‘ชูวิทย์’ หอบหลักฐาน ‘ทุนจีนสีเทา’ ส่งต่อ ‘โรม’ ชี้!! เป็นข้อมูลชุดใหญ่ อาจโค่น ‘รัฐบาลบิ๊กตู่’ ได้

(11 ม.ค. 66) เวลา 10.30 น. ที่รัฐสภา นายชูวิทย์ กมลวิศิษฎ์ อดีตนักการเมืองไทย ยื่นข้อมูลการทุจริตกลุ่มธุรกิจสีเทาต่อนายรังสิมันต์ โรม ส.ส.บัญชีรายชื่อ และโฆษกพรรคก้าวไกล (ก.ก.) เพื่อพิจารณาใช้เป็นข้อมูลในการอภิปรายทั่วไปแบบไม่ลงมติตามรัฐธรรมนูญมาตรา 152

โดยนายชูวิทย์ กล่าวว่า มั่นใจว่ามีข้อมูลสำคัญ ไม่เคยเปิดเผยกับสื่อมาก่อน เป็นข้อมูลที่ตนคิดว่าควรที่จะนำมาพูดในสภา เพราะนายรังสิมันต์เป็นผู้แทนราษฎร ส่วนตนจะพูดอย่างไรก็ได้แค่นั้นเพราะตนพูดอยู่ข้างนอก จึงได้นำข้อมูลมาให้นายรังสิมันต์พิจารณาแต่จะรับหรือไม่ก็เป็นสิทธิ์ ซึ่งตนเป็นแค่ประชาชนเมื่อไม่มีใครติดต่อตน ตนก็มาที่นี่โดยตนเอง 

ทั้งนี้ นายรังสิมันต์พูดเรื่องตำรวจ หรือเรื่องผิดปกติของสังคมไทย หนึ่งในนั้นตนแน่ใจว่าเป็นเรื่องนี้ จึงได้นำเรื่องนี้มาให้นายรังสิมันต์พิจารณา 

ด้าน นายรังสิมันต์ กล่าวว่า ต้องชื่นชมนายชูวิทย์จริง ๆ ในการรวบรวมข้อมูลและเปิดโปงขบวนการทุนจีนสีเทา และต้องเรียนว่า พรรคก้าวไกลตั้งทีมศึกษาเรื่องนี้เพื่อที่จะเจาะลึกข้อมูลและแสวงหาข้อเท็จจริงต่าง ๆ จากแหล่งข่าวต่าง ๆ จากตำรวจน้ำดีที่ยังมีอยู่ในระบบ ยืนยันว่าพวกเราทำหน้าที่อย่างเต็มที่ในการที่จะเอาเรื่องนี้มาพูดในสภาฯ เพียงแต่ว่าที่ผ่านมายังไม่มีความชัดเจนว่าจะอภิปรายมาตรา 152 จะเกิดขึ้นเมื่อไหร่ 

ทั้งนี้ พรรคก้าวไกลเรามีความสนใจเป็นอย่างยิ่งในการที่จะนำไปศึกษา และหากมีข้อเท็จจริงที่หนักแน่นเพียงพอ เราก็พร้อมที่จะอภิปรายในสภาฯ ต่อไป ย้ำว่าเราจะทำหน้าที่อย่างหนักแน่นและจะทำหน้าที่อย่างเต็มที่อย่างแน่นอน ทั้งนี้ เราต้องอาศัยพลเมืองดีแบบนี้ในการที่จะนำข้อมูลมาให้กับพวกเรา เพราะลำพังพวกเราที่ทำหน้าที่อยู่ในสภาฯ ไม่มีทางที่เราจะรู้เนื้อหาสาระ ความอัปลักษณ์ การทุจริตคอร์รัปชัน ที่เกิดขึ้นในสังคมไทยมากเท่ากับคนที่อยู่ในระบบแน่นอน 

