Wednesday, 14 May 2025
NEWS

‘ธนาธร’ นำทัพวิทยากรสานต่อ ‘หลักสูตรเยาวชนก้าวหน้า ครั้งที่ 3’ เปิดรับสมัครแล้ววันนี้ -11 สิงหาคม 2566 ฟรี!! ไม่มีค่าใช้จ่าย

กลับมาอีกครั้งกับ ‘Progressive Academy หลักสูตรเยาวชนก้าวหน้าครั้งที่ 3’ ที่กรุงเทพฯ ในครั้งนี้เราออกแบบหลักสูตรใหม่ที่ครบเครื่องทั้งสาระความรู้ ความสนุกสนาน และการลงมือปฏิบัติที่จะพาคุณทะลุกะลาใบน้อยๆ ที่พวกเขาครอบหัวเราไว้ เพาะเมล็ดพันธุ์ของผู้ไม่ยอมจำนน เพื่อเปิดประตูความเป็นไปได้ใหม่ๆ สู่สังคมที่ดีกว่า

พบกับวิทยากรชั้นนำมากมาย นำทีมโดย ธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ I ปิยบุตร แสงกนกกุล I พรรณิการ์ วานิช I กุลธิดา รุ่งเรืองเกียรติ I พริษฐ์ วัชรสินธุ I เดชรัตน์ สุขกำเนิด I ธำรงศักดิ์ เพชรเลิศอนันต์ I ประจักษ์ ก้องกีรติ I ศศินันท์ ธรรมนิฐินันท์ I เคท ครั้งพิบูลย์ I ธนวรรธน์ สุวรรณปา I ชัยพงษ์ สำเนียง I คมกฤช อุ่ยเต็งเค่ง I ศุภลักษณ์ กาจญนขุน และวิทยากรรับเชิญพิเศษอีกมากมาย 

นอกจากนี้เรายังมีกิจกรรม Workshop ติดทักษะเพื่อการเปลี่ยนแปลงนำทีมโดยทีมคิด Space I Pud Production x Common School และ Vivi recap 

เพราะเราเชื่อว่าคนรุ่นใหม่คือ พลังสำคัญในการเปลี่ยนแปลงประเทศ

กระบวนการเรียนรู้ ทั้งหมด 62 ชั่วโมง ประกอบไปด้วย

1.) การบรรยาย (Lecture) : 28 ชั่วโมง
2.) กิจกรรมกระตุ้นการเรียนรู้ (Activity Base) : 12 ชั่วโมง
3.) กิจกรรมเชิงปฏิบัติการ (Workshop) : 13 ชั่วโมง
4.) การทัศนศึกษา (Field Trip) : 9 ชั่วโมง
5.) การค้นคว้าอิสระและลงมือปฏิบัติ (Independent Research)

วันรับสมัคร
เปิดรับสมัครตั้งแต่วันนี้-11 สิงหาคม 2566 ฟรีไม่มีค่าใช้จ่าย!
ประกาศผลผู้ผ่านคัดเลือก 12 สิงหาคม 2566 ทางอีเมล
ระยะเวลาหลักสูตร : 6 สัปดาห์ ทุกเสาร์-อาทิตย์ ตั้งแต่วันที่ 19 สิงหาคม-23 กันยายน

เงื่อนไขการรับสมัคร
1.) อายุตั้งแต่ 15-25 ปี ในพื้นที่กรุงเทพฯและปริมณฑล
2.) ผู้สมัครต้องเข้าร่วมกิจกรรมตลอดหลักสูตร
3.) ผู้สมัครต้องทำโครงการเมื่อจบหลักสูตร

ลงทะเบียนที่ : https://docs.google.com/forms/d/e/1FAIpQLSe0R_AMuAxhJ7aaA8EQxzlv6wFldrMsiBDBcKAxwusz985Wgw/viewform

สวนนงนุชพัทยา จัดกิจกรรมขบวนแห่เเฉลิมพระเกียรติ เนื่องในโอกาสวันเฉลิมพระชนมพรรษาพระบาทสมเด็จพระวชิรเกล้าเจ้าอยู่หัว 28 กรกฎาคม

วันนี้  28 ก.ค.66 นายกัมพล ตันสัจจา ประธานสวนนงนุชพัทยา นำคณะผู้บริหาร พนักงานสวนนงนุชพัทยา ประชาชน นักท่องเที่ยว และช้างแสนรู้ ร่วมขบวนเทิดพระเกียรติ ในพิธีถวายราชสดุดีเฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระปรเมนทรรามาธิบดีศรีสินทรมหาวชิราลงกรณ พระวชิรเกล้าเจ้าอยู่หัว เนื่องในวโรกาสเฉลิมพระชนมพรรษาครบ 71 พรรษา วันที่ 28 กรกฎาคม 2566 ที่บริเวณลานกิจกรรมหน้าอาคารวิวัฒน์ สวนนงนุชพัทยา อำเภอสัตหีบ จังหวัดชลบุรี     

ภายในงานมีขบวนแห่เฉลิมพระเกียรติ “เฉลิมพระชนน์พรรษา พระบาทสมเด็จพระวชิรเกล้าเจ้าอยู่หัวที่ยิ่งใหญ่ตระการตาจากนั้น นายกัมพล ตันสัจจา ประธานสวนนงนุชพัทยา เป็นประธานวางพุ่มทอง และ พุ่มเงิน เปิดกรวยถวายสักการะ นำกล่าวสดุดีถวายพระพร และร้องเพลงสรรเสริญพระบารมี เพลงสดุดีจอมราชา พร้อมกล่าวทรงพระเจริญดังกึกก้องไปทั่วบริเวณพิธี ต่อหน้าพระบรมฉายาลักษณ์พระบาทสมเด็จพระปรเมนทรรามาธิบดีศรีสินทรมหาวชิราลงกรณ พระวชิรเกล้าเจ้าอยู่หัว    

จากนั้น ชมการแสดงถวายพระพร ชุด “อศิรวาทพระราชธิบดีจักรกรีวงค์ ”จบ น้องช้างแสนรู้ จำนวน  2 เชือกถวายพวงมาลัย เบื้องหน้าพระบรมฉายาลักษณ์ฯ โดยมีนักท่องเที่ยวทั้งชาวไทยและต่างชาติ ให้ความสนใจในกิจกรรมถวายราชสดุดี พระบาทสมเด็จพระปรเมนทรรามาธิบดีศรีสินทรมหาวชิราลงกรณ พระวชิรเกล้าเจ้าอยู่หัว เพื่อแสดงออกถึงความจงรักภักดี ต่อสถาบันพระมหากษัตริย์ ในโอกาสมหามงคลนี้ เป็นจำนวนมาก

เลขาฯ ศอ.บต. นำคณะทูตกลุ่มประเทศมุสลิม 10 ประเทศเยี่ยมชมพิพิธภัณฑ์มรดกวัฒนธรรมอิสลามและศูนย์การเรียนรู้คัมภีร์อัล-กุรอาน สร้างความเข้าใจด้านการสนับสนุนของรัฐบาลต่อการอนุรักษ์มรดกทางวัฒนธรรมอิสลามในพื้นที่ จชต.

