Tuesday, 8 July 2025
THE STATES TIMES TEAM

กัมพูชา ส่ง 94 คนไทยกลับประเทศ หลังร่วมตำรวจไทยบุกทลายเครือข่ายแก๊งคอลเซ็นเตอร์ 4 จุดในกัมพูชา พบทั้งหมดเกี่ยวข้องกับการหลอกลวงคนไทยด้วยกันทำงานผิดกฎหมาย 

เย็นวานนี้ (29 ก.ค.) พล.ต.อ.ดำรงศักดิ์ กิตติประภัสร์ รอง ผบ.ตร. และ ผอ.ศปอส.ตร. (PCT) ได้มอบหมายให้ พล.ต.ต.พันธนะ นุชนารถ รอง ผบช.ภ.8 หน.ชุดปฏิบัติการที่ 1 PCT ร่วมกับ พล.ต.ต.ธีรเดช ธรรมสุธีร์ ผบก.สส.ภ.2 หน.ชุดปฏิบัติการ PCT ที่ 5 และ พ.ต.อ.จตุรภัทร สิงหัษฐิต ผกก.สส.ภ.จว.สระแก้ว ผู้แทนผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดสระแก้ว รับตัวคนไทยซึ่งมีส่วนเกี่ยวข้องกับแก๊งคอลเซ็นเตอร์หลอกลวงคนไทยด้วยกันไปทำงานในกัมพูชา

โดยทั้งหมดได้ถูกทางการกัมพูชาเนรเทศกลับไทยหลังดำเนินคดีตามกฎหมายในกัมพูชาแล้ว และได้นำตัวเดินทางออกจากกรุงพนมเปญ มาส่งคืนให้ทางการไทยบริเวณจุดด่านผ่านแดนถาวรบ้านคลองลึก อ.อรัญประเทศ จ.สระแก้วการจับกุมดังกล่าวเกิดขึ้นภายใต้ความร่วมมือระหว่างทางการไทยและฝ่ายความมั่นคงของกัมพูชา ในการบุกเข้าทลายแก๊งคอลเซ็นเตอร์ 4 จุดในประเทศกัมพูชา ประกอบด้วย จุดที่ 1 โรงแรมจิงเฉิง ถนนสองธนู เมืองพระสีหนุ จับกุมผู้ต้องหาตามหมายจับได้ 21 คน

ส่วนจุดที่ 2 อาคาร 5 ชั้น ถนน 104 เมืองพระสีหนุ จับกุมผู้ต้องหาตามหมายจับ 18 คน จุดที่ 3 อาคาร 8 ชั้น ถนน 702 เมืองพระสีหนุ จับกุมผู้ต้องหาตามหมายจับ 10 คน และจุดที่ 4 ตึก 3 ชั้น ใกล้ชายแดนไทย-กัมพูชา ต.ปอยเปต จ. บันทายมีชัย ประเทศกัมพูชา และหลังจากนี้จะเร่งขยายผลเพื่อดำเนินคดีผู้เกี่ยวข้องทั้งขบวนการต่อไป 

โดยในจำนวนนี้เป็นผู้ที่ถูกออกหมายจับว่ามีส่วนเกี่ยวข้องกับแก๊งคอลเซ็นเตอร์ จำนวน 74 หมายจับ ซึ่งจะถูกดำเนินคดีในประเทศไทย ส่วนอีก 20 คนเป็นบุคคลที่อยู่ในแก๊งคอลเซ็นเตอร์ซึ่งยังไม่มีหมายจับ แต่ทั้งหมดได้ถูกดำเนินคดีตามกฎหมายในประเทศกัมพูชาแล้ว

จากการสอบถามผู้ต้องหาทราบว่า กลุ่มบุคคลทั้ง 94 ราย มีส่วนเกี่ยวข้องกับแก๊งคอลเซ็นเตอร์ 4 แก๊ง โดยพบว่าหลายรายเป็นถึงหัวหน้าแก๊งที่ทำงานร่วมกับชาวไต้หวัน ซึ่ง ศปอส.ตร. จะได้ทำการขยายผลเพื่อดำเนินคดีผู้เกี่ยวข้องทั้งขบวนการต่อไป

