่กับพรรค สื่อคิดกันไปเองทั้งนั้น 

เมื่อถามย้ำว่าพรรคเตรียมการปรับโครงสร้างกรรมการบริหารพรรคจริงหรือไม่ พล.อ.ประวิตร กล่าวว่า เป็นเรื่องของพรรค จะให้ตนมาบอกอะไร เพราะมีคนที่เขาไม่อยากรู้ก็เยอะ เรื่องนี้เป็นเรื่องของพรรคที่จะดำเนินการเอง อย่างไรก็ตามจะต้องพูดคุยกับสมาชิกพรรคว่าจะเอาอย่างไรไม่ใช่เรื่องของตนเพียงคนเดียว 

ผู้สื่อข่าวถามถึงข่าวการประชุมพรรคในวันที่ 20 มิถุนายนนี้ที่ จ.ขอนแก่น เป็นความจริงหรือไม่ หัวหน้าพรรค พปชร. กล่าวว่า เรื่องการประชุมพรรคเลื่อนมาตั้งนานแล้ว เพราะเกี่ยวข้องใน รายละเอียดตามข้อกฎหมายที่ต้องชี้แจงให้คณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) รับทราบ ในเรื่องของงบดุลประจำปี ซึ่งพรรคเลื่อนประชุมมาโดยตลอด “และถึงวันนี้ก็ยังไม่มีวันที่จะประชุม ว่าเป็นเมื่อไหร่ ยืนยันยังไม่มีอะไรออกมาเลยนอกจากสื่อที่ไปพูดกันเอง”

ผู้สื่อข่าวถามว่าได้มีการพูดคุยกับส.ส. บ้างหรือยังเรื่องการเสียบบัตรแทนกันหลังจากที่คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) ชี้มูลความผิดออกมา พล.อ.ประวิตร กล่าวว่า เรื่องนั่นเป็นเรื่องที่ต้องดำเนินการในข้อมูลที่มีอยู่ ซึ่งก็ว่ากันไป 

ทั้งนี้ในช่วงท้ายผู้สื่อข่าวถามว่า มีความกังวลอะไรต่อสถานการณ์การเมืองในขณะนี้หรือไม่พล.อ.ประวิตร กล่าวปฏิเสธว่า “ไม่มี เห็นหน้าผมแล้วเป็นอย่างไรมีความกังวลหรือไม่” 

เมื่อถามว่าเป็นห่วงน้องชายอย่างพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม หรือไม่ ซึ่งล่าสุดมีการชี้แจงดุเดือดในสภาวานนี้ (9 มิ.ย.) พล.อ.ประวิตร กล่าวว่า “สื่อก็ดูเองว่า มีการวิพากษ์วิจารณ์กันอย่างไร ก็ดูกันเอง”

“บิ๊กตู่” ตั้ง “ธนกร” นั่งโฆษกฯ ศบศ.แจงงานเศรษฐกิจ

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และรมว.กลาโหม ในฐานะประธานคณะกรรมการบริหารสถานการณ์เศรษฐกิจ (ศบศ.) ลงนามคำสั่งนายกรัฐมนตรี แต่งตั้งนายธนกร วังบุญบุญคงชนะ เลขานุการรัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เป็นโฆษกประจำศูนย์บริหารสถานการณ์เศรษฐกิจ (ศบศ.) ตามที่นายดนุชา พิชยนันท์ เลขาธิการสภาการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ ในฐานะฝ่ายเลขาฯ ศบศ.เสนอ เพื่อทำหน้าที่ชี้แจงและประชาสัมพันธ์เผยแพร่ข้อมูลข่าวสารที่ถูกต้องตามความเป็นจริงแก่สื่อมวลชน รวมทั้งสร้างความเข้าใจให้กับประชาชน

