Wednesday, 14 May 2025
NEWS

สำนักงานตำรวจแห่งชาติ และสมาคมโทรคมนาคมฯ ชี้แจงการสวมซิม (SIM SWAP)

สำนักงานตำรวจแห่งชาติ โดย พล.ต.อ.ดำรงศักดิ์  กิตติประภัสร์ ผบ.ตร., พล.ต.อ.รอย อิงคไพโรจน์ รอง ผบ.ตร.  พล.ต.อ.สมพงษ์ ชิงดวง ที่ปรึกษาพิเศษ ตร./หัวหน้าคณะทำงานสร้างเสริมภูมิคุ้มกันต้านภัยอาชญากรรมทางเทคโนโลยี และ พล.ต.ท.ธัชชัย ปิตะนีละบุตร ผู้ช่วย ผบ.ตร. มีความห่วงใยพี่น้องประชาชนกรณีมีการแชร์ในโลกโซเชียลเกี่ยวกับการสวมซิม (SIM SWAP) เพื่อควบคุมเครื่องโทรศัพท์และโอนเงินออกจากบัญชีไป จึงได้ร่วมกับสมาคมโทรคมนาคมแห่งประเทศไทย ในพระบรมราชูปถัมภ์ แถลงข่าว เมื่อวันที่ 26 ก.ค.2566 เวลา 10.30 น. ณ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ ตามที่มีการแชร์ในโซเชียล  ว่าขณะนี้มีการหลอกลวงทางเทคโนโลยีขั้นสูงที่เรียกว่า SIM SWAP FRAUD เริ่มจากขณะใช้งานโทรศัพท์อยู่ตามปกติ เครือข่ายโทรศัพท์ไม่มีสัญญาณ (Zero Bar) เป็นระยะเวลาหนึ่ง หลังจากนั้นไม่นาน มีโทรศัพท์อ้างว่าเป็นเจ้าหน้าที่จากบริษัทผู้ให้บริการโทรศัพท์มือถือแจ้งว่ามีปัญหาเครือข่ายสัญญาณมือถือ จากนั้นแนะนำให้กด 1 เพื่อเชื่อมต่อเครือข่ายอีกครั้ง เมื่อกด 1 เครือข่ายจะปรากฏขึ้นทันทีชั่วคราวและจะไม่มีสัญญาณอีกครั้ง (Zero Bar) ช่วงนี้คนร้ายได้ควบคุมเครื่องโทรศัพท์และโอนเงินออกจากบัญชีไป ขณะที่เจ้าของโทรศัพท์จะไม่ได้รับการแจ้งเตือนใด ๆ เนื่องจากซิมถูกเปลี่ยนขณะที่มือถือถูกตัดสัญญาณโทรศัพท์

พ.ต.อ.ก้องกฤษฎา  กิตติถิระพงษ์ รองผบก.ตอท.และ คุณเลิศรัตน์ รตะนานุกูล กรรมการบริหารและประชาสัมพันธ์  สมาคมโทรคมนาคมฯ ได้ชี้แจงว่า กรณีที่อาจโดนมิจฉาชีพสวมรอยหรือลักลอบการใช้ SIM นั้น ปัจจุบันผู้ให้บริการ และ กสทช. ในฐานะองค์กรกำกับดูแลได้มีมาตรการป้องกันกรณีการสวมสิทธิ์ออก SIM ทดแทน การแอบอ้าง รวมถึงในแง่เทคนิคซึ่งกรณีดังกล่าวจึงไม่อาจเกิดขึ้นได้หรือมีความเป็นไปได้น้อยมาก ดังนั้นเพื่อเป็นการป้องกันการตื่นตระหนก จึงขอชี้แจงให้ทราบโดยทั่วกันว่า ข้อความที่ส่งต่อกันทางออนไลน์คือ Fake News หากมีผู้ใดได้รับความเสียหายจากการสวมซิม         (SIM SWAP SCAM) ดังกล่าว กรุณาแจ้งได้ที่เว็บไซต์สมาคมโทรคมนาคมแห่งประเทศไทย ในพระบรมราชูปถัมภ์ http://tct.or.th , http://www.facebook.com/tct.or.th  หรือโทร. 02-0033781-2 หรือมีข้อสงสัย ให้โทรแจ้งสายด่วน 1441 สำนักงานตำรวจแห่งชาติ กรณีถูกคนร้ายหลอกลวงแจ้งความตำรวจผ่านระบบ www.thaipoliceonline.com

ทั้งนี้ประชาชน สามารถติดตามข้อมูลการแจ้งเตือนภัยออนไลน์ได้จาก เว็บไซต์ www.เตือนภัยออนไลน์.com หรือโทรสายด่วน 1441

ตำรวจ ปส.(NSB) ปฏิบัติการสกัดขบวนการค้ายา และปิดล้อมตรวจค้นพื้นที่กว่า 67 จุดทั่วประเทศ ได้ของกลางเป็นยาบ้ากว่า 6.7 ล้านเม็ด ไอซ์ 310 กก. ยึดทรัพย์กว่า 135 ล้านบาท

เมื่อวันที่ 26 ก.ค.66 เวลาประมาณ 10.00 น. พล.ต.อ.ชินภัทร สารสิน รอง ผบ.ตร./ผอ.ศอ.ปส.ตร., พล.ต.ท.สรายุทธ สงวนโภคัย ผบช.ปส.,พล.ต.ต.พลัฏฐ์ วิเศษสิงห์ ผบก.สกส., พล.ต.ต.สมกิตพุ่มวารี ผบก.ขส.พล.ต.ต.ปิยะวัฒน์ บุญยืนอนนต์ ผบก.ปส.1,พล.ต.ต.ธนรัชน์ สอนกล้า ผบก.ปส.2, พล.ต.ต.คมสิทธิ์ รังไสย์ ผบก.ปส.3 พล.ต.ต.พรศักดิ์ สุรสิทธิ์ ผบก.ปส.4 พร้อมด้วย เจ้าหน้าที่ ป.ป.ส. และ กอ.รมน. ร่วมแถลงผลการจับกุมเครือข่ายยาเสพติดตามนโยบายของ พล.ต.อ.ดำรงศักดิ์ กิตติประภัสร์ ผบ.ตร. ให้กวาดล้างจับกุมเครือข่ายยาเสพติด รายใหญ่และรายย่อยให้หมดสิ้นโดยเร็ว ล่าสุดตำรวจ ปส.(NSB) สามารถจับกุมผู้ต้องหา 20 ราย พร้อมของกลางยาบ้า 6.7 ล้านเม็ด ไอซ์ 310 กก. และมีการเปิดปฏิบัติการปิดล้อมตรวจค้น กว่า 67 จุด ยึดอายัดทรัพย์สินทั้งที่ดินพร้อมสิ่งปลูกสร้าง รถยนต์ รถจักรยานยนต์ และทรัพย์สินอื่นๆ มูลค่ารวมกว่า 135 ล้านบาท และเร่งขยายผลจับกุมเครือข่ายที่เหลือต่อไป

รายแรก จากการขยายผลของตำรวจ บก.สกส. ในจับกุมเครือข่ายยาเสพติดพื้นที่ จ.ลพบุรี  พบว่ายังมีกลุ่มผู้ร่วมขบวนการลักลอบลำเลียงยาเสพติดเป็นชาติพันธุ์ (เผ่าม้ง) ซึ่งมีพฤติการณ์การรับจ้างลำเลียงยาเสพติด ให้กับกลุ่มผู้ค้ายาเสพติด ทราบชื่อว่านายจำรัส กับพวก โดยจะลำเลียงยาเสพติดจากพื้นที่ทาง จ.เชียงราย นำไปส่งมอบให้กับลูกค้าทางพื้นที่ภาคกลาง จึงวางแผนจับกุม จนกระทั่งวันที่ 9 ก.ค.66 เวลาประมาณ 12.30 น. พบรถยนต์ยี่ห้อ FORD RANGER  สีฟ้า ทะเบียน บพ 94XX พะเยา ใช้ในการซุกซ่อนและลำเลียงยาเสพติด โดยมีนายจำรัส เป็นผู้ขับขี่ และ รถยนต์ ยี่ห้อ HONDA MOBILIO  สีขาว ทะเบียน 4 กพ 574 กทม. ใช้ในการคุ้มกัน/สำรวจด่าน โดยมี น.ส.ณกัญญาชนาภัทร และนางสุภาพ เป็นผู้ขับขี่ ตำรวจ ปส.ได้ติดตามรถทั้ง 2 คัน และสามารถจับกุม   ได้ที่บริเวณรีสอร์ทแห่งหนึ่ง ม.6 ต.ป่าแฝก อ.กงไกรลาศ จ.สุโขทัย จากการตรวจค้นพบ ยาบ้า จำนวนประมาณ 3.9 ล้านเม็ด ได้ที่รถคันที่นายจำรัส ขับขี่ โดย น.ส.ณกัญชนาภัทร และนางสุภาพ รับว่าเป็นผู้ขับขี่รถนำสำรวจเส้นทาง จากนั้นจึงนำตัวผู้ต้องหา พร้อมของกลาง ส่งพนักงานสอบสวนดำเนินคดีตามกฎหมาย และขยายผลออกหมายจับผู้บุคคลในเครือข่ายและยึดทรัพย์สินตามประมวลกฎหมายยาเสพติด พ.ศ.2564 ต่อไป

รายที่ 2 ตำรวจ ปส.3 ได้สืบสวนทราบว่าเครือข่ายของ น.ส.อัญชนิสา มีพฤติการณ์ลักลอบลำเลียงยาเสพติดในพื้นที่ภาคเหนือไปส่งให้ลูกค้า โดยผ่าน จ.นครสวรรค์ จึงทำการสืบสวนจับกุม ต่อมาเมื่อวันที่ 13 ก.ค.66 ตำรวจ ปส.3 ได้ร่วมกันตั้งด่านตรวจค้น บริเวณถนนพหลโยธินขาเข้า ต.ย่านมัทรี อ.พยุหะคีรี จ.นครสวรรค์ จนกระทั่งเวลาประมาณ 09.10 น. ได้พบรถยนต์กระบะบรรทุกข้าวโพด ยี่ห้อ โตโยต้า รีโว่ สีขาว ทะเบียน 3 ฒต 9xx กทม. ขับขี่เข้ามาบริเวณหน้าด่านตรวจ โดยมี น.ส.อัญชนิสา เป็นผู้ขับขี่ และ น.ส.บุญญิสา นั่งไปด้วย และแสดงอาการพิรุธ จึงได้เรียกตรวจค้น จากการสอบถามผู้ขับขี่แจ้งว่ารับข้าวโพดมาจาก จ.เชียงราย จะนำไปส่งที่ตลาดไทตำรวจชุดจับกุมสังเกตเห็นว่า ข้าวโพดไม่ได้เรียงทับถม และส่งกลิ่นเหม็น จึงได้นำรถยนต์คันดังกล่าวเข้าทำการเอ็กซ์เรย์ยาเสพติด ที่ตั้งอยู่ในด่านตรวจพยุหะคีรี ผลการเอ็กซ์เรย์และการตรวจค้นพบวัตถุสิ่งแปลกปลอมลักษณะเป็นก้อนสี่เหลี่ยม มากับข้าวโพดจึงได้นำรถรถยนต์คันดังกล่าวมาตรวจค้น ผลปรากฏว่าพบยาบ้า 1.5 ล้านเม็ด โดยมีข้าวโพดปิดทับอำพรางไว้แล้วปิดคลุมด้วยผ้าใบสีเข้ม จากนั้นจึงจับกุมตัวผู้ต้องหา พร้อมของกลาง ส่งพนักงานสอบสวน ปส.3 เพื่อดำเนินคดีและขยายผลถึงผู้ร่วมขบวนการต่อไป

