Monday, 9 June 2025
Hard News Team

‘รถถัง‘ ไม่ธรรมดา แชทคุย ’มาร์ค ซัคเคอร์เบิร์ก‘ หลังเฟซบุ๊กมีปัญหาก่อนได้รับการแก้ไขตามคำขอ

(26 พ.ค. 68) รถถัง จิตรเมืองนนท์ สุดยอดนักมวยไทยชื่อดังระดับโลก อดีตเจ้าของแชมป์โลก ONE มวยไทย รุ่นฟลายเวต ส่งข้อความไปหา มาร์ค ซัคเคอร์เบิร์ก ผู้ก่อตั้ง และซีอีโอเฟซบุ๊ก เป็นการส่วนตัว หลังบัญชีของเขามีปัญหา

โดย มาร์ค ซัคเคอร์เบิร์ก ก็ตอบแชทรถถังเป็นอย่างดี พร้อมส่งทีมงานให้การช่วยเหลือในปัญหาดังกล่าว โดยระบุว่า "ทีมงานน่าจะช่วยรีเซ็ตบัญชีของคุณได้ แจ้งผมได้เลยหากคุณต้องการความช่วยเหลือเพิ่มเติม"

ย้อนกลับไปเมื่อ 2 ปีก่อน รถถัง จิตรเมืองนนท์ เคยส่งข้อความไปหา มาร์ค ซัคเคอร์เบิร์ก แล้วทีหนึ่ง โดยเวลานั้นเจ้าตัวมีปัญหาเกี่ยวกับแชทเฟซบุ๊กที่ไม่สามารถเปิดรูปได้ ซึ่งทางผู้ก่อตั้ง และซีอีโอเฟซบุ๊ก ก็ตอบกลับ และช่วยแก้ปัญหาให้

สำหรับ มาร์ค ซัคเคอร์เบิร์ก ผู้ก่อตั้ง และซีอีโอเฟซบุ๊ก ถือเป็นหนึ่งในผู้มีชื่อเสียงระดับโลกที่ชื่นชอบในศิลปะการต่อสู้ และป้องกันตัวเป็นอย่างมาก มีฝีมือพอตัว ถึงขั้นเคยคว้าเหรียญทองยิวยิตสูรายการหนึ่งมาแล้ว แถมยังรู้จักเป็นการส่วนตัวกับ ชาตรี ศิษย์ยอดธง ประธาน และซีอีโอ วัน แชมเปียนชิพ อีกด้วย

อว. ปลดล็อกนักเรียนทุน ปรับนโยบายทุนเรียนต่อ เปิดทางต่อยอดงานวิจัย สร้างเป็นธุรกิจจากต่างแดน

(26 พ.ค. 68) นางสาวศุภมาส อิศรภักดี รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม (อว.) เผยนโยบายใหม่ เปิดทางให้นักเรียนทุนไม่ต้องจำกัดแค่กลับมาใช้ทุนในหน่วยงานรัฐ แต่สามารถนำผลงานวิจัยไปต่อยอดเป็นธุรกิจ สนับสนุนสตาร์ตอัปไทย ผ่านกลไกของกระทรวง อว. เพื่อผลักดันอุตสาหกรรมเทคโนโลยีขั้นสูงในประเทศ

รัฐมนตรี อว. กล่าวระหว่างพบปะนักเรียนไทยที่กำลังศึกษาอยู่ที่ Imperial College London สหราชอาณาจักร ว่า ได้เริ่มปลดล็อกข้อจำกัดต่าง ๆ เพื่อให้นักเรียนทุนสามารถใช้ความรู้ไปสู่ภาคธุรกิจ โดยเฉพาะในสาขาสำคัญ เช่น IC Design สำหรับอุตสาหกรรมเซมิคอนดักเตอร์ ซึ่งได้รับความร่วมมือจากทาง Imperial ในการสนับสนุนการต่อยอดสู่การก่อตั้งสตาร์ตอัป

ทั้งนี้ นักศึกษาไทยให้ความสนใจอย่างมาก พร้อมร่วมซักถามแลกเปลี่ยนความคิดเห็น โดยรัฐมนตรี อว. ย้ำถึงความมุ่งมั่นของรัฐบาลในการฟังเสียงคนรุ่นใหม่ เพื่อนำไปปรับใช้นโยบายให้ตอบโจทย์ตรงจุด ทั้งในด้านการศึกษา การพัฒนากำลังคน และความสามารถในการแข่งขันของประเทศในระดับโลก

