Wednesday, 14 May 2025
NEWS

โกดังพลุระเบิด จ.นราธิวาส ดับ 9 บาดเจ็บนับ 100 ราย บ้านเรือนพังยับ ผู้ว่าฯ-จนท.เร่งเปิดศูนย์ช่วยเหลือ ปชช.

จากกรณี เกิดเหตุโกดังเก็บพลุระเบิด ในพื้นที่ตำบลมูโนะ อำเภอสุไหงโก-ลก จังหวัดนราธิวาส ล่าสุดยอดเสียชีวิต 9 คน ผู้บาดเจ็บเล็กน้อย 106 คน บาดเจ็บสาหัส 15 คน ส่วนสาเหตุ คาดว่าเกิดจากการเชื่อมเหล็กในโกดังเก็บประทัด แล้วเปลวไฟได้กระเด็นไปติดกล่องกระดาษเก็บดอกไม้เพลิง

(30 ก.ค. 66) ความคืบหน้าเหตุโกดังเก็บพลุดอกไม้ไฟระเบิดในพื้นที่ตำบลมูโนะ อำเภอสุไหงโก-ลก จังหวัดนราธิวาส ระเบิด จนเป็นเหตุให้มีผู้เสียชีวิต 9 คน และบ้านเรือนเสียหายกว่า 200 หลัง ซึ่งชาวบ้านในที่เกิดเหตุบอกว่าเคยแจ้งเตือนผู้ประกอบการและเจ้าหน้าที่ถึงอันตรายที่จะเกิดขึ้นจากการเก็บพลุดอกไม้ไฟในชุมชนแต่กลับถูกเพิกเฉยจนนำมาซึ่งความสูญเสียครั้งใหญ่

ชาวบ้านหลายครอบครัวในพื้นที่หมู่ 1 ต.มูโนะ ซึ่งอยู่ในบริเวณโดยรอบที่เกิดเหตุโกดังเก็บพลุดอกไม้ไฟระเบิด ต้องอาศัยแสงสว่างจากแสงเทียนเพื่อใช้ชีวิตยามค่ำคืนที่ผ่านมา เนื่องจากความรุนแรงจากเหตุระเบิดนอกจากทำให้อาคารบ้านเรือนพังเสียหายราบเป็นหน้ากลองเป็นวงกว้างแล้ว แต่พื้นที่ชุมชนซึ่งอยู่ห่างไกลจากศูนย์กลางจุดเกิดเหตุหลายร้อยเมตรก็ได้รับความเสียหายอย่างหนัก ระบบไฟฟ้ายังใช้ไม่ได้ชาวบ้านต้องอยู่อาศัยในความมืดมิด ท่ามกลางซากปรักหักพังของบ้านเรือนและทรัพย์สินที่เสียหายเป็นจำนวนมาก หลายครอบครัวแทบจะสิ้นเนื้อประดาตัว

โดยหนึ่งในชาวบ้านที่อยู่ติดกับโกดังเก็บดอกไม้ไฟบอกว่าบ้านได้รับความเสียหายทั้งหมด ภรรยาและลูกๆ แทบเอาชีวิตไม่รอด ซึ่งก่อนหน้านี้ เคยแจ้งเตือนผู้ประกอบการและเจ้าหน้าที่ถึงอันตรายที่จะเกิดขึ้นจากการเก็บพลุดอกไม้ไฟในชุมชนแต่กลับถูกเพิกเฉยจนนำมาซึ่งความสูญเสียครั้งใหญ่ จึงเรียกร้องให้ภาครัฐบังคับใช้กฎหมายอย่างเข้มงวดกับผู้ประกอบธุรกิจเหล่านี้

สำหรับเหตุระเบิดที่เกิดขึ้นเบื้องต้นทำให้มีผู้เสียชีวิตแล้ว 9 คน มีผู้ได้รับบาดเจ็บกว่า 100 คน ซึ่งส่วนใหญ่อาการพ้นขีดอันตรายแล้ว และมีบ้านเรือนได้รับความเสียหายเป็นวงกว้างเบื้องต้นได้รับความเสียหายหนักอย่างน้อย 200 หลังคาเรือน

ทั้งนี้ ตลอดค่ำคืนที่ผ่านมาเจ้าหน้าที่จากหน่วยงานที่เกี่ยวข้องยังคงค้นหาผู้สูญหาย และเก็บหลักฐาน จากเหตุการณ์โกดังพลุดอกไม้ไฟระเบิดระเบิด เหตุการณ์นี้สร้างความเสียหายให้กับชาวบ้านจำนวนหลายร้อยคน บ้านเรือนได้รับความเสียหายเบื้องต้น 200 หลัง ในพื้นที่รอบระยะ 500 เมตรได้รับความเสียหายหนัก

นายนายสนั่น พงษ์อักษร ผู้ว่าราชการจังหวัดนราธิวาสสั่งการตั้งศูนย์พักพิงให้กับผู้ได้รับผลกระทบ พร้อมจัดโรงครัวพระราชทานและทหารจิตอาสา ช่วยเหลือประชาชนผู้ประสบเหตุ โดยเฉพาะ อาหาร น้ำดื่ม และที่พักอาศัย โดยใช้พื้นที่สนามกีฬาเทศบาลมูโนะเป็น ศูนย์ช่วยเหลือผู้ประสบเหตุพลุไฟระเบิด เป็นศูนย์อพยพชั่วคราว

สำหรับความเสียหายในขณะนี้ ผู้บาดเจ็บเล็กน้อย 106 คน หลังได้รับการรักษาพยาบาลเบื้องต้นสามารถกลับบ้านได้ และบาดเจ็บสาหัส 15 คน รักษาตัวอยู่ที่โรงพยาบาลสุไหงโก-ลก และโรงพยาบาลนราธิวาสราชนครินทร์ ขณะที่ยอดผู้เสียชีวิตนับถึงเวลาเที่ยงคืนวานนี้เพิ่มขึ้นเป็น 9 คนแล้ว เป็น ชาย 7 คน เด็กชาย 1 คน เด็กหญิง 1 คน

พล.ต.ต.อนุรุธ อิ่มอาบ ผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดนราธิวาส เปิดเผย เบื้องต้นทราบแล้วสาเหตุคาดว่าเกิดจากการเชื่อมเหล็กในโกดังเก็บประทัด แล้วเปลวไฟได้กระเด็นไปติดกล่องกระดาษเก็บดอกไม้เพลิง ที่ตั้งกองสุมไว้เป็นกองใหญ่ จนเกิดระเบิดขึ้น

และคาดว่าช่างที่เข้าต่อเติมโกดังในครั้งนี้ มีทั้งหมด 5 คน เสียชีวิตทันที ส่วนรายละเอียดคงต้องรอผลการตรวจพิสูจน์โดยละเอียดของเจ้าหน้าที่อีกครั้ง ว่าเหตุการณ์ดังกล่าวเป็นความประมาทของผู้ใด มีการตรวจสอบการเก็บประทัดเป็นไปตามกฎหมายหรือไม่ และจากการสอบสวนในเบื้องต้นยังทราบว่าระหว่างเกิดเหตุเจ้าของโกดัง ไม่ได้พักอาศัยอยู่ที่บ้านพัก เนื่องจากเป็นวันหยุดยาว จึงพาสมาชิกในครอบครัวไปเที่ยวต่างจังหวัด

สำหรับความเสียหายที่เกิดขึ้นจากเหตุโกดังเก็บประทัดในตลาดมูโนะครั้งนี้ ถือว่ามีความรุนแรงมากเพราะแรงระเบิดส่งผลให้ตลาดมูโนะ ซึ่งเป็นศูนย์กลางการจำหน่ายสินค้าชายแดนแหล่งใหญ่ที่สุดของอำเภอสุไหงโก-ลก ได้รับความเสียหายบ้านเรือนและร้านค้าถูกแรงระเบิดจนกลายเป็นเศษซากปรักหักพัง เป็นที่เศร้าสลดของประชาชนในพื้นที่ หลังจากเพิ่งฟื้นตัวจากอุทกภัยครั้งใหญ่ช่วงปลายปี 2565

สมุทรปราการ-“พสกนิกรชมรมจิตอาสาเพื่อนช่วยเพื่อนตามรอยพ่อ และ “ชุมชนสถาบันราชประชาสมาสัย” ร่วมจุดเทียนถวายพระพรชัยมงคลในหลวง ร.10

โดยชมรมจิตอาสาเพื่อนช่วยเพื่อนตามรอยพ่อ ร่วมกับ พสกนิกรชาวชุมชนหมู่ 7 สถาบันราชประชาสมาสัย ศาลปู่เจ้าสมิงพราย และคณะผู้บริหาร เจ้าหน้าที่เทศบาลเมืองปู่เจ้าสมิงพราย ร่วมกันจัดกิจกรรมเฉลิมพระเกียรติ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวมหาวชิราลงกรณ บดินทรเทพยวรางกูร เนื่องในโอกาสวันเฉลิมพระชนมพรรษา ครบ 71 พรรษา 28 กรกฎาคม 2566 

