Friday, 26 April 2024
รังสิมันต์โรม

‘โรม’ หวัง กม.ป้องกันซ้อมทรมานลุล่วง อย่าให้ซ้ำรอยรัฐทำป่าเถื่อนกับประชาชนอีก

เมื่อวันที่ 25 ตุลาคม ที่ผ่านมา นายรังสิมันต์ โรม ส.ส.บัญชีรายชื่อ และรองเลขาธิการพรรคก้าวไกล (ก.ก.) กล่าวเนื่องในวาระครบรอบ 17 ปี เหตุการณ์สลายการชุมนุมของประชาชนหน้าสถานีตำรวจภูธร อ.ตากใบ จ.นราธิวาส ซึ่งมีผู้เสียชีวิต 85 คน สูญหาย 7 คน และบาดเจ็บมากกว่า 1,000 คน ว่า ครบรอบ 17 ปี เหตุการณ์ตากใบ โศกนาฏกรรมและความอัปยศของการทรมานและการย่ำยีศักดิ์ศรีความเป็นมนุษย์ที่จะต้องไม่เกิดขึ้นอีก

นายรังสิมันต์ กล่าวว่า ผมได้เข้าประชุมคณะกรรมาธิการพิจารณาร่าง พ.ร.บ.ป้องกันและปราบปรามการทรมานและการกระทำให้บุคคลสูญหายด้วยนั้น ก็บังเอิญว่าตรงกับวันครบรอบ 17 ปี เหตุการณ์สังหารหมู่ที่ อ.ตากใบ จ.นราธิวาส พอดี กล่าวโดยสรุป เหตุการณ์ครั้งนั้นเริ่มต้นจากการที่ชาวบ้านชุมนุมประท้วงที่หน้าสถานีตำรวจ เนื่องจากตำรวจได้จับกุมชาวบ้านจำนวนหนึ่งไปสอบสวนเป็นเวลานานกว่าสัปดาห์โดยไม่ยอมปล่อยออกมา ปรากฏว่าตำรวจกลับโต้ตอบด้วยการสลายการชุมนุม ใช้ปืนและแก๊สน้ำตาจนมีผู้เสียชีวิตในที่เกิดเหตุ 7 คน

นายรังสิมันต์ กล่าวต่อว่า ทั้งยังควบคุมตัวอีกนับพันคนขึ้นรถบรรทุกโดยให้นอนทับกัน อยู่ในสภาพหายใจแทบไม่ออก ปัสสาวะและอุจจาระราด นำตัวไปค่ายทหารที่ห่างออกไปกว่า 150 กิโลเมตร จนมีผู้เสียชีวิตระหว่างทางและที่โรงพยาบาลเพิ่มอีก 78 คน ซึ่งจนถึงวันนี้ก็ยังไม่มีใครต้องรับผิดชอบอะไรกับการที่มีคนจำนวนมากเสียชีวิตและได้รับบาดเจ็บ

“เมื่อมองย้อนกลับไป เหตุการณ์ตากใบก็คือหนึ่งในการกระทำอันโหดร้ายที่เรากำลังพยายามขจัดมันให้สิ้นไปอยู่นี้เอง การที่เจ้าหน้าที่นำคนมานอนทับกันนานหลายชั่วโมงจนขาดอากาศหายใจเสียชีวิต กระทำกับเขาด้วยการเลือกปฏิบัติเพราะเห็นว่าเป็นคนที่เข้าข้างผู้ที่ตัวเองสงสัยว่าก่อความไม่สงบ ย่อมเป็นที่ชัดเจนว่าเข้าข่ายการทรมาน และแม้ว่าบางคนอาจรอดชีวิตมาโดยไม่ได้รับอันตรายร้ายแรงเหมือนคนอื่นๆ แต่การที่เขาต้องนอนดมกลิ่นของเสียจากร่างกายคนอื่น ถูกกระทำเหมือนเป็นสิ่งของถูกบรรทุกไว้ นี่ก็ย่อมเข้าข่ายการกระทำย่ำยีศักดิ์ศรีความเป็นมนุษย์

‘ก้าวไกล’ ชวนจับตากม. ล้างมรดกบาปคสช. หลังฉบับประชาชน บรรจุเข้าสภา 1 ธ.ค. นี้

‘ก้าวไกล’ ชวนติดตาม ร่างกฎหมาย ‘ล้างมรดก คสช.’ ฉบับประชาชน เข้าสภา ‘โรม’ จี้ ‘ประธานสภา’ อย่าดอง ร่างฯ อนค. ให้บรรจุเข้าพิจารณาพร้อมกันด้วย ยืนยันพรรคก้าวไกลพร้อมโหวตรับหลักการการล้างมรดกบาป คสช.

