Tuesday, 7 May 2024
รังสิมันต์โรม

โรม จี้ ส.ว. ไฟเขียวประชามติ แก้ รธน. ใหม่ทั้งฉบับ ลั่น เรียกร้องให้ดำเนินคดี จนท. คฝ. ทำร้ายสื่อ-ประชาชน อย่าปล่อยให้คนชั่วลอยนวล

รังสิมันต์ โรม โฆษกพรรคก้าวไกล แถลงข่าว ต่อสื่อมวลชนประเด็นขอให้มีการทำประชามติเพื่อจัดทำรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ทั้งฉบับ เพื่อแทนที่รัฐธรรมนูญ พ.ศ. ๒๕๖๐ ซึ่งได้ผ่านการลงมติเห็นชอบอย่างเป็นเอกฉันท์ไปแล้วของสภาผู้แทนราษฎร ปัจจุบันได้ถูกบรรจุเข้าในระเบียบวาระของวุฒิสภา ซึ่งกำลังจะพิจารณาในวันพรุ่งนี้นั้น

ตนในฐานะโฆษกของพรรคก้าวไกล ที่ได้เสนอญัตตินี้นั้น เรามีความตั้งใจให้การทำประชามติครั้งนี้ทำขึ้นพร้อมกับการเลือกตั้งที่จะมาถึง เพื่อให้การเข้าคูหาของพี่น้องประชาชนเกิดความสะดวก ทำพร้อมกันในคราวเดียว และการจัดการลงประชามติที่หากเกิดขึ้นพร้อมกันกับการเลือกตั้งก็จะประหยัดเงินภาษีของพี่น้องประชาชน

อย่างไรก็ดี ทราบว่าการดำเนินการเช่นนี้ เป็นการดำเนินการที่ถือว่าเป็นเรื่องใหม่ของประเทศของเรา อาจจะมีวุฒิสมาชิกบางท่านที่คิดว่าการดำเนินการเช่นนี้อาจจะติดขัดในเรื่องของระเบียบกฎหมาย จึงมีบางท่านต้องการเสนอว่าควรจะมีการตั้งกรรมาธิการเพื่อศึกษาเรื่องนี้ก่อน ซึ่งอาจจะยาวนานถึง  60 วัน

ซึ่งหากเหตุการณ์ที่ผมกล่าวถึงเกิดขึ้นจริง จะทำให้โอกาสที่จะจัดประชามติไปพร้อมกับการเลือกตั้งเป็นไปได้ยาก และจะส่งผลให้มีค่าใช้จ่าย ทั้งที่เราสามารถประหยัดได้

รวมถึงการดำเนินการประชามติเช่นนี้ก็เป็นกระบวนการที่สอดคล้องตามนัยยะของศาลรัฐธรรมนูญที่หากต้องการจัดทำรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ จะต้องมีการถามประชาชนก่อน ทั้งนี้ ในประเด็นปัญหาข้อกฎหมายที่อาจจะเกิดขึ้นนั้น สามารถที่จะดำเนินการแก้ไข เปลี่ยนแปลงกฎระเบียบต่างๆที่เกี่ยวข้องเพื่อให้เกิดความเปลี่ยนแปลงเป็นการอำนวยความสะดวกแก่ประชาชนได้ หากญัตตินี้ผ่านการพิจารณาของวุฒิสภา ดังนั้น เราจึงไม่ควรอย่างยิ่งที่จะอ้างกฎระเบียบใดๆมาขวางกั้น ความต้องการที่จะสร้างรัฐธรรมนูญที่เป็นของประชาชนตนและพรรคก้าวไกลหวังเป็นอย่างยิ่งว่า การพิจารณาญัตติดังกล่าวของวุฒิสภา จะดำเนินการอย่างรวดเร็ว เพื่อเป็นจุดเริ่มต้นของความเปลี่ยนแปลงที่ประชาชนหวัง

‘โรม’ จี้ นายกฯ ตั้งเป็นวาระสำคัญของชาติ ช่วยเหลือ 31 ทหารเรือสูญหายแบบเร่งด่วน

(19 ธ.ค. 65) รังสิมันต์ โรม โฆษกและ ส.ส.บัญชีรายชื่อพรรคก้าวไกล กล่าวถึงกรณีที่เรือหลวงสุโขทัยที่อยู่ห่างจากชายฝั่งประมาณ 19 ไมล์ทะเล ประสบอุบัติเหตุคลื่นลมแรง จนทำให้มีกระแสน้ำเข้าเรือเป็นจำนวนมาก และได้จมลงใต้ทะเลแล้วในช่วงดึกของวันที่ 18 ธ.ค. ที่ผ่านมาว่า คงไม่มีใครอยากให้เกิดขึ้น และคงจะต้องมีการสืบสวนถึงสาเหตุอย่างละเอียดกันต่อไปว่าเกิดขึ้นได้อย่างไร 