รายที่ 3 สืบเนื่องจาก ตำรวจ ปส.2 ร่วมกับ บก.ขส. ได้จับกุมเครือข่ายยาเสพติด ในพื้นที่ จ.นครราชสีมา จากนั้นได้สืบสวนขยายผลจนทราบว่านายตะวันหรือเปียว กับพวก มีพฤติการณ์ลักลอบลำเลียงยาเสพติดจากแนวชายแดนภาคอีสานเข้าสู่พื้นที่ตอนใน โดยใช้รถตู้ยี่ห้อโตโยต้า รุ่นคอมมิวเตอร์ สีขาว ทะเบียน ฮง-77XX กทม. เป็นยานพาหนะในการลำเลียงยาเสพติดในครั้งนี้ จึงได้ร่วมกันวางแผนการจับกุม วางกำลังตามเส้นทางที่คาดว่ากลุ่มนายตะวัน จะใช้เป็นเส้นทางในการลำเลียงยาเสพติดในครั้งนี้ จนกระทั่งวันที่ 18 ก.ค.66 เวลากลางคืน ต่อเนื่องวันที่ 19 ก.ค.66 พบรถคันเป้าหมายในเขตพื้นที่ จ.มหาสารคาม ขับมุ่งหน้ามุ่งหน้าไป จ.บุรีรัมย์ จนเข้าเขต จ.นครราชสีมา จึงได้สกัดจับกุมได้ที่บริเวณสถานีน้ำมันในพื้นที่ ต.หนองหัวแรต อ.หนองบุญมาก จ.นครราชสีมา โดยมีนายตะวันหรือเปียว (เป็นผู้ขับขี่)  นางสาวพัณณิตา หรือแป้ง (นั่งคู่คนขับ) และมีนายมาโนช หรือดิว    (นอนอยู่ด้านหลัง)  พร้อมของกลางเป็นยาเสพติด ไอซ์ 300 กก. บรรจุในกระสอบ จำนวน 8 กระสอบ ซุกซ่อนอยู่ในรถยนต์ และอาวุธปืนไรเฟิล 1 กระบอก และปืนสั้น 1 กระบอก จากนั้นจึงจับกุมตัวผู้ต้องหาพร้อมของกลาง นำส่ง พงส.ปส.2 เพื่อดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป

รายที่ 4   ตำรวจ ปส.4 (นปส.ภูเก็ต) ได้สืบสวนขยายผลจากการตรวจยึดยาเสพติด ที่ส่งทางไปรษณีย์พัสดุภัณฑ์ ในภาคใต้ จนทราบว่านายเนติกร และ น.ส.พรนำภา มีพฤติการณ์ลักลอบขนส่งยาเสพติดผ่านทางไปรษณีย์พัสดุภัณฑ์ โดยใช้รถยนต์ ทะเบียน กอ 1XXX ภูเก็ต เป็นพาหนะ จึงได้ติดตามเฝ้าระวังบุคคลและรถยนต์คันดังกล่าว จนกระทั่งทราบว่า นายเนติกร และ น.ส.พรนำภา ได้ขับรถยนต์ ทะเบียน กอ 1XXX ภูเก็ต จะไปรับยาเสพติดที่   จ.สมุทรสาคร จึงประสานให้ตำรวจ ปส.4 ประจำด่านยานพาหนะชุมพร สกัดจับรถคันดังกล่าว ต่อมาวันที่ 7 ก.ค.66 ตำรวจ ปส.4 ประจำด่านยานพาหนะชุมพร สามารถสกัดจับกุมรถคันดังกล่าวได้ จากการตรวจค้น  พบยาบ้าประมาณ 200 เม็ด และไอซ์ประมาณ 38 กรัม และพบสลิปการส่งพัสดุ จากการสอบถามนายเนติกร และ น.ส.พรนำภา รับว่าไปรับยาเสพติดที่ จ.สมุทรสาคร โดยพัสดุได้ถูกส่งให้กับลูกค้าพื้นที่ จ.ระนอง,จ.สุราษฎร์ธานี ,จ.พังงา และ จ.ภูเก็ต ตำรวจ ปส.4 จึงขยายผลไปตรวจยึดพัสดุที่ศูนย์กระจายสินค้า บริษัท Flash Express จ.ชุมพร และ จ.สุราษฎร์ธานี จำนวน 5 กล่อง ของกลางยาบ้า ประมาณ 160,000 เม็ด และ ไอซ์ 10 กก. จึงจับกุมตัวผู้ต้องหาพร้อมของกลางส่ง พงส.ปส.4 เพื่อดำเนินการขยายผลถึงผู้ร่วมขบวนการต่อไป

รายที่ 5   ตำรวจ ปส.4 ได้ทำการสืบสวนพบว่า มีกลุ่มผู้ลักลอบลำเลียงยาเสพติดจากพื้นที่ภาคใต้ได้เดินทางไปรับยาเสพติดจากพื้นที่ภาคกลางและจะนำส่งผู้รับในพื้นที่จังหวัดภาคใต้โดยใช้รถยนต์ ทะเบียน 3ขบ 4xxx กทม. เป็นพาหนะ และได้ทำการเปลี่ยนทะเบียนรถคันเดียวกัน เป็น กท 8xxx ประจวบคีรีขันธ์ ต่อมาพบรถยนต์คันหมายเลขทะเบียน กท 8xxx ประจวบคีรีขันธ์ บริเวณทางหลวงสาย 41 อ.ถ้ำพรรณรา จ.นครศรีธรรมราช จึงตั้งจุดสกัดบริเวณแยกหนองดี ต.ทุ่งสง อ.นาบอน จ.นครศรีธรรมราช จนกระทั่งวันที่ 15 ก.ค.66 รถยนต์เป้าหมาย ยังไม่เข้าจุดสกัด จากการสืบสวนติดตาม ทราบว่า รถคันดังกล่าวได้เปลี่ยนป้ายทะเบียน เป็นทะเบียน 3ขบ 4xxx กทม. และขับหลบหนีมุ่งหน้า อ.ทุ่งใหญ่ จ.นครศรีธรรมราช ตำรวจ ปส.4 จึงติดตามไปจนถึงพื้นที่ ต.ปริก อ.ทุ่งใหญ่ จ.นครศรีธรรมราช และพบรถคันดังกล่าว จึงเรียกให้หยุดรถเพื่อทำการตรวจค้น จากการตรวจค้นพบยาบ้า 1,000,000 เม็ด ซุกซ่อนอยู่บริเวณเบาะหลัง ทราบชื่อนายจนุมาศ เป็นผู้ขับขี่ และ น.ส.เบญจวรรณ นั่งข้างคนขับ จากการสอบถาม ผู้ต้องหาทั้งสองรับว่าได้รับยาเสพติดมาจาก จ.สิงห์บุรี เพื่อนำส่งผู้รับที่ จ.สงขลา จึงควบคุมตัวผู้ต้องหาพร้อมของกลางนำส่ง พงส.ปส.4 ดำเนินคดีและขยายผลถึงผู้ร่วมขบวนการต่อไป

ส่วนรายที่ 6   ก่อนการจับกุม ตำรวจ ปส.4 ทำการสืบสวนทราบว่า จะมีพัสดุบรรจุยาเสพติด ส่งผ่านบริษัทขนส่งเอกชน(Kerry Express) จาก จ.เชียงราย ส่งไปยังผู้รับพื้นที่จังหวัดสงขลา จำนวน 1 กล่อง ตำรวจ ปส.4    จึงติดตามพัสดุ โดยประสานกับบริษัท Kerry Express สาขาเกาะยอ ต.เกาะยอ อ.เมือง จ.สงขลา จากการตรวจสอบพัสดุ พบว่าหน้ากล่องระบุ ผู้ส่ง “ณัฐนันท์ ผู้รับ คุณเอกชัย ที่อยู่ ต.พะวง อ.เมือง จ.สงขลา ระบุน้ำหนัก 16.350 กก. กำหนดส่งวันที่  20 ก.ค.66” จากการตรวจสอบชื่อผู้ส่งและผู้รับในระบบฐานข้อมูลทะเบียนราษฎร์ ไม่พบข้อมูลดังกล่าว ประกอบกับข้อมูลที่น่าเชื่อว่ามียาเสพติดซุกซ่อนอยู่ภายในกล่องพัสดุจริง จึงได้ขอความร่วมมือให้เจ้าพนักงานบริษัท Kerry Express ตรวจสอบพัสดุดังกล่าว  ผลการตรวจสอบ พบยาบ้าประมาณ 100,000 เม็ด จึงทำการบันทึกตรวจยึดของกลาง นำส่ง พงส.ปส.4 เพื่อดำเนินคดีและจะขยายผลเพื่อจับกุมผู้ร่วมขบวนการต่อไป

นอกจากนี้ ในห้วงเดือน ก.ค.66 ตำรวจ ปส. ได้เปิดปฏิบัติการปิดล้อมตรวจค้น รวม 67 จุด ทั่วประเทศ ได้แก่ จ.พระนครศรีอยุธยา สมุทรปราการ ปทุมธานี ชลบุรี อุดรธานี ชลบุรี นครพนม เชียงใหม่ ตาก นครสวรรค์ สงขลา ฯลฯ โดย บก.ปส. 3 ปิดล้อมตรวจค้น 31 เป้าหมาย จับกุมผู้ต้องหาเครือข่ายยาเสพติด 4 ราย ยึดอายัดทรัพย์สินไว้ตรวจสอบ เช่น รถยนต์ ที่ดินและสิ่งปลูกสร้าง มูลค่ากว่า 19 ล้านบาท และ บก.ปส.2 ได้เปิดปฏิบัติการปิดล้อมตรวจค้น 36 จุด  สามารถจับกุมผู้ต้องหาได้ 3 ราย ยึดอายัดทรัพย์สินไว้ตรวจสอบ ได้แก่ รถยนต์ 7 คัน จยย. 2 คัน ที่ดินพร้อมสิ่งปลูกสร้าง 5 แปลง ที่ดินพร้อมสวนยางพารา 1 แปลง โฉนดที่ดิน 9 ฉบับ บัญชีธนาคารยอดเงิน 1.1 ล้านบาท และทรัพย์สินอื่น ๆ รวมมูลค่ากว่า 116 ล้านบาท   

สรุปผลการจับกุม 6 ราย และปฏิบัติการปิดล้อมตรวจค้น มีการจับกุมผู้ต้องหา 20 คน ยึดของกลาง ยาบ้า 6.7 ล้านเม็ด ไอซ์ 310 กก. ปิดล้อมตรวจค้นกว่า 67 จุด ยึดอายัดทรัพย์สินมูลค่ากว่า 135 ล้านบาท 