โดยมีวัตถุประสงค์ เพื่อน้อมรำลึกและสำนึกในพระมหากรุณาธิคุณของพระบาทสมเด็จพระปรเมนทรรามาธิบดีศรีสินทรมหาวชิราลงกรณ พระวชิรเกล้าเจ้าอยู่หัว อีกทั้ง เพื่อเป็นการแสดงออกถึงความจงรักภักดี และเทิดทูนสถาบันพระมหากษัตริย์

 โดยมี ดร.สรรเกียรติ กุลเจริญ นายกเทศมนตรีเมืองปู่เจ้าสมิงพราย เป็นประธานในพิธี นำพสกนิกรทุกหมู่เหล่าถวายเครื่องราชสักการะ วางพานพุ่มหน้าพระฉายาลักษณ์และเปิดกรวยกระทงดอกไม้ จากนั้น ดร.สรรเกียรติ กุลเจริญ นายกเทศมนตรีเมืองปู่เจ้าสมิงพราย กล่าวถวายพระพรสดุดีเฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เนื่องในโอกาสวันเฉลิมพระชนมพรรษา โดยมีทางคณะผู้บริหาร คณะสมาชิกสภาเทศบาล นายประเทือง แซ่เอี๊ย ประธานชมรมจิตอาสาเพื่อนช่วยเพื่อนตามรอยพ่อ นายยุทธพิชัย กังวานสิทธิ์ ประธานชุมชน ม.7 สถาบันราชประชาสมาสัย นายเส่ย แซ่ตั้ง ประธานศาลปู่เจ้าสมิงพราย นางสาวทัศนีย์ ศรศิริ ประธานศูนย์ช่วยเหลือสังคม ต.บางหญ้าแพรก นายสำเริง อัมระนันท์ รองประธานชมรมจิตอาสาเพื่อนช่วยเพื่อนตามรอยพ่อ นายบุญช่วย ทองเอี่ยม ฝ่ายประชาสัมพันธ์ชมรมจิตอาสาเพื่อนช่วยเพื่อนตามรอยพ่อ นางยุวดี นิลกมล ประธานกองทุนหมู่บ้าน นำผู้สูงอายุ ผู้ป่วย ที่พักรักษาตัวอยู่ในสถาบันราชประชาสมาสัย ตลอดจนประชาชนทุกหมู่เหล่า ร่วมจุดเทียนถวายพระพรชัยมงคล และร่วมกันร้องเพลงสรรเสริญพระบารมี เพื่อแสดงออกถึงความจงรักภักดีต่อสถาบันพระมหากษัตริย์

โดยภายในพิธีมีการแสดงรํานาฏศิลป์ การแสดงของกลุ่มวัฒนธรรมอำเภอเมือง และการจุดพลุมหามงคล เพื่อเทิดพระเกียรติในหลวงรัชกาลที่ 10 นอกจากนี้ ภายในงาน ทางผู้นำชุมชนหมู่ 7 สถาบันราชประชาสมาสัย ได้นำอาหารปรุงสุกและน้ำดื่ม มาจัดตั้งโรงทานเพื่อแจกจ่ายให้กับพี่น้องประชาชนที่เดินทางมาร่วมในพิธีได้รับประทานฟรีกันอีกด้วย โดยทุกคนต่างน้อมรำลึกและน้อมสำนึกในพระมหากรุณาธิคุณอันหาที่สุดมิได้

คิว-ข่าวสมุทรปราการ รายงาน

‘ณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ’ เผย ‘เพนกวิน’ บวชเงียบที่เชียงใหม่ หลัง ‘พระไมค์ ระยอง’ เข้าพิธีอุปสมบทไปเดือน มิ.ย.

(29 ก.ค. 66) นายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ อดีตแกนนำคนเสื้อแดง และผู้อำนวยการครอบครัวเพื่อไทย โพสต์ภาพนายพริษฐ์ ชิวารักษ์ หรือ ‘เพนกวิน’ แกนนำม็อบสามนิ้ว ผู้ต้องหาคดีมาตรา 112 เข้าพิธีอุปสมบทแล้วเมื่อเช้าวันนี้ แต่ไม่เปิดเผยสถานที่ โดยระบุข้อความบนเฟซบุ๊กว่า…

“อนุโมทนา สาธุ ‘พระเขมปัญโญ เพนกวิน’ ขอสว่างในธรรม สงบในใจ สง่าในชีวิต ตลอดกาล”

ด้าน นางอมรัตน์ โชคปมิตต์กุล อดีต สส.บัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกล โพสต์เฟซบุ๊กว่า “ขออนุโมทนา ลูกแม่บวชที่วัดผาลาด เชียงใหม่”

ทั้งนี้ เฟซบุ๊กของนายพริษฐ์ ชิวารักษ์ ไม่มีการแจ้งล่วงหน้าก่อนเข้าพิธีอุปสมบทแต่อย่างใด ในขณะที่นายภาณุพงศ์ จาดนอก หรือ ‘ไมค์ ระยอง’ เข้าพิธีอุปสมบทเมื่อวันที่ 21 มิถุนายน 2566 ที่วัดบ้านฉาง จ.ระยอง

โดยพระไมค์ ระยอง โพสต์เฟซบุ๊กแจ้งว่า ครบกำหนดบวช 15 วันของการบรรพชาที่อาตมาตั้งใจไว้ตั้งแต่ต้น แต่ด้วยความอยากปฏิบัติศาสนกิจ อาตมาจึงขออยู่ในร่มกาสาวพัสตร์ต่อไป

‘ศปปส.’ บุกยื่นหนังสือสอบพฤติกรรม ‘พระพยอม’ ชี้!! ทำประชาชนแตกแยก ส่ออาบัติสังฆาทิเสส

(29 ก.ค. 66) นายอานนท์ กลิ่นแก้ว ประธานศูนย์รวมประชาชนปกป้องสถาบัน (ศปปส.) พร้อมตัวแทนประมาณ 10 คน เดินทางมายังวัดบัวขวัญ ตำบลบางกระสอ อำเภอเมือง จังหวัดนนทบุรี เพื่อนำหนังสือร้องเรียนถึงประพฤติกรรมในการเทศน์ของ ‘พระพยอม กัลยาโณ’ ที่ทางกลุ่มมองว่าไม่เหมาะสม เพราะมีการพูดพาดพิงถึงสถาบันพระมหากษัตริย์และการเมืองเข้าเกี่ยวข้อง จึงยื่นหนังสือให้กับ พระเทพวชิรนันทาภรณ์ เจ้าอาวาสวัดบัวขวัญ ในฐานะเจ้าคณะสงฆ์จังหวัดนนทบุรี ตรวจสอบและลงโทษทางวินัยกับพระพยอมต่อไป

นายอานนท์ กล่าวว่า หลังจากก่อนหน้านี้ทางกลุ่มได้เดินทางไปยื่นเรื่องกับสำนักพระพุทธศาสนาแห่งชาติ (พศ.) มาแล้วอาทิตย์หนึ่งแต่ยังไม่ได้รับคำตอบ วันนี้จึงรวมตัวกันเดินทางนำหนังสือร้องเรียนพฤติกรรมของพระพยอม กัลยาโณ มายื่นให้กับเจ้าคณะสงฆ์จังหวัดนนทบุรี ในฐานะผู้ปกครอง ดำเนินการสอบสวนในเรื่องนี้ต่อไป

นายอานนท์ กล่าวต่อว่า แต่ปรากฏว่าเมื่อทางกลุ่มมาถึง ทางเจ้าคณะจังหวัดนนทบุรีกลับไม่ออกมารับหนังสือ เดินหนีหายไปไหนก็ไม่รู้ หรือว่าท่านเห็นว่าเรื่องนี้ไม่มีความสำคัญ ทั้ง ๆ พระพยอมซึ่งเป็นผู้ใต้บังคับบัญชา ไปพูดจาพาดพิงถึงเรื่องสถาบันพระมหากษัตริย์และการเมือง ทำให้สังคมซึ่งเกิดความแตกแยกกันอยู่แล้ว แตกแยกกันหนักยิ่งขึ้นไปอีก

นายอานนท์ กล่าวอีกว่า ซึ่งมติมหาเถระสมาคมเมื่อวันที่ 2 ม.ค.2538 มีมติไม่ให้พระสงฆ์ไปยุ่งเกี่ยวกับการเมือง แต่พระพยอมกลับไปพูดถึงนายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ ในทำนองชื่นชมราวกับคนที่ฝักใฝ่ทางการเมือง ซึ่งเป็นเรื่องที่ผิดและขัดกับคำสั่งของมหาเถระสมาคมเป็นอย่างมาก แต่ทางเจ้าคณะก็ไม่ออกมารับหนังสือจากทางกลุ่ม ทั้ง ๆ ที่ได้มีการประสานเอาไว้ล่วงหน้าแล้ว ทางกลุ่มมาแค่ยื่นหนังสือร้องเรียนไม่ได้มาคุกคาม