แต่สิ่งที่สำคัญคือ ขณะนี้ยังไม่มีรายงานว่าทหารเรืออีก 31 คนได้รับการช่วยเหลือ หรือมีความคืบหน้าอย่างไรแล้วบ้าง ซึ่งเท่ากับว่าพวกเขายังต้องรอคอยการช่วยเหลืออยู่กลางทะเล

ทุกนาทีที่ผ่านไป โอกาสที่ทหารเรือเหล่านี้จะมีชีวิตรอดกลับมาได้จะมีน้อยลงไปเรื่อย ๆ รัฐบาลจึงต้องทำงานแข่งกับเวลา ผมอยากเห็นทหารเรือทุกคนได้กลับบ้านไปพบครอบครัว ไม่อยากให้เกิดความสูญเสียเกิดขึ้น

‘โรม’ จี้ ‘สมศักดิ์-กรมราชทัณฑ์’ ต้องมีคำตอบ กรณี ‘ประสิทธิ์ เจียวก๊ก’ หลบหนี

(26 ธ.ค. 65) นายรังสิมันต์ โรม ส.ส.บัญชีรายชื่อและโฆษกพรรคก้าวไกล กล่าวถึงกรณีนายประสิทธิ์ เจียวก๊ก ผู้เคยอ้างตัวเป็นจิตอาสาทำความดีเพื่อแผ่นดิน แต่กลับกลายเป็นผู้ต้องหาคดีฉ้อโกงความเสียหายรวมนับพันล้านบาท ซึ่งล่าสุดเมื่อวันที่ 22 ธ.ค. ที่ผ่านมา ได้ก่อเหตุพยายามหลบหนีระหว่างเข้าพิจารณาคดีที่ศาลอาญา

นายรังสิมันต์กล่าวว่า กรณีนี้ร้ายแรงและต้องติดตามอย่างต่อเนื่อง เพราะเป็นที่ชัดเจนว่าการจะกระทำเช่นนี้ได้ต้องมีผู้ให้การช่วยเหลือ โดยเฉพาะอย่างยิ่งการที่ผู้ก่อเหตุได้รับกุญแจให้ไขโซ่ข้อเท้าออกไปได้ ซึ่งทางกรมราชทัณฑ์อ้างว่ากุญแจนี้มีแค่ 2 ชุดเท่านั้น ชุดหนึ่งอยู่กับเรือนจำ อีกชุดหนึ่งอยู่กับเจ้าหน้าที่ผู้ควบคุมตัว ดังนั้นแล้วงานนี้จะต้องมีเจ้าหน้าที่ของกรมราชทัณฑ์เองเข้าไปเกี่ยวข้องเป็นผู้สมรู้ร่วมคิดอย่างแน่นอน ทั้งนี้ตามรายงานข่าว ทางอธิบดีกรมราชทัณฑ์ได้กล่าวไว้ตั้งแต่วันที่เกิดเหตุว่าจะตั้งคณะกรรมการตรวจสอบข้อเท็จจริงให้แล้วเสร็จภายใน 7 วัน

‘ก้าวไกล’ ยัน ไม่จับมือพรรคสืบทอดอำนาจทหาร ย้ำ!! ขอถอนรากถอนโคนทั้ง ‘ประยุทธ์-ประวิตร’

(27 ธ.ค. 65) รังสิมันต์ โรม โฆษกพรรคก้าวไกล แสดงความคิดเห็นต่อกรณีมีกระแสข่าวตั้งคำถามว่าพรรคก้าวไกลพร้อมจับมือกับพรรคพลังประชารัฐเพื่อล้ม พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา หรือไม่ ซึ่งรังสิมันต์ กล่าวว่า พรรคก้าวไกลไม่มีวันจับมือกับพรรคที่สืบทอดอำนาจเผด็จการทหาร ไม่ว่าจะเป็นพรรคพลังประชารัฐหรือรวมไทยสร้างชาติ

'ชูวิทย์' ลั่น!! เรื่องทุนจีนสีเทา อภิปรายเอามันส์อย่างเดียวไม่พอ ต้องแสดงข้อมูลชัด ยก 'รังสิมันต์ โรม' ไม่เลว!!