ทั้งนี้ตำรวจ ปส.(NSB) จะสอบสวนเพื่อขย¬ายผลหาผู้สั่งการขบวนการค้ายาเสพติดต่อไป ขณะที่ยาเสพติดของกลางที่ตรวจยึดมาได้นั้นพนักงานสอบสวนจะส่งไปตรวจพิสูจน์ยังหน่วยที่กำหนดไว้ อาทิ สำนักงาน ป.ป.ส.,กรมวิทยาศาสตร์การแพทย์, สำนักงานพิสูจน์หลักฐานตำรวจ และสถาบันนิติวิทยาศาสตร์ หลังจากนั้นยาเสพติดของกลางจะถูกเก็บรักษาไว้ที่กระทรวงสาธารณสุข เพื่อการทำลายต่อไป

4 เด็กไทยสร้างชื่อ!! แข่งขันเคมีโอลิมปิก 2023 ที่ซูริก คว้า 1 ทอง 2 เงิน 1 ทองแดง มีเหรียญกลับประเทศทุกคน

เมื่อวานนี้ (26 ก.ค. 66) เพจ ‘IPST Thailand’ สถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี (สสวท.) โพสต์ข้อความแสดงความยินดีกับ 4 เยาวชนตัวแทนของประเทศไทยที่ได้รับเหรียญรางวัลจากการแข่งขันเคมีโอลิมปิกระหว่างประเทศ ณ เมืองซูริก สมาพันธรัฐสวิส ระบุว่า…

จากการแข่งขันเคมีโอลิมปิกระหว่างประเทศ ประจำปี พ.ศ. 2566 (55th IChO 2023) ระหว่างวันที่ 16 - 25 กรกฎาคม 2566 ณ เมืองซูริก สมาพันธรัฐสวิส โดยมีผู้เข้าแข่งขันจากประเทศไทย จำนวน 4 คน ผลปรากฎว่าเด็กไทยทั้ง 4 คนสามารถคว้าผลการแข่งขันกลับประเทศได้อย่างยอดเยี่ยม ดังนี้...

1. นายจิรโรจน์ ชวนะสุนทรพจน์ โรงเรียนสาธิตมหาวิทยาลัยศรีนครินทรวิโรฒประสานมิตร (ฝ่ายมัธยม) ได้รับรางวัล เหรียญทอง 🥇
2. นายคณิศร กิรติพงษ์วุฒิ โรงเรียนมหิดลวิทยานุสรณ์ ได้รับรางวัล เหรียญเงิน 🥈
3. นายพีรดนย์ แซ่จึง โรงเรียนมหิดลวิทยานุสรณ์  ได้รับรางวัล เหรียญเงิน 🥈
4. นางสาวอมาษญา เลี้ยงบำรุง โรงเรียนเตรียมอุดมศึกษา ได้รับรางวัล เหรียญทองแดง 🥉

สำหรับการแข่งขันในครั้งนี้ มีคณะอาจารย์ผู้ควบคุมทีม ประกอบด้วย...

1. ผศ. ดร.ณัฐพงศ์ ไพบูลย์วรชาติ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย หัวหน้าทีม
2. รศ. ดร.ไพบูลย์ เงินมีศรี มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ รองหัวหน้าทีม
3. ผศ. ดร.ไชยา ประสิทธิชัย มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ ผู้ช่วยหัวหน้าทีม
4. ผศ. ดร.ศรัญพงศ์ ยิ้มกลั่น มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ ผู้แทนศูนย์ สอวน.
5. นายกฤชพล นิตินัยวินิจ สสวท. ผู้จัดการทีม

ศรชล.สตูล จัดกิจกรรมโครงการ “รักษ์ทะเลบ้านเรา” เพื่อสร้างความรับรู้การอนุรักษ์ทรัพยากรของชาติ และการรักษาผลประโยชน์ของชาติทางทะเลให้กับเยาวชนในพื้นที่จังหวัดสตูล

อาคารเย็นศิระ โรงเรียนราชประชานุเคราะห์ 42 จังหวัดสตูล ตำบลคลองขุด อำเภอเมืองสตูล จังหวัดสตูล พลเรือโท อาภากร อยู่คงแก้ว ผู้อำนวยการศูนย์อำนวยการรักษาผลประโยชน์ของชาติทางทะเลภาค 3 ผู้บัญชาการทัพเรือภาคที่ 3  เป็นประธานกิจกรรมโครงการ “รักษ์ทะเลบ้านเรา” ปลูกฝังสร้างจิตสำนึกให้กับเยาวชนรู้คุณค่าของทรัพยากรธรรมชาติทางทะเลในพื้นที่จังหวัดสตูล โดยมี นาวาเอกแสนย์ไท บัวเนียม รองผู้อำนวยการรักษาผลประโยชน์ของชาติทางทะเลจังหวัดสตูล พร้อมด้วยหัวหน้าส่วนราชการ นักเรียนและกำลังพลจากหน่วยต่างๆ เข้าร่วมกิจกรรมเป็นจำนวนมาก

สำหรับกิจกรรมในครั้งนี้ ศูนย์อำนวยการรักษาผลประโยชน์ของชาติทางทะเลภาค 3 ร่วมกับ ทัพเรือภาคที่ 3ได้กำหนดจัดกิจกรรม โครงการ“รักษ์ทะเลบ้านเรา” ให้กับเยาวชนนักเรียนในพื้นที่จังหวัดสตูล สร้างความรับรู้ในการรักษาผลประโยชน์ของชาติทางทะเลและปลูกฝังสร้างจิตสำนึกให้กับเยาวชน ได้รู้จักและเห็นคุณค่าของทรัพยากรธรรมชาติทางทะเลรวมทั้งช่วยกันดูแลและรักษาไว้ให้ยั่งยืนต่อไป ซึ่งมีเยาวชนนักเรียนในพื้นที่จังหวัดสตูลเข้าร่วมกิจกรรม จำนวน 50 คน มีกิจกรรมประกอบด้วย การบรรยายให้ความรู้เกี่ยวกับ ความสำคัญของทรัพยำกรธรรมชาติทางทะเลในท้องถิ่น เช่น ป่าชายเลนแหล่งที่อยู่อาศัยสัตว์ทะเล เป็นต้น มีการเยี่ยมชมสถานเรียนรู้ต่างๆ  เช่น ศูนย์เรียนรู้ศึกษาธรรมชาติของอุทยานแห่งชาติทะเลบัน ล่องเรือชมนกอินทรีย์ทะเลบริเวณคลองตำมะลัง กิจกรรมปล่อยพันธุ์สัตว์น้ำกุ้งกุลาดำ จำนวน 90,000 ตัว ศึกษาเรียนรู้ทรัพยากรป่าชายเลนตำมะลังและสัตว์ที่อาศัยอยู่ในพื้นที่ป่าชายเลน และกิจกรรมปลูกป่าชายเลน ณ ศูนย์อนุรักษ์ทรัพยากรป่าชายเลนที่ 24 อีกด้วย

"เชียงราย" หมายจับชายแดน ตม.เชียงรายรับตัวผู้ต้องหากลับไทย"

เมื่อวันที่ 26 กรกฎาคม 2566ที่ผ่านมา พ.ต.อ.เขมชาติ วัฒนนภาเกษม ผู้กำกับด่านตรวจคนเข้าเมืองจังหวัดเชียงรายได้สั่งการให้ชุดสืบสวน ตม.จว.เชียงรายและเจ้าหน้าที่ตรวจคนเข้าเมืองเชียงรายหลังได้รับการประสานจากเจ้าหน้าที่ตรวจคนเข้าเมืองจังหวัดท่าขี้เหล็กสาธารณรัฐแห่งสหภาพเมียนมาว่าจะมีการส่งตัวผู้ต้องหาจุด

ผ่านแดนถาวรสะพานข้ามแม่น้ำสายแห่งที่1โดยถูกดำเนินคดีในประเทศเมียนมาและคดีได้สิ้นสุดแล้วจึงได้ประสานกับทางเจ้าหน้าที่ ตม.จว.เชียงรายเพื่อส่งตัวกลับไทยจากการตรวจสอบในระบบสารสนเทศสำนักงานตำรวจแห่งชาติและระบบศูนย์ข้อมูลอาชญากรรมพบว่าเป็นผู้ต้องหาตามหมายจับศาลจังหวัดเชียงรายได้หลบหนีไปอยู่ในพื้นที่จังหวัดท่าขี้เหล็กประเทศเมียนมาเจ้าหน้าที่ชุดจับกุมได้แสดงหมายจับศาลจังหวัดเชียงรายที่จ348/2565ลงวันที่27พฤศจิกายน2565ในความผิดฐาน"วิ่งราวทรัพย์โดยใช้ยานพาหนะเพื่อสะดวกแก่การกระทำผิดหรือการพาทรัพย์นั้นไปหรือเพื่อ

ให้พ้นการจับกุมให้นายเสรี มะแสง ดูและรับว่าตนเป็นบุคคลเดียวกันกับหมายจับนี้จริงและยังไม่เคยถูกจับกุมตามหมายจับนี้มาก่อนแต่อย่างใดและได้ลักลอบหลบหนีไปยังประเทศเมียนมาตามช่องทางธรรมชาติเขตอำเภอแม่สายโดยไม่ผ่านการตรวจของเจ้าหน้าที่แต่อย่างใดเจ้าหน้าที่ชุดจับจุมจึงได้แจ้งข้อกล่าวหาว่า"ไม่เดินทางเข้ามาหรือออกไปตามช่อทางด่านตรวจคนเข้าเมืองเขตท่าสถานีหรือท้องที่และตามกำหนดเวลาจึงได้เปรียบเทียบปรับ.ณ.ที่ทำการ ตม.จว.เชียงรายและได้ควบคุมตัวนำส่งสถานีตำรวจภูธรแม่สายดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป

การประชุมผู้บัญชาการเหล่าทัพ ครั้งที่ ๕ ประจำปีงบประมาณ พ.ศ.๒๕๖๖

วันอังคารที่ ๒๕ กรกฎาคม ๒๕๖๖ เวลา ๑๐.๑๕ นาฬิกา กองบัญชาการกองทัพไทย จัดการประชุมผู้บัญชาการเหล่าทัพ ครั้งที่ ๕ ประจำปีงบประมาณ พ.ศ.๒๕๖๖ โดยมี พลเอก เฉลิมพล  ศรีสวัสดิ์ ผู้บัญชาการทหารสูงสุด เป็นประธาน พร้อมด้วย ผู้บัญชาการทหารบก ผู้บัญชาการทหารเรือ ผู้บัญชาการทหารอากาศ และ ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ เข้าร่วมประชุม ณ ห้องศรียานนท์ ชั้น ๒ อาคาร ๑ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ 

ในโอกาสนี้ ผู้บัญชาการทหารสูงสุด ได้มอบนโยบายให้เหล่าทัพ และสำนักงานตำรวจแห่งชาติ จัดกิจกรรมเฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เนื่องในโอกาสวันเฉลิมพระชนมพรรษา ๒๘ กรกฎาคม ๒๕๖๖ อย่างเต็มขีดความสามารถและสมพระเกียรติ พร้อมทั้งปลูกฝังกำลังพลทุกนาย ให้มีความจงรักภักดี ปกป้อง พิทักษ์รักษา และเทิดทูนสถาบันพระมหากษัตริย์ ตลอดจนให้ทุกหน่วยบูรณาการการทำงานร่วมกับทุกภาคส่วน ในการเสริมสร้างความมั่นคง ความปลอดภัย และความสงบสุขให้กับประชาชนในประเทศ 

