Wednesday, 8 May 2024
NEWS

‘อ.สุวินัย’ โพสต์เฟซฟาด ‘โน้ส อุดม’ ที่พูดสนุกปาก ‘เรื่องความพอเพียง’ ย้ำ!! ขอเดินตาม ‘วิถีแห่งชีวิตศักดิ์สิทธิ์’ ที่พ่อหลวง ร.9 ได้ทำให้เห็นเป็นแบบอย่าง 

(6 พ.ค.67) รองศาสตราจารย์ ดร.สุวินัย ภรณวลัย อดีตอาจารย์ประจำคณะเศรษฐศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ได้โพสต์ข้อความลงเฟซบุ๊ก เกี่ยวกับกรณีที่ โน้ส อุดม แต้พานิช ได้ขึ้นเดี่ยวไมโครโฟน พูดถึงเรื่องของความพอเพียง อย่างผิดความหมายที่แท้จริง โดยได้ระบุว่า ...

หนทางพิสูจน์ม้า เวลาพิสูจน์อุดม

ทุกครั้งที่มึงหรือกูพิมพ์อะไร พูดอะไรในโซเชียล นั่นหมายถึงทั้งมึงและกูพร้อมแล้วที่จะให้คนอื่นเห็นสติปัญญาของมึงและของกู ได้เห็นธาตุแท้สันดานที่แท้จริงของตัวมึงและตัวกู

กูไม่ขอเป็น ‘คนรุ่นเก่า’ ที่หิวแสงและมุ่งเกาะกระแสคนรุ่นใหม่เพื่อเอาใจ...อย่างมึง

กูไม่ขอเป็น 'ทาสของความโลภ' ที่เที่ยวป่าวประกาศว่าตัวเองเป็น "คนไม่รู้จักพอ" แถมยังมาแซะหลักการเศรษฐกิจพอเพียง...อย่างมึง.

กูขอแสวงหา "ความรุ่มรวยทางจิตวิญญาณ" แทนที่จะแสวงหาความมั่งคั่งทางวัตถุ ผ่านการใช้ชีวิตที่เรียบง่ายและพอเพียงโดยเต็มใจ

โดยไม่ตกเป็นทาสเงิน รวมทั้งทาสของโลกธรรม 8 ทั้งปวง...อย่างมึง 

กูกับมึงต่างกันตรงนี้ ทั้งในความเป็นมนุษย์และความเป็นลูกผู้ชาย ...

กูขีดเส้นแบ่งกับมึงตรงนี้ชัดเจนว่ากูกับมึงเป็นมนุษย์คนละสายพันธุ์กัน
เพราะกูไม่เคยเอาเรื่องของผู้หญิงที่เคยคบหาออกมาแฉบนเวทีการแสดงเพื่อให้เป็นเรื่องตลก หรือเป็นเหยื่อของเสียงหัวเราะอย่างที่มึงทำอย่างหน้าตาเฉย

คนที่ชื่นชอบมึง เชียร์มึง เป็นแฟนคลับของมึง ก็คงมีสันดานไม่ต่างกันเท่าไรหรอก 

‘เงิน’ สำหรับกู ต้องเป็นแค่เครื่องมืออย่างหนึ่งในการใช้ชีวิตของกูเท่านั้น

‘เวลา’ สำหรับกู ต้องมีไว้สำหรับทำหน้าที่ให้ถูกต้อง ในฐานะที่เป็น ‘ผู้ให้’ กับเพื่อฝึกฝนตนเองในสรรพวิชาต่างๆ เพื่อพัฒนาความเป็นมนุษย์ที่แท้ให้ถึงขีดสุดแห่งศักยภาพเท่านั้น

‘ความตาย’ สำหรับกู มันก็แค่การได้หยุดพักชั่วคราวจากการอาสาลงมาเกิด เพื่อสืบสานปณิธานอันยิ่งใหญ่ของพระโพธิสัตว์ชาติแล้วชาติเล่าเท่านั้น

นี่คือ ‘วิถีแห่งชีวิตศักดิ์สิทธิ์’ ที่พ่อหลวง ร. 9 ของกูได้ใช้ชีวิตทั้งชีวิตของท่านทำให้ดูเป็น ‘แบบอย่าง’ ให้ได้รู้ ได้เห็น ได้เจริญรอยตาม ‘วิถีชีวิตศักดิ์สิทธิ์’ แบบนี้แหละจึงจะสามารถตอบโจทย์วิกฤตสังคมของประเทศนี้ที่กำลังหลงทางและถูกจูงจมูกให้เดินลงเหวโดยพวกนักการเมืองได้จริง

เนื่องเพราะ ‘ชีวิตศักดิ์สิทธิ์’ เช่นนี้พึ่งพาเงินตรา อำนาจ ตำแหน่งหัวโขนใดๆ น้อยเหลือเกิน 

มันแทบไม่มีความจำเป็นด้วยซ้ำ เพราะ ‘ชีวิตศักดิ์สิทธิ์’ เป็นเรื่องของการยินยอมเลือกใช้ชีวิตอย่างสมถะ เรียบง่ายและพอเพียงโดยเต็มใจ

เพื่อมีชีวิตอยู่อย่างแข็งแรง อย่างรุ่มรวยทางจิตวิญญาณและทางปัญญาตราบจนวาระสุดท้ายของชีวิตตนเท่านั้น

นายกฯเศรษฐา เยือนร้อยเอ็ดแก้ปัญหาแหล่งน้ำและแผนพัฒนาทุ่งกุลาร้องไห้ ให้แก่ชาวร้อยเอ็ด

เมื่อวานนี้ 5 พฤษภาคม 2567 เวลา 14.00 น. นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี และคณะ ลงพื้นที่จังหวัดร้อยเอ็ด ติดตามการบริหารจัดการน้ำและแผนพัฒนาทุ่งกุลาร้องไห้ พร้อมรับฟังปัญหาของประชาชนเรื่องแหล่งน้ำ และการพัฒนาโรงพยาบาลสุวรรณภูมิ โดยมี นายทรงพล ใจกริ่ม ผู้ว่าราชการจังหวัดร้อยเอ็ด บรรยายสรุปแผนงานพัฒนาแหล่งน้ำและทุ่งกุลาร้องไห้ พร้อมด้วย ส่วนราชการ และพี่น้องประชาชน ราวมต้อนรับเป็นจำนวนมาก ที่ ที่ วัดกู่พระโกนา ตำบลสระคู อำเภอสุวรรณภูมิ จังหวัดร้อยเอ็ด

โดยมีการเสนอแผนงานพัฒนาแหล่งน้ำเขตทุ่งกุลาร้องไห้จังหวัดร้อยเอ็ด ซึ่งกรมชลประทานเสนอ แผนงานระยะเร่งด่วน และแผนงานระยะกลางในการพัฒนาลุ่มน้ำ เสนอแผนขุดลอกลำเขียวใหญ่ ความยาว 222 กิโลเมตร, เพื่อขยายพื้นที่รับประโยชน์ 100,000 ไร่ และขุดลอกลำห้วยแล้งความยาว 30 กิโลเมตร พื้นที่รับประโยชน์ 30,000 ไร่ เพื่อแก้ปัญหาทั้งระบบ ทั้งปัญหาน้ำท่วมและการระบายน้ำ แก้ปัญหาด้านการขาดแคลนน้ำ รวมถึงปัญหาน้ำและดินซึ่งเป็นพื้นที่เชื่อมโยงระหว่างร้อยเอ็ดกับอำเภอบรบือ จังหวัดมหาสารคาม อำเภอโพนทรายร้อยเอ็ด อำเภอเกษตรวิสัยร้อยเอ็ด, และพื้นที่ข้างเคียง ให้สามารถใช้สอยได้ประโยชน์ครบถ้วนรอบด้าน ในพื้นที่ทุ่งกุลาร้องไห้ พื้นที่ประมาณ 2.1 ล้านไร่ ในเขต 5 จังหวัด คือร้อยเอ็ด มหาสารคาม สุรินทร์ ศรีสะเกษ และยโสธร ซึ่ง นายกรัฐมนตรี ได้สั่งการให้กรมชลประทาน พิจารณาโครงการพัฒนาระบบชลประทานทั้งระบบในของร้อยเอ็ด และดูผลกระทบกับประชาชน รวมถึงการบริหารจัดการน้ำระยะยาว ทำให้เกิดประโยชน์สูงสุดกับประชาชนในการอุปโภคบริโภค ดูแลเกษตรกรและพัฒนาการส่งเสริมปลูกข้าวหอมมะลิในพื้นที่ให้ดียิ่งขึ้น พร้อมเพิ่มผลผลิต เพิ่มรายได้ให้กับเกษตรกร 

จากนั้นได้เข้าสักการะพระบรมธาตุวัดกลางอุดมเวทย์อ.พนมไพร จ.ร้อยเอ็ด และเข้ากราบนมัสการพระครู อดุลจันทคุณ (หลวงพ่อประดิษฐ์ จนฺทโร) เจ้าอาวาสวัดกลางอุดมเวทย์เพื่อความเป็นสิริมงคลในโอกาสตรวจราชการจังหวัดร้อยเอ็ด หลังจากนั้น นายกฯ กล่าวทักทายประชาชนและพบปะเจ้าหน้าที่อาสาสมัครสาธารณสุขประจำหมู่บ้าน (อสม.) ที่มาให้การต้อนรับอย่างเป็นกันเอง 

