Saturday, 7 June 2025
NEWS

สมุทรปราการ-ดร.วีร์สุดา นายกบางพลีใหญ่ แถลงผลงาน 4 ปี เดินหน้าพัฒนาด้านการศึกษา นำพาชุมชนเข้มแข็งอย่างยั่งยืน

(18 พ.ค. 68) ผู้สื่อข่าวรายงานว่า วันที่ 18 พฤษภาคม 2568 ดร.วีร์สุดา รุ่งเรือง นายกองค์การบริหารส่วนตำบลบางพลีใหญ่ พร้อมด้วยคณะผู้บริหาร คณะสมาชิกสภาเทศบาล แถลงผลงาน 4 ปี ที่ผ่านมา ให้พี่น้องประชาชนในเขตพื้นที่ตำบลบางพลีใหญ่ได้รับทราบ โดยได้จัดแถลง ณ ลานเอนกประสงค์โรงเรียนบางพลีราษฎร์บำรุง ต.บางพลีใหญ่ อ.บางพลี จ.สมุทรปราการ ทั้งนี้ภายในงานได้มีการจัดบูธนิทรรศการ ซึ่งเป็นผลงาน 4 ปี แห่งการพัฒนา ของทางนายกองค์การบริหารส่วนตำบลบางพลีใหญ่ โดยมีประชาชนจำนวนหลายร้อยคนเดินทางมาร่วมรับฟังการแถลงผลงานในครั้งนี้

โดยทางด้าน ดร.วีร์สุดา นายก อบต.บางพลีใหญ่ กล่าวว่า องค์การบริหารส่วนตำบลบางพลีใหญ่ เป็นองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นที่มีความใกล้ชิดกับประชาชน ซึ่งถือเป็นการกระจายอำนาจการบริหารมาสู่ส่วนท้องถิ่นในระดับต่างๆ องค์การบริหารส่วนตำบลบางพลีใหญ่ตระหนักถึงการกระจายอำนาจสู่ท้องถิ่น 

โดยมีบทบาทสำคัญในการพัฒนาท้องถิ่นให้มีความเจริญในด้านต่างๆ ไว้ 6 ยุทธศาสตร์ ดังนี้ 1. ยุทธศาสตร์การพัฒนาด้านโครงสร้างพื้นฐาน การคมนาคม ระบบสาธารณูปโภคและสาธารณูปการ 2. ยุทธศาสตร์การพัฒนาด้านการเสริมสร้างความเข้มแข็ง และความปลอดภัยในชุมชน 3. ยุทธศาสตร์การพัฒนาด้านส่งเสริมการอนุรักษ์ศิลปะ วัฒนธรรม จารีตประเพณีและภูมิปัญญาท้องถิ่น 4. ยุทธศาสตร์การพัฒนาด้านการยกระดับคุณภาพชีวิต การศึกษา และส่งเสริมการกีฬาและนันทนาการ 5. ยุทธศาสตร์การพัฒนาด้านการบริหารจัดการทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม 6. ยุทธศาสตร์การพัฒนาด้านการบริหารจัดการที่ดีนับตั้งแต่ได้รับความไว้วางใจจากพี่น้องประชาชนในตำบลบางพลีใหญ่ให้ได้มีโอกาสเข้ามารับใช้ 

นอกจากนี้ คณะสมาชิกสภาเทศบาล คณะผู้บริหาร ตลอดจนพนักงานส่วนตำบล ลูกจ้าง พนักงานจ้างทุกคน รู้สึกดีใจและภูมิใจที่ได้รับใช้พี่น้องชาวตำบลบางพลีใหญ่พร้อมทุ่มเททั้งแรงกายและแรงใจ ที่จะผลักดันความเจริญก้าวหน้ามาสู่ท้องถิ่นของเรา ตลอดจนแก้ไขปัญหาในด้านต่างๆ ให้ประชาชนในพื้นที่ได้รับความสะดวกสบาย มีชีวิตความเป็นอยู่ที่ดีขึ้นในนามของผู้บริหารท้องถิ่น การบริหารงานขององค์การบริหารส่วนตำบลบางพลีใหญ่ ได้นำเอาปัญหาความต้องการของประชาชนในการตอบสนองความต้องการ ผ่านที่ประชุมประชาคม โดยผ่านมติของสภาหรือฝ่ายนิติบัญญัติ ในการจัดสรรงบประมาณแต่ละหมู่บ้านโดยทั่วถึงกัน 

สำหรับในอนาคตองค์การบริหารส่วนตำบลบางพลีใหญ่ จะจัดทำโครงการก่อสร้างโรงเรียนอนุบาล ขององค์การบริหารส่วนตำบลบางพลีใหญ่ และจัดสร้างศูนย์ป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยองค์การบริหารส่วนตำบลบางพลีใหญ่ ข้างเมกาโฮม ถนนบางพลี ตำหรุ โดยได้ดำเนินการจัดสรรที่ดินไว้แล้ว 

ทั้งนี้การจะบริหารองค์กรให้มีประสิทธิภาพและประสิทธิผลสูงสุดพร้อมๆ กับการแก้ไขปัญหารวมถึงกำหนดแนวทางเพื่อพัฒนาท้องถิ่นเพราะนโยบายสาธารณะระดับท้องถิ่นที่ดีย่อมขาดการมีส่วนร่วมของประชาชนมิได้ ขอขอบคุณพี่น้องประชาชนตำบลบางพลีใหญ่ ทุกท่าน ที่ได้มีส่วนร่วมขับเคลื่อนกับ องค์การบริหารส่วนตำบลบางพลีใหญ่ ของเราตลอดเวลา 4 ปี ที่ผ่านมา

คิว-ข่าวสมุทรปราการ รายงาน

ผู้บัญชาการทหารเรือเป็นประธานประกอบพิธีอัญเชิญพระบรมรูปหล่อสมเด็จพระเจ้าตากสินมหาราช มาประดิษฐาน ณ ท้องพระโรง พระราชวังเดิมเป็นการชั่วคราว

(17 พ.ค. 68) พลเรือโท อาภา ชพานนท์ ผู้บัญชาการทัพเรือภาคที่ 1 ร่วมพิธีอัญเชิญพระบรมรูปหล่อ (เท่าพระองค์จริง) สมเด็จพระเจ้าตากสินมหาราช มาประดิษฐาน ณ ท้องพระโรง พระราชวังเดิม เป็นการชั่วคราว โดยมี พลเรือเอก จิรพล ว่องวิทย์ ผู้บัญชาการทหารเรือ เป็นประธานในพิธี…

ฐานส่งกำลังบำรุงทหารเรือตราด ทัพเรือภาคที่ 1 (ฐตร.ทรภ.1) ได้ขอความอนุเคราะห์มูลนิธิอนุรักษ์โบราณสถานในพระราชวังเดิม นำพระบรมรูปหล่อสมเด็จพระเจ้าตากสินมหาราช ที่จัดสร้างขึ้น ประดิษฐานเป็นการชั่วคราว ณ ท้องพระโรง พระราชวังเดิม ภายในกองบัญชาการกองทัพเรือ พระราชวังเดิม ถนนอรุณอัมรินทร์ เขตบางกอกใหญ่ กรุงเทพฯ ก่อนจะนำไปประดิษฐานเป็นการถาวร เพื่อความเป็นสิริมงคลแก่กำลังพล ณ ศาลสมเด็จพระเจ้าตากสินมหาราช ฐานส่งกำลังบำรุงทหารเรือตราด