ในวันนี้ ที่ประชุมฯ ได้รับทราบผลการปฏิบัติงานที่สำคัญ และแนวทางการพัฒนาขีดความสามารถของกองทัพในด้านต่าง ๆ ดังนี้ 

กองบัญชาการกองทัพไทย ได้ชี้แจงแนวทางดำเนินการด้านการพัฒนาประเทศเพื่อความมั่นคงและช่วยเหลือประชาชนของกองทัพไทย โดยด้านการพัฒนาประเทศในปัจจุบัน ยึดถือตามนโยบายและแผนความมั่นคงที่ ๑๗ การเสริมสร้างความมั่นคงเชิงพื้นที่ของนโยบายและแผนระดับชาติว่าด้วยความมั่นคงแห่งชาติ พ.ศ.๒๕๖๖-๒๕๗๐ รวมถึงแนวทางการบริหารจัดการเพื่อเสริมสร้างความมั่นคงเชิงพื้นที่ พ.ศ.๒๕๖๖-๒๕๗๐ ของสำนักงานสภาความมั่นคงแห่งชาติ ซึ่งกองบัญชาการกองทัพไทย มีกลไกการดำเนินงานที่สำคัญ ได้แก่ กรมกิจการชายแดนทหาร รับผิดชอบงานด้านการจัดระบบป้องกันและการสื่อสาร เพื่อจัดระเบียบพื้นที่ชายแดน รวมถึงการรักษาความมั่นคงชายแดนไทยกับประเทศเพื่อนบ้าน และหน่วยบัญชาการทหารพัฒนา รับผิดชอบงานด้านการพัฒนาประเทศร่วมกับส่วนราชการที่เกี่ยวข้อง โดยเฉพาะในพื้นที่ชายแดน สำหรับการช่วยเหลือประชาชน เมื่อเกิดภัยพิบัติ มีศูนย์บรรเทาสาธารณภัยกระทรวงกลาโหม เป็นศูนย์กลางในการประสานงานกับทุกภาคส่วน โดยกองทัพไทย มีศูนย์บัญชาการทางทหาร ทำหน้าที่ศูนย์บรรเทาสาธารณภัยกองทัพไทย รับผิดชอบด้านการอำนวยการ ประสานงาน สั่งการ และกำกับดูแลการปฏิบัติของศูนย์บรรเทาสาธารณภัยกองบัญชาการกองทัพไทย และศูนย์บรรเทาสาธารณภัยเหล่าทัพ เพื่อให้การเตรียมการป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยในพื้นที่รับผิดชอบ เป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ ทันต่อสถานการณ์ 

กองทัพบก ได้ชี้แจงแนวทางการช่วยเหลือและบรรเทาความเดือดร้อนของประชาชนในสถานการณ์ภัยพิบัติ โดยได้เตรียมความพร้อมด้านโครงสร้างและแผนปฏิบัติการ ด้วยการปรับปรุงแผนบรรเทาสาธารณภัยกองทัพบก ให้มีความทันสมัย และสอดคล้องกับแผนป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยแห่งชาติ พ.ศ.๒๕๖๔-๒๕๗๐ รวมถึงแผนบรรเทาสาธารณภัย กระทรวงกลาโหม พ.ศ.๒๕๖๔ ตลอดจนเตรียมความพร้อมด้านกำลังพล โดยการให้ความรู้ พัฒนาขีดความสามารถกำลังพล รวมถึงสนับสนุนกำลังพลในการเข้ารับการซักซ้อมแผนเผชิญเหตุร่วมกับส่วนราชการที่เกี่ยวข้องในทุกระดับการเกิดภัย อาทิ การเตรียมความพร้อมชุดบรรเทาสาธารณภัยเคลื่อนที่เร็วและการฝึกแลกเปลี่ยนผู้เชี่ยวชาญด้านการดับไฟป่า (Bush Fire SMEE 2023) เป็นต้น นอกจากนี้ยังมีการเตรียมความพร้อมด้านยุทโธปกรณ์ โดยการจัดหายุทโธปกรณ์เพื่อเพิ่มความปลอดภัยของกำลังพลในการปฏิบัติงาน รวมถึงการจัดทำโครงการเสริมสร้างชุดบรรเทาสาธารณภัยเคลื่อนที่เร็ว ให้มีขีดความสามารถในการค้นหาและกู้ภัยเบื้องต้น เป็นมาตรฐานสากลสามารถปฏิบัติงานร่วมกับฝ่ายพลเรือนได้อย่างมีประสิทธิภาพ 

กองทัพเรือ ได้นำเสนอขีดความสามารถของเรือหลวงช้างในการบรรเทาภัยพิบัติและช่วยเหลือประชาชนซึ่งถือเป็นเรืออเนกประสงค์ยกพลขึ้นบกขนาดใหญ่ มีขีดความสามารถในการปฏิบัติการยุทธสะเทินน้ำสะเทินบก การขนส่งลำเลียง การเป็นเรือบัญชาการ การค้นหาและกู้ภัยทางทะเล รวมทั้งสนับสนุนการช่วยเหลือกู้ภัยเรือดำน้ำ มีความสามารถในการช่วยเหลือและบรรเทาสาธารณภัย การอพยพประชาชน สนับสนุนการป้องกันและต่อต้านการก่อการร้ายในทะเลและท่าเรือ โดยมีกำลังพลประจำเรือทั้งสิ้น ๑๙๖ นาย มีคุณลักษณะความยาวตลอดลำ ๒๑๓ เมตร ความกว้าง ๒๘ เมตร กินน้ำลึก ๗ เมตร ระวางขับน้ำสูงสุด ๒๐,๐๐๓ ตัน ทำความเร็ว ๒๓ นอต ทนแรงคลื่นสูงกว่า ๑๔ เมตร มีความเหมาะสมในภารกิจช่วยเหลือด้านมนุษยธรรมและบรรเทาภัยพิบัติ อาทิ การช่วยเหลือผู้ประสบภัยทางอากาศ การช่วยเหลือผู้ประสบภัยทางน้ำ การพักอาศัย การประกอบอาหาร และการช่วยเหลือทางการแพทย์ โดยมีห้องปฏิบัติการแพทย์ จำนวน ๑๑ ห้อง ห้องผู้ป่วย ๓ ห้อง ส่วนรักษา ๘ ห้อง แบ่งเป็นห้อง X-ray ห้องทันตกรรม ห้องศัลยกรรม ห้องตรวจโรค ห้องยา ห้อง LAB ห้องฆ่าเชื้อ และห้องผ่าตัด ซึ่งสามารถรองรับการจัดตั้งโรงพยาบาลสนามระดับ ๒ บนเรือได้ เรือหลวงช้างจึงเป็นกำลังสำคัญของกองทัพเรือในการป้องกันประเทศในยามสงครามและรักษาผลประโยชน์ของชาติทางทะเล ตลอดจนสนับสนุนการพัฒนาประเทศ และช่วยเหลือประชาชนในยามสงบได้อย่างสมบูรณ์ 

กองทัพอากาศ ได้ชี้แจงเรื่องการช่วยเหลือประชาชนของกองทัพอากาศ ซึ่งปัจจุบันกองทัพอากาศกำหนดทิศทางการพัฒนาอย่างเป็นรูปธรรมผ่านแผนปฏิบัติราชการซึ่งมีความสอดคล้องกับยุทธศาสตร์ชาติ พ.ศ.๒๕๖๑ ถึง พ.ศ.๒๕๘๐ ด้านการช่วยเหลือประชาชน และบรรเทาสาธารณภัย โดยบูรณาการความร่วมมือกับส่วนราชการ และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องในการป้องกันและลดผลกระทบจากภัยพิบัติต่าง ๆ รวมทั้งพัฒนาศักยภาพ และขีดความสามารถของกำลังพล เครื่องมือ และยุทโธปกรณ์ให้เป็นมาตรฐานสากล เพื่อให้การสนับสนุน การป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย และการช่วยเหลือประชาชนเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพและทันท่วงที ตลอดจนเสริมสร้างความร่วมมือกับมิตรประเทศและองค์การระหว่างประเทศในการช่วยเหลือด้านมนุษยธรรม และการบรรเทาภัยพิบัติทั้งในระดับทวิภาคีและพหุภาคี ได้แก่ การสนับสนุน การป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย และการช่วยเหลือประชาชนเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพและทันท่วงที ตลอดจนเสริมสร้างความร่วมมือกับมิตรประเทศและองค์การระหว่างประเทศในการช่วยเหลือด้านมนุษยธรรม และการบรรเทาภัยพิบัติทั้งในระดับทวิภาคีและพหุภาคี ได้แก่ การสนับสนุนอากาศยานปฏิบัติภารกิจฝนหลวง การสนับสนุนอากาศยานเพื่อปฏิบัติการควบคุมไฟป่า การสนับสนุนอากาศยานในการค้นหาอากาศยานและเรือที่ประสบภัย และการสนับสนุนอากาศยานในการลำเลียงผู้ป่วยทางอากาศ 

สำนักงานตำรวจแห่งชาติ ได้รายงานผลการปฏิบัติของ ตำรวจจราจรตามโครงการพระราชดำริ ในการช่วยเหลือประชาชนในด้านต่าง ๆ อาทิ การให้ความช่วยเหลือผู้ป่วย ผู้บาดเจ็บ ผู้ประสบอุบัติเหตุบนท้องถนนการนำส่งผู้ป่วย ผู้บาดเจ็บ หญิงใกล้คลอดส่งโรงพยาบาล ช่วยคลอดฉุกเฉิน แก้ปัญหาอุบัติเหตุบนท้องถนน รวมถึงการเป็นวิทยากรให้ความรู้ในการปฐมพยาบาลเบื้องต้น การกู้ชีพขั้นพื้นฐาน ความรู้จราจรเบื้องต้น ความปลอดภัยบนท้องถนน ให้แก่เยาวชนและประชาชน ตลอดจนการจัดชุดเฉพาะกิจเพื่อแก้ไขปัญหาการจราจรในสถานการณ์ฉุกเฉิน เหตุภัยพิบัติ และน้ำท่วมขังบนพื้นผิวจราจร โดยตำรวจจราจรตามโครงการพระราชดำริได้ทุ่มเทกำลง

ชิงเงินเกือบ 1 ล้านบาท สวนนงนุชพัทยา จัดกิจกรรมประกวดถ่ายภาพสวนสวยสุดว้าวววว  ในหัวข้อ “ว้าวสวนนงนุชพัทยา”

สวนนงนุชพัทยา จ.ชลบุรี ได้จัดแถลงข่าวการจัดกิจกรรมการประกวดภาพถ่ายสวนสวยครั้งที่ 2ในหัวข้อ“ว้าวสวนนงนุชพัทยา”บันทึกภาพมุมสวยๆ ร่วมประกวดชิงเงินรางวัลเกือบ 1ล้านบาท ระหว่างวันที่ 20กรกฎาคม ถึง10ตุลาคม 2566 