ที่ พิพิธภัณฑ์มรดกวัฒนธรรมอิสลามและศูนย์การเรียนรู้อัล-กุรอาน ม.6 ต.ละหาร อ.ยี่งอ จ.นราธิวาส พลเรือตรี สมเกียรติ ผลประยูร เลขาธิการศูนย์อำนวยการบริหารจังหวัดชายแดนภาคใต้ (ศอ.บต.) นำคณะเอกอัครราชทูต และอุปทูต 10 ประเทศ  ซึ่งเดินทางลงพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้เพื่อร่วมกิจกรรมการทูตเชิงรุก และสร้างความเข้าใจ การรับรู้อันดีเกี่ยวกับพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้แก่นานาชาติ โดยมีเอกอัครราชทูตจากประเทศมาเลเซีย คูเวต โอมาน อียิปต์ อินโดนีเซีย ตุรกี โมร็อกโก ซาอุดีอาระเบีย อุปทูตจากสถานเอกอัครราชทูตกาตาร์ และปากีสถาน เยี่ยมชมพิพิธภัณฑ์มรดกวัฒนธรรมอิสลามและศูนย์การเรียนรู้คัมภีร์อัล-กุรอาน เพื่อให้คณะทูตได้รับทราบถึงความเข้มแข็งของชุมชนและการสนับสนุนของรัฐบาลต่อการอนุรักษ์มรดกทางวัฒนธรรมอิสลามในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้และถ่ายทอดองค์ความรู้ทางวัฒนธรรมต่อเยาวชนรุ่นใหม่และการพัฒนาไปสู่การเป็นแหล่งท่องเที่ยวในจังหวัดชายแดนภาคใต้ โดยมี นายสนั่น พงษ์อักษร ผู้ว่าราชการจังหวัดนราธิวาส นายกูเซ็ง ยาวอหะซัน นายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดนราธิวาส ตลอดจนหัวหน้าส่วนราชการ เยาวชนนักเรียนและประชาชนในพื้นที่ร่วมให้การต้อนรับ

ในการนี้ คณะทูตได้รับฟังบรรยายถึงการขับเคลื่อนพิพิธภัณฑ์มรดกวัฒนธรรมอิสลามและศูนย์การเรียนรู้อัล-กุรอาน พร้อมเยี่ยมชมห้องพิพิธภัณฑ์อาคารใหม่ และชมคัมภีร์อัล-กุรอานโบราณ สำหรับพิพิธภัณฑ์มรดกวัฒนธรรมอิสลามและศูนย์การเรียนรู้อัล-กุรอาน ตั้งอยู่ที่โรงเรียนสมานมิตรวิทยา ชุมชนบ้านศาลาลูกไก่ ม.6 ต.ละหาร อ.ยี่งอ จ.นราธิวาส เริ่มดำเนินการมาตั้งแต่ปี 2553 โดยมีการรวบรวมประเภทคัมภีร์อัล-กุรอานโบราณที่คัดด้วยลายมือที่เป็นมรดกทางศิลปะวัฒนธรรมอิสลามที่ตกทอดมาจากอดีตจนถึงปัจจุบัน โดยพิพิธภัณฑ์ได้รวบรวมคัมภีร์อัล-กุรอาน จำนวน 79 เล่ม คัมภีร์ดังกล่าวส่วนมากได้มาจากคาบสมุทร แหลมมลายูนูซันตาราและบางประเทศในโลกมุสลิมที่เคยมาติดต่อกับประเทศไทยในอดีต 

ซึ่งเริ่มชำรุดจากสภาพอากาศที่มีความชื้นและไม่ได้ดูแลอย่างถูกต้องตามหลักวิชาการ จึงจำเป็นที่จะต้องส่งไปดำเนินการซ่อมแซมที่หอสมุด สุไลมานียะห์ นครอิสตันบูล ประเทศตุรกี โดยได้รับการสนับสนุนจากกรมศิลปากร กระทรวงวัฒนธรรม ของประเทศไทยในการช่วยดำเนินการซ่อมแซมโดยใช้กระบวนการวิทยาศาสตร์เชิงอนุรักษ์ นอกจากประเภทคัมภีร์อัล-กุรอานแล้ว ทางพิพิธภัณฑ์ได้รวบรวมประเภทเอกสารและอุปกรณ์โบราณ ภาพเขียนโบราณ เรือกอและจำลอง และภาพการแสดงการทำเรือกอและ ภาพบุคคลสำคัญในศาสนาอิสลาม รวมถึงหุ่นจำลองของมัสยิด 300 ปี อย่างไรก็ตามทางกรมศิลปากรได้ทำการต่อยอด เข้ามาขึ้นทะเบียนคัมภีร์และเอกสารโบราณเหล่านี้ พร้อมๆกับเข้ามาช่วยทางโรงเรียนในการเก็บรักษา บูรณะ ซ่อมแซม ตามหลักวิชาการที่ถูกต้อง นอกจากนี้ทางภาครัฐยังอนุมัติงบประมาณให้กรมศิลป์ ดำเนินการจัดสร้าง "พิพิธภัณฑ์มรดกทางศิลปวัฒนธรรมและศูนย์การเรียนรู้อัล-กุรอาน" ขึ้นใหม่ ณ บริเวณด้านหน้าโรงเรียนสมานมิตรวิทยา งบประมาณทั้งสิ้น 220 ล้านบาท ปัจจุบันตัวอาคารสร้างเสร็จแล้ว เหลือแค่การปรับปรุงภูมิทัศน์ โดยกำหนดเปิดต้นปี 2567

อย่างไรก็ตาม "พิพิธภัณฑ์มรดกทางศิลปวัฒนธรรมและศูนย์การเรียนรู้อัล-กุรอาน" แห่งนี้จะเป็นแหล่งเรียนรู้ทางศิลปวัฒนธรรมของชาติ ในการศึกษาค้นคว้าเกี่ยวกับคัมภีร์อัล-กุรอาน และมรดกวัฒนธรรมอิสลาม และเสริมสร้างจิตสำนึกให้คนท้องถิ่นในจังหวัดชายแดนภาคใต้ เห็นคุณค่าความสำคัญ เกิดความรู้สึกหวงแหน ภาคภูมิใจในมรดกทางศิลปวัฒนธรรมอิสลามที่มีอยู่ในท้องถิ่นของตน รวมทั้งทำให้เกิดผลดีทางด้านเศรษฐกิจและสังคม จากการท่องเที่ยวเชิงวัฒนธรรมโดยนักท่องเที่ยวจากทั้งในและทั่วโลก สอดคล้องกับนโยบายชุมชนท่องเที่ยว OTOP นวัตวิถี ซึ่งจะช่วยส่งเสริมอาชีพและรายได้ให้กับประชาชนในพื้นที่ สร้างเศรษฐกิจชุมชนที่เข้มแข็งได้อย่างยั่งยืนต่อไป

ข่าว.แวดาโอ๊ะ หะไร  จ.นราธิวาส

‘อย.’ เตือนภัย ยาสมุนไพร-ยาผีบอก ‘ผู้เฒ่าวิ่งปู๊ดแคปซูล’ ชี้!! สุดอันตราย หลังพบใส่สารสเตียรอยด์ ขอ ปชช.อย่าหลงเชื่อ

‘อย.’ บุกตรวจผลิตภัณฑ์สมุนไพร ‘ผู้เฒ่าวิ่งปู๊ดแคปซูล’ จังหวัดพิษณุโลก พบไม่ได้ขออนุญาต ไม่มีเลขทะเบียน แถมเจอผิดกฎหมายอีก 2 ตัว ‘ยาผงจินดามณี – สมุนไพรไทยมีรูปรากไม้’ ลอบผสมสารสเตียรอยด์ เตือนอย่าซื้อกินเด็ดขาด

(27 ก.ค. 66) นพ.วิทิต สฤษฎีชัยกุล รองเลขาธิการคณะกรรมการอาหารและยา (อย.) กล่าวว่า อย.ได้รับเรื่องร้องเรียนจากผู้บริโภคให้ตรวจสอบผลิตภัณฑ์สมุนไพร ‘ผู้เฒ่าวิ่งปู๊ดแคปซูล’ ไม่ได้รับอนุญาตโฆษณาขายทางแพลตฟอร์มออนไลน์