พระรูปที่นำมาประดิษฐานในครั้งนี้ทรงบัลลังก์เนื้อทองเหลืองขนาดเท่าองค์จริง ดำเนินการจัดสร้างโดยฐานส่งกำลังบำรุงทหารเรือตราด เพื่อน้อมรำลึกถึงพระมหากรุณาธิคุณและเผยแพร่พระเกียรติคุณของสมเด็จพระเจ้าตากสินมหาราชที่เกี่ยวข้องกับจังหวัดตราด ตลอดจนเป็นที่สักการะบูชาของกำลังพลกองทัพเรือและประชาชนทั่วไป รวมถึงเพื่อเป็นอนุสรณ์เตือนใจให้กำลังพลยึดมั่นในความกล้าหาญ อดทน เสียสละ และปฏิบัติงานด้วยความทุ่มเทอย่างเต็มกำลังความสามารถ

โอกาสนี้ กองทัพเรือ และมูลนิธิอนุรักษ์โบราณสถานในพระราชวังเดิม เปิดโอกาสให้ประชาชนทั่วไปได้เข้ามาสักการะพระบรมรูปหล่อสมเด็จพระเจ้าตากสินมหาราชเป็นกรณีพิเศษ ณ ท้องพระโรง พระราชวังเดิม โดยสามารถนำบัตรประจำตัวประชาชนมาติดต่อขอแลกบัตรเข้าพื้นที่ ได้ที่กองรักษาการณ์ กองบัญชาการกองทัพเรือ พระราชวังเดิม ถนนอรุณอัมรินทร์ เขตบางกอกใหญ่ กรุงเทพฯ โดยสามารถเข้าสักการะได้ ตั้งแต่ 17 ถึง 22 พฤษภาคม 2568 ระหว่างเวลา 09:00 น. ถึง 15:30 น.

สมนึก เชื้อสนุก  รายงาน

‘มิลลิ’ นักร้องแร็พ สู้!! นักมวยจีน ใช้อาวุธครบ แลกเป็นแลก ถึงแม้จะแพ้!! แต่ได้ใจคนดู เพราะหัวใจเธอมัน ‘เฮฟวีเวท’

(17 พ.ค. 68) เพจ ‘เดือดทะลักจุดแตก’ โพสต์ข้อความ เกี่ยวกับ MILLI โดยมีใจความว่า ...

สุดยอดโคตร ๆ โคตร ๆ โคตร ๆ  'มิลลิ' MILLI สุดจิตสุดใจจริง ๆ! นี่คือความห้าวหาญอันยิ่งใหญ่ของการเกิดเป็นคน 

ในเวทีคอนเสิร์ต เธอคือนักร้องหญิง 'ชาวไทย' ที่ดีที่สุด(สำหรับผม) แต่บนสังเวียนมวยไทย มันไม่ใช่! เธอไม่มีแต้มต่อ! เธอมัน underdog! แต่เธอริอหังการ์กล้าท้าขึ้นเวทีสู้!!!!!

เธอสู้แบบโถมทั้งชีวิต ไม่กลัว!!!!!

'อำนวยจิต สิทธิ์แลกซื้อ' คือชื่อในวงการใหม่นี้โว้ยยย

นี่ไม่ใช่ลิเก ไม่ใช่ปาหี่ ไม่ใช่จัดฉาก และไม่ใช่มวยดารา

'มิลลิ' ต่อยกับมวยจริง ๆ มวยในวงการจริง ๆ
คู่ต่อสู้จากจีน
เธอจะเอาอะไรไปสู้
แต่เธอ 'สู้' ว่ะ

สุดจิตสุดใจ สุดจิตสุดใจ สุดจิตสุดใจ สุดจิตสุดใจ สุดจิตสุดใจ
'อำนวยจิต' กูขออวยทั้งจิต ด้วยสิทธิ์หัวใจทั้งหมดที่กูมี
เธอสาดแข้งเข้าสู้ เธอแลก เธอไม่กลัวศักดิ์ศรี
เธอเน้นเตะ เตะ เตะ ไม่ต้องเข้าประชิด

อย่า ... อย่าดูถูก เมื่อระยะเข้าติด เธอต่อย เธอแลกเป็นแลก แล้วสู้ได้!!

มวยกระดูกใหญ่กว่าแล้วไง!!

เหลือเชื่อ อาวุธเธอมีครบ และเธอกล้าใช้มันหมด ไม่กลัวโดนสวน ไม่กลัวเปิดหน้า ไม่กลัวร่วง
ใจมันได้จริง ๆ!!

ยกสอง จีนจะเอาให้ได้ บุกตะลุยเข้าใส่ ไม่มีไว้เชิงแล้ว
แต่เอาเธอไม่ลงจริง ๆ 

บอกตรง ๆ ก็มีเสียว โดนโหมจู่โจมหนัก ๆ มีเป๋เหมือนกัน
แต่ย้ำว่าเอาเธอไม่ลง!!! --- มาถึงขั้นนี้เธอไม่ยอมลงง่าย ๆ
เธอยืนหยัด โดนเป็นโดน โดนก็โดนดิ เธอไม่ถอย และเธอก็แลกเข้าให้!! จะโต้ตลอด

ย้ำว่าจีนมวยจริง ๆ นะครับ และเอาจริง
ไม่ใช่การแสดง
ยกสาม ก็มันส์จริง ๆ
ก็มันส์ทุกยกแหละ มันส์สุด ๆ สุด ๆ สุด ๆ
เธอบู๊สะบั้นหั่นแหลก

'มิลลิ' คือ FIGHTER ตัวจริงแห่งโลกมนุษย์ทั้งใบ
ไม่กลัวหน้าไหนทั้งนั้น
เธอแพ้ ยังไงก็แพ้ แต่เธอก็จะเอาให้ได้
ออกหมัดตลอด เข้าเป้าด้วย ได้น้ำได้เนื้อด้วย 
ขาก็เตะไม่หยุด แม้ท้าย ๆ แรงมีตก ช้าลงชัด แต่ไม่หมด เธอยังมา
เธอต้องมา!!

เธอซ้อมมวยไทยมาเป็นปี และมาเร่งเครื่องเต็มที่ช่วง 1 เดือนมานี้ เพื่อขึ้นชกกับนักมวยตัวจริง และเธอสู้ได้สุดยอด TOP OF THE WORLD
หัวใจเธอมัน 'เฮฟวีเวท'
ดูแล้วมันบันดาลใจโคตร ๆ
ดูแล้วรู้สึกว่าตัวเองแ_งกระจอกว่ะ
คนที่มุ่งมั่น คนที่เอาจริงเอาจัง มันทำได้ทุกอย่างในโลกแหละ!!

MILLI กระตุ้นเร้าให้ผมอยาก "เอาจริง" กับชีวิต
ALL IN กับทุกสิ่ง

'อำนวยจิต สิทธิ์แลกซื้อ'
บันดาลจิต ให้ทุ่มซื้อทุกสิทธิ์แห่งชีวิต
แลกมัน
อย่าไปกลัว!!

