Thursday, 15 May 2025
NEWS

พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ฯ เปิดปฏิบัติการสั่งรวบหัวหน้าแกงค์ Outlaws พัทยา และ ดำเนินการทางกฏหมายกับสมาชิกที่มีความเกี่ยวข้องรายอื่นๆ

​จากกรณีเมื่อวันที่ 4 ก.ค.66 ที่ผ่านมา นายฮานส์ ปีเตอร์ มัค อายุ 62 ปี นักธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ชาวเยอรมันได้หายตัวไป ก่อนจะพบถูกฆ่าหั่นศพ ในพื้นที่ สภ.หนองปรือ ภ.จว.ชลบุรี ซึ่งเป็นคดีอุกฉกรรจ์สะเทือนขวัญซึ่งประชาชนและสื่อมวลชนให้ความสนใจเป็นอย่างมาก ต่อมาเจ้าหน้าที่ตำรวจสามารถจับกุมตัวผู้ต้องหาที่ก่อเหตุในคดีดังกล่าวได้จำนวน 4 ราย หนึ่งในนั้นคือ นายโอลาฟ ชาวเยอรมัน ซึ่งเป็นสมาชิกของกลุ่ม OUTLAWS พัทยาอีกด้วย ตามที่นำเสนอไปแล้วนั้น

กรณีดังกล่าว พล.ต.อ.ดำรงศักดิ์ กิตติประภัสร์ ผบ.ตร. ได้สั่งการให้ พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ หักพาล รอง ผบ.ตร. สืบสวนขยายผลเกี่ยวกับกลุ่มดังกล่าวเพิ่มเติม พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ จึงได้สั่งการให้เจ้าหน้าที่ตำรวจ ภ.2 และ ภ.จว.ชลบุรี สืบสวนขยายผลเพิ่มเติม ให้ทราบรายละเอียดเกี่ยวกับกลุ่มดังกล่าว และหากพบมีส่วนเกี่ยวข้องกับการกระทำผิดกฎหมาย ให้ดำเนินการจับกุมดำเนินคดีทันที เพื่อเป็นการสร้างความเชื่อมั่นให้กับประชาชนในพื้นที่ให้ได้รับความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สิน

จากการสืบสวนทราบว่า กลุ่มแก็งค์ดังกล่าว เป็นกลุ่มที่ชื่นชอบการขับรถจักรยานยนต์คันใหญ่ มีการรวมตัวกันจากบุคคลหลากหลายสัญชาติ และจะมีการเช่าสถานที่เพื่อใช้นัดรวมตัวกันทำกิจกรรมต่างๆ ซึ่งมีหลายจุดอยู่ในพื้นที่เมืองพัทยา จ.ชลบุรี ต่อมาเมื่อวันที่ 21 ก.ค.เจ้าหน้าที่ตำรวจสืบสวนตำรวจภูธรภาค 2, กองกำกับการสืบสวน กองบังคับการตรวจคนเข้าเมือง 3, ตรวจคนเข้าเมืองจังหวัดชลบุรี, ตำรวจท่องเที่ยวชลบุรี, สภ.เมืองพัทยา, สภ.หนองปรือ, สภ.นาจอมเทียน และ นปส.พัทยา ได้ร่วมบูรณาการปิดล้อมตรวจค้นจุดต่างๆ ซึ่งมีความเกี่ยวข้องกับกลุ่ม OUTLAWS พัทยา ทั้งหมด 8 จุด ซึ่งมีเป้าหมายสำคัญคือ นาย THOMAS GINNER สัญชาติออสเตรีย โดยมีข้อมูลว่าบุคคลดังกล่าวแสดงตนเป็นหัวหน้ากลุ่ม OUTLAWS พัทยา พักอาศัยอยู่บ้านเลขที่ 55/57 Meadows ม.17 ต.หนองปรือ  อ.บางละมุง จ.ชลบุรี เจ้าหน้าที่ตำรวจได้ตรวจค้นและตรวจยึดสิ่งของภายในบ้านหลังดังกล่าว เช่น รถจักรยานยนต์ ยี่ห้อ HARLEY DAVIDSON และ อุปกรณ์อื่นๆ ซึ่งมีความเกี่ยวโยงกับ OUTLAWS ภายในบ้านหลังดังกล่าว เพื่อนำมาตรวจสอบ ซึ่ง นาย THOMAS GINNER เอง รับว่าเป็นหัวหน้าแกงค์ OUTLAWS พัทยา จริง แต่ได้ถอนตัวแล้วนับแต่เกิดเหตุฆาตกรรม ซึ่งขณะเจ้าหน้าที่ตำรวจเข้าตรวจค้นบ้าน พบว่า นาย THOMAS GINNER เตรียเก็บของทำการย้ายหนี ต่อมาเจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.เมืองพัทยา ได้ตรวจสอบข้อมูลของ นาย  THOMAS GINNER ยังพบอีกว่า มีหมายจับคดีร่วมกันฉ้อโกงประชาชนและนำเข้าข้อมูลในระบบคอมพิวเตอร์อันเป็นเท็จฯ ของ สภ.เมืองพัทยา  จึงได้จับกุมตัว นาย THOMAS GINNER ส่งพนักงานสอบสวน สภ.เมืองพัทยา เพื่อดำเนินคดีตามกฏหมายต่อไป
​ในส่วนของเป้าหมายอื่นๆ ในการปฏิบัติการครั้งนี้ มีผลการปฏิบัติดังนี้

​1.ตรวจค้นบ้านเลขที่ 21/204 หมู่บ้านโชคชัยการ์เด้นโฮม 2 ต.หนองปรือ อ.บางละมุง จ.ชลบุรี ซึ่งเป็นบ้านพักของ  นาย DANNY ROHDE สัญชาติเยอรมัน โดยมีการตรวจยึด รถจักรยานยนต์ ยี่ห้อยามาฮ่า รุ่น Z900 ทะเบียน 1 กญ 6335 กาฬสินธุ์ จำนวน 1 คัน อีกทั้งมีการตรวจสอบหาสารเสพติดในร่างกายซึ่งเบื้องต้นพบสารเสพติดในร่างกายของ นาย DANNY ROHDE โดยจะได้ดำเนินคดีตามกฏหมายต่อไป

​2. ตรวจคนเข้าเมืองจังหวัดชลบุรี และ กองกำกับการสืบสวน กองบังคับการตรวจคนเข้าเมือง 3 ได้เพิกถอนการอนุญาตให้อยู่ในราชอาณาจักรของคนต่างด้าว ตาม พรบ.คนเข้าเมือง พ.ศ.2522  จำนวน 2 ราย ได้แก่ นาย DANIEL THOMAS  TOTH สัญชาติอเมริกัน และ นาย THEODOR MATIS สัญชาติสวิส เนื่องจากไม่ปฏิบัติตามหลักเกณฑ์และเงื่อนไขการอนุญาตให้อยู่ในราชอาณาจักร
​3.เจ้าหน้าที่ตำรวจได้ตรวจยึดรถจักรยานยนต์ มาเพื่อตรวจสอบเพิ่มเติม จำนวนทั้งสิ้น  4 คัน ดังนี้

​- รถจักรยายนต์ยี่ห้อ harley davidson รุ่น V rod muscle  ทะเบียน 2ขง-9776 กรุงเทพมหานคร
​- รถจักรยายนต์ยี่ห้อ  harley davidson รุ่น Roadking ปี09 ทะเบียน บกจ.-111 กรุงเทพมหานคร
​- รถจักรยายนต์ยี่ห้อ harley davidson รุ่น V rod custom ทะเบียน จธฉ-469 ชลบุรี
​- รถจักรยายนต์ยี่ห้อ harley davidson รุ่น Panamerica ทะเบียน 4ขก-7728 กรุงเทพมหานคร

พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ กล่าวว่า จากกรณีเคสฆ่าหั่นศพนักธุรกิจชาวเยอรมัน พบว่ามีการรวมกลุ่มกันของกลุ่มนอกกฎหมายซึ่งมีส่วนเกี่ยวข้องกับการกระทำผิดหลายประเภท เช่น ยาเสพติด การค้ามนุษย์ เป็นต้น เบื้องต้นได้สั่งการให้เจ้าหน้าที่ตำรวจ ภ.2, สตม. และท่องเที่ยว ร่วมกันตรวจสอบกลุ่ม OUTLAWS และกลุ่มแก็งค์อื่นๆ ที่มีความสุ่มเสี่ยงที่จะกระทำผิดในราชอาณาจักร สำหรับกลุ่ม OUTLAWS เบื้องต้นได้มีการจับกุมหัวหน้าแก๊งค์ซึ่งมีหมายจับคดีฉ้อโกงประชาชนของ สภ.เมืองพัทยา รวมทั้งสมาชิกที่มีความเกี่ยวข้องกับยาเสพติด และเพิกถอนวีซ่าของสมาชิกที่พบว่ามีความสุ่มเสี่ยงที่จะกระทำผิด จากนี้จะได้ให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องตรวจตราและสอดส่องกลุ่มเหล่านี้ หากพบการกระทำผิดอื่นใด จะดำเนินคดีจนถึงที่สุด ขอฝากไปยังพี่น้องประชาชนและสื่อมวลชน หากพบการกระทำผิดของกลุ่มเหล่านี้ สามารถแจ้งเบาะแสได้ที่สถานีตำรวจใกล้บ้าน หรือตำรวจท่องเที่ยว 1155 ได้ตลอด 24 ชั่วโมง