นอกจากนี้ นางสาวศุภมาส อิศรภักดี ยังให้กำลังใจนักศึกษาทุกคนในการตั้งใจเรียน พร้อมเปิดรับฟังปัญหาและข้อเสนอแนะ เพื่อเสริมการสนับสนุนในอนาคต โดยหวังให้คนรุ่นใหม่เป็นพลังหลักในการขับเคลื่อนประเทศ ผ่านการผสมผสานองค์ความรู้กับโอกาสทางธุรกิจที่เป็นรูปธรรม

‘ม. ฟู่ตั้น’ คว้าถ้วยแข่งเรือมังกรเซี่ยงไฮ้สำเร็จ เหนือผลรางวัลคือการได้ร่วมกิจกรรมอันทรงเกียรติ

A great story of my life.

(26 พ.ค. 68) ตั้งแต่ได้รับอุบัติเหตุไหล่หลุดระหว่างการซ้อมพายเรือ Dragon Boat ก่อนการแข่งขัน Shanghai International Dragon Boat Competition เมื่อ 6 ปีที่แล้ว จนทำให้ไม่สามารถลงเป็นตัวจริงในการแข่งขันได้ แม้ในวันนั้นจะคว้ารางวัลรองชนะเลิศมาครองได้ แต่ลึก ๆ ในใจก็เซ็งมากเพราะอยากลงเป็นตัวจริงในการแข่งขัน

ในวันนั้น (กลางปี 2019) ผมยังอายุ 21 เรียนอยู่ ป.ตรี ปี 1 ที่มหาวิทยาลัย East China Normal University ซึ่งเป็นทีมตัวตึงที่มักจะได้ที่หนึ่งและเป็นแชมป์ในการแข่งขันแทบทุกปี ผมได้ตั้งมั่นในใจว่าจะรีบฟื้นฟูร่างกายจากการบาดเจ็บ ฝึกร่างกายเพิ่ม และกลับมาใหม่ในปีต่อไป (2020) แบบแข็งแกร่งกว่าเดิม

ทว่า ชะตาไม่เป็นใจ การโจมตีของโควิด-19 ในช่วงปิดเทอมฤดูหนาวตอนปลายปีนั้น ทำให้ผมไม่ได้กลับจีน และเรียนออนไลน์จนจบ ป.ตรี และไม่ได้กลับไปเรียนที่ ECNU ต่ออีกเลย ทิ้งความตั้งใจที่จะลงแข่งขันและคว้าแชมป์กีฬาเรือมังกรให้เป็นปมค้างคาในใจมาร่วม 6 ปี ก้าวเข้าสู่วัยทำงานเต็มตัวโดยที่คิดว่าคงจะไม่ได้มีโอกาสให้แก้มือได้ง่าย ๆ แน่

จนกระทั่งปี 2024 หลังจากที่ผมได้รับทุนรัฐบาลจีนให้กลับมาเรียนที่เซี่ยงไฮ้อีกครั้ง แต่ครั้งนี้เปลี่ยนมหาวิทยาลัยจาก ECNU มาเป็น Fudan University ซึ่งเป็น ม. ระดับท็อปของจีนและของโลก ซึ่งจะมีการจัดงาน Club Festival ในทุก ๆ เทอม เพื่อดึงดูดนักศึกษาให้เข้าชมรมต่าง ๆ ของ ม. และร่วมทำกิจกรรมนอกห้องเรียน ในวันนั้น ฝนตกหนัก ผมทิ้งกระเป๋าไว้ในห้องเรียน และวิ่งตากฝนตามหาบูธของทีม Dragon Boat ของฟู่ตั้น เพื่อที่จะเข้ากลุ่มวีแชท และสมัครเข้าไปทดสอบร่างกายคัดตัวเข้าทีม Fudan International Dragon Boat

การคัดตัวเริ่มต้นขึ้นในช่วงต้นปี 2025 จากวันแรกที่ได้เข้าทีม ECNU Dragon Boat เมื่อ 6 ปีที่แล้ว ตอนนั้นผมอายุ 21 ตอนนี้ผม 27 แล้ว ผลลัพธ์ของการออกกำลังกายหนักแบบไม่เคยหยุดเลยในช่วง 6 ปีที่ผ่านมา ผมทำคะแนนสูงสุดในการทดสอบร่างกายของทีมฟู่ตั้น จนได้รับการจับตามองโดยกัปตันทีม โค้ช และอาจารย์ที่ดูแลทีม