‘อ.ปิติ’ ย้อนความหลังเหตุ!! ตกหลุมรักวิชาภูมิศาสตร์ เผย!! อ่านแล้ว มีงานทำ มีเรื่องเล่า มีเรื่องให้อยากรู้

(17 พ.ค. 68) รศ.ดร.ปิติ ศรีแสงนาม อาจารย์ประจำ คณะเศรษฐศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ได้โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊กส่วนตัว ระบุว่า …

ปี 2017 ผมและ ทีม Indian Studies Center of Chulalongkorn University พานิสิต คณาจารย์และเจ้าหน้าที่เดินทางไปประเทศอินเดียในโครงการ 'ภารตสิกขยาตรา' และหนึ่งในที่ ๆ พวกเราชาวคณะอินเดียศึกษา และเอเชียใต้ศึกษา จุฬาฯ ต้องไปทุกครั้ง และจะเสียเงินกันคราวละมาก ๆ นั่นคือ ร้านหนังสือในอินเดีย เพราะประเทศนี้หนังสือราคาถูก และมีหนังสือเกือบทุกประเภทให้เลือกซื้อ และร้านที่พวกเรามักจะไปกันเสมอ ๆ คือ Bahrisons แห่งตลาด Khan Market ใจกลางกรุงนิวเดลี

ผมเป็นคนชอบดูแผนที่มาตั้งแต่เด็ก ๆ พอเจอหนังสือที่ชื่อว่า Prisoners of Geography ที่มีคำโปรยหนังสือว่า Ten maps that tell you everything you need to know about Global Politics มีหรือที่ผมจะไม่ซื้อ จำได้คร่าว ๆ ว่าฉบับที่ขายในอินเดียราคาน่าจะประมาณ 150-160 บาทไทย ยิ่งทำให้จำเป็นต้องซื้อยิ่งขึ้นไปอีก

หลังจากอ่านหนังสือ เล่มนี้ไปได้ซักหนึ่งถึงสองบท ผมรู้ตัวทันทีว่าผมตกหลุมรักกับวิชาภูมิรัฐศาสตร์ไปแล้ว Tim Mashall ผู้เขียนเป็น War correspondent (นักข่าวในสนามรบ) ที่ใช้เวลากว่า 24 ปีเข้าไปทำข่าวใน 12 สมรภูมิ งานเขียนของเค้าทำให้ผมเข้าใจว่าถ้าจะเข้าใจความเป็นไปของโลกเศรษฐศาสตร์แบบที่เป็นแบบจำลองอย่างที่ผมเคยทำมาตั้งแต่เรียนจบคงไม่สามารถอธิบายได้มากสักเท่าไหร่ ตั้งแต่นั้นมาผมก็เริ่มต้นอ่านหนังสือ หาความรู้ และทำงานวิจัย รวมทั้งเอามาสอนในวิชาที่คณะเศรษฐศาสตร์จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย จนในที่สุดเอามาเขียนเป็นหนังสือทั้งสามเล่ม โดยที่เล่มล่าสุด ไทยในสงครามเย็น 2.0 Amidst the Geo-Economic crashes ได้รับรางวัลพระราชทานหนังสือดีเด่นประจำปี 2568 

ทั้งหมดคงไม่ได้เกิดขึ้นถ้าผมไม่ได้อ่านหนังสือเล่มนี้ 

และปีนี้ปี 2025 หนังสือเล่มนี้มีอายุครบ 10 ปี เสด็จพ่อแห่งวงการนักเขียนภูมิรัฐศาสตร์อย่าง Tim Marshall ก็เอาหนังสือเล่มนี้มาอัปเดตอีกครั้งหนึ่งโดยใส่ข้อมูลที่เป็นเรื่องราวที่เกิดขึ้นในช่วง 10 ปีที่ผ่านมาเข้าไปเพิ่มเติมจากต้นฉบับเดิมและมีคำโปรยที่ว่า  fully updated to cover global events of the last 10 years มีหรือที่ผมจะไม่รีบซื้อหนังสือเล่มนี้ทั้งที่ความจริงเคยอ่าน ฉบับพิมพ์ครั้งที่หนึ่งภาษาอังกฤษ และภาษาไทยมาแล้ว

ไม่น่าเชื่อว่าหนังสือเล่มนึงจะทำให้ผมมีงานทำ มีเรื่องเล่า มีเรื่องให้อยากรู้ ได้ตลอดมาเกือบ 10 ปี และยังคงสนใจเรื่องแบบนี้ไปเรื่อย ๆ 

ป.ล. อินเดียทริปนั้นสนุกมาก เพราะได้เดินทางกับ dream team Chayodom Sabhasri Surat Horachaikul Jirayudh Jahangir Sinthuphan Kittipong Boonkerd ผมว่า บัดนี้ได้เวลาอันสมควรที่เราน่าจะทำทริปแบบนี้กันอีกนะครับ

‘เอกนัฏ’ ลั่น!! ต้องปิดเกม ‘นิคมศูนย์เหรียญ’ ส่ง ‘สุดซอย’ บุกระยอง ชักปลั๊ก!! หยุดกิจการ

(17 พ.ค. 68) นายเอกนัฏ พร้อมพันธุ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม เปิดเผยว่า ได้มอบหมายให้ นางสาวฐิติภัสร์ โชติเดชาชัยนันต์ หัวหน้าคณะทำงานรัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม หัวหน้าชุดปฏิบัติการตรวจสุดซอยของกระทรวงอุตสาหกรรม หรือ 'ทีมสุดซอย' พร้อมด้วย กรมโรงงานอุตสาหกรรม (กรอ.) สำนักงานมาตรฐานผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรม (สมอ.) และกองบังคับการปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม (บก.ปทส.) ลงพื้นที่ ต.ตาสิทธิ์ อ.ปลวกแดง จ.ระยอง หลังได้รับการประสานงานจาก นายชุติพงศ์ พิภพภิญโญ สส.ระยอง พรรคประชาชน ให้เข้าตรวจสอบกลุ่มโรงงานและโกดังต้องสงสัยที่อาจเข้าข่ายตั้งเป็นนิคมจีนศูนย์เหรียญ รวมทั้งยังมีประชาชนบริเวณใกล้เคียงร้องเรียนว่า ได้รับผลกระทบด้านมลภาวะจากกลุ่มโรงงานดังกล่าวด้วย 

“นิคมศูนย์เหรียญ เป็นวาระสำคัญ กระทรวงอุตสาหกรรมต้องเร่งปราบปราม แก้ไขอย่างเร่งด่วน เป็นโมเดลธุรกิจ ที่เอารัดเอาเปรียบ ไม่ก่อให้เกิดมูลค่า ทำลายสิ่งแวดล้อม ทำร้ายชีวิตคน ทำร้ายธุรกิจไทย ไร้ความรับผิดชอบ ไม่ยำเกรงต่อกฎหมายบ้านเมือง เป็นอันตรายต่อระบบเศรษฐกิจไทยอย่างร้ายแรง“ นายเอกนัฏ ระบุ 

นางสาวฐิติภัสร์ กล่าวเสริมถึงผลการลงพื้นที่ตรวจสอบกลุ่มโรงงานที่ ต.ตาสิทธิ์ อ.ปลวกแดง จ.ระยอง ว่า ในพื้นที่มีอาคารลักษณะโกดังจำนวน 4 หลังเป็นของ บริษัท ซีเอสเค เอสเตรท จำกัด ประกอบกิจการให้เช่าพื้นที่โรงงานและโกดัง มี นายหว่าน ชิว เฉิน รับเป็นเจ้าของโครงการบริหารจัดการดูแลพื้นที่ทั้งหมด โดยมีข้อเสนอพิเศษให้ผู้เช่าว่า สามารถขอใบอนุญาตโรงงาน (รง.4) ให้ได้ด้วย โดยพบว่า 4 โกดังในพื้นที่มี 5 บริษัทที่มีกรรมการบริษัทเป็นชาวจีนทั้งหมดตั้งประกอบกิจการโรงงานอยู่ ตรวจสอบใบอนุญาตโรงงานพบข้อพิรุธว่า เกือบทุกบริษัทได้รับโอนใบอนุญาตจาก บริษัท ซีเอสเค เอสเตรท จำกัด และประเภทของใบอนุญาตก็จะมีลักษณะคล้ายหรือใกล้เคียงกัน แต่ในข้อเท็จจริงแต่ละโรงงานผลิตสินค้าที่แตกต่างกัน 