DSI แถลงความคืบหน้า 1 เดือนหลังจากรับคดีหุ้น Stark เป็นคดีพิเศษ

ตามที่กรมสอบสวนคดีพิเศษได้รับคดีการทุจริตในบริษัท สตาร์ค คอร์เปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) 
เป็นคดีพิเศษที่ 57/2566 เมื่อวันที่ 20 มิถุนายน 2566 นั้น ในช่วง 1 เดือนที่ผ่านมา กรมสอบสวนคดีพิเศษได้เร่งดำเนินการสอบสวนรวบรวมพยานหลักฐานอย่างต่อเนื่อง ตามที่ได้มีการแจ้งความคืบหน้าผ่านทางสื่อมวลชน และช่องทางการสื่อสารอื่น ๆ ให้ประชาชนและสังคมทราบเป็นระยะแล้วนั้น

ล่าสุด พนักงานสอบสวนคดีพิเศษได้ดำเนินการแจ้งข้อกล่าวหาผู้ต้องหาแล้วจำนวน 2 ราย คือ 
นายศรัทธา จันทรเศรษฐเลิศ และนางสาวยสบวร อำมฤต ส่วน นายวนรัชต์ ตั้งคารวคุณ นั้น พนักงานสอบสวน คดีพิเศษได้ออกหมายเรียกให้ผู้ต้องหามารับทราบข้อกล่าวหาแล้ว แต่ผู้ต้องหาขอเลื่อนนัด อ้างเหตุป่วย โดยมีใบรับรองแพทย์มาแสดงประกอบเหตุขอเลื่อนนัด

สำหรับนายชนินทร์ เย็นสุดใจ นั้น กรมสอบสวนคดีพิเศษได้ติดตามตัวมาเพื่อดำเนินคดี โดยกองกิจการต่างประเทศและคดีอาชญากรรมระหว่างประเทศ ได้ดำเนินการประสานองค์การตำรวจสากล (Interpol) ผ่าน กองการต่างประเทศ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ เพื่อส่งข้อมูลบุคคลตามหมายจับรายนี้ ขอความร่วมมือออกประกาศองค์การตำรวจสากลสีน้ำเงิน (หมายน้ำเงิน) ในสารบบฐาน i24/7 เพื่อความร่วมมือสมาชิกตำรวจสากล จำนวน 149 ประเทศทั่วโลก ในการสืบสวนหาถิ่นที่อยู่ของผู้ต้องหา เพื่อให้กรมสอบสวนคดีพิเศษดำเนินการตามขั้นตอนขอตัวผู้ร้ายข้ามแดนตามกฎหมายต่อไป และได้ขอความร่วมมือกรมการกงสุลให้พิจารณายกเลิกหนังสือเดินทางตามระเบียบกระทรวงการต่างประเทศว่าด้วยการออกหนังสือเดินทาง พ.ศ. 2548

ในส่วนของการดำเนินการเกี่ยวกับทรัพย์สิน พนักงานสอบสวนคดีพิเศษได้มีหนังสือถึงสำนักงานที่ดิน
ขออายัดอสังหาริมทรัพย์ทางทะเบียน ประกอบด้วยที่ดินจำนวน 2 แปลง และบ้านจำนวน 1 หลัง ไว้เพื่อตรวจสอบตามกฎหมายแล้ว

นอกจากนี้ ได้มีการสอบสวนพยานบุคคลซึ่งเป็นพนักงานในบริษัท สตาร์ค คอร์เปอเรชั่น จำกัด (มหาชน), บริษัท เฟ้ลปส์ ดอด์จ อินเตอร์เนชั่นแนล (ไทยแลนด์) จำกัด และบริษัท ไทยเคเบิ้ล อินเตอร์ เนชั่นแนล จำกัด ไว้จำนวนหนึ่งแล้ว อยู่ระหว่างการตรวจสอบธุรกรรมทางการเงินเพิ่มเติม 

ทั้งนี้ อธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษได้มีข้อสั่งการเน้นย้ำให้พนักงานสอบสวนคดีพิเศษเร่งติดตามยึดอายัดทรัพย์สินที่เกี่ยวข้องกับการกระทำความผิด และเร่งสอบสวนรวบรวมพยานหลักฐานเพื่อดำเนินคดีกับผู้กระทำความผิดที่เกี่ยวข้องต่อไป

EA จับมือ กรมการแพทย์ ลุยโปรเจค Green Hospital ต้นแบบ นำยานยนต์ไฟฟ้าขับเคลื่อนขนส่งและบริการทางการแพทย์ ครบวงจร

บมจ.พลังงานบริสุทธิ์ (EA) จรดปากกาเซ็นเอ็มโอยูร่วมกับ “กรมการแพทย์” ลุยโปรเจคพัฒนาโรงพยาบาลตามแนวทาง Green and Clean Hospital ต้นแบบ พร้อมเดินหน้าผลิตไฟฟ้าด้วยพลังงานสะอาด ยกระดับด้วยระบบกักเก็บพลังงานที่มีประสิทธิภาพ พร้อมขับเคลื่อนการขนส่งและบริการทางการแพทย์ ด้วยยานยนต์ไฟฟ้าและสถานนีชาร์จด้วยจุดบริการที่ครอบคลุม กว่า 500 สถานีชาร์จ เล็งขยายสถานีฯ ตอบโจทย์แผนยุทธศาสตร์ EV แห่งชาติ สร้างความยั่งยืน-เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมของประเทศ กรมการแพทย์ กระทรวงสาธารณสุข ร่วมกับ บริษัท พลังงานบริสุทธิ์ จำกัด (มหาชน) (EA) ลงนามบันทึกข้อตกลงความร่วมมือ “โครงการพัฒนาโรงพยาบาลตามแนวทางการดำเนินงาน Green and Clean Hospital ต้นแบบ” โดยมี นายแพทย์ธงชัย กีรติหัตถยากร อธิบดีกรมการแพทย์ กระทรวงสาธารณสุข, นายสมโภชน์ อาหุนัย ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร และนายอมร ทรัพย์ทวีกุล รองประธานเจ้าหน้าที่บริหาร ผู้แทนจาก บริษัท พลังงานบริสุทธิ์ จำกัด (มหาชน) (EA) ร่วมลงนาม

นายแพทย์ธงชัย กีรติหัตถยากร อธิบดีกรมการแพทย์ กล่าวว่า กรมการแพทย์ กระทรวงสาธารณสุข มีโรงพยาบาล/สถาบันในสังกัดให้บริการรักษาโรคที่ยุ่งยากซับซ้อนแก่ประชาชน และมีการมุ่งมั่นพัฒนาการบริการรักษา รวมถึงบริการด้านอื่นๆ จึงมีความประสงค์จะร่วมกับหน่วยงานต่างๆ ศึกษา และพัฒนาระบบบริหารจัดการพลังงานสะอาดแบบบูรณาการที่เหมาะสมตามแนวทางการดำเนินงาน Green and Clean hospital ซึ่งเป็นการยกระดับให้หน่วยงานสาธารณสุขภายใต้กรมการแพทย์บริหารจัดการสิ่งแวดล้อมในโรงพยาบาล ตามมติคณะรัฐมนตรี วันที่ 22 มีนาคม 2565 เห็นชอบแนวทางประหยัดพลังงานโดยให้หน่วยงานภาครัฐลดการใช้ไฟฟ้าและน้ำมันเชื้อเพลิงลงร้อยละ 20 และเร่งผลักดันให้นำมาตรการด้านพลังงาน โดยเฉพาะอย่างยิ่งให้หน่วยงานราชการเร่งดำเนินการติดตั้งระบบผลิตไฟฟ้าจากพลังงานแสงอาทิตย์ (solar rooftop) ในลักษณะร่วมมือกับภาคเอกชน เพื่อลดภาระการใช้จ่ายและเป็นแบบอย่างที่ดีให้แก่ภาคเอกชนและประชาชนต่อไป

กรมการแพทย์ กระทรวงสาธารณสุข พร้อมด้วยบริษัท พลังงานบริสุทธิ์ จำกัด ที่ให้ความร่วมมือในการที่จะคิดค้นและริเริ่ม ศึกษาพัฒนา สนับสนุน และแลกเปลี่ยนข้อมูลของโครงการฯ ทั้ง 3 ด้าน ดังนี้ ด้านที่ 1 ระบบผลิตไฟฟ้าด้วยเซลล์แสงอาทิตย์ (Solar) ด้านที่ 2 ระบบกักเก็บพลังงานเพื่อรองรับการใช้พลังงานไฟฟ้าของหน่วยงาน และด้านที่ 3 การพัฒนาดัดแปลงยานยนต์ไฟฟ้าสำหรับการให้บริการทางการแพทย์ในพื้นที่ต่างๆ โดยใช้หลักการความยั่งยืนและเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมได้อย่างมีประสิทธิภาพและไม่ส่งผลกระทบต่อชุมชนโดยรอบ รวมถึงเป็นแบบอย่างที่ดีให้แก่ผู้มาใช้บริการในการรณรงค์และขยายผลสู่สังคมต่อไป