'นายกฯ' ปลื้ม รายได้คงคลัง  9 เดือนแรกปีงบ 65 ทะลุ 1.8 ล้านล้านบาท เพิ่มขึ้น 7% ขณะที่ 3 กรมภาษี จัดเก็บได้กว่า 2 ล้านล้านบาท สูงกว่าช่วงเดียวกันของปีก่อน 191,122 ล้านบาท หรือ 10.5% รัฐวิสาหกิจนำส่งรายได้ 116,130 ล้านบาท เพิ่ม 10%

นายธนกร วังบุญคงชนะ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ติดตามคืบหน้า การแก้ไขปัญหาเศรษฐกิจที่ผ่านมา โดยล่าสุดกระทรวงการคลังได้รายงานฐานะการคลังของรัฐบาลตามระบบกระแสเงินสดในช่วง 9 เดือนแรกของปีงบประมาณ 2565 (ต.ค. 64-มิ.ย. 2565) รัฐบาลมีรายได้นำส่งคลังทั้งสิ้น 1,878,346 ล้านบาท สูงกว่าช่วงเดียวกันของปีก่อน 130,689 ล้านบาท หรือ 7.5% ขณะที่มีการเบิกจ่ายงบประมาณทั้งสิ้น 2,434,146 ล้านบาท สูงกว่าช่วงเดียวกันของปีก่อน 44,979 ล้านบาท หรือ 1.9% ซึ่งรัฐบาลได้กู้เงินเพื่อชดเชยการขาดดุล 621,075 ล้านบาท ส่งผลให้เงินคงคลัง ณ สิ้นเดือน มิ.ย. 2565 มีจำนวนทั้งสิ้น 587,915 ล้านบาท
 
โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวต่อไปว่า ในช่วง 9 เดือนแรกของปีงบประมาณ 2565 (ต.ค. 2564 - มิ.ย. 2565) รัฐบาลสามารถจัดเก็บรายได้สุทธิ จำนวน 1,857,524 ล้านบาท หรือ 6.4% และสูงกว่าช่วงเดียวกันของปีก่อน ประมาณ 6.4% โดยการจัดเก็บรายได้รวมของ 3 กรมภาษี (กรมสรรพากร, กรมสรรพาสามิต และกรมศุลกากร) ในช่วง 9 เดือนแรกของปีงบประมาณ 2565 อยู่ที่ 2,004,834 ล้านบาท สูงกว่าช่วงเดียวกันของปีก่อน 191,122 ล้านบาท หรือ 10.5% สำหรับรัฐวิสาหกิจ นำส่งรายได้ในช่วง 9 เดือนแรกของปีงบประมาณ 2565 อยู่ที่ 116,130 ล้านบาท สูงกว่าช่วงเดียวกันของปีก่อน 10,561 ล้านบาท หรือ 10% ส่วนหน่วยงานอื่น จัดเก็บรายได้รวม 109,710 ล้านบาท ต่ำกว่าช่วงเดียวกันของปีก่อน 14,495 ล้านบาท หรือ 11.7% 

ประชุม ผู้บัญชาการทหารสูงสุด ด้านความมั่นคงในภูมิภาคอินโด-แปซิฟิก ณ นครซิดนีย์ ออสเตรเลีย 

    ระหว่างวันที่ 24-27 ก.ค.65 ที่ผ่านมา พลเอก ณตฐพล  บุญงาม เสนาธิการทหาร ได้เป็นผู้แทนผู้บัญชาการทหารสูงสุด เข้าร่วมการประชุม ผู้บัญชาการทหารสูงสุดภาคพื้นอินโด แปซิฟิค (Chiefs of Defense Conference - CHODs) ณ นครซิดนีย์ ออสเตรเลีย 
       ซึ่งเป็นการประชุมนานาชาติด้านความมั่นคงในภูมิภาคอินโด-แปซิฟิก ที่จัดขึ้นเป็นประจำทุกปี โดยในปี 2565 กองกำลังสหรัฐฯ ภาคพื้นอินโดแปซิฟิก และกองทัพออสเตรเลีย เป็นเจ้าภาพร่วม มีวัตถุประสงค์ เพื่อเป็นเวทีให้ผู้นำทางทหารของประเทศต่างๆ ในภูมิภาค ได้พบปะหารือ แลกเปลี่ยนความเห็นในประเด็นด้านความมั่นคงที่สำคัญในภูมิภาค โดยในครั้งนี้มีผู้นำทางทหารเข้าร่วมประชุมจำนวน 27 ประเทศ ภายใต้หัวข้อ Promoting the Rules Based Order in the Indo-Pacific 
     ทั้งนี้ ได้มีการบรรยายและถกแถลงในหัวข้อ ผลกระทบต่อความมั่นคง จากการเปลี่ยนแปลงของภูมิอากาศของโลก ความก้าวหน้าของเทคโนโลยี รวมทั้งประเด็นสงครามระหว่าง ยูเครนและรัสเซีย
     