“กรณีของบริษัท ซีเอสเคฯ ในฐานะผู้ให้เช่าโกดังมีใบอนุญาตประเภทเดียวกันจำนวน 3-4 ใบ และยังสามารถโอนไปยังผู้เช่าโกดังในห้วงเวลาเดียวกัน ต้องไปไล่ดูว่า มีช่องโหว่ในกระบวนการขออนุญาตของ กรอ. หรือมีเจ้าหน้าที่ใช้อำนาจหน้าที่โดยมิชอบ เอื้อประโยชน์ หรือสนับสนุนผู้ประกอบการกระทำความผิดหรือไม่ด้วย“ นางสาวฐิติภัสร์ กล่าว 

นางสาวฐิติภัสร์ เปิดเผยถึงผลการตรวจสอบโรงงานทั้งหมด ดังนี้ 

1.บริษัท ซานเซน อิเล็คทริคอล (ประเทศไทย) จำกัด แจ้งประกอบกิจการผลิตชิ้นส่วนอิเล็กทรอนิกส์ ปลั๊กไฟ ปลั๊กราง และสายไฟ โดยไม่แจ้งขออนุญาตเริ่มประกอบกิจการ เจ้าหน้าที่จึงสั่งหยุดประกอบกิจการทั้งหมด พร้อมดำเนินคดีฐานประกอบกิจการโดยไม่แจ้ง และฐานทำผลิตภัณฑ์ โดยไม่มีใบอนุญาต รวมถึงจำหน่ายผลิตภัณฑ์โดยไม่มีมาตรฐานผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรม (มอก.) กับบริษัทและกรรมการ รวมทั้งยึดอายัดผลิตภัณฑ์ มูลค่ากว่า 2 ล้านบาท 

2.บริษัท ชุนเล่ย (ไทยแลนด์) จำกัด แจ้งประกอบกิจการโรงงานผลิต นำเข้า ส่งออก เชือกรัด สายรัด สลิง เชือกยกของหัวเข็มขัด ตัวล็อกและชิ้นส่วนอุปกรณ์ ซึ่งเป็นกิจการโรงงานจำพวกที่ 3 ที่จะต้องได้รับใบอนุญาตก่อนจึงจะดำเนินกิจการได้ แต่ตรวจพบว่า ประกอบกิจการผลิตสายรัดของ ซึ่งไม่ตรงกับประเภทหรือชนิดของโรงงานที่ได้รับอนุญาต จึงสั่งให้หยุดประกอบกิจการ พร้อมดำเนินคดีกับบริษัทและกรรมการ ฐานประกอบกิจการไม่ตรงกับที่ได้รับอนุญาต 

3.บริษัท จินต๋า พรีซิชั่น (ประเทศไทย) จำกัด ประกอบกิจการผลิตชิ้นส่วนยานยนต์ ชิ้นส่วนเครื่องใช้ไฟฟ้า และชิ้นส่วนอิเล็กทรอนิกส์ แต่พบว่ามีการแบ่งพื้นที่ให้ บริษัท แฮนด์ดีแจ็ค อีควิปเมนท์ จำกัด ประกอบกิจการผลิตแม่แรงไฮดรอลิก แต่ตั้งประกอบกิจการโรงงานโดยไม่ได้รับอนุญาตอยู่ด้วย จึงได้สั่งหยุดประกอบกิจการทั้งหมด พร้อมผูกมัดประทับตรายึดอายัดเครื่องจักร และควบคุมตัว นายยู่ เจียงหัว อายุ 36 ปี สัญชาติจีน ที่รับเป็นผู้จัดการผู้ควบคุมงานของบริษัทไปดำเนินคดีข้อหาตั้งประกอบกิจการโดยไม่ได้รับอนุญาต 

"การปราบปรามนิคมจีนศูนย์เหรียญ เป็นวาระเร่งด่วน และนโยบายสำคัญของ กระทรวงอุตสาหกรรม จึงต้องเร่งจัดการให้หมดไปโดยเร็ว และจะดำเนินคดีลงโทษกับผู้กระทำความผิดอย่างถึงที่สุด ซึ่งทีมสุดซอยจะรวบรวมข้อมูลเป็นรายสรุปนำเสนอ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม ไปถึงผู้บริหารกระทรวงฯ ถึงพฤติกรรม และรูปแบบดำเนินกิจการของกลุ่มบุคคลเหล่านี้ เพื่อนำไปสู่การปรับระเบียบ หลักเกณฑ์การพิจารณาออกใบอนุญาตต่าง ๆ เพื่อให้สอดคล้องกับยุคสมัยปัจจุบันและสภาพเศรษฐกิจที่เปลี่ยนไป“ นางสาวฐิติภัสร์ กล่าวทิ้งท้าย

เพจ ‘คุยทุกเรื่องกับสนธิ’ โพสต์ข้อความกรณี ‘nailname’ รับพูดเท็จ ‘สนธิ’ ออกมาไล่ ‘ทักษิณ’ เพราะไม่ให้ยืมเงิน

(17 พ.ค. 68) เพจ ‘คุยทุกเรื่องกับสนธิ’ ได้โพสต์ข้อความระบุว่า ...

ยูทูบเบอร์ nailname ขอโทษ 'สนธิ' รับพูดเท็จ สนธิ ออกมา 'ไล่ทักษิณ' เพราะไม่ให้ยืมเงิน

"ตามที่ข้าพเจ้า เนม รติศา วิเชียรพิทยา หรือ nailname เผยแพร่คลิปวิดีโอ ชื่อหัวข้อ #สนธิ vs ทักษิณ ตำนานเพื่อนรักไม่ให้ยืมเงิน จุดเริ่มต้นสงครามเหลืองแดง เมื่อวันที่ 29 กรกฎาคม 2566 เผยแพร่ใน YouTube ช่อง NailName ซึ่งเนื้อหาในคลิปวิดีโอดังกล่าว ข้าพเจ้าขอยอมรับว่าไม่เป็นความจริง ข้าพเจ้าได้ตรวจสอบแล้วไม่พบหลักฐานหรือข่าวใด ๆ ที่ยืนยันได้ว่า คุณสนธิไปยืมเงินคุณทักษิณ โดยปรากฏข่าวว่าคุณสนธิปฏิเสธว่าไม่ใช่เพื่อนรักกับคุณทักษิณ และมีบุคคลอื่น เคยขอโทษคุณสนธิเกี่ยวกับเรื่องนี้ ดังที่ปรากฏข้อมูลไว้ในคลิปวิดีโอดังกล่าว โดยเนื้อหาในคลิปวิดีโอ ทำให้คุณสนธิได้รับความเสียหาย ต่อชื่อเสียง ข้าพเจ้ารับทราบแล้วจึงขออภัยและขอโทษมาด้วยความจริงใจ ต่อคุณสนธิ ลิ้มทองกุล และขอบคุณคุณสนธิยินดีที่จะไกล่เกลี่ยและไม่เอาความ มา ณ โอกาสนี้"

นายแพทย์ตุลย์ สิทธิสมวงศ์ ถูกขบวนการเฟคนิวส์ ตัดต่อภาพ ทำคลิปโฆษณาอาหารเสริมแก้เบาหวาน

(17 พ.ค. 68) นายแพทย์ตุลย์ สิทธิสมวงศ์ สูตินรีแพทย์ชื่อดัง ตกเป็นเหยื่อของขบวนการเฟคนิวส์ หลังจากมีการนำภาพของท่านไปตัดต่อเป็นวิดีโอเพื่อโฆษณาขายอาหารเสริมแก้เบาหวาน สร้างความเข้าใจผิดให้กับประชาชน