ยิ่งไปกว่านั้น การที่ผมบอกว่าเคยอยู่ทีม ECNU ที่ก่อนหน้านี้ได้แชมป์ติดกันมาตลอดตั้งแต่ช่วงหลังโควิด ทำให้เมื่อได้รับเลือกเข้าทีมแล้ว ก็ได้เลื่อนขั้นไปนั่งฝั่งขวาแถว 2 จากหัวเรือ ซึ่งเป็นตำแหน่งค่อนข้างสำคัญ เพราะแถวหน้า 2 แถวแรกของเรือนั้นเป็นแถวที่สำคัญที่สุด และใช้แรงเยอะ ทีมส่วนใหญ่จะเลือกมือดีที่สุดของทีมให้นั่ง 2 แถวแรก ไล่ลำดับความแข็งแรงไปจนถึงแถวสุดท้าย ซึ่งตอนผมอยู่ทีม ECNU นั้น ผมอยู่แถวที่ 6

แม้จะรู้อยู่แก่ใจว่าทีม Fudan นั้นไม่ได้แข็งแรงเท่าทีม ECNU ในปีที่ผ่านมาก็อยู่ในลำดับกลาง ๆ ได้เข้ารอบ Final แค่บางปีเท่านั้น แต่เมื่อผม join the game แล้ว ก็ยังรู้สึกว่าอยากชนะ อยากได้ที่ 1 อยู่ดี หรืออย่างน้อยขออยู่ในลำดับสูง ๆ ยิ่งถ้าชนะ ECNU ได้ ก็คงจะดี (ไม่ได้มีความโกรธแค้นใด ๆ กับ ECNU นะครับ แค่อยากชนะเฉย ๆ)

การซ้อมของทีมฟู่ตั้นต่างจากทีม ECNU ที่เน้นการใช้พลังและความทนทาน ด้วยความที่ทีมฟู่ตั้นไม่ได้กล้ามใหญ่หรือแข็งแรงแบบ ECNU เราจึงต้องพึ่งพาการคำนวณ การใช้เทคนิคและการวางแผน (สมกับเป็น ม. ที่มีแต่หัวกะทิ 😂) โดยการจ้างโค้ชที่มีประสบการณ์มาช่วยวิเคราะห์ตั้งแต่การจัดตำแหน่งของคนบนเรือ น้ำหนักรวมบนเรือ การแบ่ง phase การพายในแต่ละช่วงของการแข่ง 200 เมตร…

Phase 1 : First big 5 (5 ไม้แรก)
Phase 2 : 30 ไม้แรก
Phase 3 : 50 ไม้แรก
Phase 4 : Last dash (พลังเฮือกสุดท้าย)

โดยแต่ละ phase จะพายไม่เหมือนกัน โดยจะคำนวนระยะทางที่ทำได้ด้วยความเร็วในการพายที่แตกต่างกันในแต่ละ phase โดยจะมีมาตรฐานชัดเจนว่า 50 ไม้แรกต้องพายได้ 150 เมตร 

ถ้าพายไกลเกิน 150 เมตร ใน 50 ไม้ อาจไม่ใช่เรื่องดีเสมอไป เพราะอาจหมายความว่าใช้แรงมากไป และไม่เหลือแรงพายในช่วง Last dash ได้ อาจทำให้หมดแรง จังหวะพัง และถูกแซงในช่วงท้าย

หรือหากพายไม่ถึง 150 เมตรใน 50 ไม้แรก อาจหมายความว่าใช้แรงน้อยไป ทำให้ไม่สามารถขึ้นนำ หรือตามคนอื่นทันในช่วง Last dash ได้

150 เมตรคือระยะทางและความเร็วที่ลงตัวที่สุดสำหรับ 50 ไม้แรกตามศักยภาพของทีมฟู่ตั้น และเราก็ยึดตามแผนนี้ในการแข่งจริง (มาตรฐาน 50 ไม้สำหรับทีมคนจีนหรือทีมเก่ง ๆ อาจจะไปถึง 170-180 เมตรได้เลย) 

ถึงเวลาแข่งจริง การแข่งในรอบแรก เราทำเวลาได้ 54.28 วินาที ได้อันดับ 5 จากทุกทีม และผ่านเข้ารอบไฟนอลไป ส่วน ECNU ทำเวลาได้ 53 กว่า ๆ ครองอันดับ 2 ในรอบแรกไป