(10 ม.ค. 66) ที่โรงแรมเดวิส นายชูวิทย์ กมลวิศิษฎ์ อดีตนักการเมืองชื่อดัง แถลงข่าวพร้อมเปิดคลิปวิดีโอจากกล้องวงจรปิดภายในผับจินหลิง เหตุการณ์เมื่อวันที่ 26 ตุลาคม 2565 ที่ผ่านมา และ สรุปผลพูดคุยกับนายกฯ วานนี้ 

นายชูวิทย์ กมลวิศิษฎ์ ได้เปิดเผยข้อมูลเป็นคลิปวิดีโอซึ่งปรากฏภาพพนักงานไม่น้อยกว่า 10 คน และบุคคลอื่น ๆ เดินไปมาจำนวนมาก แต่ปัจจุบันปรากฏว่าจำนวนพยานในสำนวนคดี เหลือพนักงานเสริฟเพียง 2 คน ไม่มีพยานที่เป็นหญิงขายบริการ หรือบุคคลอื่น ๆ ในที่เกิดเหตุอีก

ส่วนอีกหนึ่งคลิป เป็นคลิปกล้องวงจรปิดบริเวณประตูทางเข้าออกผับจินหลิง มีพนักงานคอยตรวจค้นร่างกาย ซึ่งมีการละเว้นการค้นตัวของหลานชายตู้ห่าว และสิ่งที่นายชูวิทย์ตั้งข้อสงสัยว่าซองสีขาวในมือของหลานชายตู้ห่าวดังกล่าวเป็นซองที่บรรจุยาเสพติด 

ต่อมาชูวิทย์ เปิดแผนผังขบวนการผับจินหลิง ที่มีนายชัยณัฐร์ กรณ์ชายานันท์ หรือ ตู้ห่าวเป็นหัวหน้าขบวนการ มีผู้ร่วมขบวนการรายสำคัญแยกย่อยออกมารวม 10 คน มีการแบ่งหน้าที่กันดูแลทั้งเรื่องเงิน และเรื่องยาเสพติด

นอกจากนี้ นายชูวิทย์ ได้กล่าวว่าย้อนกลับไปวันที่ได้ทานอาหารร่วมกับ พล.ต.อ.ดำรงศักดิ์ กิตติประภัสร์ ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ได้สอบถามว่า จากนี้จะดำเนินการกับกลุ่มเจ้าหน้าที่ ตำรวจตรวจคนเข้าเมืองต่อไปอย่างไร กระบวนการจะมีความชัดเจนเป็นรูปธรรมหรือไม่ รวมทั้งถามพล.ต.อ.สุรเชษฐ์ หักพาล รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติด้วยว่า จะดำเนินการกับเจ้าหน้าที่ในพื้นที่ที่เกี่ยวข้องกับกลุ่มทุนจีนสีเทาอย่างไร

“ในวันนี้ผมตั้งใจมาเปิดโปงเครือข่ายทุจริตคอร์รัปชันที่พบว่ามีกลุ่มทุน หน่วยงานรัฐ นักการเมืองคอยร่วมสนับสนุน ถ้าประชาชนสังเกตทุกเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นตั้งแต่มีการจับกุมผับจินหลิง ที่ผ่านมาตำรวจทำงานตามหลังที่ตนออกมาเคลื่อนไหวตลอด และปัจจุบันอัยการสูงสุด ยังไม่ได้สั่งให้คดีนี้เป็นคดีอาชญากรรมข้ามชาติ 100 เปอร์เซ็นต์ ตนจึงจำเป็นต้องทำบางสิ่งบางอย่าง เพื่อไปสู่เป้าหมาย หากใครจะโทษตนเองก็ยอมรับ” นายชูวิทย์กล่าว

ส่วนเรื่องของวานนี้ (9 ม.ค. 66) ที่ชูวิทย์ได้เข้าไปพูดคุยส่วนตัวกับพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี โดยหลังจบงานพรรครวมไทยสร้างชาติ ได้ส่งคำถามถึง พล.อ.ประยุทธ์ ที่ด้านหน้าศูนย์การประชุมแห่งชาติสิริกิติ์ โดยมี 2 คำถามคือ พล.อ.ประยุทธ์ทราบหรือไม่ว่าหลานชายมีส่วนเกี่ยวข้องกับธุรกิจบริษัททัวร์ของตู้ห่าว และถ้าพบว่ามีส่วนเกี่ยวข้องจริงจะดำเนินการตรวจสอบอย่างไร

‘ชูวิทย์’ หอบหลักฐาน ‘ทุนจีนสีเทา’ ส่งต่อ ‘โรม’ ชี้!! เป็นข้อมูลชุดใหญ่ อาจโค่น ‘รัฐบาลบิ๊กตู่’ ได้

(11 ม.ค. 66) เวลา 10.30 น. ที่รัฐสภา นายชูวิทย์ กมลวิศิษฎ์ อดีตนักการเมืองไทย ยื่นข้อมูลการทุจริตกลุ่มธุรกิจสีเทาต่อนายรังสิมันต์ โรม ส.ส.บัญชีรายชื่อ และโฆษกพรรคก้าวไกล (ก.ก.) เพื่อพิจารณาใช้เป็นข้อมูลในการอภิปรายทั่วไปแบบไม่ลงมติตามรัฐธรรมนูญมาตรา 152

