Tuesday, 7 May 2024
NEWS

เชียงใหม่-มหาวิทยาลัยแม่โจ้ MOU กระทรวงเกษตรและปศุสัตว์ ราชอาณาจักรภูฏาน การพัฒนาวิชาชีพด้านการเกษตร

เมื่อวันที่ 3 พฤษภาคม 2567 มหาวิทยาลัยแม่โจ้  โดยวิทยาลัยนานาชาติ มีพิธีลงนามบันทึกความเข้าใจความร่วมมือทางวิชาการ(MOU) ระหว่างมหาวิทยาลัยแม่โจ้ และ กระทรวงเกษตรและปศุสัตว์ ราชอาณาจักรภูฏาน  โดยมี รองศาสตราจารย์ ดร.วีระพล ทองมา  รก.อธิการบดีมหาวิทยาลัยแม่โจ้  และ นาย Dasho Thinley Namgyel  ปลัดกระทรวงเกษตรและปศุสัตว์ ราชอาณาจักรภูฏาน เป็นผู้แทนลงนาม  ณ  ห้องอินทนิล สำนักงานมหาวิทยาลัย มหาวิทยาลัยแม่โจ้ 

การลงนามในครั้งนี้ เป็นการสร้างความร่วมมือ ในการเพิ่มพูนความรู้ทางด้านการเกษตร สัตวศาสตร์ การประมง รวมถึงพัฒนาทักษะด้านเทคโนโลยี  ให้กับ บุคลากร ข้าราชการ กระทรวงเกษตรและปศุสัตว์ ราชอาณาจักรภูฏาน  ผ่านการจัดอบรมหลักสูตรระยะสั้น ด้วยองค์ความรู้ของมหาวิทยาลัยแม่โจ้  ซึ่งอยู่ภายใต้โครงการทุนการศึกษาด้านการเกษตรและการพัฒนาวิชาชีพ โดยรัฐบาลของราชอาณาจักรภูฏาน  

ERDI-CMU ประสบความสำเร็จระดับโลก เดินหน้าต่อเนื่อง นำเสนอโครงการ 3 Significant Platform บริหารจัดการพลังงานสะอาด

หม้อแปลง Low Carbon, Solar, Energy Storage, EV แก้ปัญหา Net Zero, Demand Response และ Saving Energy 9% ต่อ ผู้อำนวยการกองพัฒนาทรัพยากรบุคคลด้านพลังงาน กระทรวงพลังงาน และหัวหน้ากลุ่มมาตรฐานประสิทธิภาพการอนุรักษ์พลังงาน

ผศ.ดร.พฤกษ์ อักกะรังสี ผู้เชี่ยวชาญด้านพลังงานและผู้แทนพิเศษ สถาบันวิจัยและพัฒนาพลังงานนครพิงค์ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ และดร. ณัฐวุฒิ จารุวสุพันธุ์ หัวหน้ากลุ่มงาน smart energy & innovation และ นักวิจัย สถาบันวิจัยและพัฒนาพลังงานนครพิงค์ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ นำเสนอโครงการ "Platform บริหารจัดการพลังงานสะอาด หม้อแปลง Low Carbon, Solar, Energy Storage, EV แก้ปัญหา Net Zero, Demand Response และ Saving Energy" ต่อ คุณมัณลิกา สมพรานนท์ ผู้อำนวยการกองพัฒนาทรัพยากรบุคคล ด้านพลังงาน และดร. ศุภชัย สำเภา หัวหน้ากลุ่มมาตรฐานประสิทธิภาพการอนุรักษ์พลังงาน  ณ กระทรวงพลังงาน ในวันพุธที่ 24 เมษายน 25567

ด้วยสถาบันวิจัยและพัฒนาพลังงานนครพิงค์ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ ร่วมกับบริษัท เจริญชัย      หม้อแปลงไฟฟ้า จำกัด ได้ร่วมวิจัยและได้รับทุนสนับสนุนจากสำนักงานนวัตกรรมแห่งชาติ (องค์การมหาชน) ให้ดำเนินงานวิจัยหม้อแปลง IoT และระบบบริหารจัดการพลังงานทดแทน Solar กับ Energy Storage ด้วยโปรแกรม Sustainable Green Energy Management System ภายใต้โครงการ “Low Carbon Transformer ระบบจัดการหม้อแปลงไฟฟ้า เพื่อรองรับพลังงานสะอาดอย่างมั่นคง Net Zero, Demand Response และ Saving Energy” ซึ่งจากการดำเนินงานพบว่าหม้อแปลงที่ใช้ในการดำเนินโครงการที่กล่าวในข้างต้น ตอบโจทย์ด้านการประหยัดพลังงานและอนุรักษ์พลังงาน ในภาคอุตสาหกรรม Smart Factory, Smart Building ในด้าน Net Zero, Near Zero, Peak Demand, Demand Response การประหยัดพลังงานและอนุรักษ์พลังงาน โดยสามารถลดการใช้พลังงาน ลดต้นทุนค่าไฟฟ้า และลดคาร์บอนฟุตพริ้นท์ และมีระยะเวลาคืนทุนภายในเวลา 2 – 5  ปี ซึ่งสอดคล้องกับนโยบายของรัฐบาลในการแก้ปัญหาด้านการประหยัดพลังงานและอนุรักษ์พลังงาน เพื่อเป็นประโยชน์ต่อประเทศชาติ สังคม ประชาชนและผู้ประกอบการ ด้านความมั่นคงระบบไฟฟ้าพลังงานสะอาด

หม้อแปลง Low Carbon เป็นหม้อแปลงบริหารระบบจัดการพลังงานที่บริหารจัดการการสิ้นเปลืองให้เกิดประสิทธิภาพและมีความเสถียรภาพกับการใช้พลังงานไฟฟ้าที่มั่นคงและยั่งยืน ทำให้โรงงานอุตสาหกรรม, อาคาร สถานประกอบการ ลดค่าไฟฟ้า 5-20% (Energy Saving) ลดคาร์บอน 5-20% (Low Carbon) มากกว่า 100 ล้านตัน ลดมลพิษ (Low Emission) ทำให้อุปกรณ์อายุการใช้งานยาวนานขึ้น (Long Life Equipment) เพื่อเป็นการตอบโจทย์ให้ผู้ประกอบการภาคอุตสาหกรรม สถานประกอบการ เจ้าของอาคาร ตามนโยบายของรัฐบาลในการลดก๊าซเรือนกระจก ลดโลกร้อน และลดอุณหภูมิโลก    

‘เพจดัง’ แฉปม ‘ท่อไร้ฝา ที่ลาดพร้าว’ เผย!! ปชช. เคยร้องเรียนแล้ว แต่ ‘กทม.’ แก้ปัญหามักง่าย แค่นำไม้ มาวางพาดปากหลุม

(4 พ.ค.67) จากเหตุการณ์มีผู้พลัดตกบ่อพักท่อร้อยสายไฟฟ้าที่บริเวณเกาะกลางถนนใกล้ตอม่อทางเดินรถไฟฟ้า ซึ่งมีต้นไม้ปลูกเป็นแนวไว้ ปากซอยลาดพร้าว 49 เสียชีวิตนั้น

ทางเพจ Drama-addict ได้ออกมาโพสต์ ภาพจากลูกเพจ หลังเคยร้องเรียนกับ กทม. ผ่านทราฟฟี่ฟองดูว์ ในกรณีหลุมไม่มีฝาท่อย่านลาดพร้าว หวั่นจะเกิดอันตรายกับประชาชนถึงชีวิตได้ ซึ่งทางกรุงเทพมหานครได้ดำเนินการแก้ปัญหาด้วยการนำไม้มาวางพาดปากหลุม

ทั้งนี้ ทางเพจได้ระบุข้อความว่า

"ลูกเพจฝากมา เขาว่ากรณีหลุมไม่มีฝาท่อแถวนั้น ยังมีอีกเพียบ เรียงเป็นตับเลย และแจ้งไปก่อนหน้านี้แล้ว เขาว่า "แก้ไขเสร็จสิ้น" ตามแบบในภาพ"

