Thursday, 19 June 2025
POLITICS NEWS

‘ชลน่าน’ เดินหน้าลุยฉีดวัคซีน HPV 1 ล้านโดส ฟรี!! ปกป้องหญิงไทยห่างไกลมะเร็งปากมดลูกทั่วประเทศ

‘หมอชลน่าน’ ประกาศเดินหน้านโยบาย 100 วันแรก เร่งฉีดวัคซีนป้องกันมะเร็งปากมดลูกให้หญิงไทยอายุตั้งแต่ 11 - 20 ปีทั่วประเทศ จำนวน 1 ล้านโดสฟรี หลังตัวเลขผู้ป่วยเพิ่มปีละประมาณ 6,500 ราย

เมื่อวานที่ 16 ก.ย. 66 นายแพทย์ชลน่าน ศรีแก้ว รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข ประกาศเดินหน้าโครงการ Quick Win ที่จะเห็นเป็นรูปธรรมภายใน 100 วัน หลังรับตำแหน่งรัฐมนตรีว่าการสาธารณสุขโดยหนึ่งในนั้น คือ การฉีดวัคซีน HPV ป้องกันมะเร็งปากมดลูกให้กับหญิงไทยที่มีอายุ 11 - 20 ปีทั่วประเทศอย่างน้อย 1 ล้านโดส หลังพบมีผู้ป่วยเพิ่มขึ้นปีละประมาณ 6,500 ราย

นายแพทย์ชลน่าน รมว.สาธารณสุข กล่าวว่า มะเร็งปากมดลูก เป็นโรคที่พบมากในหญิงไทยเป็นอันดับ 2 รองจากมะเร็งเต้านม  มีผู้เสียชีวิตปีละประมาณ 2,000 รายโดยมะเร็งชนิดนี้ เกิดจากการติดเชื้อไวรัส Human papillomavirus (HPV) ที่สามารถป้องกันได้ด้วยวัคซีนที่ต้องฉีดตั้งแต่ยังไม่เคยมีเพศสัมพันธ์

นายแพทย์ชลน่าน กล่าวต่อว่า ประเทศไทยได้กำหนดให้บริการฉีดวัคซีน HPV จำนวน 2 เข็ม เป็นสิทธิประโยชน์สำหรับนักเรียนหญิงชั้น ป. 5 ตั้งแต่ พ.ศ. 2560 (ปัจจุบันมีอายุ 17 ปี) ดังนั้น ผู้หญิงอายุ 18 ปีขึ้นไป จึงยังไม่ได้รับการฉีดวัคซีนนี้ ประกอบกับในปี 2562-2565 ทั่วโลกประสบปัญหาวัคซีนขาดชั่วคราวในช่วงโควิดระบาด ทำให้กลุ่มเป้าหมาย ป.5 ในปีนั้น ซึ่งปัจจุบันอายุ 13-15 ปีไม่ได้รับการฉีดวัคซีน

จึงได้กำหนดให้การฉีดวัคซีน HPV เป็นหนึ่งในนโยบาย Quick win “มะเร็งครบวงจร” โดยเร่งรัดการฉีดวัคซีนสำหรับหญิงอายุ 11-20 ปี ซึ่งได้มอบหมายให้กรมควบคุมโรคเร่งกำหนดแนวทางการให้วัคซีน และให้สำนักงานสาธารณสุขจังหวัดประเมินจำนวนกลุ่มเป้าหมาย รวมทั้งมอบให้ สปสช. เร่งจัดหาวัคซีนเพิ่มเติม

“การฉีดจะมี 2 ส่วน คือ กลุ่มเด็ก ป.5 - ม.6 จะฉีดผ่านสถานศึกษา (School-based program) โดยร่วมมือกับกระทรวงศึกษาธิการฉีดเป็นกลุ่มเหมือนกับที่เคยฉีดวัคซีนโควิด ส่วนอีกกลุ่มที่เป็นเด็กนอกระบบการศึกษา รวมถึงหญิงอายุ 18-20 ปี ที่จบชั้น ม.6 แล้ว จะได้รับการฉีดที่สถานพยาบาล ตั้งเป้าหมายว่าต้องฉีดวัคซีน HPV ให้ได้อย่างน้อย 1 ล้านโดสภายในเวลา 100 วัน” รมว.สาธารณสุข กล่าวสรุปทิ้งท้าย

'ธนาธร' เชื่อ!! 'พิธา' เข้มแข็ง พรรคไร้ห่วงปัญหาหัวหน้าคนใหม่ วอน!! ด้อมโฟกัส 'ประชาธิปไตย' เรื่องนี้ใหญ่กว่าเรื่องบุคคล

เมื่อวานนี้ (15 ก.ย.66) ที่ร้าน Sol Bar อาคารอนาคตใหม่ นายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ ประธานคณะก้าวหน้า เปิดเผยภายหลัง นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ ลาออกจากหัวหน้าพรรคก้าวไกล เพื่อให้ที่ประชุมพรรคเลือกหัวพรรคคนใหม่เพื่อดำรงตำแหน่งผู้นำฝ่ายค้าน โดยนายธนาธร กล่าวว่า เชื่อว่าคุณพิธาเข้มแข็ง ตนให้กำลังใจคุณพิธา