นักเขียนชื่อดัง ‘สม สุจีรา’ ชู ‘รัสเซีย-จีน-สหรัฐฯ’ เป็นมหามิตรของไทย ทั้งช่วยกู้ชาติ และคานอำนาจนักล่าอาณานิคม ‘อังกฤษ-ฝรั่งเศส’ ช่วยไทยไม่ตกเป็นเมืองขึ้น ชี้ ในอนาคตหากต้องเลือกข้าง แนะให้ทำตัวเป็นกลางไม่ฝักใฝ่ฝ่ายใด

ทันตแพทย์สม สุจีรา ทันตแพทย์และนักเขียนชื่อดัง โพสต์ข้อความถึงการเสียดินแดนของไทยในอดีตโดยมีเนื้อหาว่า 

“ถ้าไทยเป็นเมืองขึ้นอังกฤษ”

ประเทศไทยเป็นเพียงหนึ่งในไม่กี่ประเทศบนโลก ที่สามารถคงเอกราชได้ในช่วงล่าอาณานิคม  แต่ก็ต้องแลกด้วยการเสียดินแดนบางส่วน เป็นการตัดอวัยวะเพื่อรักษาชีวิต

ประมาณว่าดินแดนที่เราเสียไป มีขนาดพอๆกับประเทศไทยในปัจจุบันนี้ทีเดียว  ประเทศไทยมีพื้นที่ประมาณ 500,000 ตารางกิโลเมตร  เราตัดดินแดนยกให้ฝรั่งเศสไป  480,000 ตารางกิโลเมตร

มีคำถามว่า  ถ้าเรายอมให้อังกฤษเข้ามาปกครอง เป็นไปได้ไหม ที่จะไม่เสียดินแดนให้ฝรั่งเศส บางคนฝันหวานไปถึงขนาดว่า อังกฤษจะมาวางโครงสร้างพื้นฐานให้ไทยเจริญเหมือนฮ่องกง  สิงคโปร์

คำตอบคือ  “เป็นไปไม่ได้”   ในขณะนั้นอังกฤษ  ไม่ได้สนใจภาคตะวันออกและภาคอีสานของไทยเลย ต้องการเพียงภาคใต้ทั้งหมด เพื่อเชื่อมต่อพม่ากับมาเลเซีย  ถ้าอังกฤษเข้ามาปกครองกรุงเทพมหานครได้  คงจะตกลงกับฝรั่งเศส โดยยกภาคอีสาน และภาคตะวันออก ให้กับฝรั่งเศสซึ่งอยากได้มาก  ส่วนอังกฤษแยกล้านนาออกเป็นอีกประเทศ  และให้ภาคใต้ไปรวมกับมาเลเซีย

แน่นอนว่า ฝรั่งเศสต้องขีดเส้นดินแดนให้ภาคอีสานและภาคตะวันออก เป็นส่วนหนึ่งของสหภาพอินโดจีน  ส่วนภาคใต้เป็นส่วนหนึ่งของมาเลเซีย  หลังประกาศเอกราช ประเทศไทยจะเหลือเพียง กรุงเทพมหานคร กับจังหวัดภาคกลางไปสูงสุดที่พิษณุโลกเท่านั้น ภาคอีสานกับภาคตะวันออก กลายเป็นส่วนหนึ่งของ ลาวกับกัมพูชา

เจ้าของร้านอาหาร - ชาวบ้าน นำหัวหมูไหว้ต้นกล้วย หลังพบยังออกเครือกล้วยและหัวปลี ทั้งที่ตัดต้นไปแล้ว เชื่อจะมีโชคลาภ

จากกรณีที่ร้านอาหารบ้านเล็กริมเขา ในจังหวัดนครนายกได้แจ้งไปยังผู้สื่อข่าวว่าที่บ้านของตนเองมีต้นกล้วยน้ำว้า ยืนต้นตายแล้วแต่ยังออกเครือกล้วยและหัวปลีออกมาได้ ทั้งที่ตัดต้นไปแล้วนั้น