หลังจาก อย.เร่งตรวจสอบ เบื้องต้นพบจำหน่ายใน จ.พิษณุโลก จึงประสานสำนักงานสาธารณสุขจังหวัด (สสจ.) พิษณุโลก เข้าตรวจสอบสถานที่ โดยพบผลิตภัณฑ์สมุนไพรผู้เฒ่าวิ่งปู๊ดแคปซูล สูตรกระจายเส้นเอ็นยึด จำนวน 26 ซอง ยาผงจินดามณี จำนวน 55 ซอง และสมุนไพรไทยมีรูปรากไม้ จำนวน 39 ซอง จากการตรวจสอบผลิตภัณฑ์ทั้ง 3 รายการ ไม่พบข้อมูลการอนุญาตผลิตภัณฑ์จาก อย. และฉลากผลิตภัณฑ์ไม่มีการแสดงเลขทะเบียน อีกทั้งยังพบสารสเตียรอยด์ปลอมปนในผลิตภัณฑ์ยาผงจินดามณี

“ขอเตือนผู้บริโภคอย่าซื้อผลิตภัณฑ์สมุนไพรทั้ง 3 รายการมาใช้ อาจเกิดผลเสียต่อร่างกาย เป็นอันตรายต่อสุขภาพ และอาจส่งผลกระทบต่อการรักษาอาการเจ็บป่วยได้ ย้ำว่าควรให้ความสำคัญกับการตรวจสอบข้อมูลการขออนุญาตผลิตภัณฑ์ ซึ่งสามารถตรวจสอบผลิตภัณฑ์ที่ได้รับอนุญาตจาก อย. ได้ที่ www.fda.moph.go.th หรือผ่าน Line@FDAThai” นพ.วิทิต กล่าว

📌สรุปตลาดหุ้น ประจำวันที่ 27 ก.ค. 66 

📌สรุปตลาดหุ้น ประจำวันที่ 27 ก.ค. 66 
 

‘ปลัด มท.’ สั่งหน่วยงานบริการในสังกัดทุกจังหวัด เปิดให้บริการ ปชช. ช่วงหยุดยาว 28 ก.ค.-2 ส.ค.นี้

(27 ก.ค. 66) นายสุทธิพงษ์ จุลเจริญ ปลัดกระทรวงมหาดไทย เปิดเผยว่า ในการประชุมติดตามการขับเคลื่อนงานตามภารกิจกระทรวงมหาดไทยร่วมกับอธิบดี หัวหน้าหน่วยงานรัฐวิสาหกิจในสังกัดกระทรวงมหาดไทย และผู้ว่าฯ ทั่วประเทศ ตนได้กล่าวถึงมติคณะรัฐมนตรีที่ได้เห็นชอบให้วันที่ 31 ก.ค. เป็นวันหยุดราชการเพิ่มเติมในห้วงวันเฉลิมพระชนมพรรษา 28 ก.ค.66 วันอาสาฬหบูชา และวันเข้าพรรษา ทำให้ในช่วงวันที่ 28 ก.ค. - 2 ส.ค.นี้ เป็นวันหยุดราชการต่อเนื่อง รวม 6 วัน

กระทรวงมหาดไทยคาดการณ์ว่าในช่วงวันหยุดราชการต่อเนื่องนี้ จะมีพี่น้องประชาชนมีความจำเป็นต้องเข้ารับบริการจากหน่วยงานบริการของกระทรวงมหาดไทย ตลอดจนหน่วยงานราชการของแต่ละจังหวัด ตนจึงได้ขอความร่วมมือท่านผู้ว่าฯ ทุกจังหวัด หัวหน้าส่วนราชการ และนายอำเภอ ได้เป็นผู้นำข้าราชการในสังกัดกระทรวงมหาดไทย และข้าราชการส่วนภูมิภาคที่มีหน้าที่ด้านการบริการพี่น้องประชาชน ให้ยึดมั่นในอุดมการณ์การบำบัดทุกข์ บำรุงสุขให้กับพี่น้องประชาชน โดยร่วมกันวางแผนการเปิดให้บริการติดต่อราชการเป็นพิเศษในช่วงวันหยุดยาว ณ ศาลากลางจังหวัด ที่ว่าการอำเภอ องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น ทั้งสำนักทะเบียนอำเภอ สำนักทะเบียนท้องถิ่น เพื่ออำนวยความสะดวกให้แก่พี่น้องประชาชนที่ต้องเข้ารับบริการในวันหยุดราชการ ตลอดจนเน้นย้ำให้ผู้บริหารระดับสูง หัวหน้าหน่วยงาน ทั้งสำนักงานปลัดกระทรวง กรม และจังหวัด ได้จัดให้มีคณะทำงานทั้งระดับผู้บริหารและเจ้าหน้าที่ดูแลประจำสถานที่ราชการและสำนักงานนอกเหนือจากการจัดเวรยามประจำตามระเบียบที่เกี่ยวข้อง เพื่อบำบัดทุกข์ บำรุงสุขให้กับพี่น้องประชาชนตลอดช่วงวันหยุดต่อเนื่องนี้

นายแมนรัตน์ รัตนสุคนธ์ อธิบดีกรมการปกครอง กล่าวว่า กรมการปกครองได้มีหนังสือแจ้งไปยังผู้ว่าฯ ทั้ง 76 จังหวัด และปลัดกรุงเทพมหานคร แจ้งไปยังสำนักทะเบียนอำเภอ สำนักทะเบียนท้องถิ่นเขต สำนักทะเบียนท้องถิ่น และจุดบริการอำเภอยิ้มในเขตพื้นที่ ได้เปิดให้บริการด้านทะเบียนและบัตรประจำตัวประชาชน ระหว่างวันที่ 28 ก.ค. - 2 ส.ค.ตั้งแต่เวลา 08.30 - 16.30 น. โดยสำนักบริหารการทะเบียน กรมการปกครองในฐานะสำนักทะเบียนกลาง ได้เปิดระบบปฏิบัติการให้บริการประชาชนทางด้านทะเบียนและบัตรประจำตัวประชาชน ในช่วงวันและเวลาดังกล่าว เพื่อให้การบริการด้านทะเบียนและบัตรประจำตัวประชาชน เป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ สามารถอำนวยความสะดวกและตอบสนองความต้องการของพี่น้องประชาชนในการติดต่อขอรับบริการด้านทะเบียนและบัตรประจำตัวประชาชนในช่วงวันหยุดราชการต่อเนื่อง

พร้อมทั้งขอให้ประชาสัมพันธ์สร้างการรับรู้ให้พี่น้องประชาชนได้รับรู้รับทราบในทุกช่องทางสื่อสารของจังหวัดและอำเภอ

กองสลากฯ ยืนยัน กำหนดออกรางวัลงวดนี้  31 ก.ค.66 ตามกำหนดเดิม แม้ติดวันหยุดทำการ

(26 ก.ค.) ทางสำนักงานสลากกินแบ่งรัฐบาล ได้ประกาศหยุดทำการในวันจันทร์ที่ 31 ก.ค. 66 เนื่องจากเป็นวันหยุดราชการพิเศษ ตามมติ ครม.