เมื่อถามว่ามองคุณสมบัติหัวหน้าพรรคก้าวไกลคนใหม่ต้องเป็นอย่างไร? นายธนาธร กล่าวว่า ตนเชื่อว่าพรรคก้าวไกลมีบุคลากรที่มีคุณภาพเยอะแยะ ใครเป็นหัวหน้าพรรค ก็จะทำพรรคก้าวไกลตามแนวทางที่สืบสานกันมา ตั้งแต่อนาคตใหม่-ก้าวไกล อย่างมั่นคง

"เรื่องบุคลากรที่จะดำรงตำแหน่ง ผมคิดว่าไม่มีปัญหาอะไร เพราะพรรคก้าวไกลมีคนที่มีคุณภาพเยอะแยะไปหมดเลย" นายธนาธร กล่าว

เมื่อถามว่าผู้สนับสนุนหลายคนรู้สึกเสียขวัญ ที่นายพิธา ต้องลาออก นายธนาธร ตอบว่า อย่าเสียกำลังใจ เดินหน้าด้วยกันต่อไป 'อนาคตใหม่-ก้าวไกล' จะเป็นยังไงต่อ 'ไม่สำคัญ' ขอให้เรายึดมั่นในอุดมการณ์ประชาธิปไตย แล้วร่วมผลักดัน สร้างประเทศไทยให้เป็นประชาธิปไตยต่อไป

"ไม่ใช่เรื่องของคนใดคนหนึ่ง เรื่องนี้ใหญ่กว่าเรื่องบุคคล เป็นเรื่องของอนาคตของประเทศไทย เรื่องนี้ใหญ่กว่าคน ใหญ่กว่าพรรคไปแล้ว เป็นเรื่องวาระที่จำเป็นของประเทศไทยที่จะต้องผลักดันให้ประเทศไทยเป็นประชาธิปไตย" นายธนาธร กล่าว

ระดมสมอง!! หาเหตุให้ 'หมออ๋อง' ออกจากก้าวไกลอย่างไร้ข้อกังขา ช่วยรักษาไว้ทั้งสองตำแหน่ง 'ผู้นำฝ่ายค้าน-รองประธานสภาฯ'

พลัน พิธา ลิ้มเจริญรัตน์ ถูกศาลรัฐธรรมนูญ สั่งให้หยุดปฏิบัติหน้าที่ สส.แต่ไม่ได้สั่งให้หยุดปฏิบัติหน้าที่หัวหน้าพรรค ยังเป็นหัวหน้าพรรคต่อไปได้ 

เพียงแต่เมื่อถูกห้ามปฏิบัติหน้าที่ ก็จะเป็นผู้นำฝ่ายค้านไม่ได้ตามกฎหมายกำหนด เพราะผู้นำฝ่ายค้านต้องเป็นหัวหน้าพรรคฝ่ายค้าน (ไม่มีตำแหน่งในฝ่ายบริหาร และสภา) 

เพื่อรักษาตำแหน่งผู้นำฝ่ายค้านไว้ พิธา จึงต้องลาออกจากหัวหน้าพรรคก้าวไกล เพื่อเปิดทางให้เลือก สส.คนใหม่มาเป็นหัวหน้าพรรค จะได้เป็นผู้นำฝ่ายค้าน

แต่ต้องติดต่อกับข้อกำหนดกฎหมาย ผู้นำฝ่ายค้าน จะต้องไม่มีตำแหน่งในสภา เช่น ประธาน หรือรองประธานสภา จะทำอย่างไรกับ หมออ๋อง-ปดิพัทธ์ สันติภาดา ที่นั่งเป็นรองประธานสภาฯ อยู่ในนามพรรคก้าวไกล

“เราต้องรักษาไว้ทั้งสองตำแหน่ง เพราะเราสูญเสียมามากแล้ว” ความคิดหนึ่งแว่บขึ้นมาในสมองของนักการเมืองระดับอ๋อง

ว่าแล้ว จึงน่าจะใช้มติพรรคขับหมออ๋องออกจากพรรค ไปหาพรรคใหม่สังกัด และยังเป็นรองประธานสภาอยู่ได้ หัวหน้าพรรคก้าวไกลคนใหม่ก็เป็นผู้นำฝ่ายค้านได้ด้วย รักษาไว้ทั้งสองตำแหน่ง

เพียงแต่จะหาเหตุผลอะไรมาอธิบายกับสังคมในการขับหมออ๋องออกจากพรรค ในเมื่อหมออ๋องยังไม่ทำผิดอะไรต่อพรรค ไม่ได้ทำอะไรให้พรรคเสียหาย

มีคนพยายามอธิบายว่า ก็อดีตเคยมีเหตุการณ์ทำนองนี้เกิดขึ้นมาแล้ว เมื่อ สส.กลุ่ม รอ.ธรรมนัส พรหมเผ่า ต้องการออกจากพรรคพลังประชารัฐ เพื่อตั้งพรรคใหม่ พรรคเศรษฐกิจไทย ก็เสนอให้พรรคมีมติขับพวกเขาออกจากพรรคพลังประชารัฐ และในที่สุดพรรคพลังประชารัฐก็มีมติขับ สส.กลุ่ม รอ.ธรรมนัสออกจากพรรคจริงๆ และไปขับเคลื่อนพรรคเศรษฐกิจไทย