รังสิมันต์ โรม ส.ส.บัญชีรายชื่อ และรองเลขาธิการพรรคก้าวไกล กล่าวว่า สัปดาห์นี้ถือเป็นอีกหมุดหมายสำคัญในการล้างมรดก คสช. เนื่องจากทางไอลอว์ในฐานะผู้ประสานงานเครือข่ายภาคประชาชนที่ต้องการ ‘รื้อมรดกคสช.’ ได้รับแจ้งจากเจ้าหน้าที่สำนักงานเลขาธิการสภาผู้แทนราษฎรว่า ร่างพ.ร.บ.ยกเลิกประกาศและคำสั่งคณะรักษาความสงบแห่งชาติ และคำสั่งหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติที่ขัดต่อหลักสิทธิมนุษยชนและประชาธิปไตย พ.ศ. ....ที่ เข้าชื่อเสนอโดยประชาชน 13,409 คน ให้ยกเลิกประกาศและคำสั่งของ คสช. รวม 35 ฉบับ ได้ถึงคิวการพิจารณาและจะบรรจุในวาระการประชุมของสภาผู้แทนราษฎรในวันที่ 1 ธันวาคม พ.ศ. 2564 นี้ 

โดย รังสิมันต์ กล่าวต่อไปว่า ตนและพรรคก้าวไกลขอสนับสนุนร่างกฎหมายของประชาชนและการอภิปรายที่กำลังจะมีขึ้นในครั้งนี้อย่างเต็มที่ พร้อมกันนี้อยากเชิญชวนให้สื่อมวลชนและพี่น้องประชาชนติดตามการอภิปราย เพื่อช่วยกันส่งเสียงไปให้ถึง ส.ส. ในสภาทุกคน ให้มาร่วมกับประชาชนในการปลดอาวุธ คสช. ที่ยังคงอยู่ ถึงแม้ว่าตอนนี้ คสช. จะหมดสถานะไปแล้วในทางกายภาพ แต่ในความเป็นจริงยังมีวิญญาณร้ายสิงอยู่ผ่านประกาศคำสั่งทั้งหลายที่ได้รับการรับรองโดยรัฐธรรมนูญ มาตรา 279 ทำให้มีผลบังคับใช้ตลอดไปจนกว่าจะถูกยกเลิก ซึ่งช่องทางการยกเลิกในระบบประชาธิปไตยก็คือ การเสนอให้รัฐสภาออกพระราชบัญญัติมายกเลิก

“หากมรดกบาปเหล่านี้ยังอยู่ ประเทศไทยจะไม่อาจกลับคืนสู่สภาวะปกติ เป็นประชาธิปไตยที่ยืนอยู่บนหลักนิติรัฐได้เลย ด้วยเหตุนี้ อดีตพรรคอนาคตใหม่จึงประกาศนโยบายเรื่องจัดการ ‘มรดกบาปคสช.’ ไว้เป็นหนึ่งในนโยบายการเลือกตั้ง 24 มี.ค. 62 และได้ดำเนินการตามนโยบายดังกล่าวผ่านกลไกของสภาผู้แทนราษฎร มีการร่างพ.ร.บ.ยกเลิกประกาศคำสั่งของหัวหน้า คสช. และได้เสนอเข้าสู่สภา โดยอาจารย์ปิยบุตร แสงกนกกุล ตั้งแต่วันที่ 6 ก.ย. 62 เนื้อหาหลักใหญ่ใจความคือ ยกเลิกประกาศคำสั่งหัวหน้า คสช. ทั้งสิ้น 17 ฉบับ เนื่องจากหลายฉบับมีเนื้อหาที่กระทบสิทธิมนุษยชน ขัดหลักการความยุติธรรม ขาดหลักนิติรัฐนิติธรรม และเป็นประกาศที่ออกมาช่วง คสช. ครองอำนาจ ที่ขาดการมีส่วนร่วมประชาชน”