ภาพดังกล่าวถูกเผยแพร่ผ่านสื่อสังคมออนไลน์ โดยมีการนำภาพของนายแพทย์ตุลย์ขณะพูดในงานหนึ่ง มาตัดต่อใส่ข้อความและเสียงที่กล่าวอ้างถึงสรรพคุณของอาหารเสริมแก้เบาหวาน สร้างความเสียหายต่อชื่อเสียงของท่านและทำให้ประชาชนเข้าใจผิดเกี่ยวกับการรักษาโรคเบาหวาน

นายแพทย์ตุลย์ สิทธิสมวงศ์ ชี้แจงว่า ท่านไม่ได้มีส่วนเกี่ยวข้องใด ๆ กับผลิตภัณฑ์ดังกล่าว และขอให้ประชาชนระมัดระวังข่าวปลอมที่ใช้ชื่อและภาพของท่านเพื่อหวังผลประโยชน์ทางการค้า ทั้งนี้ ท่านยังเน้นย้ำว่า การรักษาโรคเบาหวานควรได้รับคำแนะนำจากแพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านอายุรศาสตร์ ไม่ใช่อาหารเสริมที่ไม่มีการรับรองทางการแพทย์

ประชาชนที่พบเห็นวิดีโอนี้ โปรดอย่าหลงเชื่อ หากเป็นเบาหวาน ควรพบแพทย์เพื่อรับการรักษาที่ถูกต้องเป็นมาตรฐานต่อไป

‘อดีตบิ๊กข่าวกรอง’ เตือน!! ระวังภัยซ่อนเร้นจากโต๊ะเจรจาการค้า ชี้!! เกษตรกรไทย อาจถูกตีซ้ำสอง ทั้งจากจีน และสหรัฐอเมริกา

(17 พ.ค. 68) นายนันทิวัฒน์ สามารถ อดีตเลขานุการรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ และอดีตรองผู้อำนวยการสำนักข่าวกรองแห่งชาติ โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊ก เรื่อง 'กระดูกสันหลังหักแน่' ระบุว่า …

น่ากลัว การเจรจาเรื่องภาษีที่ไทยกำลังเจรจากับสหรัฐ อย่ายอมเปิดตลาดไทยให้สินค้าเกษตรอเมริกันแบบอ้าซ่า โดยไม่มีเงื่อนไขเด็ดขาด

สินค้าเกษตรอเมริกันอาจมีปัญหาจีเอ็มโอ ที่มีการตัดต่อพันธุกรรม อาจเป็นผลร้ายต่อผู้บริโภคชาวไทยแต่ประการสำคัญ สินค้าเกษตรจากอเมริกาจะดั๊มตลาดไทย จนส่งผลกระทบต่อเกษตรกรที่ประสบปัญหาราคาพืชผลการเกษตรตกต่ำและรัฐบาลก็ไม่สามารถช่วยเหลือเกษตรกรได้ เกษตรกรจะเจอสึกสองด้นทั้งจีนและอเมริกา

สินค้าอีกตัวที่เข้ามาได้คือเนื้อหมูที่อเมริกาอยากให้เราเปิดตลาดมานานแล้ว ปัจจุบันก็มีการลักลอบนำเข้าเนื้อหมูชำแหละเข้าประเทศอยู่แล้ว คนเลี้ยงหมูตายแน่คราวนี้

เกษตรกรที่ถูกเชิดชูเป็นกระดูกสันหลังของชาติ ไทยจะเรืองอำนาจ เพราะไทยเป็นชาติกสิกรรม คงมีอยู่แต่ในเนื้อเพลง แต่เกษตรกรตัวจริงหลังหักไปแล้ว

สบส. จัดประชุมยกระดับบริการเทคโนโลยีช่วยการเจริญพันธุ์ฯ ในสถานพยาบาลรัฐ และเอกชน 241 แห่งทั่วไทย

กรมสนับสนุนบริการสุขภาพ (กรม สบส.) กระทรวงสาธารณสุข จัดประชุมยกระดับบริการเทคโนโลยีช่วยการเจริญพันธุ์ทางการแพทย์ สถานพยาบาล 241 แห่งทั่วไทย พร้อมเดินหน้าพัฒนาร่างกฎหมายอุ้มบุญ ฉบับ 2 พัฒนาแนวทางการขอรับบริการเพื่อให้รองรับกลุ่มสมรสเท่าเทียม

เมื่อวันที่ (14 พ.ค.68) ณ อาคารกรมสนับสนุนบริการสุขภาพ กระทรวงสาธารณสุข จังหวัดนนทบุรี ทันตแพทย์อาคม ประดิษฐสุวรรณ รองอธิบดีกรมสนับสนุนบริการสุขภาพ เป็นประธานเปิดการประชุมเชิงปฏิบัติการ เรื่อง “การให้บริการด้านเทคโนโลยีช่วยการเจริญพันธุ์ทางการแพทย์จากข้อกําหนดของกฎหมายสู่การปฏิบัติ (IVF/IUI) ผ่านสื่ออิเล็กทรอนิกส์” โดยมีบุคลากรของสถานพยาบาลทั้งภาครัฐ และภาคเอกชนทั่วประเทศ รวมทั้งสิ้น 241 แห่งทั่วประเทศ เข้าร่วมทั้งออนไซต์ และออนไลน์

ทันตแพทย์อาคม ประดิษฐสุวรรณ ให้สัมภาษณ์ภายหลังพิธีเปิดฯว่า ปัจจุบัน พระราชบัญญัติคุ้มครองเด็กที่เกิดโดยอาศัยเทคโนโลยีช่วยการเจริญพันธุ์ทางการแพทย์ พ.ศ. 2559 ได้มีผลบังคับใช้มากว่า 9 ปี โดยสร้างรายได้เข้าสู่ประเทศ กว่า 7,500 ล้านบาท มีอัตราความสำเร็จในการให้บริการตั้งครรภ์ เฉลี่ยสูงถึงร้อยละ 52 มีการทำเด็กหลอดแก้ว (IVF) กว่า 20,000 รอบการรักษา และมีการผสมเทียม (IUI) กว่า 12,000 รอบการรักษา ซึ่งถือเป็นหลักฐานของความก้าวหน้า และความสำเร็จของการให้บริการเทคโนโลยีช่วยการเจริญพันธุ์ทางการแพทย์ของไทยที่ไม่เป็นรองชาติใดๆ ดังนั้น เพื่อการยกระดับบริการ เพิ่มศักยภาพในการให้บริการทั้งคนไทยเละต่างชาติ การคุ้มครองผู้บริโภค จวบจนดึงดูดผู้รับบริการเทคโนโลยีช่วยการเจริญพันธุ์ฯ จากต่างชาติเข้าสู่ประเทศ จึงเป็นที่มาของการจัดการประชุมในครั้งนี้ขึ้น เพื่อส่งเสริมและพัฒนาศักยภาพให้สถานพยาบาลที่ให้บริการเกี่ยวกับเทคโนโลยีช่วยการเจริญพันธุ์ทางการแพทย์ ทั้งในกลุ่มสถานพยาบาลรายเดิมและกลุ่มสถานพยาบาลที่ให้บริการ IUI รายใหม่ทั่วประเทศ มีความรู้ความเข้าใจและสามารถดำเนินการให้บริการตามที่กฎหมายกำหนด และสามารถดำเนินการตามระบบฐานข้อมูลในรูปโปรแกรมคอมพิวเตอร์ (ICMART) ซึ่งจะนำไปสู่การได้มาของข้อมูลภาพรวมของประเทศและนำไปวิเคราะห์ข้อมูล กำหนดนโยบายการให้บริการด้านเทคโนโลยีช่วยการเจริญพันธุ์ฯ ของประเทศ 

