Saturday, 4 May 2024
ชูวิทย์กมลวิศิษฎ์

'ชูวิทย์' สะใจ 'ศรีสุวรรณ' ถูกต่อย เหมือนได้ดูมวยคู่เด็ด แนะ!! เป็น 'นักร้อง' ก็ต้องร้องเป็นเพลงให้คนฟังเขาลื่นหูบ้าง

(19 ต.ค. 65) จากกรณีนายวีรวิชญ์ รุ่งเรืองศิริผล อายุ 62 ปี เจ้าของช่องยูทูป ศักดินาเสื้อแดง บุกเข้าไปต่อยนายศรีสุวรรณ จรรยา เลขาธิการสมาคมองค์การพิทักษ์รัฐธรรมนูญไทย ระหว่างเข้าร้องเรียนต่อกองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง เพื่อให้ตรวจสอบ โน้ส - อุดม แต้พานิช ในการจัดแสดงเดี่ยวไมโครโฟน 13 มีการวิจารณ์รัฐบาลและสนับสนุนม็อบ

ด้านนายชูวิทย์ กมลวิศิษฎ์ อดีตส.ส.ระบบบัญชีรายชื่อ และหัวหน้าพรรครักประเทศไทย ก็ได้ออกมาโพสต์เฟซบุ๊กถึงเรื่องดังกล่าวโดยมีเนื้อหาระบุว่า...

มวยคู่เอกประจำปี

วันนี้ได้ดูมวยเด็ด 

ภาษาเซียนมวยเขาร้องกันว่า “ทั้งสืบเท้า คลุกวงใน ไถนา เทกระจาด ครบเครื่องเรื่องอาวุธมวยไทย”

ฝั่งมุมแดงร้องเสียง “ซี๊ดดดดปาก” กันลั่นเวทีมวยตู้ ที่ชาวบ้านดูกันอยู่ทั่วประเทศ

หากชอบจะเป็น “นักร้อง” ก็ต้องร้องเป็นเพลงให้คนฟังเขาลื่นหูบ้าง 

ไม่ใช่ร้องมั่วซั่วไปหมดทุกคลื่นความถี่เสียงสังคมไทย อย่างนี้ผมเรียกว่าเป็นพวกต้องแสงสถิตย์

ช่วงไหนไม่โดนแสง เนื้อตัวมันออกซีด ๆ ยังไงพิกล เลยต้องพึ่งแสงสว่างอยู่ตลอดเวลานาที

ชูวิทย์ กมลวิศิษฎ์ เจ้าพ่อแฉแห่งปี

ชื่อของนาย ชูวิทย์ กมลวิศิษฎ์ อดีตเสี่ยอ่างจอมแฉ กระหึ่มปังขึ้นมาอีกครั้ง หลังหวิดวางมวย สันธนะ ประยูรรัตน์ อดีตรองผู้กำกับการสันติบาล หน้า สน.ทองหล่อ เมื่อวันที่ 9 พ.ย.65 เหตุตัวตึงวงการแฉรายนี้ ได้เปิดโปงข้อมูลกลุ่มทุนจีนสีเทาในประเทศไทย ที่ขยายวงไปแตะทั่วแทบวงสังคมในบ้านเราจนประชาชนต่างให้ความสนใจ 

อันที่จริง ตัวตึงแห่งวงการแฉคนนี้ ทำหน้าที่โดดเด่นมาทั้งปี แต่ซีรีส์ภาคต่อก็คงไม่พ้นกรณีการแฉทุนจีนธุรกิจสีเทา ที่พาคนไทยลากผ่านไปพบปกเงื่อนงำแบบยกโขลง ตั้งแต่การแฉ ปาร์ตี้ผับหรู จินหลิง ยานนาวา ที่เปิดเกินเวลา มียาเสพติดเกลื่อน โดยมีทุนจีนธุรกิจสีเทาหัวโจกหลัก 

การเปิดข้อมูลสำคัญ มี 5 กลุ่มมาเฟียจีน ภายใต้หัวหน้าแก๊งที่ชื่อ ‘เจ้าเหว่ย’ แห่งอาณาจักร ‘คิงส์โรมัน’ ซ่องสุมกระทำความผิดในไทย 