ในรอบไฟนอล 8 ทีมสุดท้าย เป็นรอบที่ตัดสินผู้ชนะโดยจะ reset เวลาใหม่ทั้งหมด รอบนี้ทีมเราทำเวลาได้ 54.31 วินาที (ห่างจากรอบแรกแค่ 3 เสี้ยววินาที) ในขณะที่ทีม ECNU ทำพลาดในช่วงท้าย ทำเวลาเสียไปหลายวินาที จนเวลาทะลุ 56 วินาที ซึ่งผิดมาตรฐานไปมาก และตกไปอยู่อันดับ 7 จาก 33 มหาวิทยาลัย

ส่วน 2 มหาวิทยาลัยม้ามืดในปีนี้ ที่เข้ามาพลิกเกม คว้าอันดับ 1 และอันดับ 2 ไปด้วยเวลา 53.69 วินาที และ 54.03 วินาที อย่าง Shanghai Normal University และ Jiangsu University of Science and Technology ก็ได้เฮกันไป

ส่วนทีมฟู่ตั้นของผมได้อันดับ 3 ไปครอง ถือว่าเป็นผลลัพธ์ที่เหนือความคาดหมายสำหรับทุกคน แม้จะไม่ได้อันดับหนึ่ง แต่บรรยากาศความสุขและความดีใจที่เกิดขึ้นในทีมนั้นก็ถือว่าเป็นผลลัพธ์ที่น่าพอใจ เพราะจริง ๆ นี่ก็เป็นครั้งแรกที่ฟู่ตั้นได้ top 3 ในรอบหลายปี 

ยิ่งไปกว่านั้น เราชนะ ECNU ได้ หลายคนบอกว่าถ้า ECNU ไม่พลาดทำเละก็อาจจะได้ที่ 1 หรือ 2 อย่างไรก็ดี การซ้อมทั้งหมดที่ผ่านมานั้น ก็เพื่อให้ไม่ทำพลาดในการแข่งจริง ผลลัพธ์ในการแข่งจริง ก็คือภาพสะท้อนการเตรียมตัวและการฝึกซ้อม ซึ่งฟู่ตั้นไม่พลาด และทำผลงานได้ดีกว่าที่คาดหมาย

ผมเดินไปหาเพื่อนเก่าบางคนในทีม ECNU เพื่อให้กำลังใจ และไปสวัสดีอาจารย์ที่เคยดูแลผม จนโดนแซวนิดหน่อยเรื่องที่ย้ายค่าย โดยรวม ทั้งเพื่อนและอาจารย์ต่างชื่นชมว่าทีมฟู่ตั้นทำได้ดีมากในปีนี้ ได้ที่สามนับว่าเหนือความคาดหมายในระดับหนึ่ง

ในแง่ของทีม ก็นับว่าเป็นเรื่องน่ายินดี แต่ในทางส่วนตัวผมเอง มันคือการที่ผมสามารถแก้ปมในใจที่ค้างคามานานไปได้ ได้แข่งแบบไม่บาดเจ็บ ได้เป็นตัวสำคัญของทีม และได้รางวัลจากการแข่งขัน ซึ่งทำให้ผมมีความสุข และพึงพอใจกับผลลัพธ์ของการฝึกฝนร่างกายและการขัดเกลาจิตใจมาตลอดชีวิต

แต่ให้พอแค่นี้ก็ไม่ได้หรอกครับ ปีหน้าผมจะลุยต่อ ความสำเร็จในปีนี้จะเป็นรากฐานสำคัญให้ต่อยอดได้ในปีหน้า เคมีของสมาชิกในทีมตอนนี้คือดีสุด ๆ พลังใจเต็มเปี่ยม ร่างกายก็ได้พัฒนา ค่าประสบการณ์ก็เพิ่มขึ้น แถมโดยรวม ด้วยโมเมนตั้มตอนนี้ ถ้าปีหน้าได้ซ้อมมากกว่านี้ เราต้องได้ดีกว่าอันดับ 3 แน่นอน

ถึงเวลานั้น ผมจะ finish the story เรื่องราวการเรียนต่อในประเทศจีนของผมได้อย่างสมบูรณ์แบบ

‘หลี่ เฉียง-ปราโบโว’ จับมือแน่นในเวทีโลก พร้อมดันเศรษฐกิจ-รถไฟความเร็วสูง ‘จาการ์ตา-บันดุง’