และจุดสุดท้ายที่ โรงเรียนพนมไพรวิทยาคาร อ.พนมไพร จ.ร้อยเอ็ด นายกรัฐมนตรี ได้กล่าวพบปะประชาชน เรื่องโครงการดิจิทัลวอลเล็ตจะได้ในสิ้นปีนี้ รวมถึงได้มอบหมายกระทรวงเกษตรและสหกรณ์พัฒนาสายพันธุ์ข้าวให้ดีเพื่อให้มีราคาสูง นอกจากนั้นรัฐบาลยังขอให้ประชาชนที่มีปัญหาแจ้งยังนายอำเภอให้บริหารจัดการจ่ายดอกเบี้ยที่ไม่เป็นธรรม ขณะที่ปัญหายาเสพติดรัฐบาลมีนโยบายหลักคือ แยกผู้เสพจากชุมชนไปบำบัด เพื่อคืนสู่ครอบครัว ผู้ค้ายาต้องถูกจัดการโดยกฎหมาย ยึดทรัพย์ทันที เพื่อขจัดปัญหายาเสพติดให้หมดไปจากประเทศไทย

โกสิทธิ์/ร้อยเอ็ด(ห)
081-377-2689

'ปราชญ์ สามสี' มองวิวัฒนาการ 'ตลกร้าย' ของ 'โน้ส-อุดม'  ความรุนแรงที่ทวีคูณ เพียงแค่ให้ 'ตนเอง-ผลงาน' ถูกพูดถึง

(5 พ.ค.67) จากเพจ 'ปราชญ์ สามสี' ได้โพสต์ข้อความถึงกรณีดรามา 'โน้ส-อุดม' จากทอล์กโชว์เดี่ยวสเปเชียล ว่า...

มีคนเรียกร้องให้ผมพูดถึง คุณโน้ส อุดม แต้พานิช จากการเดี่ยวครั้งล่าสุด ที่กลายเป็นประเด็นดรามา โดยเฉพาะที่ไปพาดพิงความเป็นเด็กผู้ใหญ่รวมไปถึงเรื่องเศรษฐกิจพอเพียง ผมว่าทั้งหมดนั้นมันเป็นเรื่องของ Gallows humor หรือที่แปลเป็นไทยว่า 'ตลกร้าย' นั่นแหละครับ

ข้าพเจ้าเลยจำเป็นที่ต้องออกมาพูดเรื่องของคุณโน้ส อุดม เพราะตลกร้ายของเขานั่นแหละครับ

ผมเชื่อว่าดรามาครั้งนี้จริงๆ...คุณโน้ส อุดม ก็อาจจะต้องการให้มันเกิดดรามา เพื่อชื่อเสียงของเขา เพราะตลกร้ายกระแนะกระแหนเสียดสีดูถูกเหยียดหยามเป็นสิ่งที่ไปกระตุ้นความรู้สึกให้เกิดอารมณ์สอดคล้องหรือต่อต้านกลายเป็นบทสนทนาทั้งหัวเราะทั้งร้องไห้ทั้งหมดนี้ก็เพื่อ Viral Content ครับ

แต่ผมว่าเขาไม่สนหรอกครับว่ามุกตลกของเขามันจะไปทำร้ายจิตใจใคร เหยียดหยามใครดูถูกใครเพราะสิ่งที่เขาต้องการก็เพียงแค่การถูกพูดถึง

Gallows humor เป็นรูปแบบหนึ่งของแนวสุขนาฏกรรม ที่ทำให้ประเด็นละเอียดอ่อนที่โดยทั่วไปถือเป็นเรื่องต้องห้ามให้กลายเป็นเรื่องตลกขบขัน โดยเฉพาะเรื่องที่ปกติถือว่าร้ายแรงหรือเจ็บปวดที่จะพูดคุย

นักแสดงตลกมักใช้เป็นเครื่องมือในการเสาะหาประเด็นหยาบคาย โดยกระตุ้นความไม่สบายใจ ความคิดรุนแรง และสร้างความสนุกสนานให้กับผู้ชม

ดังนั้นไม่แปลกครับที่คุณจะเริ่มรู้สึกว่าตลกร้ายของคุณโน้ส อุดมนั้นมันเริ่มไม่ตลก แล้วมันกลายเป็นการรังแกคนบนเวทีด้วยเอาคำพูดติฉินนินทาแซะกะแนะกระแหน แล้วมันเริ่มมากขึ้นทุกๆ ปี

ผมติดตามโน้สอุดมมาได้ตั้งแต่โน้ส อุดมครั้งที่ 1 เลยนะครับ แล้วผมก็ยังจำได้ว่าบนเวทีตูดหมึก ก็เคยประกาศว่าจะยุติบทบาท 

โดยบอกว่าเวทีครั้งนั้นจะเป็นเวทีครั้งสุดท้าย แต่นั่นไม่ใช่ความจริง เพราะหลังจากนั้นเขาก็ทำต่อมาเรื่อยๆ จนถึงปัจจุบัน

แม้ว่าโน้สอุดมจะมีวิธีการเล่าเรื่องมีเรื่องใหม่ๆ มาเล่าตลอดในทุกๆ ปี แต่สิ่งนึงที่มีทุกปีเหมือนเดิมทุกครั้งคือตลกร้ายที่ทวีคูณความรุนแรงมากขึ้นเรื่อยๆ และในช่วงปีหลังๆ เริ่มจับประเด็นที่เกี่ยวข้องกับทางการเมืองและบุคคลสำคัญ

ประเด็นนี้เองที่ทำให้โน้ส ถูกจับตามองมากขึ้นเรื่อยๆ ในฐานะเป็นตัวอย่างที่ไม่ดีต่อสังคม และเริ่มถูกมองในมิติที่ชัดเจนมากขึ้น

ยกตัวอย่างเช่นเรื่องของการโจมตีเรื่องเศรษฐกิจพอเพียง ที่เขาบอกเลยว่า เขาไม่ขอเป็นคนพอเพียงแล้วเพราะมันไม่เวิร์คสำหรับเขา

เขาบอกให้เข้าใจได้ว่า "มีแต่ผู้คนดัดจริตทำ..."

ทั้งๆ ที่ตัวเองตั้งชื่อบริษัทว่า พอดีจำกัด โคตรตลกร้ายนะครับ

เขาไม่เคยรู้เลยหรือว่า ตลกร้ายของเขานั้นกำลังให้ร้ายกับเรื่องที่พระมหากษัตริย์พระองค์หนึ่งยอมสละทั้งชีวิตนับสิบๆ ปี เพื่อสร้างปรัชญาชีวิตให้ผู้คนสามารถอยู่รอดท่ามกลางภัยพิบัติทางเศรษฐกิจ สามารถทำให้ผู้คนอยู่ได้อย่างมั่นคง

แต่กลับถูกตลกร้ายทำลายคุณค่าดูหมิ่นเหยียดหยามเพลงเพราะมันไม่เวิร์คกับเขา ....

แน่สิเพราะว่าคุณโน้ส อุดม หากินบนตลกร้ายการเหยียดหยามผู้อื่นเพื่อบันเทิงผู้ชม โน้สอุดมเลยไม่เคยเข้าใจชีวิตที่ปกติสุข โดยไม่ทำร้ายผู้อื่นด้วยปาก

ผมไม่ได้หมายความว่าจะไปบังคับให้คุณโน้ส อุดมทำเศรษฐกิจพอเพียงหรือชื่นชมสิ่งเหล่านี้ เพราะมันก็จะเป็นเรื่องที่ดัดจริตเช่นกัน เพราะเขาเองก็บอกว่า เขาทำไม่ได้

แต่ตลกร้ายของเขาได้สร้างความรู้สึกให้ผู้ชมในเวลานี้ ว่าโน้สอุดมกำลังกลั่นแกล้งในหลวงรัชกาลที่ 9 จนเกินไปมันล้ำเส้นเกินความพอดีที่จะรับได้

ผมขอวิจารณ์คุณอุดมว่าเขากำลังเสพติดตลกร้ายของเขาเองที่เที่ยววิจารณ์ผู้อื่นจนลืมวิจารณ์ตัวเองที่เที่ยวกระแนะกระแหนผู้อื่นจนลืมดูรากเหง้าของตัวเอง 

เรียกว่าดังแล้วลืมความเป็นคน...
...ลืมว่าตัวเองเคยเป็นใคร

สำหรับข้าพเจ้าแล้วจุดที่โน้สอุดมได้รับความเมตตาจากผู้ชมมากๆ คือ ความกตัญญูต่อมารดา ความใกล้ชิดหยิกแก้มหยอกแซวนิดแซวหน่อย ผมว่าน่ารักอยู่ครับ

แต่ปัจจุบันคุณโน้สอุดมทำตัวเอาแม่มาหาแดกครับและเป็นอยู่อย่างนี้หลายครั้งหลายหนแล้ว มันเริ่มไม่น่ารักครับ