การตั้ง ‘กลุ่มบริษัทศูนย์เหรียญ’ ที่เหมือน ‘ทัวร์ศูนย์เหรียญ’ ไปจนถึง ‘ผับศูนย์เหรียญ’ ขยายผลไปยังพิกัดและแหล่งซ่องสุมใหม่ของนายทุนจีนเทา รวมไปถึงเบื้องหลังของ ‘ตู้ห่าว’ และเปิดยุทธการชำแหละทรัพย์สิน ข้อมูลนอมินี กระบวนการฟอกเงิน และผู้เกี่ยวข้องกับห่วงโซ่ทุนจีนสีเทาเหล่านี้ 

สำหรับ นายชูวิทย์ กมลวิศิษฎ์ เกิดเมื่อวันที่ 29 สิงหาคม พ.ศ. 2504 ปัจจุบันอายุ 61 ปี เป็นบุตรคนสุดท้อง มีพี่น้อง 8 คน ชาย 5 คน หญิง 3 คน ภูมิลำเนาเดิมอยู่ที่ฮ่องกง ก่อนจะย้ายมาประเทศไทยอาศัยอยู่และเติบโต ในย่านเยาวราช โดยครอบครัวทำธุรกิจนำเข้าและผลิตแบรนด์กางเกงยีนส์ฮาร่า ที่ตอนนี้ผู้พี่ชายดูแลกิจการอยู่

ดีกรีด้านการศึกษาของ ชูวิทย์ ก็ไม่เบา เขาได้เข้าเรียนประถมศึกษา ในโรงเรียนสหพาณิชย์เข้าศึกษาต่อมัธยมต้นที่โรงเรียนอัสสัมชัญศรีราชา และ มัธยมปลายที่โรงเรียนเทพศิรินทร์ จากนั้นศึกษาต่อปริญญาตรี ที่มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ คณะพาณิชยศาสตร์และการบัญชี และเคยเข้าศึกษาที่มหาวิทยาลัยซานดิเอโกแต่ไม่สำเร็จการศึกษา และหลังจากนั้นได้ศึกษาต่อที่ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ หลักสูตรรัฐศาสตรมหาบัณฑิต สาขาการเมืองการปกครอง คณะรัฐศาสตร์

ชูวิทย์ เริ่มก้าวเข้าสู่แวดวงธุรกิจ ด้วยการเริ่มทำบ้านจัดสรร และเปิดร้านอาบอบนวดชื่อ ‘วิคตอเรีย ซีเคร็ท’ ขยายกิจการจนเป็นเจ้าของทั้งหมด 6 แห่ง ในเครือเดวิสกรุ๊ป ก่อนไปก่อตั้ง ‘มูลนิธิต้นตระกูลกมลวิศิษฎ์’ จนกระทั่งออกมาแฉเรื่อง การรีดไถ รับส่วย ของตำรวจ จนได้รับฉายา เสี่ยอ่างและจอมแฉ

นอกจากนี้แล้ว ชูวิทย์ยังเป็นเจ้าของโรงแรม The Davis Bangkok Hotel ที่ตั้งอยู่บนถนนสุขุมวิท 24  ขนาด 7 ไร่โดยเฉพาะที่ดินคาดว่าจะมีมูลค่าหลายพันล้านบาท เพราะสุขุมวิท ซอย 24 เป็นซอยที่ติดอันดับราคาที่ดินที่แพงที่สุดในเมืองไทย ก่อนหน้านี้ อาชู เคยเป็นเจ้าของ สวนชูวิทย์ ปากซอยสุขุมวิท 10 จุดที่เคยมีปัญหาเกี่ยวกับธุรกิจ บาร์เบียร์ ซึ่งหลังจากมีปัญหา ชูวิทย์ก็เปลี่ยนจุดมุ่งหมายการสร้าง ไปเป็นสวนสาธารณะ และยกให้เป็นสวนสำหรับประชาชนคนกรุงเทพ และเป็นที่ทำการพรรครักประเทศไทย ของตัวเอง ก่อนที่ในปัจจุบัน จะเปลี่ยนเป็นโครงการมิกซ์ยูสขนาดใหญ่ เพื่อใช้สอยหลายรูปแบบ

'ชูวิทย์' ลั่น!! เรื่องทุนจีนสีเทา อภิปรายเอามันส์อย่างเดียวไม่พอ ต้องแสดงข้อมูลชัด ยก 'รังสิมันต์ โรม' ไม่เลว!!