ก่อนหน้านี้ คณะกรรมการสลากกินแบ่งรัฐบาล ได้มีมติเห็นชอบให้เลื่อนวันออกสลากกินแบ่งรัฐบาล งวดวันที่ 1 ส.ค.66 เป็นวันที่ 31 ก.ค.66 เพราะวันที่ 1 ส.ค.66 ตรงกับวันอาสาฬหบูชา และวันที่ 2 ส.ค.66 ตรงกับวันเข้าพรรษา ซึ่งเป็นวันสำคัญทางพุทธศาสนา และเป็นวันหยุดราชการประจำปี 2566

ล่าสุด ทางสำนักงานสลากกินแบ่งรัฐบาล ยังคงประชาสัมพันธ์การออกรางวัลสลากกินแบ่งรัฐบาล งวดประจำวันที่ 31 ก.ค.66 ตามปกติ แม้สำนักงานสลากกินแบ่งรัฐบาลประกาศหยุดทำการ แต่หวยงวดนี้ก็ยังคงออกวันเดิม

WHO ชื่นชม ‘รัฐบาลไทย’ ป้องกันเด็กจมน้ำต่อเนื่อง ส่งเสริม ‘เด็ก-ปชช.’ มีทักษะเอาชีวิตรอดจากการจมน้ำ

(26 ก.ค. 66) น.ส.รัชดา ธนาดิเรก รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า องค์การอนามัยโลก (WHO) ชื่นชมมาตรการ ‘ผู้ก่อการดี’ ป้องกันการจมน้ำของไทย ภายใต้แนวคิด ‘Do one thing - Improve one thing - Add one thing’ หรือ ‘เริ่มทำ - ทำต่อ - ต่อขยาย...คนไทยไม่จมน้ำ’ ช่วยลดอัตราการจมน้ำของเด็กไทยได้ถึง 33.5% ระหว่างปี พ.ศ. 2557-2563

โดยรัฐบาล ภายใต้การนำของพลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ให้ความสำคัญและมีนโยบายเกี่ยวกับเด็กโดยเฉพาะการให้เด็กไทยว่ายน้ำเป็น สามารถลอยตัวในน้ำหรือรอให้คนมาช่วยได้ การออกกำลังกาย และการเรียนสองภาษา โดยยังได้ตั้งเป้าลดการเสียชีวิตจากการจมน้ำของเด็กอายุต่ำกว่า 15 ปี เหลือ 2.5 คนต่อประชากรเด็กแสนคนภายในปี พ.ศ. 2570

รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า การจมน้ำเป็นสาเหตุการเสียชีวิตอันดับต้น ๆ ของเด็กไทยกลุ่มอายุต่ำกว่า 15 ปี โดยในทุกปีมีคนไทยจมน้ำกว่า 1,500 คน ด้วยเหตุนี้ กระทรวงสาธารณสุขจึงดำเนินการอย่างเด็ดขาดและครอบคลุม โดยได้ริเริ่มกระบวนการดำเนินการป้องกันการจมน้ำภายใต้ชื่อ ‘ผู้ก่อการดี (Merit Maker)’ ซึ่งตั้งแต่เริ่มในปี พ.ศ. 2558 ผู้ก่อการดีได้ผ่านการพัฒนา และปรับปรุงอย่างต่อเนื่องเพื่อปรับให้เข้ากับบริบทและสถานการณ์ที่เปลี่ยนแปลงไป เน้นการมีส่วนร่วมของชุมชน และใช้ประโยชน์จากทรัพยากรในท้องถิ่น เพื่อให้เกิดประสิทธิภาพสูงสุด

รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ได้กล่าวว่า WHO ยังได้ชื่นชมประเทศไทยที่แสดงให้เห็นว่าสามารถดำเนินการป้องกันการจมน้ำในระดับชาติได้ และไทยยังได้เน้นย้ำถึงความสำคัญของความร่วมมือจากหลายภาคส่วนในการป้องกันในวงกว้าง อย่างยั่งยืน ทั้งนี้ โครงการของรัฐบาลเพื่อป้องกันการจมน้ำได้รับความร่วมมือจากหน่วยงานภาครัฐหลายหน่วยงานในการจัดทำระบบและเครือข่ายการป้องกันการจมน้ำในระดับประเทศอย่างครอบคลุม ทำให้ในช่วงระยะเวลา 6 ปี (ปี 2558-2564) เกิดทีมผู้ก่อการดี 4,931 ทีม ครอบคลุม 746 อำเภอใน 76 จังหวัด ส่งผลให้แหล่งน้ำเสี่ยงในชุมชน 25,885 แห่ง ได้รับการจัดการให้เกิดความปลอดภัย เกิดแหล่งเรียนรู้การเรียนการสอนว่ายน้ำเพื่อเอาชีวิตรอด 746 อำเภอ และเกิดครูสอนว่ายน้ำเพื่อเอาชีวิตรอด 38,816 คน

นอกจากนี้ ประชาชนในพื้นที่ยังได้รับประโยชน์โดยตรง ได้แก่ เด็ก 998,587 คน ได้เรียนว่ายน้ำ ซึ่งเป็นทักษะที่จำเป็นในการเอาชีวิตรอด เมื่อตกลงไปในน้ำ ประชาชนและเด็ก 74,886 คน ได้รับการฝึกทักษะการช่วยฟื้นคืนชีพ (CPR) ซึ่งมีประโยชน์ต่อการช่วยคนที่หัวใจหยุดเต้น ทั้งจากการจมน้ำและจากสาเหตุอื่น ๆ

“การดำเนินการจะเกิดประสิทธิภาพและประสิทธิผลต้องเกิดจากความตระหนักรู้ และความร่วมมือของทุกฝ่ายที่ช่วยกันสร้างเกราะป้องกัน สร้างทักษะให้ประชาชนสามารถเอาตัวรอดได้ โดยรัฐบาลได้ร่วมกับทุกภาคส่วนสร้างการรับรู้ให้คนไทยทุกคนตระหนักถึงความสำคัญของการป้องกันการจมน้ำ รวมถึงส่งเสริมให้เด็กและประชาชนทั่วไปมีทักษะความปลอดภัยทางน้ำ โดยดำเนินมาตรการให้ครอบคลุมทุกปัจจัยเสี่ยง เน้นการมีส่วนร่วมของชุมชน และใช้ประโยชน์จากทรัพยากรในท้องถิ่นให้เกิดการดำเนินการที่มีประสิทธิภาพให้มากที่สุด” น.ส.รัชดากล่าว

‘ยายวัย 88 ปี’ ตัดไม้เผาถ่านขายทุกวัน เพื่อมาเลี้ยงดูลูกชายที่ป่วย เพื่อนบ้านเร่งช่วยเหลือ หลังเห็นสภาพบ้านทรุดโทรม-หลังคาผุพัง

(27 ก.ค. 66) น.ส.อารมณ์ อิ่มสำราญ อสม.ตำบลพักทัน ได้ส่งเรื่องคุณยายวัย 88 ปี มีอาการหลงลืม หูตึงอย่างหนัก แต่สุขภาพยังแข็งแรง ออกจากบ้านทุกวันเพื่อไปหาไม้มาเผาถ่านทำฟืนไว้ใช้ทำกับข้าวในบ้าน หรือถ้าถ่านเหลือมากก็มีคนมาช่วยซื้อ เลี้ยงดูลูกชายอายุ 55 ปี ซึ่งป่วยมีโรครุมเร้าหลายโรค โดยบ้านของยายมีสภาพที่ทรุดโทรม หลังคาสังกะสีมีรอยรั่วเป็นจำนวนมาก อยากหาคนมาช่วยเปลี่ยนหลังคา ซ่อมแซมบ้านให้ยาย

ผู้สื่อข่าวจึงลงพื้นที่ไปยังบ้านเลขที่ 66 หมู่ที่ 2 ต.พักทัน อ.บางระจัน จ.สิงห์บุรี พบบ้านปูนชั้นเดียวมีสภาพที่ทรุดโทรมมาก แต่ไม่เจอยาย พบลูกชายของยายทราบชื่อ นายดาวเรือง รุ่งกำจัด อายุ 55 ปี ทราบว่าเป็นคนป่วยหลายโรค เพิ่งออกจากโรงพยาบาลกลับมาพักฟื้นที่บ้านเมื่อไม่นาน บอกว่าแม่ไม่อยู่ออกไปหาฟืนข้างนอก

