Thursday, 18 April 2024
โจ_ไบเดน

สหรัฐฯ งานงอก!! แรงงานขนส่งขาดแคลนหนัก ดันราคา 'สินค้า-พลังงาน' พุ่งจนฉุดไม่อยู่

ในเวลานี้ รัฐบาลไบเดนกำลังเผชิญปัญหาหนัก นอกเหนือจากความพยายามฟื้นฟูเศรษฐกิจจากวิกฤติ Covid-19 ตามคำสัญญาของประธานาธิบดี โจ ไบเดน ที่จะ "Make America Normal Again" - ทำให้อเมริกากลับมาเป็นปกติอีกครั้ง

แต่ล่าสุด รัฐบาลไบเดน กำลังเผชิญหน้ากับความท้าทายระลอกใหม่จากพิษของ Covid-19 ก็คือ ปัญหาจากระบบขนส่งกระจายสินค้า

ปัญหานี้ เกิดตั้งแต่แถบชายฝั่งตะวันตกที่ท่าเรือลอสแอนเจลิส จนลามไปทั่วประเทศ ที่ตอนนี้มีตู้คอนเทนเนอร์สินค้า รอส่งต่อไปยังปลายทางอยู่เป็นจำนวนมาก ระบายไม่ทัน แต่ในขณะเดียวกัน ภาคแรงงานยังไม่ฟื้นตัวทันปริมาณงานขนส่งที่เพิ่มขึ้นอย่างมากหลังการเปิดเมือง 

ด้วยปัญหาด้านการขนส่งที่ล่าช้า เลยทำให้สินค้าอุปโภค/บริโภค และน้ำมันเชื้อเพลิงมีราคาพุ่งสูงขึ้นอย่างต่อเนื่องในช่วงนี้ โดยเฉพาะอาหารสด เนื้อสัตว์ และน้ำมัน ที่เริ่มขาดแคลนแล้วในหลายพื้นที่ จึงทำให้ตอนนี้ชาวอเมริกันพากันออกไปซื้อสินค้ามากักตุนไว้เป็นจำนวนมาก เลยยิ่งทำให้ระบบขนส่งรวนหนัก เพราะยอดออเดอร์พุ่งสูงขึ้นเกินกว่าที่สินค้าจะระบายได้ทัน 

ปัญหาสารพันเหล่านี้ เกิดเพราะ Covid-19 เป็นเหตุ สังเกตได้ 

หลังจากที่ภาคอุตสาหกรรม การบริโภคหดตัวอย่างรุนแรงในช่วงที่ล็อกดาวน์เมือง พอกลับมาเปิดเมืองอีกครั้ง ความต้องการสินค้าก็เข้ามาทันควัน หลังจากที่อั้นมานาน แต่ระบบขนส่งเพิ่งกลับมาเดินเครื่อง ยังไม่ได้เต็ม 100% เหมือนก่อนช่วง Covid-19 จึงทำให้ระบบจัดการ รับส่งสินค้า ปั่นป่วนไปหมด 

แต่นอกเหนือจากนี้ นักเศรษฐศาสตร์มองว่า ปัญหาภาคแรงงานในสหรัฐอเมริกาต่างหาก ที่เป็นสาเหตุของการ Disrupt ครั้งใหญ่ในกระบวนการขนส่ง เพราะตั้งแต่เกิดการระบาดของ Covid-19 มีคนทำงานหายไปจากระบบเป็นจำนวนมาก

และจากตัวเลขแรงงานในสหรัฐอเมริกาในเดือนสิงหาคม 2021 ที่ผ่านมาพบว่า มีคนทำงานลาออกจากงานมากกว่า 4.3 ล้านคน ซึ่งเป็นตัวเลขที่สูงที่สุดนับตั้งแต่เกิดวิกฤติ Covid-19 ที่ในสหรัฐฯ ในปี 2020 เป็นต้นมา 