‘โรม’ จี้สภา รับร่างกม. ปลดอาวุธคสช. ช่วยถอดสลักโซ่ตรวนฉุดรั้งการเมืองไทย

‘รังสิมันต์ โรม’ เรียกร้อง สภา ส.ส. ต้องให้ความสำคัญ ร่างยกเลิกคำสั่ง คสช. ชี้ชัด หากร่างกฎหมายผ่าน จะเป็นการถอดสลัก โซ่ตรวนที่ฉุดรั้งการเมืองไทย เพื่อให้ประเทศผ่านวิกฤต

เมื่อวันที่ 1 ธันวาคม พ.ศ. 2564 ที่อาคารรัฐสภา รังสิมันต์ โรม ส.ส.แบบบัญชีรายชื่อ ในฐานะรองเลขาธิการพรรคก้าวไกล แถลงต่อสื่อมวลชน ถึงประเด็นเรียกร้องให้สภาผู้แทนราษฎร นำร่างกฎหมายยกเลิกประกาศคำสั่ง คสช. ที่เสนอโดย รศ.ดร. ปิยบุตร แสงกนกกุล และคณะ เร่งขึ้นมาพิจารณาพร้อมกับร่างของประชาชนในสมัยประชุมนี้

รังสิมันต์ กล่าวว่า ในวันนี้เป็นวันแรกที่จะมีการพิจารณากฎหมายที่เสนอต่อที่ประชุมสภาผู้แทนราษฎรอย่างจริงจัง ก่อนหน้านี้ เราได้พิจารณากฎหมายส่วนใหญ่ที่เสนอโดยคณะรัฐมนตรี (ครม.) แต่วันนี้เป็นวันแรกที่มีกฎหมายที่เสนอโดยสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร และบางส่วนเป็นร่างกฎหมายที่เสนอโดยภาคประชาชน ที่เฝ้ารอว่า สภาผู้แทนราษฎรจะมีความชัดเจนอย่างไร ซึ่งเป็นนิมิตหมายที่ดี

“ก่อนหน้านี้ เรามีหลายเรื่องที่เสนอโดย ส.ส. อย่างเรื่องข้อบังคับการประชุมสภาผู้แทนราษฎร ที่อาจไม่ได้เกี่ยวข้องกับประชาชน แต่ต้องบอกว่าร่างข้อบังคับการประชุมสภาผู้แทนราษฎรครั้งนี้ บางส่วนจะเกี่ยวข้องกับการทำประชามติ ที่จะเปิดโอกาสให้ประชาชนสามารถเป็นผู้ริเริ่มเสนอเรื่องต่าง ๆ เป็นประเด็นที่สำคัญต่อสังคมได้ ต่อไปนี้ความสำคัญ การริเริ่มเรื่องราวต่าง ๆ จะไม่ได้อยู่แค่ในสภา และประชาชนจะมีส่วนเป็นผู้กำหนดทิศทางในการเดินหน้าของประเทศไทยได้ด้วย”

รังสิมันต์ กล่าวต่อว่า บางประเด็นที่เกี่ยวข้องกับข้อบังคับการประชุมสภาผู้แทนราษฎรที่ถูกเสนอโดย ณัฐพงษ์ เรืองปัญญาวุฒิ ที่จะทำให้การพิจารณากฎหมายของสภา จะมีโอกาสที่พิจารณาร่างกฎหมายที่ถูกเสนอโดย ส.ส. ได้มากขึ้น หรือในประเด็นของ ธีรัจชัย พันธุมาศ ส.ส.แบบบัญชีรายชื่อ ที่เสนอให้มีการแก้ไขเพื่อให้มีการตีความร่างกฎหมายดำเนินต่อไปได้ ไม่ใช่มีการเปลี่ยนแปลงผลโหวตในสภาผู้แทนราษฎร ในช่วงองค์ประชุมของตนมีไม่พอ เป็นการเตะถ่วง ฉุดรั้งประเทศ

องค์การบริหารสโมสรนิสิตจุฬาฯ รับลูก 'โรม' ชงจุฬาฯ มอบปริญญา 'พล.ต.ต.ปวีณ'