โดยนายชูวิทย์ กล่าวว่า มั่นใจว่ามีข้อมูลสำคัญ ไม่เคยเปิดเผยกับสื่อมาก่อน เป็นข้อมูลที่ตนคิดว่าควรที่จะนำมาพูดในสภา เพราะนายรังสิมันต์เป็นผู้แทนราษฎร ส่วนตนจะพูดอย่างไรก็ได้แค่นั้นเพราะตนพูดอยู่ข้างนอก จึงได้นำข้อมูลมาให้นายรังสิมันต์พิจารณาแต่จะรับหรือไม่ก็เป็นสิทธิ์ ซึ่งตนเป็นแค่ประชาชนเมื่อไม่มีใครติดต่อตน ตนก็มาที่นี่โดยตนเอง 

ทั้งนี้ นายรังสิมันต์พูดเรื่องตำรวจ หรือเรื่องผิดปกติของสังคมไทย หนึ่งในนั้นตนแน่ใจว่าเป็นเรื่องนี้ จึงได้นำเรื่องนี้มาให้นายรังสิมันต์พิจารณา 

ด้าน นายรังสิมันต์ กล่าวว่า ต้องชื่นชมนายชูวิทย์จริง ๆ ในการรวบรวมข้อมูลและเปิดโปงขบวนการทุนจีนสีเทา และต้องเรียนว่า พรรคก้าวไกลตั้งทีมศึกษาเรื่องนี้เพื่อที่จะเจาะลึกข้อมูลและแสวงหาข้อเท็จจริงต่าง ๆ จากแหล่งข่าวต่าง ๆ จากตำรวจน้ำดีที่ยังมีอยู่ในระบบ ยืนยันว่าพวกเราทำหน้าที่อย่างเต็มที่ในการที่จะเอาเรื่องนี้มาพูดในสภาฯ เพียงแต่ว่าที่ผ่านมายังไม่มีความชัดเจนว่าจะอภิปรายมาตรา 152 จะเกิดขึ้นเมื่อไหร่ 

ทั้งนี้ พรรคก้าวไกลเรามีความสนใจเป็นอย่างยิ่งในการที่จะนำไปศึกษา และหากมีข้อเท็จจริงที่หนักแน่นเพียงพอ เราก็พร้อมที่จะอภิปรายในสภาฯ ต่อไป ย้ำว่าเราจะทำหน้าที่อย่างหนักแน่นและจะทำหน้าที่อย่างเต็มที่อย่างแน่นอน ทั้งนี้ เราต้องอาศัยพลเมืองดีแบบนี้ในการที่จะนำข้อมูลมาให้กับพวกเรา เพราะลำพังพวกเราที่ทำหน้าที่อยู่ในสภาฯ ไม่มีทางที่เราจะรู้เนื้อหาสาระ ความอัปลักษณ์ การทุจริตคอร์รัปชัน ที่เกิดขึ้นในสังคมไทยมากเท่ากับคนที่อยู่ในระบบแน่นอน 

นายรังสิมันต์ กล่าวต่อว่า ตนคิดว่านายชูวิทย์สามารถเข้าถึงข้อมูลจำนวนมากที่เป็นประโยชน์ต่อสังคมไทย และเชื่อว่าการอภิปรายทั่วไปตามรัฐธรรมนูญมาตรา 152 เราคงจะได้เห็นการพูดถึงเรื่องนี้อย่างแน่นอน ซึ่งอาจจะไม่ใช่แค่ พรรคก้าวไกลเท่านั้น แต่รวมไปถึงพรรคฝ่ายค้านอื่น ๆ ที่จะหยิบยกเรื่องนี้เข้ามาพูด รวมถึงมีหลักฐานต่าง ๆ ที่เพียงพอจะสาวไปถึงคนในรัฐบาล โดยเฉพาะนายกรัฐมนตรี และขอฝากถึงประธาน และรองประธานฯ ที่จะควบคุมการประชุมว่า เรื่องนี้อาจมีความจำเป็นที่จะต้องพาดพิงถึงบุคคลที่ 3 บ้าง แต่จะพยายามให้เกิดความเสียหายน้อยที่สุด หากท้ายสุดจะมีการฟ้องร้องก็พร้อมเข้าสู่กระบวนการยุติธรรม อภิปรายต่อในศาล เพราะก่อนที่จะอภิปราย ต้องมีการตรวจสอบความถูกต้องของข้อมูลมาอยู่แล้ว จึงอยากให้ประธานสภาฯ และรองประธานฯ เข้าใจในการทำหน้าที่ของ ส.ส.ในสภา เพื่อประโยชน์ของประชาชน และประเทศชาติ

'โรม' ฉะ!! รัฐบริหารประเทศแค่อาชีพเสริม อาชีพหลักหาเสียง อาชีพรองดูด ส.ส.