เปิดเทอมแล้ว! “คณะก้าวหน้า” ประเดิมหลักสูตร “ประวัติศาสตร์นอกขนบ” ถาม-ตอบ สนุกสนาน “ธงชัย” แนะ “3 แต่” ทลายกรอบกระแสหลัก-ชี้ชนนำสยามเปิดรับเจ้าอาณานิคมเพราะได้ประโยชน์ทั้งเศรษฐกิจและการเมือง

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า คณะก้าวหน้า โดย คอมมอน สคูล (Common school) ประเดิมกิจกรรม “ตลาดวิชาอนาคตใหม่” เปิดบรรยายหลักสูตร วิชา ประวัติศาสตร์นอกขนบ รายวิชาย่อย สยามยุคกึ่งจักรวรรดิกึ่งอาณานิคม ซึ่งในหัวข้อแรกนี้ ธงชัย วินิจจะกูล นักวิชาการด้านประวัติศาสตร์ Wisconsin Madison สหรัฐอเมริกา บรรยายเรื่อง สยามไม่เคยเสียเอกราชหรือกึ่งอาณานิคม ซึ่งเป็นการบรรยายสดจากประเทศสหรัฐอเมริกา ท่ามกลางผู้เข้าร่วมหลักสูตรกว่า 40 คน โดยมี คงสัจจา สุวรรณเพ็ชร อาจารย์คณะนิติศาสตร์ ม.ธรรมศาสตร์ ซึ่งเป็นผู้ที่มีความรู้และความสนใจเรื่องประวัติศาสตร์ ดำเนินรายการ

*** “ธงชัย” ชี้ 3 เรื่องเล่าหลักประวัติศาสตร์ “สยามไม่ตกเป็นเมืองขึ้น” - แนะ “3 แต่” มุมมองใหม่ทลายกรอบออกนอกขนบ

ธงชัย เริ่มต้นการบรรยายว่า ความรู้ทางประวัติศาสร์ เป็นฐานอุดมการณ์ของรัฐไทยใน 100 กว่าปีที่ผ่านมา เป็นฐานความเชื่อที่ถูกพัฒนาจนมาเป็นกรอบมโนทัศน์ใช้ตีความอธิบายข้อเท็จจริงในอดีตมากมาย เพื่อสร้างประวัติศาสตร์ของชาติไทยที่มีเจ้ากรุงเทพฯ เป็นวีรบุรุษ เช่น ประวัติศาตร์ที่ว่าสยามไม่เคยตกเป็นอาณานิคม ประกอบด้วยเรื่องเล่าหลัก 3 เรื่อง คือ

1.) ถูกคุกคามจากลัทธิล่าอาณานิคม

2.) กษัตริย์ราชวงศ์จักรีต่อต้านการคุกคาม ทำให้รอดพ้นมาได้ และ

3.) กษัตริย์และชนชั้นปกครองผลักดันการปฏิรูปสยามจึงไม่เสียเอกราช ซึ่งหนังสือประวัติศาสตร์ไทย รายการโทรทัศน์ จำนวนมากหนีไม่พ้นเรื่องหลักนี้ และได้กลายเป็นความถูกต้องแน่ๆ อย่างไม่ต้องสงสัย และถูกท้าทายหรือตรวจสอบน้อยมากในช่วงที่ผ่านมา

“อย่างไรก็ตาม เราสามารถศึกษาและนำเสนอประวัติศาสตร์ที่แตกต่างจากเดิมได้ เรียกประวัติศาสตร์ 3 แต่ คือ

1.) แต่สยามไม่ได้รักษาเอกราช อยู่ในภาวะกึ่งอาณานิคม ชนชั้นนำได้ประโยชน์

2.) แต่การเสียดินแดนเป็นประวัติศาสตร์ผิดฝาผิดตัวตามทัศนะเจ้าจักรวรรดิที่กรุงเทพฯ และ อำพรางอำนาจรัฐแบบใหม่ของกรุงเทพฯ