นายสมโภชน์ อาหุนัย ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท พลังงานบริสุทธิ์ จำกัด (มหาชน) (EA) เปิดเผยว่า บริษัทฯและบริษัทย่อยในกลุ่มพลังงานบริสุทธิ์ วางกลยุทธ์ด้าน EA Eco System เป็นแนวทางหลักในการขยายธุรกิจ และสร้างความโตที่แข็งแกร่ง ด้วยการผลิตและจำหน่ายไฟฟ้าพลังงานสะอาดครบวงจร พัฒนาแบตเตอรี่และระบบกักเก็บพลังงานจากนวัตกรรม Amita Technology เชื่อมโยงสู่การให้บริการสถานีอัดประจุไฟฟ้า EA Anywhere รวมถึงพัฒนายานยนต์ไฟฟ้า ภายใต้แบรนด์ MINE Mobility ที่ตอบโจทย์ผู้ใช้งานที่หลากหลาย ตรงวัตถุประสงค์เป้าหมายของกลุ่มผู้ใช้งาน และมีระบบบริหารจัดการพลังงานที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมอย่างยั่งยืน

เพื่อเป็นการยกระดับให้หน่วยงานสาธารณสุขภายใต้กรมการแพทย์บริหารจัดการสิ่งแวดล้อมในโรงพยาบาล โดยใช้หลักการความยั่งยืนและเป็นมิตรกับส่งแวดล้อมได้อย่างมีประสิทธิภาพ และไม่ส่งผลกระทบต่อชุมชนโดยรอบ รวมถึงเป็นแบบอย่างที่ดีให้แก่ผู้มาใช้บริการในการรณรงค์และขยายผลสู่สังคมได้ต่อไป EA จึงได้ร่วมกับ กรมการแพทย์ ลงนามบันทึกข้อตกลง ในการร่วมกันศึกษาและพัฒนาระบบการบริหารจัดการพลังงานสะอาดแบบบูรณาการที่เหมาะสม ตามแนวทางการดำเนินงาน Green and Clean Hospital ด้วยโรดแมปดังนี้

1. Renewable Power การพัฒนาและติดตั้ง ระบบ Solar System มุ่งเน้นผลิตไฟฟ้า ด้วยพลังงานสะอาด
2. Energy Storage System เพิ่มความมั่นคงด้านพลังงานให้มีเสถียรภาพ ด้วยระบบกักเก็บพลังงาน เทคโนโลยีจาก Amita Technology
3. EV & Charging Station การยกระดับขนส่งและการให้บริการทางการแพทย์ ด้วยยานยนต์ไฟฟ้าที่ออกแบบพิเศษสำหรับการบริการด้านสาธารณสุข พร้อมขยายสถานีอัดประจุไฟฟ้า EA Anywhere ครบคลุมเส้นทางการให้บริการ “มั่นใจว่าการเซ็นเอ็มโอยูในครั้งนี้ระหว่าง EA กับกรมการแพทย์ จะมีส่วนสำคัญในการสนับสนุนให้กรมการแพทย์ กระทรวงสาธารณสุข ไปสู่เป้าหมาย Green and Clean Hospital ในอนาคต ช่วยลดต้นทุนค่าใช้จ่ายด้านพลังงาน ถือเป็นการมุ่งสู่พลังงานสะอาด ตอบโจทย์ความยั่งยืนเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม” นายสมโภชน์กล่าว

เครือ รพ. พญาไท-เปาโล เปิดตัวเหรียญสุขภาพ Fit Coin สะสมแต้มสุขภาพ แห่งแรกในไทย

เมื่อวันที่ 19 กรกฎาคม 2566 ที่ผ่านมา เครือโรงพยาบาลพญาไทและเปาโล เปิดตัวเหรียญสุขภาพดี fitcoin กดรับได้สุข ส่งต่อได้ใจ ส่งเสริมให้ผู้เข้ารับบริการใส่ใจดูแลสุขภาพ ต่อยอดเทรนด์สุขภาพที่เน้นการดูแลมากกว่ารักษา สอดรับกับความต้องการของผู้ใช้บริการมุ่งเน้นการมีสุขภาพดีอย่างยั่งยืน จึงออกแบบเหรียญสุขภาพ Fit Coin บนแอปพลิเคชัน Health Up ผสานกับความชำนาญการด้านการแพทย์ ตอกย้ำภาพแบรนด์พญาไทและเปาโล ในความเป็น Health Companion เพื่อดูแลสุขภาพส่วนบุคคล แต้มสุขภาพดี นอกจากนี้เหรียญสุขภาพ  fitcoin ยังสามารถส่งต่อความสุข สุขภาพให้แก่ผู้ป่วยยากไร้ ในมูลนิธิ  One Love ได้อีกด้วย

ภายในงานได้รับเกียรติจาก คุณศุภกร พะวันนา ผู้อำนวยการสายบริหารการตลาดเครือโรงพยาบาลพญาไท-เปาโล  ร่วมด้วย รอ.นพ.ยงยุทธ มัยลาภ แพทย์เฉพาะทางด้านเวชศาสตร์เชิงป้องกัน และหัวหน้าศูนย์ดูแลสุขภาพองค์รวม PWA รพ. พญาไท 3 / กรรมกรรมมูลนิธิหนึ่งน้ำใจ (One Love)  และ คุณลลินา ชูเอ็ทท์ (ลีน่า) ดารานักแสดงจากช่อง3 ร่วมพูดคุยถึงที่มาของการจัดการเปิดตัวเหรียญสุขภาพนี้ พร้อมทั้งแชร์เทคนิคการดูแลสุขภาพ ในเชิงป้องกันระยะยาว นอกจากนี้ยังได้รับเกียรติจากผู้บริหารเครือพญาไท-เปาโล และสื่อมวลชนเข้าร่วมงานเปิดตัวเหรียญสุขภาพดีในครั้งนี้   และอีกหนึ่งกิจกรรมดีๆในงานนี้ทุกท่านที่ร่วมงานยังได้ร่วมทำกิจกรรมเพื่อสุขาภาพส่งต่อเหรียญสุขภาพ fitcoin  เพื่อเป็นแต้มตั้งต้นในการบริจาคช่วยเหลือผู้ป่วยในมูลนิธิ One Love ภายใต้เครือโรงพยาบาลพญาไท-เปาโลอีกด้วย

สำหรับลูกค้าครอบครัวพญาไท3ที่สนใจ สะสมเหรียญสุขภาพ สามารถติดต่อสอบถามได้ที่ บูธ  fitcoin station  บริเวณชั้น 1 ภายในบูธมีน้องๆ fitcoin  adviser ให้ข้อมูลและวิธีการเข้าใช้งาน กดแลกรับและส่งต่อเหรียญสุขภาพ fiction พร้อมบริการดาวน์โหลด แอพพิเคชั่น Health up สำหรับผู้เปิดใช้งานครั้งแรกตั้งแต่วันนี้-31 สิงหาคม 2566 รับทันทีแต้มสุขภาพพิเศษ 100 coin สามารถสะสมเหรียญสุขภาพนี้ได้ที่โรงพยาบาลพญาไท-เปาโล ทุกสาขาได้แล้วตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป

‘มาดามแป้ง’ ควัก 10 ล้านบาท ซื้อเมมเบอร์ถ่ายทอดสดไทยลีก การันตีรายได้ให้สโมสรอื่น โดยไม่ขอรับส่วนแบ่ง

มาดามแป้งควัก 10 ล้านบาท ซื้อเมมเบอร์ดถ่ายทอดสดไทยลีก (รีโว่ ไทยลีก ฤดูกาล 2023-24) ร่วมกับ บุรีรัมย์ ยูไนเต็ด และ บีจี ปทุม ยูไนเต็ด ที่เสียสละเงินจากกองกลาง พร้อมการันตีรายได้ขั้นต้นให้กับสโมสรอื่นๆ โดยไม่ขอรับส่วนแบ่ง

(21 ก.ค.66) ‘มาดามแป้ง’ นวลพรรณ ล่ำซำ ประธานสโมสรฟุตบอลการท่าเรือในไทยลีก กล่าวว่า “มันเป็นสถานการณ์วิกฤติที่ไม่มีใครอยากให้เกิดขึ้น แต่ในเมื่อเกิดขึ้นแล้ว ในฐานะคนฟุตบอลก็ต้องหันหน้าเข้ามาพูดคุย และ ร่วมด้วยช่วยกัน เช่นเดียวกับ แป้ง อะไรที่คิดว่าช่วยได้ก็เต็มใจ และ ยินดีที่จะช่วย เพื่อให้วงการฟุตบอลไทย รวมถึงทุกสโมสรเดินหน้าต่อไปได้ ส่วนรายละเอียดการซื้อเมมเบอร์คงออกมาเร็วๆ นี้ค่ะ”

มาดามแป้ง กล่าวอีกว่า “ได้ปรึกษากับ คุณเนวิน (ชิดชอบ) และ คุณปวิณ (ภิรมภักย์ดี) อยู่ตลอด ก่อนได้ข้อสรุปว่า ทั้ง 3 สโมสรซึ่งพอมีกำลัง จะช่วยการันตีรายได้ให้อีก 13 ทีมก่อน ผ่านการลงเงินซื้อเมมเบอร์ดูบอล แล้วจึงนำเมมเบอร์มาทำกิจกรรมการตลาดวิธีต่างๆ โดยทีมอื่นๆ ก็จะต้องช่วยกันในลักษณะนี้กับแฟนคลับ เพื่อเพิ่มรายได้ในกองกลางนี้อีก”