จากการสัมภาษณ์นางวรรัตน์ พุทธปัญญา อายุ 63 ปี เจ้าของร้านได้เล่าให้ฟังว่า มีลูกค้ามากินอาหารที่ร้าน หลังกินอาหารเสร็จแล้วกำลังขึ้นรถยนต์กลับบ้าน ก็ได้เดินมาบอกตนเองว่ามีต้นกล้วยที่ตายแล้ว แต่ยังมีเครือกล้วยและหัวปลีมันงอกออกมามันแปลก ตนเองจึงเดินไปดูเองเพราะก็ไม่เคยเห็นเหมือนกัน ก็เห็นต้นกล้วยน้ำว้าที่ตนเองตัดทิ้งไว้มีเครือกล้วยและหัวปลีงอกออกมาจริงๆ ซึ่งต้นกล้วยต้นนี้ตนเองเป็นคนตัดเอง เพราะถูกเจ้าพลายสาริกาช้างป่าลงจากเขามาแล้วมากินต้นกล้วยกอนี้ 

ตนเองอยู่ที่นี้มา 23 ปี ตัดต้นกล้วยมาก็หลายกอยังไม่เคยเจอแบบนี้มาก่อน หลังจากลูกค้าที่มากลับบ้านไปก็เอาเลขบ้านเลขที่ไปซื้อลอตเตอรี่ในงวดที่ผ่านมา ปรากฏว่าถูก 3 ตัวหน้า ขณะที่ลูกค้าที่ซื้อเลขเดียวกัน ก็ได้โทรมาบอกว่าได้โชคจากต้นกล้วยนี้ ตนเองก็เลยเห็นเป็นต้นกล้วยนี้ได้นำโชคลาภมาให้ก็เลย นำหัวหมู ผลไม้ เหล้า ยาสูบ มาถวายให้

TOPIC 25 : ทีใครทีมัน วัฒนธรรม ‘โคลนล้างโคลน’ การเมืองแบบไทย ๆ ที่วันนี้ควรพอเสียที

ทีใครทีมัน วัฒนธรรม ‘โคลนล้างโคลน’ การเมืองแบบไทย ๆ ที่วันนี้ควรพอเสียที

Click on Clear Original
โดย ปริม THE STATES TIMES (กุญชนิตา กุญชร ณ อยุธยา)
 

กองกำลังสุรศักดิ์มนตรี ประชุมทางไกลผ่านจอภาพ (VTC) ระหว่างไทย กับผู้นำฝ่ายทหารของ สปป.ลาว เพื่อกระชับความสัมพันธ์ 

พันเอก ณรงค์ วิชญาณวรวุฒิ ผู้บังคับการกองบังคับการควบคุมที่ 3 ผู้แทน พล.ต.ณรงค์ สวนแก้ว ผบ.กกล.สุรศักดิ์มนตรี หัวหน้าชุดประสานงานประจำพื้นที่ชายแดนไทย – ลาว พร้อมด้วย พันเอก อุทัย นิลเนตร ผู้บังคับการหน่วยเฉพาะกิจกรมทหารพรานที่ 21 รองหัวหน้าชุดประสานงานประจำพื้นที่ชายแดนไทย – ลาว และ พันโท ประดิษฐ์ พรมเรียน รองผู้บังคับการกองบังคับการควบคุมที่ 3 ร่วมประชุมเพื่อกระชับความสัมพันธ์ด้วยการจัดประชุมร่วมระหว่างจังหวัด กับ แขวง ผ่านระบบ Zoom ออนไลน์ ระหว่างไทย กับผู้นำฝ่ายทหารของ สปป.ลาว ให้เกิดเป็นรูปธรรมตามนโยบายของกองทัพบก

โดยมี พลจัตวา กูด พมมา หัวหน้าการทหาร กองบัญชาการทหาร แขวงไซยะบูลี และ พ.อ.บุนเตียง อินทะวง หัวหน้าการทหาร กองบัญชาการทหาร แขวงเวียงจันทน์ เป็นผู้แทน ฝ่ายทหารของ สปป.ลาว เข้าร่วมประชุมฯ 

States TOON EP.74

ปีแล้ว!! ปีเล่า!!