(26 พ.ค. 68) หลี่ เฉียง นายกรัฐมนตรีของจีน พบหารือกับประธานาธิบดีปราโบโว ซูเบียนโตของอินโดนีเซีย เมื่อวันที่ 25 พ.ค. โดยระบุว่าจีนพร้อมร่วมมือกับอินโดนีเซียเพื่อเพิ่มความไว้วางใจทางการเมืองและการประสานงานเชิงยุทธศาสตร์สู่ระดับที่สูงขึ้น พร้อมถ่ายทอดความปรารถนาดีจากประธานาธิบดีสีจิ้นผิง

นายกรัฐมนตรีของจีนกล่าวว่า ทั้งสองประเทศมีมิตรภาพแน่นแฟ้นตลอด 75 ปีแห่งความสัมพันธ์ทางการทูต และได้ยกระดับสู่ความเป็น “ประชาคมที่มีอนาคตร่วมกัน” ซึ่งมีบทบาทสำคัญในภูมิภาคและระดับโลก โดยจีนพร้อมร่วมเดินหน้าโครงการสำคัญ เช่น โครงการรถไฟความเร็วสูงจาการ์ตา-บันดุง และแผน “สองประเทศ สองนิคมอุตสาหกรรม”

ทั้งนี้ จีนเสนอขยายความร่วมมือในหลากหลายด้าน ทั้งเศรษฐกิจดิจิทัล พลังงานใหม่ ปัญญาประดิษฐ์ การเงินและอวกาศ ตลอดจนเพิ่มการแลกเปลี่ยนระหว่างประชาชน เช่น ด้านสุขภาพ การเกษตร และการบรรเทาความยากจน เพื่อยกระดับคุณภาพชีวิตของประชาชนทั้งสองประเทศ

หลี่ เฉียง ยังย้ำจุดยืนต่อต้านกีดกันการค้าและการดำเนินการฝ่ายเดียว พร้อมเรียกร้องให้จีน อินโดนีเซีย และประเทศกำลังพัฒนาอื่นๆ ร่วมกันปกป้องระบบพหุภาคี ส่งเสริมการค้าเสรี และผลักดันโลกาภิวัตน์ที่เท่าเทียม มีระบบระเบียบ และเป็นประโยชน์ต่อทุกฝ่าย

‘ทรัมป์’ บีบ ‘ฮาร์วาร์ด’ เปิดรายชื่อนักศึกษาต่างชาติ ตั้งคำถามประเทศต้นทาง ‘ไม่ช่วยจ่าย ทำไมได้เรียนฟรี’

(26 พ.ค. 68) โดนัลด์ ทรัมป์ ประธานาธิบดีสหรัฐฯ ออกมาเรียกร้องผ่านแพลตฟอร์ม Truth Social ให้มหาวิทยาลัยฮาร์วาร์ดเปิดเผยรายชื่อนักศึกษาต่างชาติพร้อมสัญชาติของแต่ละคน โดยอ้างว่าเป็น “คำขอที่สมเหตุสมผล” เนื่องจากรัฐบาลสหรัฐฯ มอบเงินสนับสนุนจำนวนมากแก่สถาบันนี้ ขณะเดียวกัน ทรัมป์ยังตั้งคำถามว่าทำไมประเทศต้นทางเหล่านี้ ซึ่งบางแห่งไม่เป็นมิตรกับสหรัฐฯ ถึงไม่ต้องจ่ายอะไรเลยให้กับนักศึกษาของตนเอง

ข้อเรียกร้องนี้เกิดขึ้นท่ามกลางความขัดแย้งต่อเนื่องระหว่างทรัมป์กับฮาร์วาร์ด โดยล่าสุดเมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมา ศาลรัฐบาลกลางมีคำสั่งระงับความพยายามของฝ่ายบริหารที่ต้องการสั่งห้ามไม่ให้นักศึกษาต่างชาติเรียนที่ฮาร์วาร์ด ซึ่งทางมหาวิทยาลัยระบุว่าเป็นการคุกคามเสรีภาพทางวิชาการ

อลัน การ์เบอร์ อธิการบดีมหาวิทยาลัยฮาร์วาร์ด แถลงตอบโต้ว่า การกระทำของรัฐบาล “ไม่ชอบด้วยกฎหมายและไร้เหตุผล” พร้อมเตือนว่า นี่อาจเป็นผลกระทบจะรุนแรงต่ออนาคตของนักศึกษาและนักวิจัยนับพันคนทั้งในและนอกประเทศ และยังเป็นภัยคุกคามต่อเสรีภาพของสถาบันการศึกษาทั่วสหรัฐฯ