เหตุการณ์ทำนองเดียวกันนี้จึงน่าจะเกิดกับหมออ๋อง-พรรคก้าวไกล เพียงแต่พรรคก้าวไกลต้องหาเหตุหาผลไปอธิบายกับสังคม กับการทำการเมืองแนวสร้างสรรค์ แนวก้าวหน้า แต่การทำแบบที่ว่า เป็นการทำแบบ 'ศรีธนนชัย' เพื่อรักษาไว้ทั้งตำแหน่งผู้นำฝ่ายค้าน และตำแหน่งรองประธานสภา

ใครจะเป็นผู้นำฝ่ายค้าน ให้จับตาดูการเลือกหัวหน้าพรรคคนใหม่ จะเป็นใคร จะเป็นพริษฐ์ วัชรสินธุ์, วิโรจน์ ลักขณาอดิศร, รังสิมันต์ โรม, ศิริกัญญา ตันสกุล หรือไม่หรือจะเป็นใคร

แต่สำหรับหมออ๋อง มีข่าวแพลมออกมาแล้วว่า เมื่อถูกขับออกจากพรรคก้าวไกล ก็จะไปสังกัดพรรคเป็นธรรม หรือไม่ก็พรรคสามัญชน แต่มีความเป็นไปได้กับพรรคเป็นธรรมมากกว่า

ที่มา: นายหัวไทร

'อุ๊งอิ๊ง' ยังสู้!! จับซอฟต์พาวเวอร์ สร้างบารมี ต่อคิวนายกฯ ก้าวไกลว้าวุ่น 'ขุนพลฝ่ายค้าน' แต่มีคนหวงแท่น ประธานสภา 1

เลียบการเมือง...ช่วงสุดสัปดาห์นี้...ไม่มีอะไรดีไปกว่าขอสรุปหมายเหตุประเทศไทยว่าด้วยการเมืองแบบเนื้อๆ สัก 3-4 เรื่อง...ตามสไตล์ของ 'เล็ก เลียบด่วน'

เรื่องแรก - การแบ่งงานให้รองนายกฯ ทั้ง 6 คน ของนายกฯ เศรษฐา ทวีสิน ต้องบอกว่า 'รองอ้วน' ภูมิธรรม เวชยชัย นอกจากเป็น สร.2 รองจาก สร.1 เศรษฐาแล้ว งานกำกับดูแลก็ล้นหน้าตัก นอกจากคุมกระทรวงพาณิชย์ที่ตัวเองนั่งว่าการแล้ว ยังคุมกระทรวงสาธารณสุข, กระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม แต่ที่ต้องขีดเส้นใต้ 5 เส้น คือ ข้ามฟากไปคุมกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ของพรรคพลังประชารัฐ ด้วย...

วิเคราะห์เจาะลึกสั้นๆ งานนี้...เป็นที่ยินยอมพร้อมใจของ เจ้ากระทรวงฯ คือ ผู้กองธรรมนัส พรหมเผ่า ที่รู้อยู่แก่ใจว่า...ได้เก้าอี้กระทรวงเกษตรฯ มานั้น เพราะใคร...จากนี้ไปชวนให้จับตามองว่าสมัยหน้าคุณผู้กองน่าจะถึงเวลากลับบ้านเพื่อไทย ช่วยเป็นขุนพลคนสำคัญดูภาคเหนือ และอีสานบางส่วน...อ้าว!! ตามไปดู

เรื่องที่สอง - คำสั่งที่น่าสนใจที่สุดคำสั่งหนึ่งคือ คำสั่งที่ 230/2566 เรื่องแต่งตั้งคณะกรรมการยุทธศาสตร์แห่งชาติ ซึ่งประกอบด้วยคณะกรรมการ 29 คน มีนายกฯ เป็นประธาน 'อุ๊งอิ๊ง' แพทอง ธารชินวัตร เป็นรองประธาน 'หมอเลี้ยบ' สุรพงษ์ สืบวงษ์ลี เป็นกรรมการและเลขานุการ...

อืมม...กรณีนี้วิเคราะห์เป็นอื่นไปไม่ได้นอกจากว่า...หัวหน้าครอบครัวเพื่อไทยเธอกัดไม่ปล่อย ตอนเปิดตัวเข้าร่วมเวทีเลือกตั้งเพื่อไทยชูธงนโยบาย 1 ครอบครัว 1 ซอฟต์พาวเวอร์...พอตั้งรัฐบาลนี้ก็กระโดดมาจับงานนี้หวังให้เป็นผลงานชิ้นโบว์แดงของเพื่อไทย...

ที่สำคัญที่สุด...นี่คือใบเสร็จยืนยันว่า 'อุ๊งอิ๊ง' จะเดินต่อไปบนเส้นทางการเมือง ด้วยความอดทน พิสูจน์ตัวตน โชว์ผลงาน...เป้าหมายคือนายกฯ คนต่อไปต่อจากเศรษฐา...