นายอานนท์ กล่าวว่า นอกจากนี้ พระพยอมยังไปพูดเห็นด้วยกับการแก้ไขกฎหมาย ม.112 ของพรรคก้าวไกลในทำนองที่เห็นด้วย ทั้ง ๆ ที่ศาลรัฐธรรมนูญได้ตีความออกมาแล้วว่าการไปปฏิรูปสถาบันพระมหากษัตริย์ถือเป็นการล้มล้างการปกครอง ซึ่งเป็นสิ่งที่ไม่สมควรทำ แล้วยิ่งพระพยอมซึ่งมีผู้คนนับถือเป็นจำนวนมากมาพูดชี้นำแบบนี้ก็ทำให้ผู้คนหลงเชื่อกันไปใหญ่ ยิ่งทำให้เกิดความแตกแยกตามมาก

นายอานนท์ กล่าวด้วยว่า ซึ่งในกฎของสงฆ์มีข้อห้ามเอาไว้ว่า การทำให้สงฆ์แตกแยกถือเป็นอาบัติสังฆาทิเสส ดังนั้นการที่พระพยอมออกมาพูดแล้วทำให้คนในสังคมเกิดความแตกแยกแบบนี้ถือเป็นอาบัติสังฆาทิเสสหรือไม่ กลุ่มจึงเดินทางมายื่นหนังสือกับเจ้าคณะสงฆ์จังหวัดนนทบุรีเพื่อทำการตรวจสอบพระพยอมในเรื่องนี้

นายอานนท์ ยังกล่าวอีกว่า ที่ผ่านมาพระพยอมเป็ยฝ่ายกองเชียร์คนเสื้อแดงมากว่า 10 ปีแล้ว แต่มาในวันนี้กลับกลายเป็นคนเสื้อส้ม ถึงขั้นเห็นด้วยกับกฎหมายที่พรรคก้าวไกลพยายามจะแก้ไข ม.112 จนถึงขั้นเอานายพิธาไปเปรียบเทียบกับอดีตพระมหากษัตริย์บางพระองค์ เป็นเรื่องที่ไม่สมควรอย่างยิ่ง แล้วหลังจากที่พระพยอมได้พูดชี้นำ พาดพิง จนกลายเป็นข่าวไปแล้วนั้น ตนยังไม่เห็นเลยว่าพระพยอมจะออกมาขอโทษกับทางสังคมเลย

นายอานนท์ กล่าวว่า มีแต่ไปพูดกับสื่ออีกว่า จะเลิกพูดเกี่ยวกับการเมืองหลังเข้าพรรษาไปแล้วแค่นั้น ตนและกลุ่มจึงเห็นว่าเรื่องนี้ทางเจ้าคณะสงฆ์จังหวัดนนทบุรี ซึ่งเป็นผู้ปกครองโดยตรงของพระพยอม กัลยาโณ เจ้าอาวาสวัดสวนแก้ว ควรดำเนินการตรวจสอบเพื่อลงโทษทางวินัยต่อไป แต่ทางเจ้าคณะจังหวัดไม่ออกมารับหนังสือ ทางกลุ่มก็จะเดินทางไปยื่นและติดตามเรื่องกับทางสำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติต่อไป

‘รมว.สุชาติ’ ปลื้ม!! หลังเด็กไทยคว้า 15 เหรียญ จากเวทีแข่งขันแรงงานอาเซียนครั้งที่ 13 ที่สิงคโปร์

(29 ก.ค. 66) นายสุชาติ ชมกลิ่น รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน เป็นประธานในพิธีมอบเกียรติบัตร เงินรางวัลแก่เยาวชน และโล่ขอบคุณผู้สนับสนุนการแข่งขันฝีมือแรงงานอาเซียน ครั้งที่ 13 ที่สาธารณรัฐสิงคโปร์ โดยมีนายบุญชอบ สุทธมนัสวงษ์ ปลัดกระทรวงแรงงาน นางเธียรรัตน์ นะวะมะวัฒน์ โฆษกกระทรวงแรงงาน (ฝ่ายการเมือง) นางสาวบุปผา เรืองสุด อธิบดีกรมพัฒนาฝีมือแรงงาน และคณะผู้บริหารกระทรวงแรงงาน ร่วมในพิธี ณ ห้องประชุม ชั้น 5 อาคารกระทรวงแรงงาน

นายสุชาติ ชมกลิ่น รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน กล่าวว่า ในนามรัฐบาล และ ฯพณฯ ท่านนายกรัฐมนตรี ผมขอแสดงความยินดีกับผู้เข้าแข่งขันฝีมือแรงงานอาเซียน ครั้งที่ 13 ณ สาธารณรัฐสิงคโปร์ ที่ประสบความสำเร็จได้คว้ารางวัลเหรียญเงิน จำนวน 3 รางวัล เหรียญทองแดง จำนวน 3 รางวัล อีกทั้งรางวัลเหรียญฝีมือยอดเยี่ยม จำนวน 9 รางวัลกลับมายังประเทศไทย ซึ่งมีผลคะแนนรวมเป็นที่ 4 ในระดับอาเซียน และขอชื่นชมเยาวชนทั้ง 24 คน ผู้เชี่ยวชาญ 22 คน ที่ได้ทำหน้าที่อย่างเต็มความสามารถ รวมไปถึงขอขอบคุณผู้สนับสนุนทุกท่านที่ให้การสนับสนุนตลอดมาทั้งด้านงบประมาณ สถานที่ บุคลากร วัสดุ อุปกรณ์ เครื่องมือ และเครื่องจักรที่ทันสมัยในการเก็บตัวฝึกซ้อม ซึ่งมีเป้าหมายเดียวกันกับกรมพัฒนาฝีมือแรงงาน กระทรวงแรงงาน ในการพัฒนาและยกระดับคุณภาพชีวิต สังคม และระบบเศรษฐกิจของประเทศอย่างเต็มความสามารถจนประสบความสำเร็จในครั้งนี้

ในวันนี้ทางกระทรวงแรงงาน โดยกรมพัฒนาฝีมือแรงงาน จึงจัดพิธีมอบเกียรติบัตร และเงินรางวัลให้แก่เยาวชน โดยเหรียญเงิน จะได้รับเงินรางวัลจำนวน 75,000 บาท เหรียญทองแดง จำนวน 40,000 บาท และเหรียญฝีมือยอดเยี่ยม (รางวัลชมเชย) จำนวน 20,000 บาท ในส่วนของน้อง ๆ ที่พลาดเหรียญรางวัลในการแข่งขันครั้งนี้ จะได้รับเงินรางวัลเป็นทุนการศึกษารายละ 10,000 บาท เพื่อเป็นกำลังใจและเกียรติประวัติให้แก่น้อง ๆ  พร้อมทั้งมีการมอบโล่ขอบคุณให้แก่ผู้สนับสนุนทั้ง 29 แห่ง ที่ทำให้การส่งเยาวชนเข้าร่วมแข่งขันสำเร็จลุล่วงไปได้ด้วยดี

นายสุชาติ กล่าวต่อว่า การพัฒนาฝีมือแรงงานผ่านการแข่งขันฝีมือแรงงานทั้งในระดับชาติ อาเซียน เอเชีย และระดับนานาชาติ ถือเป็นเครื่องมือที่สำคัญในการชี้วัดระดับความสำเร็จในการพัฒนาฝีมือแรงงาน กรมพัฒนาฝีมือแรงงานจะเป็นหน่วยงานหลักในการประสานความร่วมมือกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องทั้งภาครัฐ เอกชน องค์กร สมาคมต่าง ๆ ในการนำความรู้และประสบการณ์จากการแข่งขันมาพัฒนาหลักสูตรการฝึกอบรม และการศึกษาด้านอาชีพให้แก่สถาบันการศึกษาที่มีส่วนเกี่ยวข้องทุกภาคส่วนให้มีความทันสมัยตรงกับความต้องการของภาคอุตสาหกรรมการผลิตและภาคบริการโดยเฉพาะอย่างยิ่งจะต้องเน้นพัฒนาทักษะในสาขาที่เกี่ยวกับระบบอัตโนมัติ ดิจิทัล และการวิเคราะห์ข้อมูล ซึ่งโลกแห่งอนาคต ข้อมูลถือเป็นทรัพย์สินที่มีค่าสำหรับการลงทุนในอุตสาหกรรมต่าง ๆ การแข่งขันฝีมือแรงงานเป็นการเพิ่มโอกาสในการจ้างงานทั้งในและต่างประเทศ และที่สำคัญจะส่งผลให้นักลงทุนมีความเชื่อมั่นในศักยภาพของแรงงานไทย