'โรม' ฉะรัฐบาลอาชีพหลักหาเสียง อาชีพรองดูด ส.ส. อาชีพเสริมบริหารประเทศ แนะควรใช้เวลาที่เหลืออยู่บริหารงานให้ดี ยันขอทำหน้าที่ซักฟอกให้ดีที่สุดเหมือนเส้นด้ายที่คม

(18 ม.ค. 66) นายรังสิมันต์ โรม ส.ส.บัญชีรายชื่อ และโฆษกพรรคก้าวไกล (ก.ก.) กล่าวถึงการลงพื้นที่หาเสียงของพรรคว่ายังคงเน้นการพบปะประชาชน แบบไปเดินตลาด ยังไม่ได้เน้นในเรื่องการเปิดเวทีใหญ่ เนื่องจากเราเห็นว่าการเดินพบปะประชาชนเป็นการเริ่มต้นที่ดีกว่า และได้ความใกล้ชิด แต่อาจจะได้พบคนน้อย ส่วนการขึ้นเวทีจะได้พบปะประชาชนจำนวนมาก ต้องดูว่าสุดท้ายความใกล้ชิดจะเป็นอย่างไร 

อย่างไรก็ตามแคมเปญหาเสียงของพรรค การเดินสายทั่วประเทศแน่นอน เราจะใช้เวลาทั้งหมดในการทำหน้าที่ของเราให้ดีที่สุด คือ...

ข้อ 1.งานสภาเราต้องทำหน้าที่ของเราต่อไป เพราะยังมีกฎหมายหลายฉบับ โดยเฉพาะกฎหมายของพรรคก้าวไกลที่มีความจำเป็นจะต้องผลักดัน

“บางทีผมรู้สึกว่า ถ้าคุณอยากสัญญากับประชาชนว่าหลังจากนี้จะผลักดันเรื่องนั้นเรื่องนี้ แต่วันนี้เรายังอยู่ในสภายังมีอำนาจอยู่ ฝ่ายค้านอาจไม่เยอะ แต่ก็ทำงานได้ ก็ต้องทำงานให้ดีที่สุดให้ประชาชนเขาเห็นว่า คุณเข้าไป คุณรักษาสัญญา ไม่ตระบัดสัตย์ ซึ่งพรรคก้าวไกลเราทำหน้าที่นั้นและนโยบายที่เป็นนโยบายเรือธงของพรรค เราพยายามทำให้มันสำเร็จ แน่นอนว่าเราไม่ใช่ปัจจัยชี้ขาด เพราะเรามีเสียงไม่มากอยู่ในสภา แต่เราพยายามทำให้เต็มที่" นายรังสิมันต์ กล่าว

นายรังสิมันต์ กล่าวต่อว่า ข้อ 2.เรื่องการเลือกตั้งที่เราเคยชนะเลือกตั้ง เราต้องปกป้องให้ได้ ซึ่งเป็นวาระที่เราต้องทำให้บรรลุผล รวมไปถึงเขตอื่น ๆ ที่เราต้องไปบุกเบิก ไปเจอประชาชนให้ได้มากที่สุดแล้วนำเสนอนโยบาย 

และ 3. สิ่งที่ต้องทำต่อคือ นโยบาย สิ่งหนึ่งที่เสียใจมากที่สุดคือวันนี้ การเมืองกลายเป็นเรื่องของการคุยกัน

"ผมขอวิจารณ์รัฐบาลนิดหนึ่งว่า รัฐบาลมี 3 อาชีพ อาชีพหลักตอนนี้คือ หาเสียง อาชีพรองคือดูด ส.ส. และอาชีพเสริมคือ บริหารประเทศ เราไม่อยากให้มันเป็นแบบนั้น เพราะสิ่งที่เราควรทำให้เกิดขึ้นตอนนี้คือการคุยกันในเรื่องของนโยบาย และจะแก้ปัญหาของประเทศอย่างไร ถ้าคุณยังเป็นรัฐบาลอยู่ ก็ควรใช้เวลาสุดท้ายบริหารให้มันดี ซึ่งคือสิ่งที่ควรจะเป็นแต่สิ่งที่มันเกิดขึ้น ตรงกันข้ามหมดเลย จึงเป็นความน่าเสียดาย อยากเชิญชวนทุกคนมาพูดคุยกันทำให้ประชาชนเห็นว่าใน 4 ปี ข้างหน้า โจทย์ของประเทศคืออะไร แล้วเราจะแก้ปัญหาได้อย่างไร" นายรังสิมันต์กล่าว