โดยผู้ช่วยศาสตราจารย์ วิทยา มานี คณะบริหารธุรกิจ แห่งมหาวิทยาเวอร์จิเนีย ให้ความเห็นว่า จาก Covid-19 ทำให้ภาคแรงงานเกิดการเปลี่ยนแปลงสับเปลี่ยนตำแหน่งกันอย่างขนานใหญ่ บางคนย้ายไปทำงานในสายงานที่ได้รับค่าตอบแทนสูงกว่า และบางคนก็ยังไม่ตัดสินใจกลับเข้ามาในระบบแรงงาน 

ซึ่งแรงงานในส่วนของขนส่ง และคลังสินค้า นับเป็นกลุ่มคนทำงานที่ได้รับค่าแรงขั้นต่ำมากที่สุด ที่ตอนนี้ขาดแคลนแรงงานมากกว่า 4.9 แสนตำแหน่ง จากข้อมูลของกระทรวงแรงงาน

จึงทำให้บริษัทค้าปลีกยักษ์ใหญ่ทั้ง Amazon Walmart Target ต้องหันมาทุ่มทุน ขึ้นค่าแรงและสวัสดิการเพื่อแย่งตัวคนงานกลับมาทำงานให้ทันก่อนเข้าช่วงคริสต์มาส 

'ไบเดน' แขวะ!! 'จีน-รัสเซีย' ไร้เงาผู้นำบนเวที COP26 ด้านจีนสวน ยังดีกว่าบางประเทศที่เคยถอนตัว

กลายเป็นดราม่าร้อนแรงกลางงานประชุมสมัชชาภาคีอนุสัญญาเพื่อปัญหาสภาพอากาศครั้งที่ 26 (COP26) จนได้ เมื่อ 'โจ ไบเดน' ประธานาธิบดีสหรัฐฯ ออกมาแขวะแรงถึง ผู้นำจีน 'สี่ จิ้นผิง' และ ประธานาธิบดี รัสเซีย 'วลาดิมีร์ ปูติน' ว่าขาดภาวะผู้นำในเรื่องปัญหาภาวะโลกร้อน เนื่องจากผู้นำทั้งคู่ไม่มาเข้าร่วมการประชุม COP26 ประจำปีนี้ 

การประชุม COP26 นับเป็นงานสำคัญที่มีผู้นำประเทศมากกว่า 120 ชาติ มาเข้าร่วมโดยพร้อมเพรียงกัน เพื่อถกปัญหาด้านสภาพอากาศ และสิ่งแวดล้อม ซึ่งในปีนี้จัดขึ้นระหว่างวันที่ 1-12 พฤศจิกายน ที่เมืองกลาสโกล ในสกอตแลนด์ 

แต่กลับไม่พบ สี จิ้นผิง และ วลาดิมีร์ ปูติน ผู้นำของ 2 ชาติมหาอำนาจมาเข้าร่วมประชุม โดยทั้งจีน และรัสเซีย แจ้งว่าติดปัญหาเรื่องการระบาด Covid-19 ที่ทำให้ไม่สะดวกเดินทางไปต่างประเทศในช่วงนี้ 

โดยผู้นำรัสเซียจะเข้าร่วมประชุมทางไกลผ่านสื่อออนไลน์ ส่วนผู้นำจีนได้ส่งถ้อยแถลงแสดงเจตจำนงในการเป็นส่วนหนึ่งของสมัชชาภาคีอนุสัญญาผ่านมาทางกระทรวงการต่างประเทศของจีน

แต่ก็ไม่วายโดนผู้นำสหรัฐฯ อย่างโจ ไบเดน แขวะแรงว่า... 