นางสาวบุปผา เรืองสุด อธิบดีกรมพัฒนาฝีมือแรงงาน กล่าวเสริมว่า การแข่งขันฝีมือแรงงานอาเซียน ครั้งที่ 13 นี้ จะประสบความสำเร็จไม่ได้เลย หากไม่มีพันธมิตรที่ดีทั้งหน่วยงานภาครัฐ และเอกชนทั้ง 29 แห่ง ประกอบด้วย

มูลนิธิเอสซีจี, มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลพระนคร, มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลล้านนา, มหาวิทยาลัยรังสิต, วิทยาลัยดุสิตธานี, คณะวิทยาการจัดการ มหาวิทยาลัยศิลปากร วิทยาเขตสารสนเทศเพชรบุรี, อุทยานวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีมหาวิทยาลัยเชียงใหม่, วิทยาลัยเทคนิคขอนแก่น, วิทยาลัยเทคนิคระยอง, วิทยาลัยเทคนิคสงขลา, วิทยาลัยการอาชีพบ้านไผ่, วิทยาลัยการอาชีพพล, วิทยาลัยเทคโนโลยีภาคตะวันออก (อี.เทค), วิทยาลัยเทคโนโลยีโปลิเทคนิคล้านนา เชียงใหม่, วิทยาลัยเทคโนโลยีสยามบริหารธุรกิจ (SBAC) วิทยาเขตสะพานใหม่, ร้านโอเอซิสซาลอน, โรงเรียนออกแบบทรงผมอาดัม, สถาบันธงชัยแฮร์เทรนนิ่งเซ็นเตอร์, ศูนย์การเรียนรู้การเขียนโปรแกรมและนวัตกรรมหุ่นยนต์ EasyKids Robotics, บริษัท เมช แมคคานิสซึ่ม ดีไซน์ จำกัด, บริษัท โค้วยู่ฮะมอเตอร์ จำกัด, บริษัท สแกนเนอร์สสามมิติ (ประเทศไทย) จำกัด, บริษัท Autodesk Asia Pte.Ltd, บริษัท เฟสโต้ จำกัด, โรงแรมเซ็นทรา บาย เซ็นทารา ชะอำ บีช รีสอร์ท หัวหิน, โรงแรมเซ็นทารา แกรนด์ แอท เซ็นทรัลพลาซ่า ลาดพร้าว, บริษัท เอเอสที มอเตอร์ จำกัด, บริษัท โตโยต้า ขอนแก่น จำกัด และบริษัท แอสเวลล์ โซลูชั่นส์ จำกัด

ในการสนับสนุนด้านงบประมาณ สถานที่ บุคลากร วัสดุ อุปกรณ์ที่ทันสมัยในการฝึกซ้อมของน้อง ๆ เยาวชน ในฐานะผู้จัดส่งน้อง ๆ เข้าแข่งขัน ขอขอบคุณทุกท่านกับความสำเร็จนี้เป็นอย่างยิ่ง และหลังจากนี้ขอให้ชาวไทยร่วมส่งแรงใจให้กับน้อง ๆ เยาวชนที่ได้รับรางวัลในครั้งนี้ต่อไป เพื่อเข้าแข่งขันฝีมือแรงงานเอเชีย ครั้งที่ 2 ณ สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ ระหว่างวันที่ 24 พฤศจิกายน–1 ธันวาคม 2566 และไปแข่งขันฝีมือแรงงานนานาชาติ ครั้งที่ 47 ณ สาธารณรัฐฝรั่งเศส ระหว่างวันที่ 10-15 กันยายน 2567 ต่อไป

‘พล.ท.นันทเดช’ เล่าความหลังครั้งยังเป็นราชองค์รักษ์เวร และพระเมตตาอันเปี่ยมล้นของในหลวง รัชกาลที่ 10

เมื่อวันที่ 28 ก.ค. 66  พล.ท.นันทเดช เมฆสวัสดิ์ อดีตหัวหน้าศูนย์ปฏิบัติการพิเศษ ศูนย์รักษาความปลอดภัยแห่งชาติ ศรภ.โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊กส่วนตัวระบุข้อความว่า…

เมื่อผมเป็นราชองค์รักษ์เวรของในหลวง รัชกาลที่ 10

ผมเริ่มต้นทำหน้าที่ราชองค์รักษ์เวรครั้งแรก เป็นการปฏิบัติหน้าที่ถวายในหลวง ร.9 ส่วนใหญ่อยู่ที่พระตำหนักสวนจิตรลดา เวลาเข้าเวรช่วงกลางคืน ถ้าอยู่ตรงทางขึ้นพระตำหนักในตอนหัวค่ำ เมื่อมองออกไปทางเขาดิน จะเห็นฝูงยุงจำนวนมหาศาล บินออกมาจากเขาดิน คล้ายก้อนเมฆสีดำเล็กๆ มุ่งหน้ามายังสวนจิตรลดา และบ้านเรือนผู้คนที่ตั้งอยู่บริเวณสี่แยกราชวิถี ดังนั้น เมื่อในหลวง ร.10 ทรงย้ายเขาดิน ผมจึงไม่ได้สงสัยอะไรเลย เพราะนอกจากยุงแล้ว ใครพาเด็กๆ ไปเที่ยวเขาดิน ก็จะกลับมาไม่สบายเป็นส่วนใหญ่ เนื่องจากพื้นที่มีจำกัด สะสมเชื้อโรคไว้นานาชนิด นานกว่า 80 ปี ผมจึงคิดว่า ถ้าพระองค์ไม่ลงมือทำใครจะทำครับ

ต่อมาผมได้ย้ายมาเป็นราชองค์รักษ์เวร ของในหลวง ร.10 (พระยศ ขณะนั้นเป็นพระบรมโอรสาธิราชฯ) ตอนแรกก็เกิดความวิตก เนื่องจาก ผมทั้งอ้วนจากการนั่งโต๊ะทำงานจนดึก และกินมาก เวลาออกกำลังกายมีน้อย ถ้าให้วิ่งในระยะทางไม่เกิน 100 เมตร ผมก็เริ่มมีอาการหอบแล้ว ประกอบกับผมไม่ได้มาจากโรงเรียนเหล่าทัพโดยตรงด้วย เหมือนราชองค์รักษ์ประจำคนอื่น จึงกลัวว่าผมจะไปทำอะไรผิดเข้า ซึ่งก็เป็นจริง วันแรกก็ผิดแล้ว ตอนถวายรายงานเลยครับ ผมลงท้ายว่า “... ด้วยเกล้าด้วยกระหม่อม ขอเดชะ” พระองค์ทรงยิ้ม กล่าวว่า “ยังไม่ต้องเดชะหรอก” และก็ไม่ได้ทรงตำหนิอะไรอีก

หลายวันต่อมา พระองค์ทรงรถกอล์ฟเสด็จจากพระตำหนักไปเปิดร้านค้าที่หน้าพระราชวัง ระยะทางประมาณ 150 เมตร ผมก็วิ่งตามไปสัก 50 เมตร ก็เริ่มมีอาการเหนื่อยหอบแล้ว ทันใดนั้น ปรากฏว่ารถกอล์ฟส่วนพระองค์ ก็ชะลอช้าลงอย่างผิดปกติ ผมจึงกึ่งวิ่งกึ่งเดินตามไปอย่างสบายๆ ทั้งขาไปและกลับ พระองค์มีทรงพระเมตตายิ่งนัก จากนั้นมา ผมก็เริ่มหาเวลาออกกำลังกาย ซึ่งส่งผลทำให้ผมมีสุขภาพที่แข็งแรงขึ้น อยู่มาอย่างสบายจนถึงทุกวันนี้ แม้อายุใกล้จะ 80 ปีเข้าไปแล้ว

เมื่อเกิดเหตุรุนแรงทางภาคใต้ได้ประมาณ 2 ปี ผมถูกเรียกตัวให้เข้าเฝ้า ในหลวง ร.10 (ขณะนั้นพระองค์ยังทรงดำรงตำแหน่ง พระบรมโอรสสาธิราชฯ) เพื่อกราบทูลรายงานเบื้องหลังเหตุการณ์รุนแรงดังกล่าว โดยมีประธานองคมนตรีท่านปัจจุบันร่วมอยู่ด้วย ผมได้กราบทูลเรื่องราวอย่างค่อนข้างเป็นทางการ แต่ไม่ได้ลงลึกในรายละเอียดมากนัก เมื่อกราบทูลจบ พระองค์ทรงยิ้ม มีพระราชดำรัสว่า “ให้เล่าใหม่ เอาจริงๆ เลย” ผมจึงกราบทูลใหม่โดยลงละเอียดอย่างไม่ตกแต่งให้เป็นทางการหรือสวยหรูอะไรอีก พระองค์ทรงมีพระราชดำรัสถามเป็นระยะๆ บางคำถาม ผมซึ่งทำงานอยู่ในพื้นที่ก็ยังนึกไม่ถึง เมื่อผมเล่าถวายจบ ซึ่งใช้เวลามากกว่าครึ่งชั่วโมงแล้ว พระองค์ทรงยิ้มอีก และมีพระราชดำรัสว่า “ต้องอย่างนี้ซิ”