จากการอภิปรายของนายรังสิมันต์ โรม ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกล กรณีปัญหาการค้ามนุษย์ ขบวนการลักลอบขนชาวโรฮีนจา เมื่อวันที่ 18 ก.พ.ที่ผ่านมา พร้อมกับเรื่องราวตำรวจเลวได้ดี ตำรวจดีต้องลี้ภัย โดยมีตัวอย่างของ พล.ต.ต. ปวีณ พงศ์สิรินทร์ อดีตหัวหน้าทีมสืบสวนคดีค้ามนุษย์ที่ต้องลี้ภัยออกจากประเทศไทยไปเมื่อปี 2558 ที่มีพยานหลักฐานซึ่งรวบรวมเอาไว้ถึง 270,000 แผ่นกระดาษของ พล.ต.ต.ปวีณ พงศ์สิรินทร์ ที่นายรังสิมันต์ นำมาใช้ในการเผยแพร่ทั้งในและนอกรัฐสภา

พร้อมกันนี้ยังมีวิดีโอคอลไปหาพล.ต.ต.ปวีณ โดยมีนายรังสิมันต์ โรม ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกล และ น.ส.พรรณิการ์ วานิช แกนนำคณะก้าวหน้า ร่วมกันแถลงหลังเปิดอภิปรายไม่ไว้วางใจทั่วไปแบบไม่ลงมติ ตามรัฐธรรมนูญมาตรา 152

‘โรม’ จวก รัฐบาล ‘หูทวนลม’ ปัญหาค้ามนุษย์โรฮิงญา ไม่คิดสืบสาวหาตัวการใหญ่​ ทั้งที่เรื่องยังคงมี

รังสิมันต์ โรม ส.ส.แบบบัญชีรายชื่อ และรองเลขาธิการพรรคก้าวไกล ให้ความเห็นต่อกรณีที่มีรายงานข่าววันที่ 10 มีนาคม 2565 เกี่ยวกับการค้ามนุษย์ชาวโรฮิงญาระลอกใหม่เกิดขึ้นอีกครั้ง โดยกระบวนการที่เกิดขึ้นเริ่มตั้งแต่การขนคนลงเรือมาจากรัฐยะไข่ ประเทศเมียนมา เข้าประเทศไทยที่ จ.ระนอง เอามาทิ้งไว้ในป่าโกงกาง เช่นที่มีการตรวจพบและควบคุมตัวล่าสุด 14 คน ที่อยู่ในสภาพอิดโรย เพื่อรอนายหน้ามานำส่งข้ามแดนไปยังประเทศมาเลเซียอีกต่อหนึ่ง ซึ่งชาวโรฮิงญาเหล่านี้ต้องจ่ายเงินให้กับกระบวนการทั้งหมดนี้ถึงรายละ 52,000 บาท ทั้งนี้ จากข้อมูลตั้งแต่เดือนมกราคม 2565 เป็นต้นมา มีรายงานการควบคุมตัวผู้หลบหนีเข้าเมืองเป็นจำนวนถึง 251 คน คนนำพา 4 คน และผู้ให้ความช่วยเหลืออีก 36 คน

'สน.บางขุนนนท์' ล็อกเป้า!! ส่อสั่งขัง 'โรม' หวังให้หลุดสถานะ ส.ส. เจ้าตัวเผย!! เป็นผลพวงจากอภิปราย 'ป่ารอยต่อ - ค้ามนุษย์'

(17 มี.ค.65) รังสิมันต์ โรม ส.ส.แบบบัญชีรายชื่อ และรองเลขาธิการพรรคก้าวไกล กล่าวถึงกรณีที่เพิ่งได้รับหมายจับจาก สน.บางขุนนนท์ ว่าหลังจากที่ตนได้อภิปรายทั่วไปเรื่องการค้ามนุษย์ชาวโรฮิงญาเป็นต้นมา ก็ได้มีความพยายามที่จะเร่งรัดกระบวนการของคดีต่างๆ ที่ยัดเยียดมาให้จากการปฏิบัติหน้าที่ผู้แทนราษฎร โดยเฉพาะคดีที่มูลนิธิป่ารอยต่อฯ ของ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ ฟ้องตนในข้อหาหมิ่นประมาทโดยการโฆษณา จากการอภิปรายไม่ไว้วางใจเมื่อต้นปี 2563