ครั้งล่าสุดเนี่ยโน้สอุดมก็เที่ยวไปบอกว่าให้คนแก่อยู่เฉยๆ พอให้เด็กมันกราบไหว้ได้สนิทใจเถอะ

นี่ไม่ใช่คำพูดของคนที่รู้จักความกตัญญูต่อผู้มีพระคุณในบ้านแต่เป็นคำพูดของคนกร่างที่เชื่อว่าตัวเองจะชนะโลกใบนี้ด้วยสองมือสองแขนของตนเอง

นั่นไม่ใช่วิถีชีวิตที่ถูกต้องครับ

และขอบอกเลยว่า 'ลิซ่า' ไม่ใช่คนแบบนี้
ลิซ่าที่โด่งดังไปทั่วโลกเวลานี้
เขารู้จักครอบครัว
เขาก็ดูแลครอบครัวเขา
เขารู้จักประเทศของเขา
เขารู้ว่าที่ใดเป็นที่ของเขา
เขารู้อะไรควรทำให้คนทำ

อย่าเอาหลักคิดต่ำทรามไปชี้ว่า ศิลปินคนนั้นคนนี้เขามีพฤติกรรมเหมือนกับคุณ

สวัสดีครับ

ชาวเน็ตชื่นชม ‘กระเป๋ารถเมล์’ มีใจรักบริการ ไหว้ผู้โดยสารทุกคน เผย!! ทำมา 20 ปีแล้ว รักงานนี้มาก  ตั้งใจส่งรอยยิ้มให้ทุกคนบน ‘สาย 522’

(5 พ.ค.67) เป็นอีกเรื่องราวดีๆ เมื่อ TikTok@judong_trnews โพสต์คลิปที่ทำชาวโซเชียลยิ้มตาม พร้อมเขียนแคปชั่นว่า "แก เกิด มา ฉันพึ่งเคยเจอ พี่กระเป๋ารถเมล์ไหว้ผู้โดยสารทุกคนเลย แบบทุกคนจริงๆนะ นี่นั่งรถเมล์มา 20 ปี พึ่งเจอ คนดีต้องชื่นชม สาย522 #คนดีของสังคม #กระเป๋ารถเมล์"

โดยในคลิปจะเห็นพนักงานเก็บเงินหญิงรายหนึ่งทำงานและให้บริการด้วยความตั้งใจ โดยทุกครั้งหลังจากเก็บค่าโดยสาร พนักงานจะยกมือไหว้ผู้โดยสารทุกคน

หลังคลิปเผยแพร่มีชาวเน็ตรายหนึ่งเข้ามาคอมเมนต์ว่า "แม่แฟนเราเองค่ะ ท่านทำงานกับขสมก.มา20ปีแล้วค่ะ ทุกครั้งที่ท่านออกไปทำงานท่านจะแต่งหน้าทำผมสวยงาม และท่านรักงานนี้มากๆค่ะ ถึงมีใจรักการบริการขนาดนี้ ฝากขอบคุณทุกๆคนที่ชื่นชมแม่ด้วยนะคะ " ขณะที่ชาวเน็ตรายอื่นๆเข้ามาคอมเมนต์ชื่นชมกันอย่างมากมาย อาทิ นี่ล่ะ คนที่รักและเคารพในอาชีพของตัวเองอย่างแท้จริง, แบบนี้ผมยังไม่เคยเห็นจริงๆ นี่ครั้งแรกคับ ขอชื่นชมด้วยใจจริงคับ, เขาไม่ใช่แค่เคารพผู้โดยสาร แต่เขาเคารพอาชีพตนเอง

จากคนรุ่นเก่าถึง 'โน้ส-อุดม' อย่าพยายามเปิดตลาดใหม่ด้วยมุกวงเหล้า เพราะเวลาอยู่กับคนหมู่มาก ควรเซ็นเซอร์ตัวเองให้เด็กยังอยากไหว้

(5 พ.ค.67) จากเพจ 'มั่นคง munkonggadget' ได้โพสต์ข้อความ ระบุว่า...

ขอตำหนิคุณ โน้ส อุดม หน่อยครับ ☺️ 🙏

เพิ่งดูเดี่ยวตอนใหม่ของคุณโน้สอุดมใน NetFlix จบลง เดาว่านี่คือเดี่ยวภาคพิสดารฉบับล่าสุด ที่ทำร่วมกับ NetFlix โปรดักชั่นเล็กลงหน่อย จำนวนคนดูในห้องส่งกระชับดี บรรยากาศต่างจากที่เฮียเคยดูที่พารากอนฮอลล์ไปบ้าง แต่ถือว่าเป็นการปรับช่องทางการเข้าถึงของคนดู ให้ลูกเด็กเล็กแดง คนหนุ่มสาวหรือคนสูงวัยได้มีโอกาสดูกันทั่วๆ

และถ้าใครที่เป็นแฟนเดิมๆ จะเห็นโน้สอุดมปรับไดอะล็อคการพูดใหม่ให้เผ็ดร้อนขึ้นด้วย ที่ผ่านมาทุกเดี่ยวโน้สอุดมเล่นกับคนดูที่เป็นกลุ่มครอบครัว ซึ่งมีความหลากหลายทางอายุ การแสดงในพารากอนที่ผ่านๆมา ฮา ดูพอดี โทนอยู่ในระดับแค่ “มึงมาพาโวย” เป็นคำหยาบในระดับ "รับได้" และไม่จำเป็นต้องหยาบไปกว่านั้นก็ "ขายได้ "

แต่พอเข้า NetFlix ซึ่งเป็นสื่อเสียเงินที่ทุกคนเข้าถึงง่ายกว่าไปชมในพารากอน แปลกใจว่าโน้สอุดมนึกท่าไหนถึงเร่งเครื่องใช้คำผรุสวาทถี่และบ่อย เหมือนกับพยายามจะเปิดตลาดใหม่หลังจากที่โน้สเองคงรู้ว่าสูญเสียแฟนในอีกตลาดนึงไปอย่างถาวร อีกประการในท่อนหลังสุดที่โน้สเล่าถึงบาร์อะโกโก้นั้น

เอาจริงๆ ถ้ามุกพวกนี้เล่าในวงเหล้า หรือปิดผับเล็กๆ เล่นและเก็บตังค์ฟังกันเองเฮียว่าโอเคนะฮาดี แต่ในคลิปกลับรู้สึกว่าคนดูหลายคนมีอาการ "อาย" และยังมีหลายคนที่ตกกระไดพลอยโจนเล่นไปกับมุกลามก 16+ แบบไม่เต็มใจนัก เฮียเองยังยอมรับว่าเซอร์ไพรส์ งานนี้โน้สเล่นใหญ่กล้าปล่อยมุกพวกนี้ได้อย่างไรกัน คือบอกตามตรงมันมีเนื้อหาที่คุกคามทางเพศอยู่เยอะนะ

สุดท้ายนี้ขอตำหนิ NetFlix ที่เชื่อว่าก่อนจะตัดสินใจบันทึกเทป น่าจะรู้ล่วงหน้าว่าโน้สจะเล่นประมาณไหน มืออาชีพทำงานร่วมกันคงประชุมเรื่องเนื้อหากันก่อนล่ะ เดี่ยวทุกเดี่ยวของโน้สติดเรทแค่ 13+ บน NetFlix ทุกอัน แต่พอ NetFlix เป็นผู้ร่วมผลิตเทป กลายเป็นว่าโน้สต้องเล่นแบบแรงๆ แบบ 16+ ให้ NetFlix เพื่อการเปิดตัวสวยๆ บนแพลทฟอร์มนี้ซะงั้น

สุดท้ายนี้ เฮียขออนุญาตสะกิดเอวโน้สอุดมว่า เรามันคนรุ่นเก่าแล้ว แก่แล้ว ควรรับผิดชอบสังคมบ้าง อีกไม่นานเราก็ตายห่ากันหมดแล้ว สิ่งที่โน้สทำได้คือทำตัวน่ารักๆ ให้เด็กๆ ยอมไหว้ต่อก็พอ....

เงินมีเยอะแล้วโน้ส รู้จักพอมั่ง...