อย่างไรก็ตาม โพสต์ดังกล่าวได้รับความสนใจจากชาวเน็ตเป็นจำนวนมาก และมีผู้เข้ามาร่วมแสดงความคิดเห็นวิพากษ์วิจารณ์เป็นจำนวนมาก เช่น ทำงานได้หัว ค มากครับ, ให้คนทำเดินไป เดินมา สัก 1ชม., ว้าว การแก้ไข แบบนี้ ไม่มีใครคิดได้เลย นอกจาก…, แก้ปัญหาได้ห่วยแตกมาก คุณภาพชีวิตเรียกร้องได้จากไหน, ต้องรอให้ญาติ ๆ ผรม.ตกลงไปในท่อก่อนหรือครับ

เชียงใหม่- ตำรวจภูธรภาค 5 จัดการฝึกอบรมหัวข้อ 'การป้องกันและรักษาโรคออฟฟิศซินโดรม' ให้กับข้าราชการตำรวจฝ่ายอำนวยการในสังกัด ภ.5 ส่วนกลาง

เมื่อวันที่ 24 เมษายน 2567 เวลา 15.00 -16.30 น. พล.ต.ต.ไพศาล  ลือสมบูรณ์  รอง ผบช.ภ.5 เป็นประธานในการกล่าวให้โอวาทแก่ข้าราชการตำรวจฝ่ายอำนวยการในสังกัดกองบังคับการอำนวยการ กองบังคับการสืบสวนสอบสวน กองบังคับการกฎหมายและคดี ตำรวจภูธรภาค 5 รวมจำนวน 100 นาย ในการฝึกปฎิบัติและรับฟังการบรรยายในหัวข้อ "การป้องกันและรักษาโรคออฟฟิศซินโดรม" โดย กภ. ธีรภัทร์ ทัศนศรีวรการ นักกายภาพบำบัด ศูนย์สุขภาพพร้อม คณะเทคนิคการแพทย์ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ เป็นวิทยากร 

ในการนี้ พล.ต.ต.ไพศาล ลือสมบูรณ์  รอง ผบช.ภ.5 รอง ผบช.ภ.5 ได้กล่าวขอบคุณและมอบของที่ระลึกให้กับวิทยากร กภ. ธีรภัทร์ ทัศนศรีวรการ นักกายภาพบำบัด ศูนย์สุขภาพพร้อม คณะเทคนิคการแพทย์ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ ซึ่งการบรรยายในครั้งนี้ได้รับคำชื่นชมจากข้าราชการตำรวจผู้เข้ารับการฝึกอบรมดังกล่าว โดยสามารถนำไปใช้ในชีวิตประจำวันในการป้องกันและรักษาโรคออฟฟิศซินโดรมได้จริง ตลอดจนเป็นการเพิ่มพูนความรู้ที่ถูกต้องในการดูแลรักษาสุขภาพของข้าราชการตำรวจผู้ปฏิบัติงานฝ่ายอำนวยการ โดยได้มีการฝึกปฏิบัติประกอบการรับฟังบรรยายด้วย ณ ห้องประชุมพระพุทธประทานยศบารมีตำรวจภูธรภาค 5 อำเภอเมืองเชียงใหม่ จังหวัดเชียงใหม่

'อลงกรณ์' ชี้ 'นายกฯ.เศรษฐา' พลาดดีลไมโครซอฟท์ แพ้มาเลเซีย-อินโดนีเซียราบคาบทำประเทศเสียโอกาสครั้งใหญ่

นายอลงกรณ์ พลบุตร รองประธานคณะกรรมการยุทธศาสตร์พรรคประชาธิปัตย์ อดีตรัฐมนตรีและสส. 6 สมัย โพสต์บทวิจารณ์ความล้มเหลวของนายกรัฐมนตรีกรณีพลาดดีลไมโครซอฟท์ในเฟซบุ๊กวันนี้(4พ.ค.) เรื่อง บทพิสูจน์ความล้มเหลว “นายกฯ.เศรษฐา” กรณีไมโครซอฟท์(Microsoft) “แพ้มาเลฯ.-อินโดฯ.ราบคาบ ทำประเทศเสียโอกาสครั้งใหญ่” โดยมีเนื้อหาดังนี้

“..,ผมติดตามข่าว" สัตยา นาเดลลา" ซีอีโอ.ไมโครซอฟท์ (Microsoft)บริษัทยักษ์ใหญ่ไอทีของโลกมาเยือนอินโดนีเซีย ไทยและมาเลเซียระหว่างวันที่ 30 เมษายน-2 พฤษภาคม 2567อย่างใจจดใจจ่อ

ทั้งนี้เพราะนายกรัฐมนตรี “เศรษฐา ทวีสิน” ทำใหัเกิดความหวังจากการให้สัมภาษณ์หลังพบเจรจากับประธานและซีอีโอบริษัทไมโครซอฟท์ที่นิวยอร์กและซานฟรานซิสโก้ในเดือนกันยายนและพฤศจิกายนปีที่แล้วถึงขั้นทำบันทึกความร่วมมือ(MOU)ว่า ดีลสำเร็จจะมีการลงทุนเป็นแสนล้านจากไมโครซอฟท์

ผมคาดหวังว่า "สัตยา นาเดลลา" ซีอีโอ.ไมโครซอฟท์จะประกาศแผนงานโครงการและตัวเลขการลงทุนด้านดิจิตอลเทคโนโลยีและปัญญาประดิษฐ์(AI-Artificial Intelligence)ในประเทศไทยเป็นแสนล้านตามเป้าหมายดิจิตอลฮับภายใต้วิสัยทัศน์”Ignite Thailand”ของนายกรัฐมนตรีที่ให้ข่าวก่อนหน้านี้ เมื่อถึงวันที่ 1 พ.ค 2567 ซีอีโอ.ไมโครซอฟท์มาเยือนไทยกลับไม่มีการประกาศตัวเลขการลงทุนในไทยที่ชัดเจนแม้แต่สลึงเดียว มีเพียงคำแถลงว่าจะตั้งดาต้าเซนเตอร์แห่งแรกในไทยและจะสนับสนุนการพัฒนาคนไอที 100,000 คน

ทั้งที่ก่อนมาไทย1วันคือวันที่ 30 เมษายน 2567 ซีอีโอ.ไมโครซอฟท์เดินทางเยือนอินโดนีเซียและประกาศตัวเลขการลงทุน 1.7 พันล้านดอลลาร์(กว่า 6 หมื่นล้านบาท)ในอินโดนีเซียพร้อมแผนงานโครงการอย่างละเอียดชัดเจน

ยิ่งกว่านั้นในวันที่ 2 พ.ค. 2567 ซีอีโอ.ไมโครซอฟท์ไปเยือนมาเลเซียได้ประกาศตัวเลขการลงทุนในมาเลเซีย 2.2 พันล้านดอลลาร์(กว่า8หมื่นล้านบาท)เพื่อสนับสนุนความเป็นฮับดิจิตอลของมาเลเซีย แสนล้านของไทยหายไปไหนครับ ?