เรื่องที่สาม - เล็ก เลียบด่วน เขียนถึงบ่อยกรณี...บรรดาอดีตบิ๊กทหารที่จะมาช่วยหัวหน้าคณะรำวงย้อนยุค...สุทิน คลังแสง ที่ย่างสามขุมไปคุมกระทรวงกลาโหม ซึ่งส่วนใหญ่ก็เป็นไปตามโผ...ดังจะสรุปตำแหน่งทางการเมืองที่ ครม. ต้องประทับตราแต่งตั้งอย่างเป็นทางการ 'บิ๊กทิน' ดังนี้

- ที่ปรึกษา พล.อ.สมศักดิ์ รุ่งสิตา เตรียมทหาร (ตท.) รุ่น 19 อดีตเลขาธิการสภาความมั่นคงแห่งชาติ (สมช.)
- เลขานุการรัฐมนตรี พล.อ.ณัฐพล นาคพานิชย์ ตท.20 อดีตเลขาธิการสมช.
- ผู้ช่วยรัฐมนตรี พล.อ.อ.สุรพล พุทธมนต์ ตท.20 อดีตรองผบ.ทอ.
- หัวหน้าสำนักงานรัฐมนตรี พล.อ.มล.สุปรีดี ประวิตร หรือ 'หม่อมเป๊ป' อดีตอาจารย์ รร.นายร้อยจปร. และศึกษาอบรมบางช่วงกับตท.20

ใครจะตีความว่า...ที่จะรายล้อมช่วยงานท่าน 'บิ๊กทิน' คือ ตท.20 และแก่นแกนของรุ่นนี้เป็นสายตรงของ 'ลุงตู่' ก็ไม่ผิด...ก็รู้อยู่แล้วนี่นา...ว่า รัฐบาลเศรษฐาเป็นตัวเป็นตนขึ้นมาได้ ก็เพราะ สว.สายลุงตู่...ไม่ต้อง งง…

เรื่องที่สี่ - แถมท้าย เล็ก เลียบด่วน ทำโพลส่วนตัวมาแล้วว่าโอกาสที่รัฐบาลเศรษฐาจะตีตั๋วยาวอย่างน้อยครึ่งเทอมหรือสองปีนั้น ชิลๆ...บีบบังคับให้พรรคก้าวไกลต้องปรับกระบวนท่า ยอมรับตำแหน่ง 'ผู้นำฝ่ายค้าน' พิธา ลิ้มเจริญรัตน์ จึงต้องช่วยปลดล็อกลาออกจากหัวหน้าพรรค...รอก็แต่กรณี 'หมออ๋อง หมูกระทะ' ปดิพัทธ์ สันติภาดา ที่ยังอิดออดหวงตำแหน่งรองประธานสภาฯ คนที่ 1 ไม่ยอมลาออกปลดล็อกข้อกฎหมาย แต่อยากให้พรรคขับออกไปอยู่กับพรรคเป็นธรรม กอดตำแหน่งรองประธานสภาฯ คนที่ 1 เอาไว้...

ซึ่งถ้าก้าวไกลใช้แม่ไม้ ฉลาดเเกมโกงอย่างที่ว่าจริง…ต้องฟันธงว่าหมดหล่อ จะเสียหายหลายล้าน...อย่าหาทำ...ขอบอก!!

เรื่อง: เล็ก เลียบด่วน

‘สุวัจน์’ ขอบคุณ ‘เศรษฐา’ แต่งตั้ง ‘เทวัญ’ นั่งที่ปรึกษานายกฯ ย้ำ!! ชพก.ยินดีที่จะเป็นส่วนหนึ่งของการทํางานร่วมกับรัฐบาล

(16 ก.ย.66) นายสุวัจน์ ลิปตพัลลภ อดีตรองนายกรัฐมนตรี ประธานพรรคชาติพัฒนากล้า (ชพก.) ได้กล่าวขอบคุณนายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี ขอบคุณพรรคแกนนําพรรคเพื่อไทยที่ได้กรุณาให้เกียรติให้นายเทวัญ ลิปตพัลลภ หัวหน้าพรรคชาติพัฒนากล้า ได้เข้าไปเป็น 1 ใน 9 ของคณะที่ปรึกษานายกรัฐมนตรี 

“พรรคชาติพัฒนากล้าเข้าร่วมรัฐบาลครั้งนี้ ไม่ได้มีเงื่อนไขอะไร เมื่อบ้านเมืองมีวิกฤตก็ได้ร่วมมือกันทำให้งานที่ยากลําบากผ่านพ้นไปได้ด้วยดี เป็นความร่วมมือของ 11 พรรคร่วมรัฐบาลในการที่จะสานต่อรวมพลังกันทํางานในการขับเคลื่อนนโยบายของรัฐบาลให้ประสบความสําเร็จ ฉะนั้น พรรคชาติพัฒนากล้า ยินดีที่จะเป็นส่วนหนึ่งของการทํางานร่วมกับรัฐบาล” นายสุวัจน์ กล่าว