ทั้งนี้ ความขัดแย้งระหว่างทรัมป์กับฮาร์วาร์ดทวีความรุนแรงในช่วงหลายเดือนที่ผ่านมา โดยก่อนหน้านี้ รัฐบาลได้ระงับงบวิจัยกว่า 2 พันล้านดอลลาร์ และข่มขู่จะยกเลิกสิทธิ์ยกเว้นภาษีของมหาวิทยาลัย พร้อมเรียกร้องให้จัดทำการตรวจสอบ “ความหลากหลายทางแนวคิด” ภายในองค์กรอีกด้วย

สมาคมรถยนต์ไฟฟ้าเยอรมนี ยื่น ‘ล้มละลาย’ สื่อคาดต้นเหตุมาจากบอร์ดแตกหัก จนพาองค์กรล้ม

เมื่อวันที่ (23 พ.ค. 68) ที่ผ่านมา ศาลในกรุงเบอร์ลินได้ประกาศว่า Bundesverband Elektromobilität (BEM) หรือสมาคมรถยนต์ไฟฟ้าเยอรมนี ได้ยื่นขอล้มละลายอย่างเป็นทางการ โดยมีทนายความ โยอาคิม โฟกต์-ซาลุส ได้รับแต่งตั้งให้เป็นผู้ดูแลกระบวนการฟื้นฟูกิจการ ซึ่งเหตุผลที่นำไปสู่การล้มละลายยังไม่มีการเปิดเผยชัดเจน ขณะที่อุตสาหกรรมยานยนต์ไฟฟ้าในเยอรมนีกำลังเผชิญความเปลี่ยนแปลงและแรงสั่นสะเทือนอย่างหนัก

BEM อ้างว่ามีสมาชิกประมาณ 450 ราย ประกอบด้วยผู้ผลิตรถยนต์และรถจักรยานยนต์ไฟฟ้า ผู้ผลิตสถานีชาร์จไฟ ผู้ให้บริการด้านกฎหมาย รวมถึงซัพพลายเออร์ในอุตสาหกรรม นอกจากนี้สมาคมยังเคยมีคณะกรรมการที่ปรึกษาระดับรัฐสภา ซึ่งประกอบด้วยสมาชิกรัฐสภาเยอรมันและยุโรป

ทั้งนี้ เบื้องหลังการล้มละลายอาจเกี่ยวข้องกับความขัดแย้งภายในองค์กร ซึ่งปรากฏสู่สาธารณะเมื่อราวหนึ่งปีครึ่งก่อน โดยเป็นความขัดแย้งระหว่างอดีตประธานสมาคม เคิร์ท ซิกล์ และสมาชิกบอร์ดอีกสองราย ได้แก่ คริสเตียน ฮีพ และ มาร์คุส เอ็มเมิร์ต ในประเด็นการใช้เงินและการดำเนินงานของบริษัทในเครือ BEM Academy GmbH จนนำไปสู่การแยกทางกับ Sigl ในช่วงฤดูใบไม้ผลิปี 2024 โดยไม่มีการแต่งตั้งผู้มาแทน

จนถึงขณะนี้ สมาคมยังไม่ได้แถลงการณ์ใดๆ อย่างเป็นทางการเกี่ยวกับสถานการณ์ดังกล่าว การล้มละลายของ BEM กลายเป็นสัญญาณเตือนสำคัญที่สะท้อนความไม่แน่นอนในอุตสาหกรรมยานยนต์ไฟฟ้าของเยอรมนี ซึ่งแม้จะเป็นหนึ่งในผู้นำด้านเทคโนโลยีนี้ในยุโรป แต่อุปสรรคภายในและแรงกดดันจากภายนอกก็ยังคงมีบทบาทสำคัญต่ออนาคตของภาคส่วนนี้

สายศิลป์จบมาอาจเคว้ง สาย STEM จบไปตลาดต้องการ ‘Apple-IBM’ ไม่สนปริญญา เเต่ง้อคนมีฝีมือทำงานได้จริง

(25 พ.ค. 68) ปราชญ์ สามสี โพสต์ผ่านเฟสบุ๊กว่า..ผมไปเจอข่าวนี้มา น่าสนใจมาก อยากชวนทุกคนมาดูกัน
วันนี้ผมบังเอิญไปอ่านเจอบทความจาก Forbes มันไม่ใช่ข่าวใหม่หรอกนะครับก็ถูกเขียนราวๆเมษายนที่ผ่านมานี่เองโดยมีหัวข้อคือ "หลายปริญญาในปัจจุบันกำลังไร้ค่า—แล้วอะไรล่ะที่ยังคุ้มเงิน?" ( Many College Degrees Are Now Useless—Here’s What Is Worth Your Money) ฟังดูแรงนิดๆ แต่มันสะท้อนสภาพสังคมและตลาดแรงงานยุคใหม่ได้อย่างน่าคิดมากครับ