ในใจผมซาบซึ้งถึงพระเมตตา นึกอยู่ตลอดเวลาว่า พระองค์ทรงสนพระทัยทุกข์สุขของประชาชนและบ้านเมืองอย่างจัง และยังทรงมีพระปฏิภาณไหวพริบถึงขนาดนี้ ผมจึงลุกขึ้นจากเก้าอี้ทรุดตัวลงกราบแทบเบื้องพระบาทด้วยจิตใจที่เปี่ยมด้วยความจงรักภักดี ในหลวง ร.10 ทรงมีพระราชดำรัสว่า “เขาเป็นองค์รักษ์ของฉันด้วย”

ยังมีอีกหลายเรื่องที่บอกได้ว่า ในหลวงของเรา เป็นเสาหลักค้ำจุนชาติสืบเนื่องต่อกันมาจากบูรพกษัตริย์ทุกพระองค์ ได้อย่างสมบูรณ์

ซึ่งจะขอนำมาเล่าให้อ่านกันอีกในปลายเดือนกรกฎาคม ปีหน้าครับ

ขอพระองค์ทรงพระเจริญยิ่งยืนนาน ด้วยเกล้า ด้วยกระหม่อม ขอเดชะ

‘หลวงปู่ทอง’ เกจิดังทายาทสายพุทธาคม วัดดอนไก่ดี มรณภาพอย่างสงบ สิริอายุรวม 107 ปี 83 พรรษา

คณะศิษยานุศิษย์สุดอาลัย พระราชมงคลวุฒาจารย์ (สุวรรณ สุวิชาโน) หรือ ‘หลวงปู่ทอง’ วัดดอนไก่ดี เกจิดังแถวหน้าของเมืองไทย ทายาทสายพุทธาคม ‘หลวงพ่อรุ่ง’ วัดท่ากระบือ ได้มรณภาพลงแล้ว เมื่อวันที่ 27 ก.ค.2566 เวลา 16.52 น. ที่โรงพยาบาลกรุงเทพ สิริอายุ 107 ปี 83 พรรษา

เพจเฟซบุ๊ก ‘วัดดอนไก่ดี อ.กระทุ่มแบน จ.สมุทรสาคร’ ได้แจ้งข่าวการมรณภาพของ พระราชมงคลวุฒาจารย์ (สุวรรณ สุวิชาโน) หรือ ‘หลวงปู่ทอง’ โดยลงข้อความ ระบุว่า น้อมกราบถวายความอาลัย พระเดชพระคุณพระราชมงคลวุฒาจารย์ (หลวงปู่ทอง สุวิชาโน) วัดดอนไก่ดี อ.กระทุ่มแบน จ.สมุทรสาคร ได้ละสังขารด้วยอาการสงบ เมื่อวันที่ 27 ก.ค.2566 เวลา 16.52น. ที่โรงพยาบาลกรุงเทพ สิริอายุ 107 ปี 83 พรรษา

ทั้งนี้ พระราชมงคลวุฒาจารย์ (สุวรรณ สุวิชาโน) หรือ ‘หลวงปู่ทอง’ เป็นพระเกจิชื่อดังระดับแถวหน้าของเมืองไทย ทายาทสายพุทธาคม ‘หลวงพ่อรุ่ง’ วัดท่ากระบือ อดีตพระเกจิอาจารย์แห่งลุ่มน้ำท่าจีน

‘หลวงปู่ทอง’ มีนามเดิมว่า ‘สุวรรณ รุ่งอารีย์’ เกิดเมื่อวันที่ 27 เม.ย.2460 ที่บ้านดอนไก่ดี อ.กระทุ่มแบน จ.สมุทรสาคร อุปสมบทเมื่อพ.ศ.2483 ที่วัดดอนไก่ดี อ.กระทุ่มแบน โดยมีพระครูสังวรศีลวัตร (หลวงพ่ออาจ) วัดดอนไก่ดี เป็นพระอุปัชฌาย์, พระสมุทรคุณาจารย์ (หลวงปู่ฮะ) วัดดอนไก่ดี เป็นพระกรรมวาจาจารย์ และ ‘หลวงพ่อเล็ก’ วัดหงอนไก่ เป็นพระอนุสาวนาจารย์ ได้รับการอบรมในด้านสมาธิภาวนาจาก ‘หลวงปู่ฮะ’ ด้านวิทยาคม ได้รับการอบรมชี้แนะจาก ‘พระครูสังวรศีลวัตร’ หรือ ‘หลวงพ่ออาจ’ วัดดอนไก่ดี

หลังได้ศึกษาจนมีความชำนาญ จึงเดินทางไปกราบฝากตัวเป็นศิษย์ 'หลวงพ่อรุ่ง' วัดท่ากระบือ ได้รับการแนะนำสั่งสอนอบรมหลายอย่าง โดยเฉพาะการถ่ายทอดวิชาเขียนยันต์พระเจ้าห้าพระองค์ ลงตะกรุดทำน้ำมนต์ ทำให้ ‘หลวงปู่ทอง’ ได้รับการกล่าวถึงในหมู่ลูกศิษย์ถึงความขลัง ความศักดิ์สิทธิ์ของวัตถุมงคลที่ ‘หลวงปู่ทอง’ จัดสร้างขึ้น ซึ่งที่ได้รับความนิยม เช่น พระขุนแผนมหาเมตตาใหญ่, สีผึ้ง, แม่นางกวัก, เหรียญหลวงปู่ทอง รุ่นมหาลาภ เป็นต้น

สำหรับลำดับสมณศักดิ์ พ.ศ.2564 ได้รับพระราชทานตั้งสมณศักดิ์ เป็นพระราชาคณะชั้นราช ในราชทินนามที่ ‘พระราชมงคลวุฒาจารย์’

‘ราชกิจจาฯ’ ประกาศให้ ‘ค่าทำศพผู้สูงอายุ 60 ปีขึ้นไป’ ทายาทขอรับได้ภายใน 6 เดือนหลังจากเสียชีวิต มีผลบังคับใช้ทันที

ราชกิจจาฯ ประกาศให้ ‘ค่าทำศพผู้สูงอายุ 60 ปีขึ้นไป’ ทายาทได้ 3,000 บาท จาก พม.ไม่ว่าจะเสียชีวิตจากสาเหตุอะไรได้ทุกคนที่เป็นคนไทย ขอรับภายใน 6 เดือนหลังจากเสียชีวิต

(28 ก.ค. 66) เว็บไซต์ราชกิจจานุเบกษา เผยแพร่ประกาศกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ (พม.) เรื่อง การสนับสนุนการสงเคราะห์ในการจัดการศพตามประเพณี ผู้สูงอายุที่เสียชีวิตจะได้รับ ‘ค่าทำศพผู้สูงอายุ 60 ปีขึ้นไป’ ต้องเข้าหลักเกณฑ์ ดังนี้
1.) อายุเกิน 60 ปีบริบูรณ์ขึ้นไป
2.) สัญชาติไทย
3.) ผู้สูงอายุที่มีบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ แต่ผู้สูงอายุที่มีคุณสมบัติตามเกณฑ์บัตรสวัสดิการแห่งรัฐ

แต่ยังไม่มีบัตรสวัสดิการแห่งรัฐหรือยังไม่ได้ลงทะเบียน ให้ผู้อํานวยการเขต หรือนายอําเภอ หรือกํานัน หรือผู้ใหญ่บ้าน หรือนายกเทศมนตรี หรือนายกองค์การบริหารส่วนตําบล หรือนายกเมืองพัทยา หรือประธานชุมชน เป็นผู้ออกหนังสือรับรอง ตามแบบที่อธิบดีกรมกิจการผู้สูงอายุกําหนด

'ค่าทำศพผู้สูงอายุ 60 ปีขึ้นไป’ ในประกาศนี้รวมถึงผู้สูงอายุที่อยู่ในศูนย์พัฒนาการจัดสวัสดิการสังคมผู้สูงอายุ สถานสงเคราะห์ สถานดูแล สถานคุ้มครอง หรือสถานใด ๆ ของรัฐหรือองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น ที่ดําเนินการในลักษณะเดียวกัน ซึ่งจัดการศพตามประเพณีโดยมูลนิธิ สมาคมวัด มัสยิด โบสถ์

การยื่นคําขอเพื่อขอ ‘ค่าทำศพผู้สูงอายุ 60 ปีขึ้นไป’ ให้ผู้ที่รับผิดชอบในการจัดการศพตามประเพณีรายนั้นยื่นคําขอในท้องที่ที่ผู้สูงอายุมีชื่ออยู่ในทะเบียนบ้านหรือภูมิลําเนาในขณะถึงแก่ความตาย ในเขตกรุงเทพมหานคร ให้ยื่นคําขอที่สํานักงานเขต