นายกัมพล ตันสัจจา ประธานสวนนงนุชพัทยา  กล่าวว่าการกลับมาอีกครั้งกับกิจกรรมประกวดถ่ายภาพ  ณ สวนนงนุชพัทยา  สวนสวยที่ได้รับการยกย่องให้เป็น 1 ใน 10สวนสวยที่สุดในโลก สำหรับกิจกรรมประกวดภาพถ่ายประจำปี 2566 นี้  ภายใต้หัวข้อ "ว้าว สวนนงนุชพัทยา 1 ใน 10 สวนสวยที่สุดในโลก" โดยได้แบ่งหัวข้อออกเป็น 3 หัวข้อได้แก่
1. ภาพถ่ายจากกล้องถ่ายภาพทั่วไปรวมถึงอุปกรณ์โทรศัพท์มือถือ
2. ภาพถ่ายทางอากาศด้วยอุปกรณ์โดรน
3. Nongnooch’s AI-Based Imageโดยมีการจัดประกวดครั้งแรกอย่างเป็นทางการ และให้มีการใช้ภาพถ่ายจริงที่เกิดขึ้นที่สวนนงนุชพัทยา ควบคู่ไปกับการใช้เทคโนโลยี AI ที่สามารถป้อนคำสั่งทั้งจาก Keywords ต่างๆ

การแถลงข่าวในครั้งนี้ได้จัดขึ้น ณ ห้องแคลทรียา ซึ่งเป็นห้องสำหรับจัดเลี้ยงใหม่ล่าสุดของสวนนงนุชพัทยาเลยถือฤกษ์เปิดใช้บริการเป็นครั้งแรก ภายในห้องมีสิ่งอำนวยความสะดวก เช่น เวทีขนาดใหญ่สำหรับการแสดง จอLED ระบบแสง สี เสียง ที่ทันสมัย และประดับตกแต่งด้วยโคมไฟแชนเดอเลียร์สุดอลังการ สำหรับงานจัดเลี้ยงมีการสร้างห้องครัวพร้อมอุปกรณ์ใหม่ทั้งหมด สามารถรองรับลูกค้าได้มากกว่า 650 คน

สำหรับกิจกรรมนี้ได้รับเสียงตอบรับเป็นอย่างดีจาก ช่างภาพมืออาชีพ มือสมัครเล่น นักศึกษา และนักท่องเที่ยวทั่วไป  ที่ได้เดินทางเข้ามาเยือนสวนนงนุชพัทยาแห่งนี้ และสร้างผลงานภาพถ่ายอันสวยงามเอาไว้เมื่อ พ.ศ.2563  ระยะเวลา3ปีที่ผ่านมาทางสวนนงนุชพัทยา ได้มีการพัฒนาสร้างสรรค์สวนสวยมากกว่า 50 สวนรอผู้ที่สนใจส่งผลงานเข้าประกวด  ดูรายละเอียดและวิธีสมัครได้ที่ https://www.nongnoochpattaya.com/th

“สมาคมสภาคนพิการฯ จัดสมัชชาคนพิการ เน้นขับเคลื่อนสิทธิด้วยพลังความรู้”

เมื่อวันที่ 22-24 กรกฎาคม 2566 ที่ผ่านมา สมาคมสภาคนพิการทุกประเภทแห่งประเทศไทย​“
สมัชชาคนพิการแห่งชาติและประชุมใหญ่สามัญประจำปี 2565” ณ โรงแรม เอ็ม บูทีค รีสอร์ท จังหวัดเชียงราย โดยมีผู้เข้าร่วมงาน อาทิ นางสาวภาณี จันทร์ตัน พัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์จังหวัดเชียงราย ,นายศุภชีพ ดิษเทศ นายกสมาคมสภาคนพิการทุกประเภทแห่งประเทศไทย , นางณฐอร อินทร์ดีศรี ผู้เชี่ยวชาญด้านการส่งเสริมและพัฒนาคุณภาพชีวิตคนพิการ , นายชูศักดิ์ จันทยานนท์ เลขาธิการสมาคมสภาคนพิการทุกประเภทแห่งประเทศไทยและอุปนายกสภาคนพิการ ร่วมด้วย คณะกรรมการบริหารสมาคมสภาคนพิการทุกประเภทแห่งประเทศไทย โดย นางนุชจารี คล้ายสุวรรณ นายกสมาคมเพื่อผู้บกพร่องทางจิตแห่งประเทศไทย และอุปนายกสภาคนพิการฯ คนที่ 1 , นายวิทยุต บุนนาค นายกสมาคมคนหูหนวกแห่งประเทศไทย และอุปนายกสภาคนพิการฯ คนที่ 2  , นายเอกกมล แพทยานันท์ นายกสมาคมคนตาบอดแห่งประเทศไทย และอุปนายกสภาคนพิการฯ คนที่ 3 , นายสุชาติ โอวาทวรรณสกุล นายกสมาคมผู้ปกครองคนพิการทางสติปัญญาแห่งประเทศไทย และอุปนายกสภาคนพิการฯ คนที่ 4  และผู้แทนสภาคนพิการจังหวัดทุกจังหวัด

ทั้งนี้ สภาคนพิการทุกประเภทแห่งประเทศไทย ผู้จัดงานสมัชชาคนพิการฯ เป็นองค์การขับเคลื่อนนโยบายและกฎหมายด้านคนพิการระดับชาติ รวมทั้งพิทักษ์สิทธิคนพิการ ซึ่งได้มีการรับรองฐานะไว้ใน มาตรา 27 ของพระราชบัญญัติส่งเสริมและพัฒนาคุณภาพชีวิตคนพิการ พ.ศ. 2550 รวมทั้งเป็นองค์กรร่ม (Umbrella Organization) ขององค์การคนพิการแต่ละประเภทระดับชาติซึ่งเป็นสมาชิกสามัญถาวร 6 องค์กร ได้แก่ สมาคมคนตาบอดแห่งประเทศไทย สมาคมคนหูหนวกแห่งประเทศไทย สมาคมคนพิการแห่งประเทศไทย สมาคมผู้ปกครองคนพิการทางสติปัญญาแห่งประเทศไทย สมาคมเพื่อผู้บกพร่องทางจิตแห่งประเทศไทย และสมาคมผู้ปกครองบุคคลออทิซึม(ไทย) ประกอบกับมีสมาชิกสามัญทั่วไป คือ สภาคนพิการทุกประเภทประจำจังหวัดใน 77 จังหวัด รวมทั้งมีสมาชิกวิสามัญ ได้แก่ มูลนิธิพระมหาไถ่เพื่อการพัฒนาคนพิการ และมูลนิธิธรรมิกชนเพื่อคนตาบอดในประเทศไทยในพระบรมราชูปถัมภ์ อีกทั้งยังทำงานร่วมกับภาคีเครือข่ายต่างๆ เช่น ภาคีเครือข่ายขนส่งมวลชนทุกคนต้องขึ้นได้ (T4A) เป็นต้น

ซึ่งการประชุมในครั้งนี้ เน้นเรื่องของ "การผลักดันสิทธิคนพิการไปสู่นโยบายรัฐบาลด้วยพลังความรู้" โดยมีวัตถุประสงค์ ได้แก่
1. เพื่อเป็นเวทีสนับสนุนการแลกเปลี่ยนเรียนรู้ สถานการณ์และอุปสรรคการดำเนินงานของสมาชิก ทั้งองค์การคนพิการแต่ละประเภท สภาคนพิการทุกประเภทประจำจังหวัด และภาคีเครือข่าย ในการขับเคลื่อนและติดตาม กฎหมาย นโยบาย ไปสู่การปฏิบัติ
2. เพื่อรายงานผลการดำเนินงานในรอบปีที่ผ่านมาแก่สมาชิก และสร้างการมีส่วนร่วมของสมาชิกในการเสนอแนะความเห็นเพื่อประโยชน์ต่อการดำเนินงานของสมาคมฯ ผ่านการประชุมใหญ่สามัญประจำปี
ภายในงาน ผู้ร่วมประชุมให้ความสนใจ พร้อมร่วมซักถาม ถกปัญหา รวมถึงแนะแนวทางต่างๆ โดยมีผู้นำของคนพิการ ครบทุกประเภทความพิการ จากทั้ง 77 จังหวัดเดินทางมาเข้าร่วม โดยมีผู้เข้าร่วมจำนวนกว่า 500 คน ประกอบด้วย คณะกรรมการบริหารสมาคมสภาคนพิการทุกประเภทแห่งประเทศไทย ผู้แทนองค์การคนพิการแต่ละประเภท 6 สมาคม ผู้แทนสภาคนพิการทุกประเภทประจำจังหวัด 77 จังหวัด ผู้ทรงคุณวุฒิ และภาคีเครือข่ายที่เกี่ยวข้อง รวมถึงมีนิทรรศการแสดงสินค้าของคนพิการทุกๆ ประเภท ในบริเวณการจัดงานอีกด้วยอีกด้วย 

เจ้าของภาพแปรอักษร ค.แยกอโศก โวย 'บอล วิ่งไล่ลุง' เอาภาพไปใช้ ไม่ให้เครดิต ใครเป็นมิตรสหายคุณ

จากผู้ใช้งานเฟซบุ๊กรายหนึ่ง ซึ่งเป็นเจ้าของภาพการแปรอักษร ค. ที่แยกอโศกเมื่อวันที่ 23 ก.ค.ที่ผ่านมา ได้โพสต์ภาพเฟซบุ๊ก 'ธนวัฒน์ วงค์ไชย - Tanawat Wongchai' ของนายธนวัฒน์ วงค์ไชย หรือ 'บอล วิ่งไล่ลุง' ซึ่งนำภาพของตนไปโพสต์ในเพจ และทวิตเตอร์ของตนเอง โดยไม่ให้เครดิต พร้อมทั้งโพสต์ข้อความด้วยว่า "การแปรอักษร ค.ที่ใหญ่ที่สุดในโลก ขอบคุณภาพจากมิตรสหายท่านหนึ่ง"

หลังจากภาพดังกล่าวถูกแชร์ไปในโลกโซเชียล เจ้าของภาพตัวจริง ก็ได้โพสต์ว่า...