นายสุวัจน์ กล่าวว่า การทํางานของรัฐบาล ‘เศรษฐา 1’ ทำได้รวดเร็ว อะไรทําได้ทําทันที ถูกใจและตรงกับปัญหาของพี่น้องประชาชน ถ้าสามารถรักษาอัตราความเร็วของการทํางานบวกกับประสิทธิภาพแล้วสามารถจะแก้ไขปัญหาของประเทศได้ ซึ่งรัฐบาลมีนโยบายระยะสั้น ระยะยาวที่เป็นประโยชน์ต่อพี่น้องประชาชน คือ เรื่องสินค้าราคาแพง, เรื่องลดค่าใช้จ่ายด้านพลังงาน ค่าแก๊ส ค่าไฟฟ้า ค่าน้ำมัน, การพักหนี้เกษตรกร, การพักหนี้ SME, การกระตุ้นเศรษฐกิจในเรื่องดิจิทัลวอลเล็ต 10,000 บาท ส่วนระยะยาว คือ การสร้างรายได้ สร้างโอกาส และการรักษาคุณภาพชีวิต โดยการเพิ่มรายได้การส่งออกเป็นหลัก, การสร้างเศรษฐกิจดิจิทัล, การหาตลาดการค้าใหม่, การปรับโครงสร้างการผลิตไฟฟ้าจากพลังงานลม แสงแดดทำให้ต้นทุนไฟฟ้าถูกลง, การแสวงหา แก๊ส น้ำมัน ในอ่าวไทย, การกำหนดโครงสร้างค่าการกลั่นน้ำมัน, การสร้างโอกาสให้พี่น้องประชาชนในเรื่องเอกสารสิทธิ์ที่ทำกิน, การหยิบ soft power มาเป็นพลังในการต่อยอดเศรษฐกิจ ต่อยอดอุตสาหกรรมการท่องเที่ยว มีการแต่งตั้งคณะกรรมการยุทธศาสตร์ Soft Power 

“โดยภาพรวมถ้ารัฐบาลสามารถที่จะขับเคลื่อนนโยบายที่ได้แถลงต่อสภาทั้งระยะสั้น ระยะยาวให้เป็นไปตามกรอบ ตามแนวทาง พร้อมรับข้อเสนอของฝ่ายค้านได้จะมีประโยชน์ต่อประเทศชาติ” นายสุวัจน์ กล่าว

ลูกสาว 'สมบัติ ทองย้อย' เล่าเบื้องหลังขอให้ 'สส.ก้าวไกล' ช่วยพ่อ แต่ถูกปฏิเสธกลับมา ทั้งที่ชู 112 รับ!! เจอแบบนี้แล้วหมดศรัทธา

เมื่อวานนี้ (15 ก.ย.66) ลูกสาวของ สมบัติ ทองย้อย อดีตการ์ดเสื้อแดง และผู้ต้องหาคดีมาตรา 112 ได้โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊ก สมบัติ ทองย้อย โดยระบุว่า ไม่เป็นความจริงที่บอกว่า ”ก้าวไกลช่วยประกันตัว” ถ้าไม่อยากอ่านเยอะข้ามไปข้อ 3 ได้เลยค่ะ

ตรงนี้อยากขอคำอธิบายเพิ่มเติมจากคนที่พิมพ์ข้อความในเชิงนี้นะคะ เพราะในฐานะที่ณัฏเป็นลูกสาวณัฏคิดว่าประโยคนี้ไม่เป็นความจริงค่ะ ตอนที่คุณพ่อโดนคดีเมื่อปีที่แล้วณัฏขอความช่วยเหลือจากหลายฝ่ายมากโดยเฉพาะเรื่องการหานายประกันหรือผู้กำกับดูแล

1. ณัฏเข้าใจดีกว่าพรรคเพื่อไทยจะไม่ยุ่งเรื่อง 112 แต่ตอนนั้นได้โทรคุยกับทางพรรคเรื่องการช่วยเหลือคุณพ่อซึ่งทางพรรคเองขอไม่ยุ่งเกี่ยวกับเรื่องนี้ แต่!! ทางพรรคให้การช่วยเหลือในเรื่องของทนายโดยหากครอบครัวต้องการทนายหรือเปลี่ยนทนายสามารถแจ้งทางพรรคได้ แต่อย่างไรก็ตามทางพรรคเสนอว่าให้เชื่อใจทนายสิทธิ์ในการดำเนินเรื่องซึ่งคุณพ่อเองก็มั่นใจในทนายสิทธิ์จนสุดท้ายสามารถทำให้คุณพ่อออกมาได้

2. ณัฏขอให้คุณหมอทศพรเป็นผู้กำกับดูแลให้คุณพ่อซึ่ง ณ เวลาขณะนั้นเป็นสมาชิกพรรคเพื่อไทยอยู่และคุณหมอให้ความร่วมมือและเต็มใจในการให้เอกสารและเป็นผู้กำกับดูแลคุณพ่อแต่สุดท้ายศาลปฏิเสธ

3. มีคนเสนอให้ลองติดต่อพรรคก้าวไกลไปเพราะทางพรรคชูเรื่อง 112 ซึ่งตอนนั้นณัฏติดต่อไปให้มาเป็นผู้กำกับดูแลคุณพ่อในการประกันตัว และใช่ค่ะ ทางพรรคติดต่อกลับมาว่าคนที่สามารถเป็นนายประกันให้ได้ต้องเป็นสส.เขตในบ้านณัฏ ตอนนั้นณัฏรอการตอบกลับจากสส.พรรคก้าวไกลเป็นอาทิตย์ซึ่งเมื่อเทียบกับคุณหมอทศพรณัฏได้เอกสารจากคุณหมอทันทีที่ณัฏขอคุณหมอไป สุดท้ายณัฏได้รับการตอบกลับจากสส.ท่านนั้นซึ่งเป็นคำแจ้งมาจากทนายว่าอะไรรู้ไหมคะ “ส.ส…..ไม่สามารถเป็นผู้กำกับดูแลให้คุณสมบัติ ทองย้อย ได้นะคะ”ตอนนั้นณัฏสงสัยและถามกลับไปว่าทำไม และคำตอบคือ “เนื่องจากภรรยาไม่อยากให้ข้องเกี่ยวกับเรื่อง 112 ค่ะ”