(10 ม.ค. 66) ที่โรงแรมเดวิส นายชูวิทย์ กมลวิศิษฎ์ อดีตนักการเมืองชื่อดัง แถลงข่าวพร้อมเปิดคลิปวิดีโอจากกล้องวงจรปิดภายในผับจินหลิง เหตุการณ์เมื่อวันที่ 26 ตุลาคม 2565 ที่ผ่านมา และ สรุปผลพูดคุยกับนายกฯ วานนี้ 

นายชูวิทย์ กมลวิศิษฎ์ ได้เปิดเผยข้อมูลเป็นคลิปวิดีโอซึ่งปรากฏภาพพนักงานไม่น้อยกว่า 10 คน และบุคคลอื่น ๆ เดินไปมาจำนวนมาก แต่ปัจจุบันปรากฏว่าจำนวนพยานในสำนวนคดี เหลือพนักงานเสริฟเพียง 2 คน ไม่มีพยานที่เป็นหญิงขายบริการ หรือบุคคลอื่น ๆ ในที่เกิดเหตุอีก

ส่วนอีกหนึ่งคลิป เป็นคลิปกล้องวงจรปิดบริเวณประตูทางเข้าออกผับจินหลิง มีพนักงานคอยตรวจค้นร่างกาย ซึ่งมีการละเว้นการค้นตัวของหลานชายตู้ห่าว และสิ่งที่นายชูวิทย์ตั้งข้อสงสัยว่าซองสีขาวในมือของหลานชายตู้ห่าวดังกล่าวเป็นซองที่บรรจุยาเสพติด 

ต่อมาชูวิทย์ เปิดแผนผังขบวนการผับจินหลิง ที่มีนายชัยณัฐร์ กรณ์ชายานันท์ หรือ ตู้ห่าวเป็นหัวหน้าขบวนการ มีผู้ร่วมขบวนการรายสำคัญแยกย่อยออกมารวม 10 คน มีการแบ่งหน้าที่กันดูแลทั้งเรื่องเงิน และเรื่องยาเสพติด

นอกจากนี้ นายชูวิทย์ ได้กล่าวว่าย้อนกลับไปวันที่ได้ทานอาหารร่วมกับ พล.ต.อ.ดำรงศักดิ์ กิตติประภัสร์ ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ได้สอบถามว่า จากนี้จะดำเนินการกับกลุ่มเจ้าหน้าที่ ตำรวจตรวจคนเข้าเมืองต่อไปอย่างไร กระบวนการจะมีความชัดเจนเป็นรูปธรรมหรือไม่ รวมทั้งถามพล.ต.อ.สุรเชษฐ์ หักพาล รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติด้วยว่า จะดำเนินการกับเจ้าหน้าที่ในพื้นที่ที่เกี่ยวข้องกับกลุ่มทุนจีนสีเทาอย่างไร

“ในวันนี้ผมตั้งใจมาเปิดโปงเครือข่ายทุจริตคอร์รัปชันที่พบว่ามีกลุ่มทุน หน่วยงานรัฐ นักการเมืองคอยร่วมสนับสนุน ถ้าประชาชนสังเกตทุกเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นตั้งแต่มีการจับกุมผับจินหลิง ที่ผ่านมาตำรวจทำงานตามหลังที่ตนออกมาเคลื่อนไหวตลอด และปัจจุบันอัยการสูงสุด ยังไม่ได้สั่งให้คดีนี้เป็นคดีอาชญากรรมข้ามชาติ 100 เปอร์เซ็นต์ ตนจึงจำเป็นต้องทำบางสิ่งบางอย่าง เพื่อไปสู่เป้าหมาย หากใครจะโทษตนเองก็ยอมรับ” นายชูวิทย์กล่าว

ส่วนเรื่องของวานนี้ (9 ม.ค. 66) ที่ชูวิทย์ได้เข้าไปพูดคุยส่วนตัวกับพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี โดยหลังจบงานพรรครวมไทยสร้างชาติ ได้ส่งคำถามถึง พล.อ.ประยุทธ์ ที่ด้านหน้าศูนย์การประชุมแห่งชาติสิริกิติ์ โดยมี 2 คำถามคือ พล.อ.ประยุทธ์ทราบหรือไม่ว่าหลานชายมีส่วนเกี่ยวข้องกับธุรกิจบริษัททัวร์ของตู้ห่าว และถ้าพบว่ามีส่วนเกี่ยวข้องจริงจะดำเนินการตรวจสอบอย่างไร