อันนี้คือมุมมองของผมเองนะครับ คือพวกไอ้แก่อย่างผมหรือคุณโน้ส มันก็เล่าเรื่องลามกแบบนี้ได้อรรถรสเหมือนกัน แต่เวลาอยู่กับคนหมู่มาก เราต้องเซ็นเซอร์ตัวเองเหมือนกัน

แต่ในเทปล่าสุด ผมว่าเนื้อหามันคุกคามทางเพศมากเกิน “พอดี” ไปเยอะ ถ้าเล่นแค่พอดีมันก็โอเค แต่การหยิบมาพูดหลายท่อน และยาวนาน รวมถึงแสดงกิริยาท่าทางที่ดูแล้วเกินเบอร์ไป

และที่เห็นชัดคือการควบคุมคนดูขณะอยู่บนเวที ดูละเอียดๆ จะรู้สึกว่าไม่เหมาะสมเท่าไหร่ ทั้งหมดที่ผมทักไว้ ลองพิจารณาด้วยตัวเองครับ ผมเขียนในฐานะแอดมินเก่าแก่ ที่อาศัยหากินอยู่กับสื่อสังคมเหมือนกัน

ทำอะไรต้องคิดถึงคนส่วนใหญ่ครับ

‘โอเวน-แม็กมานามาน-ฟาวเลอร์’ 3 นักเตะลิเวอร์พูล เข้าพบ ‘เศรษฐา’ พร้อมเดินหน้า กิจกรรมส่งเสริมการท่องเที่ยว โดยใช้ฟุตบอลเป็นสื่อกลาง

(5 พ.ค.67) นายธรณินทร์ เกียรติชัย ผู้ก่อตั้งและผู้บริหาร บริษัท อินฟลูออส จำกัด บริษัทด้านการบริการจัดกิจกรรมนำนักฟุตบอลระดับโลกมาจัดกิจกรรมในไทย พร้อมด้วยอดีตนักฟุตบอลระดับตำนานของสโมสรลิเวอร์พูล ได้แก่ ไมเคิล โอเวน, สตีฟ แม็กมานามาน และ ร็อบบี้ ฟาวเลอร์ เข้าเยี่ยมคารวะนายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี 

ซึ่งอดีตนักฟุตบอลของลิเวอร์พูล เผยว่า รู้สึกประทับใจที่ได้มาเยือนไทย ยินดีที่ประเทศไทยมีแฟนคลับของสโมสรลิเวอร์พูลจำนวนมาก และได้ร่วมทำกิจกรรมกับแฟนคลับชาวไทย พร้อมยินดีเป็นส่วนหนึ่งในการส่งเสริมภาพลักษณ์การท่องเที่ยวไทยผ่านการใช้กีฬาฟุตบอลเป็นสื่อกลาง 

ขณะที่รัฐบาลตั้งใจจะผลักดันปี 2568 เป็นปีแห่งการท่องเที่ยวไทย ซึ่งจะมีการจัดกิจกรรมมากมาย และขอเชิญชวนสโมสรลิเวอร์พูลเข้ามามีส่วนร่วมในกิจกรรมต่างๆ ที่จะเกิดขึ้นด้วย

‘โรงเรียนบุญวัฒนา’ ไฟเขียว!! นร. LGBTQ+ ‘ชายไว้ผมยาว-หญิงไว้ผมสั้น’ ด้าน 'สส.ก้าวไกล-ชาวเน็ต' ปลื้ม!! เป็นโรงเรียนที่ก้าวหน้า ไม่แบ่งเพศ

(5 พ.ค.67) บนโซเชียลฯ แชร์ภาพจากเฟซบุ๊ก สภานักเรียนโรงเรียนบุญวัฒนา ซึ่งเป็นโรงเรียนประจำจังหวัดนครราชสีมา แห่งที่ 3 ตั้งอยู่ที่ตำบลหัวทะเล อำเภอเมือง จังหวัดนครราชสีมา ได้นำภาพระเบียบการแต่งตัวที่ถูกต้องให้แก่รุ่นน้องที่จะเข้ารับการศึกษาในปีการศึกษา 2567 ที่จะถึงนี้ โดยมีการกำหนดการแต่งตัวทั้งนักเรียนมัธยมศึกษาตอนต้น มัธยมศึกษาตอนปลาย นักศึกษาวิชาทหาร และนักเรียนเพศทางเลือก LGBTQ+ ชายไว้ผมยาว หญิงไว้ผมสั้น

โดยข้อกำหนดเครื่องแบบนักเรียน LGBTQ+ ชาย-หญิง ชั้นมัธยมศึกษาตอนปลาย พบว่า นักเรียนเพศชาย สามารถไว้ผมยาวได้ โดยรวบผมอย่าให้ปอยผมโผล่แล้วผูกโบสีขาว ส่วนท่อนล่างยังคงให้ใช้กางเกงขาสั้นเหมือนนักเรียนชาย ส่วนนักเรียนเพศหญิง สามารถไว้ผมสั้นได้ แต่ทรงผมไม่ยาวรกรุงรังจนเกินไป ไม่เลยตีนผม ส่วนท่อนล่างยังคงให้ใช้กระโปรงเหมือนนักเรียนหญิง โดยการขออนุญาตยกเว้นทรงผมนักเรียนเพศวิถี ต้องลงบันทึกการขออนุญาตในการไว้ทรงผมที่ห้องกิจการนักเรียนก่อน

สำหรับข้อกำหนดเครื่องแบบนักเรียน LGBTQ+ ชาย-หญิง ได้รับความสนใจจากชาวเน็ตจำนวนมาก และมีเสียงชื่นชมตามมา เช่น นายปิยชาติ รุจิพรวศิน ส.ส.นครราชสีมา เขต 2 พรรคก้าวไกล โพสต์คอมเมนต์ระบุว่า "ชื่นชมแนวคิดสภานักเรียนโรงเรียนบุญวัฒนาครับ" ขณะที่ชาวเน็ตคนอื่นๆ ต่างแสดงความคิดเห็น อาทิ

"ดีใจแทนน้องๆ มากเลยค่ะ ขอบคุณแทนน้องๆ จากใจจริง"

"แนวคิดน่ารักกับเด็กๆ มากค่ะ"

"ไม่ได้อยู่ๆก็ทำ กว่าจะได้กระบวนการนี้ขึ้นมา สภานักเรียนก็และฝ่ายกิจการนักเรียนเป็นแกนนำในการทำประชาพิจารณ์ ทั้งกับนักเรียน ผู้ปกครอง และผู้บริหารครับ #ทีมเด็กบุญ"

"ยินดีดีใจกับเพื่อนๆ พี่ๆ น้องๆ ด้วยนะครับ ปีนี้ถือเป็นการเปิดใหม่ยอมรับในมุมมองของเพศทางเลือก ถ้าทางโรงเรียนสามารถให้นักเรียนที่เป็นชายแต่อยากแต่งหญิง หรือนักเรียนที่เป็นหญิงแต่อยากแต่งชาย ให้สิทธิเปิดกว้างมากยิ่งขึ้นจะดีมากๆ ครับ สนับสนุนซัพพอร์ตบุญวัฒนาครับ"

"ทำถึงมาก เข้าใจนักเรียน ชอบโรงเรียนเเบบนี้ ทีนี้นักเรียนคงเรียนมีความสุขมากกว่าเดิม ไม่ต้องมาคอยกังวลอะไร เกี่ยวกับเรื่องทรงผม"

"ผมขอชื่นชมทีมงานผู้บริหาร รร.บุญวัฒนาเป็นอย่างยิ่งครับ ที่กล้าที่จะเปิดรับความหลากหลายทางเพศ ความคิดทันยุคทันสมัย ในฐานะศิษย์เก่าผมก็ขอปรบมือให้ครับ เยี่ยมจริงๆ"

"ขอบคุณทางโรงเรียนนี้มากนะคะ ที่เปิดโอกาสและเป็นกระบอกเสียงเล็กๆ ว่า LGBTQ+ ก็มีสิทธิ์เสรีภาพเทียบเท่ากับบุคคลอื่นๆ"

"นี่แหละโรงเรียนที่ก้าวหน้า โรงเรียนที่ไม่แบ่งเพศ ผู้บริหารก็สุดปัง ขอบคุณที่นึกถึงจิตใจและความสำคัญของเด็กทุกคน นี่คือโรงเรียนที่เจริญแล้ว โรงเรียนที่ก้าวหน้าและทันตามยุคสมัย ขอบคุณแทนน้องๆ นะคะดีใจแทนมาก โรงเรียน LGBTQ"

"ดีใจแทนเด็กรุ่นหลังๆ มาก ที่โรงเรียนเปิดรับขนาดนี้ ยินดีกับน้องๆ ด้วยนะคะ อย่าลืมตั้งใจเรียนกันด้วยนะ"

แฉ!! ยุทธวิธีปั่นกระแส - ใส่ร้ายทางการเมือง มักใช้คำสั้นๆ - ซ้ำๆ มากกว่าอธิบายความยาวๆ

เมื่อไม่นานมานี้ ผู้ใช้งานบัญชีติ๊กต็อกชื่อ 'พี่ลุงแมนไทยแลนด์แดนสวรรค์' (@plm89thailand) ได้เผยแพร่วิดีโอพร้อมระบุแคปชันว่า “เพราะคำใส่ร้าย มันสั้นกว่าคำอธิบายเสมอ”

ทั้งนี้ได้อธิบายความเพิ่มเติมว่า “เรามารู้ทันยุทธวิธีในการใช้โซเชียลปั่นกระแส เขาใช้วิธีใส่ร้ายป้ายสี วิธีใส่ร้ายป้ายสีหรือด้อยค่าด้วยถ้อยคําซ้ำ ๆ เพราะอะไรรู้ไหม? เพราะการใส่ร้าย มันสั้นกว่าคําอธิบายเสมอ เช่น เขาจะใส่ร้ายได้ประโยคซ้ำ ๆ เดิม ๆ ซ้ำ ๆ เดิม ๆ”