ส่วนกรณีไมโครซอฟท์จะตั้งดาต้าเซนเตอร์แห่งแรกในไทยเป็นความชัดเจนเท่าที่จับต้องได้
แต่ท่านทราบหรือไม่ว่าไมโครซอฟท์มีดาต้า เซนเตอร์กว่า 300 แห่งทั้งระดับประเทศและระดับภูมิภาคใน34 ประเทศทั่วโลก

เช่นเดียวกับโครงการพัฒนาคนไอทีที่ไมโครซอฟท์จะช่วยไทย 1 แสนคน นั้นน้อยกว่าที่จะช่วยมาเลเซีย 2 แสนคนและอินโดนีเซีย 8 แสนกว่าคน 

การเปิดดีลและปิดดีลที่มีเวลาทำงานยาวนานกว่า7เดือนตั้งแต่ปลายกันยายน 2566 ถึง 1 พฤษภาคม 2567 ของนายกรัฐมนตรีในการดึงไมโครซอฟท์มาลงทุนในไทยล้มเหลวไม่เป็นท่าและพ่ายแพ้ต่อมาเลเซีย-อินโดนีเซียแบบราบคาบ

ผมหวังว่า ความล้มเหลวในการทำงานกรณีไมโครซอฟท์จะเป็นบทเรียนครั้งใหญ่ของนายกรัฐมนตรี ในการแก้ไขปรับปรุงการทำงานแบบผู้บริหารประเทศไม่ใช่แบบเซลล์แมนโฉบไปโฉบมาจนจับต้องอะไรไม่ได้

ท่านต้องตระหนักว่า ท่านทำให้ประเทศเสียโอกาสครั้งใหญ่ในห้วงเวลาที่ประเทศต้องการรายได้และเงินลงทุนเพราะทุกบาททุกดอลลาร์คืองานและปากท้องของประชาชนคนไทย ผมยังกังวลว่า ขณะที่ท่านไม่สามารถแข่งขันกับประเทศอื่นๆในการดึงเงินลงทุนเข้าประเทศและไม่สามารถหาเงินเข้าประเทศจนส่งออกติดลบ10%ขาดดุลการค้าหลายแสนล้านทำให้เศรษฐกิจตกต่ำฝืดเคืองไปทุกหย่อมหญ้า แทนที่นายกรัฐมนตรีจะรีบปรับปรุงการทำงานเร่งทำมาหากินสร้างเงินให้ประเทศ ท่านกลับคิดแต่จะกู้เงินก่อหนี้ให้ประเทศอีกกว่า1 ล้านล้านบาทในปีนี้และปีหน้า แล้วประชาชนจะอยู่กันอย่างไร และประเทศจะเป็นอย่างไร จะให้ประชาชนและประเทศชาติติดหล่มจมปลักอยู่กับหนี้สินโงหัวไม่ขึ้นแบบนี้ตลอดไปอย่างนั้นหรือ”

สืบนครบาล รวบ 'เคน สิชล' หลอกขายชุดใบจองไอ้ไข่ วัดเจดีย์ ชิ่งหนีไม่ส่ง หลบหนี 2 ปี

ตามนโยบายของ พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ พันธุ์เพ็ชร์. รรท.ผบ.ตร. ,พล.ต.อ.ธนา ชูวงศ์ รอง ผบ.ตร. , พล.ต.ท.ธัชชัย ปิตะนีละบุตร ผู้ช่วย ผบ.ตร. , พล.ต.ท.ธิติ แสงสว่าง ผบช.น. ให้ปราบปรามกลุ่มเครือข่ายองค์กรอาชญากรรมทางออนไลน์ ที่กระทำความผิดทุกรูปแบบ ซึ่งสร้างความเดือดร้อนให้กับประชาชนผู้สุจริตจำนวนมาก โดย ชุดลาดตระเวนออนไลน์บก.สส.บช.น. ได้รับการร้องเรียนจากประชาชนผู้เสียหายผ่านเพจ สืบนครบาล IDMB ให้ช่วยสืบสวนติดตามจับกุมตัว นายจตุพล หรือเคน ซึ่งมีพฤติการณ์หลอกขายชุดใบจอง “เหรียญไอ้ไข่ยอดทรัพย์ 64 วัดเจดีย์” ผู้เสียหายได้ทำการโอนเงินจองให้แก่ผู้ต้องหาทั้งหมด 33 ครั้ง รวมเป็นเงินทั้งสิน 479,000 บาท เมื่อถึงกำหนดรับเหรียญ ผู้เสียหายก็ไม่สามารถติดต่อ นายจตุพล หรือเคน ได้หลบหนีการจับกุมอยู่ 2  ปี

เมื่อวันที่ 2 พฤษภาคม 2567 พล.ต.ท.ธิติ แสงสว่าง ผบช.น. , พล.ต.ต.นพศิลป์ พูลสวัสดิ์ รอง ผบช.น. , พล.ต.ต.ธีรเดช ธรรมสุธีร์ ผบก.สส.บช.น. พ.ต.อ.วรพจน์ รุ่งกระจ่าง รอง ผบก สส.บช.น. , พ.ต.อ.จักราวุธ คล้ายนิล ผกก.วิเคราะห์ข่าวและเครื่องมือพิเศษ บก.สส.บช.น. , พ.ต.ท.นิธิ ปิยะพันธุ์ รอง ผกก.วิเคราะห์ข่าวและเครื่องมือพิเศษ บก.สส.บช.น. , สั่งการให้ พ.ต.ท.สมพงษ์ เกตุระติ สว.กก.วิเคราะห์ข่าวและเครื่องมือพิเศษ บก.สส.บช.น. , ร.ต.ต.ทรงศักดิ์ เจียมสกุล รอง สว.กก.วิเคราะห์ข่าวและเครื่องมือพิเศษ บก.สส.บช.น. พร้อมกำลังเจ้าหน้าที่ตำรวจชุดปฏิบัติการที่ 5 กก.วิเคราะห์ข่าวและเครื่องมือพิเศษ บก.สส.บช.น. ได้ร่วมกันสืบสวนติดตามจับกุม 

นายจตุพล หรือเคน ว่องไว อายุ 29 ปี ที่อยู่เลขที่ 30/1 หมู่ 12 ตำบลเทพราช อำเภอสิชล จังหวัดนครศรีธรรมราช ผู้ต้องหาตามหมายจับศาลแขวงนนทบุรี ที่ 163/2564 ลงวันที่ 21 เมษายน พ.ศ.2564 ซึ่งต้องหาว่ากระทำความผิดฐาน “ฉ้อโกงทรัพย์” 

โดยสามารถจับกุมตัวได้ที่บริเวณปากซอยเสรีไทย 7 แยก 10 แขวงคลองจั่น เขตบางกะปิ กรุงเทพฯ 

ในชั้นจับกุม นายจตุพล ให้การรับสารภาพตลอดข้อกล่าวหา โดยรับว่าตนเรียนจบการศึกษาระดับมัธยมศึกษาตอนต้น เดิมทีเปิดร้านขายไก่ทอดย่านแฟลตคลองจั่น  และลาออกมาวิ่งงานบริการรับส่งอาหาร เกี่ยวกับข้อกล่าวหาตามหมายจับที่ถูกจับกุม ตนรับสารภาพว่าตนไม่สามารถจัดส่งเหรียญไอ้ไข่ยอดทรัพย์ 64 วัดเจดีย์ ให้แก่ผู้เสียหายตามที่ได้ตกลงกันไว้จริง เนื่องจากตนก็ถูกคนวงในซึ่งมีความใกล้ชิดกับทางวัดซึ่งตอนแรกติดต่อกับตนว่าสามารถหาใบจองเหรียญไอ้ไข่ยอดทรัพย์ 64 วัดเจดีย์ มาให้ตนหาคนมาจอดได้ หลอกเอาเงินจองที่ตนรับมาจากลูกค้าหลบหนีไปกว่า 500,000 บาท และอ้างว่าประกอบกับหลังเกิดเรื่อง ตนก็ขาดการติดต่อกับผู้เสียหายไป จึงอาจเป็นสาเหตุที่ทำให้ผู้เสียหายคิดว่าคนเป็นตัวการในการก่อเหตุในครั้งนี้ จึงไปร้องทุกข์เพื่อดำเนินคดีกับตน จนมาถูกจับกุมตัวในที่สุด 

จากการตรวจสอบประวัติการกระทำความผิดในฐานข้อมูลสำนักงานตำรวจแห่งชาติที่ผ่านมา พบว่า นายจตุพล มีประวัติเคยถูกดำเนินคดี จำนวน 6 คดี ประกอบด้วย
1) ปี 2555 เคยถูกจับกุมในความผิดฐาน “เสพยาเสพติดให้โทษประเภท 1,มีไว้ในครอบครอง ซึ่งยาเสพติดให้โทษประเภท 1 (นอกเหนือจากแอลเอสดี หรือเมตแอมเฟตามีน)” ท้องที่ สภ.สิชล
2) ปี 2559 เคยถูกจับกุมในความผิดฐาน “ตัวการในข้อหาไม่มาแสดงตนเพื่อรับหมายเรียกที่อำเภอ เมื่ออายุย่างเข้า 21 ปี” ท้องที่ สภ.สิชล
3) ปี 2562 เคยถูกจับกุมในความผิดฐาน “ขับรถในขณะเมาสุราหรือของเมาอย่างอื่น” ท้องที่ สภ.สำโรงใต้
4) ปี 2562 เคยถูกจับกุมในความผิดฐาน “ขับรถในขณะเมาสุราหรือของเมาอย่างอื่น” ท้องที่ สภ.สำโรงเหนือ
5) ปี 2563 เคยถูกจับกุมในความผิดฐาน “ขับรถในขณะเมาสุราหรือของเมาอย่างอื่น” ท้องที่ สภ.สำโรงเหนือ