‘โรม’ กร้าว!! สังคมไทยก้าวพ้นความขัดแย้งได้ ต้องทลายมรดก คสช.-ล้างผลพวงรัฐประหาร

(18 ม.ค. 66) ที่รัฐสภา รังสิมันต์ โรม โฆษกพรรคก้าวไกล ให้ความเห็นกรณี พล.อ. ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี ในฐานะหัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ กล่าวระหว่างการเปิดตัวนโยบายของพรรคพลังประชารัฐเพื่อเตรียมพร้อมสู่การเลือกตั้ง ว่าพร้อมจับมือกับทุกฝ่ายเพื่อก้าวข้ามความขัดแย้ง 

รังสิมันต์ กล่าวว่า ทั้ง พล.อ.ประวิตร และ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี มีบทบาทสำคัญในการทำรัฐประหารและการสืบทอดอำนาจ ทำให้ประเทศไทยต้องพบวิกฤตต่าง ๆ จนถึงปัจจุบัน ซึ่งพรรคก้าวไกลยืนยันว่าการที่เราจะแก้ไขวิกฤตทางการเมืองของประเทศ หรือก้าวข้ามความขัดแย้งได้ จำเป็นต้องทลายมรดกของ คสช. และผลพวงของการรัฐประหารเสียก่อน ไม่เช่นนั้น ประเทศไทยจะไม่สามารถเดินไปข้างหน้าได้อย่างยั่งยืน

รังสิมันต์ กล่าวต่อว่า สิ่งที่เราเห็นคือ กลุ่ม 3 ป. มีบทบาทสำคัญในการทำลายหลักการสิทธิมนุษยชน ทำให้ตน และคนอีกจำนวนมากถูกจับกุมดำเนินคดี ถูกปิดกั้นสิทธิเสรีภาพ นั่นจึงเป็นเหตุผลว่าทำไมจึงมีการตั้งพรรคอนาคตใหม่ขึ้นมาเป็นทางเลือก เพื่อต่อสู้ให้เกิดการเปลี่ยนแปลงประเทศ และลบล้างผลพวงการรัฐประหารทั้งหมด

'โรม' เซ็ง!! ไร้คนตอบปม 'หลานประยุทธ์' อาจเอี่ยวทุนจีน จี้!! อย่าให้ 'จันทร์โอชา' อยู่เหนือกระบวนการยุติธรรม

'โรม' ตั้งกระทู้ถามสด ปมหลานประยุทธ์อาจเอี่ยวทุนจีน แต่ไม่มีใครมาตอบ เปิดความเชื่อมโยง ‘ตู้ห่าว’ เช่ารถทัวร์บริษัทก่อสร้างของ ‘ปฐมพล’ ตั้งคำถาม ตู้ห่าวโดนข้อหาฟอกเงิน ทำไม อสส. ไม่เรียกหลานประยุทธ์มาสอบ ชี้ ‘ประยุทธ์’ ยิ่งเงียบ ประชาชนยิ่งสงสัย จี้ อย่าให้ตระกูลจันทร์โอชา อยู่เหนือกระบวนการยุติธรรม

(26 ม.ค. 66) รังสิมันต์ โรม ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกล แถลงข่าวกรณีทุนจีนสีเทาเกี่ยวพันธุรกิจของหลานชาย พล.อ. ประยุทธ์ จันทร์โอชา ภายหลังตั้งกระทู้สดด้วยวาจา แต่ไม่มีรัฐมนตรีมาตอบกระทู้ 

รังสิมันต์ กล่าวว่า การดำเนินคดีกลุ่มทุนจีนสีเทา เมื่อ 18 มกราคม 2566 อัยการได้มีคำสั่งฟ้อง ‘ชัยณัฐร์ กรณ์ชายานันท์’ หรือ ‘ตู้ห่าว’ กับพวก ในความผิด 9 ข้อหา ประเด็นที่ตนสนใจคือ ข้อหาฟอกเงิน หรือการปกปิดอำพรางเงินที่ใช้ในการประกอบธุรกิจผิดกฎหมาย ไม่ให้สืบได้ง่ายว่าต้นทางมันมาจากไหน ซึ่งการฟอกเงินเป็นสิ่งที่ขาดไม่ได้เลยในธุรกิจผิดกฎหมาย รวมถึงการค้ายาเสพติด 

