‘รมว.ปุ้ย’ รับสื่อสารคลาดเคลื่อนกรณีแร่ลิเทียม แต่ยัน!! มีอยู่จริงในปริมาณหินที่มีการแทรกอยู่
(25 ม.ค. 67) ที่รัฐสภา ในการประชุมสภาผู้แทนราษฎร มีนายวันมูหะมัดนอร์ มะทา ประธานสภาผู้แทนราษฎร ทำหน้าที่ประธานการประชุม เพื่อพิจารณากระทู้ถามสดที่นายร่มธรรม ขำนุรักษ์ สส.พัทลุง พรรคประชาธิปัตย์ สอบถามนายกรัฐมนตรีถึงกรณีกรมอุตสาหกรรมพื้นฐาน และการเหมืองแร่ แถลงระบุประเทศไทยพบแหล่งแร่ลิเทียม จ.พังงา ที่มีมากเป็นอันดับ 3 ของโลก เพื่อใช้ผลิตแบตเตอรี่รถยนต์ไฟฟ้า แสดงให้เห็นสัญญาณดีประเทศไทยอาจเป็นแหล่งผลิตรถยนต์ไฟฟ้าระดับโลก แต่นักวิชาการหลายคนมองว่า ไม่น่าจะมีมากเป็นอันดับ 3 ของโลก อยากทราบว่า พบมาเป็นอันดับ 3 ของโลกจริงหรือไม่ ถ้าไม่ใช่เรื่องจริงก็เป็นเฟกนิวส์ของรัฐบาล ไม่ได้หลอกคนไทย แต่หลอกไปทั่วโลก ศูนย์เฟกนิวส์ต้องตรวจสอบให้ดีว่า ข่าวรัฐบาลเรื่องนี้เป็นเรื่องจริงหรือไม่ และการทำเหมืองแร่ลิเทียมจะส่งผลกระทบต่อธรรมชาติ ดังนั้นรัฐบาลมีแนวทางบริหารจัดการผลกระทบสิ่งแวดล้อมจากอุตสาหกรรมยานยนต์ไฟฟ้าอย่างไร
ด้านน.ส.พิมพ์ภัทรา วิชัยกุล รัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม ชี้แจงว่า ประเทศไทยมีการสำรวจแหล่งแร่ลิเทียม 2 แหล่ง ที่ จ.พังงา คือแหล่งเรืองเกียรติ และแหล่งบางอีตุ้ม เป็นแหล่งที่เข้าไปสำรวจแล้ว พบมีหินที่มีแร่ลิเทียมเป็นองค์ประกอบ โดยเฉพาะแหล่งเรืองเกียรติมีปริมาณหินที่มีลิเทียมแทรกอยู่ 14.8 ล้านตัน ความสับสนที่เกิดขึ้นเป็นศัพท์เทคนิคของเหมืองที่เข้าใจยาก 14.8 ล้านตันที่พบเป็นปริมาณหินที่มีแร่ลิเทียมแทรก ไม่ใช่จำนวนแร่ลิเทียม ให้กรมฯ ไปอธิบายให้ประชาชนเข้าใจแล้ว ยืนยันมีแหล่งแร่อยู่จริง
แต่ด้วยความที่ทุกคนตื่นเต้น การสื่อสาร ความเข้าใจศัพท์เทคนิคอาจไม่เป็นทางเดียวกัน ยอมรับมีการสื่อสารผิดพลาดเกิดขึ้น จะพยายามใช้ศัพท์ให้ตรงกันมากขึ้น เลี่ยงใช้ศัพท์เทคนิค แต่เรื่องที่เกิดขึ้นสร้างความมั่นใจให้นักลงทุนว่า เรามีสารตั้งต้นผลิตแบตเตอรี่ ไม่ว่าจะอยู่ลำดับใด ไม่ควรด้อยค่ากัน ให้ภูมิใจประเทศไทยมีแหล่งแร่ลิเทียม เป็นฮับผลิตรถอีวี จะมีการบริหารจัดการที่ดีเรื่องแร่ลิเทียมให้สามารถอยู่คู่กับชุมชน ไม่ต้องกังวล