ข่าวนี้บอกชัดเลยว่าปัจจุบันบริษัทใหญ่ๆ อย่าง Apple, IBM และ Hilton เริ่มลดความสำคัญของ "ใบปริญญา" ลง แล้วหันมาให้ความสำคัญกับ "ทักษะและประสบการณ์จริง" มากขึ้นเรื่อยๆ และผลสำรวจจาก Pew Research Center พบว่า เกือบครึ่งของชาวอเมริกันมองว่าปริญญาตรีไม่สำคัญในการหางานดีๆ เหมือนเมื่อ 20 ปีก่อน และที่น่าตกใจคือ มากกว่าครึ่งของบัณฑิตมหาวิทยาลัยมีงานต่ำกว่าวุฒิที่จบมา แม้ผ่านไปแล้วกว่า 10 ปี

จากบทความนี้ Forbes ยังระบุชัดเลยว่าปริญญาที่ดูเหมือนจะไม่ได้ช่วยอะไรมากในตลาดงานยุคนี้ ได้แก่:

ศิลปศาสตร์ทั่วไปที่ไม่มีความชัดเจนในการทำงาน

ศิลปะและการแสดง (ยกเว้นสถาบันชื่อดังหรือมีชื่อเสียงอยู่แล้ว)

การสื่อสารมวลชน (ที่ไม่ได้เฉพาะทาง)

สาขาสังคมศาสตร์เช่น สตรีศึกษา ชาติพันธุ์ศึกษา

จิตวิทยาและสังคมวิทยา ระดับปริญญาตรีล้วนๆ

ส่วนสาขาที่ตลาดยังต้องการสูงและมีรายได้ดี คือ

วิทยาการคอมพิวเตอร์และ IT (รายได้เฉลี่ย $120,000 ต่อปี)

พยาบาลและสาธารณสุข (รายได้เฉลี่ย $82,000 ต่อปี)

วิศวกรรมศาสตร์ (รายได้เฉลี่ย $95,000 ต่อปี)

ช่างฝีมือและสายอาชีพเทคนิค (รายได้เฉลี่ย $80,000 ต่อปี)

ธุรกิจเฉพาะทาง เช่น การเงิน โลจิสติกส์ Analytics (รายได้เฉลี่ย $100,000 ต่อปี)

ครูเฉพาะทาง เช่น STEM และการศึกษาพิเศษ (รายได้เฉลี่ย $50,000–70,000 ต่อปี)

สรุปชัดๆ จากบทความนี้คือ ในยุคปัจจุบัน "โลกไม่ได้ถามว่าเราเรียนจบอะไรมา แต่ถามว่าเราทำอะไรได้บ้าง"

อ่านจบแล้วผมเลยอดสงสัยไม่ได้ว่า ถึงเวลาแล้วหรือยังที่เราจะมองการศึกษาและปริญญากันใหม่ ให้ตรงกับความจริงของโลกยุคนี้?

‘เยอรมนี’ อาจฟื้นระบบเกณฑ์ทหารปีหน้า หากไม่มีอาสาสมัครมากเพียงพอในอนาคต

(26 พ.ค. 68) บอริส พิสโตริอุส รัฐมนตรีกลาโหมของเยอรมนี เปิดเผยเมื่อวันเสาร์ (24 พ.ค.) ว่า รัฐบาลอาจพิจารณานำระบบเกณฑ์ทหารกลับมาใช้ภายในปี 2569 หากจำนวนผู้สมัครใจเข้าร่วมกองทัพยังไม่เพียงพอต่อความต้องการ

เยอรมนีในฐานะสมาชิกองค์การสนธิสัญญาแอตแลนติกเหนือ (NATO) กำลังเร่งเสริมศักยภาพทางการทหารนับตั้งแต่รัสเซียรุกรานยูเครนในปี 2565 แต่การรับสมัครทหารโดยสมัครใจยังไม่เป็นไปตามเป้าหมาย