"ทั้ง ๆ ที่จีนพยายามเหลือเกินที่จะให้ทั่วโลกยอมรับว่าเป็นผู้นำโลก แต่ไม่ยอมมาร่วมประชุม COP26! ได้เหรอ! นี่เป็นประเด็นสำคัญของโลกเลยนะครับ แต่พวกเขา (จีน/รัสเซีย) กลับไม่มา แล้วประเทศอื่นเขาจะคิดยังไง แล้วยังจะอ้างตัวเป็นผู้นำโลกได้อีกหรือ? สำหรับจีน ผมพูดตรง ๆ เลยนะ พลาดมาก!!"

ปัจจุบัน จีน เป็นประเทศที่มีอัตราการปล่อยก๊าซคาร์บอนมากที่สุดในโลก ส่วนรัสเซียอยู่ในอันดับ 4 ดังนั้นการไม่ปรากฏตัวของผู้นำทั้ง 2 ชาติอย่างกับนัดหมายในงาน COP26 นั้น จึงกลายเป็นที่สังเกต และเปิดช่องให้ผู้นำสหรัฐฯ ออกปากโจมตีเพื่อสั่นคลอนความน่าเชื่อถือของจีน และรัสเซีย

‘ปณิธาน’ แฉ!! เวทีประชาธิปไตย แค่เกมการเมืองสหรัฐฯ ฟากความมั่นคงชี้!! ไทยหลุดโผ สะท้อนไม่ใช่ลิ่วล้อมะกัน

สำนักข่าวอิศรา ได้เผยถึงกรณีที่ไทยถูกเมินและไม่ได้รับเชิญเข้าร่วมเวทีการประชุมสุดยอดด้านประชาธิปไตยของสหรัฐฯ ผ่านมุมมอง รศ.ดร. ปณิธาน วัฒนายากร อาจารย์พิเศษประจำภาควิชาความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ คณะรัฐศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ว่า…

การไม่มีชื่อไทยเข้าร่วมประชุมสุดยอดด้านประชาธิปไตยที่สหรัฐฯ ไม่ส่งผลกระทบอะไรต่อประเทศไทยเลย แต่อาจถูกด้อยค่าบ้างจากการเมืองภายในประเทศเท่านั้น

สำหรับการประชุมดังกล่าวนี้มีหัวข้อสำคัญ 3 เรื่อง ได้แก่ 1.) นิวเคลียร์ในเกาหลีเหนือและอิหร่าน 2.) ปัญหา Climate Chang (การเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ) และ 3.) ประชาธิปไตยแบบเสรีนิยมตะวันตก ซึ่งเป็นไปตามนโยบายของโจ ไบเดน ประธานาธิบดีสหรัฐ ที่ประกาศไว้ในช่วงหาเสียงเลือกตั้งก่อนเข้าดำรงตำแหน่ง

โดยเฉพาะประชาธิปไตยเสรีนิยมแบบตะวันตก ถือว่ามีความตกต่ำอย่างมากในระยะหลัง มีงานวิจัยจากมหาวิทยาลัยเคมบริดจ์ ระบุว่า ระบบการปกครองแบบนี้กำลังจะตาย เพราะแก้ไขปัญหาความเหลื่อมล้ำหรือสีผิวไม่ได้ จนถึงขั้นมีม็อบบุกอาคารรัฐสภาของสหรัฐฯ ขณะเดียวกันการบริหารงานของโดนัลด์ ทรัมป์ อดีตประธานาธิบดีคนก่อนหน้าโจ ไบเดน ก็ส่งผลต่อประชาธิปไตยอย่างมากเช่นกัน

'ไบเดน' รับหวั่น!! Omicron​ แต่ยังไงก็ไม่ล็อกดาวน์ แนะ!! ปชช.สหรัฐฯ​ อย่าตื่นตระหนกเกินเหตุ 

ประธานาธิบดีโจ ไบเดน แห่งสหรัฐฯ เผย​ ตัวกลายพันธุ์ไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ Omicron​ เป็นบ่อเกิดแห่งความกังวล แต่แนะพลเมืองอเมริกาอย่าได้ตื่นตระหนก และเผยว่าอเมริกากำลังจัดทำแผนฉุกเฉินกับบริษัทยาทั้งหลายหากว่าวัคซีนใหม่มีความจำเป็น