รังสิมันต์ กล่าวว่า สำหรับกรณีตู้ห่าว เพียงเจ้าหน้าที่ตำรวจนครบาลบุกค้นผับจินหลิงแล้วพบว่า เป็นแหล่งมั่วสุมเสพยาขนาดใหญ่ ก็ควรตั้งข้อสงสัยได้แล้วว่ามีการกระทำความผิดฐานฟอกเงินด้วยการเปิดสถานบริการต่าง ๆ ขึ้นมาบังหน้า แต่เมื่อย้อนไปดูกระบวนการดำเนินคดีที่ผ่านมา ตำรวจกลับไม่เคยแจ้งข้อหาฟอกเงินเลย ทั้งที่มีเวลาสืบสวนกว่า 1 - 2 เดือน เพิ่งจะมีเมื่อ 26 ธันวาคม หลังสำนักงานอัยการสูงสุด (อสส.) เข้ามาร่วมสอบสวน เป็นผลพวงจากการที่ ‘ชูวิทย์ กมลวิศิษฐ์’ ไปร้องเรียนขอให้ อสส. รับคดีตู้ห่าวเป็นคดีนอกราชอาณาจักรเนื่องจากเป็นคดีอาชญากรรมข้ามชาติ ส่งผลกดดันให้ต่อมา ผบ.ตร. ต้องยื่นเรื่องเสนอต่อ อสส. ให้เข้ามารับคดีนี้ 

“พูดง่ายๆ คือถ้าไม่มีใครคอยตามจี้ ตำรวจก็คงไม่ไปเชิญ อสส. เข้ามาร่วมสอบสวน และอาจไม่มีการตั้งข้อหาฟอกเงินกับตู้ห่าวเลยก็ได้” รังสิมันต์กล่าว

รังสิมันต์ กล่าวว่า การที่ตำรวจไม่ตั้งข้อหาฟอกเงินกับตู้ห่าวตั้งแต่แรก ทำให้เกิดข้อกังขา 2 ประการ หนึ่ง อาจเป็นการเปิดช่องให้มีเวลายักย้ายถ่ายเททรัพย์สินที่จะเป็นของกลางได้ และสอง เกี่ยวพันไปถึงข้อเท็จจริงที่ว่าหลานของ พล.อ.ประยุทธ์ มีส่วนในธุรกิจเทาๆ ของตู้ห่าวด้วย โดยพบว่าบริษัท เอ็มแอนด์เอ็มทรานสปอร์ตเซอร์วิส จำกัด บริหารโดยพี่ชายของภรรยาตู้ห่าว และระบุที่ตั้งบริษัทเป็นที่เดียวกับที่ตู้ห่าวแจ้งเป็นที่อยู่ตัวเอง จึงชัดเจนว่านี่คือบริษัทในเครือของตู้ห่าว บริษัทนี้ไปเช่ารถทัวร์จำนวนอย่างน้อย 33 คันจาก หจก.คอนเทมโพรารี คอนสตรัคชั่น ของนายปฐมพล จันทร์โอชา ลูกชายของ พล.อ.ปรีชา จันทร์โอชา ส.ว. และน้องชายของ พล.อ.ประยุทธ์

รังสิมันต์ กล่าวว่า รถทัวร์เหล่านี้ เมื่อดูประวัติของตู้ห่าวแล้ว น่าเชื่อเป็นอย่างยิ่งว่าจะเอาไปใช้ทำทัวร์ศูนย์เหรียญ หรือใช้พาคนจีนเข้ามาในไทยเพื่อทำกิจกรรมผิดกฎหมายในสถานบริการของตัวเอง ซึ่งรถทัวร์ 33 คันนี้ หจก.คอนเทมโพรารีฯ ไม่ได้เป็นเจ้าของ แต่ไปเช่าซื้อมาอีกทีหนึ่งผ่านบริษัทลีสซิ่ง โดยติดต่อกับผู้ผลิตรถประจำทางยี่ห้อ 'Sunlong' บริษัทนี้เคยมีประวัติเกี่ยวข้องกับการเลี่ยงภาษีด้วย  

“ข้อเท็จจริงที่ปรากฏ ทำให้เป็นข้อสงสัยว่าการที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ ซึ่งเป็นหน่วยงานใต้บังคับบัญชาของ พล.อ.ประยุทธ์ ไม่แจ้งข้อหาฟอกเงินกับตู้ห่าวตั้งแต่แรก และไม่ยอมแจ้งเสียที เพราะอาจทำให้ต้องลากเอาปฐมพล เจ้าของ หจก.คอนเทมโพรารีฯ หลาน พล.อ.ประยุทธ์ เข้ามาด้วย ในฐานะผู้มีส่วนเกี่ยวข้องกับธุรกิจรถทัวร์ของตู้ห่าว ซึ่งอาจเป็นส่วนหนึ่งของการฟอกเงินจีนเทาด้วย ใช่หรือไม่” รังสิมันต์ กล่าว

‘โรม’ ดักคอ ‘กกต.’ อย่าเนียนแบ่งเขตเลือกตั้งพิสดาร ชี้ ควรมีรายงานผลเรียลไทม์ ให้ความเป็นธรรมกับทุกฝ่าย