ผู้ใช้งานบัญชีติ๊กต็อกรายนี้ อธิบายต่อว่า “พวกเราสังเกตนะ คำซ้ำๆ เดิม ๆ คําใส่ร้ายสั้น ๆ อย่างเช่นว่า “ประยุทธ์ตรวจสอบไม่ได้” แค่นี้นะ ย้ำคำว่า “ตรวจสอบไม่ได้ ตรวจสอบไม่ได้” แต่เวลาอธิบายมันยาวกว่า คนจะไม่ฟัง ดังนั้น พี่น้องเวลาเสพข่าว ถ้าเห็นคนที่ใช้แค่ถ้อยคําสั้น ๆ เดิม ๆ ซ้ำ ๆ วนไปวนมา แล้วก็ไม่แสดงตัวตน อย่าไปสนใจ อย่าไปหลงเชื่อ เพราะเขาจะสะกดจิต เขาจะใช้คําซ้ำ ๆ ๆ สะกดจิต เพราะว่าเขารู้ว่าพี่น้องทํางานทําการ ไม่ค่อยมีเวลาดูการเมืองเยอะ ดังนั้นเขาจะใช้คําซ้ำ ๆ แค่นั้น

เพราะคําอธิบาย มันยาวกว่าคําใส่ร้ายเสมอ”

ชาวโซเชียลชื่นชม หนุ่มเจ้าของร้าน ซ่อมรถคู่ใจให้ ‘ลุงเก็บของเก่า’ ฟรี หลังลุงเข็นมาไกลเกือบกิโล นั่งปล่อยโฮหน้าร้าน เพราะไม่มีเงินซ่อม

(4 พ.ค.67) จากคลิปของผู้ใช้ติ๊กต็อก ‘beawtyfriendly’ ที่ได้แชร์เรื่องราวดีๆ ของการช่วยเหลือคุณลุงเก็บของเก่าคนหนึ่ง นั่งร้องไห้พร้อมกับรถคู่ใจอยู่ที่ร้านซ่อม เจ้าของร้านใจดีซ่อมให้ฟรีๆ พร้อมทำเครื่องรถให้ใหม่ ชาวแห่ชื่นชมโอนเงินช่วยเหลือ

ล่าสุด นายกฤศรา กิจวัฒนโอภา เจ้าของร้านช่างตั้มพนม ได้เปิดเผยว่า ตนกับแฟนเปิดร้านซ่อมรถจยย.อยู่แล้ว และวันนั้นไม่มีใครอยู่หน้าร้านจึงไม่เห็นว่าลุงมาตั้งแต่เมื่อไหร่ แต่มีพี่ร้านข้างๆ เห็นลุงเดินเข็นรถร้องไห้มาหยุดที่หน้าร้านตน จึงได้ไปตามตนที่หลังร้านให้ออกมาหาลุง

ตอนแรกคิดว่าลุงเอารถมาซ่อมตามปกติ พอออกมาดูก็เห็นว่าลุงนั่งก้มหน้าร้องไห้อยู่ ตอนนั้นแฟนก็เลยบอกกับคุณลุงไปว่าให้ใจเย็นๆ ก่อนเดี๋ยวดูให้เดี๋ยวเช็คให้ พอเช็ครถให้คุณลุงก็เห็นว่าคาร์บูเรเตอร์พัง เลยเปลี่ยนให้ และได้คุยกับคุณลุงว่าเข็นมาจากไหน คุณลุงก็บอกว่าเข็นมาจากไฟแดง ซึ่งถ้าเข็นมาจากไฟแดงนั้นห่างจากร้านตนประมาณ 1 กิโลเมตร พร้อมกับบอกว่าจะเป็นลม เหนื่อย และร้อนมากๆ เพราะตอนนั้นเป็นช่วงเวลาเที่ยงพอดี ระหว่างนั้นก็เลยเลี้ยงก๋วยเตี๋ยวไปอีกหนึ่งมื้อ จะได้ให้คุณลุงใจเย็น ตอนนั้นคุณลุงก็ดีขึ้นมาก

นายกฤศรา กล่าวต่อไปอีกว่า ปกติตนเคยเห็นคุณลุงประจำอยู่แล้ว เพราะว่าตนชอบแจกผัก ผลไม้ข้าวสารอยู่ที่หน้าร้าน คุณลุงเขาเป็นคนเก็บของเก่า เวลาเขาผ่านมาแถวนี้เขาก็แวะมาเอาของแจกอยู่ตลอด หรือเวลามีขวดน้ำของเก่าต่างๆ ตนก็จะเก็บไว้ให้ลุง ก็คุ้นหน้าคุ้นตากันอยู่แล้ว

โดยปกติเวลาเห็นคุณลุงจะเป็นคนยิ้มแย้มเฮฮาชอบพูดคุยหัวเราะเสียงดัง แต่วันนั้นพอเจอเหตุการณ์ที่เขานั่งร้องไห้อยู่หน้าร้าน ตนก็ตกใจมาก ไม่คิดว่ามันจะหนักถึงขั้นต้องร้องไห้ ตอนนั้นก็ปลอบใจกันไป ซึ่งตนคิดว่าเขาคงกลัวเรื่องค่าซ่อมที่ไม่มีเงินจ่าย และอีกอย่างนึงคงกลัวรถพังเพราะเป็นเครื่องมือทำมาหากิน ตนก็ตั้งใจที่จะซ่อมให้ฟรี ไม่ได้คิดเงินอยู่แล้ว เพราะปกติตนก็ช่วยเหลือคนอื่น

ตอนนี้คุณลุงก็อารมณ์ดีขึ้นแล้ว เวลาขับผ่านหน้าร้านก็มักจะบีบแตร ยิ้มให้หายเหมือนเดิม และตอนนี้รถของคุณลงก็เปลี่ยนคาร์บูไปแล้วแต่ยังมีส่วนอื่นที่น่าจะมีปัญหาอยู่ น่าจะเครื่องหลวม ก็เลยซ่อมเพิ่มเติมให้ ซึ่งค่าใช้จ่ายน่าจะอยู่ที่ประมาณ 3,000 กว่าบาท และจะทำสตาร์ทมือให้คุณลุงเพิ่มเติมด้วย ทุกอย่างตนจะทำให้คุณลุงฟรีๆ และก็มีคนใจบุญส่งเงินมาให้ด้วยส่วนหนึ่ง

ที่ตนก็ตั้งใจจะซ่อมให้เสร็จหมดทุกอย่าง เพราะคุณลุงจะได้นำรถที่เป็นเครื่องมือทำมาหากินไปใช้ต่อได้ นอกจากลุงแล้วเวลาตนเจอรถจยย.จอดเสียอยู่ข้างทาง หรือว่ารถเข็นอยู่ ตนก็จะจอดช่วยเหลือตลอด เพราะไม่รู้ว่าข้างหน้าเขาจะเจอร้านซ่อมหรือจะมีใครช่วยเขาหรือไม่ และที่ทำมาโดยตลอดก็คือทำทานแจกกับข้าวให้คนเฝ้าไข้ ตามโรงพยาบาล เพราะอย่างน้อยข้าวหนึ่งมื้อก็ทำให้เขามีกำลังใจในการอยู่ต่อไป ให้เขาเฝ้าไข้ จะได้มีแรง

ทัวร์ลงหนัก!! หลัง ‘Netflix’ โปรโมตเดี่ยวสเปเชียล ‘โน้ส อุดม’ ฟาด!! ‘ไร้สาระ-คิดแต่ตรรกะฝั่งตัวเอง-นึกว่าจะฉลาดกว่านี้’

(4 พ.ค.67) ทัวร์ลงหนักเลยทีเดียว สำหรับเพจ ‘Netflix’ ที่มีคนติดตาม 91 ล้านคน โดยมีการโปรโมตทอล์กโชว์ เดี่ยวสเปเชียล ซูเปอร์ซอฟต์พาวเวอร์ของ ‘โน้ส อุดม แต้พานิช’ ตัดตอนที่โน้สได้พูดเหน็บแนมเรื่องความพอเพียง แซะคนอยากเป็นเกษตรกรตามดารา อินฟลูฯ อยากอยู่กับธรรมชาติ อีด-ก เขาลงมาจากรถตู้ พอกครีมกันแดดหลายตลบ เสร็จแล้วก็ขึ้นรถแอร์ อย่าดัดจริต โดยแคปชันระบุว่า

“อยากพอเพียง อยากปลูกผักตามอินฟลูฯ แต่ลืมคิดว่าเขาลงจากรถตู้ พอกครีมกันแดดมาเกี่ยวข้าว กลับมาคราวนี้ พี่โน้ส อุดม เขาจัดเต็ม ไม่กั๊ก ไม่เซ็นเซอร์ เชิญรับชมพร้อมกันได้ใน เดี่ยวสเปเชียว ซูเปอร์ซอฟต์พาวเวอร์ ที่ Netflix”