จากนั้นเจ้าหน้าที่ตำรวจจึงได้นำตัว นายจตุพล หรือเคน ว่องไว ผู้ต้องหาตามหมายจับ นำส่งพนักงานสอบสวน สภ.ปลายบาง ภ.จว.นนทบุรี เพื่อดำเนินคดีตามกฎหมาย

ด้าน พล.ต.ต.ธีรเดช กล่าวแจ้งเตือนภัยไปยังพี่น้องประชาชนว่าในสังคมปัจจุบัน มิจฉาชีพมีเล่เหลี่ยมกลโกงมากมายหลายรูปแบบ ขอให้ประชาชนได้โปรดใช้สติในการใช้ชีวิตในสังคม อย่างหลงเชื่อกลโกงต่างๆ ของมิจฉาชีพซึ่งมีอยู่มากมาย หากไม่แน่ใจ หรือสงสัยว่าบุคคลที่เข้ามาเสนอผลประโยชน์ นั้นจะเป็นมิจฉาชีพ หรือไม่ ให้แจ้งเจ้าหน้าที่ตำรวจเข้าตรวจสอบ หรือแจ้งเบาะแสการกระทำความผิด มายังเพจ “สืบสวนนครบาล IDMB” ได้ตลอด 24 ชม. แม้จะเป็นคดีที่มีความเสียหายไม่มาก แต่หากเป็นคดีที่ประชาชนเดือดร้อน เราทำทันที ตามนโยบายของผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ

'รมว.ปุ้ย' ผนึกทุกภาคส่วน จับตาโรงงานเสี่ยงทั่วประเทศ เร่งเดินหน้ากวาดล้าง 'ขยะอุตสาหกรรม' ลงดาบผู้กระทำผิด

เมื่อวานนี้ (3 พ.ค. 67) นางสาวพิมพ์ภัทรา วิชัยกุล รัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม กล่าวว่า จากเหตุการณ์รั่วไหล และเกิดไฟไหม้โรงงานเก็บสารเคมีและวัตถุอันตราย ตลอดจนการลักลอบขนย้ายกากแคดเมียม ส่งผลกระทบร้ายแรงต่อประชาชน และสิ่งแวดล้อมในหลายพื้นที่ ซึ่งนายกรัฐมนตรีก็กำชับให้เร่งแก้ปัญหา และเห็นด้วยกับแนวทางที่ได้เสนอให้หน่วยงานความมั่นคงเข้ามาช่วยเนื่องจากส่งผลกระทบต่อประชาชนเป็นจำนวนมาก 

“ภายหลังได้เสนอกับนายกรัฐมนตรี วันนี้ได้ตั้งคณะกรรมการเร่งรัดการจัดการของเสียอุตสาหกรรมอย่างเป็นระบบทันที เพื่อให้การบริหารจัดการกากของเสียอุตสาหกรรมของกระทรวงอุตสาหกรรม ให้สามารถเดินหน้าไปได้อย่างจริงจังและมีประสิทธิภาพ โปร่งใส ทุกฝ่ายให้การยอมรับ สามารถขยายข้อมูลข่าวสารที่เป็นข้อเท็จจริงอย่างทั่วถึง รวมทั้งเสนอให้มีการพัฒนากฎหมายที่เกี่ยวข้องอย่างเป็นระบบ โดยมี นายดนัยณัฏฐ์ โชคอำนวย ที่ปรึกษารัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม เป็นประธาน และมีคณะกรรมการซึ่งเป็นผู้เชี่ยวชาญด้านกากอุตสาหกรรม จากหน่วยราชการ ภาคการอุดมศึกษา ภาคประชาชน ผู้ทรงคุณวุฒิ และมีรองอธิบดีกรมโรงงานอุตสาหกรรม เป็นกรรมการและเลขานุการ” 

รมว.อุตสาหกรรม ย้ำว่าคณะกรรมการชุดนี้มีหน้าที่ เสนอแนวทางการพัฒนา และการบังคับใช้กฎหมายที่เกี่ยวข้องกับการจัดการกากของเสียอุตสาหกรรม ได้อย่างรวดเร็วและมีประสิทธิภาพ นำไปสู่การแก้ไขปัญหาทั้งระบบ และเร่งสร้างเครือข่ายความร่วมมือกับทุกภาคส่วน รวมทั้งรวบรวมข้อมูล หลักฐาน และตรวจสอบ กระบวนการที่เกี่ยวกับการลักลอบกระทำการที่ผิดกฎหมายอีกด้วย 

สำหรับคณะกรรมการติดตามและตรวจสอบการแก้ไขปัญหาเกี่ยวกับกากตะกอนแคดเมียม ที่ได้มีการแต่งตั้งเมื่อวันที่ 18 เมษายน ที่ผ่านมานั้น นางสาวพิมพ์ภัทรา เปิดเผยเพิ่มเติมว่าวานนี้คณะกรรมการฯ ได้ตั้งคณะอนุกรรมการฯ ขึ้นมา 3 ชุด เร่งสอบสวนหาข้อเท็จจริง โดยมีผู้เชี่ยวชาญจากทุกภาคส่วนที่เกี่ยวข้อง เช่น กองบังคับการปราบปรามการกระทำผิดเกี่ยวกับทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม (บก.ปทส.) ผู้แทนจากสำนักคุ้มครองสิทธิและช่วยเหลือทางกฎหมายแก่ประชาชน ผู้แทนจากกรมสอบสวนคดีพิเศษ จะมีการติดตามข้อมูลที่เกี่ยวข้องทั้งหมด 

“และสำคัญวันนี้ต้องขอบคุณ พัชรวาท วงษ์สุวรรณ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ในฐานะประธานคณะกรรมการสิ่งแวดล้อมแห่งชาติ ที่ได้กำชับ สั่งการและมอบนโยบายให้ผู้ว่าราชการ 76 จังหวัด พร้อมทั้งแต่งตั้งคณะอนุกรรมการระดับจังหวัดตรวจสอบโรงงานอุตสาหกรรมที่รับดำเนินการของเสียอันตราย รวมถึงโรงงานอุตสาหกรรมที่มีความเสี่ยงสูงในทุกจังหวัดอีกด้วย” รัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรมกล่าว

สืบนครบาล ล่านัท night stalker จอมหื่นนักสะกดรอย อ้างปิกาจูไม่แข็งคิดว่าต้องถูกสารวัตรแจ๊ะจับกุมสักวัน

'night stalker' จอมหื่นที่ตามสะกดรอยชีวิตของเหยื่อสาวกว่าหลายเดือน ก่อนสบโอกาสลากเธอไปข่มขืนอย่างวิตถาร เหตุการณ์ยิ่งกว่าภาพยนตร์ที่เกิดขึ้นในชีวิตจริง ล่าสุด ผู้การจ๋องัดส่งชุด “สะกดรอย VS นักสะกดรอย” จนเกิดการไล่ล่าอย่างดุเดือดบนถนนวิภาวดีรังสิต ก่อนรวบตัวได้กลางถนน โดยคนร้ายอ้าง “ลากน้องไปจริงแต่ไม่ได้ข่มขืนเพราะปิกาจูไม่แข็ง”