ทันตแพทย์อาคมฯ  กล่าวเพิ่มเติมว่า และนอกจากการพัฒนาบุคลากรแล้ว การพัฒนากฎหมายที่เกี่ยวข้องให้สอดคล้องกับสภาวการณ์ในปัจจุบันนั้นถือเป็นสิ่งสำคัญ โดย กรม สบส. จึงได้ร่วมกับผู้ทรงคุณวุฒิจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง พัฒนากฎหมาย (ร่าง) พระราชบัญญัติคุ้มครองเด็กที่เกิดโดยอาศัยเทคโนโลยีช่วยการเจริญพันธุ์ทางการแพทย์ (ฉบับที่ 2) พ.ศ. ....โดยมีประเด็นในการปรับแก้กฎหมายแม่บท อาทิ การกำหนดอัตราค่าธรรมเนียมเกี่ยวกับการดำเนินการตามพระราชบัญญัติฯ การกำหนดให้มีพนักงานเจ้าหน้าที่เป็นการเฉพาะ การขอรับบริการเพื่อให้รองรับกลุ่มสมรสเท่าเทียม การเพิ่มกลุ่มผู้รับบริการตั้งครรภ์แทนในกลุ่มชาวต่างชาติ และการส่งออกซึ่งอสุจิ ไข่ หรือตัวอ่อนของผู้เป็นเจ้าของเซลล์สืบพันธุ์ เป็นต้น โดยอยู่ในระหว่างเสนอรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุขพิจารณา ก่อนเสนอคณะรัฐมนตรีเห็นชอบในหลักการต่อไป 

'รมว.สุดาวรรณ' เผยไทยปลื้มหนัง 'ผีใช้ได้ค่ะ' (A Useful Ghost) ได้รับคัดเลือกเข้าประกวดในสาย Critics’ Week (Semaine de la Critique) ของเทศกาลภาพยนตร์เมืองคานส์

'รมว.สุดาวรรณ' เผยไทยปลื้มหนัง 'ผีใช้ได้ค่ะ' (A Useful Ghost) ได้รับคัดเลือกเข้าประกวดในสาย Critics’ Week (Semaine de la Critique) ของเทศกาลภาพยนตร์เมืองคานส์ เผยหนังเรื่องนี้ได้รับการสนับสนุนงบประมาณในขั้นตอน Post-production กรมส่งเสริมวัฒนธรรม พร้อมร่วมจัดกิจกรรมต่าง ๆ เพื่อสร้างโอกาสให้ผู้ประกอบการไทยได้แสดงศักยภาพ และขยายความร่วมมือด้านภาพยนตร์อย่างรอบด้าน

เมื่อวานนี้ (16 พ.ค.68) นางสาวสุดาวรรณ หวังศุภกิจโกศล รัฐมนตรีว่าการกระทรวงวัฒนธรรม เปิดเผยว่า กระทรวงวัฒนธรรม โดยกรมส่งเสริมวัฒนธรรม ร่วมกับสำนักงานส่งเสริมวัฒนธรรมสร้างสรรค์ (Thailand Creative Culture Agency : THACCA) เดินหน้ายกระดับอุตสาหกรรมภาพยนตร์ไทยสู่เวทีระดับนานาชาติ โดยเข้าร่วม เทศกาลภาพยนตร์เมืองคานส์ ครั้งที่ 78 (Cannes Film Festival 2025) ซึ่งจัดขึ้นระหว่างวันที่ 13 – 24 พฤษภาคม 2568 ณ เมืองคานส์ สาธารณรัฐฝรั่งเศส โดยมีกิจกรรมไฮไลต์ ได้แก่ “A Sit-down Lunch Talk” การพบปะแบบกึ่งทางการระหว่างตัวแทนจากคณะกรรมการพัฒนาซอฟต์พาวเวอร์แห่งชาติ กับผู้ทรงอิทธิพลในอุตสาหกรรมภาพยนตร์ระดับโลก เช่น ผู้บริหารเทศกาลภาพยนตร์นานาชาติ ผู้อำนวยการองค์กรส่งเสริมภาพยนตร์ และผู้กำหนดนโยบายด้านวัฒนธรรมจากหลากหลายประเทศ ซึ่งเป็นการสร้างความเข้าใจและความร่วมมือเชิงยุทธศาสตร์ในระดับนานาชาติ อีกหนึ่งกิจกรรมสำคัญคือ “Thai Pitching” ซึ่งเปิดโอกาสให้ผู้ประกอบการไทยนำเสนอแนวคิดและโครงการภาพยนตร์ต่อกลุ่มนักลงทุน ผู้ร่วมผลิต และพันธมิตรเชิงกลยุทธ์จากต่างประเทศ ระหว่างวันที่ 19 – 20 พฤษภาคม 2568 ณ Thailand Pavilion No.112 โดยมีการคัดเลือก 3 โปรเจกต์เด่น ได้แก่ “ผีเงือก” ที่ได้รับงบประมาณสนับสนุนการผลิตภาพยนตร์บันเทิงคดี และ “ไส้เดือนตาบอดในเขาวงกต” กับ “ทางของแสง” ที่ได้รับทุนพัฒนาบทภาพยนตร์

นางสาวสุดาวรรณฯ กล่าวต่อว่า เพื่อเพิ่มขีดความสามารถในการเชื่อมโยงเครือข่ายระดับโลก กระทรวงวัฒนธรรมยังสนับสนุนการเข้าร่วม “Producers Network – Spotlight Session” ซึ่งเปิดพื้นที่ให้โปรดิวเซอร์ไทยจำนวน 5 ราย ที่ผ่านการคัดเลือกจากผู้เข้าร่วมกิจกรรม Thai Pitch และผู้ได้รับทุนผลิต เข้าร่วมสร้างเครือข่ายกับโปรดิวเซอร์นานาชาติ โดยกิจกรรมนี้เป็นเวทีสำคัญในการเจรจาความร่วมมือ และขยายตลาดภาพยนตร์ไทยไปยังระดับสากล อีกหนึ่งกลไกสำคัญคือการสนับสนุน ผู้ได้รับทุนผลิตสื่อคุณภาพ ทั้งในหมวดภาพยนตร์ ซีรีส์ สารคดี และแอนิเมชัน รวม 8 โปรเจกต์ (โปรเจกต์ละ 2 คน) ให้เข้าร่วมเทศกาลภาพยนตร์เมืองคานส์ เพื่อเปิดโลกทัศน์ของผู้สร้างสรรค์ไทย และสนับสนุนการแลกเปลี่ยนประสบการณ์กับผู้เล่นในอุตสาหกรรมภาพยนตร์ระดับโลก และยังมีการจัดสัมมนา THACCA Launch in Cannes ณ เวที Panel ในตลาด Marché เพื่อเผยแพร่บทบาทของ THACCA ในการผลักดันอุตสาหกรรมสร้างสรรค์ของไทย พร้อมนำเสนอวิสัยทัศน์นโยบายด้าน Soft Power ของประเทศต่อผู้มีบทบาทในอุตสาหกรรมระดับนานาชาติ อันเป็นเวทีที่ช่วยยกระดับภาพลักษณ์ประเทศไทยในฐานะแหล่งผลิตคอนเทนต์คุณภาพ ในช่วงท้ายของเทศกาลยังมีการจัด Thailand Reception ณ Thailand Pavilion เพื่อเปิดพื้นที่ให้ผู้ประกอบการไทยในอุตสาหกรรมภาพยนตร์ได้พบปะ พูดคุย และแลกเปลี่ยนข้อมูลเชิงธุรกิจกับผู้ร่วมงานจากนานาชาติ ไม่ว่าจะเป็นนักลงทุน ผู้ร่วมผลิต ผู้จัดจำหน่าย และผู้แทนองค์กรที่มีบทบาทสำคัญในอุตสาหกรรมทั่วโลก เป็นอีกหนึ่งเวทีสำคัญในการต่อยอดโอกาสทางธุรกิจในอนาคต 