‘ชูวิทย์’ หอบหลักฐาน ‘ทุนจีนสีเทา’ ส่งต่อ ‘โรม’ ชี้!! เป็นข้อมูลชุดใหญ่ อาจโค่น ‘รัฐบาลบิ๊กตู่’ ได้

(11 ม.ค. 66) เวลา 10.30 น. ที่รัฐสภา นายชูวิทย์ กมลวิศิษฎ์ อดีตนักการเมืองไทย ยื่นข้อมูลการทุจริตกลุ่มธุรกิจสีเทาต่อนายรังสิมันต์ โรม ส.ส.บัญชีรายชื่อ และโฆษกพรรคก้าวไกล (ก.ก.) เพื่อพิจารณาใช้เป็นข้อมูลในการอภิปรายทั่วไปแบบไม่ลงมติตามรัฐธรรมนูญมาตรา 152

โดยนายชูวิทย์ กล่าวว่า มั่นใจว่ามีข้อมูลสำคัญ ไม่เคยเปิดเผยกับสื่อมาก่อน เป็นข้อมูลที่ตนคิดว่าควรที่จะนำมาพูดในสภา เพราะนายรังสิมันต์เป็นผู้แทนราษฎร ส่วนตนจะพูดอย่างไรก็ได้แค่นั้นเพราะตนพูดอยู่ข้างนอก จึงได้นำข้อมูลมาให้นายรังสิมันต์พิจารณาแต่จะรับหรือไม่ก็เป็นสิทธิ์ ซึ่งตนเป็นแค่ประชาชนเมื่อไม่มีใครติดต่อตน ตนก็มาที่นี่โดยตนเอง 

ทั้งนี้ นายรังสิมันต์พูดเรื่องตำรวจ หรือเรื่องผิดปกติของสังคมไทย หนึ่งในนั้นตนแน่ใจว่าเป็นเรื่องนี้ จึงได้นำเรื่องนี้มาให้นายรังสิมันต์พิจารณา 

ด้าน นายรังสิมันต์ กล่าวว่า ต้องชื่นชมนายชูวิทย์จริง ๆ ในการรวบรวมข้อมูลและเปิดโปงขบวนการทุนจีนสีเทา และต้องเรียนว่า พรรคก้าวไกลตั้งทีมศึกษาเรื่องนี้เพื่อที่จะเจาะลึกข้อมูลและแสวงหาข้อเท็จจริงต่าง ๆ จากแหล่งข่าวต่าง ๆ จากตำรวจน้ำดีที่ยังมีอยู่ในระบบ ยืนยันว่าพวกเราทำหน้าที่อย่างเต็มที่ในการที่จะเอาเรื่องนี้มาพูดในสภาฯ เพียงแต่ว่าที่ผ่านมายังไม่มีความชัดเจนว่าจะอภิปรายมาตรา 152 จะเกิดขึ้นเมื่อไหร่ 

ทั้งนี้ พรรคก้าวไกลเรามีความสนใจเป็นอย่างยิ่งในการที่จะนำไปศึกษา และหากมีข้อเท็จจริงที่หนักแน่นเพียงพอ เราก็พร้อมที่จะอภิปรายในสภาฯ ต่อไป ย้ำว่าเราจะทำหน้าที่อย่างหนักแน่นและจะทำหน้าที่อย่างเต็มที่อย่างแน่นอน ทั้งนี้ เราต้องอาศัยพลเมืองดีแบบนี้ในการที่จะนำข้อมูลมาให้กับพวกเรา เพราะลำพังพวกเราที่ทำหน้าที่อยู่ในสภาฯ ไม่มีทางที่เราจะรู้เนื้อหาสาระ ความอัปลักษณ์ การทุจริตคอร์รัปชัน ที่เกิดขึ้นในสังคมไทยมากเท่ากับคนที่อยู่ในระบบแน่นอน 