"จากกรณีที่เกิดขึ้น ผลที่ฝ่ายรัฐบาลคาดหวังจากความพยายามเหล่านี้ ก็คงหนีไม่พ้นการให้ผมได้ถูกศาลสั่งขังโดยไม่ให้ประกันตัว แม้เพียง 1 วันก็พอ เพื่อให้หลุดพ้นจากความเป็น ส.ส. โดยล่าสุดผมทราบว่าทางตำรวจ สน.บางขุนนนท์ ถึงขั้นมีการออกหมายจับผมในคดีนี้ โดยอ้างว่าไม่ได้ไปเข้าพบตามหมายเรียกที่ออกมาก่อนหน้านี้ ซึ่งผมขอชี้แจงดังนี้..

“หมายเรียกแรกที่ออกมานั้น ออกเมื่อวันที่ 23 กุมภาพันธ์ 2565 ซึ่งยังอยู่ในระหว่างสมัยประชุมของสภาผู้แทนราษฎร จึงได้โต้แย้งไปแล้วว่าเป็นการออกหมายเรียกโดยไม่ชอบ เนื่องจากในรัฐธรรมนูญมาตรา 125 ได้ห้ามไม่ให้มีการออกหมายเรียกตัว ส.ส. ในระหว่างสมัยประชุม

"ต่อมาเมื่อวันที่ 5 มีนาคม ทาง สน.บางขุนนนท์ก็ได้ออกหมายเรียกอีกครั้งให้ไปพบในวันที่ 11 มีนาคม อย่างไรก็ตามตนติดภารกิจในฐานะ ส.ส. ในวันดังกล่าว จึงได้ทำหนังสือต่อ สน.บางขุนนนท์ เพื่อชี้แจงความไม่สะดวกและขอเลื่อนการเข้าพบออกไปเป็นวันอื่นที่ได้ระบุไว้ ทว่าทางตำรวจกลับมีคำสั่งไม่อนุญาตเลื่อนการนัดหมายดังกล่าว และอ้างเหตุนี้ในการขอศาลเพื่อออกหมายจับตน” รังสิมันต์ กล่าว

รังสิมันต์ กล่าวต่อไปว่า ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 66 กำหนดว่าหมายจับจะออกได้ก็ต่อเมื่อ (1) มีหลักฐานการกระทำความผิดอัตราโทษจำคุกอย่างสูงเกิน 3 ปี หรือ (2) มีหลักฐานการกระทำความผิดและมีเหตุควรเชื่อว่าจะหลบหนี (ซึ่งให้สันนิษฐานกรณีไม่มาตามหมายเรียกโดยไม่มีข้อแก้ตัวอันควรด้วย) กรณีของตนนั้นไม่ใช่ข้อ (1) แน่ๆ เพราะข้อหาหมิ่นประมาทมีโทษจำคุกไม่เกิน 3 ปี ส่วนตามข้อ (2) นั้น เมื่อมีหมายเรียกมาตนก็ได้ยื่นหนังสือชี้แจงถึงความจำเป็นในการปฏิบัติหน้าที่ ส.ส. ไปแล้ว พร้อมทั้งระบุวันที่สะดวกเข้าพบอย่างชัดเจนด้วย ยังไม่นับว่าในอดีตที่ผ่านมาเมื่อมีการแจ้งข้อหาแก่ตนในคดีนี้ ซึ่งตนก็ได้ไปแสดงตัวต่อเจ้าหน้าที่ อีกทั้งตลอดเวลาที่ผ่านมายังมาปฏิบัติหน้าที่ ส.ส. อย่างสม่ำเสมอไม่หนีหายไปไหน จึงไม่มีเหตุสมควรที่จะต้องออกหมายจับผมแต่อย่างใดเลย

'ณัฐชา’ จ่อเชิญ ผบช.น แจงข้อเท็จจริงกรณีออกหมายจับ ‘โรม’ ชี้!! มีพฤติกรรมทำลายกระบวนการยุติธรรมอย่างร้ายแรง