ณัฏเข้าใจพรรคเพื่อไทยได้ว่าที่พรรคไม่สามารถเป็นผู้กำกับดูแลช่วยเหลือกรณี 112 ได้เพราะทางพรรคชัดเจนแล้วว่าจะไม่ยุ่งเกี่ยว แต่ณัฏพูดตรงๆ ว่าณัฏไม่เข้าใจว่าจริงๆ แล้วหลักการของพรรคก้าวไกลคืออะไร เพราะพรรคคุณชูเรื่อง 112 แต่พอขอความช่วยเหลือคุณกลับปฏิเสธและเหตุผลที่คุณปฏิเสธการช่วยเหลือมันยิ่งทำให้ณัฏไม่เข้าใจและหมดศรัทธาในพรรคก้าวไกลค่ะ พ่อณัฏเป็นคนหนึ่งที่ไม่เคยเปลี่ยนใจจากพรรคเพื่อไทย แต่บอกเลยว่าณัฏคือคนนึงที่คายส้มจนหมดเปลือก คนที่ช่วยให้คุณพ่อณัฏและครอบครัวได้จริงๆ ณัฏขอบอกเลยว่าคนกลุ่มนั้นคือทนายสิทธิ์ที่ช่วยดำเนินเรื่องคดี กองทุนราษฎรประสงค์และกองทุนต่างๆ ที่ช่วยเรื่องค่าใช้จ่ายรายวัน รายเดือน และเงินประกัน คนรอบตัวของคุณพ่อเองที่คอยให้กำลังใจหรือโอนเงินช่วยเหลือ คนเหล่านี้แหละค่ะคือคนที่ช่วยคุณพ่อให้ได้ออกมาและทำให้พ่อมีกำลังใจระหว่างอยู่ในนั้น ถ้าหากบอกก้าวไกลช่วยเหลือจนคุณพ่อได้ออกมา ณัฏขอบอกเลยว่าไม่เป็นความจริงค่ะ

ขอชี้แจงเพิ่มเติมเกี่ยวกับ กองทุนราษฎรประสงค์นะคะ เนื่องจากมีการเข้าใจผิดว่าทางกองทุนปฏิเสธช่วยเหลือคุณพ่อ แต่ความจริงทางกองทุนยังคงให้การช่วยเหลือคุณพ่อเหมือนเดิมค่ะ ขอขอบคุณที่ทางกองทุนยังยึดมั่นในหลักการณ์ของตัวเองโดยไม่เลือกปฏิบัติค่ะ

ขอบคุณค่ะ
ณัฏ

รู้จัก ‘เทวัญ ลิปตพัลลภ’ 1 ใน 9 ที่ปรึกษานายกฯ ผู้มากประสบการณ์และคร่ำหวอดในแวดวงการเมือง

(15 ก.ย. 66) นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง ลงนามในคำสั่งนายกรัฐมนตรีที่ 234/2566 เรื่องแต่งตั้งที่ปรึกษานายกรัฐมนตรี จำนวน 9 คน โดยหนึ่งในนั้น ปรากฎชื่อ ‘นายเทวัญ ลิปตพัลลภ’ หัวหน้าพรรคชาติพัฒนากล้า เข้ามาเป็นที่ปรึกษาด้วย 

THE STATES TIME ขอใช้โอกาสนี้ ในการพาทุกท่านไปรู้จักผลงานของ ‘นายเทวัญ ลิปตพัลลภ’ ที่ได้รับความไว้วางใจให้เป็น 1 ใน 9 กุนซือข้างกายนายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี

>>ผลงานการเมือง
นายเทวัญ เข้าสู่วงการการเมืองด้วยการได้รับเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรครั้งแรกในเดือนมีนาคม พ.ศ. 2535 สังกัดพรรคสามัคคีธรรม และได้รับเลือกเรื่อยมา รวม 3 สมัย ต่อมาในปี 2551 ถูกตัดสิทธิ์ทางการเมือง เป็นระยะเวลา 5 ปี เนื่องจากเป็นกรรมการบริหารพรรคพลังประชาชน

ในปี 2561 นายเทวัญได้รับเลือกให้ดำรงตำแหน่งหัวหน้าพรรคชาติพัฒนา และลงสมัครรับเลือกตั้งในการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรไทยเป็นการทั่วไป พ.ศ. 2562 แบบบัญชีรายชื่อ และได้รับเลือกตั้งเป็น สส. สมัยที่ 4

ต่อมาได้เข้าร่วมรัฐบาลของพลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา และได้รับแต่งตั้งเป็นรัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กระทั่งในวันที่ 20 กรกฎาคม พ.ศ. 2563 นายเทวัญ ได้ยื่นหนังสือลาออกจากตำแหน่ง รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เพื่อเปิดทางให้มีการปรับสัดส่วนคณะรัฐมนตรี และปัจจุบันปี พ.ศ. 2566 เศรษฐา ทวีสิน ได้แต่งตั้งให้เป็นที่ปรึกษานายกรัฐมนตรี

>> ผลงานในการสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร
เทวัญ ลิปตพัลลภ ได้รับการเลือกตั้งเป็นสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรทั้งหมด 4 สมัย คือ
1.การเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรไทยเป็นการทั่วไป มีนาคม พ.ศ. 2535 จังหวัดนครราชสีมา สังกัดพรรคสามัคคีธรรม
2.การเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรไทยเป็นการทั่วไป พ.ศ. 2544 จังหวัดนครราชสีมา สังกัดพรรคชาติพัฒนา ต่อมาคือพรรคไทยรักไทย
3.การเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรไทยเป็นการทั่วไป พ.ศ. 2548 จังหวัดนครราชสีมา สังกัดพรรคไทยรักไทย
4.การเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรไทยเป็นการทั่วไป พ.ศ. 2562 แบบบัญชีรายชื่อ สังกัดพรรคชาติพัฒนา

>>ผลงานด้านกีฬา 
อดีตเป็นประธานสโมสรฟุตบอลนครราชสีมา ฮอนด้า เอฟซี หรือที่รู้จักกันในนาม สวาทแคท ก่อนที่จะลาออกในปี 2561

‘นายกฯ’ ลุยต่างประเทศ เล็งเจรจา-ชักชวน บริษัทยักษ์ใหญ่ในสหรัฐฯ ลงทุนในไทย

(15 ก.ย. 66) แฟนเพจ ‘พรรคเพื่อไทย’ ได้โพสต์ข้อความระบุว่า…นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง กล่าวว่า เรื่องของการลงทุนเป็นเรื่องสำคัญ รัฐบาลให้ความสำคัญที่สุด ซึ่งในการเดินทางไปต่างประเทศก็จะถือโอกาสไปพบนักลงทุนที่จะมาลงทุนในประเทศไทยหลายบริษัทใหญ่ ๆ ทั้งนั้น เพื่อกระตุ้นการลงทุน เพราะเมื่อกระตุ้นการลงทุนก็จะยกระดับอุตสาหกรรมขึ้นไป

ผู้ดำเนินรายการถามว่า บอกได้ไหมว่าจะไปพบใครบ้าง ?

นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า หลายบริษัท ไม่ว่าจะเป็น Microsoft, Google, Estée Lauder และ Tesla และอีกหลายบริษัท โดยมีจุดมุ่งหมายเพื่อเชื้อเชิญให้มาลงทุนในประเทศไทย บอกเล่าว่าประเทศไทยดีอย่างไร เหนือประเทศคู่แข่งที่เขาจะไปลงทุนอย่างไร เพื่อให้เขามาลงทุนในไทย

เศรษฐา ทวีสิน
นายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง
THE STANDARD : END GAME
วันที่ 15 กันยายน 2566

‘พีระพันธุ์’ สั่งตรึงก๊าซหุงต้ม 423 บ./ถัง 15 กก.อีก 3 เดือน ไฟเขียว!! คงสัดส่วนผสมดีเซลบี 7 ช่วยลดภาระรายจ่าย ปชช.

(15 ก.ย. 66) นายพีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน เปิดเผยว่า ที่ประชุมคณะกรรมการบริหารนโยบายพลังงาน (กบง.) เมื่อวันที่ 14 ก.ย.ที่ผ่านมา เห็นชอบมาตรการลดภาระค่าใช้จ่ายด้านพลังงานให้แก่ประชาชน ตามมติคณะรัฐมนตรี (ครม.) วันที่ 13 ก.ย. 66 ให้คงราคาขายส่งหน้าโรงกลั่น ก๊าซปิโตรเลียมเหลว (แอลพีจี) หรือ ก๊าซหุงต้มที่ 20.9179 บาทต่อกิโลกรัม (กก.) เพื่อให้ราคาขายปลีกอยู่ที่ประมาณ 423 บาทต่อถัง 15 กก. ต่อไปอีก 3 เดือน มีผลบังคับใช้ตั้งแต่วันที่ 1 ตุลาคม – 31 ธันวาคม 2566

โดยมาตรการดังกล่าว จะช่วยลดภาระค่าใช้จ่ายด้านพลังงานให้กับประชาชน ตามนโยบายเร่งด่วนของรัฐบาล และมอบหมายให้คณะกรรมการบริหารกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิง (กบน.) บริหารราคาขายปลีกก๊าซแอลพีจีผ่านกลไกกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิงต่อไป

นายพีระพันธุ์ กล่าวว่า ที่ประชุม กบง.ยังมีมติเห็นชอบให้คงสัดส่วนการผสมไบโอดีเซลในน้ำมันกลุ่มดีเซลหมุนเร็วให้เป็นน้ำมันดีเซลหมุนเร็ว บี7 ต่อไปอีก 3 เดือน ให้มีผลตั้งแต่วันที่ 1 ตุลาคม – 31 ธันวาคม 2566

โดยที่ประชุมได้มอบหมายให้กรมธุรกิจพลังงาน (ธพ.) ออกประกาศ ธพ. เรื่อง กำหนดลักษณะและคุณภาพของน้ำมันดีเซล (ฉบับที่…) พ.ศ. 2566 ให้สอดคล้องกับการกำหนดสัดส่วนการผสมไบโอดีเซล และมอบหมายให้กระทรวงพลังงานประสานฝ่ายเลขานุการคณะกรรมการนโยบายปาล์มน้ำมันแห่งชาติ (กนป.) นำเสนอการกำหนดสัดส่วนการผสมไบโอดีเซล