ผู้สื่อข่าวจึงออกไปตามหากับ น.ส.อารมณ์ อสม.ตำบลพักทัน พบยายทราบชื่อคือ ยายกี รุ่งกำจัด อายุ 88 ปี กำลังเลื่อยไม้จากต้นไม้ที่หักล้มอยู่ริมคลอง เลยช่วยกันตะโกนให้ยายขึ้นมา ยายกีจึงเก็บของโยนเลื่อย เสียม และของใช้ส่วนตัวในถุงผ้าขึ้นมาบนฝั่งและปีนตามขึ้นมา สภาพคนแก่วัย 88 ปี หลังค่อม ที่ควรพักผ่อนอยู่บ้าน มีลูกหลานคอยดูแล แต่ยายกี กลับต้องมาหาฟืนท่ามกลางแดดร้อนๆ ทำให้คนที่เห็นรู้สึกหดหู่และสงสารยายกียิ่งนัก

โดยพูดคุยกับยายกี ไม่ค่อยรู้เรื่องนักเนื่องจากแกหูตึงมาก เวลาพูดต้องคอยตะโกน มีอาการหลงลืมเรื่องอายุตัวเองบอกว่า ตัวเองอายุ 92 ปีแล้ว แต่หลังจากดูบัตรประชาชนของยายกี จึงทราบว่า ยายกี อายุ 88 ปี จึงพากลับมาคุยกันที่บ้าน

นายอนันต์ เพชรักษ์ อายุ 58 ปี เพื่อนบ้านใกล้เคียงเล่าว่า ก่อนหน้านั้นตนไปทำงานที่อื่น หลังจากที่กลับมาอยู่บ้านได้ 2 เดือน เห็นสภาพ ยายกี กับครอบครัว ก็มีความสงสารจึงให้ความช่วยเหลือโดยช่วงเย็นจะให้เด็กๆ มาช่วยขนฟืนที่ยายกีเลื่อยไว้เอาไปส่งให้ที่บ้าน และคอยดูแลเรื่องอาหารการกิน ซึ่งก่อนหน้านั้นทราบว่า ยายกี ในชีวิตประจำวันตั้งแต่เช้า หลังจากกินข้าวเช้าและทำอาหารไว้ให้ลูกชาย ก็จะออกมาหาฟืน กลับเข้าบ้านตอนบ่ายเพื่อกินข้าว และออกมาหาฟืนจนเย็นจึงจะกลับบ้าน

มือนึงจะถือไม้เท้า อีกมือนึงจะเข็นรถลากเพื่อไว้ขนฟืนเดินลากกลับบ้าน แต่ตอนนี้สภาพรถลากนั้นพังหมดแล้ว จึงต้องให้เด็กๆมาช่วยยายกี ขนฟืนไปส่งที่บ้านแทน ยายกีเป็นคนดี ไม่ค่อยขอความช่วยเหลือจากใคร ใครช่วยเหลือไม่ว่าเด็กหรือผู้ใหญ่ ยายก็จะยกมือไหว้ให้พรยืดยาวทุกคน ชาวบ้านแถวนั้นเลยรักยายกีกันทั้งหมด

นายธิติพล มานพ ผู้ใหญ่บ้านหมู่ที่ 2 ตำบลพักทัน เล่าว่า ยายกี มีลูกชาย 4 คน คนโตแยกย้ายไปอยู่จังหวัดอื่น อีก 2 คน ต้องโทษอยู่ที่เรือนจำเกี่ยวกับยาเสพติด และนายดาวเรืองที่เป็นคนป่วย ยายกี มีเงินยังชีพด้วยเงินผู้พิการเดือนละ 800 รวมกับเบี้ยคนชราอีก 900 บาท รายได้อื่นไม่มี แต่เนื่องจากลูกชายที่ติดยาก่อนที่จะต้องโทษนั้น จะชอบลักเงินยายกีอยู่เสมอ และไม่เคยช่วยเหลืองานยายกีเลย หรือบางทีก็มีขโมยที่ติดยาแถวนั้น ชอบมางัดบ้านเพื่อที่จะขโมยข้าวสาร อาหารแห้ง

ทาง อบต.พักทัน จึงตั้งคณะกรรมการคอยดูแลเรื่องเงินและการกินอยู่ของยายกี โดยมาดูยายกีสม่ำเสมอ เครื่องใช้ไฟฟ้าของยายกีมีเพียงพัดลม 1 ตัว และมีมุ้งเก่าๆ ที่ไว้กันยุงเวลานอน

ด้านเลขาของ นายสายชล ฉิมพาลี นายก อบต.พักทัน เล่าว่า ทาง อบต.พักทัน ได้คอยดูแลยายกี เรื่องอาหารการกินมาตลอด อีกทั้งเรื่องเงินของยายกีที่เก็บไว้ให้ก็สามารถมาเบิกได้ตลอด และมีคณะกรรมการคอยตรวจสอบดูแล ทางนายกฯ ได้นำหลังคากระเบื้องมาให้เพื่อซ่อมแซมหลังคาที่รั่วอยู่ และมีเงินสำหรับซ่อมแซมเพียง 5,000 บาท ซึ่งยังไม่เพียงพอกับการซ่อมแซม จึงฝากช่วยบอกบุญผู้ที่ใจบุญต้องการช่วยเหลือ ยายกี ในการซ่อมแซมหลังคาบ้าน ปีนี้ยังโชคดีที่ฝนตกไม่หนักมาก แต่ถ้าปีไหนฝนตกหนัก ยายกีจะลำบากมากๆ

สำหรับผู้ที่ต้องการช่วยเหลือยายกี สามารถประสานกับทาง องค์การบริหารส่วนตำบลพักทัน อ.บางระจัน จ.สิงห์บุรี เบอร์โทรของนายก สายชล คือ เบอร์โทร. 088 235 6414 หรือเบอร์ของเลขานายกฯ โทร.087 044 9909 หรือเบอร์ น.ส.อารมณ์ อสม.ตำบลพักทัน โทร.098 268 0292

สำหรับเลขที่บัญชีธนาคารของยาย ธนาคารออมสิน เลขที่ 0202 7728 5068  ชื่อบัญชี นางกี รุ่งกำจัด

'อดีตคนไทยในสวิตเซอร์แลนด์' แชร์ความจริงเรื่องภาษี ไม่มีอะไรที่ได้มาฟรีๆ แม้เสียภาษีปีละ 1.2 ล้านบาท

ไม่นานมานี้ นายอัษฎางค์ ยมนาค นักวิชาการอิสระ ได้แชร์คลิปวิดีโอ TikTok บัญชี @user4986690179211 ซึ่งเป็นอดีตคนไทยในประเทศสวิตเซอร์แลนด์ ที่ได้ออกมาพูดเกี่ยวกับเรื่องของ ‘ภาษี’ ขณะที่ตนได้อาศัยอยู่ในสวิตเซอร์แลนด์ เพื่อให้เกิดความเข้าใจอย่างถ่องแท้ถึงรัฐสวัสดิการต่างๆ ที่ล้วนได้มาจากการเสียภาษีในมูลค่าที่สูง และไม่อยากให้คนไทยต้องมาด้อยค่าประเทศของตัวเองเวลาพูดถึงสวัสดิการต่างๆ โดยระบุว่า...