“โดยเงินในกองกลางนั้น เราจะไม่รับส่วนแบ่ง แต่เราจะได้สัญญาณมาถ่ายทอดสดผ่านช่องทางของสโมสร ช่องทางของมาดามแป้ง เพื่อหารายได้กลับเข้ามาแทน ก็หวังว่าทั้งแฟนบอลไทยทุกคน ไม่ใช่เฉพาะแฟนท่าเรือ จะช่วยกันสนับสนุนฟุตบอลอาชีพ อุ้มทุกทีมให้เดินต่อไปได้ในฤดูกาลนี้ โดยรายละเอียดการซื้อเมมเบอร์คงออกมาเร็วๆ นี้” มาดามแป้ง ปิดท้าย

‘หลักบวร - อ่านออกเขียนได้ - ผู้นำทางวิชาการ’ กุญแจความสำเร็จของโครงการโรงเรียนดีมีทุกที่

เป็นระยะเวลา 2 ปีแล้ว ที่ทางโครงการโรงเรียนดีมีทุกที่ ซึ่งจัดทำโดยมูลนิธิเอเชีย และเหล่าพันธมิตร ได้ร่วมกันค้นหาโรงเรียนที่มีผู้อำนวยการเป็นผู้นำทางวิชาการ ได้รับการสนับสนุนให้มีการกระจายอำนาจในการจัดการศึกษา และสามารถบริหารจัดการทรัพยากรที่มีประสิทธิภาพ จากทั่วประเทศไทย เพื่อเป็นการกระตุ้นให้เกิดพลังบวกในสังคม และผลักดันให้เกิดการเปลี่ยนแปลงที่ยั่งยืน ซึ่งจากการดำเนินงานที่ผ่านมาสามารถสรุปถอดบทเรียนได้ 3 ข้อ ที่เป็นปัจจัยทำให้โรงเรียนประสบความสำเร็จคือ 1.การใช้หลักบวร (บ้านวัดโรงเรียน), 2.ทักษะการอ่านออกเขียนได้ และ 3. ผู้นำทางวิชาการที่ยอดเยี่ยม

ดร.รัตนา แซ่เล้า เจ้าหน้าที่โครงการอาวุโส ฝ่ายนโยบายและวิจัย มูลนิธิเอเชีย ได้กล่าวว่า โครงการโรงเรียนดีมีทุกที่เป็นการนำเสนอโรงเรียนต้นแบบที่มีผู้นำทางวิชาการที่เข้มแข็ง เป็นตัวอย่างความสำเร็จของการบูรณาการความร่วมมือจากทุกภาคส่วน ทั้งภาครัฐ ผู้บริหาร ครู นักเรียน ผู้ปกครอง และชุมชนท้องถิ่น สร้างผลสัมฤทธิ์ทางการศึกษาอย่างเป็นรูปธรรมได้แม้ว่าจะอยู่ในบริบททางสังคมที่แตกต่างกัน ด้วยมุ่งหวังให้เกิดแรงบันดาลใจในการขับเคลื่อนการพัฒนาการศึกษาไทยในทุกมิติ โดยตลอดระยะเวลา 2 ปีที่ผ่านมา ได้มีการจัดทำโครงการฯ ใน 18 โรงเรียน จาก 7 จังหวัด ซึ่งประกอบด้วยกรุงเทพมหานคร, เชียงใหม่, ลำพูน, กาญจนบุรี, ระยอง, มหาสารคาม และเชียงราย สามารถสรุปถอดบทเรียนได้ 3 ข้อ ที่เป็นปัจจัยทำให้โรงเรียนประสบความสำเร็จคือ 

1) การใช้หลักบวร (บ้านวัดโรงเรียน) หรือชุมชนเข้มแข็งมาผสานสัมพันธ์ในการพัฒนาเด็ก เกิดเป็นโรงเรียนแห่งการเรียนรู้ พัฒนาทั้งในด้านวิชาการ วิชาชีพ และวิชาชีวิต ได้แก่ 

1.1) รร.วัดทุ่งลาดหญ้า ‘ลาดหญ้าวิทยา’ อ.เมืองกาญจนบุรี จ.กาญจนบุรี ซึ่งมีพระครูสิทธิกิจจานุวัตร เป็นผู้ทำนุบำรุงการศึกษาให้เป็นรากฐานของชุมชน ภายใต้ความร่วมมือของบ้าน ซึ่งมีผู้ปกครองและผู้นำชุมชนช่วยกันส่งเสริมพัฒนา และโรงเรียน ซึ่งเป็นหน้าที่ของครูผู้สอนให้ความรู้นักเรียน 

1.2) รร.บ้านห้วยต้มชัยยะวงศาอุปถัมภ์ อ.ลี้ จ.ลำพูน ที่ก่อสร้างขึ้นมาเพื่อให้นักเรียนส่วนใหญ่ซึ่งเป็นชาวกะเหรี่ยง (ปกาเกอะญอ) ได้รับการศึกษา เปิดสอนเป็นทั้งโรงเรียนปริยัติธรรมและฆราวาส เมื่อมีกิจกรรมต่าง ๆ ทางวัดก็จะให้ความร่วมมือสนับสนุน ส่งพระภิกษุไปให้ความรู้นักเรียน มีการสอนคุณธรรมควบคู่กับความรู้ทั่วไป ทำให้สังคมอยู่ร่วมกันอย่างมีความสุข

2) ทักษะการอ่านออกเขียนได้ เป็นพื้นฐานสำคัญของการศึกษา ทำให้เด็กสามารถเรียนรู้ในวิชาต่าง ๆ อย่างมีคุณภาพ และสามารถศึกษาต่อในระดับที่สูงขึ้น ได้แก่ 

2.1) รร.ฤทธิยะวรรณาลัย (ประถม) เขตสายไหม กทม. ซึ่งได้มีการส่งเสริมเรื่องการอ่าน เพราะในปัจจุบันเด็กสามารถหาความรู้ได้จากอินเทอร์เน็ต โดยให้ความสำคัญตั้งแต่ชั้น ป.1 เมื่อโตขึ้นชั้น ป.2-ป.6 ก็จะเพิ่มเป็นอ่านคล่องเขียนคล่อง, การอ่านรู้เรื่อง, สามารถอ่านและจับหรือสรุปใจความได้ มีการทดสอบตลอดปี รวมถึงมีการจัดทำโครงการรักการอ่าน และ กิจกรรมโลกนิทาน, สำนวนชวนอ่าน, สนามหญ้าชวนอ่าน เป็นต้น 

2.2) รร.บ้านปางแดง อ.เชียงดาว จ.เชียงใหม่ เป็นโรงเรียนตั้งอยู่บนดอยสูง มีนักเรียนเป็นกลุ่มชาติพันธุ์แบบ 100% รูปแบบการศึกษาเป็นแบบพหุวัฒนธรรม เรียนควบคู่กันไปแบบ 2 ภาษาคือภาษาถิ่นและภาษาไทย เพิ่มเติมด้วยภาษาอังกฤษและจีน โดยมีคุณครูชาติพันธุ์บางส่วนที่อาศัยอยู่ในหมู่บ้านเป็นผู้สอน นอกจากนี้ยังมีโครงการพี่สอนน้อง เพื่อนสอนเพื่อน ซึ่งในปัจจุบันนักเรียนสามารถฟังพูดอ่านและเขียนภาษาไทยได้เป็นอย่างดี

3) ผู้นำทางวิชาการที่ยอดเยี่ยม เป็นผู้ขับเคลื่อนหรือคอยผลักดัน ในการส่งเสริมศักยภาพความสามารถ ของเด็กในด้านการศึกษาและอื่นๆ ได้แก่ 

3.1) รร.สารคามพิทยาคม อ.เมือง จ.มหาสารคาม เป็นโรงเรียนมัธยมขนาดใหญ่พิเศษ ซึ่งมีผู้นำทางวิชาการที่เข้มแข็ง ที่ผ่านมามีการนำเทคโนโลยีมาส่งเสริมให้นักเรียนได้รู้จัก ซึ่งถือเป็นการเรียนรู้ตลอดชีวิต โดยเฉพาะในช่วงสถานการณ์โควิด-19 ได้แนะนำให้นักเรียนเข้าไปใช้บริการที่เว็บไซต์ www.thailandlearning.org ซึ่งเป็นแพลตฟอร์มรวบรวมแหล่งเรียนรู้ออนไลน์จากทั่วโลก ที่สามารถใช้บริการได้ 24 ชั่วโมง โดยไม่มีค่าใช้จ่าย 

3.2) รร.วัดถนนกะเพรา อ.แกลง จ.ระยอง เป็นโรงเรียนพื้นที่นวัตกรรมการศึกษา ที่เกิดขึ้นตามพระราชบัญญัติพื้นที่นวัตกรรมการศึกษาปี 2562 ที่ได้นำความอิสระในการสร้างหลักสูตรมาเปิดโอกาสให้ตัวเอง มีจุดเน้นในการจัดการศึกษาว่าโรงเรียนสร้างสรรค์ นวัตกรน้อยสู่สากล มุ่งหวังจะให้นักเรียนมีความคิดสร้างสรรค์ รู้จักต่อยอดอาชีพในชุมชน   