เมื่อวันที่ 4 พฤษภาคม 2567 พล.ต.ท.ธิติ แสงสว่าง ผบช.น. ,พล.ต.ต.นพศิลป์ พูลสวัสดิ์ รอง ผบช.น. สั่งการให้  พล.ต.ต.ธีรเดช ธรรมสุธีร์ ผบก.สส.บช.น. ,พ.ต.อ.จักราวุธ คล้ายนิล ผกก.วิเคราะห์ข่าวฯ บก.สส.บช.น. , พ.ต.อ.พัชรดนัย การินทร์ ผกก.(สอบสวน) กลุ่มงานสอบสวน บก.สส.บช.น. พ.ต.ท.เอกศิษฐ์ วรกิตติ์ฐากรณ์  รอง ผกก.1 บก .สส.บช.น.  พ.ต.ท.มาโนชย์ ทองแก้ว รอง ผกก.สส บก.น.5 พ.ต.ต.ธัญพีรสิษฐ์ จุลพิภพ สว.กก.3 บก.สส.บช.น. พ.ต.ต.วศิน อินทร์แก้วสว.ฝอ.บก.สส.บช.น. ร.ต.อ.ศิวัช  ยังอุ่น รอง สว. กก.4 บก .สส.บช.น. ร.ต.อ.วรภัทร แสงเทียนประไพร รอง สว.สส.2 ฯปฏิบัติงาน ศอ.ปส.ตร. ร.ต.อ.หญิง ณิชญากาญจน์ เปสลาพันธ์ รอง สว.ฝอ บก.สส.บช.น. ร.ต.ท.เลิศวริศ เลิศวรปรีชา รอง สว.ฯปฏิบัติงาน ศอ.ปส.ตร. ร.ต.ท.ณัฐวุฒิ อ้นชูฤทธิ์ รอง สว.สอบสวน สน.ดินแดง ร.ต.ท.อนันตชัย สัจจพงษ์ รอง สว.ฝอ.2ฯปฏิบัติงาน ศอ.ปส.ตร.ร่วมกับเจ้าหน้าที่สืบนครบาลร่วมกันสืบสวนติดตามจับกุมตัว

นายณัฐพล บุราณรักษ์ หรือนัท อายุ 45 ปี อยู่บ้านเลขที่ 18 ถ.ประชาอุทิศ ซอย 2 ต.แก่งคอย อ.แก่งคอย จ.สระบุรี ผู้ต้องหาตามหมายจับศาลอาญาที่ จ.1625/2567 ลงวันที่ 19 เม.ย. 67 

ข้อหา “ข่มขืนกระทำชำเราผู้อื่นโดยใช้กำลังประทุษร้าย โดยผู้อื่นนั้นอยู่ในภาวะที่ไม่สามารถขัดขืนได้”

จับกุมได้ที่ กลางถนนวิภาวดี-รังสิต (ขาออก-บริเวณสนามบินดอนเมือง) แขวงสนามบิน เขตดอนเมือง จ.กรุงเทพฯ

พฤติการณ์กล่าวคือ “night stalker” ในชีวิตจริง จอมหื่นที่ตามสะกดรอยชีวิตของเหยื่อสาวกว่าหลายเดือน ก่อนสบโอกาสลากเธอไปข่มขืนอย่างวิตถาร โดยเหตุการณ์นี้เกิดขึ้นในห้วงปลายปี พ.ศ. 2566 หญิงสาวผู้เคราะห์ร้ายรายนี้เธอเป็นเด็กสาวหน้าตาดีวัย 22 ปี เธอเล่าว่า ได้เข้าทำงานที่บริษัทแห่งหนึ่ง คนร้ายทำหน้าที่โชเฟอร์ของบริษัท ได้ฉวยโอกาสนี้เข้ามาทำทีตีสนิทใกล้ชิดกับเธอ จนมันเริ่มคลั่งไคล้เธอจนถึงขั้นเลิกขับรถแล้วขอย้ายมาอยู่แผนกเดียวกับเธอ ภัยร้ายเริ่มคลืบคลานมาหา เมื่อได้ทำงานใกล้ชิดกับเธอแล้วไอโรคจิตรายนี้พยายามซักถามข้อมูลส่วนตัวเธออย่างเกินงาม จนเธอรู้สึกอึดอัด โดยคนร้ายยังไม่จบเพียงแค่นี้บางครามันถึงขั้นนำสิ่งของของเธอในอ็อฟฟิศ “มาสูดดม” อย่างโรคจิตในภาพยนตร์ แล้วที่พีคสุดคือหลังเลิกงานเมื่อ “พระอาทิตย์ตกดิน” ผู้ต้องห่จะสะกดรอยติดตามเธอตั้งแต่ออกจากบริษัท ป้ายรถเมล์ และแอบขึ้นรถเมล์ไปกับเธอ ตามไปจนถึงที่พักของเธอ โดยที่เธอไม่รู้ตัว ซึ่งเป็นเช่นนี้มาเป็นเวลากว่าหลายเดือน มันรู้แม้กระทั่งว่าเธอชอบกินขนมยี่ห้ออะไรในร้านสะดวกซื้อ จนมาถึงในวันที่เกิดเหตุ ได้มีการจัดงานการกินเลี้ยงสังสรรค์ของบริษัทฯ ซึ่งหลังเสร็จจากงานเลี้ยงเธอต้องกลับมาทำงานต่อที่บริษัทฯ มันฉวยโอกาสตามเธอกลับมาที่บริษัทฯ ด้วยสภาพแวดล้อมที่แทบจะไม่มีใครอยู่ในบริษัท ลงมือลากเธอเข้าไปในห้องฟิสเนตของบริษัทฯ แล้วลงมือกระทำชำเราเธออย่างรุนแรง เวลาผ่านไปเท่าใดไม่ทราบเธอฟื้นได้สติขึ้นมาแล้วพบว่าตนกำลังถูกไอ้โรคจิตรายนี้ข่มขืนอยู่

จึงใช้เท้าถีบมันและหนีออกมาจากสถานการณ์นั้นได้ ซึ่งหลังเกิดเหตุเธอได้เดินทางไปแจ้งความที่ สน.ประชาชื่น และได้แจ้งเรื่องนี้ให้กับหัวหน้าในบริษัททราบทันที ซึ่งเมื่อทางเจ้าหน้าที่ได้มาทำการตรวจสอบภาพกล้องวงจรปิดก็พบว่าหลังเกิดเหตุ ไอ้โรคจิตรายนี้ยังกลับเข้าไปทำความสะอาดและทำลายหลักฐานในห้องฟิสเน็ตจุดที่ลงมือก่อเหตุอีกด้วย หลังจากนั้นคนร้ายก็ไม่มาทำงานอีกและหนีหายเข้ากลีบเมฆไปเลย ซึ่งต่อมาก็ได้มีการออกหมายจับนายณัฐพล หรือนัท อายุ 45 ปี โดยคดีนี้ พล.ต.ต.ธีรเดช ธรรมสุธีร์ ผบก.สส.บช.น. ส่งชุดสืบนครบาลเพื่อไล่ล่าติดตามตัว จนชุดสืบสวนได้ไปพบบุคคลต้องสงสัยที่มีตำหนิรูปพรรณตรงกับคนร้าย กำลังขับรถยนต์อยู่บนถนนวิภาวดีรังสิต พล.ต.ต.ธีรเดชฯ สั่งให้ พ.ต.ต.ธัญพีรสิษฐ์ จุลพิภพ สว.กก.3 บก.สส.บช.น. ชุดสืบสะกดรอยนักสะกดรอยรายนี้ไปเรื่อยๆเพื่อพิสูจน์ทราบ กระทั่งต่อมาคนร้ายเริ่มระวังตัวจึงเริ่มขับรถโดยใช้ความเร็วต่ำ แต่ชุดสืบสวนไม่กลัวว่าคนร้ายจะรู้ตัว โดยสารวัตรแจ๊ะสั่งลูกทีม “ตามแบบหนังไทย” ขับตามรถคนร้ายไปดื้อๆ จนกระทั่งคนร้ายเริ่มออกอาการเริ่มขยับฉวัดเฉวียวและใช้ความเร็ว กระทั่งได้พยายามจะสับขาหลอกชุดสืบสวนหักเลี้ยวกลับรถกะทันหันและพยายามขับขี่มุดไปตามช่องแคบ แต่ท้ายสุดก็ถูกสกัดจับได้กลางถนนวิภาวดีรังสิต