(31 ม.ค.66) นายรังสิมันต์ โรม ส.ส.บัญชีรายชื่อและโฆษกพรรคก้าวไกล (ก.ก.) กล่าวว่า ขอเรียกร้องไปยังคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ให้มีความชัดเจนต่อการแบ่งเขตเลือกตั้งอย่างสมเหตุสมผล และไม่บ่ายเบี่ยงในการสร้างระบบรายงานผลการเลือกตั้งแบบเรียลไทม์ หลังพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญ (พ.ร.ป.) ที่เกี่ยวข้องกับการเลือกตั้ง 2 ฉบับ ประกาศในราชกิจจานุเบกษา ว่าเรื่องการแบ่งเขตเลือกตั้งเป็นหนึ่งในบทเรียนสำคัญที่สุดจากการเลือกตั้งปี 2562 เป็นการแบ่งเขตเลือกตั้งแบบพิสดารที่ไม่ส่งผลดีทั้งต่อประชาชนผู้มีสิทธิเลือกตั้ง และนำไปสู่ข้อครหาเรื่องความไม่โปร่งใส

นายรังสิมันต์กล่าวว่า ทำให้เกิดคำถามว่าการแบ่งเขตเลือกตั้งสะท้อนพื้นที่ประชากรอย่างถูกต้องหรือไม่ และเป็นการแบ่งเขตเลือกตั้งเพียงเพื่อเอื้อประโยชน์ต่อพรรคการเมืองบางพรรคหรือไม่ ดังจะเห็นได้ว่าในหลายเขตเลือกตั้งที่มีการแบ่งออกมาครอบคลุมพื้นที่ห่างกันมาก จากสุดเขตฝั่งหนึ่งไปถึงอีกสุดเขตฝั่งหนึ่ง บางแห่งห่างกันถึง 200 กิโลเมตรก็มี คำถามคือการแบ่งเขตแบบนี้สมเหตุสมผลหรือไม่ โดยเฉพาะการทำหน้าที่ของผู้แทนที่จะต้องเดินทางไปพบปะประชาชนตามการแบ่งเขตเช่นนี้จะมีประสิทธิภาพได้อย่างไร ดังนั้น จึงขอเรียกร้องให้ กกต.ทำการแบ่งเขตในการเลือกตั้งปี 2566 ที่จะถึงนี้อย่างเป็นธรรม สอดคล้องกับธรรมชาติของพื้นที่ ไม่ใช่ตัดแบ่ง หรือรวมตำบลต่าง ๆ ออกเป็นเขตเลือกตั้งตามฐานเสียงของพรรคการเมืองบางพรรคเป็นสำคัญ

“ผมไม่อยากให้ประเทศมีข้อครหาว่าการเลือกตั้งที่กำลังจะถึงกลายเป็นการเลือกตั้งที่สกปรกอีกครั้งเหมือนปี 2562 สังคมไทยผ่านการเลือกตั้งมาหลายครั้ง มีแบบอย่างการแบ่งเขตที่สอดคล้องกับพื้นที่มากมายให้นำมาเป็นบทเรียนได้ สำหรับการเลือกตั้งครั้งนี้ที่มีอยู่ 400 เขต ประเทศไทยก็เคยผ่านมาแล้ว หากแบ่งเขตได้อย่างเป็นธรรมก็จะทำให้การเลือกตั้งครั้งนี้ได้รับการยอมรับมากขึ้น” นายรังสิมันต์กล่าว

นายรังสิมันต์กล่าวถึงกรณีการรายงานผลคะแนนแบบเรียลไทม์ ซึ่ง กกต.อ้างว่าไม่อาจทำได้ เพราะใช้งบประมาณมากเกินไป โดยรังสิมันต์กล่าวว่า ที่ผ่านมาคณะรัฐมนตรีก็ได้อนุมัติงบประมาณให้ กกต.ถึงเกือบ 6 พันล้านบาท เป้าหมายหนึ่งก็เพื่อให้การจัดการเลือกตั้งเป็นไปอย่างโปร่งใสที่สุด หากการประกาศผลการเลือกตั้งสามารถเป็นไปแบบเรียลไทม์ได้ การทุจริตด้วยวิธีการต่าง ๆ แบบที่เคยทำกันมา ไม่ว่าจะเป็นไฟดับระหว่างนับคะแนน การแอบสลับหีบ ย้ายหีบ หรือการทุจริตในรูปแบบอื่น ๆ ก็จะทำได้ยากขึ้น เพราะประชาชนจำนวนมากจะเห็นผลการเลือกตั้งไปพร้อม ๆ กัน


TRENDING
© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top