ติดตามการ์ตูนอัปเดตได้ทุกสัปดาห์ใน…


👍 ติดตามการ์ตูนสนุกๆ เพิ่มเติมได้ที่ : https://thestatestimes.com/tag/statestoon

ฤา.....เมียนมาจะล่มสลายเหมือนศรีลังกา

ในช่วงอาทิตย์ที่ผ่านมา เอยาได้ยินเสียงแว่วออกมาจากฝั่งสามนิ้วชาวเมียนมาก็ดี ชาวไทยก็ดีว่า อีกไม่นานเมียนมาจะล่มสลายแบบเดียวกับศรีลังกา เรื่องแบบนี้มันสามารถปลุกกระแสได้เป็นอย่างดี โดยเฉพาะกลุ่มต่อต้านรัฐบาลทหารของเมียนมา เอาเป็นว่าก่อนที่จะที่ทุกคนจะเชื่อหรือไม่ วันนี้เอยามาหาคำตอบให้ทุกคนได้รู้กัน

ก่อนจะพูดถึงว่าเกิดอะไรขึ้นกับตระกูลราชปักษาที่ทุกคนทราบกันดีว่าเหตุของการล่มสลายของศรีลังกาเราควรมาทราบก่อนว่าตระกูลราชปักษานั้นขึ้นมามีอำนาจได้อย่างไร ก่อนอื่นๆ ต้องเข้าใจก่อนว่าในอดีตศรีลังกามีคนอาศัยอยู่ 2 ชาติพันธุ์นั่นคือ ชาวสิงหลที่เป็นชาวพื้นเมือง อีกชาติพันธุ์คือชาวทมิฬที่ย้ายถิ่นฐานมาจากอินเดียใต้ และมีปัญหาการกระทบกระทั่งระหว่างชนชาติมาตลอดตั้งแต่สมัยก่อนยุคล่าอาณานิคม จนถึงยุคล่าอาณานิคม แม้จะมีการเปลี่ยนมือกันปกครองจากโปรตุเกสเป็นฮอลันดาและอังกฤษในเวลาต่อมา โดยเฉพาะในยามที่อังกฤษปกครองเป็นช่วงเวลาที่สร้างรอยร้าวระหว่างความสัมพันธ์ระหว่างชาวสิงหลและชาวทมิฬมากที่สุด จนถึงวันที่ปลดปล่อยเอกราชออกจากอังกฤษ ปัญหาความขัดแย้งทางเชื้อชาติ ระหว่างชาวสิงหลและชาวทมิฬมาเป็นเวลานับศตวรรษ โดยชาวทมิฬต้องการที่จะแยกดินแดนทางภาคเหนือและตะวันออกของประเทศตั้งเป็น มาตุภูมิทมิฬ จึงได้ก่อตั้งกลุ่มพยัคฆ์ทมิฬอีแลม หรือ LTTE เพื่อเป็นกองกำลังในการต่อสู้กับรัฐบาล โดยใช้วิธีการก่อการร้าย ระเบิดพลีชีพ และการลอบสังหาร โดยพุ่งเป้าไปที่หน่วยทหาร ผู้นำทางการเมือง และเจ้าหน้าที่ทางการท้องถิ่นชาวสิงหล จนกระทั่งนอร์เวย์เข้ามาเป็นผู้ไกล่เกลี่ยนำไปสู่การลงนามความตกลงหยุดยิงในปี 2545 ซึ่งตามมาด้วยการเจรจาสันติภาพที่มีการประชุมมาทั้งหมด 8 ครั้ง โดยการเจรจาฯ จัดขึ้นที่ไทย 3 ครั้ง (กันยายน/ตุลาคม 2545 และมกราคม 2546) การเจรจาฯ ครั้งสุดท้ายจัดขึ้นเมื่อวันที่ 28 - 29 ตุลาคม 2549 ที่นครเจนีวา ก็ไม่ปรากฏผลที่สำคัญใดๆ อาจกล่าวได้ว่า การเจรจาฯ ที่ผ่านไม่สามารถบรรลุผลใด ๆ ที่เป็นรูปธรรมได้ เนื่องจากทั้งสองฝ่ายขาดความไว้วางใจซึ่งกันและกัน ตลอดจนความจริงใจที่จะยุติปัญหาทาการเมืองอย่างถาวร แม้จะได้รับแรงกดดันอย่างต่อเนื่องจากประเทศตะวันตกก็ตาม