ในชั้นจับกุม นายณัฐพลฯ ให้การรับสารภาพตลอดข้อกล่าวหา โดยให้การว่า “ตนเคยเป็นพนักงานในแผนกไอทีแอนเซอร์วิส อยู่ที่บริษัทที่เกิดเหตุดังกล่าว ตามที่ผู้เสียหายกล่าวว่าตนนั้นเป็นสตอกเกอร์ตามคุกคามชีวิตประจำวันผู้เสียหาย ตั้งแต่ขึ้นรถเมล์จนกระทั้งรู้พฤติกรรมของผู้เสียหายว่าชอบลงมาซื้อข้าวจากร้านสะดวกซื้อไปกินบนห้องและคอยเฝ้าตามผู้เสียหายในที่ต่างๆ ยืนยันว่าไม่ได้เป็นสตอกเกอร์ แค่เป็นห่วงความปลอดภัยของน้องเขาเท่านั้น โดยในวันเกิดเหตุนั้นบริษัทที่ตนทำงานได้จัดเลี้ยงปีใหม่และผู้เสียหายได้ดื่มเหล้าจนมีอาการเมาไม่ได้สติ และตนจึงได้พาผู้เสียหายไปที่อ่างล้างจานเพื่อไปอาเจียน และพาผู้เสียหายมาเช็ดตัวที่ห้องฟิตเนสในระหว่างนั้นตนเห็นผู้เสียหายถอดเสื้อจนเห็นร่องอก ตนจึงเกิดอารมณ์และได้ลูบไล้ร่างกายผู้เสียหาย จนกระทั่งตนกำลังจะถอดกางเกงแต่ อวัยวะเพศของตนเกิดอาการอ่อนตัวจนไม่สามารถร่วมเพศเป็นจังหวะเดียวกันกับที่ผู้เสียหายรู้สึกตัวพอดี 

ซึ่งภายหลังเกิดเหตุ ตนได้ลาออกจากบริษัทและออกมาทำงานรับจ้างด้วยตนเอง โดยตลอดช่วงที่หลบหนีที่ผ่านมาตนได้ตั้งจิตขอขมาองค์เทพและผู้เสียหายเรื่อยมา จนในวันที่ถูกจับกุมตนมีลางสังหรณ์จากองค์เทพว่าวันนี้ตนจะถูกลงโทษจากคดีความที่เคยก่อไว้ และถ้าถูกจับวันนี้จะมีญาติผู้ใหญ่มาช่วยเหลือและตนจะเปลี่ยนเป็นคนใหม่ ตนอยากเจอกับ สารวัตรหมวกไหมพรหม (สารวัตรแจ๊ะ) เพราะติดตามใน tiktok มานานและคิดว่าสักวันตนอาจจะถูกสารวัตรแจ๊ะจับเพราะชุดสืบของสารวัตรแจ๊ะเก่ง อีกทั้งตนยังอยากคุยกับผู้การจ๋อ เพราะติดตามมานานและคิดว่าผู้การจ๋อซึ่งน่าจะเข้าใจตนมากที่สุด”

หลังจับกุมตัว ได้นำตัวผู้ต้องหาส่งพนักงานสอบสวน สน.ประชาชื่น เพื่อดำเนินคดีตามกฏหมาย

พล.ต.ต.ธีรเดช ธรรมสุธีร์ ผบก.สส.บช.น.กล่าวว่า “เรายังไม่ปักใจเชื่อในคำให้การของคนร้าย เพราะพยานหลักฐานในคดีนี้แน่หนามาก และจากการตรวจสอบพฤติกรรมของคนร้ายพบว่ามีการเปลี่ยนที่ทำงานบ่อยครั้งมาก เป็นไปได้สูงที่อาจจะเคยก่อเหตุลักษณะนี้มาแล้ว ซึ่งหลังจากนี้เราจะมีการขยายผลโดยละเอียด ขอเป็นกำลังใจให้กับหญิงสาวที่ต้องประสบพบเจอกับการถูก “sexual harassment” ในทุกแวดวงสังคมเช่นนี้ ต้องรู้จักสร้างภูมิคุ้มกันตัวเราเองก่อน ต้องรู้จักและหาแนวทางในการรับมือ การวางตัว และการป้องกันที่จะไม่เปิดโอกาสให้ผู้ที่คิดมิดีมิร้ายมาลงมือก่อเหตุกับเราได้ และหากผู้ใดมีเบาะแสการกระทำความผิดในลักษณะนี้ในแวดวงสังคมที่ท่านต้องประสบพบเจออยู่โปรดแจ้งข้อมูลมาที่เพจ “สืบนครบาล IDMB” เรามีเจ้าหน้าที่พร้อมตลอด 24 ชั่วโมง เพราะแม้ไม่ใช่คดีอุกฉกรรจ์ แต่หากเป็นเรื่องความเดือดร้อนของประชาชน เราทำทันที ตามนโยบายของ พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ พันธุ์เพ็ชร์ รักษาการ ผบ.ตร. พล.ต.อ.ธนา ชูวงศ์ รอง ผบ.ตร. และ พล.ต.ท.สำราญ นวลมา ผู้ช่วย ผบ.ตร.  

‘ดร.ธรณ์’ เผยภาพ ‘นักท่องเที่ยวเหยียบถูกปะการัง’ ชี้!! ‘พวกเธอ’ กำลังอ่อนแอ-ฟอกขาว ควรช่วยกันระวัง

(4 พ.ค.67) ดร.ธรณ์ ธำรงนาวาสวัสดิ์ ผู้เชี่ยวชาญด้านนิเวศน์ทางทะเล และรองคณบดี คณะประมง มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ โพสต์ภาพพร้อมข้อความผ่านทางเฟซบุ๊กระบุว่า ทราบดีว่าไม่มีใครอยากเหยียบปะการัง แต่คงต้องฝากช่วยดูแลกันให้มาก ตอนนี้พวกเธออ่อนแอสุดๆ ลำพังแค่ฟอกขาวก็แย่มากแล้วครับ

คงต้องฝากกรมทะเลพูดคุยกับผู้คนในพื้นที่และนักท่องเที่ยว มิฉะนั้น ผลกระทบจากการท่องเที่ยวในช่วงปะการังฟอกขาว อาจทำให้เราต้องปิดพื้นที่ จะส่งผลต่อทุกคน

ผมถ่ายภาพนี้ด้วยตัวเอง เป็นภาพจากเกาะกูด ปะการังแถวนั้นกำลังฟอกขาวเยอะเลย

ยังรวมถึงทุกแห่งในทะเลไทยที่ปะการังฟอกขาวไปทั่ว ที่ไหนมีคนไปเที่ยว รบกวนระมัดระวังให้ถึงที่สุด

เหยียบ/โดนปะการัง ทิ้งสมอ ทิ้งขยะ น้ำเสีย คราบน้ำมัน กินปลานกแก้ว ฉลาม ฯลฯ พวกนี้ทำร้ายทะเลยามเธออ่อนแอทั้งนั้น

ทุกคนช่วยทะเลได้เสมอ ช่วยๆ กันนะครับ

‘ดร.เอ้’ ฟาด!! ‘กทม.’ เหตุปัดความรับผิดชอบ กรณีชายตกท่อดับ ชี้!! โยนกันไปมา ไร้เจ้าภาพ แนะ!! ควรมี กม.เพื่อความปลอดภัย

(4 พ.ค.67) ศาสตราจารย์ ดร.สุชัชวีร์ สุวรรณสวัสดิ์ รองหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ กทม.ให้สัมภาษณ์ต่อสื่อถึงเหตุการณ์ชายตกท่อ ลาดพร้าว 49 เมื่อวานนี้ (3 พ.ค.67) ถึงการ ‘ปัดความรับผิดชอบของกทม.’ เพราะเป็นเจ้าของพื้นที่ และชี้หน่วยงานโยนไปมา หาเจ้าภาพไม่เจอ บอกถึงเวลาแล้ว ไทยต้องเป็นสังคมปลอดภัย พร้อมชวนประชาชนลงชื่อ เสนอกฎหมาย ‘จัดตั้งองค์กรอิสระเพื่อความปลอดภัยสาธารณะ’