“ในครั้งนี้นับเป็นข่าวดีของวงการภาพยนตร์ไทยที่สร้างความภาคภูมิใจ คือ ภาพยนตร์เรื่อง “ผีใช้ได้ค่ะ” (A Useful Ghost) กำกับโดย รัชฏ์ภูมิ บุญบัญชาโชค หรือ “อุ้ย” ได้รับคัดเลือกเข้าประกวดในสาย Critics’ Week (Semaine de la Critique) ของเทศกาลภาพยนตร์เมืองคานส์ เป็นภาพยนตร์ไทยเรื่องแรกในรอบ 10 ปี ที่ได้รับเกียรติให้เข้าร่วมสายการประกวดนี้ โดยผลงานจากบริษัท 185 ฟิล์มส์ จำกัด เรื่องนี้ได้รับการสนับสนุนงบประมาณในขั้นตอน Post-production จากกระทรวงวัฒนธรรม โดยกรมส่งเสริมวัฒนธรรม ถือเป็นก้าวสำคัญของอุตสาหกรรมภาพยนตร์ไทยในการขยายตลาดสู่ระดับนานาชาติอย่างเป็นรูปธรรม และเป็นบทพิสูจน์ถึงพลังของ Soft Power ไทยที่สามารถสร้างโอกาส สร้างชื่อเสียง และสร้างความภาคภูมิใจบนเวทีโลก” นางสาวสุดาวรรณ กล่าว 

ทั้งนี้  “A Useful Ghost” (ผีใช้ได้ค่ะ) เป็นภาพยนตร์ไทยแนวเสียดสีสังคมที่กำกับโดย รัชภูมิ บุณยฤทธิ์โชค ได้รับการสนับสนุนในขั้นตอนการพัฒนาบทภาพยนตร์จาก สำนักงานปลัดกระทรวงวัฒนธรรม และได้รับการสนับสนุน ในขั้นตอนหลังการผลิต (Post-production) จาก กรมส่งเสริมวัฒนธรรม กระทรวงวัฒนธรรม ภายใต้โครงการสนับสนุนการผลิตภาพยนตร์ ละคร ซีรีส์ สารคดี และแอนิเมชันไทย เพื่อส่งเสริมอุตสาหกรรมสร้างสรรค์และซอฟต์พาวเวอร์ 

A Useful Ghost ได้รับเลือกให้ประกวดในสาย Critics' Week (Semaine de la Critique) ของเทศกาลภาพยนตร์เมืองคานส์ ปี 2025 (ภาพยนตร์เรื่องแรกที่ได้เข้าฉายในสาย Critics' Week ซึ่งมุ่งเน้นผลงานของผู้กำกับหน้าใหม่) ภาพยนตร์เรื่องนี้เป็นการร่วมผลิตระหว่างประเทศไทย, สิงคโปร์, ฝรั่งเศส และเยอรมนี โดยได้รับการสนับสนุนจากหลายองค์กร รวมทั้งได้รับทุนจาก Infocom Media Development Authority (IMDA) ของสิงคโปร์ และรางวัล Open Doors Award จากเทศกาลภาพยนตร์โลการ์โน A Useful Ghost ได้รับรางวัล Runner-up จากการประกวด SEAPITCH 2020 (Bangkok ASEAN Film Festival 2020 จัดโดยกองภาพยนตร์และวีดิทัศน์ สำนักงานปลัดกระทรวงวัฒนธรรม

สวทท. ร่วมกิจกรรมในหลักสูตร The Media 6 พัฒนาศักยภาพการใช้สื่อสำหรับผู้บริหารระดับสูง เชื่อมโยงการสื่อสารไร้ขีดจำกัด 

นางสาวชุติพันธุ์ ลิมปะพันธุ์ นายกสมาคมนักวิทยุและโทรทัศน์แห่งประเทศไทย ในพระบรมราชูปถัมภ์  พร้อมด้วยนายสมชาย จรรยา อุปนายกฝ่ายโทรทัศน์และสื่อดิจิทัล และนางพรทิพย์ เอ็งสุวรรณ์ กรรมการฝ่ายประชาสัมัพันธ์ สวทท. ร่วมกิจกรรมในหลักสูตร The Media 6 พัฒนาศักยภาพการใช้สื่อสำหรับผู้บริหารระดับสูง เชื่อมโยงการสื่อสารไร้ขีดจำกัด สู่อนาคตที่ไม่สิ้นสุด โดยมี ดร.ธีรพล มั่นพิริยะกุล ผู้อำนวยการหลักสูตร ฯ วิทยากรพิเศษ และผู้เข้าสัมมนาจากหลากหลายอาชีพ ร่วมกิจกรรมกันอย่างสนุกสนานและมีสาระ ณ Gaysorn Urbon Resort ชั้น 19 วานนี้ (13 พ.ค.68)

กองทัพอากาศส่ง F-16 สกัด K-8 เมียนมา บิดเฉียดเขตไทย!!..ก่อนเปลี่ยนทิศออกจากชายแดน

(16 พ.ค.68) เวลา 12.31 น. หน่วยควบคุมและแจ้งเตือนทางอากาศของไทยตรวจพบอากาศยานทหารเมียนมาแบบ K-8 จำนวน 1 ลำ บินเข้าใกล้แนวชายแดนบริเวณ อ.เมือง จ.กาญจนบุรี กองทัพอากาศจึงดำเนินการตามระเบียบโดยการส่งสัญญาณแจ้งเตือนผ่านคลื่นฉุกเฉิน (On Guard) พร้อมสั่งการให้ F-16 จำนวน 2 ลำจากกองบิน 4 ตาคลี ขึ้นบินสกัดและแสดงศักยภาพเชิงป้องปรามทันที

ต่อมาเวลา 12.48 น. เครื่องบิน K-8 ดังกล่าวได้เปลี่ยนทิศออกจากเขตแดนไทย โดยไม่มีพฤติกรรมล้ำอธิปไตยหรือคุกคามความมั่นคงแต่อย่างใด พล.อ.ท.ประภาส สอนใจดี โฆษกกองทัพอากาศ เปิดเผยเพิ่มเติมเมื่อเวลา 13.30 น. ว่าการปฏิบัติครั้งนี้เป็นไปตามแผนการเฝ้าระวังน่านฟ้าอย่างเข้มงวด ซึ่งกองทัพอากาศย้ำว่าความมั่นคงทางอากาศเป็นภารกิจหลักที่ดำเนินการต่อเนื่อง

ทั้งนี้ K-8 หรือ 'คาราโครัม-8' เป็นเครื่องบินฝึกไอพ่นขั้นสูงและโจมตีเบา ผลิตร่วมโดยจีนและปากีสถาน ซึ่งกองทัพอากาศไทยยังคงจับตาพฤติกรรมของอากาศยานทุกประเภทที่เข้าใกล้ชายแดน เพื่อสร้างความเชื่อมั่นด้านความปลอดภัยแก่ประชาชน