“เคยได้ยินวลี ‘ภาษีกู’ ไหม? วันนี้จะมาเล่าให้ฟัง สำหรับคําว่า ‘ภาษีกู’ ที่สมควรจะพูดจริงๆ สำหรับดิฉันที่ไปอยู่ประเทศสวิตเซอร์แลนด์มา 5 ปีกว่า อยากจะบอกพวกคุณว่า คําว่า ‘ภาษีกู’ เนี่ย ที่เมืองไทยเสียน้อยมาก

“พวกคุณรู้ไหม? ว่าที่ประเทศสวิตเซอร์แลนด์ ดิฉันกับสามีต้องเสียภาษี หากตีเป็นเงินไทย รวมแล้วต้องเสียภาษีปีหนึ่งล้านสอง

“ยิ่งไปกว่านั้น หากดิฉันจะไปจับปลาหลังบ้าน (สวิตเซอร์แลนด์) เพราะหลังบ้านติดน้ำ แต่ดันตกไม่ได้ เพราะมีตํารวจน้ำคอยขับเรือตรวจ สามีดิฉันยังบอกเลยว่า “อย่าทํานะ เขาปรับเธอนะ” แต่ที่เมืองไทยแค่คิดจะทอดแห หว่านแหตรงไหนก็ทําได้เลย ถ้าไม่ใช่พื้นที่ส่วนบุคคล เนี่ย!! สิ่งนี้คือ ภาษีเรา!!

ที่คุณเห็นว่าประเทศเขาเจริญดูสะอาดหูสะอาดตา มันมีราคาที่ต้องจ่ายทั้งนั้นแหละ แต่คุณจะจ่ายไหวกันไหม? อย่างเรื่องขยะ ตอนที่ดิฉันอยู่รัฐซูริก ต้องซื้อถุงขยะเป็นม้วนๆ คุณจะมาใส่ถุงก๊อปแก๊ปไปทิ้งไม่ได้นะ เขาจับคุณได้เลยนะ คุณต้องซื้อถุงที่เขาใช้สําหรับทิ้งขยะ ซึ่งตรงส่วนนี้เราต้องจ่ายเงินนะ แล้วม้วนหนึ่งมันมีราคาที่แพงมาก คุณไหวไหม?

“อ้อ!! แล้วก่อนที่ดิฉันจะย้ายกลับมาอยู่ที่ประเทศไทยในช่วง 2 ปีหลังมานี้ ก็มีบิลมาที่บ้าน เก็บค่าฟังวิทยุของดิฉันกับสามี หัวละ 300 ฟรังก์สวิสฯ หากตีเป็นเงินไทยก็ประมาณหมื่นกว่าบาท หรือคิดเป็นรายวัน จะตกวันละ 30 กว่าบาท ซึ่งดิฉันได้โทรไปถามว่า ดิฉันไม่ได้ฟังวิทยุนะ แต่เขาดันตอบว่าวิทยุมันก็มีอยู่ในรถของคุณ อ้าว!! ดิฉันจึงถามเขากลับไปว่า ถ้าดิฉันฟังไม่รู้เรื่อง ทําไมดิฉันต้องจ่าย? เขาจึงถามกลับมาว่า “เธอใช้อินเตอร์เน็ตไหม?” ดิฉันจึงตอบกลับว่า “ใช้ ซึ่งดิฉันก็จ่ายรายเดือนแยกต่างหากอยู่แล้ว” เขาเลยบอกว่า “อ๋อ… เพราะเธอได้รับข่าวสารจากตรงนี้ด้วย เลยต้องจ่าย” เมื่อถามว่าแล้วถ้าดิฉันไม่จ่ายล่ะ เขาตอบกลับมาว่า “ก็จะมีบิลเรียกเก็บเงินมาอีก และมันก็จะเพิ่มจํานวนเงินขึ้นไปอีกเรื่อยๆ และหากยังไม่จ่ายอีกก็จะเจอหมายเรียก”

“นี่คือ ภาษีที่ดิฉันต้องจ่าย ทุกอย่างที่คุณเห็นว่าสวยงาม มันมีราคาที่ต้องจ่ายหมดทุกอย่าง ดังนั้น ดิฉันไม่อยากให้คนไทยต้องด้อยค่าประเทศตัวเองให้มันมากนัก ดิฉันบอกเลยว่าที่ดิฉันไปอยู่มันก็เจริญจริงๆ แต่เขาก็เก็บเงินกับทุกอย่างเลยเหมือนกัน”

หลังจากที่คนไทยคนดังกล่าวได้เล่าประสบการณ์เกี่ยวกับภาษีเสร็จ ก็ได้มีชาวเน็ตเข้ามาแสดงความคิดเห็นพร้อมกับตั้งคำถามว่า “ต้องเสียภาษีเยอะๆ ถึงจะมีสิทธิ์พูด ‘ภาษีกู’ ได้งั้นเหรอ? จะเสียบาทสองบาท มันก็ภาษีเราทั้งนั้นแหละ” เจ้าของคลิปคนไทยจึงได้ตอบกลับคอมเมนต์นั้นว่า…

“คุณพูดเหมือนกับว่า คุณไม่เคยได้อะไรจากประเทศนี้เลย (ไทย) คุณคิดว่าที่โรงพยาบาล ค่าใช้จ่ายในการจ้างหมอ จ้างพยาบาล หรือแม้แต่ค่ายา คุณคิดว่าเขามาทํางานให้ฟรีเหรอ? อย่างถนนหนทางที่เขามาทําเป็นถนนลาดยาง หรือตอนที่คุณซื้อรถ คุณก็เสียภาษีนะ คุณเสียภาษีรายปี ใช่ นั่นคือภาษีของคุณ แต่คุณก็ไม่ได้ใช้ทางเดินควายขับรถนี่… 

“รัฐบาลก็เหมือนนักธุรกิจที่ต้องหาเงิน อันนี้ที่ดิฉันเปรียบเทียบให้ฟัง ดิฉันพูดถึงเมืองนอก ว่าระบบกลไกของรัฐบาลเขาเป็นอย่างไร ทำไมเขาถึงมีเงินมาให้ประชาชนในประเทศเขาใช้ตอนเกษียณ เพราะเขาหักคุณไปเท่าไหร่ อันนั้นก็ต้องจ่าย อันนี้ก็ต้องจ่าย ซึ่งตรงนี้ดิฉันเปรียบเทียบให้ฟัง แต่ถ้าฟังแล้วมันไม่เข้าหู ดิฉันก็ต้องขอโทษด้วย”

ต่อมาได้มีชาวเน็ตเข้ามาแสดงความคิดเห็นอีกเป็นจำนวนมาก โดยระบุว่า “ผิดประเด็นแล้ว ภาษีที่เขาว่า คือภาษีที่เสียไปกับ…ทั้งทางตรงและทางอ้อม” เจ้าของคลิปจึงได้ตอบกลับคอมเมนต์นั้นว่า…

“คุณไปดูกราฟอะไรมา คุณเสียภาษีเท่าไหร่? ขอถามหน่อย แล้วสิ่งที่คุณได้ไป มันไม่คุ้มเหรอ? แล้วคุณเสียภาษีปีหนึ่งเท่าไหร่? อย่างถ้าคุณเป็นเกษตรกร ภาษีมันก็ไม่ได้เยอะมากมายขนาดนั้น หรืออย่างชาวนาถ้าไปลงทะเบียนข้าวนาปี รัฐฯ เขาก็ยังช่วย แล้วภาษีที่คุณทํางาน คุณเสียเท่าไหร่? เวลาคุณหรือครอบครัวคุณจะไปรักษาตัว คุณเสียครั้งละเท่าไหร่ คุณจ่ายไปเท่าไหร่? คุณถือแค่บัตรประชาชนที่มีเลข 13 หลัก ที่แสดงตัวตนว่าคุณเป็นคนไทย แล้วคุณได้รับการรักษา คุณยังคิดว่ามันไม่ดีพออีกเหรอ? 