"มึงว่าภาพเดียวกันปะ ง่ายไปหน่อยไหม"

"ไม่ได้เป็นมิตรสหายและไม่เคยรู้จัก"

"ให้เครดิตเพจหลักที่ลงก็ยังดีกว่า แต่มิตรสหายท่านหนึ่งคืออะไร" 

หลังจากนั้นชาวเน็ตก็ได้เข้ามาวิจารณ์การกระทำของนายบอล ซึ่งเคยมีประสบการณ์ทำอะไรแบบนี้มาแล้ว และหลังจากเรื่องนี้เริ่มเป็นประเด็นถกเถียงทางโซเชียล นายบอลก็ได้ลบโพสต์ดังกล่าวออกไปในเวลาต่อมา

สืบนครบาล รวบ "กอล์ฟ ตัวตึงทุ่งสองห้อง" บัญชีม้าหลอกขายที่นอน เดินบัญชีเพื่อเอาไปกู้เงิน ประวัติคดียาวเหยียด

ตามนโยบายของ พล.ต.อ.ดำรงศักดิ์ กิตติประภัสร์ ผบ.ตร. ให้ปราบปรามกลุ่มเครือข่ายองค์กรอาชญากรรมที่กระทำความผิดทุกรูปแบบที่สร้างความเดือนร้อนแก่ประชาชนผู้สุจริตจำนวนมาก โดยชุดลาดตระเวนออนไลน์ บก.สส.บช.น. ได้ตรวจพบว่ามีผู้ใช้บัญชีเฟซบุ๊คชื่อ "นาดา ฮัฟเซาะฮ์" หลอกขายที่นอนในกลุ่ม "กระเป๋าและเสื้อผ้าราคาถูก โดยใช้ชื่อบัญชีรับโอนเงินชื่อบัญชี นายนำยศ แย้มมา จากการสืบสวน คนร้ายหลบซ่อนตัวอยู่ในชุมชนย่านทุ่งสองห้อง ไม่ออกไปที่อื่น ถ้ามีคนแปลกหน้าเข้าไป ก็จะไหวตัวทันตลอด นานๆจะออกจากที่พัก  พล.ต.ต.ธีรเดช ธรรมสุธีร์ ผบก.สส.บช.น. จึงกำชับให้รีบทำการสืบสวนเพื่อติดตามจับกุมตัวผู้ต้องหารายดังกล่าวมาดำเนินคดีตามกฎหมายให้ได้โดยเร็ว เนื่องจากเป็นความเดือดร้อนของประชาชน มูลค่าความเสียหาย 1,200 บาท ผู้เสียหายเดือดร้อนจึงแจ้งความร้องทุกข์ต่อพนักงานสอบสวน และขอความช่วยเหลือเพจสืบนครบาล IDMB

เมื่อวันที่ 24 กรกฎาคม 2566  พล.ต.ท.ธิติ แสงสว่าง ผบช.น. , พล.ต.ต.นพศิลป์ พูลสวัสดิ์ รอง ผบช.น.  พล.ต.ต.ธีรเดช ธรรมสุธีร์ ผบก.สส.บช.น. พ.ต.อ.วรพจน์ รุ่งกระจ่าง , พ.ต.อ.เกียรติศักดิ์ สระทองออย รอง ผบก สส.บช.น. , พ.ต.อ.จักราวุธ คล้ายนิล ผกก.วิเคราะห์ข่าวและเครื่องมือพิเศษ บก.สส.บช.น. , พ.ต.ท.ยิ่งยศ ลีชัยอนันต์ , พ.ต.ท.พัชรพงษ์ กาญจนวัฎศรี รอง ผกก.วิเคราะห์ข่าวและเครื่องมือพิเศษ บก.สส.บช.น. สั่งการให้ พ.ต.ท.ธีวร์ราธิป ชูดวง
สว.กก.วิเคราะห์ข่าวฯ พร้อมกำลังเจ้าหน้าที่ชุดปฏิบัติการที่ 2 กก.วิเคราะห์ข่าวฯ บก.สส.บช.น. ได้จับกุมตัว

นายนำยศ แย้มมา อายุ 34 ปี บ้านเลขที่ 2482/4 ถนนเจริญกรุง แขวงบางคอแหลม เขตบางคอแหลม กทม.ตามหมายจับศาลอาญาตลิ่งชันที่ จ.256/2566 ลงวันที่ 24 พฤษภาคม 2566 โดยกล่าวหาว่า “ฉ้อโกงประชาชนและโดยทุจริตหรือโดยหลอกลวง นำเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ซึ่งข้อมูลคอมพิวเตอร์ที่บิดเบือนหรือปลอมไม่ว่าทั้งหมดหรือบางส่วน หรือข้อมูลคอมพิวเตอร์อันเป็นเท็จ โดยประการที่น่าจะเกิดความเสียหายแก่ประชาชน” พฤติการณ์ คือ ผู้เสียหายสั่งซื้อที่นอน 6ฟุต ในราคา 600 บาท และได้โอนเงินไปให้ที่บัญชี ธนาคารกรุงเทพ เลขที่ 09802499xx ชื่อบัญชี นายนำยศ แย้มมา ต่อมาบอกว่ามีค่าขนส่งอีก 600บาท บอก จึงโอนไปอีก บอกจะได้เงินประสินค้าคืนพร้อมสินค้า ผู้เสียหายทักไปถามว่าจะได้เงินประกันคืนยังไงจะได้บอกคนที่บ้านไว้ ไม่ตอบแล้วก็ลบข้อความส่งที่มาทั้งหมด แล้วก็บล็อคผู้เสียหาย คนร้ายใช้ชื่อเฟซชื่อ นาดา ฮัฟเซาะฮ์ ขายในเพจ กระเป๋าและเสื้อผ้าราคาถูก ผู้เสียหายยังเห็นไปโพสต์ขายอีกหลายเพจแต่ไม่สามารถไปคอมเม้นท์ได้ จึงได้ไปแจ้งความที่สน.บางขุนนนท์  จากการสืบสวนทราบว่า ผู้ต้องหาหลบซ่อนตัวอยู่ในชุมชนทุ่งสองห้อง อยู่กับกลุ่มแก๊งที่พัวพันยาเสพติด จะไม่ออกไปที่อื่น ถ้ามีคนแปลกหน้าเข้าไปก็จะไหวตัวทันตลอด นานๆจะออกจากที่พัก เจ้าหน้าที่ชุดจับกุมจึงได้ใช้ความระมัดระวังเป็นพิเศษ และสืบจนทราบว่าตัวผู้ต้องหาจะออกมาตอนไหน จนสามารถจับกุมตัวได้ในที่สุด

จากการซักถามปากคำผู้ต้องหาให้การรับสารภาพ โดยแจ้งว่า ตนรับจ้างเปิดบัญชีธนาคารจริง และร่วมกับมิจฉาชีพให้เอาบัญชีของตัวเองไปเดินบัญชี โดยตกลงว่าถ้ากู้ผ่านแล้วจะเอาเงินมาแบ่งกัน แล้วมิจฉาชีพที่รับเดินบัญชีก็เอาไปหลอกผู้เสียหายอีกที เงินที่ได้มา เอาไปซื้อยาเสพติด เล่นการพนัน ใช้จ่ายในชีวิตประจำวัน ปัจจุบันไม่มีงานทำ 

จากการตรวจสอบประวัติคดีของนายนำยศ แย้มมา ในฐานข้อมูลสำนักงานตำรวจแห่งชาติพบข้อมูลประวัติคดี จำนวน 18 คดี ประกอบด้วย
1)ปี 2550  โดนข้อหา "ผู้ผลิต ผู้นำเข้า หรือผู้ขายสารระเหยฯ" สน.วัดพระยาไกร
2)ปี 2550  โดนข้อหา "มีไว้ในครอบครอง ซึ่งยาเสพติดให้โทษประเภท 1"  สน.วัดพระยาไกร
3)ปี 2550  โดนข้อหา "มีไว้ในครอบครอง ซึ่งยาเสพติดให้โทษประเภท 1" สน.วัดพระยาไกร
4)ปี 2550  โดนข้อหา "มีไว้ในครอบครอง ซึ่งยาเสพติดให้โทษประเภท 1" สน.วัดพระยาไกร
5)ปี 2551 โดนข้อหา "มีไว้ในครอบครอง ซึ่งยาเสพติดให้โทษประเภท 1"  สน.วัดพระยาไกร
6)ปี 2552 โดนข้อหา "ครอบครองยาเสพติดเพื่อจำหน่าย" สน.วัดพระยาไกร
7)ปี 2554 โดนข้อหา "เสพยาเสพติดให้โทษประเภท 1" สน.วัดพระยาไกร
8)ปี 2556 โดนข้อหา "เสพยาเสพติดให้โทษประเภท 1" สน.ภาษีเจริญ
9)ปี 2556 โดนข้อหา "มีไว้ในครอบครอง ซึ่งยาเสพติดให้โทษประเภท 1" สน.ยานนาวา 
10)ปี 2558 โดนข้อหา "เสพยาเสพติดให้โทษประเภท 1"  สน.ทุ่งมหาเมฆ
11)ปี 2558 โดนข้อหา "เสพยาเสพติดให้โทษประเภท 1" สน.บางโพงพาง
12)ปี 2559 โดนข้อหา "มีไว้ในครอบครอง ซึ่งยาเสพติดให้โทษประเภท 1" สน.บางกอกใหญ่
13)ปี 2559 โดนข้อหา "เล่นพนันทายผลฟุตบอล" สน.วัดพระยาไกร
14)ปี 2559 โดนข้อหา "มีไว้ในครอบครอง ซึ่งยาเสพติดให้โทษประเภท 1" สน.วัดพระยาไกร
15)ปี 2562 โดนข้อหา "ตัวการ มีไว้ในครอบครอง ซึ่งยาเสพติดให้โทษประเภท 1" สภ.สำโรงใต้
16)ปี 2564 โดนข้อหา "เล่นพนันทายผลฟุตบอล" สน.ทุ่งสองห้อง
17)ปี 2565 โดนข้อหา "ตัวการ ฉ้อโกงประชาชน"  สน.บางขุนนนท์ (ในคดีที่ถูกจับ)
18)ปี 2566 โดนข้อหา "ตัวการ ลักลอบเล่นการพนัน" สน.ทุ่งสองห้อง
เจ้าหน้าที่จึงได้นำตัวผู้ต้องหาส่งพนักงานสอบสวน สน.บางขุนนนท์ ดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป

พล.ต.ต.ธีรเดช  ธรรมสุธีร์ ผบก.สส.บช.น. กล่าวว่า คดีนี้แม้มูลค่าความเสียหายไม่มาก แต่สร้างความเดือนร้อนให้ผู้เสียหายมาก เพราะเก็บเงินอยากใช้ที่นอนใหม่ในชีวิตประจำวัน  แจ้งเตือนภัยไปยังประชาชน ว่าในสังคมปัจจุบัน มิจฉาชีพมีกลโกงมากรูปแบบ โปรดแจ้งเบาะแสการกระทำความผิด มายังเพจ “สืบสวนนครบาล IDMB” ได้ตลอด 24 ชม. แม้จะเป็นคดีที่มีความเสียหายไม่มาก แต่หากเป็นคดีที่ประชาชนเดือดร้อน เราทำทันที ตามนโยบายของ พล.ต.อ.ดำรงศักดิ์ กิตติประภัสร์ ผบ.ตร. และ พล.ต.ท.ธิติ แสงสว่าง ผบช.น.