3.) แต่การปฏิรูปประเทศมุ่งหมายเพื่อการเมืองภายใน เพื่อสถาปนาอำนาจระบอบสมบูรณาญาสิทธิราชย์ ทั้งนี้ สำหรับการบรรยายวันนี้จะเน้นที่หัวข้อที่ 1 เป็นหลักคือ สยามอยู่ในภาวะกึ่งอาณานิคม ใน 2 ประเด็นใหญ่คือ

1.) กึ่งอาณานิคมทางเศรฐกิจ โดยถูกผนวกเข้าเป็นส่วนหนึ่งของระบบเศรษฐกิจอาณานิคมโลก ในทางกลับกันก็ร่วมมือด้วย และ

2.) กึ่งอาณานิคมทางการเมือง เราระแวงต่างชาติ แต่เราก็ฉวยโอกาสนี้มาเพื่อสร้างการเมืองภายในด้วย” ธงชัย กล่าว

สภาฯ ไฟเขียว พ.ร.ก.กู้เงิน 5 แสนล้าน

ที่รัฐสภา ในการประชุมสภาผู้แทนราษฎร ที่มีนายสุชาติ ตันเจริญ รองประธานสภาฯคนที่หนึ่ง เป็นประธานในการประชุม มีการพิจารณาพระราชกำหนด (พ.ร.ก.) ให้อำนาจกระทรวงการคลังกู้เงิน เพื่อแก้ไขปัญหาเศรษฐกิจและสังคม จากการระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 เพิ่มเติม พ.ศ.2564 ต่อเป็นวันที่ 2 ภายหลังนพ.ชลน่าน ศรีแก้ว ส.ส.น่าน พรรคเพื่อไทย อภิปรายปิด นายอาคม เติมพิทยาไพสิฐ รมว.คลัง และนายกฤษฎา จีนะวิจารณะ ปลัดกระทรวงการคลัง ชี้แจงเสร็จเรียบร้อย จากนั้นเวลา 10.35 น. ที่ประชุมได้ส่งมติอนุมัติ พ.ร.ก.กู้เงิน 5 แสนล้านบาท ด้วยคะแนน 270 ต่อ 196 งดออกเสียง 1 ไม่ออกเสียง 2 เสียง

“หมอวรงค์” บี้ “นายกฯ” เลิก ประมูลก่อสร้างรถไฟรางคู่สายเหนือ-อีสาน ชี้! เอื้อประโยชน์​ 5 บริษัท แนะเปิดช่องให้มีการแข่งขันหลากหลาย​

ที่ศูนย์รับเรื่องราวร้องทุกข์ ทำเนียบรัฐบาล นพ.วรงค์ เดชกิจวิกรม รักษาการหัวหน้าพรรคไทยภักดี และตัวแทนสมาพันธ์แรงงานรัฐวิสาหกิจสัมพันธ์ ยื่นหนังสือถึง พล.อ.ประยุทธ์​ จันทร์​โอชา​นายก​รัฐมนตรี​ และ​รมว.กลาโหม​ผ่านนายเสกสากล อัตถาวงศ์ผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำนายกรัฐมนตรี เพื่อให้ยกเลิกโครงการ รถไฟฟ้าทางคู่สายเหนือ ช่วงเด่นชัย-เชียงราย-เขียงของและสายอีสาน ช่วงบ้านไผ่- มหาสารคาม-ร้อยเอ็ด-มุกดาหาร-นครพนม และให้ตรวจสอบความไม่โปร่งใสในการประมูล เนื่องจากพบว่าราคาที่ได้จากการประมูลต่ำกว่าราคากลางเล็กน้อย โดยมีสัดส่วนที่เท่ากันแค่ร้อยละ 0.08  