“ดิฉันไม่ได้เป็นคนคลั่ง แต่อยากให้ลองพิจารณาตัวเองว่า ทุกวันนี้คุณเสียภาษีไปเท่าไหร่ แล้วได้กลับคืนมาเท่าไหร่” เจ้าของคลิปกล่าวทิ้งท้าย

‘ยิ่งลักษณ์’ อวยพร ‘ทักษิณ’ อายุครบ 74 ปี  ขอให้มีความสุข สมหวัง สุขภาพแข็งแรง 

(26 ก.ค. 66) น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊ก ‘Yingluck Shinawatra’ ระบุว่า…

วันนี้เป็นวันเกิดครบรอบ 74 ปี และเป็นปีที่พิเศษของพี่ น้องขอให้พี่มีแต่ความสุข สมหวัง ประสบความโชคดีตามที่พี่ปรารถนา น้องหวังว่าพี่จะมีความสุขในชีวิต และประสบความสำเร็จ ขออาราธนาคุณพระศรีรัตนตรัยและสิ่งศักดิ์สิทธิ์จงคุ้มครองให้พี่มีสุขภาพที่สมบูรณ์แข็งแรง และมีโอกาสได้อยู่พร้อมหน้าพร้อมตากับครอบครัวตามที่พี่รอคอยมานาน และอยู่กับลูกหลานที่พี่คิดถึง

น.ส.ยิ่งลักษณ์ ระบุว่า เวลาที่พวกเราเฝ้ารอคอยมาถึงแล้วค่ะ น้องรักพี่และขอบอกว่า ขอบคุณสำหรับทุกอย่างที่พี่ดูแลน้อง ตั้งแต่น้องจากประเทศไทยมา ถ้าน้องไม่มีพี่ น้องคงไม่สามารถที่จะยืนหยัดได้อย่างเข้มแข็งแบบนี้ พี่ยังคงเป็นพี่ชายสุดที่รัก เป็นพี่ที่น้องเคารพ และเป็นบุคคลต้นแบบของน้องตลอดไปนะคะ อยากจะบอกว่าน้อง รักพี่ที่สุดค่ะ สุขสันต์วันเกิดค่ะพี่ Thaksin Shinawatra

'บิ๊กป้อม' ถก 'กก.กกท.' เคาะเปลี่ยนชื่อกีฬาว่ายน้ำให้เข้ากับสากล พร้อมกำชับความพร้อมขั้นสุด หลังไทยเจ้าภาพ 2 กีฬาใหญ่ปี 67

(26 ก.ค. 66) ที่มูลนิธิป่ารอยต่อฯ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี เป็นประธานการประชุมคณะกรรมการการกีฬาแห่งประเทศไทย ครั้งที่ 7/66

ที่ประชุมเห็นชอบ เปลี่ยนชื่อชนิดกีฬา จากว่ายน้ำ (Swimming) เป็นกีฬาทางน้ำ (Aquatics) ตามที่สหพันธ์กีฬาทางน้ำนานาชาติ ได้เปลี่ยนชื่อให้ครอบคลุม 6 ประเภทกีฬา คือ ว่ายน้ำ, โปโลน้ำ, กระโดดน้ำ, ระบำใต้น้ำ, ว่ายน้ำมาราธอน และกระโดดหน้าผา และเห็นชอบการจัดสรรงบประมาณรายจ่ายประจำปี 66 งบกลาง อุดหนุนสมาคมกีฬาแห่งประเทศไทย จำนวน 88 สมาคม เป็นเงิน 60 ล้านบาท และ สมาคมกีฬาจังหวัด ปี 66 จำนวน 77 สมาคม เป็นเงิน 40 ล้านบาท

นอกจากนั้นรับทราบ มติที่ประชุมสมัชชาสภาโอลิมปิกแห่งเอเชีย เห็นชอบให้ประเทศไทย เลื่อนการแข่งขันกีฬาเอเชียอินดอร์และมาเชี่ยนอาร์ทเกมส์ ครั้งที่ 6 ปี 64 จากเดิม 17-26 พ.ย.66 เป็น 24 ก.พ. - 6 มี.ค.67

พล.อ.ประวิตร กล่าวว่า ขอให้การกีฬาแห่งประเทศไทย (กกท.) วางแผนการดำเนินงาน เพื่อเตรียมความพร้อมในการจัดการแข่งขันกีฬา เอเชียนอินดอร์เกมส์ และมาเชี่ยล อาร์ทเกมส์ ครั้งที่ 6 โดยเก็บบทเรียนการแข่งขันกีฬารายการใหญ่ที่ผ่านมา เพื่อให้การเป็นเจ้าภาพการแข่งขันดังกล่าว มีความสมบูรณ์และได้รับการยอมรับจากนานาชาติด้วยดี

‘เสธ.ต๊อด-เสธ.เบิร์ด’ ร่วมถกปม ‘ม.112-ทรัพย์สินพระมหากษัตริย์’ ชี้!! ต้องคุยกันด้วยความเข้าใจ ไม่ใช่หยิบยกเรื่องใดเรื่องหนึ่งมาตี

‘เสธ.ต๊อด-เสธ.เบิร์ด’ ร่วมถกประเด็นร้อน ม.112 ทรัพย์สินพระมหากษัตริย์ และพระราชจริยวัตร ‘ในหลวง’  ในโครงการสัมนาครูเพชรในตม ความร่วมมือกอ.รมน.-สพฐ.-อาชีวะศึกษา

(26 ก.ค.66) พล.ต.วินธัย สุวารี โฆษกกองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในราชอาณาจักร (กอ.รมน.) พร้อมด้วย พล.ต.วันชนะ สวัสดี รองโฆษกกระทรวงกลาโหม ร่วมโครงการสัมนาครูเพชรในตม ที่จันทบุรี ระหว่างวันที่ 25-26 ก.ค. 66 เป็นผลจากความร่วมมือด้านประวัติศาสตร์ ระหว่าง กอรมน. สพฐ. และอาชีวะศึกษา

พร้อมร่วมพบปะพูดคุย ความจริงทางประวัติศาสตร์ และความจริงเรื่องสถาบันพระมหากษัตริย์ที่ถูกบิดเบือน รู้เท่าทันความวุ่นวายในสังคมเกิดจากการปั่นสังคมให้วุ่นวายด้วยการสร้างหรืออุปโลกตัวละครขึ้นมาให้น่ากลัวให้เป็นจำเลยในสังคม พร้อมชี้นำว่าอยู่เบื้องหลังความวุ่นวายต่างๆ 

หลักการเหล่านี้ใช้มาตั้งแต่อดีตไม่เคยเปลี่ยน สิ่งที่เปลี่ยนคือเครื่องมือที่ใช้สนับสนุน และสถาบันก็ตกเป็นจำเลยในสังคมอยู่เสมอ สิ่งสำคัญในวันนี้ที่แม่พิมพ์ของชาติต้องสร้างเยาวชน คือ การให้ความรู้ที่ถูกต้องเพื่อสร้างนักเรียนให้มีทัศนะคติที่ดีต่อสังคมและประเทศชาติ ตามคุณลักษณะของเด็กที่มีความพร้อมในศตวรรษที่ 21

ทั้งนี้การพูดคุยพบปะ ยังมีการตอบคำถามที่ค้างคาใจ เช่น กฏหมายมาตรา112 เรื่องทรัพย์สินพระมหากษัตริย์ เรื่องพระราชจริยวัตรของในหลวง

โดยสรุปช่วงท้ายว่า เราจะเข้าในสถานะและความแตกต่างของคนได้ด้วยความเข้าใจ ความเท่าเทียมและความเสมอภาคควบคู่กัน ไม่ใช่หยิบยกเรื่องใดเรื่องหนึ่งเท่านั้น