เปิดรายชื่อ 17 ผู้ต้องหา คดีตึก สตง. ถล่ม ‘เปรมชัย’ พร้อมทีมวิศวกรเข้ามอบตัวแล้ว

(16 พ.ค. 68) จากกรณีตึกสำนักงานตรวจเงินแผ่นดิน (สตง.) ถล่ม ล่าสุดตำรวจนครบาลออกหมายจับผู้ต้องหา 17 ราย ในคดีอาญาที่ 621/2568 สน.บางซื่อ ฐานเป็นผู้ประกอบวิชาชีพด้านวิศวกรรมและสถาปัตยกรรมที่ไม่ปฏิบัติตามหลักเกณฑ์อย่างเหมาะสม จนเป็นเหตุให้เกิดอันตรายถึงชีวิต อันเป็นความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 227 และ 238

รายชื่อผู้ต้องหา 17 คน ประกอบด้วย 1.นายสุชาติ อายุ 64 ปี  2.นายพิมล อายุ 85 ปี 3.นายธีระ อายุ 59 ปี 4.นายสุพล อายุ 51 ปี 5.นายชัยณรงค์ อายุ 43 ปี 6.นายอภิชาติ อายุ 38 ปี 7.นายปฏิวัติ อายุ 53 ปี 8.นายกฤตภัฏ อายุ 51 ปี 9.นายพลเดช อายุ 56 ปี 10.นางปราณีต อายุ 63 ปี 11.นายสมชาย อายุ 59 ปี 12.นายเปรมชัย กรรณสูต อายุ 71 ปี 13.นางนิจพร อายุ 73 ปี 14.นายชวนหลิง จาง อายุ 42 ปี (ชาวจีน) 15.นายเกรียงศักดิ์ อายุ 65 ปี 16.นายอนุวัฒ อายุ 54 ปี และ 17.นายธิปัตย์ อายุ 43 ปี

ล่าสุดเช้าวันนี้ (16 พ.ค.) นายเปรมชัย กรรณสูต ผู้บริหารบริษัท อิตาเลียนไทย ดีเวล๊อปเมนต์ จำกัด (มหาชน) พร้อมทนายความได้เข้ามอบตัวต่อพนักงานสอบสวน สน.บางซื่อ ตามด้วยผู้ต้องหารายอื่น เช่น นายเกรียงศักดิ์ และนายพิมล รวมกว่า 10 รายที่ทยอยเข้าพบตำรวจตามหมายจับ

เบื้องต้น พนักงานสอบสวนอยู่ระหว่างสอบสวนปากคำผู้ต้องหา และคาดว่าจะนำตัวทั้งหมดส่งฟ้องต่อศาลอาญาในช่วงบ่ายวันนี้ตามขั้นตอนกฎหมาย

อาคารเพิ่งสร้างเสร็จ 2 ปี ถล่ม! ที่นิคมอมตะซิตี้ เร่งพิสูจน์สาเหตุ…หลังมีคนเจ็บ 1 รถพังเสียหายอื้อ

(16 พ.ค. 68) เมื่อเวลา 12.00 น. เกิดเหตุอาคารภายในนิคมอุตสาหกรรมอมตะซิตี้ ต.พานทอง อ.พานทอง จ.ชลบุรี พังถล่ม ส่งผลให้มีผู้ได้รับบาดเจ็บ 1 ราย และรถยนต์เสียหายจำนวน 24 คัน ขณะนี้เจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.พานทอง พร้อมนายอำเภอและฝ่ายความมั่นคงอยู่ระหว่างตรวจสอบที่เกิดเหตุ

ทราบชื่อผู้บาดเจ็บคือ น.ส.กนกพรรณ (สงวนนามสกุล) เบื้องต้นพบว่าอาคารดังกล่าวเป็นของบริษัทแห่งหนึ่ง ซึ่งก่อสร้างแล้วเสร็จมานานกว่า 2 ปี พนักงานให้ข้อมูลว่าไม่ทราบสาเหตุของการถล่ม เพียงเห็นว่าเกิดขึ้นอย่างกะทันหัน

ด้านเจ้าหน้าที่ตำรวจเผยว่า ขณะนี้อยู่ระหว่างประเมินมูลค่าความเสียหาย และรอผลตรวจสอบจากเจ้าหน้าที่พิสูจน์หลักฐาน เพื่อสรุปสาเหตุที่แท้จริงของการถล่มในครั้งนี้ต่อไป

Chery ผนึก KGEN ปั้นแบรนด์รถยนต์ ‘EV สัญชาติไทย’ หนุนเทคโนโลยี-ชิ้นส่วนในประเทศ ดันไทยสู่ผู้นำยานยนต์อาเซียน

(16 พ.ค. 68) Chery และ Omoda & Jaecoo ภายใต้บริษัท Chery Automobile ประกาศความร่วมมือเชิงกลยุทธ์กับบริษัท คิง เจน จำกัด (มหาชน) หรือ KGEN ในการพัฒนาแบรนด์รถยนต์ไฟฟ้า (EV) สัญชาติไทย โดยได้รับการสนับสนุนจากกระทรวง อว., สวทช. และกระทรวงพาณิชย์ มุ่งผลักดันเทคโนโลยี EV และการใช้ชิ้นส่วนในประเทศอย่างเป็นรูปธรรม

ความร่วมมือครั้งนี้ถือเป็นก้าวสำคัญในการยกระดับอุตสาหกรรมยานยนต์ของไทยสู่การเป็นศูนย์กลางการผลิตรถยนต์ไฟฟ้าในภูมิภาคอาเซียน โดยเน้นการพัฒนาเทคโนโลยีภายในประเทศ สร้างโอกาสให้ผู้ผลิตชิ้นส่วนไทยเข้าสู่ห่วงโซ่อุปทานระดับโลก พร้อมชูจุดเด่นด้านคุณภาพ ราคาจับต้องได้ และข้อได้เปรียบทางภาษีจากสถานะ ‘รถยนต์สัญชาติไทย’

ภายในงาน 'Next Era Mobility: TECH DAY' Chery ยังได้เปิดตัวเทคโนโลยีไฮบริดรุ่นใหม่ CHS และ SHS ที่มาพร้อมเครื่องยนต์ 1.5T GDI ประสิทธิภาพความร้อน 44.5% ระบบส่งกำลัง DHT และฟีเจอร์ด้านความปลอดภัยและการจัดการพลังงานล้ำสมัย ลดการใช้พลังงานลงสูงสุดถึง 15% และกู้คืนพลังงานจากเบรกได้ถึง 80%

ทั้งนี้ Chery และ Omoda & Jaecoo เตรียมเปิดตัวรถรุ่นใหม่หลายรุ่นในปีนี้ ทั้ง JAECOO 5 EV, 6T EV, OMODA C7 SHS และ C9 SHS พร้อมโปรโมชั่นราคาจับต้องได้และการเปิดตัวแบรนด์แอมบาสเดอร์ 'Mr.J' เพื่อสร้างการรับรู้ในกลุ่มผู้บริโภคยุคใหม่

สำหรับด้านการผลิต Chery ทุ่มงบกว่า 5,000 ล้านบาท สร้างโรงงานประกอบรถยนต์ในระยอง บนพื้นที่ 104 ไร่ พร้อมเดินสายการผลิตไตรมาส 3 ปี 2568 เริ่มที่ JAECOO 6 EV เป็นรุ่นแรก ตั้งเป้าผลิต 80,000 คันต่อปีภายในปี 2571 เพื่อรองรับทั้งตลาดในประเทศและการส่งออกสู่ตลาดภูมิภาค


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top