‘แตงโม’ เผย ‘สหรัฐฯ' ไม่สวยหรู-ไม่ปลอดภัยอย่างที่หลายคนคิด ชี้!! ประเทศไทยน่าอยู่-เสรี-ปลอดภัย แนะเด็กไทย 'รักชาติดีกว่า'

(24 ก.ค.66) แตงโม 'จูเลียน' ชาวอเมริกันมาจากเมืองซานฟรานซิสโก แคลิฟอร์เนีย หรือที่รู้จักกันในฉายา 'ฝรั่งพูดไทย' ได้เผยผ่าน TikTok ช่อง 'sigmamo007' เกี่ยวกับความแตกต่างระหว่าง 'ไทย-สหรัฐฯ' ไว้ว่า…

“อันนี้สาระ อยากฝากไว้ให้กับทุกคน และ 14 ล้านเสียงนั้น สำหรับเด็กรุ่นใหม่ที่อายุเท่าผม คุณต้องหัดไปฝึกศึกษาเรื่อง ‘ความเคารพ’ ให้กับคนที่สร้างแผ่นดินให้คุณอยู่ได้จนถึงทุกวันนี้ ทำให้อยู่อย่างสงบและสุขสบาย ซึ่งผมจะบอกอะไรให้นะ ตอนนี้ประเทศไทยขึ้นเป็นอันดับแรก ๆ บนโลกใบนี้ ถ้าเราจะพูดถึงเรื่องความเสรี, ความปลอดภัย, เศรษฐกิจ และการใช้ชีวิตที่ไม่เดือดร้อน ถือว่าประเทศไทยยังขึ้นอันดับอยู่ ดังนั้น ‘รักชาติดีกว่า’ ต้องรู้จักการให้เกียรติและเคารพกับครอบครัว”

“อย่างตอนนี้ผมเดินบนถนน ถ้าเป็นที่อเมริกาล่ะจะเป็นยังไง? แน่นอนโอกาสที่จะโดนปล้นหรือมีเรื่องก็สูงอยู่ หากไม่เชื่อสามารถไปดูในยูทูบได้ หรือไม่คุณก็ลองไปเดินที่อเมริกาเอาเอง ซึ่งคนที่ยังไม่เคยไปก็เอาแต่พูดว่าอเมริกามันดีอย่างงั้นดีอย่างงี้ แต่ตัวผมที่เกิดที่นู่นและเคยอาศัยมาแล้ว และยังเคยไปมาหลายประเทศ รวมถึงคนไทยหลายคนที่เคยไปมาแล้วได้รู้จักกับผม เขายังบอกว่าไม่น่าอยู่ สุดท้ายก็กลับมาคิดถึงประเทศไทย”

“ผมอยู่นี่ และถ้าเมื่อไหร่ที่ผมได้มีโอกาสได้ถือสัญชาติประเทศไทย ผมก็อยากจะขอบพระคุณ เพราะว่าผมแคร์ และก็ได้เห็นศักยภาพของประเทศไทย ผมเห็นภาพอนาคตของชาติไทยและประเพณีไทย ซึ่งควรรักษาไว้ หากคุณจะให้ประเทศไทยเป็นเมืองขึ้นของอเมริกา คุณควรไปดูสภาพของอเมริกา อยากให้คิดเอาไว้ให้ดี ๆ แต่ละอย่างที่เราฟังมาจากพระเอกนายกโซเชียล ดารา พูดจาดี วางตัวได้ดี เอาเป็นว่าผมขอไม่พูดหรอกว่ามันถูกหรือผิด? ดีหรือไม่ดี? สำหรับแต่ละอย่างที่สื่อออกจากปากเขา คุณลองไปวิเคราะห์วิจารณ์ไปหาข้อมูลเอาเองและคุณจะได้พบเจอคําตอบที่แท้จริง” 

“สุดท้ายผมอยากบอกว่า…ธรรมะแท้ไม่มีคําปลอบใจ ถ้าคุณรับมือกับความจริงให้ได้ ชีวิตคุณจะดีขึ้น ดังนั้นผู้ใหญ่แต่ละคนที่กำลังเตือนสติเรา ฟังคําพูดไว้ให้ดี ๆ เชื่อผมเถอะ ผมยังเป็นวัยรุ่น และผมเข้าใจพวกคุณ” 

รัฐบาลเตรียมจัดงานเฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เนื่องในโอกาสวันเฉลิมพระชนมพรรษา 28 กรกฎาคม 2566

(24 ก.ค. 66) พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และรมว.กลาโหม ได้ขอพระราชทานพระบรมราชานุญาตในนามรัฐบาลดำเนินการจัดงานเฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เนื่องในโอกาสวันเฉลิมพระชนมพรรษา 28 กรกฎาคม 2566 ดังนี้ 

1.  การจัดพิธีทางศาสนา
1.1 จัดพิธีเจริญพระพุทธมนต์และทำบุญตักบาตรถวายพระราชกุศล เวลา 07.00 น. ในวันศุกร์ที่ 28 กรกฎาคม 2566 โดยส่วนกลางจัดพิธี ณ ท้องสนามหลวง พระสงฆ์ จำนวน 172 รูป มีนายกรัฐมนตรีเป็นประธานในพิธีพร้อมภริยา ส่วนภูมิภาคทุกจังหวัดจัดพิธี ณ ศาลากลางจังหวัด หรือสถานที่ที่เหมาะสม และในต่างประเทศสถานเอกอัครราชทูตและสถานกงสุลพิจารณาการจัดพิธีตามที่เห็นสมควรและเหมาะสม 

1.2 จัดพิธีเจริญพระพุทธมนต์และเจริญจิตตภาวนาถวายพระราชกุศล โดยสำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติดำเนินการเสนอมหาเถรสมาคมเพื่อพิจารณาให้วัดทุกวัดในประเทศไทยจัดพิธีเจริญพระพุทธมนต์ถวายพระราชกุศล ในวันศุกร์ที่ 28 กรกฎาคม 2566 สำหรับวัดไทยในต่างประเทศให้พิจารณาการจัดพิธีตามที่เห็นสมควรและเหมาะสม

2. จัดพิธีถวายสัตย์ปฏิญาณเพื่อเป็นข้าราชการที่ดีและพลังของแผ่นดิน ในวันศุกร์ที่ 28 กรกฎาคม 2566 เวลา 07.45 น. โดยส่วนกลางจัดพิธี ณ ท้องสนามหลวง มีนายกรัฐมนตรีเป็นประธานในพิธี ทั้งนี้ สำนักงานคณะกรรมการข้าราชการพลเรือนจะได้เชิญชวนหน่วยงานของรัฐจัดพิธีถวายสัตย์ปฏิญาณเพื่อเป็นข้าราชการที่ดีและพลังของแผ่นดิน ณ สถานที่ตั้งของหน่วยงาน กำหนดระหว่างวันที่ 20-28 กรกฎาคม 2566 รวมทั้งเชิญชวนลงนามถวายสัตย์ปฏิญาณฯ ทางเว็บไซต์ของสำนักงานคณะกรรมการข้าราชการพลเรือน ที่ www.ocsc.go.th กำหนดระหว่างวันที่ 1 - 31 กรกฎาคม 2566

3.  จัดพิธีถวายเครื่องราชสักการะและวางพานพุ่ม และพิธีจุดเทียนถวายพระพรชัยมงคล ในวันศุกร์ที่ 28 กรกฎาคม 2566 เวลา 18.00 น. และเวลา 19.19 น. ตามลำดับ โดยส่วนกลางจัดพิธี ณ ท้องสนามหลวง มีนายกรัฐมนตรีเป็นประธานในพิธีพร้อมภริยา ส่วนภูมิภาคทุกจังหวัดจัดพิธี ณ ศาลากลางจังหวัดหรือสถานที่ที่เหมาะสม และในต่างประเทศสถานเอกอัครราชทูตและสถานกงสุลพิจารณาการจัดพิธีตามที่เห็นสมควรและเหมาะสม

4.จัดพิธีเชิญเครื่องราชสักการะและพานพุ่มจากท้องสนามหลวงไปทูลเกล้าฯ ถวาย ณ พระที่นั่งอัมพรสถาน ในวันเสาร์ที่ 29 กรกฎาคม 2566 เวลา 08.00 น. โดยกระทรวงกลาโหมเป็นหัวหน้าคณะเชิญเครื่องราชสักการะและพานพุ่มไปทูลเกล้าฯ ถวาย และขอพระราชทานผู้แทนออกรับเครื่องราชสักการะและพานพุ่ม

5. จัดทำสาร สารคดีโทรทัศน์เฉลิมพระเกียรติฯ ในนามคณะกรรมการเอกลักษณ์ของชาติ เพื่อเผยแพร่ในช่วงวันเฉลิมพระชนมพรรษา

6. จัดกิจกรรมจิตอาสาบำเพ็ญสาธารณประโยชน์และสาธารณกุศลเฉลิมพระเกียรติฯ ในเดือนกรกฎาคม 2566 ตามความเหมาะสม โดยประสานงานกับศูนย์อำนวยการใหญ่จิตอาสาพระราชทาน และสำนักงานจิตอาสาภาครัฐ สำนักนายกรัฐมนตรี 

ในการนี้ นายธีระพงษ์ วงศ์ศิวะวิลาส ปลัดสำนักนายกรัฐมนตรี จึงขอเชิญชวนหน่วยงานภาครัฐ ภาคเอกชน และประชาชน ร่วมน้อมสำนึกในพระมหากรุณาธิคุณแสดงความจงรักภักดี และร่วมจัดกิจกรรมเฉลิมพระเกียรติฯ ให้เป็นไปอย่างสมพระเกียรติ โดยจัดตั้งโต๊ะหมู่ประดิษฐานพระบรมฉายาลักษณ์ พร้อมเครื่องราชสักการะ จัดตกแต่งสถานที่ประดับพระบรมฉายาลักษณ์ ประดับธงชาติไทยคู่กับธงอักษร พระปรมาภิไธย ว.ป.ร. และประดับผ้าระบายสีเหลืองร่วมกับผ้าระบายสีขาว ตามอาคารสถานที่ของหน่วยงานและบ้านเรือน จัดทำคำถวายพระพรชัยมงคลเผยแพร่ทางเว็บไซต์และสื่อออนไลน์ของหน่วยงาน และจัดลงนามถวายพระพรชัยมงคลภายในหน่วยงานหรือทางเว็บไซต์ ดำเนินการตลอดเดือนกรกฎาคม 2566 

ผบ.ตร.มอบรางวัลตำรวจ สน.ชนะสงครามช่วยเหลือผู้สูงอายุจากเหตุเพลิงไหม้ และชมรมไซเบอร์ รร.นรต.คว้าแชมป์สมัยที่ 4 แข่งขันทักษะไซเบอร์

วันนี้ (24 ก.ค.66) เวลา 12.00 น. ที่ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ  พล.ต.อ.ดำรงศักดิ์ กิตติประภัสร์ ผบ.ตร. ได้มอบเกียรติบัตรโครงการ “ทำดี มีรางวัล” ให้แก่ข้าราชการตำรวจ 6 นาย และนักเรียนนายร้อยตำรวจ 3 นาย จาก 2 เหตุการณ์ ดังนี้ 

เหตุการณ์แรก กรณี “ช่วยเหลือผู้สูงอายุจากเหตุเพลิงไหม้” โดยเมื่อวันที่ 17 ก.ค.66 เวลาประมาณ 23.40 น. สน.ชนะสงคราม ได้รับแจ้งเกิดเพลิงไหม้บริเวณ ซอยสามเสน 5 แขวงวัดพระยา เขตพระนคร กทม. เจ้าหน้าที่สายตรวจ สน.ชนะสงคราม ได้เดินทางไปตรวจสอบที่เกิดเหตุดังกล่าว พบเหตุเพลิงไหม้จริง มีผู้สูงอายุ และ ผู้ป่วยอยู่ในบ้าน ประตูรั้วถูกล๊อคไม่สามารถออกมาได้ ส.ต.ท.สถาพร สำราญ และส.ต.ต.กฤษณ์ วงศ์ลักขยานันท์จึงรีบให้ความช่วยเหลือปีนข้ามประตูเข้าไป เนื่องด้วยประตูปิดล็อค ส.ต.ท.สถาพร สำราญ จึงใช้ฆ้อนทุบกุญแจ จ.ส.ต.สราวุธ บาลจิตร์,ส.ต.ต.กฤษณ์ วงศ์ลักขยานันท์ ส.ต.ท.ภัทรดนัย รอดดารา,
ส.ต.ต.มนัญชย์ กันฤทธิ์,ส.ต.ต.กิตติกร ทองจำรัส จึงช่วยกันยกนำผู้สูงอายุที่ติดค้างอยู่ภายในตัวบ้านที่เกิดเหตุและตรวจสอบภายในตัวบ้านจนหมดไม่มีตกค้าง ประสานขอสนับสนุนรถดับเพลิงสนับสนุนเพื่อทำการดับเพลิงต่อไป