กองทัพเยอรมนีระบุว่า ยังต้องการกำลังพลเพิ่มอีกประมาณ 100,000 นายในช่วงไม่กี่ปีข้างหน้า เพื่อให้สามารถปฏิบัติตามพันธะผูกพันกับ NATO ได้อย่างเต็มที่

พิสโตริอุสกล่าวว่า ขณะนี้รัฐบาลยังเน้นการรับสมัครทหารแบบสมัครใจเป็นหลัก แต่หากจำนวนผู้สมัครไม่เพียงพอในอนาคต อาจจำเป็นต้องพิจารณานำระบบเกณฑ์ทหารภาคบังคับกลับมาใช้ พร้อมเสริมว่า ร่างกฎหมายดังกล่าวอาจมีผลบังคับใช้เร็วที่สุดในวันที่ 1 ม.ค. 2569

ด้านอันเดรียส เฮนเน ผู้บัญชาการกองบัญชาการปฏิบัติการภายในประเทศของกองทัพเยอรมนี กล่าวสนับสนุนความพยายามในการเพิ่มจำนวนผู้สมัคร โดยระบุว่า เยอรมนีกำลังเดินไปในทิศทางที่ถูกต้อง แต่ยังจำเป็นต้องเร่งให้มากขึ้น โดยเฉพาะในด้านอาวุธยุทโธปกรณ์ โครงสร้างพื้นฐาน และกำลังพล

‘สี จิ้นผิง’ ยกหูคุย ‘มาครง’ ถกด่วนภาษี–สงคราม–การค้าโลก ย้ำจีนพร้อมร่วมมือกับอียู รับมือความปั่นป่วนจากสหรัฐ

(25 พ.ค. 68) ประธานาธิบดีสี จิ้นผิง แห่งจีน ได้หารือทางโทรศัพท์กับประธานาธิบดีเอ็มมานูเอล มาครง แห่งฝรั่งเศส เมื่อวันที่ 23 พฤษภาคมที่ผ่านมา โดยทั้งสองฝ่ายเห็นพ้องในการร่วมมือด้านการค้าโลก พร้อมเคลียร์ข้อพิพาทภาษีนำเข้าบรั่นดีฝรั่งเศสในจีน ขณะเดียวกัน ผู้นำจีนเรียกร้องให้ฝรั่งเศสร่วมกันปกป้องกฎเกณฑ์การค้าโลก ท่ามกลางความไม่แน่นอนจากภัยคุกคามของภาษีสหรัฐฯ

สี จิ้นผิง ระบุว่า จีนและฝรั่งเศสในฐานะสมาชิกถาวรของคณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาติ ควรเป็นกำลังสำคัญในการธำรงระเบียบเศรษฐกิจระหว่างประเทศ และยึดมั่นในพหุภาคีนิยมอย่างแท้จริง โดยย้ำว่าจีนมองยุโรปเป็นขั้วอำนาจอิสระที่ควรมีบทบาทมากขึ้นในเวทีโลก พร้อมจับมือรับมือกับความท้าทายระดับโลก

การพูดคุยครั้งนี้เกิดขึ้นหลังจากที่จีนเริ่มสอบสวนการทุ่มตลาดบรั่นดีจากอียู ขณะที่ฝรั่งเศส ซึ่งส่งออกคอนญัก (บรั่นดีที่ผลิตจากไวน์องุ่นในเขตคอนญัคของฝรั่งเศส) ไปจีนกว่า 1.4 พันล้านยูโรต่อปี ได้รับผลกระทบรุนแรง คิดเป็นมูลค่าความเสียหาย 50 ล้านยูโรต่อเดือน โดยมาครงระบุว่า ทั้งสองฝ่ายตกลงจะเร่งคลี่คลายประเด็นนี้โดยเร็ว เพื่อช่วยเหลือผู้ผลิตฝรั่งเศส

นอกจากนี้ ทั้งสองผู้นำยังหารือเรื่องสงครามยูเครน โดยมาครงระบุว่าทั้งคู่เห็นพ้องในเป้าหมาย “สันติภาพที่ยั่งยืนและมั่นคง” ซึ่งต้องเริ่มจากการหยุดยิงทันทีแบบไม่มีเงื่อนไข รวมถึงยังจะร่วมมือกันเตรียมการประชุมว่าด้วยทางออกแบบสองรัฐในตะวันออกกลางที่กำหนดจัดขึ้นที่นิวยอร์กในเดือนมิถุนายนนี้ โดยฝรั่งเศสร่วมเป็นเจ้าภาพกับซาอุดีอาระเบีย


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top