นพ.วรงค์​ กล่าวว่า โครงการดังกล่าวมีเพียง 5 บริษัทที่ผ่านคุณสมบัติ​สามารถประมูลได้จาก 5 สัญญา​ จึงตั้งข้อสังเกต​ชัดเจนว่าอาจเอื้อประโยชน์​หรือไม่ และเหตุผลที่ทำให้ผลการประมูลเป็นเช่นนี้ เพราะการรถไฟแห่งประเทศไทย (ร.ฟ.ท.) ​ไม่นำทีโออาร์ ที่เคยใช้ในการประมูลโครงการก่อสร้างรถไฟทางคู่สายใต้ ช่วงนครปฐม-หัวหิน-ประจวบคีรีขันธ์​-ชุมพร ในปี 2560 สมัยรัฐบาล คสช. ที่สามารถประหยัดงบประมาณ 2,039 ล้านบาท จากวงเงิน 36,100 ล้านบาท แต่ ร.ฟ.ท. กลับเปลี่ยนทีโออาร์​ ส่งผลให้เสียโอกาสที่จะประหยัดงานค่าก่อสร้างไม่ต่ำกว่า 7,000 ล้านบาท จึงขอให้ทบทวนการประมูลดังกล่าวและตรวจสอบความโปร่งใสเพื่อประโยชน์ของประเทศ 

“บิ๊กตู่” สั่งเร่งปรับกฎระเบียบหนุนรัฐบาลดิจิทัล

น.ส.ไตรศุลี ไตรสรณกุล รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า สำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (สศช.) ได้รายงานให้ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และรมว.กลาโหม ทราบถึงความก้าวหน้าของการดำเนินการตามยุทธศาสตร์ชาติและแผนการปฏิรูปประเทศ โดย สศช. เสนอให้เร่งรัดการบริหารจัดการฐานข้อมูลขนาดใหญ่ หรือ บิ๊กดาต้าของภาครัฐต่อเนื่อง ซึ่งนายกรัฐมนตรีก็ได้มีข้อสั่งการให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องทั้งส่วนราชการและหน่วยงานรัฐ ไปปรับปรุงข้อกฎหมายและระเบียบโดยเร็วเพื่อสนับสนุนการเป็นรัฐบาลดิจิทัลให้เป็นรูปธรรม

ทั้งนี้ สศช. ได้รายงานว่าจากการดำเนินงานเกี่ยวข้องกับการบริหารจัดการข้อมูลขนาดใหญ่ของรัฐในระยะที่ผ่าน เช่น กรณีการพัฒนาระบบบริหารจัดการข้อมูลการพัฒนาคนแบบชี้เป้า (ทีพีแม็ป) พบว่า การเชื่อมโยงข้อมูลระหว่างหน่วยงานของรัฐยังมีข้อจำกัด เป็นอุปสรรคสำคัญของการขับเคลื่อนรัฐสู่การเป็นรัฐบาลดิจิทัล โดยประเด็นปัญหาหลักคือ แม้ว่าจะมีกฎหมายหลักที่เกี่ยวข้องกับการบูรณาการข้อมูลและพัฒนารัฐบาลดิจิทัลแล้ว เช่น พ.ร.บ.การพัฒนาดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม พ.ศ.2560 พ.ร.บ.คุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล พ.ศ.2562 แต่กฎหมายและระเบียบภายในของหน่วยงานต่างๆ ยังเป็นข้อจำกัดในการเชื่อมโยงและเผยแพร่ข้อมูลระหว่างหน่วยงาน

ดังนั้น สศช.จึงเสนอให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องเร่งปรับปรุงกฎหมายและระเบียบภายในหน่วยงานให้รองรับและสนับสนุนการเชื่อมโยงและแลกเปลี่ยนข้อมูลร่วมกับหน่วยงานอื่น ให้สอดคล้องกับกฎหมายหลักด้านการพัฒนารัฐบาลดิจิทัล รวมทั้งสนับสนุนให้บุคลากรทุกหน่วยงานให้มีทัศนคติที่เอื้อต่อการบูรณาการข้อมูลร่วมกับหน่วยงานอื่น โดยชี้ให้เห็นความสำคัญและความจำเป็นในการบูรณาการข้อมูลเพื่อพัฒนานวัตกรรมและเทคโนโลยีดิจิทัลของภาครัฐ ซึ่งจะเป็นเครื่องมือที่มีประสิทธิภาพสูงสุดในการพัฒนานโยบายและการปฏิบัติงานด้วยข้อมูลและหลักฐานเชิงประจักษ์ในสภาพแวดล้อมของประเทศที่มีความซับซ้อนและเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว

“บิ๊กตู่-บิ๊กป้อม” เข้าทำเนียบฯ ลุ้นพ.ร.ก.กู้เงิน 5 แสนล้านผ่านสภา หลังวานนี้กินดีหมีโต้ฝ่ายค้านดุเดือด

ที่ทำเนียบรัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรมว.กลาโหม ได้เข้าปฏิบัติภารกิจที่ตึกไทยคู่ฟ้า ทำเนียบรัฐบาลตามปกติ โดยไม่มีวาระงานหรือกำหนดการอย่างเป็นทางการ โดยคาดว่าจะใช้เวลาติดตามการประชุมสภาผู้แทนราษฎร เพื่อพิจารณาพ.ร.ก.ให้อำนาจกระทรวงการคลังกู้เงินเพื่อแก้ไขปัญหาเศรษฐกิจและสังคม จากการระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 เพิ่มเติม พ.ศ.2564 หรือพ.ร.ก.กู้เงิน 5 แสนล้าน ในวันสุดท้าย ก่อนที่จะมีการลงมติในวันเดียวกันนี้ (10 มิ.ย. 64)​ หลังจากวานนี้ นายกรัฐมนตรี รุดเข้าชี้แจงต่อที่ประชุมสภาอย่างดุเดือดและโต้ฝ่ายค้านในหลายประเด็นด้วยอารมณ์ฉุนเฉียว

เข่นเดียวกับ พล.อ.ประวิตร ววษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี เดินทางเข้าปฏิบัติภารกิจที่ทำเนียบฯ โดยปฏิเสธที่จะให้สัมภาษณ์โดยแจ้งผ่านทีมงานว่าจะให้สัมภาษณ์ตอนขาลง ทั้งนี้ พล.อ.ประวิตร เป็นประธานการประชุมคณะอนุกรรมการบริหาร พัฒนา อนุรักษ์และฟื้นฟูคลองแสนแสบ ครั้งที่ 3/2564 ผ่านระบบ Video Conference ที่ห้องประชุม 301 ตึกบัญชาการ 1 ทำเนียบฯ

ราเมศ เผย “จุรินทร์ ออนทัวร์” 11-12 มิ.ย. นี้ รุก บูรณาการท่องเที่ยว ภูเก็ต-พังงา-กระบี่ พบปะ ปชช  สวนปาล์ม สวนยาง  ราคาพุ่ง ดีทุกชนิด

นายราเมศ รัตนะเชวง โฆษกพรรคประชาธิปัตย์ ได้เปิดเผยถึงการลงพื้นที่ จังหวัดภูเก็ต จังหวัดพังงา จังหวัดกระบี่ ในวันศุกร์ที่ 11 ถึงวันที่ 12 มิถุนายน 2564 ของหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ว่า

นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ มีกำหนดการลงพื้นที่ทำกิจกรรม “จุรินทร์ ออนทัวร์” จังหวัดภูเก็ต จังหวัดพังงา และจังหวัดกระบี่ เพื่อบูรณาการการท่องเที่ยวฝั่งอันดามัน ต่อเนื่องจากการลงพื้นที่หลายครั้งที่ผ่านมา เพื่อหาแนวทางฟื้นฟูเศรษฐกิจในพื้นที่อันดามัน และจะมีการพบปะพี่น้องเกษตรกร ชาวสวนปาล์มเขตพื้นที่อำเภออ่าวลึก อำเภอคลองท่อม จังหวัดกระบี่ เพื่อติดตามสถานการณ์ปาล์มน้ำมันใน และมอบถุงยังชีพเพื่อบรรเทาความเดือดร้อนให้กับพี่น้องประชาชนที่ได้รับผลกระทบจากโควิด-19 และจะเดินทางไปตรวจเยี่ยมโครงการระบบผลิตน้ำประปาที่ตำบลคลองขนาน อำเภอเหนือคลอง จังหวัดกระบี่ เพื่อติดตามการผลิตน้ำประปา ให้ประชาชนได้ใช้น้ำในพื้นที่