งานนี้ชาวเน็ตฟาดไม่ยั้ง อาทิ พอเพียงเป็นคำที่มีความหมายในตัวเอง คนที่ไม่พอก็ไม่ได้แปลกอะไร คนที่แปลกคือคนที่พยายามด้อยค่ามันเพราะอคติ, พอไม่พออยู่ที่ความพอใจ ความพอใจของแต่ละคนไม่เท่ากัน อย่าคิดแต่ฝั่งตรรกะตัวเอง ใครไม่พอก็หากันต่อไป ใครพอเขาก็มีความสุขกับสิ่งที่เขามี แล้วไม่ต้องดินมาก แค่นั้นเอง,

มันไม่เกี่ยวกับง่ายหรือยาก มุงไม่เข้าใจเศรษฐกิจพอเพียงแล้วเอามาแซะ นึกว่าจะฉลาดกว่านี้ ภูมิใจจริงๆ ไม่เคยอุดหนุนอะไรสักอย่าง, คุณนิยามคำว่าพอเพียงผิดมหันต์ มันจึงเหมือนเป็นการเหน็บแนม ผิดหวังครั้งแล้วครั้งเล่ากับคุณจริงๆ , อยากฟังทฤษฎีใช้เงินไปสวรรค์ของวัดดังแถวปทุมนะ, พอเพียงมันก็คือทางสายกลาง แบบที่พระพุทธเจ้าสอนนั่นแหละ การไม่ยึดติดสุดทางทั้งไม่ลำบากไปไม่สบายไป เอาแบบพอดี แต่โน้ส อุดม คงไม่เชื่อคำสอนของพระพุทธเจ้า ไปเชื่อคำสอนของธัมมชโยมากกว่า ฯลฯ

โซเชียล ชื่นชม ‘ตร.ทางหลวง’ บึ่งรถนำตัวเด็กป่วย ส่งถึงมือหมอ หลังได้รับแจ้งเหตุ มีเด็ก ‘ช็อก-ไข้สูง-ชักเกร็ง’ บนรถสองแถว

(4 พ.ค.67) ผู้ใช้เฟซบุ๊กชื่อ ‘สถานีตำรวจทางหลวง 5 กองกำกับการ 4 กองบังคับการตำรวจทางหลวงสกลนคร’ โพสต์ข้อความระบุว่า 

ประชาชนขอความช่วยเหลือเด็กป่วยบนรถโดยสารมีอาการไข้สูง ชักเกร็ง ก่อนนำขึ้นรถวิทยุตำรวจทางหลวง 4508 ส่งโรงพยาบาลศูนย์สกลนคร ถึงมือคุณหมออย่างปลอดภัย ทำทุกอย่างด้วยสำนึก เพราะเราคือตำรวจทางหลวง

พร้อมคลิปวิดีโอความยาว 02.38 นาที และมีข้อความประกอบในวิดีโอว่า ประชาชนขอความช่วยเหลือมีเด็กป่วยอยู่บนรถโดยสาร บริเวณสี่แยกธาตุ เมืองสกลนคร ซึ่ง รถของเจ้าหน้าที่ตำรวจ ขับไปจอดใกล้กับรถโดยสารแล้ววิ่งลงไป นำทางผู้หญิงสวมเสื้อสีแดงอุ้มเด็กชายรายหนึ่งพร้อมกับหญิงเสื้อขาว ให้ขึ้นบนรถ เจ้าหน้าที่ตำรวจ จากนั้นคลิปก็ตัดไปบนรถ เด็กชายก็ร้องงอแงในอ้อมกอดของผู้เป็นแม่ หญิงเสื้อขาวที่พยายามใช้ผ้าลูบไปที่เด็ก พร้อมกับตบก้นเพื่อเรียกสติของเด็กให้รู้สึกตัว

ขณะเดียวกัน จนท.เปิดสัญญาณไฟไซเรนและรีบบึ่งรถไปยังโรงพยาบาลสกลนคร พร้อมกับประสานงานทางวิทยุสื่อสาร เพื่อขอให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องอำนวยความสะดวกทางจราจร ระหว่างขับรถมีการใช้เสียงขอความร่วมมือจากประชาชนว่าต้องรีบนำเด็กที่มีอาการชักนำส่งโรงพยาบาลอย่างเร่งด่วน สุดท้ายนำส่งถึงมือหมออย่างปลอดภัย

เชียงใหม่-ผบช.ภ.5 แถลงข่าว การจับกุมกลุ่มวัยรุ่นใช้อาวุธมีดทำร้ายร่างกายผู้อื่นเสียชีวิตและบาดเจ็บ

วันศุกร์ที่ 3 พฤษภาคม 2567 เวลา 11.00 น. ตำรวจภูธรภาค 5 แถลงข่าวการจับกุมกลุ่มวัยรุ่นใช้อาวุธมีดทำร้ายร่างกายผู้อื่นเสียชีวิตและบาดเจ็บในพื้นที่ สภ.แม่โจ้ อ.สันทรายจ.เชียงใหม่ และ การจับกุมกลุ่มวัยรุ่นก่อเหตุร่วมกันทำร้ายร่างกายและลักทรัพย์ผู้อื่นโดยใช้อาวุธมีด/วัตถุระเบิด ในพื้นที่ สภ.หางดง จ.เชียงใหม่ โดยมี พล.ต.ท.กฤตธาพล ยี่สาคร ผบช.ภ.5 เป็นประธานการแถลงข่าว พร้อมด้วย พล.ต.ต.วรพงศ์ คำลือ ผบก.สส.ภ.5 , พ.ต.อ.กฤษดา พันธุ์เกษม รอง ผบก.ภ.จว.เชียงใหม่ , พ.ต.อ.วีร์กวิน เสริมศรีธนชัย ผกก.สภ.หางดง จ.เชียงใหม่ , พ.ต.อ.นฤบาล จิตทยานันท์ ผกก.สภ.แม่โจ้ จ.เชียงใหม่ และเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้อง ร่วมแถลงข่าว ต่อสื่อมวลชน ณ ห้องประชุมพระพุทธประทานยศบารมี ตำรวจภูธรภาค 5 อำเภอเมืองเชียงใหม่ จังหวัดเชียงใหม่ 

กรณีการจับกุมกลุ่มวัยรุ่นใช้อาวุธมีดทำร้ายร่างกายผู้อื่นเสียชีวิตและบาดเจ็บในพื้นที่ สภ.แม่โจ้ อ.สันทราย จ.เชียงใหม่ และการจับกุมกลุ่มวัยรุ่นก่อเหตุร่วมกันทำร้ายร่างกายและลักทรัพย์ผู้อื่นโดยใช้อาวุธมีด/วัตถุระเบิด ในพื้นที่ สภ.หางดง จ.เชียงใหม่ โดยมีรายละเอียดของคดีดังนี้

- คดีของ สภ.แม่โจ้ จ.เชียงใหม่ วันที่ 1 พฤษภาคม 2567 เวลาประมาณ 03.00 น.ถึงเวลาประมาณ 03.17 น. สถานที่ ถนนสายซุปเปอร์ไฮเวย์เชียงใหม่-ลำปาง ตั้งแต่สี่แยกข่วงสิงห์ ต.ช้างเผือก อ.เมืองเชียงใหม่ จว.เชียงใหม่ ต่อเนื่อง ถนนในหมู่บ้านหนองไคร้หลวง (ข้างสถานีวิทยุเสียงสามยอด) ม.8 ต.หนองจ๊อม อ.สันทราย จว.เชียงใหม่ จับกุมผู้ต้องหา 4 ราย ก่อเหตุร่วมกันฆ่าผู้อื่น โดยใช้อาวุธมีดทำร้าย นายเดชา อายุ 19 ปี เสียชีวิต และ นายวิชัย อายุ 18 ปี ได้รับบาดเจ็บ  
1. เยาวชนชาย อายุ 17 ปี ที่อยู่ ม.4 ต.แม่อาย อ.แม่อาย จ.เชียงใหม่ ขับขี่รถจักรยานยนต์ ยี่ห้อฮอนด้า รุ่นเวฟ สีดำ ทะเบียน จฉว 582 เชียงใหม่
2. เยาวชนชาย อายุ 16 ปี ที่อยู่ ม.7 ต.ป่าไผ่ อ.สันทราย จว.เชียงใหม่ ซ้อนท้ายรถจักรยานยนต์ ยี่ห้อฮอนด้า รุ่นเวฟ สีดำ ทะเบียน จฉว 582 เชียงใหม่
3. นายแดง อายุ 18 ปีเศษ ที่อยู่ ม.4 ต.ห้วยทราย อ.แม่ริม จว.เชียงใหม่ 
ขับขี่รถจักรยานยนต์ ยี่ห้อฮอนด้า รุ่นซุปเปอร์คัพ  สีแดงขาว ไม่ติดแผ่นป้ายทะเบียน
4. นายสมชาย  อายุ 18 ปี ที่อยู่ ม.8 ต.ปางหมู อ.เมืองแม่ฮ่องสอน จว.แม่ฮ่องสอน ซ้อนท้าย รถจักรยานยนต์ ยี่ห้อฮอนด้า รุ่นซุปเปอร์คัพ  สีแดงขาว ไม่ติดแผ่นป้ายทะเบียน