จนกระทั่งการเลือกตั้งประธานาธิบดี นาย Mahinda Rajapaksa ที่ปัจจุบันได้เป็นนายกรัฐมนตรีก่อนจะถูกเปลี่ยนออกในการปรับ ครม. ก่อนจะเกิดการล่มสลายของศรีลังกา โดยนาย Mahinda ได้ชูนโยบายในการกวาดล้างกลุ่มพยัคฆ์ทมิฬอีแลมจนถูกทำลายสิ้นซากในเดือนพฤษภาคม 2009 ภายใต้การนำของ Nandasena Gotabaya Rajapaksa ซึ่งจากเหตุการณ์ดังกล่าวทำให้เขาได้ใจชาวสิงหลในศรีลังกาและเป็นผลให้ โคฐาภยะ ราชปักษา ได้รับเลือกเป็นประธานาธิบดี ตั้งแต่ปี 18 พฤศจิกายน ค.ศ. 2019 - 14 กรกฎาคม ค.ศ. 2022

เป็นที่ทราบกันดีแล้วว่าวันนี้ศรีลังกาได้ประกาศเป็นประเทศล้มละลายแล้วโดยชนวนเหตุมาจากการกู้หนี้ยืมสินต่างประเทศมาใช้อย่างอู้ฟู่โดยรายได้ของศรีลังกา จนเมื่อประเทศต้องผจญกับวิกฤตทับซ้อนโดยเริ่มจาก วิกฤตการณ์การระบาดของโควิด-19 ที่ทำให้รายได้หลักของศรีลังกาขาดไป เมื่อต้องมาพบกับวิกฤตการณ์ที่ราคาอาหารและน้ำมันเชื้อเพลิงที่ต้องนำเข้าจากต่างประเทศเพิ่มขึ้น รวมถึงเมื่อ โคฐาภยะ ราชปักษา ได้ดำเนินนโยบายการลดการเก็บภาษีในกลุ่มธุรกิจบางกลุ่ม ทำให้รายได้ประเทศลดลงในขณะที่รายจ่ายพุ่งสูงขึ้นจนนำมาถึงจุดที่ล้มละลายในที่สุด

‘นายกฯ’ เร่ง ปูทางโครงสร้างพื้นฐานด้านคมนาคม ปี66 เพื่อขับเคลื่อนเศรษฐกิจ วอน ฝ่ายค้านร่วมมือช่วยพัฒนาประเทศ ยกระดับก้าวสู่ศูนย์กลางด้านโลจิสติกส์ของอาเซียน

เมื่อวันที่ 24 ก.ค.น.ส.ทิพานัน ศิริชนะ ประจำสำนักเลขาธิการนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า หลังเสร็จสิ้นการอภิปรายไม่ไว้วางใจ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และรมว.กลาโหม จะเร่งเดินหน้าบริหารประเทศ ฟื้นฟูเศรษฐกิจ โดยเฉพาะการวางโครงสร้างพื้นฐานคมนาคมทั้งระบบ ที่จะขับเคลื่อนเศรษฐกิจไทย ทั้งภาคขนส่ง ทางถนน ราง ทางน้ำ และทางอากาศ ในโครงการสำคัญ 40 โครงการ 
.
น.ส.ทิพานัน กล่าวว่า โดยภาคการขนส่งทางถนน ภายในปี 2566 คาดว่าจะเปิดใช้ทางหลวงพิเศษ (มอเตอร์เวย์)ระหว่างภูมิภาค เช่น โครงการทางหลวงพิเศษระหว่างเมือง บางปะอิน-โคราช  ระยะทาง 196 กิโลเมตร  ทางหลวงพิเศษระหว่างเมือง สายบางใหญ่-กาญจนบุรี ระยะทาง 96 กิโลเมตร ซึ่งถูกออกแบบให้เชื่อมโยงกับระบบราง ลดการเวนคืนที่ดิน และกระจายความเจริญสู่ภูมิภาค ส่วนการขนส่งทางอากาศ ระหว่างปี 2564-2567ได้ปรับสนามบินรองรับนักเดินทาง-การขนส่ง เช่น สนามบินสุวรรณภูมิจะมีการก่อสร้างอาคาร-สร้างรันเวย์เพิ่มขึ้น รองรับเที่ยวบินได้ 94 เที่ยวต่อชม. และภายในปี 2570 สนามบินดอนเมือง และสนามบินอู่ตะเภา จะปรับปรุงอาคารผู้โดยสารและโครงสร้างอื่น เพื่อรองรับการเติบโตของพื้นที่อีอีซี


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top