นายราเมศ กล่าวต่อว่า การท่องเที่ยวฝั่งอันดามันจังหวัดภูเก็ต จังหวัดพังงา และจังหวัดกระบี่ ถือได้ว่าเป็นพื้นที่สำคัญ เป็นเครื่องยนต์ด้านการท่องเที่ยวที่ได้รับผลกระทบจากสถานการณ์โควิด-19 โดยเฉพาะนักท่องเที่ยวจากต่างประเทศ จึงมีความจำเป็นที่ต้องขับเคลื่อนเพื่อเตรียมการกำหนดมาตรการต่างๆ สำหรับภาคปฏิบัติเพื่อรองรับแผนการท่องเที่ยว

ส่วนด้านการเกษตร ขณะนี้ถือว่าราคาพืชผลการเกษตรดีเกือบทุกชนิด ยางพาราราคาเกินกว่า 60 บาทมาหลายเดือนแล้ว ปาล์มน้ำมันราคากิโลกรัม (กก.) ละ 5-6 บาทมาเกือบปีแล้ว เป็นราคาที่พี่น้องเกษตรกรกล่าวเป็นเสียงเดียวกันว่าสูงกว่าหลายยุคที่ผ่านมา และมีความพอใจเป็นอย่างมาก และก็ต้องยอมรับว่าเป็นผลมาจากการทำหน้าที่ของนายจุรินทร์ ที่ขับเคลื่อนอย่างเป็นระบบและมุ่งผลสำเร็จและให้เกิดความยั่งยืน

และการลงพื้นที่ของหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ “จุรินทร์ ออนทัวร์” นั้นหัวหน้าพรรคได้เดินทางไปแล้วมาหลายจังหวัดและจะเดินทางไปทั่วประเทศ เพื่อพบปะพี่น้องประชาชน รับฟังในทุกเรื่อง ทุกข์สุข ปัญหาต่างๆ ร่วมกันคิด และให้ความช่วยเหลือในเรื่องต่างๆ ในฐานะที่พรรคเป็นสถาบันทางการเมืองหลักการสำคัญที่สุดที่ยึดมั่นในการทำงานตลอดมาคือมุ่งทำงานให้เกิดประโยชน์ต่อประชาชนและประเทศในทุกเวลาและทุกสถานการณ์

ครูกัลยา เตรียมลงพื้นที่ วษท. มหาสารคาม ตรวจความพร้อมการจัดการเรียนการสอนหลักสูตรชลกร รุ่น 1 ครั้งแรกในประเทศไทย มีทหารและเกษตรกรในพื้นที่สนใจสมัครเรียนเกินครึ่ง

นางดรุณวรรณ ชาญพิพัฒนชัย โฆษกรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงศึกษาธิการ (ดร.คุณหญิงกัลยา โสภณพนิช) เปิดเผยว่า คุณหญิงกัลยาเตรียมลงพื้นที่วิทยาลัยเกษตรและเทคโนโลยีมหาสารคาม ในวันศุกร์ที่ 11 มิถุนายน 2564 โดย วษท. มหาสารคามเป็นหนึ่งในวิทยาลัยนำร่องที่จะเปิดการเรียนการสอนหลักสูตร ชลกร เป็นครั้งแรกในประเทศไทย ในปีการศึกษา 2564 ที่จะมีการเปิดเรียนพร้อมกันทั่วประเทศในวันจันทร์ที่ 14 มิถุนายน นี้ เพื่อตรวจความพร้อมการจัดการเรียนการสอนหลักสูตร “ชลกร” รุ่นที่ 1 สาขาวิชาช่างกลเกษตร สาขางาน “การบริหารจัดการน้ำเพื่อการเกษตร” ภายใต้โครงการบริหารจัดการน้ำโดยชุมชนตามแนวพระราชดำริ พร้อมเป็นประธานในพิธีส่งมอบธนาคารน้ำใต้ดิน ระบบบ่อเปิดของวิทยาลัย