สำหรับโครงการนี้จัดขึ้น 5 ครั้งในทั่วประเทศ คือ กาญจนบุรี, จันทบุรี, ขอนแก่น, สงขลา, พิษณุโลก ซึ่งดำเนินการไปแล้ว 2จังหวัด

ผบ.ตร. นำชาวชัยภูมิ กว่า 1 พันคน พร้อมกำลังพลจิตอาสาร่วมปลูกป่าเฉลิมพระเกียรติ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว

วันนี้ (26 กรกฎาคม 2566) เวลา 09.00 น. ที่สวนป่าสาธารณะ บ้านตาดพัฒนา หมู่ที่ 13 ตำบลตลาดแร้ง อำเภอบ้านเขว้า จังหวัดชัยภูมิ พลตำรวจเอก ดำรงศักดิ์ กิตติประภัสร์ ผบ.ตร. พร้อมด้วย พลตำรวจเอก ต่อศักดิ์ สุขวิมล รอง ผบ.ตร. , นายโสภณ สุวรรณรัตน์ ผู้ว่าราชการจังหวัดชัยภูมิ , พล.ต.ท.สมประสงค์ เย็นท้วม ผบช.ภ.3 พล.ต.ท.นัยวัฒน์ ผะเดิมชิต ผบช.สยศ.ตร. , ศูนย์จิตอาสาพระราชทานจังหวัดชัยภูมิ , ตำรวจภูธรภาค 3 , จังหวัดชัยภูมิ , ฝ่ายปกครอง , ตำรวจภูธรจังหวัดชัยภูมิ นักเรียน นักศึกษา สถาบันการศึกษา โรงเรียนในจังหวัดชัยภูมิ และประชาชนจิตอาสา กว่า 1,000 คน

โดยทั้งหมด ร่วมกันปลูกป่าเฉลิมพระเกียรติ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เนื่องในโอกาสวันเฉลิมพระชนมพรรษา ครบรอบ 71 พรรษา วันที่ 28 กรกฎาคม 2566 ซึ่งพันธุ์กล้าไม้จำนวน 6,000 ต้น ได้รับการสนับสนุนจาก ศูนย์เพาะชำกล้าไม้ จังหวัดนครราชสีมา โดยมีการเพาะเห็ดป่าไมคอร์ไรซากินได้ ประเภท เห็ดเผาะ เห็ดระโงก ที่โคนต้นไม้ทุกต้นด้วย 

สำหรับกิจกรรมดังกล่าว เป็นการแสดงออกถึงความจงรักภักดี ที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติสำนึกในพระมหากรุณาธิคุณอันหาที่สุดมิได้ ที่พระองค์ท่านทรงประกอบพระราชกรณียกิจนานัปการ เป็นที่รักและเทิดทูนยิ่งของปวงชนชาวไทย จึงจัดกิจกรรมดังกล่าวขึ้น ด้วยการนำกำลังพลจิตอาสาจากทุกภาคส่วนทั้งภาครัฐ ภาคเอกชน ท้องถิ่น สถานศึกษา ประชาชน  เป็นความร่วมมือร่วมใจกันของชาวจังหวัดชัยภูมิ ด้วยแนวคิดคำว่า “บวร” บ้าน วัด โรงเรียน 

โดยการปลูกป่าชัยภูมิ เพื่อหวงแหนรักษาป่า ทำให้ผืนป่าเฉลิมพระเกียรติแห่งนี้ เป็นผืนป่าอุดมสมบูรณ์ สร้างความชุ่มชื้น สร้างระบบนิเวศน์ ให้ชุมชนอยู่กับป่าได้อย่างเกื้อกูล และมีรายได้งอกเงยเลี้ยงครอบครอบครัว ส่งเสริมให้เกษตรกรปลูกไม้มีค่า เพื่อสร้างแหล่งอาหาร สร้างรายได้ให้ชุมชน และพัฒนาเศรษฐกิจชุมชน อย่างยั่งยืนต่อไป

ห้ามพลาด!! ‘สวนนงนุชพัทยา’ จัดประกวด ‘ถ่ายภาพสวนสวย’ ชิงเงินรางวัลเกือบ 1 ล้านบาท ตั้งแต่วันที่ 20 ก.ค. - 10 ต.ค.นี้

(26 ก.ค. 66) สวนนงนุชพัทยา จ.ชลบุรี จัดแถลงข่าวการจัดกิจกรรมการประกวดภาพถ่ายสวนสวย ครั้งที่ 2 ในหัวข้อ “ว้าวสวนนงนุชพัทยา” บันทึกภาพมุมสวย ๆ ร่วมประกวดชิงเงินรางวัลเกือบ 1 ล้านบาท ระหว่างวันที่ 20 กรกฎาคม ถึง 10 ตุลาคม 2566

นายกัมพล ตันสัจจา ประธานสวนนงนุชพัทยา กล่าวว่า การกลับมาอีกครั้งกับกิจกรรมประกวดถ่ายภาพ ณ สวนนงนุชพัทยา สวนสวยที่ได้รับการยกย่องให้เป็น 1 ใน 10 สวนสวยที่สุดในโลก สำหรับกิจกรรมประกวดภาพถ่ายประจำปี 2566 นี้ ภายใต้หัวข้อ "ว้าว สวนนงนุชพัทยา 1 ใน 10 สวนสวยที่สุดในโลก" โดยได้แบ่งหัวข้อออกเป็น 3 หัวข้อ ได้แก่

1.ภาพถ่ายจากกล้องถ่ายภาพทั่วไปรวมถึงอุปกรณ์โทรศัพท์มือถือ
2.ภาพถ่ายทางอากาศด้วยอุปกรณ์โดรน
3.Nongnooch’s AI-Based Image โดยมีการจัดประกวดครั้งแรกอย่างเป็นทางการ และให้มีการใช้ภาพถ่ายจริงที่เกิดขึ้นที่สวนนงนุชพัทยา ควบคู่ไปกับการใช้เทคโนโลยี AI ที่ป้อนคำสั่งทั้งจาก Keywords ต่าง ๆ

การแถลงข่าวในครั้งนี้ได้จัดขึ้น ณ ห้องแคลทรียา ซึ่งเป็นห้องสำหรับจัดเลี้ยงใหม่ล่าสุดของสวนนงนุชพัทยาเลยถือฤกษ์เปิดใช้บริการเป็นครั้งแรก ภายในห้องมีสิ่งอำนวยความสะดวก เช่น เวทีขนาดใหญ่สำหรับการแสดงจอ LED ระบบแสง สี เสียงที่ทันสมัย และประดับตกแต่งด้วยโคมไฟแชนเดอเลียร์สุดอลังการ สำหรับงานจัดเลี้ยงมีการสร้างห้องครัวพร้อมอุปกรณ์ใหม่ทั้งหมด รองรับลูกค้าได้มากกว่า 650 คน

สำหรับกิจกรรมนี้ได้รับเสียงตอบรับเป็นอย่างดีจากช่างภาพมืออาชีพ มือสมัครเล่น นักศึกษา และนักท่องเที่ยวทั่วไปที่ได้เดินทางเข้ามาเยือนสวนนงนุชพัทยาแห่งนี้ และสร้างผลงานภาพถ่ายอันสวยงามเอาไว้เมื่อ พ.ศ. 2563 ระยะเวลา 3 ปีที่ผ่านมา สวนนงนุชพัทยาได้พัฒนาสร้างสรรค์สวนสวยมากกว่า 50 สวนรอผู้ที่สนใจส่งผลงานเข้าประกวด ดูรายละเอียดและวิธีสมัครได้ที่ www.nongnoochpattaya.com/th


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top