ซึ่งทั้งหมดที่กล่าวมาในข้างต้น ถือเป็นผลที่ได้รับจากการจัดทำโครงการโรงเรียนดีมีทุกที่ ในตลอดระยะ เวลาที่ผ่านมา ซึ่งอาจจะมีเรื่องที่น่าสนใจอีกหลายอย่างที่สามารถนำมาเป็นบทเรียน หรือต่อยอดให้กับนักวิชาการ, ผู้อำนวยการโรงเรียน หรือหน่วยงานราชการต่าง ๆ โดยผู้สนใจสามารถติดตามความเคลื่อนไหวได้ที่ Facebook : โรงเรียนดีมีทุกที่ หรือสอบถามที่โทรศัพท์ 062-7341267

‘ซุ้มหมู’ ทุเรียนพันธุ์พื้นเมืองโบราณจากบรรพบุรุษ อายุ 217 ปี สีขาวนวลเนื้อแน่น คุณภาพเน้นๆ ขึ้นแท่นรุกขมรดกของแผ่นดิน

(21 ก.ค. 66) ภายในสวนทุเรียน หมู่ 3 บ้านหัวกาหมิง ตำบลทุ่งนุ้ย อำเภอควนกาหลง จังหวัดสตูล อิหม่ามผู้นำศาสนาอิสลามพร้อมชาวบ้าน มาร่วมสวดดุอาร์ขอพรให้กับนางสาวอรัญนาถ ฉลาดเลิศ อายุ 53 ปี เจ้าของสวนทุเรียนโบราณอายุ 217 ปี ที่ทำนูหรี ด้วยการใช้ทุเรียนโบราณอายุ 217 ปีจำนวน 50 ลูก (ซึ่งประเพณีงานบุญจัดเลี้ยงอาหารอย่างไม่เป็นทางการ) โดยทางเจ้าของสวนต้องการจะทำบุญเลี้ยงและขอบคุณบรรพบุรุษ ที่มอบต้นทุเรียนโบราณพันธุ์ ‘ซุ้มหมู’ ให้มีผลผลิตในแต่ละปีไม่น้อยกว่า 10,000 ลูก เช่นเดียวกันกับปีนี้ที่ให้ผลผลิตมากถึง 2 รุ่น

ปัจจุบันทุเรียนโบราณต้นนี้ตั้งเด่นตระหง่านเพียงต้นเดียวสูงขนาด ตึก 8 ชั้น และใหญ่มากถึง 21 คนโอบ ได้รับความนิยมจากผู้บริโภคทั้งใกล้และไกล สั่งซื้อกันไม่ขาดสาย ด้วยสายพันธุ์ที่มีรสชาติเนื้อครีม หวานกำลังดีไม่มีกลิ่นแรงทำให้หลายคนติดใจ สั่งซื้อในราคากิโลกรัมละ 80 บาทและสั่งต้นพันธุ์ขายในราคาต้นละ 600 บาทเพื่อไปปลูก

นางสาวอรัญนาถ ฉลาดเลิศ เจ้าของสวนทุเรียนโบราณ บอกว่า ปกติทุกปีจะทำนูหรีเพื่อเลี้ยงญาติพี่น้องและทำบุญให้กับบรรพบุรุษที่มอบต้นทุเรียนโบราณนี้มาให้มีผลผลิตดีทุกปี และยืนต้นสง่า งดงามจนเป็นที่รู้จักกล่าวขานไปทั่วประเทศถึงอายุที่ยืนยาว

นางอภิวันท์ ทองแท่น เกษตรอำเภอควนกาหลง พร้อมด้วยเจ้าหน้าที่สำนักงานเกษตรอำเภอควนกาหลง บอกว่า ทุเรียนพันธุ์พื้นเมือง ‘ซุ้มหมู’ มีสีขาวนวล แต่เนื้อแน่นหนา ไม่ขม กลิ่นไม่ฉุนแรง ทางเจ้าของสวน มีความตั้งใจจะอนุรักษ์ ดูแลทุเรียนพันธุ์ดังกล่าวเป็นอย่างดี เพื่อให้ลูกหลานและผู้คนที่หลงใหลในการลิ้มรสทุเรียนพันธุ์พื้นเมืองได้ชิม

ทุเรียนบ้านโบราณพันธุ์ซุ้มหมู ความเป็นมาอดีตจุดนี้เคยเป็นสถานที่อยู่ของหมูป่า และตกทอดจากรุ่นสู่รุ่นตั้งแต่ พ.ศ.2349 สมัยรัชกาลที่ 5 ราคาสูงกว่าทุเรียนบ้านทั่วไปเนื่องจากมีความพิเศษตรงที่เนื้อของทุเรียน แม้จะเป็นสีขาวนวล แต่เนื้อแน่นหนา ไม่ขม กลิ่นไม่ฉุนแรงเหมือนทุเรียนบ้านทั่วไปและกรอบนอกนุ่มใน เม็ดเล็ก ลูกมีหลายขนาด ซึ่งเจ้าของต้องรอให้สุกหล่นจากต้นเท่านั้นถึงจะเก็บมากินหรือจำหน่ายได้ เนื่องจากต้นมีความสูงใหญ่มากต้นทุเรียนบ้านโบราณ พันธุ์ซุ้มหมูนี้ยังได้รับประกาศเกียรติบัตรการันตีจากอธิบดีกรมส่งเสริมวัฒนธรรม กระทรวงวัฒนธรรม ให้เป็นรุกขมรดกของแผ่นดินใต้ร่มพระบารมี เมื่อวันที่ 23 กรกฎาคม 2561

‘น้องนัท-น้องฮาบาส’ สุดยอด 2 เด็กไทย คว้าเหรียญเงิน จากการแข่งขันกระโดดเชือกคู่ผสม ใน ‘IJRU 2023 WC’ สำเร็จ

‘สมาคมกีฬาจัมพ์โร้ปไทย’ ขอแสดงความยินดีกับน้องนัท ด.ญ.พรกมล เอียดประดิษฐ์ และน้องฮาบาส ด.ช.วรเวช โลเกตุ ที่สามารถคว้าเหรียญเงิน🥈 ในการเเข่งขันในรายการ ‘Single Rope Double Unders Relay 2x30 seconds’ คู่ผสม ในรุ่น ‘Junior World Jump Rope Championship 2023’ ได้สำเร็จ

แค่ตั้งใจและมีความพยายาม ไม่ว่าอุปสรรคระหว่างทางจะมากมายขนาดไหน เราก็เอาชนะมันมาได้ น้องทั้ง 2 คนเก่งมาก!!

Congratulations for the ‘FIRST SILVER Medal’ of THAILAND TEAM
YOU DID IT‼️ @nut_ponkamon @loketworavet 
YOU MAKE COUNTRY PROUD OF YOU 🇹🇭

‘หลวงพ่ออิ่นคำ’ ละสังขารอย่างสงบด้วยท่านั่งสมาธิ สิริอายุ 64 ปี 25 พรรษา บรรดาลูกศิษย์แห่อาลัย

เมื่อวันที่ 20 ก.ค. 66 พระครูวินิตชัยวัฒน์ เจ้าอาวาสวัดทาดอนชัย-ศรีบุญเรือง ตำบลท่าสบเส้า อำเภอแม่ทา จังหวัดลำพูน ได้แจ้งข่าวเศร้าว่าวันนี้ เวลาประมาณ 06.30 น. ‘หลวงพ่ออิ่นคำ สีลเตโช’ อายุ 64 ปี พรรษา 25 พระลูกวัดทาดอนชัย มรณภาพแล้ว โดยท่านละสังขารอย่างสงบอยู่ในท่านั่งสมาธิ ณ กุฏิกลางป่า ในบริเวณพื้นที่ที่ห่างจากวัดไปประมาณ 500 เมตร

ทั้งนี้ ได้มีการเคลื่อนย้ายสรีระร่างมาตั้งบำเพ็ญกุศลที่ศาลาวัด และกำหนดฌาปนกิจหลวงพ่ออิ่นคำ ในวันที่ 27 กรกฎาคม 2566 ณ เมรุชั่วคราววัดทาดอนชัยฯ โดยทางด้านพระครูวินิตชัยวัฒน์ ได้เจริญพรว่า หลวงพ่ออิ่นคำ เป็นพระสายวิปัสสนากรรม ฐานวัดร่ำเปิง หลวงพ่อท่าน ได้ปฏิบัตินั่งสมาธิภาวนาจิต อยู่เป็นประจำ โดยอยู่กุฏิกลางป่าเพียงลำพังไม่ยุ่งเกี่ยวกับใคร จนกระทั่งท่านได้ละสังขารในท่านั่งสมาธิภาวนาจิตดังกล่าว

เหตุผลที่ทำให้ประเทศไทยติด 1 ใน 10 ประเทศ ที่ ‘ชาวต่างชาติ’ อยากมาใช้ชีวิตอยู่มากที่สุดในโลก

(21 ก.ค.66) ดร.วิริยะ ฤาชัยพาณิชย์ ได้โพสต์ข้อความลงเฟซบุ๊ก ระบุว่า...

ประเทศไทยติดหนึ่งใน 10 ประเทศที่ ‘ชาวต่างชาติ’ อยากมาใช้ชีวิตอยู่มากที่สุดในโลก 

มีแฟนเพจถามว่า สถิติพวกนี้จริงหรือ? ประเทศเราดีขนาดนั้นจริงหรือ?