18 มี.ค. 65​ ณัฐชา บุญไชยอินสวัสดิ์ ส.ส.กทม.เขต 25 บางขุนเทียน พรรคก้าวไกล ในฐานะประธานคณะกรรมาธิการการพัฒนาการเมือง การสื่อสารมวลชน และการมีส่วนร่วมของประชาชน สภาผู้แทนราษฎร กล่าวถึง กรณีที่ รังสิมันต์ โรม ส.ส.แบบบัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกล ถูกออกหมายจับจากเจ้าหน้าที่ตำรวจนครบาลบางขุนนนท์ ในข้อหมิ่นประมาทโดยการโฆษณา จากการอภิปรายไม่ไว้วางใจนอกจากสภา พลเอกประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี เกี่ยวกับการใช้มูลนิธิป่ารอยต่อเพื่อเป็นศูนย์กลางเครือข่ายอำนาจเพื่อต่อรองผลประโยชน์ต่าง ทั้งต่อมายังพบว่าอาจมีความเชื่อมโยงกับเครือข่ายตั๋วช้างและการค้ามนุษย์โรฮิงญา 

ทั้งนี้ ณัฐชา กล่าวว่า จากกรณีที่เกิดขึ้นสะท้อนว่า กระบวนการยุติธรรมกำลังถูกทำลายโดยสิ้นเชิง เพียงเพื่อสนองความต้องการของผู้มีอำนาจบางคน ทำให้กระบวนการทางยุติธรรมทั้งระบบรวมถึงผู้พิทักษ์สันติราษฎร์ที่มีอำนาจบังคับใช้กฎหมายถูกมองอย่างหมดศรัทธาในสายตาพี่น้องประชาชน ไม่เหลือความน่าเชื่อถือหรือเชื่อว่าสามารถเป็นที่พึ่งให้ประชาชนได้อย่างที่สิ้นเชิง 

‘โรม’ เปิดตัวหนังสือ ‘เรียนประชาชนที่เคารพ’ หวังปลุก ส.ส.กล้าเปิดโปงความผิดในสังคม

รังสิมันต์ โรม ส.ส.พรรคก้าวไกล เผยชีวิต ความคิด และเรื่องราวการต่อสู้ทางการเมืองตลอดช่วงที่ผ่านมา จากนักกิจกรรมสู่สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร (ส.ส.) พร้อมเปิดตัวหนังสือ ‘เรียนประชาชนที่เคารพ’ รวมบทอภิปรายไม่ไว้วางใจ กรณีตั๋วช้างและป่ารอยต่อ ที่อยากชี้ให้เห็นใจกลางของปัญหา หวังนักการเมืองทุกคนมีความกล้า ร่วมเปิดโปงความผิดปกติของสังคมไทยอย่างไม่ต้องกลัว เพราะประชาชนจะยืนเคียงข้างไปด้วยกัน

รังสิมันต์ กล่าวว่า ชื่อหนังสือเรียนประชาชนที่เคารพ เป็นความตั้งใจที่จะสื่อสารกับประชาชน เพราะหนังสือเล่มนี้เป็นรวมบทอภิปรายไม่ไว้วางใจกรณีป่ารอยต่อและกรณีตั๋วช้าง โดยกรณีแรกต้องอภิปรายนอกสภา กรณีหลังอภิปรายไม่จบ ดังนั้น การตั้งชื่อจึงสื่อถึงการพูดกับประชาชนโดยตรง เปิดโปงให้ประชาชนได้รับรู้ เมื่อรู้แล้วจะทำให้เกิดความเปลี่ยนแปลง และจะทำให้สังคมไทยไม่กลับไปสู่จุดนั้นอีก ทั้งนี้ สิ่งที่ทำให้กล้าอภิปรายเรื่องป่ารอยต่อ เรื่องตั๋วช้าง มาจากความคิดว่า อยากทำให้ประเทศนี้เปลี่ยนแปลง 

นายกฯ ย้อนถาม 'คิดว่าตนเป็นคนทุจริตหรือ?' หลังสื่อ จี้ ตั้งกรรมการสอบ-พักงาน 'ประวิตร' 