ไบเดนระบุว่าสหรัฐฯ​ จะไม่กลับเข้าสู่มาตรการล็อกดาวน์เพื่อหยุดการแพร่ระบาดของ​ Omicron​ และจะเปิดตัวกรอบยุทธศาสตร์ในวันพฤหัสบดี​ (2 ธ.ค. 64) สำหรับต่อสู้กับโรคระบาดใหญ่ในช่วงฤดูหนาว พร้อมเรียกร้องประชาชนเข้ารับวัคซีน ฉีดเข็มกระตุ้นและสวมหน้ากาก

"ตัวกลายพันธุ์นี้เป็นบ่อเกิดแห่งความกังวล แต่ไม่ได้ก่อความตื่นตระหนก" ไบเดนกล่าวที่ทำเนียบขาว หลังประชุมร่วมกับคณะทำงานด้านโควิด-19 ของเขา "เรากำลังจะสู้และเอาชนะตัวกลายพันธุ์ใหม่นี้" ไบเดนระบุ

ทั้งนี้​ Omicron​ กำลังกระตุ้นให้ประเทศต่าง ๆ​ ทั่วโลก รวมถึงสหรัฐฯ จำกัดการเดินทางจากภูมิภาคทางใต้ของทวีปแอฟริกา หลังจากพบไวรัสตัวดังกล่าว ผนวกกับในวันจันทร์​ (29 พ.ย.) องค์การอนามัยโลกเตือนว่า​ Omicron​ มีความเสี่ยงสูงมากที่จะทำให้เกิดการติดเชื้อพุ่งพรวดขึ้นในหมู่นานาประเทศ แม้จนถึงตอนนี้จะยังไม่พบผู้เสียชีวิตที่เชื่อมโยงกับตัวกลายพันธุ์ล่าสุดของไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ดังกล่าวก็ตาม

ทั้งนี้ ประธานาธิบดีไบเดน​ ยอมรับว่า​ เป็นสิ่งที่หลีกเลี่ยงไม่ได้ที่เคสผู้ติดเชื้อ​ Omicron​ จะเกิดขึ้นในสหรัฐฯ แต่ เจน ซากี โฆษกทำเนียบขาวยืนยันว่าตัวกลายพันธุ์นี้ไม่ควรเป็นสาเหตุให้ชาวอเมริกันชนเปลี่ยนแผนการเดินทางช่วงวันหยุดยาว ตราบใดที่พวกเขาฉีดวัคซีนแล้วและสวมหน้ากาก

ไบเดนเชื่อว่าวัคซีนที่มีอยู่ในปัจจุบันจะยังคงปกป้องการติดเชื้ออาการรุนแรง แต่ระบุรัฐบาลของเขากำลังทำงานร่วมกับบรรดาผู้ผลิตวัคซีน ไม่ว่าจะเป็นไฟเซอร์, โมเดอร์นา​ และจอห์นสันแอนด์จอห์นสัน เพื่อร่างแผนฉุกเฉิน

"ในกรณีที่...ซึ่งหวังว่าจะไม่เป็นเช่นนั้น วัคซีนรุ่นอัปเดตหรือเข็มกระตุ้นมีความจำเป็นสำหรับตอบโต้ตัวกลายพันธุ์ใหม่นี้ เราจะเร่งพัฒนามันและใช้งานมันร่วมกับทุกเครื่องไม้เครื่องมือที่สามารถหยิบหาได้" เขากล่าว พร้อมระบุว่าเขาจะสั่งการไปยังสำนักงานอาหารและยาแห่งสหรัฐฯ​ (เอฟดีเอ) และศูนย์ควบคุมและป้องกันโรคแห่งชาติสหรัฐฯ​ (ซีดีซี) เพื่อให้วัคซีนเหล่านี้หยิบหาได้โดยเร็วที่สุด