เรื่องนี้จริงครับ คนต่างประเทศที่อยากย้ายถิ่นมาอยู่เมืองไทยมีมากขึ้นเรื่อย ๆ ครับ 

ไม่ใช่แค่ ชาวยุโรป หรือชาวอเมริกัน

แม้แต่ จีน เมียนมา ลาว เวียดนาม ที่มีเงินก็มาซื้อคอนโดมิเนียมในไทยมากขึ้นเรื่อย ๆ ครับ 

จากประสบการณ์ที่ผมเคยไปอยู่มาหลายประเทศ ผมคิดว่าประเทศไทยน่าอยู่มาก เมื่อเทียบกับประเทศอื่น ๆ เพราะว่า...

1.) คนไทยใจดี
2.) ค่าครองชีพไม่สูงเลย เมื่อเทียบกับสาธารณูปโภค น้ำ ไฟ อินเตอร์เน็ต ซึ่งดีมาก 
3.) ความปลอดภัยสูง ไม่มีแผ่นดินไหว พายุไต้ฝุ่น ภูเขาไฟระเบิด น้ำท่วม หรือภัยธรรมชาติแบบรุนแรง 
4.) และที่ ดีมากๆ คือ สาธารณสุขดีเยี่ยมครับ

กองทัพเรือจัดงานวันคล้ายวันสวรรคตของสมเด็จพระศรีนครินทราบรมราชชนนี ครบรอบปีที่ 28

พลเรือเอก เชิงชาย  ชมเชิงแพทย์ ผู้บัญชาการทหารเรือเป็นประธานในงานวันคล้ายวันสวรรคตของสมเด็จพระศรีนครินทราบรมราชชนนี ครบรอบปีที่ 28 ณ อาคารกองบังคับการกรมอุทกศาสตร์ กองทัพเรือ เขตบางนา กรุงเทพมหานคร โดยพิธีประกอบด้วย พิธีวางพวงมาลัยข้อพระกร และพิธีบำเพ็ญกุศลเพื่ออุทิศถวายเป็นพระราชกุศล

วันที่ 18 กรกฎาคม ของทุกปี เป็นวันคล้ายวันสวรรคตของสมเด็จพระศรีนครินทราบรมราชชนนี หรือ “สมเด็จย่า” ของปวงชนชาวไทย สมเด็จพระศรีนครินทราบรมราชชนนี ทรงอภิเษกสมรสกับสมเด็จพระมหิตลาธิเบศร อดุลยเดชวิกรม พระบรมราชชนกมีพระราชโอรสและพระราชธิดาด้วยกัน 3 พระองค์ดังนี้
1.สมเด็จพระเจ้าพี่นางเธอ เจ้าฟ้ากัลยาณิวัฒนา กรมหลวงนราธิวาสราชนครินทร์
2.พระบาทสมเด็จพระปรเมนทรมหาอานันทมหิดล พระอัฐมรามาธิบดินทร
3.พระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร

สมเด็จพระศรีนครินทราบรมราชชนนีได้รับการยกย่องจากองค์การวิทยาศาสตร์และวัฒนธรรมแห่งสหประชาชาติ หรือ ยูเนสโก ให้ทรงเป็น “บุคคลสำคัญของโลก” เนื่องด้วยทรงมีพระมหากรุณาธิคุณแก่ปวงชนชาวไทยเป็นอเนกอนันต์ อันสามารถเห็นได้จากพระราชกรณีของพระองค์ เช่น การเสด็จพระราชดำเนินเยี่ยมราษฎรตามถิ่นทุรกันดาร และตามหัวเมืองชายทะเลของประเทศที่ประสบอัคคีภัย ภัยธรรมชาติทั้ง อุทกภัย วาตภัย โดยทรงมีน้ำพระทัยเมตตาต่อราษฎรที่ยากไร้ และทรงอุทิศพระวรกายโดยไม่ทรงเห็นแก่ความเหน็ดเหนื่อย 

ในการนี้ กองทัพเรือได้มีโอกาสรับใช้ใต้เบื้องพระยุคลบาทในการเสด็จประพาสทางเรือ 6 ครั้ง การเสด็จฯ ครั้งแรก สมเด็จพระศรีนครินทราบรมราชชนนี ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้กองทัพเรือจัดเรือหลวงจันทร (อ่านว่า จัน-ทะ-ระ) ซึ่งเป็นเรือพระที่นั่ง เพื่อเสด็จประพาสทางทะเลทอดพระเนตรการเปลี่ยนก๊าซกระโจมไฟของกรมอุทกศาสตร์ทหารเรือ รวมทั้งทรงเยี่ยมราษฎรทางฝั่งตะวันตกของอ่าวไทย 

ครั้งที่ 2 เสด็จฯ ทอดพระเนตรการสำรวจแผนที่และเปลี่ยนก๊าซกระโจมไฟของกรมอุทกศาสตร์ทหารเรือ รวมทั้งเสด็จฯ เยี่ยมราษฎรในท้องถิ่นต่างๆ ตามฝั่งทะเลอันดามัน  โดยมีเรือหลวงจันทร เป็นเรือพระที่นั่ง

ครั้งที่ 3 เสด็จฯ เยี่ยมราษฎรบริเวณอ่าวไทยฝั่งตะวันออก นับเป็นปีแรกที่หน่วยแพทย์อาสาสมัครสมเด็จพระราชชนีศรีสังวาลย์ (พอ.สว.) ได้ร่วมตามเสด็จฯ ในการเยี่ยมเยียนราษฎรด้วย โดยมีเรือหลวงจันทร เป็นเรือพระที่นั่ง 

ครั้งที่ 4 เสด็จฯ เยี่ยมราษฎรจังหวัดชายทะเลบริเวณอ่าวไทยฝั่งตะวันออก ประกอบด้วยจังหวัดฉะเชิงเทรา ชลบุรี ระยอง และตราด โดยมีเรือหลวงจันทร เป็นเรือพระที่นั่ง 

ครั้งที่ 5 เสด็จฯ ทรงเยี่ยมราษฎร ทหาร ตำรวจ และหน่วยแพทย์เคลื่อนที่ พอ.สว. ในจังหวัดภาคตะวันออก โดยมีเรือหลวงจันทร เป็นเรือพระที่นั่ง 

ครั้งที่ 6 เสด็จฯ พร้อมด้วย สมเด็จพระเจ้าพี่นางเธอ เจ้าฟ้ากัลยานิวัฒนา กรมหลวงนราธิวาสราชนครินทร์ ทรงเยี่ยมราษฎร ทหาร ตำรวจ และหน่วยแพทย์ พอ.สว. ในจังหวัดภาคตะวันออก โดยมีเรือหลวงศุกร์ เป็นเรือพระที่นั่ง

สมเด็จพระบรมราชชนนี ทรงพระประชวรโรคพระหทัย และเสด็จสวรรคต เมื่อวันอังคารที่ 18 กรกฎาคม 2538 สิริพระชนมายุ 94 พรรษา ต่อมากรมอุทกศาสตร์ กองทัพเรือ ซึ่งถือเป็นหน่วยงานต้นสังกัดของเรือหลวงจันทร และ เรือหลวงศุกร์ ที่มีโอกาสรับใช้พระองค์ท่านอย่างใกล้ชิด จึงได้จัดให้มีพิธีบำเพ็ญกุศลเพื่ออุทิศถวายเป็นพระราชกุศล เป็นประจำทุกปีนับตั้งแต่ปี 2539 เป็นต้นมา โดยระยะแรกได้จัดบนเรือหลวงจันทร และเรือหลวงศุกร์ เพื่อเป็นการน้อมรำลึกถึงพระเมตตาและพระมหากรุณาธิคุณของสมเด็จพระศรีนครินทราบรมราชชนนี ที่ทรงมีต่อข้าราชการกองทัพเรือ จนเมื่อกรมอุทกศาสตร์ ได้ย้ายที่ทำการจากกองบัญชาการกองทัพเรือ พระราชวังเดิม มาตั้งแห่งใหม่ที่บางนา จึงได้มีการย้ายสถานที่ประกอบพิธี มาเป็นอาคารกองบังคับการกรมอุทกศาสตร์ กองทัพเรือ จนถึงปัจจุบัน 

กองประชาสัมพันธ์
สำนักงานเลขานุการกองทัพเรือ

ผบ.ตร.พร้อมนายกสมาคมแม่บ้านตำรวจ ลงตรวจเยี่ยม มอบสิ่งของบำรุงขวัญตำรวจอำนาจเจริญ กำชับตำรวจต้องเป็นมืออาชีพ หมั่นตรวจเยี่ยมชาวบ้าน ยกระดับบริการประชาชน แก้ไขปัญหายาเสพติด คดีออนไลน์ สร้างวัคซีนไซเบอร์ ชื่นชมความสำเร็จชมชุมยั่งยืนบ้านนาป่าแซง