นายรังสิมันต์ กล่าวต่อว่า ตนคิดว่านายชูวิทย์สามารถเข้าถึงข้อมูลจำนวนมากที่เป็นประโยชน์ต่อสังคมไทย และเชื่อว่าการอภิปรายทั่วไปตามรัฐธรรมนูญมาตรา 152 เราคงจะได้เห็นการพูดถึงเรื่องนี้อย่างแน่นอน ซึ่งอาจจะไม่ใช่แค่ พรรคก้าวไกลเท่านั้น แต่รวมไปถึงพรรคฝ่ายค้านอื่น ๆ ที่จะหยิบยกเรื่องนี้เข้ามาพูด รวมถึงมีหลักฐานต่าง ๆ ที่เพียงพอจะสาวไปถึงคนในรัฐบาล โดยเฉพาะนายกรัฐมนตรี และขอฝากถึงประธาน และรองประธานฯ ที่จะควบคุมการประชุมว่า เรื่องนี้อาจมีความจำเป็นที่จะต้องพาดพิงถึงบุคคลที่ 3 บ้าง แต่จะพยายามให้เกิดความเสียหายน้อยที่สุด หากท้ายสุดจะมีการฟ้องร้องก็พร้อมเข้าสู่กระบวนการยุติธรรม อภิปรายต่อในศาล เพราะก่อนที่จะอภิปราย ต้องมีการตรวจสอบความถูกต้องของข้อมูลมาอยู่แล้ว จึงอยากให้ประธานสภาฯ และรองประธานฯ เข้าใจในการทำหน้าที่ของ ส.ส.ในสภา เพื่อประโยชน์ของประชาชน และประเทศชาติ

‘ชูวิทย์’ ชวนจับตา ‘ปฏิบัติการล้มทุนไทยสีเทา’ ชี้ เป็นทุนใหญ่ อยู่ในวงการพนันออนไลน์มานาน

'ชูวิทย์' แย้มปลายเดือนจะมีการจัดการกับ 'ทุนใหญ่สีเทา' แหล่งฟอกเงินของนายเอ็ดดี้ มือเก๋าในวงการพนันออนไลน์ระดับต้นของไทย อีกไม่กี่วันใกล้ถึงจุดเดือด

(25 ม.ค. 66) นายชูวิทย์ กมลวิศิษฎ์ อดีตนักการเมือง และอดีตนักธุรกิจกลางคืน โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊ก ระบุว่า…

ข่าวแว่วมาว่า ปลายเดือนจะมีการจัดการกับ 'ทุนใหญ่สีเทา'

แหล่งฟอกเงินของนายเอ็ดดี้ (พันณรงค์ ขุนพิทักษ์) มือเก๋าในวงการพนันออนไลน์ระดับต้นของประเทศไทย

เอ็ดดี้เป็นคนสงขลา มีเงินหลายหมื่นล้าน ทำพนันออนไลน์มานาน ตั้งแต่ยุคต้น ๆ

เอ็ดดี้ซื้อโรงแรมที่ท่าขี้เหล็ก 3 แห่ง ซื้อบ้านที่ปอยเปต 6 หลัง ซื้ออพาร์ทเม้นท์ราคากว่า 200 ล้านบาท สร้างโรงแรมใหญ่ที่ท่าขนอม และซื้อโรงแรมที่อังกฤษราคากว่า 9,000 ล้านบาท

ต่อมา เอ็ดดี้ไปซื้อบ่อนอัลลัวร์ต่อจาก ส.ว. อุปกิต และขณะเดียวกันก็ใช้เงินไปฟอกที่ 'น' เพราะรู้จักมาจากลูกน้องตัวเองที่ชื่อปีเตอร์ ดาราเก่า

'ชูวิทย์' ยัน!! ตำรวจรีดเงินดาราสาวไต้หวันจริง แถมแต่งเรื่อง-ทำลายหลักฐาน-ไม่ยอมรับความจริง

(30 ม.ค. 66) นายชูวิทย์ กมลวิศิษฎ์ ได้โพสตฺข้อความผ่านเฟซบุ๊กส่วนตัว ระบุว่า...