ฝรั่งเศสเมินกระแสแบนโอลิมปิกจีนตามสหรัฐฯ ขอเอาเวลาไปแก้ปัญหาอย่างอื่นดีกว่า

หลังจากที่​ โจ ไบเดน ผู้นำสหรัฐอเมริกาได้ประกาศแบนงานโอลิมปิกฤดูหนาว 2022 ที่จีนเป็นเจ้าภาพ ด้วยการไม่ส่งคณะฑูต และตัวแทนรัฐบาลไปร่วมในงานพิธีเปิดตามธรรมเนียมงานกีฬาระดับโลก เป็นการประท้วงจีน ในกรณีการละเมิดสิทธิมนุษยชนชาวอุยกูร์ และการกวาดล้างกลุ่มผู้ประท้วงในฮ่องกง จนมีชาติพันธมิตรยักษ์ใหญ่อีกหลายชาติ ทั้ง อังกฤษ, แคนาดา, ออสเตรเลีย ตัดสินใจร่วมแบนเจ้าภาพจีนตามสหรัฐอเมริกาด้วยเช่นกันนั้น

ทว่า ฟากฝั่ง​ เอมานูเอล มาครง ผู้นำฝรั่งเศสกลับออกมาให้สัมภาษณ์ผ่านสื่อเสียงดังฟังชัดว่า ฝรั่งเศสจะไม่ตามกระแส แบนโอลิมปิกฤดูหนาวของจีนตามสหรัฐอเมริกาอย่างแน่นอน ด้วยเหตุผลว่า การแบนด้วยการไม่ส่งตัวแทนรัฐบาลไปร่วมพิธีเปิด ไม่ได้สร้างนัยสำคัญอะไรเลย เอาเวลาไปทำอย่างอื่นที่มันสร้างสรรค์และตรงจุดกว่านี้น่าจะดีกว่า

มาครงเน้นย้ำว่า "งานโอลิมปิก เป็นงานกีฬา ไม่ควรเอาเรื่องการเมืองมายุ่ง ถ้าจะต้องการชูประเด็นทางการเมือง ผมจะไปหาทำเรื่องอื่นที่มันสร้างกระแสที่ชัดเจนกว่านี้"

ซึ่งมาครงยังกล่าวถึงกลยุทธ์การแบนโอลิมปิกของสหรัฐอเมริกาว่า "ผมขอพูดตรง ๆ​ นะ ถ้าคุณจะแบนเจ้าภาพงานโอลิมปิก ด้วยการแค่ไม่ส่งคนของรัฐบาลไปร่วมในพิธีเปิด แต่ยังส่งนักกีฬาไปแข่ง เป็นแค่การแบนเพียงครึ่ง ๆ กลาง ๆ มันไม่ได้มีความหมายอะไรเลย ถ้าจะแบนทั้งที ก็ไม่ควรทั้งไปร่วมงาน หรือแม้แต่ส่งนักกีฬาไปแข่ง ถึงจะเป็นการแสดงออกที่มีความหมาย และเป็นที่จดจำอย่างแท้จริง"

และก็ไม่ใช่ว่าทางฝรั่งเศสไม่สนใจประเด็นเรื่องสิทธิมนุษยชน เพียงแต่เลือกที่ผลักดันในวิธีการที่แตกต่าง และตรงจุดกว่า อย่างเช่นประเด็นของ เผิง ฉ่วย นักเทนนิสสาวชาวจีน ที่มีประเด็นอื้อฉาวว่าเธอเคยถูกล่วงละเมิดทางเพศ โดยอดีตรองนายกรัฐมนตรีของจีน ซึ่งฝรั่งเศสได้ทำงานผ่านทางคณะกรรมการโอลิมปิกสากลอย่างเต็มที่เพื่อคุ้มครองนักกีฬา

‘บลิงเคน’ ยกเลิกเยือนไทย (ผู้ร่วมคณะติดเชื้อ) ไม่สะเทือน!! ความสนใจ ‘สยาม - อาเซียน’