วันนี้ (20 ก.ค.66) พล.ต.อ.ดำรงศักดิ์ กิตติประภัสร์ ผบ.ตร. ได้เดินทางมาตรวจเยี่ยม ประชุมรับฟังการปฏิบัติหน้าที่ มอบสิ่งของบำรุงขวัญ ทุนการศึกษาให้แก่ข้าราชการตำรวจสังกัด ภ.จว.อำนาจเจริญ โดยมี คุณสุมนา กิตติประภัสร์ นายกสมาคมแม่บ้านตำรวจ , พล.ต.ท.สมประสงค์ เย็นท้วม ผบช.ภ.3 , พล.ต.ท.นพดล ศรสำราญ ผู้ทรงคุณวุฒิพิเศษ ตร. , พล.ต.ท.คีรีศักดิ์ ตันตินวะชัย ผบช.ประจำ สง.ผบ.ตร. , พล.ต.ท.อาชยน ไกรทอง ผบช.ประจำ สง.ผบ.ตร., พล.ต.ต.ฐากูร นัทธีศรี รอง ผบช.ภ.3 , พล.ต.ต.ระพีพงศ์ สุขไพบูลย์ รอง ผบช.ภ.3 , พล.ต.ต.สถาพร เอมโอษฐ์ ผบก.ภ.จว.อำนาจเจริญ และข้าราชการตำรวจในสังกัด ภ.จว.อำนาจเจริญ , พฐ.จว.อำนาจเจริญ , ตชด.22 , ตม.จว.อำนาจเจริญ , ทล.จว.อำนาจเจริญ ร่วมต้อนรับ ณ ภ.จว.อำนาจเจริญ

โดยก่อนการประชุม ผบ.ตร.พร้อมด้วย นายกสมาคมแม่บ้านตำรวจ ได้มอบทุนการศึกษาให้แก่ข้าราชการตำรวจสังกัด ภ.จว.อำนาจเจริญ จำนวน 275,000 บาท พร้อมมอบสิ่งของบำรุงขวัญแก่ตำรวจด้วย หลังจากนั้นได้มีการประชุมติดตามนโยบายสำคัญของ ตร. โดย พล.ต.ต.สถาพร เอมโอษฐ์ ผบก.ภ.จว.อำนาจเจริญ ได้นำเสนอสถานภาพกำลังพล ยุทโธปกรณ์ ยาพหานะ ผลงานดำเนินการการยกระดับการให้บริการสถานีตำรวจ งานป้องกันปราบปราม งานจราจร รายงานผลการแก้ไขปัญหายาเสพติดในพื้นที่ ตามโครงการชุมชนยั่งยืนฯ ดำเนินการเอ็กซเรย์พื้นที่ ประชากร 3,097 ราย พบผู้เสพและสมัครใจเข้ารับการบำบัด 169 ราย มีการบำบัดฟื้นฟูผู้ใช้ยาเสพติดโดยชุมชนเป็นผู้ดูแลการบำบัด (CBTx) พร้อมทั้งการฝึกอาชีพ โดย ชุมชนยั่งยืนฯ บ้านนาป่าแซง ของ สภ.ปทุมราชวงศา มีความโดดเด่นในการขับเคลื่อนชุมชนยั่งยืนฯ มีประชากร 898 ราย สามารถเอ็กซเรย์ค้นหาผู้เสพเข้ารับการบำบัดได้ 24 ราย ผ่านกระบวนการบำบัดทางการแพทย์ ฝึกวิชาชีพ ความเข้มแข็งของ 4 เสาหลัก ทั้ง อำเภอ ตำรวจ สาธารณสุข และชุมชน ทำให้การบำบัดผู้เสพทุกรายประสบความสำเร็จ นอกจากนี้มาตรการปราบปรามยังสามารถจับกุมผู้ค้าหลายราย บางรายถูกกดดันหลบหนีออกนอกพื้นที่ ทำให้สามารถส่งต่อความยั่งยืนให้ชุมชนได้ จนทุกฝ่ายเห็นพ้องต้องกันว่า ให้ขยายโครงการไปทุกหมู่บ้าน ครอบคลุมทั้งตำบล

ส่วนผลการขับเคลื่อนการป้องกันปราบปรามอาชญากรรมทางเทคโนโลยี จว.อำนาจเจริญ มีสถิติการถูกหลอกลวงแจ้งความ ตั้งแต่ 1 มีนาคม 2565 จำนวน 281 เคสไอดี ซึ่งส่วนใหญ่เป็นการหลอกซื้อขายออนไลน์ และ แอพพิเคชั่นเงินกู้  มีการสร้างภูมิคุ้มกันไซเบอร์วัคซีนตามโครงการ “ร่วมใจ ต้านภัยไซเบอร์ ไม่เชื่อ ไม่รีบ ไม่โอน รู้ทันกลโกง” ร่วมกับทุกภาคส่วน โดยเฉพาะการทำข้อสอบไซเบอร์วัคซีน 40 ข้อ ประชาชน และตำรวจในพื้นที่ มีการประชาสัมพันธ์ ดำเนินการต่อเนื่อง ซึ่งจากมาตรการการอบรม ประชาสัมพันธ์ไซเบอร์วัคซีนอย่างเข้มข้น ทำให้สถิติคดีอาชญากรรมทางเทคโนโลยีมีแนวโน้มลดลง นอกจากนี้ ยังมีการอบรมให้ความรู้ข้าราชการตำรวจตาม พ.ร.บ.ป้องกันและปราบปรามการทรมานและการกระทำให้บุคคลสูญหาย พ.ศ.2565 การจัดสรรอุปกรณ์จัดเก็บบันทึกข้อมูล การวางแผนก่อสร้างอาคารที่ทำการของ ภ.จว.อำนาจเจริญแห่งใหม่ ให้แล้วเสร็จภายในปีหน้า

พล.ต.อ.ดำรงศักดิ์ฯ กล่าวว่า “ได้สั่งการเน้นย้ำนโยบาย การขับเคลื่อนยกระดับการให้บริการประชาชนของสถานีตำรวจ ตำรวจต้องเป็นมืออาชีพให้ได้ หมั่นฝึกทบทวนการปฏิบัติทางยุทธวิธีให้พร้อมอยู่เสมอ ให้ผู้บังคับบัญชาและข้าราชการตำรวจ หมั่นลงตรวจเยี่ยมประชาชน เพื่อพบ สอบถามปัญหา ให้ได้ข้อมูล นำมาแก้ไขความเดือดร้อนสามารถช่วยเหลือประชาชนได้อย่างทันท่วงที 

ให้ความสำคัญกับการแก้ไขปัญหายาเสพติดซึ่งเป็นปัจจัยหลักของความเดือดร้อนของประชาชน เน้นการแก้ปัญหาที่ต้นตอคือ ผู้เสพ มีการเอ็กซเรย์ลงพื้นที่ ให้ได้ข้อมูล ข้อเท็จจริง จนนำไปสู่การจับกุมผู้ค้ารายย่อย กดดันจนไม่มีผู้ค้าในพื้นที่ จะทำให้ผู้เสพ ไม่กลับมาเสพอีก โดยร่วมมือกับชุมชน เกิดความยั่งยืน

สำหรับอาชญากรรมทางเทคโนโลยีที่สร้างปัญหาให้ชาวบ้านในปัจจุบันและต่อเนื่องไปยังอนาคต ต้องสร้างภูมิคุ้มกัน สร้างวัคซีนไซเบอร์ ขยายการอบรมครูไซเบอร์ให้ครอบคลุม แล้วออกให้ความรู้ ประชาสัมพันธ์ให้ครบทุกกลุ่มอาชีพ ให้ประชาชนทำข้อสอบวัคซีนให้ได้มากที่สุด มีการติดตามรูปแบบกลโกงต่างๆให้ทันต่อสถานการณ์  แล้วนำมาให้ความรู้ประชาชนในพื้นที่ เพื่อจะได้แก้ปัญหาได้ถูกจุด รวมทั้งมีการจับกุมบัญชีม้า ซิมม้า อย่างต่อเนื่อง 

วันนี้ ดีใจที่มีโอกาสมาตรวจเยี่ยมบำรุงขวัญตำรวจ ในสังกัด ภ.จว.อำนาจเจริญ ซึ่งเคยดำรงตำแหน่งเป็น ผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดคร้้งแรก ขอชื่นชมและขอบคุณข้าราชการตำรวจทุกนาย ที่ร่วมมือ ร่วมแรง ร่วมใจ ปฏิบัติหน้าที่ ขับเคลื่อนนโยบายด้านต่างๆของ ตร. ได้เป็นอย่างดี ทำให้เกิดความผาสุกแก่ประชาชน”

ต้อนรับทหารใหม่ หน่วยบัญชาการต่อสู้อากาศยานและรักษาฝั่ง ผลัดที่ 1/66

พลเรือตรี ศุภสิทธิ์ บูรณะโอสถ ผู้บัญชาการหน่วยบัญชาการต่อสู้อากาศยานและรักษาฝั่ง เป็นประธานในพิธีต้อนรับทหารใหม่หน่วยบัญชาการต่อสู้อากาศยานและรักษาฝั่ง ผลัดที่ 1/66 ณ ลานอเนกประสงค์ กองบัญชาการ หน่วยบัญชาการต่อสู้อากาศยานและรักษาฝั่ง ตำบลสัตหีบ อำเภอสัตหีบ จังหวัดชลบุรี โดยมีคณะผู้บังคับบัญชาของหน่วยบัญชาการต่อสู้อากาศยานและรักษาฝั่ง ร่วมให้การต้อนรับ  