ที่สํานักงานตํารวจแห่งชาติ ภายหลังเป็นประธานการประชุมคณะกรรมการตำรวจ (ก.ตร.) ครั้งที่ 4/2565 พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรมว.กลาโหม ตอบคำถามผู้สื่อข่าวกรณี นายรังสิมันต์ โรม ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกล ออกมาเรียกร้องให้รัฐบาลแสดงความรับผิดชอบในการตั้งคณะกรรมการสอบ และพักงาน พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี ในประเด็นการค้ามนุษย์โรฮิงญานั้น ด้านนายกฯ ได้กล่าวว่า "เดี๋ยวให้เจ้าหน้าที่ตำรวจชี้แจงก็แล้วกัน และผมคิดว่าไม่ได้ทำอะไรผิด"

‘โรม’ รับไม้ต่อโฆษกพรรคก้าวไกลจาก ‘วิโรจน์’ ประกาศความพร้อมสู้ศึกเลือกตั้ง เสนอแคนดิเดทที่มีความกล้าหาญให้ประชาชนเลือก พร้อมต่อสู้อย่างแหลมคมในทุกประเด็นอย่างต่อเนื่อง ชี้ ขาดนักการเมืองที่กล้าหาญประเทศไทยเปลี่ยนไม่ได้

ในเวทีช่วงบ่ายของการประชุมใหญ่สามัญประจำปีของพรรคก้าวไกล ครั้งที่ 1/2565 วิโรจน์ ลักขณาอดิศร ในฐานะอดีตโฆษกพรรคก้าวไกล ขึ้นกล่าวแสดงความรู้สึกก่อนส่งมอบตำแหน่งโฆษกพรรคสู่รังสิมันต์ โรม ส.ส.บัญชีรายชื่อพรรคก้าวไกล โดยระบุว่าในฐานะสมาชิกพรรคก้าวไกล ตัวเองขอให้ทุกคนที่นี่ตั้งคำถาม ว่าการที่ทุกคนมาเป็นสมาชิกพรรคอนาคตใหม่ จนกระทั่งพรรคถูกยุบแล้วมาเป็นสมาชิกพรรคก้าวไกลวันนี้ เราล้วนแต่มาเพื่อการเปลี่ยนแปลงในโครงสร้าง เพราะเราทุกคนรู้ว่าจะหลับตาข้างเดียวปล่อยให้ความอยุติธรรมแบบนี้ดำรงต่อไปไม่ได้ 

วิโรจน์กล่าวต่อว่าการบริหารประเทศภายใต้ความจริงที่กระอักกระอ่วน พูดเรื่องนั้นเรื่องนี้ไม่ได้ ต้องหลับตาข้างเดียวตลอดเวลา ปล่อยให้คนกลุ่มหนึ่งได้ประโบชน์ในขณะที่คนส่วนใหญ่ถูกเอารัดเอาเปรียบ ปล่อยให้ความเหลื่อมล้ำไม่เท่าเทียมขยายตัวไปเรื่อยๆ แบบนี้ไม่ได้

เครือข่ายอุปถัมภ์ไม่ได้หดตัวลง แต่นับวันยิ่งขยายตัวออกไปเรื่อยๆ เมื่อเครือข่ายใหญ่โตขึ้น ทรัพยากรจะถูกสูบไปให้คนกลุ่มนั้น ประชาชนจะได้แต่เศษเนื้อข้างเขียงเหมือนเดิม นี่คือเหตุผลที่เรามาเป็นสมาชิกพรรคก้าวไกลวันนี้

“ถ้าเปรียบเป็นทีมฟุตบอล มีทีมฟุตบอลทีมหนึ่ง บอร์ดบริหารบอกว่าแผนการเล่นเปลี่ยนไม่ได้ นักเตะขายออกไม่ได้ ซื้อเข้าไม่ได้ ทีมแบบนี้ไปต่อไม่ได้ แน่นอนว่าการปรับเปลี่ยนโครงสร้างทีมแบบนี้อาจจะยาก แต่ถ้าเรายอมแก้โครงสร้าง ก็สามรรถลุ้นสี่แชมป์ได้ พรรคก้าวไกลไม่ต้องการเป็นผู้เล่นใหม่ในเกมแบบเดิม แต่เราต้องการเข้ามาเปลี่ยนเกม เราไม่อยากเปลี่ยนแค่ผู้เล่น และถ้าต้องดารเปลี่ยนเกม ต้องก้าวไกลทั้งแผ่นดินเท่านั้น” วิโรจน์กล่าว


TRENDING
© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top