ส่วนจังหวัดอื่นให้ยื่นคําขอที่สํานักงานพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์จังหวัด หรือที่ว่าการอําเภอ หรือสํานักงานเทศบาล หรือที่ทําการองค์การบริหารส่วนตําบล หรือศาลาว่าการเมืองพัทยา แบบคําขอรับการสงเคราะห์ในการจัดการศพตามประเพณี ให้เป็นไปตามที่อธิบดีกรมกิจการผู้สูงอายุกําหนด

ผู้ยื่นคําขอ ‘ค่าทำศพผู้สูงอายุ 60 ปีขึ้นไป’ ต้องยื่นคําขอภายในกําหนด 6 เดือนนับตั้งแต่วันที่ออกใบมรณบัตรพร้อมเอกสาร ดังต่อไปนี้

1.) ใบมรณบัตรของผู้สูงอายุ
2.) บัตรสวัสดิการแห่งรัฐของผู้สูงอายุ หรือหนังสือรับรองตามข้อ 5 (3)
3.) บัตรประจําตัวประชาชน หรือบัตรอื่นที่ออกโดยหน่วยงานของรัฐที่มีรูปถ่ายและเลขประจําตัวประชาชนของผู้ยื่นคําขอ กรณีการจัดการศพตามประเพณีโดยมูลนิธิ สมาคม วัด มัสยิด โบสถ์ ให้แนบหนังสือแสดงการจดทะเบียน หรืออนุญาตให้สร้าง จัดตั้ง หรือดําเนินงานมูลนิธิ สมาคมวัด มัสยิด โบสถ์ด้วย
4.) สมุดบัญชีหรือเลขที่บัญชีธนาคารของผู้ยื่นคําขอ เว้นแต่ประสงค์จะขอรับเงินสดให้ดําเนินการตามระเบียบของทางราชการ
5.) หนังสือรับรองเป็นผู้รับผิดชอบในการจัดการศพตามประเพณี ซึ่งออกโดยบุคคล ตามข้อ 5 (3) หรือหัวหน้าหน่วยงานตามข้อ 5 วรรคสอง สําหรับกรณีผู้สูงอายุในสถานสงเคราะห์ ทั้งนี้ ผู้ยื่นคําขอและผู้รับรองต้องไม่เป็นบุคคลเดียวกัน แบบหนังสือรับรองให้เป็นไปตามที่อธิบดี กรมกิจการผู้สูงอายุกําหนด

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ช่วงเดือน ต.ค. 2564 - พ.ค. 2565 มีผู้ขอรับ ‘ค่าทำศพผู้สูงอายุ 60 ปีขึ้นไป’ จำนวน 93,127 ราย เป็นเงิน 279.38 ล้านบาท

DSI จับกุม 2 ผู้ต้องหาคดีแชร์ลูกโซ่ DCHL

กรมสอบสวนคดีพิเศษ โดย ชุดปฏิบัติการที่ 2 ศูนย์สืบสวนสะกดรอยและการข่าว จับกุม นางธิดาพร หรือ ลำพึง แก้วพันยู และนายอริย์ธัช หรือศักดาวุธ แก้วพันยู สามีภรรยา ผู้ต้องหาคดีแชร์ลูกโซ่ของบริษัทดิจิตอล คราวน์ โฮลดิ้ง จำกัด (DCHL) ได้ที่บริเวณตลาดสายบ้านครัว ต.หน้าพระลาน อ.เฉลิมพระเกียรติ จ.สระบุรี 
และบริเวณร้านจำหน่ายสลากกินแบ่งรัฐบาลนำโชค ตรงข้ามร้านสะดวกซื้อ ถ.สมบูรณ์กุล ต.หน้าเมือง อ.เมืองราชบุรี จ.ราชบุรี เมื่อค่ำวันพฤหัสบดีที่ 27 กรกฎาคม 2566 โดยผู้ต้องหาทั้งสองรายต่างต้องหาว่ากระทำความผิดฐานร่วมกันกู้ยืมเงินที่เป็นการฉ้อโกงประชาชน

ในเรื่องนี้ สืบเนื่องจากมีผู้เสียหายกว่าหมื่นราย ได้ร้องทุกข์บริษัทดิจิตอล คราวน์ โฮลดิ้ง จำกัด หรือ DCHL ซึ่งมีนายวาเลอรี่ ริยนฮ์ หรือ กิมฮวง สัญชาติฝรั่งเศส และนายสรวีย์ รวยฟูพันธ์ เป็นกรรมการบริษัท ประกอบกิจการขายตรงประเภทน้ำหอม โดยในช่วงปี พ.ศ. 2552 - พ.ศ. 2555 ได้ชักชวนให้ประชาชนทั่วไป
เข้าสมัครเป็นสมาชิกในลักษณะแชร์ลูกโซ่ เป็นจำนวนเงินคนละประมาณ 192,000 บาท และจะได้รับเงินคืนจากการลงทุนครั้งแรกประมาณ 42,000 บาท เป็นการตอบแทน หลังจากนั้นสมาชิกจะต้องหาสมาชิกใหม่ให้ได้จำนวน 5 - 6 ราย 

เพื่อเข้าร่วมเป็นเครือข่ายและทำให้ตนเองได้อยู่ในระดับตำแหน่งที่สูงขึ้น รวมทั้งได้รับเงินหรือผลประโยชน์ตอบแทนจากการหาสมาชิกรายละ 21,000 บาท โดยกรมสอบสวนคดีพิเศษ ได้รับเป็นคดีพิเศษเมื่อปี พ.ศ. 2555 โดยได้มีความเห็นควรสั่งฟ้องผู้ต้องหาแล้ว และสำนักงาน ป.ป.ง. ได้อายัดเงินในบัญชีไว้กว่า 75 ล้านบาท ต่อมาในเดือนมิถุนายน พ.ศ. 2558 กรมสอบสวนคดีพิเศษได้แต่งตั้ง พันตำรวจตรี สุริยา สิงหกมล เป็นผู้บัญชาการสำนักคดีอาญาพิเศษ 1 (ตำแหน่งในขณะนั้น) และได้แต่งตั้งคณะพนักงานสอบสวนคดีพิเศษชุดใหม่เข้าดำเนินการสืบสวนสอบสวน รวบรวมพยานหลักฐานจนสามารถติดตามยึดอายัดทรัพย์สินไว้ได้ดังกล่าว รวมมูลค่ากว่า 400 ล้านบาท จากมูลค่าความเสียหายประมาณ 900 ล้านบาท

ตำรวจไซเบอร์จับแก๊งหลอกทำงานออนไลน์อ้างแพลตฟอร์มดัง พบเหยื่อเพียบกว่า 50 ราย เสียหายกว่า 20 ล้าน

กองบัญชาการตำรวจสืบสวนสอบสวนอาชญากรรมทางเทคโนโลยี ภายใต้การอำนวยการของ พล.ต.ท.วรวัฒน์ วัฒน์นครบัญชา ผบช.สอท. ได้สั่งการให้มีการกวาดล้างอาชญากรรมทางเทคโนโลยี
บนสื่อสังคมออนไลน์อย่างต่อเนื่อง

สืบเนื่องจากผู้เสียหายจำนวนมาก ได้รับข้อความชักชวนร่วมลงทุนทำธุรกิจหารายได้เสริมที่บ้าน โดยมีคนร้ายซึ่งเป็นแอดมินชวนให้ร่วมลงทุนต่างๆ ผ่านแอปพลิเคชันไลน์ เช่น การอ่านโฆษณาของแบรนด์สินค้า ผ่านแอปพลิเคชันชื่อดัง และต้องโอนเงินตามแพกเกจ จากนั้นภายใน 10 นาที จะให้ผลตอบแทนกลับไป
10-20% โดยในช่วงแรกๆ จะได้กำไรจริง แต่เมื่อลงเป็นจำนวนมากแล้ว จะไม่สามารถถอนเงินออกมาได้ ซึ่งคนร้ายจะหลอกให้ผู้เสียหายโอนเงินเพิ่มเข้าบัญชีธนาคารต่างๆ ซึ่งเจ้าหน้าที่ตำรวจสืบสวนจนทราบว่าคนร้ายรับซื้อบัญชีมาจากที่ต่างๆ กว่า 127 บัญชี หลายธนาคาร และรวบรวมพยานหลักฐานจนสามารถออกหมายจับคนร้ายในขบวนการได้เพิ่มเติม ซึ่งพบว่ามีการกระทำในลักษณะนี้ในแอปพลิเคชันอื่นด้วย โดยคดีนี้มีผู้เสียหายกว่า 50 ราย มูลค่าความเสียหายรวม 20 ล้านบาท