นายรังสิมันต์ กล่าวต่อว่า ตนคิดว่านายชูวิทย์สามารถเข้าถึงข้อมูลจำนวนมากที่เป็นประโยชน์ต่อสังคมไทย และเชื่อว่าการอภิปรายทั่วไปตามรัฐธรรมนูญมาตรา 152 เราคงจะได้เห็นการพูดถึงเรื่องนี้อย่างแน่นอน ซึ่งอาจจะไม่ใช่แค่ พรรคก้าวไกลเท่านั้น แต่รวมไปถึงพรรคฝ่ายค้านอื่น ๆ ที่จะหยิบยกเรื่องนี้เข้ามาพูด รวมถึงมีหลักฐานต่าง ๆ ที่เพียงพอจะสาวไปถึงคนในรัฐบาล โดยเฉพาะนายกรัฐมนตรี และขอฝากถึงประธาน และรองประธานฯ ที่จะควบคุมการประชุมว่า เรื่องนี้อาจมีความจำเป็นที่จะต้องพาดพิงถึงบุคคลที่ 3 บ้าง แต่จะพยายามให้เกิดความเสียหายน้อยที่สุด หากท้ายสุดจะมีการฟ้องร้องก็พร้อมเข้าสู่กระบวนการยุติธรรม อภิปรายต่อในศาล เพราะก่อนที่จะอภิปราย ต้องมีการตรวจสอบความถูกต้องของข้อมูลมาอยู่แล้ว จึงอยากให้ประธานสภาฯ และรองประธานฯ เข้าใจในการทำหน้าที่ของ ส.ส.ในสภา เพื่อประโยชน์ของประชาชน และประเทศชาติ

ส่วนความกังวลว่าจะมีการยุบสภาเพื่อหนีการอภิปรายนั้น รังสิมันต์ กล่าวว่า อยากให้รัฐบาลคิดดี ๆ เพราะหากเลือกยุบสภาก่อน แสดงว่าข้อกล่าวหานี้เป็นความจริงใช่หรือไม่ จึงอยากให้ทุกคนช่วยกันจับตา และมั่นใจว่า ไม่ใช่เฉพาะพรรคก้าวไกลที่จะอภิปรายเรื่องนี้ เชื่อพรรคร่วมฝ่ายค้านหลายพรรคได้เตรียมข้อมูลอภิปรายเรื่องนี้เช่นเดียวกัน ทั้งยังคงมีทางเลือกในการอภิปรายนอกสภาอยู่

เมื่อถามว่า ข้อมูลที่ระบุว่าไม่มีการเปิดเผยต่อสื่อฯ พอจะสามารถลงรายละเอียดลึกกว่านี้ได้หรือไม่ นายชูวิทย์ กล่าวว่า ตนไม่กล้าพูด เพราะการที่ตนพูดจะไม่เหมือนกับสิ่งที่นายรังสิมันต์เป็นคนพูด เพราะสิ่งที่ตนพูดจะเป็นแค่ประชาชนคนเล็ก ๆ ไม่สามารถที่จะพูดในเรื่องที่ใหญ่เกินกว่าประชาชนได้ จึงได้ให้นายรังสิมันต์พิจารณาว่า ข้อมูลดังกล่าวมันใหญ่ ลึก กว้าง และครอบคลุมไปถึงว่าอาจจะล้มรัฐบาลชุดนี้ได้ ซึ่งข้อมูลดังกล่าวเป็นข้อมูลที่เกี่ยวข้องกับบุคคลในรัฐบาล และการที่นายรังสิมันต์พูดถึงในสภาก็มีสิทธิ์ มีหน้าที่มากกว่า แต่หากถามตนในวันนี้ตนคงพูดอะไรมากไม่ได้ การพูดของตนนอกสภาเป็นการพูดในฐานะประชาชนและคงไม่มีใครมาปิดปากตนได้ อย่างไรก็ตาม เรื่องนี้นายรังสิมันต์จะพิจารณารับหรือไม่ ก็ต้องขึ้นอยู่กับตัวนายรังสิมันต์ ไม่ได้ขึ้นอยู่กับตน เพราะตนก็เป็นเหมือนประชาชนที่มาร้องเรียน เพียงแต่ว่าเสียงตนอาจจะดังขึ้นมาหน่อย 

เมื่อถามว่า กังวลหรือไม่ที่อาจจะมีการชิงยุบสภาก่อน นายชูวิทย์ กล่าวว่า ตนไม่ทราบ ตอนนี้ท่านก็เป็นนักการเมืองเต็มตัวแล้วการจะยุบสภาต้องอาศัยปัจจัยหลายประการ