ผู้บัญชาการหน่วยบัญชาการต่อสู้อากาศยานและรักษาฝั่ง ต้องการให้ทหารทุกนายอยู่ร่วมกัน รักกันเหมือนพี่เหมือนน้อง มีความสมัครสมานสามัคคี มีระเบียบวินัยที่ดี มีความเป็นอยู่อย่างพอเพียง ซึ่งเมื่อมาอยู่กับหน่วยบัญชาการต่อสู้และรักษาฝั่งแล้วจะได้รับการดูแลเอาใจใส่โดยใกล้ชิดจากผู้บังคับบัญชาทุกระดับชั้น ซึ่งเป็นไปตามนโยบายผู้บัญชาการทหารเรือ 

ทั้งนี้ การต้อนรับทหารใหม่ เปรียบเสมือนน้องคนเล็กสุดท้อง ที่ได้เข้ามาสู่รั้วหน่วยบัญชาการต่อสู้อากาศยานและรักษาฝั่ง และเป็นครอบครัวเดียวกันนั้น เพื่อให้น้องทหารใหม่ทุกนาย มีความภาคภูมิใจที่จะมาทำหน้าที่เป็นรั้วของชาติ ในการปฏิบัติหน้าที่กับ หน่วยบัญชาการต่อสู้อากาศยานและรักษาฝั่ง ซึ่งทหารใหม่ทุกนายจะได้รับการฝึกอบรม เพิ่มเติมความรู้ทักษะต่าง ๆ สามารถปฏิบัติหน้าที่เป็นทหารต่อสู้อากาศยานและรักษาฝั่ง ซึ่งภายหลังจากฝึกเสร็จจะแยกย้ายไปปฏิบัติหน้าที่รับใช้ชาติ กับหน่วยขึ้นตรงของหน่วยบัญชาการต่อสู้อากาศยานและรักษาฝั่ง ในภารกิจที่สำคัญต่าง ๆ ต่อไป

191 จิตอาสา ร่วมกับ กับโรงพยาบาลพญาไท 3 จัดอบรมการปฐมพยาบาลและช่วยชีวิตขั้นพื้นฐาน CPR เพื่อถวายเป็นพระราชกุศล รัชกาลที่ 10 เนื่องในโอกาสวันเฉลิมพระชนมพรรษาพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว

เมื่อวันที่ 20 กรกฎาคม 2566 พล.ต.ต.ภานพ วรธนัชชากุล ผบก.สปพ.เป็นประธานเปิดกิจกรรมกำลังพล จิตอาสา บก.สปพ. ฝึกอบรมการช่วยชีวิตขั้นพื้นฐาน CPR   เพื่อช่วยเหลือประชาชนเนื่องในโอกาส วันเฉลิมพระชนมพรรษา พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ที่จะถึงวันที่ 28 กรกฎาคม 2566 โดยในงานมี พ.ต.อ.พิทักษ์ สุทธิกุล รอง ผบก.สปพ. นพ.สรพล โล่ห์สิริวัฒน์ ผู้อำนวยการโรงพยาบาลพญาไท 3 ให้การต้อนรับกำลังพล สปพ. นพ.อภิชัย โตวณะบุตร ผู้ช่วยผู้อำนวยการแพทย์ คุณดวงพร แหล่งหล้า พยาบาลวิชาชีพ และวิทยากร จากโรงพยาบาลพญาไท 3 ตลอดจนข้าราชตำรวจในสังกัด กว่า 59 นายเข้าร่วมฝึกอบรม

พล.ต.ต.ภานพ กล่าวว่า กองบังคับการสายตรวจและปฎิบัติการพิเศษ มีภารกิจในการปฎิบัติงานป้องกัน และปราบปราม และรักษาความสงบเรียบร้อย ความปลอดภัย เข้าระงับยับยั้ง อาชญากรรม ในพื้นที่กรุงเทพมหานคร และมีความใกล้ชิดกับประชาชน

ดังนั้น การฝึกอมรมการปฐมพยาบาลและช่วยชีวิตขั้นพื้นฐาน จึงมีความสำคัญ และจำเป็นอย่างมาก เพราะข้าราชการตำรวจในสังกัดที่ออกไปปฎิบัติหน้าที่มีโอกาสประสพเหตุบ่อยครั้ง หากสามารถให้การช่วยเหลือในเบื้องต้น ก่อนส่งต่อผู้ป่วยหรือผู้บาดเจ็บไปยังสถานพยาบาลได้ทันท่วงที จะลดการสูญเสียชีวิตของผู้ ป่วยได้อย่างมาก

“วันมูหะมัดนอร์ มะทา” กระชับสัมพันธ์รัฐสภาไทย-ซาอุดีอาระเบีย ให้คำมั่นคืบหน้า “ศูนย์กลางอิสลามฯ” ที่ปัตตานี

ที่ห้องรับรองพิเศษ 205 ชั้น 2 (โซนกลาง) อาคารรัฐสภา นายวันมูหะมัดนอร์  มะทา ประธานรัฐสภาและประธานสภาผู้แทนราษฎร ให้การรับรอง  H.E. Dr. Abdullah Mohammed Ibrahim Al-Sheikh (ดร.อับดุลเลาะห์  โมฮัมเหม็ด อิบราฮิม  อัล-ชีค) ประธานสภาที่ปรึกษาแห่งราชอาณาจักรซาอุดีอาระเบีย เพื่อกระชับความสัมพันธ์ระหว่างรัฐสภาไทยกับราชอาณาจักรซาอุดีอาระเบียในโอกาสเดินทางมาเยือนประเทศไทยอย่างเป็นทางการ ในฐานะแขกของวุฒิสภา โดยมีพลอากาศเอก ประจินต์  จั่นตอง สมาชิกวุฒิสภาและประธานกลุ่มมิตรภาพสมาชิกรัฐสภาไทย-ซาอุดีอาระเบีย, พันตำรวจเอก ทวี สอดส่อง สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร, นายจัตุรงค์ เสริมสุข สมาชิกวุฒิสภาและสมาชิกกลุ่มมิตรภาพสมาชิกรัฐสภาไทย-ซาอุดีอาระเบีย, นายอารีเพ็ญ อุตรสินธุ์ ที่ปรึกษาประธานสภาผู้แทนราษฎร, นายมุข  สุไลมาน เลขานุการประธานสภาผู้แทนราษฎร, นางพรพิศ เพชรเจริญ เลขาธิการสภาผู้แทนราษฎร, นางสาวสตีจิตร ไตรพิบูลย์สุข รองเลขาธิการสภาผู้แทนราษฎร และนายอาพล  นันทขว้าง ผู้อำนวยการสำนักความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ ร่วมให้การรับรอง

นายวันมูหะมัดนอร์  มะทา ประธานรัฐสภาและประธานสภาผู้แทนราษฎรกล่าว ต้อนรับด้วยความยินดีในวันที่รัฐสภาไทยกำลังอยู่ในระหว่างการลงมติเลือกบุคคลที่สมควรได้รับการแต่งตั้งเป็นนายกรัฐมนตรีและกล่าวถึงความสัมพันธ์ไทย-ซาอุดีอาระเบียที่ดำเนินไปอย่างก้าวหน้าและแข็งแกร่งอย่างรวดเร็ว ภายหลังจากที่ฟื้นฟูความสัมพันธ์ระหว่างกันแล้ว นอกจากนี้ ยังได้กล่าวถึงความประทับใจที่ซาอุดีอาระเบียให้การต้อนรับอย่างอบอุ่นเมื่อครั้งที่เดินทางไปเยือนอย่างเป็นทางการในฐานะรองประธานสภาผู้แทนราษฎรเมื่อปี 2535 พร้อมขอบคุณที่ซาอุดีอาระเบียดูแลชาวไทยมุสลิมที่ไปทำพิธีฮัจญ์และนักศึกษาไทยที่ไปศึกษาต่อที่ซาอุดีอาระเบียเป็นอย่างดี

ดร.อับดุลเลาะห์  โมฮัมเหม็ด อิบราฮิม  อัล-ชีคประธานสภาที่ปรึกษาฯ กล่าวขอบคุณที่สละเวลาให้คณะเข้าพบในวันนี้และแสดงความยินดีในโอกาสที่ได้รับการโปรดเกล้าฯ ให้ดำรงตำแหน่งประธานรัฐสภา ทั้งนี้ การฟื้นฟูความสัมพันธ์ระหว่างกัน ทำให้เกิดประโยชน์อย่างยิ่งต่อประชาชนของทั้งสองประเทศและได้ขอเชิญประธานรัฐสภาเดินทางไปเยือนซาอุดีอาระเบียเมื่อโอกาสเอื้ออำนวย พร้อมกล่าวชื่นชมแรงงานไทยในซาอุดีอาระเบียที่เป็นแรงงานที่มีฝีมือและมีระเบียบวินัยสูง นอกจากนี้ มกุฎราชกุมารและนายกรัฐมนตรี ซาอุดีอาระเบียยังได้ฝากความระลึกถึงประธานรัฐสภาในโอกาสนี้ด้วย

นอกจากนี้ ทั้งสองฝ่ายยังได้หารือถึงการให้เงินสนับสนุนการก่อตั้ง “ศูนย์อิสลามกษัตริย์ซัลมาน บิน อับดุลอาซีซ อัลซะอูด” ของมหาวิทยาลัยฟาฏอนีในจังหวัดปัตตานี โดยซาอุดีอาระเบียให้คำมั่นว่า จะติดตามในเรื่องนี้อย่างใกล้ชิดและจะสำเร็จในเร็ววันอย่างแน่นอน


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top