ทั้งนี้ กบง.อาจมีการทบทวนสัดส่วนการผสมไบโอดีเซล ในน้ำมันกลุ่มดีเซลหมุนเร็วให้มีความเหมาะสม หากสถานการณ์น้ำมันปาล์มดิบภายในประเทศปรับลดลง และสต็อกน้ำมันปาล์มดิบมีแนวโน้มสูงขึ้นภายหลัง

ครม. แต่งตั้ง ‘พงศ์กวิน จึงรุ่งเรืองกิจ’ นั่งที่ปรึกษา ส่วน ‘สรวุฒิ เนื่องจำนงค์’ นั่งเลขาฯ ‘รมว.คมนาคม’

เมื่อไม่นานมานี้ นายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ รมว.คมนาคม เปิดเผยว่า ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) เมื่อวันที่ 13 ก.ย. 66 มีมติเห็นชอบแต่งตั้งบุคคลให้ดำรงตำแหน่งข้าราชการการเมือง ประกอบด้วย 1.นายสรวุฒิ เนื่องจำนงค์ เป็นเลขานุการรัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม และ 2.นายพงศ์กวิน จึงรุ่งเรืองกิจ เป็นที่ปรึกษารัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม โดยมีผลตั้งแต่บัดนี้เป็นต้นไป อย่างไรก็ตาม ในส่วนของเลขานุการ และที่ปรึกษา รมช. ของนางมนพร เจริญศรี และนายสุรพงษ์ ปิยะโชติ นั้น จะเสนอที่ประชุม ครม. พิจารณาแต่งตั้งในการประชุมครั้งถัดไป เนื่องจากเสนอจัดวาระการประชุมในครั้งนี้ไม่ทัน

ขณะเดียวกัน นายสุริยะ กล่าวต่อว่า ที่ประชุมยังได้พิจารณาเรื่องฟรีวีซ่า โดยเปิดให้นักท่องเที่ยวจีน และคาซัคสถาน เข้าประเทศได้โดยไม่ต้องขอวีซ่า ตั้งแต่วันที่ 25 ก.ย. 66-29 ก.พ. 67 ซึ่งในส่วนของกระทรวงคมนาคม ในฐานะที่ดูแลรับผิดชอบการบริหารจัดการท่าอากาศยานต่าง ๆ โดยเฉพาะท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ (ทสภ.) ท่าอากาศยานดอนเมือง (ทดม.) และท่าอากาศยานภูเก็ต (ทภก.) นั้น ได้สั่งการให้บริษัท ท่าอากาศยานไทย จำกัด (มหาชน) หรือ ทอท. และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เตรียมพร้อมรองรับ และอำนวยความสะดวกทุกด้าน ให้นักท่องเที่ยวที่จะเดินทางมายังประเทศไทย โดยให้ประสานกับสำนักงานตรวจคนเข้าเมือง และร่วมกันทำงาน เพื่อให้เกิดความรวดเร็ว ไม่เกิดปัญหาคิวผู้โดยสารหนาแน่นรอตรวจหนังสือเดินทาง

นายสุริยะ กล่าวอีกว่า ไม่รู้สึกกังวลใด ๆ มั่นใจว่าทุกหน่วยงานจะรับมือ และดูแลอำนวยความสะดวกนักท่องเที่ยวได้อย่างดี ซึ่งก่อนหน้านี้นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี ได้มอบนโยบายให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องรับทราบล่วงหน้าแล้ว จึงคาดว่าทุกหน่วยงานจะเตรียมความพร้อมได้อย่างดี อย่างไรก็ตามในวันที่ 15-16 ก.ย. นี้ ตนจะเดินทางพร้อมคณะของนายกรัฐมนตรีลงพื้นที่ จ.เชียงใหม่ และในวันที่ 29 ก.ย. นี้ จะลงพื้นที่ จ.ภูเก็ต โดยก่อนเดินทางจากท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ ไปท่าอากาศยานภูเก็ตนั้น จะแวะตรวจเยี่ยมการให้บริการอย่างไม่เป็นทางการของอาคารเทียบเครื่องบินรองหลังที่ 1 (SAT-1) ด้วย

อย่างไรก็ดี ในการลงพื้นที่ทั้ง 2 จังหวัดนั้น จะตรวจสอบความพร้อมของท่าอากาศยานเชียงใหม่ และท่าอากาศยานภูเก็ต รวมถึงการพัฒนาสนามบินแห่งที่ 2 ของ 2 จังหวัดดังกล่าวด้วย ขณะเดียวกันจะลงไปดูปัญหาการจราจรติดขัดในพื้นที่ จ.ภูเก็ต รวมถึงการพัฒนาถนนต่าง ๆ ซึ่งจะประชุมหารือร่วมกับ กรมทางหลวง (ทล.) ทางหลวงชนบท (ทช.) และการทางพิเศษแห่งประเทศไทย (กทพ.) ในโครงการต่าง ๆ ที่กำลังจะดำเนินการในพื้นที่ จ.ภูเก็ต โดยจะขอให้เร่งรัดดำเนินการ เพื่ออำนวยความสะดวกในการเดินทางให้ประชาชน อาทิ โครงการทางพิเศษ (ด่วน) สายกะทู้-ป่าตอง เป็นต้น ส่วนโครงการรถไฟฟ้าใน จ.ภูเก็ต และรถไฟฟ้าในต่างจังหวัดนั้น ขณะนี้ขอเร่งดำเนินการรถไฟฟ้าในพื้นที่กรุงเทพฯ และปริมณฑลก่อน


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top