ส่วนตัวรับไม่ได้ กรณีชายอายุ 59 ปี พลัดตกท่อย่านลาดพร้าว 49 เพราะ ยังมีคนเสียชีวิตจากการตกท่ออีก แต่สิ่งที่ทุกคนเห็น แต่ละหน่วยงานโยนกันไปมา ทั้ง กทม. กฟน. บีทีเอส สายสีเหลือง สุดท้ายแล้วคนตาย ‘หาเจ้าภาพไม่เจอ’ และเกิดเหตุซ้ำซาก จึงเป็นที่มาถึงเวลาของประเทศไทยต้องเป็นสังคมปลอดภัย ตนได้รณรงค์ให้ประชาชนมาลงชื่อให้เกิน 10,000 คนขึ้นไป เพื่อเสนอกฎหมายจัดตั้ง ‘องค์กรอิสระเพื่อความปลอดภัยสาธารณะ’ อย่างน้อยจะหาคนกลางหรือเจ้าภาพได้เมื่อเกิดเหตุขึ้น สามารถร้องเรียนที่คณะกรรมการ หรือองค์กรนี้ได้ทันที ซึ่งอาจขึ้นตรงกับผู้นำประเทศ และองค์กรอิสระนี้สามารถติดตามความเสี่ยง พร้อมเผยแพร่ข้อมูล ประชาสัมพันธ์ และทำให้หน่วยงานหลักที่เป็นเจ้าของ เข้าไปแก้ไขปัญหาได้ตรงจุด หรือเกิดการสูญเสียถึงแก่ชีวิตหรือสูญเสียทรัพย์สิน ก็ยังมีการถอดบทเรียน ไม่ใช่ ‘วัวหายล้อมคอก’ คนตายไปสุดท้ายไม่ได้ทำอะไร และตายฟรี ดังนั้น ขอเชิญชวนประชาชนมาลงชื่อได้ที่ suchatvee.com ให้เกิน 10,000 ชื่อ ซึ่งเรากำลังร่างกฎหมายเสนอสภา เพื่อให้เหมือนกับในต่างประเทศ เพราะมีหน่วยงานกลาง ดูแลความเสี่ยง ถอดบทเรียนหาผู้รับผิดชอบ เอาผิด จะได้เข็ด รวมทั้งเยียวยาผู้สูญเสียที่เป็นธรรม

ขณะเดียวกัน กรณีหากเกิดเหตุ ผู้รับเหมาต้องรับผิดชอบหรือไม่นั้น ดร.เอ้ กล่าวว่า เป็นเพียงส่วนหนึ่ง เพราะผู้รับเหมาต้องทำงานและได้เงินเร็วที่สุด แต่หลายครั้งการทำแบบนี้ ก็ได้มาซึ่งความสูญเสีย มาตรฐานที่ไร้คุณภาพ เช่น เจ้าของงานจ้างผู้รับเหมามาสร้างบ้าน ก็ต้องจ้างคนคุมงานมาดูแลด้วย ดังนั้น จากกรณีนี้ เจ้าของพื้นที่ คือ กทม. จะโยนไปที่ กฟน. ถือว่าไม่ถูกต้อง เพราะพื้นที่เกาะกลางถนน ฟุตบาท เป็นของ กทม. ใครจะทำอะไรต้องมาขอ กทม. และระหว่างทำ กทม. มีหน้าที่ในการดูแล ส่วนการส่งมอบ กทม. ก็ต้องมีส่วนร่วมในฐานะเจ้าของบ้าน จะปฏิเสธความรับผิดชอบไม่ได้ แต่ในอดีตหน่วยงานโยนกันไปมา และ จบที่การ ‘กล่าวแสดงความเสียใจ’ ปัดออกจากตัวหมด

จากนั้น พอไปถึงหน่วยงานซึ่งดูเหมือนจะเป็นเจ้าของ หน่วยงานนั้นก็โยนให้ผู้รับเหมา และผู้รับเหมาโยนไปที่บริษัทประกันชีวิต ทั้งนี้ เมื่อถึงบริษัทประกันชีวิต ก็จะสู้ด้วยข้อกฎหมาย ที่อาจระบุว่า คนเดินแล้วเกิดอุบัติเหตุ อาจจะประมาท มีสภาพร่างกายอาจไม่สมบูรณ์ กว่าจะจ่ายเงินเยียวยาก็ใช้เวลานาน หรือหลายกรณีไม่ได้เงิน เพราะครอบครัวไม่รู้จะเอาอะไรไปต่อสู้ จึงย้อนกลับมาว่า ประเทศไทยไม่มีองค์กรกลางที่จะช่วยหาข้อมูล หลักฐานส่งฟ้อง เพื่อให้ประกันดูแลเยียวยาผู้เสียหายอย่างเป็นธรรม และนี่คือสาเหตุของการเกิดเหตุซ้ำซาก เพราะคนเกี่ยงกัน คนผิดไม่เคยได้รับผิด คนสูญเสียไม่ได้รับการเยียวยา หรือได้รับการเยียวยาช้าเกินไป เพราะฉะนั้น ผู้นำรัฐบาลต้องเร่งแก้ปัญหานี้อย่างจริงจัง โดยนำอุทาหรณ์เหล่านี้มาเป็นบทเรียนในการสร้างความปลอดภัยให้เกิดขึ้น เพราะนี่คือ ‘สิทธิพื้นฐาน’ ของประชาชนที่ควรจะได้รับ

ผู้เชี่ยวชาญด้านโรคปอด ชี้ อย่ากังวลเรื่อง ‘วัคซีนแอสตร้า-ลิ่มเลือด’ เผย!! เรื่องนี้รู้มานาน 3 ปีแล้ว รวมทั้งวัคซีนตัวนี้ ก็ไม่มีใช้ฉีดกันแล้ว

(4 พ.ค. 67) นายแพทย์ธนีย์ ธนียวัน ผู้เชี่ยวชาญด้านโรคปอด ซึ่งเป็นอาจารย์แพทย์อยู่ที่สหรัฐฯ ได้ออกมาโพสต์คลิปเกี่ยวกับ วัคซีนแอสตร้าเซนเนก้า โดยได้ระบุว่า ...

วัคซีนแอสตร้าเซนเนก้าเนี่ย มีนักวิชาการอาวุโสออกมายอมรับเป็นครั้งแรกว่า ทําให้เกิดลิ่มเลือด พร้อมกับเกล็ดเลือดดํา ซึ่งในเรื่องนี้เรารู้กันมาตั้งแต่ 3 ปีที่แล้ว แล้วครับผมก็เคยทําคลิปลงยูทูบไปเมื่อ 3 ปีก่อนหน้านี้ และที่สําคัญเมื่อกี้เนี่ยทางสมาคมโลหิตวิทยาเพิ่งจะออกมายืนยันบอกว่าเรื่องรู้กันมาตั้งนานแล้วนะครับ โอกาสในการเกิดก็คื อหนึ่งในแสนถึงหนึ่งในล้าน และมันจะเกิดขึ้นหลังจากการฉีดวัคซีนไปแล้วหนึ่งเดือน หรือมิฉะนั้นก็ภายใน 42 วัน ถ้าเกินนั้นไม่มีโอกาสเกิดขึ้นแล้วครับนะ แล้วปัจจุบันเราไม่มีวัคซีนแอสตร้าเซนเนก้าฉีดกันมาเป็นปีแล้ว ดังนั้นไม่มีความจําเป็นต้องกังวลแต่อย่างใด แล้วก็ไม่ต้องโยงไปวัคซีนเอ็มอาร์เอนะครับ เพราะว่ามันไม่เกี่ยว ที่สําคัญผมก็ไม่รู้เหมือนกันว่า คนแก่คนเนี่ย แกตกข่าวหรือจงใจจะปั่นกระแสเพื่อผลประโยชน์อะไรสักอย่างรึเปล่า แต่แกเพี้ยนครับอย่าไปสนใจคนเพี้ยน ๆ แบบนี้เลย ข่าวแบบนี้มานานแล้ว เก่าแล้วใช้ไม่ได้นะครับ 