หลังจากเมื่อเย็นวันก่อน ผบช.น. ให้โฆษกฯ แถลงข่าวยืนยันว่า ตรวจสอบแล้ว ไม่มีตำรวจห้วยขวางเรียกรับผลประโยชน์ 

แต่ปรากฏว่า มีผู้หญิงคนไทย แฟนเป็นคนสิงคโปร์ ที่ไปร่วมวงสังสรรค์กินเหล้ากับดาราสาวไต้หวัน

ให้การยืนยันว่า ได้เป็นผู้จ่ายเงินจำนวน 27,000 บาท ให้กับตำรวจที่ตั้งด่านด้วยตัวเอง! และมีคลิปยืนยันด้วย

เพราะเห็นว่าการแถลงข่าวเมื่อเย็นของนครบาลยังปากแข็ง ไม่ยอมรับ

ทำให้ตำรวจห้วยขวางชุดที่ตั้งด่าน เพิ่งรับสารภาพสด ๆ ร้อน ๆ ว่ารีดเงิน 27,000 บาท จริง!

ก่อนหน้านี้ ผบช.น. พล.ต.ท.ธิติ แสงสว่าง

ใช้ให้ลูกน้อง พล.ต.ต.อัฏธพร วงศ์ศิริปรีดา ผู้บังคับการ น.1 และ พ.ต.อ.ยิ่งยศ สุวรรณโณ ผู้กำกับ สน.ห้วยขวาง ไปวางแผนทำขายขี้หน้า หลายเรื่อง...

1. ลบคลิปที่ด่านหน้าสถานทูตจีน

2. ลบคลิปกล้องบนหมวกของตำรวจที่ด่าน

3. กล่อมให้คนขับแกร๊บยืนยันว่าดาราสาวไต้หวันเมามาก พูดไม่รู้เรื่อง อยู่ที่ด่านแค่ 40 นาที แล้วอ้างว่ากล้องหน้ารถบันทึกได้แค่ 20 วัน จึงไม่มีภาพ

4. ปล่อยคลิปสารพัดเพื่อดิสเครดิตดาราสาวไต้หวัน

5. ตอบโต้ แก้ตัวแทนลูกน้องตัวเอง โยนไปว่าสาวไต้หวันแต่งเรื่อง 

ผบ.ตร. เห็นท่าไม่ดี สั่งการให้ พล.ต.ต.ธีรเดช ธรรมสุธีร์ ผู้การฯ ศูนย์สืบสวนนครบาล รีบบินด่วนเพื่อไปสอบปากคำจากดาราสาวไต้หวัน

พร้อมกันกับที่สาวไทยที่ไปเที่ยวด้วยกัน มาให้ข้อมูลว่าเป็นคนจ่ายเงิน 27,000 บาทด้วยตัวเอง

ทีม บชน. จึงชิงกลับลำ ให้ตำรวจห้วยขวางสารภาพเสียดีกว่า

ระเบิดจึงลงที่นครบาลอีกครั้ง พังไม่เป็นท่า วันจันทร์คงแบกหน้าสารภาพผิด

เรื่องสำนวน 'ตู้ห่าว' ยังมีกลิ่นตุๆ ไม่หาย

ยังมาทำเรื่อง 'สาวไต้หวัน' ให้กลิ่นเหม็นเน่าเข้าไปอีก

'ชูวิทย์' แฉยับ ตำรวจทำ 'พนันออนไลน์' เสียเอง เตือน!! ผบ.ตร. ต้องกล้าฟัน ยังมีเว็บพนันเอี่ยว ตร. อีก

(9 ก.พ. 66) ชูวิทย์ กมลวิศิษฎ์ โพสต์ข้อความบนเฟซบุ๊กว่า ‘มาเก๊า 888’ ตายเพราะนารีพิฆาต ไม่ใช่ตำรวจ เว็บพนันออนไลน์เฟื่องฟู รายได้มากมายมหาศาลมีสารพัดเว็บ แค่เปิดดูในเน็ตก็เจอแล้วว่าเว็บพนันไหนยอดนิยม

มาเก๊า 888 เป็นเว็บที่มีเงินหมุนเวียน 5,000 ล้าน มีครอบครัวพี่น้องชายล้วน 4 คน เกี่ยวข้อง คนแรกชื่อ เบนซ์ (แฟนเก่าดิว) คนรอง บอส, บิ๊ก และไบร์ทที่เป็นตำรวจ