และเหตุการณ์ที่ 2 กรณี “นักเรียนนายร้อยตำรวจได้รับรางวัลแข่งทักษะทางไซเบอร์” โดยเมื่อวันที่ 12 ก.ค. 66 ทีมไซเบอร์ โรงเรียนนายร้อยตำรวจ ได้เข้าร่วมการแข่งขันทักษะทางไซเบอร์ระดับโรงเรียนทหาร-ตำรวจ และระดับอุดมศึกษา ประจำปีงบประมาณ พ.ศ.2566 โดยโรงเรียนนายร้อยตำรวจ ส่งทีมเข้าร่วมการแข่งขันจำนวน 4 ทีม โดยทีมที่ได้อันดับ 1 ได้แก่ ทีม SixthHUNTER ประกอบไปด้วย (1) นรต.ทัศไนย มานิตย์ ชั้นปีที่ 4 (2) นรต.วรรณกร นุ่นประดิษฐ์ ชั้นปีที่ 4 และ (3) นรต.สุดฤทธิ์ วงษ์สุวรรณ ชั้นปีที่ 3 โดยปีนี้โรงเรียนนายร้อยตำรวจได้ตำรวจรางวัลชนะเลิศติดต่อกันเป็นสมัยที่ 4

ผบ.ตร.กล่าวอีกว่า “ตนขอชื่นชมในความกล้าหาญ ที่ควบคุมสถานการณ์ได้อย่างรวดเร็ว และทันท่วงที รวมถึงขอชื่นชมในความคิดริเริ่มสร้างสรรค์ ผลักดันและพัฒนาหน่วยงานจนสามารถสร้างชื่อเสียงให้แก่องค์กร ตนจึงได้มอบใบประกาศเกียรติคุณและรางวัลตามโครงการ “ทำดี มีรางวัล” และเงินรางวัลรวมทั้งสิ้น 20,000 บาท เพื่อเป็นขวัญและกำลังใจเป็นแบบอย่างที่ดีแก่สังคม ซึ่งโครงการนี้เป็นโครงการที่จะมอบรางวัลให้กับข้าราชการตำรวจหรือประชาชนที่ปฏิบัติหน้าที่ดีเด่น ทำงานเชิงรุก เพื่อความสงบสุขของประชาชน ประกอบคุณงามความดี ช่วยเหลือประชาชน หรือทางราชการ ประพฤติตนดี คิดถึงประโยชน์ส่วนรวมและช่วยเหลือประชาชนจนเป็นที่ยอมรับต่อสังคม”

'รองต่อศักดิ์' เป็นประธานเปิดการฝึกอบรมซ้อมแผนคนร้ายกราดยิง Active Shooter รร.กรุงเทพคริสเตียนวิทยาลัย

เมื่อเวลา 08.00 น.วันที่ 24 ก.ค.66 โรงเรียนกรุงเทพคริสเตียนวิทยาลัย พล.ต.อ.ต่อศักดิ์ สุขวิมล รองผบ.ตร. เป็นประธานเปิดการฝึกซ้อมแผนเผชิญเหตุคนร้ายกราดยิง (Active Shooter) โดยมีคณะครูฝึกนำโดย พ.ต.อ.ปิยรัช สุภารัตน์ ผกก.1 บก.ทท 1 พ.ต.ท.คงศักดิ์ ศรีโหร รอง ผกก.สายตรวจ บก.สปพ. พ.ต.ท.ชายวุธ ชายโอฬาร รอง ผกก.ต่อต้านก่อการร้าย บก.สปพและเจ้าหน้าที่สายตรวจและปฎิบัติการพิเศษ 191 มาเป็นวิทยากร โดยมีนักเรียนตั้งแต่ชั้นประถมปีที่ 3- มัธยมศึกษาปีที่ 6 และคณะครู-อาจารย์ โรงเรียนกรุงเทพคริสเตียน รวมฝึกภาคทฤษฎีและปฏิบัติการหนี ซ่อน สู้ 

โดยการฝึกครั้งนี้โรงเรียนกรุงเทพคริสเตียนวิทยาลัย ร่วมกับ สมาคมผู้ปกครอง และ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ ได้จัดโครงการ ฝึกอบรม เพื่อเตรียมความพร้อมเผชิญเหตุกรณีคนร้ายยิงกราด Active shooter นั้นได้แบ่งเป็น สองส่วนคือการอบรมภาคทฤษฎี และการฝึกอบรมภาคปฏิบัติ ซึ่งได้ แบ่งเป็น 3 หัวข้อ ได้แก่ หัวข้อที่ 1 คือการปฏิบัติเพื่อพบ IED ระเบิด ทำให้รู้ว่าเมื่อพบวัตถุเข้าข่ายที่จะเป็นระเบิดควรปฏิบัติตัวอย่างไร หัวข้อที่ 2 คือ การปฐมพยาบาลเบื้องต้น เพื่อสร้างความรู้เบื้องต้นในการรักษาบาดแผลและให้ความช่วยเหลือผู้ประสบเหตุร้าย เพื่อลดการสูญเสีย และหัวข้อที่ 3 คือ การหนี ซ่อน สู้ ซึ่งจะมีการสาธิตเหตุการณ์จริงว่าเมื่อมีคนร้ายก่อเหตุยิงกราดจะมีวิธีการในการเอาตัวรอดอย่างไร

นอกจากนี้ในกิจกรรมฝึกมีส่วนสถานการณ์จำลองโดยจะมีคนร้ายเข้ามาในสถานที่ที่กำหนดแล้วกราดยิงใส่กลุ่มผู้ฝึกซ้อม เพื่อให้ผู้ฝึกซ้อมใช้ทักษะที่อบรมมาในการปฎิบัติภารกิจ โดยจะสามารถประยุกต์ใช้ในสถานที่ต่างๆ เช่น สถานประกอบการห้างสรรพสินค้า สถานศึกษา สถานที่โล่งแจ้ง เป็นต้น

สำนักงานตำรวจแห่งชาติ เตือนภัยออนไลน์ 'ระวังคนร้ายอ้าง ThaID โหลดแอปดูดเงิน'

สำนักงานตำรวจแห่งชาติ โดย พล.ต.อ.ดำรงศักดิ์  กิตติประภัสร์ ผบ.ตร., พล.ต.อ.รอย อิงคไพโรจน์ รอง ผบ.ตร.  พล.ต.อ.สมพงษ์ ชิงดวง ที่ปรึกษาพิเศษ ตร./หัวหน้าคณะทำงานสร้างเสริมภูมิคุ้มกันต้านภัยอาชญากรรมทางเทคโนโลยี และ พล.ต.ท.ธัชชัย ปิตะนีละบุตร ผู้ช่วย ผบ.ตร. มีความห่วงใยพี่น้องประชาชนว่าได้รับข้อความสั้น (SMS) แอบอ้างแอปพลิเคชัน ThaID หลอกให้กดลิงก์ควบคุมโทรศัพท์ เพื่อโอนเงินออกไป 

พล.ต.ท.ธัชชัย ปิตะนีละบุตร ผู้ช่วย ผบ.ตร. พร้อมด้วยคณะทำงาน จึงขอแจ้งเตือนพี่น้องประชาชนว่า ให้ระวังกลุ่มคนร้ายอ้างเป็นเจ้าหน้าที่จากแอป ThaID (ไทยดี) ซึ่งเป็นแอปพลิเคชันของกรมการปกครองในการแสดงบัตรประชาชนและทะเบียนบ้านออนไลน์  โดยคนร้ายจะติดต่อผู้เสียหายหลายทาง มีทั้งการแอบอ้างทางโทรศัพท์เข้ามา อ้างว่าเป็นเจ้าหน้าที่กรมการปกครอง ให้ดาวน์โหลดแอปพลิเคชัน ThaiD ปลอม หรือส่ง SMS เข้าโทรศัพท์ผู้เสียหายในชื่อ ThaiD เพื่อให้ผู้เสียหายทำการอัพเดทให้ยืนยันตัวตน หรือ อ้างเหตุผลอื่นๆ  ผ่านลิงก์ wsc.fit/62 ซึ่งเป็น LINE Account  ชื่อ Thai ID ปลอม เมื่อพูดคุยผ่าน Line แล้วจะหลอกล่อให้ดาวน์โหลดแอพดูดเงิน ซึ่งจะทำให้โทรศัพท์มือถือไม่สามารถใช้งานได้ชั่วคราว และคนร้ายจะทำการดูดเงินออกจากโทรศัพท์ผู้เสียหายไปสำนักงานตำรวจแห่งชาติและกรมการปกครองจึงขอแจ้งเตือนพี่น้องประชาชนทราบ มิให้หลงเชื่อโดยเด็ดขาด

หากได้รับการติดต่อทางทางโทรศัพท์หรือ SMS ดังกล่าว อย่าดาวน์โหลด หรือมีข้อสงสัย ให้โทรแจ้งสายด่วน 1441 สำนักงานตำรวจแห่งชาติ หรือ 1548 กรมการปกครอง และหากเผลอติดตั้งแอปพลิเคชันปลอมแล้ว ให้รีบตัดสัญญาณอินเทอร์เน็ต ถอดซิมโทรศัพท์มือถือออก และแจ้งความตำรวจผ่านระบบ www.thaipoliceonline.com

นอกจากนั้น นายชลอ อินทพันธุ์ ผู้อำนวยการส่วนบูรณาการฐานข้อมูลกลางภาครัฐ สำนักบริหารการทะเบียน ผู้แทนกรมการปกครองได้ชี้แจงว่ากรมการปกครอง ไม่มีช่องทางไลน์ทางการ (LINE Official Account) ในการติดต่อกับประชาชน และไม่มีนโยบายในการส่งข้อความสั้น (SMS) ไปยังประชาชนแต่อย่างใด หากประชาชนต้องการดาวน์โหลด แอปพลิเคชัน “ThaID” (ไทยดี)  สามารถดาวน์โหลดหรือติดตั้งผ่าน App Store หรือ Play Store เท่านั้น และสามารถลงทะเบียนได้ด้วยตัวเอง หรือลงทะเบียนผ่านเจ้าหน้าที่  ณ สำนักงานเขต/ที่ว่าการอำเภอ 

ทั้งนี้ประชาชน สามารถติดตามข้อมูลการแจ้งเตือนภัยออนไลน์ได้จาก เว็บไซต์ www.เตือนภัยออนไลน์.com หรือโทรสายด่วน 1441 


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top