เฟซบุ๊ก U.S. Embassy Bangkok ของสถานเอกอัครราชทูตสหรัฐฯ ประจำประเทศไทย โพสต์ข้อความ ระบุว่า นายแอนโทนี บลิงเคน รัฐมนตรีต่างประเทศของสหรัฐฯ ได้พูดคุยกับนายดอน ปรมัตถ์วินัย รองนายกรัฐมนตรีและรมว.ต่างประเทศของไทย แสดงความเสียใจอย่างสุดซึ้ง ที่นายบลิงเคนจะไม่สามารถมาเยี่ยมเยียนกรุงเทพในสัปดาห์นี้ 

โดยนายบลิงเคน อธิบายว่า เพื่อลดความเสี่ยงของการแพร่เชื้อโควิด-19 และจัดลำดับความสำคัญด้านสุขภาพ รวมทั้งความปลอดภัยของผู้ร่วมคณะ โดยนายบลิงเคนจะนำคณะเดินทางกลับกรุงวอชิงตัน ดี.ซี. ทันที ทั้งนี้ นายบลิงเคน ได้ใช้โอกาสนี้เชิญนายดอน เยือนกรุงวอชิงตัน ดี.ซี. โดยเร็วที่สุด และเขายังคงตั้งตารอการเดินทางกลับมายังประเทศไทย

นักการเมืองมะกันเสนอ ‘กม.เพิ่มอำนาจรัฐบาล’ ระงับการลงทุนหลายพันล้านดอลลาร์ไปจีน

นักการเมืองอเมริกาเห็นพ้องต่อข้อเสนอที่จะเพิ่มอำนาจให้รัฐบาล ระงับการลงทุนหลายพันล้านดอลลาร์สหรัฐฯ ในจีน อ้างว่าเป็นส่วนหนึ่งของการรับมืออิทธิพลที่ขยายตัวขึ้นของจีนในอนาคต

สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรพรรคเดโมแครต และรีพับลิกัน ได้หารือกันและเห็นพ้องที่จะเพิ่มอำนาจให้รัฐบาลชุดปัจจุบัน ด้วยการออกกฎหมายว่าด้วยการเพิ่มศักยภาพการแข่งขันของสหรัฐฯ ต่อจีน ด้วยการมอบเงินสนับสนุน 52,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ ให้บริษัทผู้ผลิตชิปในการขยายภาคการผลิต เพื่อแข่งขันกับจีน

วุฒิสมาชิก มาร์ค วอร์เนอร์ บอกกับ Reuters ว่า เวลากำลังจะหมดลงในการออกกฎหมายชิป ซึ่งจะดึงการลงทุนออกนอกประเทศ ให้กลับเข้ามาในประเทศได้เป็นมูลค่ามหาศาล อีกทั้งจะช่วยให้สหรัฐฯ ลดการพึ่งพาชิปของจีน และเพิ่มศักยภาพการแข่งขันของสหรัฐฯ ในด้านวิทยาศาสตร์ และเทคโนโลยีด้วย ด้วยเป้าหมายสูงสุดคือ ทำให้สหรัฐฯ คานอิทธิพลที่กำลังเพิ่มมากขึ้นของจีนได้

TOPIC 21 : ศึกนอกก็แย่ ศึกในก็ยับ ‘ไบเดน’ ร่อแร่!! หลังปัญหาทั่วสหรัฐฯ ฉุดความนิยมตกต่ำถึงขีดสุด

ศึกนอกก็แย่ ศึกในก็ยับ
‘ไบเดน’ ร่อแร่!! หลังปัญหาทั่วสหรัฐฯ
ฉุดความนิยมตกต่ำถึงขีดสุด

Click on Clear Original
โดย ปริม THE STATES TIMES (กุญชนิตา กุญชร ณ อยุธยา)


TRENDING
© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top