สำหรับการเปิดรับนักศึกษาเพื่อเข้าเรียนในหลักสูตรชลกร ในระดับ ปวส. ของวิทยาลัยเกษตรและเทคโนโลยีมหาสารคาม ถือว่าประสบความสำเร็จด้วยดี มีผู้สมัครเข้าเรียนครบตามจำนวนที่ตั้งไว้ และผู้เข้าเรียนทุกคนจะได้รับทุนในการเรียนฟรี-อยู่ฟรี โดยมีประเด็นที่น่าสนใจคือนอกจากนักเรียนที่จบการศึกษาจากชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 6 และระดับ ปวช.มาสมัครเข้าเรียนแล้ว ยังมีทหารจาก พล.ร.6 ร้อยเอ็ด และกลุ่มเกษตรกรในพื้นที่มาสมัครเข้าร่วมเรียนด้วย เนื่องจากเห็นความสำคัญในการนำองค์ความรู้เรื่องการบริหารจัดการน้ำในชุมชนไปขยายผลยังหน่วยงานหรือชุมชนที่ตนเองอาศัยอยู่ได้ด้วยเช่นกัน เพื่อช่วยแก้ปัญหาภัยแล้งอย่างเป็นระบบ

การลงพื้นที่ในครั้งนี้คุณหญิงกัลยา จะเป็นประธานในพิธีส่งมอบ ธนาคารน้ำใต้ดิน ระบบบ่อเปิดของโครงการบริหารจัดการน้ำโดยชุมชน ตามแนวพระราชดำริ จากวิทยาลัยเกษตรและเทคโนโลยีมหาสารคามร่วมด้วย โดยมีนายเกียรติศักดิ์ ตรงศิริ ผู้ว่าราชการจังหวัดมหาสารคาม พ.อ.ณัฎฐ์ ศรีอินทร์ รอง ผบ.พล.ร.6  ดร.ชาติชาย เกตุพรหม ที่ปรึกษาด้านมาตรฐานอาชีวศึกษาเกษตรกรรมและประมง สนง.คณะกรรมการการอาชีวศึกษา และนายพรณรงค์ วรศิลป์ ผู้อำนวยการสถาบันการอาชีวศึกษาเกษตรภาคตะวันออกเฉียงเหนือ เข้าร่วมกิจกรรมและจะปลูกต้นไม้บริเวณบ่อกักน้ำเพื่อช่วยสร้างพื้นที่สีเขียวในวิทยาลัยร่วมกันอีกด้วย 

“เป็นที่น่ายินดีว่า โครงการบริหารจัดการน้ำโดยชุมชน ตามแนวพระราชดำริ ภายใต้การนำของคุณหญิงกัลยา ที่ได้ขับเคลื่อนมาตลอดระยะเวลาปีกว่า ประสบความสำเร็จคืบหน้าไปมาก จนสามารถเปิดการเรียนการสอนหลักสูตรชลกรได้เป็นครั้งแรกของประเทศไทย นับเป็นการปฏิรูปการศึกษาไปสู่ตัวผู้เรียนโดยตรง ที่จะนำความรู้ที่ได้ไปประกอบอาชีพ มีงานทำ สร้างรายได้ ช่วยสร้างมูลค่าเพิ่มให้กับเศรษฐกิจฐานรากได้อย่างแท้จริง” นางดรุณวรรณ กล่าว


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top