‘ทร.’ ประกาศผลผู้ผ่านการสอบคัดเลือกบุคคลพลเรือน เพื่อเข้าเป็น ‘นักเรียนเตรียมทหาร’ ประจำปี 2567

(3 พ.ค.67) เพจเฟซบุ๊ก ‘โรงเรียนนายเรือ RTNA’ ได้โพสต์ข้อความระบุว่า…

ประกาศผลรอบสุดท้าย บุคคลตัวจริงและบุคคลสำรอง ผู้ผ่านการสอบคัดเลือกบุคคลพลเรือน เข้าเป็นนักเรียนเตรียมทหารในส่วนของกองทัพเรือ ประจำปีการศึกษา 2567

โดยสามารถตรวจสอบรายชื่อได้ที่ >> https://www.rtna.ac.th/index.php

และสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่หมายเลขโทรศัพท์ : 0-2475-3995, 2475 7435 ระหว่างเวลา 08.00 น. ถึง 16.00 น. ทุกวันราชการ หรือ Email : [email protected]

‘ทบ.’ ประกาศผลสอบคัดเลือก ‘นร.เตรียมทหาร’ สำหรับรอบสุดท้าย แบบทั่วไป ประจำปี 2567

(3 พ.ค. 67) เพจเฟซบุ๊ก ‘โรงเรียนนายร้อยพระจุลจอมเกล้า Chulachomklao Royal Military Academy’ ได้โพสต์ข้อความระบุว่า…

“ประกาศผลสอบรอบสุดท้ายการสอบคัดเลือกเข้าเป็นนักเรียนเตรียมทหาร ในส่วนของกองทัพบก ประจำปีการศึกษา 2567 (แบบทั่วไป) ขอแสดงความยินดีกับน้อง ๆ ที่มีรายชื่อด้วยนะคะ”

1. โรงเรียนนายร้อยพระจุลจอมเกล้า ขอประกาศผลสอบรอบสุดท้ายการสอบคัดเลือกบุคคลเข้าเป็นนักเรียนเตรียมทหารในส่วนของกองทัพบก ประจำปีการศึกษา 2567 (แบบทั่วไป) ตามบัญชีรายชื่อ ท้ายประกาศนี้

2.ให้ผู้ที่ผ่านการสอบรอบสุดท้าย บุคคลตัวจริง และบุคคลสำรอง ดำเนินการดังนี้
2.1 วันศุกร์ที่ 10 พฤษภาคม 2567 เวลา 08.00 น. - 12.00 น. รอรับการติดต่อกลับจากคณะกรรมการของโรงเรียนนายร้อยพระจุลจอมเกล้า เพื่อยืนยันสิทธิ์ผ่านระบบออนไลน์
2.2 วันศุกร์ที่ 3 พฤษภาคม 2567 ถึงวันเสาร์ที่ 11 พฤษภาคม 2567 บุคคลตัวจริงทำสัญญาผ่านระบบออนไลน์กับโรงเรียนเตรียมทหาร สถาบันวิชาการป้องกันประเทศ
2.3 วันอาทิตย์ที่ 12 พฤษภาคม 2567 เวลา 06.00 น. - 10.00 น. มอบตัวเข้าเป็นนักเรียนเตรียมทหาร ณ โรงเรียนเตรียมทหาร สถาบันวิชาการป้องกันประเทศ อำเภอบ้านนา จังหวัดนครนายก หากไม่ไปมอบตัวในวันและเวลาที่กำหนด จะถือว่าสละสิทธิ์

3. ในกรณีที่ผู้ผ่านการสอบรอบสุดท้าย บุคคลตัวจริงสละสิทธิ์ จะจัดผู้ที่สอบได้เป็นบุคคลสำรองทดแทนตามลำดับต่อไป

ทั้งนี้ สามารถดูรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ : http://faq.crma.ac.th/result/

‘ทอ.’ ประกาศรายชื่อผู้ผ่านการคัดเลือก เข้าเป็น ‘นักเรียนเตรียมทหาร’ ปี 2567

(3 พ.ค. 67) เพจเฟซบุ๊ก ‘โรงเรียนนายเรืออากาศนวมินทกษัตริยาธิราช’ ได้โพสต์ข้อความระบุว่า…

ประกาศผลสอบรอบสุดท้ายคัดเลือกบุคคลเข้าเป็นนักเรียนเตรียมทหาร (ในส่วนของกองทัพอากาศ) ประจำปีการศึกษา 2567 คลิ๊ก http://www.admission.nkrafa.com/register/

ขอให้ผู้สอบผ่านรอบสอง นักเรียนเตรียมทหาร (ในส่วนของ ทอ.) ประจำปีการศึกษา 2567
กรอกข้อมูลให้ครบถ้วน ถูกต้อง เพื่อตรวจสอบประวัติด้วยลายพิมพ์นิ้วมือ https://docs.google.com/forms/d/e/1FAIpQLScmfmquoGL_OHvhjrd6Fiz7qJIoGQP25q2MokaQxXb4-tQoVg/viewform?fbclid=IwZXh0bgNhZW0CMTAAAR3CwaKorJ-U_I71hy9IyGDUSnjNOmeWHcFtF0NrAuhL2hll_Pw064plU9U_aem_ARpU4u2lL74XehdnHOjPnklJ5n--RgrsZDUwvMVk7YzSsK6E6gc7j-MYf1SN284D2Xp5nrtMXTTOgx9p8eI3VWLc   

'ชัชชาติ' ประสานเยียวยาครอบครัวผู้เสียหาย ปม 'ชายตกท่อ' ดับ ยัน!! แม้ไม่ใช่ของกทม. แต่ปฏิเสธความรับผิดชอบไม่ได้

(3 พ.ค. 67) นายชัชชาติ สิทธิพันธุ์ ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร กล่าวถึงเหตุการณ์คนตกท่อกลางถนน บริเวณปากซอยลาดพร้าว 49 ว่า กรุงเทพมหานคร ขอแสดงความเสียใจกับครอบครัวผู้เสียชีวิต สำหรับท่อดังกล่าวเป็นโครงการของการไฟฟ้านครหลวง เป็นท่อร้อยสายไฟซึ่งมีการปิดที่ไม่สมบูรณ์ โดยเมื่อ 3 สัปดาห์ก่อน ทางเขตวังทองหลางได้มีการแจ้งหน่วยงานเจ้าของโครงการให้ดำเนินการซ่อม อย่างไรก็ตาม กทม.พร้อมรับหน้าที่ประสานงานเยียวยาผู้เสียหายจากหน่วยงานต้นสังกัด

โดยเหตุที่เกิดขึ้นวันนี้ เจ้าหน้าที่เทศกิจและรักษาความสะอาดฯ พบเห็นชายตกท่อของการไฟฟ้านวลจันทร์ เมื่อเวลาประมาณ 09.57 น. จึงได้ประสานสถานีดับเพลิงและกู้ภัยลาดพร้าวเร่งดำเนินการเข้าช่วยเหลือโดยการดำน้ำ พบร่างในเวลาประมาณ 11.20 น.

ผู้ว่าฯ ชัชชาติ กล่าวในตอนท้ายว่า ได้มีการกำชับไปยังผู้อำนวยการเขตทุกเขตแล้วว่า เรื่องนี้เราปฏิเสธความรับผิดชอบไม่ได้ เพราะแม้ไม่ใช่ท่อของเรา แต่เราก็เป็นเจ้าของบ้านซึ่งต้องคอยดูแล ให้ติดตามกำกับการก่อสร้างในพื้นที่เขตอย่างเคร่งครัด หากมีจุดที่มีความเสี่ยงอันตรายให้แจ้งผู้รับเหมาให้เร่งแก้ไขปรับปรุง ซึ่งถ้ายังไม่ดำเนินการให้นำป้ายแจ้งเตือนมาติด และใช้การดำเนินการทางกฎหมายเข้ามาร่วมด้วย พร้อมได้สั่งการให้ทุกเขตไปสำรวจการก่อสร้างในพื้นที่โดยละเอียดมากยิ่งขึ้น


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top