หาก ผบ.ตร. จะจัดการ ‘พนันออนไลน์’ ง่ายมาก ทุกวันนี้ตำรวจเป็นคนทำเองเสียส่วนมาก พวกนี้งานตำรวจไม่ทำ ขับรถซุปเปอร์คาร์ร่อนไปมา แต่ปรากฏว่า ‘มาเก๊า 888’ ของ 4 พี่น้อง ไม่ได้โดนตำรวจจับ แต่ดันไปโดน ‘นารีพิฆาต’ เข้าให้

ดิวออกมาแฉ เพราะโดนทำร้ายหน้าแหกตอนเป็นแฟนต่อหน้าคนในครอบครัว ไม่มีใครห้าม เลยอดไม่ไหว เมื่อเลิกกันแล้ว แค้น 10 ปี ยังไม่สาย ออกมาแฉทีเดียวพังเป็นแถบ ตำรวจจึงต้องขยับตามนารี ไล่จับ ไล่กดดัน ทั้งๆ ที่รู้อยู่ รับส่วยกันประจำ แล้วดันให้เวลา 4 พี่น้อง หนีไป

‘ชูวิทย์’ เตือน ‘ภท.’ คิดดีๆ หาเสียงกรุงเทพฯ ไม่ง่าย

“ถ้าคิดจะหาเสียงในกรุงเทพฯ คิดให้ดีๆ นะ จะเสียตังค์เปล่า ผมไม่รู้ว่าคุณรวยแค่ไหนนะ แต่ถ้าคุณคิดจะลงกรุงเทพฯ และหาเสียงแบบนี้ ผมจะถล่มคุณเอง นี่เป็นคำเตือนจากผมนะ หาเสียงในกรุงเทพฯ ไม่ง่ายหรอกนะ อย่าคิดว่ามาโปรยแล้วจะได้นะครับ”

‘สนธิ’ แฉ!! คนใกล้ตัว ‘ชูวิทย์’ เปิดบาร์กัญชาสุดหรูกลางกรุงฯ

(27 ก.พ. 66) นายสนธิ ลิ้มทองกุน ได้โพสต์ข้อความผ่านเพจเฟซบุ๊ก ‘คุยทุกเรื่องกับสนธิ’ ตอนหนึ่งว่า จากกรณีที่ช่วงสุดสัปดาห์ที่ผ่านมา นายชูวิทย์ กมลวิศิษฎ์ อดีตนักการเมืองและเจ้าของธุรกิจอาบอบนวด ได้ออกมาโจมตีในกรณีปลดล็อกกัญชาทางการแพทย์ โดยโพสต์ข้อความ 2 โพสต์ติด ๆ กัน คือ กัญชา พี้เพื่อชาติ! และ กัญชา เหรียญสองด้าน สนองกิเลสพรรคภูมิใจไทย

ต่อมาได้มีผู้ใช้บัญชีเฟซบุ๊กเข้าไปโพสต์แสดงความเห็นในเฟซบุ๊กนายชูวิทย์ ระบุข้อความว่า “ชูวิทย์ กมลวิศิษฏ์ ขอให้กิจการรุ่งเรือง เฮง ๆ นะครับ” พร้อมแนบภาพ ร้าน ชูหวีด บาร์ (Chuweed Bar) ซึ่งเป็นร้านจำหน่ายกัญชาเพื่อสันทนาการภายในโรงแรมดังกลางกรุง ซึ่งเป็นกิจการของครอบครัวนายชูวิทย์ด้วย และช่วงค่ำวานนี้ เฟซบุ๊กเพจ Channel Weez Thailand ได้โพสต์ภาพ และรายละเอียด Chuweed Bar ของครอบครัวนายชูวิทย์ ระบุว่า “กัญชาพรึ่บ! บาร์สมุนไพรสุดฟิน ในโรงแรมของชูวิทย์ การตกแต่งร้านโดดเด่นมีสไตล์ เรียบง่ายบนความหรูหรา มีหลายโซนให้ลูกค้าได้ฟินกับความ high เหนือระดับ เช่นเดียวกับโลโก้ที่มีความเป็นเอกลักษณ์ ดูแล้วรู้เลยว่า คือคนที่คุณก็รู้ว่าใคร