ต่อมาเจ้าหน้าที่ตำรวจได้สืบสวนว่า นายมาวิน อายุ 23 ปี บุคคลตามหมายจับ พักอาศัยในพื้นที่กรุงเทพฯ จึงได้รายงานให้ผู้บังคับบัญชาทราบ ต่อมาวันที่ 25 กรกฎาคม 2566 เจ้าหน้าที่ตำรวจได้รับแจ้งจากสายลับว่าพบชายที่มีลักษณะรูปพรรณสัณฐานตรงกับนายมาวิน อยู่บริเวณชั้น 3 อาคารศูนย์การค้าแห่งหนึ่ง ย่านรัชดาภิเษก เจ้าหน้าที่ตำรวจจึงได้เดินทางไปตรวจสอบ พร้อมทั้งแสดงตัวเป็นเจ้าหน้าที่ตำรวจ และแจ้งนายมาวิน ให้ทราบว่ากระทำความผิดฐาน “ร่วมกันฉ้อโกงประชาชนโดยการแสดงตนเป็นคนอื่น นำเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ซึ่งข้อมูลคอมพิวเตอร์ที่บิดเบือนหรือปลอมไม่ว่าทั้งหมดหรือบางส่วนหรือข้อมูลคอมพิวเตอร์อันเป็นเท็จโดยประการที่น่าจะเกิดความเสียหายแก่ผู้อื่นหรือประชาชน” โดยนายมาวินให้การรับสารภาพตลอดข้อกล่าวหา และรับว่าตนได้ขายบัญชีให้กับกลุ่มคนร้ายจริง จำนวน 2 บัญชี ได้ค่าตอบแทนบัญชีละ 3,000 บาท เจ้าหน้าที่ตำรวจจึงนำตัวส่งพนักงานสอบสวน บก.สอท.5 เพื่อดำเนินคดีตามกฏหมายต่อไป

ผลการปฏิบัติภายใต้การอำนวยการของ พล.ต.ต.ชรินทร์ โกพัฒน์ตา ผบก.สอท.5, พ.ต.อ.ศุภกร ธัญญกรรม ผกก.1 บก.สอท.5, พ.ต.ท.ประชา หงส์พูนพิพัฒน์ , พ.ต.ท.วีระ หอมเย็น รอง ผกก.1 บก.สอท.5 ได้สั่งการ พ.ต.ท.ปริพล นาคลำภา, พ.ต.ต.สุธี บุดดีคำ สว.ฯ กก.1 บก.สอท.5 พร้อมชุดสืบสวนดำเนินการจับกุม

#ตำรวจไซเบอร์ #สอท #CyberPolice #จับกุม #หลอกทำงานออนไลน์ #ฉ้อโกง

สวนนงนุชพัทยา จัดกิจกรรมขบวนแห่เเฉลิมพระเกียรติ เนื่องในโอกาสวันเฉลิมพระชนมพรรษาพระบาทสมเด็จพระวชิรเกล้าเจ้าอยู่หัว 28 กรกฎาคม

วันนี้  28 ก.ค.66  นายกัมพล ตันสัจจา ประธานสวนนงนุชพัทยา นำคณะผู้บริหาร พนักงานสวนนงนุชพัทยา ประชาชน  นักท่องเที่ยว และช้างแสนรู้  ร่วมขบวนเทิดพระเกียรติ ในพิธีถวายราชสดุดีเฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระปรเมนทรรามาธิบดีศรีสินทรมหาวชิราลงกรณ  พระวชิรเกล้าเจ้าอยู่หัว เนื่องในวโรกาสเฉลิมพระชนมพรรษาครบ 71 พรรษา วันที่ 28 กรกฎาคม 2566 ที่บริเวณลานกิจกรรมหน้าอาคารวิวัฒน์  สวนนงนุชพัทยา อำเภอสัตหีบ จังหวัดชลบุรี

ภายในงานมีขบวนแห่เฉลิมพระเกียรติ “เฉลิมพระชนน์พรรษา พระบาทสมเด็จพระวชิรเกล้าเจ้าอยู่หัวที่ยิ่งใหญ่ตระการตาจากนั้น นายกัมพล ตันสัจจา ประธานสวนนงนุชพัทยา เป็นประธานวางพุ่มทอง และ พุ่มเงิน เปิดกรวยถวายสักการะ นำกล่าวสดุดีถวายพระพร และร้องเพลงสรรเสริญพระบารมี เพลงสดุดีจอมราชา พร้อมกล่าวทรงพระเจริญดังกึกก้องไปทั่วบริเวณพิธี ต่อหน้าพระบรมฉายาลักษณ์พระบาทสมเด็จพระปรเมนทรรามาธิบดีศรีสินทรมหาวชิราลงกรณ พระวชิรเกล้าเจ้าอยู่หัว  

จากนั้น ชมการแสดงถวายพระพร ชุด “อศิรวาทพระราชธิบดีจักรกรีวงค์ ”จบ น้องช้างแสนรู้ จำนวน  2 เชือกถวายพวงมาลัย เบื้องหน้าพระบรมฉายาลักษณ์ฯ โดยมีนักท่องเที่ยวทั้งชาวไทยและต่างชาติ ให้ความสนใจในกิจกรรมถวายราชสดุดี พระบาทสมเด็จพระปรเมนทรรามาธิบดีศรีสินทรมหาวชิราลงกรณ พระวชิรเกล้าเจ้าอยู่หัว เพื่อแสดงออกถึงความจงรักภักดี ต่อสถาบันพระมหากษัตริย์ ในโอกาสมหามงคลนี้ เป็นจำนวนมาก

“เทศบาลตำบลเทพารักษ์” ร่วมเทิดพระเกียรติทำบุญตักบาตรถวายเป็นพระราชกุศล เนื่องในโอกาสวันเฉลิมพระชนมพรรษา

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ภายในโดมสวนสาธารณะเทศบาลตำบลเทพารักษ์ อ.เมือง จ.สมุทรปราการ นายวชิรเชษฐ์ รุ่งธวัฒน์วงศ์ นายกเทศมนตรีตำบลเทพารักษ์ ประธานในพิธี นำคณะผู้บริหาร สมาชิกสภาเทศบาล หัวหน้าส่วนราชการ เจ้าหน้าที่ฝ่ายปกครอง จัดพิธีทำบุญตักบาตรเพื่อน้อมถวายเป็นพระราชกุศลแด่ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวมหาวชิราลงกรณ บดินทรเทพยวรางกูร  เนื่องในโอกาสวันเฉลิมพระชนมพรรษา 

โดยมี นายชาตรี อยู่วัฒนะ รองนายกเทศมนตรี นายนันทสิทธิ์ พรหมฤทธิ์ รองนายกเทศมนตรี นางสาวปราณี นาคคำ ปลัดเทศบาล และหัวหน้าส่วนราชการ เจ้าหน้าที่ฝ่ายปกครอง ตลอดจนพี่น้องประชาชนร่วมในพิธี โดยได้รับความเมตตาจากท่าน พระครูวิทูรกิจจาทร รักษาการเจ้าอาวาสวัดหนามแดง ประธานฝ่ายสงฆ์ นำคณะสงฆ์จำนวน 10 รูป ประกอบพิธีเจริญชัยมงคลคาถาและเจริญพระพุทธมนต์เพื่อความเป็นสิริมงคล ก่อนจะนำพระสงฆ์เดินรับบิณฑบาตข้าวสาร อาหารแห้ง 

จากนั้น นายสมศักดิ์ แก้วเสนา นายอำเภอเมือง สมุทรปราการ เดินทางมาเป็นประธานในพิธีเปิดโครงการจิตอาสา เราทำความดี ด้วยหัวใจ นำคณะผู้บริหารท้องถิ่น หัวหน้าส่วนราชการ เจ้าหน้าที่ฝ่ายปกครอง ข้าราชการตำรวจ สภ.เมืองสมุทรปราการ สภ.สำโรงเหนือ สภ.บางปู คณะแม่บ้านมหาดไทย และประชาชนจิตอาสา จำนวนกว่า 300 คน ร่วมในพิธีเปิดโครงการจิตอาสา เราทำความดี ด้วยหัวใจ โดยการทำความสะอาดกวาดพื้นและพัฒนาบริเวณพื้นที่โดยรอบภายในเขตพื้นที่เพื่อน้อมถวายเป็นพระราชกุศล 

จากนั้น นายสมศักดิ์ แก้วเสนา นายอำเภอเมืองสมุทรปราการ พร้อมด้วย นายวชิรเชษฐ์ รุ่งธวัฒน์วงศ์ นายกเทศมนตรีตำบลเทพารักษ์ นายชาตรี อยู่วัฒนะ รองนายกเทศมนตรี พ.ต.อ.อาทิตย์ ซิ้มเจริญ ผกก.สภ.สำโรงเหนือ และคณะเจ้าหน้าที่ ร่วมปลูกต้นไม้เพื่อเฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เนื่องในโอกาสวันเฉลิมพระชนมพรรษา 28 กรกฏาคม 2566 อีกทั้ง ยังเป็นการสร้างพื้นที่สีเขียวและร่วมปลูกจิตสำนึกให้ประชาชนเห็นความสำคัญของการอนุรักษ์ และฟื้นฟูทรัพยากรป่าไม้ ลดปัญหาสภาวะโลกร้อนได้อีกด้วย