คดี/ข้อหา “ร่วมกันฆ่าผู้อื่นโดยเจตนา” และ “พาอาวุธมีดไปในเมือง หมู่บ้าน หรือทางสาธารณะโดยไม่มีเหตุอันควร”
โดยมีพฤติการณ์  ผู้ต้องหา 4 คน ขี่รถจักรยานยนต์ถืออาวุธมีดขับขี่รถจักรยานยนต์ไล่ตามทำร้ายร่างกายผู้เสียหาย 2 คน ตั้งแต่ถนนหน้า รพ.ลานนา ไล่มาจนถึงที่ก่อเหตุ ใช้อาวุธมีดทำร้ายร่างกายผู้เสียชีวิตและผู้บาดเจ็บ

2. คดีของ สภ.หางดง จ.เชียงใหม่ วันที่ 24 เมษายน 2567 เวลาประมาณ 04.50 น. ถึงเวลาประมาณ 05.10 น.สถานที่  ข้างร้านสะดวกซื้อ 7-11 สาขา สตาร์เอเวนิว 5 หมู่ที่ 5 ต.สันผักหวาน อ.หางดง จว.เชียงใหม่ จับกุมผู้ต้องหา 11 ราย
1.นายอนุเดช  อายุ 18 ปี ที่อยู่ ซอย7(ถนนลำพูน) ต.วัดเกต อ.เมืองเชียงใหม่ จว.ชม.
2.เยาวชนชายอายุ 16 ปี ที่อยู่ ม.5 ต.เชียงดาว อ.เชียงดาว จว.เชียงใหม่
3.เยาวชนชาย อายุ 16 ปี ที่อยู่ ม.5 ต.หนองผึ้ง อ.สารภี จว.เชียงใหม่
4.นายพีรย์ดน อายุ 19 ปี ที่อยู่ ม.7 ต.ทรายมูล อ.สันกำแพง จว.เชียงใหม่
5.เยาวชนชาย อายุ 17 ปี ที่อยู่ ม.4 ต.แม่เหี๊ยะ อ.เมืองเชียงใหม่ จ.เชียงใหม่
6.นายศิลาเสก อายุ 18 ปี ที่อยู่ ม.8 ต.ท่าตอน อ.แม่อาย จว.เชียงใหม่
7.เยาวชนชาย อายุ 17 ปี ที่อยู่  ม.5 ต.แม่ลาหลวง อ.แม่ลาน้อย จว.แม่ฮ่องสอน
8.เยาวชนชาย อายุ 17 ปี ที่อยู่ ม.1 ต.ยางเนิ้ง อ.สารภี จว.เชียงใหม่
9.เยาวชนชาย อายุ 16 ปี ที่อยู่  ม.2 ต.สะเมิงเหนือ อ.สะเมิง จว.เชียงใหม่
10. เยาวชนชาย อายุ 14 ปี ที่อยู่ ม.4 ต.ยางเนิ้ง อ.สารภี จว.เชียงใหม่
11.เยาวชนชาย อายุ 17 ปี ที่อยู่ ม.3 ต.เปียงหลวง อ.เวียงแหง จว.เชียงใหม่

คดี/ข้อหา  “ร่วมกันลักทรัพย์ในเวลากลางคืน , โดยแปลงตัวหรือปลอมตัวเป็นผู้อื่น ปลอมหน้าหรือทำด้วยประการอื่นเพื่อไม่ให้เห็นหรือจำหน้าได้ , โดยมีอาวุธหรือโดยร่วมกระทำความผิดด้วยกันตั้งแต่สองคนขึ้นไป โดยใช้ยานพาหนะ เพื่อสะดวกแก่การกระทำผิดหรือการพาทรัพย์นั้นไป หรือเพื่อให้พ้นการจับกุม, ร่วมกันทำร้ายร่างกาย จนเป็นเหตุให้เกิดอันตรายแก่กายหรือจิตใจของผู้อื่น , ร่วมกันทำให้เสียทรัพย์ , ร่วมกันมีและใช้ซึ่งวัตถุระเบิด , ร่วมกันพาอาวุธ(มีด,วัตถุระเบิด) ไปในเมืองหมู่บ้านหรือทางสาธารณะโดยเปิดเผยหรือไม่มีเหตุอันสมควร , ร่วมกันมีอาวุธปืนไว้ในครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาต และพาอาวุธปืนติดตัวไปในเมืองหมู่บ้านหรือทางสาธารณะโดยไม่ได้รับอนุญาตให้มีอาวุธปืนติดตัว และซ่องโจร”

รายละเอียด พฤติการณ์แห่งคดี
กล่าวคือ เจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.หางดง ได้รับแจ้งจากผู้เสียหายเป็นชาย 2 คน หญิง 1 คน  แจ้งว่า เมื่อวันที่ 24 เม.ย.67 เวลากลางคืน ผู้เสียหายใช้รถจักรยานยนต์ จำนวน 2 คัน เดินทางไปเที่ยวในเขตพื้นที่ อ.เมืองเชียงใหม่ ต่อมาเวลาประมาณ 04.50 น.ของวันเดียวกัน  ผู้เสียหายได้ขับขี่รถจักรยานยนต์เพื่อกลับที่พัก ก่อนถึงที่พัก ได้ขับขี่รถจักรยานยนต์ไปจอดที่บริเวณที่จอดรถ ข้างร้านสะดวกซื้อ 7-11 สาขา สตาร์เอเวนิว 5 หมู่ที่ 5 ต.สันผักหวาน อ.หางดง จว.เชียงใหม่ เพื่อซื้อของภายในร้าน ต่อมาเวลาประมาณ 05.10 น.ของวันเดียวกัน ขณะที่ผู้เสียหายยืนอยู่บริเวณลานหญ้าหน้าร้านสะดวกซื้อที่เกิดเหตุ มีกลุ่มวัยรุ่น ใช้รถจักรยานยนต์หลายคันเป็นพาหนะ ขับตรงเข้ามาหา กลุ่มผู้เสียหายกลัวจะถูกทำร้ายจึงวิ่งหลบหนี ต่อมากลุ่มวัยรุ่นได้ทำร้ายร่างกายผู้เสียหายซึ่งเป็นผู้หญิงได้รับบาดเจ็บ  มีวัยรุ่นส่วนหนึ่งลักเอาของภายในรถจักรยานยนต์ของผู้เสียหาย  โดยทรัพย์สินที่ถูกลักเอาไป คือ กระเป๋าสตางค์ มีเงินจำนวน 100 บาท , สายชาร์จไอโฟน จำนวน 1 เส้น ราคา 790 บาท , กุญแจรถจักรยานยนต์จำนวน 1 ดอก ราคา 300 บาท  และลำโพง ราคาประมาณ 300 บาท  และวัยรุ่นส่วนหนึ่งก็ได้เข้ามาทุบรถจักรยานยนต์ ยี่ห้อ ฮอนด้า รุ่น PCX สีเทา ของผู้เสียหายอีกคันหนึ่ง ได้รับความเสียหาย และอีกส่วนหนึ่งได้โยนระเบิดประดิษฐ์ เป็นถุงพลาสติกภายในมีน้ำมันและระเบิดประดิษฐ์เองแบบกระแทก ขึ้นไปยังบริเวณชั้น 2 ของร้านสะดวกซื้อ ซึ่งเป็นจุดที่ผู้เสียหายได้วิ่งหนีไปหลบซ่อน แต่ไม่มีผู้ใดได้รับบาดเจ็บ จากนั้นกลุ่มวัยรุ่นได้ขับขี่รถจักรยานยนต์หลบหนีไป จากการตรวจสอบต่อมาพบว่า มีระเบิดแบบประดิษฐ์เองจำนวน 1 ลูก พันด้วยเทปสีดำ ตกอยู่บริเวณข้างรถจักรยานยนต์ของผู้เสียหาย

การสืบสวน-ติดตามจับกุม
จากการสืบสวนข้อมูลจากภาพกล้องวงจรปิด การข่าวจากกลุ่มแก๊งวัยรุ่นในพื้นที่จังหวัดเชียงใหม่ ข้อมูลจากสื่อออนไลน์ต่างๆ  จนกระทั่งสามารถทราบว่ากลุ่มผู้ก่อเหตุคือกลุ่มผู้ต้องหา จึงได้เชิญตัวมาซักถามปากคำ ที่ สภ.หางดง 
    
ผู้ต้องหารับสารภาพ
ผู้ต้องหาทั้งหมดยืนยันว่าตนคือบุคคลตามภาพถ่ายกล้องวงจรปิดและได้ร่วมไปก่อเหตุตามวันเวลาและสถานที่เกิดเหตุดังกล่าวจริง สาเหตุทำไปเพราะความคึกคะนอง

ทั้งนี้จากการตรวจสอบภาพกล้องวงจรปิดพบว่า ในกลุ่มผู้ก่อเหตุ มีผู้ต้องหารายหนึ่งมีอาวุธปืนในการก่อเหตุดังกล่าวด้วย โดยได้ยอมรับว่าตนเป็นบุคคลดังกล่าวตามภาพกล้องวงจรปิดจริง 