คิว-ข่าวสมุทรปราการ รายงาน

‘ในหลวงรัชกาลที่ 10’ ทรงใจกว้าง ส่งสารถึงคนรุ่นใหม่ หลังเคย Selfie กับนักการเมือง แล้วมาถ่ายกับในหลวง

เมื่อไม่นานนี้ มีผู้ใช้ติ๊กต็อก ชื่อบัญชี ‘klapandee’ ได้โพสต์คลิปวิดีโอเมื่อนานมาแล้ว พระบาทสมเด็จพระปรเมนทรรามาธิบดีศรีสินทรมหาวชิราลงกรณ พระวชิรเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 10 ขณะทรงตรัสกับเด็กวัยรุ่นอย่างเป็นกันเอง โดยในคลิปได้มีเด็กวัยรุ่นชายคนหนึ่งทูลถาม พร้อมกับขอพระราชทานอภัยโทษในหลวง ร.10 โดยกล่าวว่า…

“ที่กระหม่อมมีภาพถ่ายคู่กับท่านนายกฯ ท่านนักการเมืองหลายๆ คนอาจจะทําให้พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวขุ่นเคืองพระราชหฤทัย กระหม่อมขอพระราชทานอภัยโทษด้วยนะครับ”

หลังจากนั้น พระบาทสมเด็จพระวชิรเกล้าเจ้าอยู่หัว ทรงตรัสกับเด็กวัยรุ่นด้วยความเมตตาและเป็นกันเองว่า…

“จะถ่ายรูปกับใคร ชอบใครก็ถ่ายได้ เราเป็นวัยรุ่น เราจะไปถ่ายกับใครมันก็เป็นเรื่องของเราที่จะไปถ่ายกับใครก็ได้ ตัวเราเองตอนเด็กๆ ก็ยังอยากถ่ายกับนักแสดง กับดาราเหมือนกัน ถ่ายคนดีบ้างไม่ดีบ้างมันก็ของธรรมดา ไม่เห็นน่าเดือดร้อนอะไรเลย จงสบายใจได้”

เด็กวัยรุ่นชายคนนั้นได้ทูลกลับไปด้วยน้ำเสียงสั่นเครือ และเต็มไปด้วยความปลื้มปิติว่า “เป็นคําตอบที่ทำให้กระผมน้ำตาไหลเลยครับ ไม่คิดว่าจะได้ยินคําตอบแบบนี้”

‘ธนาธร’ นำทัพวิทยากรสานต่อ ‘หลักสูตรเยาวชนก้าวหน้า ครั้งที่ 3’ เปิดรับสมัครแล้ววันนี้ -11 สิงหาคม 2566 ฟรี!! ไม่มีค่าใช้จ่าย

กลับมาอีกครั้งกับ ‘Progressive Academy หลักสูตรเยาวชนก้าวหน้าครั้งที่ 3’ ที่กรุงเทพฯ ในครั้งนี้เราออกแบบหลักสูตรใหม่ที่ครบเครื่องทั้งสาระความรู้ ความสนุกสนาน และการลงมือปฏิบัติที่จะพาคุณทะลุกะลาใบน้อยๆ ที่พวกเขาครอบหัวเราไว้ เพาะเมล็ดพันธุ์ของผู้ไม่ยอมจำนน เพื่อเปิดประตูความเป็นไปได้ใหม่ๆ สู่สังคมที่ดีกว่า

พบกับวิทยากรชั้นนำมากมาย นำทีมโดย ธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ I ปิยบุตร แสงกนกกุล I พรรณิการ์ วานิช I กุลธิดา รุ่งเรืองเกียรติ I พริษฐ์ วัชรสินธุ I เดชรัตน์ สุขกำเนิด I ธำรงศักดิ์ เพชรเลิศอนันต์ I ประจักษ์ ก้องกีรติ I ศศินันท์ ธรรมนิฐินันท์ I เคท ครั้งพิบูลย์ I ธนวรรธน์ สุวรรณปา I ชัยพงษ์ สำเนียง I คมกฤช อุ่ยเต็งเค่ง I ศุภลักษณ์ กาจญนขุน และวิทยากรรับเชิญพิเศษอีกมากมาย 

นอกจากนี้เรายังมีกิจกรรม Workshop ติดทักษะเพื่อการเปลี่ยนแปลงนำทีมโดยทีมคิด Space I Pud Production x Common School และ Vivi recap 

เพราะเราเชื่อว่าคนรุ่นใหม่คือ พลังสำคัญในการเปลี่ยนแปลงประเทศ

กระบวนการเรียนรู้ ทั้งหมด 62 ชั่วโมง ประกอบไปด้วย

1.) การบรรยาย (Lecture) : 28 ชั่วโมง
2.) กิจกรรมกระตุ้นการเรียนรู้ (Activity Base) : 12 ชั่วโมง
3.) กิจกรรมเชิงปฏิบัติการ (Workshop) : 13 ชั่วโมง
4.) การทัศนศึกษา (Field Trip) : 9 ชั่วโมง
5.) การค้นคว้าอิสระและลงมือปฏิบัติ (Independent Research)

วันรับสมัคร
เปิดรับสมัครตั้งแต่วันนี้-11 สิงหาคม 2566 ฟรีไม่มีค่าใช้จ่าย!
ประกาศผลผู้ผ่านคัดเลือก 12 สิงหาคม 2566 ทางอีเมล
ระยะเวลาหลักสูตร : 6 สัปดาห์ ทุกเสาร์-อาทิตย์ ตั้งแต่วันที่ 19 สิงหาคม-23 กันยายน

เงื่อนไขการรับสมัคร
1.) อายุตั้งแต่ 15-25 ปี ในพื้นที่กรุงเทพฯและปริมณฑล
2.) ผู้สมัครต้องเข้าร่วมกิจกรรมตลอดหลักสูตร
3.) ผู้สมัครต้องทำโครงการเมื่อจบหลักสูตร

ลงทะเบียนที่ : https://docs.google.com/forms/d/e/1FAIpQLSe0R_AMuAxhJ7aaA8EQxzlv6wFldrMsiBDBcKAxwusz985Wgw/viewform

สวนนงนุชพัทยา จัดกิจกรรมขบวนแห่เเฉลิมพระเกียรติ เนื่องในโอกาสวันเฉลิมพระชนมพรรษาพระบาทสมเด็จพระวชิรเกล้าเจ้าอยู่หัว 28 กรกฎาคม

วันนี้  28 ก.ค.66 นายกัมพล ตันสัจจา ประธานสวนนงนุชพัทยา นำคณะผู้บริหาร พนักงานสวนนงนุชพัทยา ประชาชน นักท่องเที่ยว และช้างแสนรู้ ร่วมขบวนเทิดพระเกียรติ ในพิธีถวายราชสดุดีเฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระปรเมนทรรามาธิบดีศรีสินทรมหาวชิราลงกรณ พระวชิรเกล้าเจ้าอยู่หัว เนื่องในวโรกาสเฉลิมพระชนมพรรษาครบ 71 พรรษา วันที่ 28 กรกฎาคม 2566 ที่บริเวณลานกิจกรรมหน้าอาคารวิวัฒน์ สวนนงนุชพัทยา อำเภอสัตหีบ จังหวัดชลบุรี     

ภายในงานมีขบวนแห่เฉลิมพระเกียรติ “เฉลิมพระชนน์พรรษา พระบาทสมเด็จพระวชิรเกล้าเจ้าอยู่หัวที่ยิ่งใหญ่ตระการตาจากนั้น นายกัมพล ตันสัจจา ประธานสวนนงนุชพัทยา เป็นประธานวางพุ่มทอง และ พุ่มเงิน เปิดกรวยถวายสักการะ นำกล่าวสดุดีถวายพระพร และร้องเพลงสรรเสริญพระบารมี เพลงสดุดีจอมราชา พร้อมกล่าวทรงพระเจริญดังกึกก้องไปทั่วบริเวณพิธี ต่อหน้าพระบรมฉายาลักษณ์พระบาทสมเด็จพระปรเมนทรรามาธิบดีศรีสินทรมหาวชิราลงกรณ พระวชิรเกล้าเจ้าอยู่หัว    

จากนั้น ชมการแสดงถวายพระพร ชุด “อศิรวาทพระราชธิบดีจักรกรีวงค์ ”จบ น้องช้างแสนรู้ จำนวน  2 เชือกถวายพวงมาลัย เบื้องหน้าพระบรมฉายาลักษณ์ฯ โดยมีนักท่องเที่ยวทั้งชาวไทยและต่างชาติ ให้ความสนใจในกิจกรรมถวายราชสดุดี พระบาทสมเด็จพระปรเมนทรรามาธิบดีศรีสินทรมหาวชิราลงกรณ พระวชิรเกล้าเจ้าอยู่หัว เพื่อแสดงออกถึงความจงรักภักดี ต่อสถาบันพระมหากษัตริย์ ในโอกาสมหามงคลนี้ เป็นจำนวนมาก


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top