‘โซลาร์เซลล์’ ทนแดดไม่ไหว ไฟลุกพรึบ กลางหมู่บ้าน ชาวเน็ตวิเคราะห์ ‘ตัวชาร์จแบตเตอรี่ไม่ตัด-ความร้อนเกินมาตรฐาน’

(4 พ.ค.67) โซลาร์เซลล์ ทนแดดไม่ไหว ไฟลุกพรึบกลางหมู่บ้าน ชาวเน็ตหวั่นของไม่ได้มาตรฐาน

ผู้ใช้ TikTok ‘seephumeegarage’ โพสต์คลิปวิดีโอความยาวกว่า 30 วินาที ในคลิป เป็นภาพขณะที่ เสาโซลาร์เซลล์ที่ตั้งอยู่กลางแดด แต่แล้วมีควันลอยขึ้นมาจนเกิดไฟไหม้ และท้ายสุดโซลาร์เซลล์ ก็หักและหล่นลงพื้น

ผู้โพสต์คลิป ระบุข้อความว่า “ไม่รู้ว่าจะเกี่ยวกับอากาศร้อนเปล่า อยู่ดี ๆ โซลาร์เซลล์ก็ไฟไหม้เอง”

หลังจากโพสต์ไปไม่นาน มีคนเข้ามาแสดงความคิดเห็น และตั้งคำถามจำนวนมาก ว่า เหตุใดโซลาร์เซลล์ ที่ควรจะต้องทนความร้อน ถึงสามารถไฟลุกได้ 

หรือจะมาจากส่วนอื่นที่ไม่ใช่ 'โซลาร์เซลล์' เช่นแบต หรือตัวเชื่อมแผงวงจรอื่นๆ กันแน่

อย่างไรก็ตาม คนก็เข้ามาแสดงความคิดเห็นอย่างหลากหลาย เช่น

“แล้วที่ติดตั้งตามหลังคาบ้านล่ะ ไม่อยากจะคิดเลย”

“1 ร้อนเกิน 2 ชาร์จเกิน ไม่แน่ใจว่ามีBMSไหมน่ะครับ”

“ความคิดส่วนตัวผมว่าการรับแสงเพื่อเปลี่ยนเป็นพลังงาน ยิ่งแดดแรงๆ วัสดุต้องรับความร้อนเป็นอย่างมาก วัสดุจึงทนความร้อนไม่ไหวจึงทำให้ติดไฟ มั่วเอาครับ”

“ไหม้อยู่แล้วเพราะแผงโซลาเซลล์ บนตัวรับแสงมีเนื้อกระจกบางๆ เพราะรับความร้อนเกินมาตรฐานที่กำหนด”

“แบตเตอรี่ไม่ตัดชาร์จตลอดเต็มก็ไม่ตัด”

“แบตลิเธียม ทนความร้อนไม่ไหว”

“แดดดีจัดชาร์ทเต็มอัตราจนแบตบอกไม่ไหวแล้วน้องพลีชีพเลย”

'เชียงราย' ตม.เชียงราย ตรวจเข้มปัองกันกลุ่มจีนเทาแฝงในพื้นที่

เมื่อวันที่ 3 พฤษภาคม2567 ที่ผ่านมาเจ้าหน้าที่ตรวจคนเข้าเมืองจังหวัดเชียงราย โดยสั่งการของพ.ต.อ.สุรศักดิ์เทียนทองผู้กำกับตรวจคนเข้าเมืองจังหวัดเชียงราย นำโดย พ.ต.ท. มนตรี อินเปรี้ยว รอง ผกก.ตม.จว.เชียงราย ,พ.ต.ท.กฤษณ์ สมณาศักดิ์ สว.ตม.จังหวัดเชียงรายพร้อมกำลังเจ้าหน้าที่สืบสวน ตม.จว.เชียงราย เข้าตรวจสอบบริเวณที่พักภายในหมู่บ้านเทอดไท ต.แม่สลองใน อ.แม่สลอง จ.เชียงราย  ซึ่งเป็นชุมชนที่มีผู้คนเชื้อชาติจีนพักอาศัยอยู่เป็นจำนวนมาก เพื่อเป็นการป้องกันและปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับ พ.ร.บ.คนเข้าเมืองฯ และกฎหมายอื่นที่เกี่ยวข้อง ซึ่งกลุ่มต่างชาติอาจจะใช้เป็นที่หลบซ่อนตัว หรือเป็นฐานที่มั่นเกี่ยวกับการกระทำความผิดทางออนไลน์  จากการตรวจสอบหนังสือเดินทางกลุ่มต่างด้าวดังกล่าวพบเป็นบุคคลสัญชาติจีนจำนวนหนึ่ง เดินทางเข้ามาในราชอาณาจักรถูกต้องสอบถามให้การว่าเข้ามาเพื่อการท่องเที่ยวและมาพบเพื่อนในหมู่บ้านเทอดไท แต่พบว่าบางคนไม่มีการแจ้งที่พักอาศัยของคนต่างด้าว จึงทำการเปรียบเทียบปรับเจ้าของรีสอร์ทและได้แนะนำดำเนินการให้ถูกต้องครบถ้วน ซึ่งที่ผ่านมา ตม.จว.เชียงราย ได้เพิ่มความเข้มงวดในการสืบสวน หาข่าวและลงพื้นที่ตรวจสอบบุคคลต่างด้าวทุกสัญชาติ ไม่ให้มากระทำความผิดกฎหมายในพื้นที่ และจะได้สืบสวน ติดตาม ตรวจสอบพฤติกรรมของชาวต่างชาติอย่างต่อเนื่อง

'รัดเกล้า' เผย!! รัฐบาลมุ่งยกระดับอาชีวไทย-พัฒนาทั้งครูและเด็ก เชื่อ!! เป็นทักษะสำคัญในโลกยุคใหม่ที่ตลาดแรงงานโลกต้องการ

(4 พ.ค.67) นางรัดเกล้า อินทวงศ์ สุวรรณคีรี รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า คณะกรรมาธิการการศึกษา วุฒิสภา เสนอรายงานการพิจารณาศึกษาเรื่อง อาชีวศึกษา: คุณภาพ มาตรฐาน และแรงจูงใจ โดยมีข้อเสนอแนะทั้งในด้านคุณภาพและมาตรฐาน และด้านแรงจูงใจผู้เรียนอาชีวศึกษา เพื่อเป็นแนวทางในการพัฒนาคุณภาพของอาชีวศึกษาให้มีความทันสมัยและทันต่อสถานการณ์ปัจจุบัน และสร้างแรงจูงใจให้มีผู้สนใจเข้าเรียนสายอาชีวศึกษาเพิ่มมากขึ้น

รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า กรรมาธิการฯ มีข้อเสนอแนะให้พัฒนาคุณภาพและมาตรฐานของครูผู้สอน และบุคลากรทางการศึกษา อาทิ พัฒนาสมรรถนะที่ขาดหายไป ด้วยการ Up-Skill, Re-Skill หรือ New-Skill เพื่อให้ครูมีสมรรถนะในการสอน พัฒนาหลักสูตรให้มีความทันสมัยและสอดคล้องกับกลุ่มอาชีพใหม่ ๆ ที่เกิดขึ้นอยู่ตลอดเวลา และให้ความสำคัญกับการฝึกปฏิบัติวิชาชีพจริงในสถานประกอบการที่ตรงกับสาขาอาชีพของผู้เรียน

ส่วนข้อเสนอแนะด้านแรงจูงใจผู้เรียนอาชีวศึกษา เช่น การสร้างค่านิยมต่อการเรียนอาชีวศึกษาว่าการเรียนทางด้านอาชีวศึกษาจะทำให้ผู้เรียนมีงานทำทันทีเมื่อสำเร็จการศึกษาในแต่ละระดับ การพัฒนากระบวนการแนะแนว นำเสนอความสำเร็จของผู้เรียนอาชีวศึกษาที่ประสบความสำเร็จในการประกอบอาชีพให้แพร่หลายผ่านสื่อช่องทางต่าง ๆ และสร้างระบบการเรียนร่วมกับการทำงานและมีรายได้ระหว่างเรียน เพื่อช่วยแบ่งเบาภาระผู้ปกครอง ซึ่งผู้เรียนจะได้มีประสบการณ์จริงและทักษะในการประกอบอาชีพระหว่างที่เรียนด้วย

“การยกระดับระบบอาชีวศึกษาไทย โดยเฉพาะการเสริมทักษะขั้นสูงและเฉพาะทาง ถือเป็นหนึ่งนโยบายที่ นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรีให้ความสำคัญ เพื่อเพิ่มขีดความสามารถทางการแข่งขัน และสร้างแรงงานทักษะให้ตรงกับความต้องการในตลาดแรงงานโลก ซึ่งหากข้อเสนอแนะดังกล่าวจะเป็นแนวทางให้นักศึกษาและแรงงานอาชีวะไทยได้รับการสนับสนุนเพิ่มทักษะความรู้ ก็จะทำให้กลายเป็นกำลังสำคัญในการพัฒนาประเทศ ช่วยผลักดันการเติบโตทางเศรษฐกิจไทยอีกทางหนึ่งด้วย” รองโฆษกฯ กล่าว


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top