โดยบาร์กัญชาดังกล่าว ตั้งอยู่ในโรงแรมของเสี่ยชูวิทย์ แว่วมาว่า ปัจจุบันโรงแรมนี้บริหารงานโดยรุ่นลูกและคนในครอบครัว ตั้งอยู่ในซอยสุขุมวิท 24 ไม่ว่าใครจะเป็นเจ้าของก็ตาม แต่ร้านนี้ถือเป็นบาร์สมุนไพรที่น่าแวะไปชมสักครั้ง แถมยังได้รับแรงบันดาลใจจากคนชื่อดัง เผื่อมีโอกาสได้นั่งเติมกัญสักครั้ง เห็นร้านสวย ๆ แบบนี้แล้ว สหายสายเขียวฝากสะกิดมาบอกพี่น้องว่า อย่าอคติกับสมุนไพรไทยโบราณเลย มาช่วยกัญรันวงการเพื่อเศรษฐกิจของลูกหลานดีกว่า กัญชาถูกย่ำยีจากเกมการเมืองมามากพอแล้วท่าน อนึ่ง จากการสืบค้นข้อมูลย้อนหลังพบว่า บาร์กัญชา Chuweed Bar ภายในโรงแรม เดอะ เดวิส บางกอก ของครอบครัวนายชูวิทย์นั้นมีการเปิดให้บริการเชิงสันทนาการมาตั้งแต่เดือนกรกฎาคม 2565 หรือกว่าครึ่งปีแล้ว

สำหรับโรงแดมดังกล่าว เป็นโรงแรมระดับ 4 ดาว มีจำนวนห้องพัก 240 ห้อง ของครอบครัวนายชูวิทย์นั้นบริหารงานโดย บริษัท สมบัติเติมตระกูล จำกัด ซึ่งหุ้นทั้งหมดถือครองในครอบครัวนายชูวิทย์ทั้งหมด โดย ณ เดือนกรกฎาคม 2565 ผู้ถือหุ้น ประกอบไปด้วยลูกสาว น.ส.ตระการตา กมลวิศิษฎ์ ถือหุ้น 24.75%, ลูกชาย 3 คน คือ นายต่อตระกูล กมลวิศิษฎ์ถือหุ้น 24.75%, นายต้นตระกูล กมลวิศิษฎ์ ถือหุ้น 24.75%, นายเติมตระกูล กมลวิศิษฎ์ ถือหุ้น 24.75%, บริษัท ต้นตระกูล จำกัด ถือหุ้น 1% และนายชูวิทย์ กมลวิศิษฎ์ ถือหุ้น 0.01%

ทั้งนี้ บริษัท สมบัติเติมตระกูล จำกัด มีกรรมการ 5 คน ประกอบด้วย นายต้นตระกูล กมลวิศิษฎ์, นายต่อตระกูล กมลวิศิษฎ์, นายเติมตระกูล กมลวิศิษฎ์, นางสาวตระการตา กมลวิศิษฎ์ และ พล.ต.ต.คงเดช ชูศรี

ส่วนผลประกอบการตามรายงานของกรมพัฒนาธุรกิจการค้า ปรากฏข้อมูลงบการเงินล่าสุด บริษัท สมบัติเติมตระกูล จำกัด สิ้นสุด ณ ปี 2563 ระบุว่า มีรายได้รวม 22,313,415 บาท ขาดทุน 27,758,836 บาท โดยมีสินทรัพย์รวม 211,023,896 บาท

อย่างไรก็ตาม ก่อนหน้านั้น นายสนธิ ได้พูดฝากเตือนไปถึงนายชูวิทย์ จากกรณีที่ออกมาเคลื่อนไหววิพากษ์วิจารณ์ ปัญหาการทุจริตที่เกิดขึ้นในยุครัฐบาลปัจจุบัน โดยเฉพาะความไม่โปร่งใส โครงการประมูลรถไฟฟ้าสายสีส้ม พร้อมอ้างมีเงินตกหล่นอยู่สามหมื่นล้าน ใจความสำคัญตอนหนึ่ง ระบุว่า ในฐานะที่เป็นเพื่อนรุ่นพี่ของนายชูวิทย์ และทำวิชาชีพสื่อมวลชนมากว่าห้าสิบปี มีประเด็นที่อยากจะเตือน ให้ข้อคิดแก่นายชูวิทย์ในการแฉ เปิดโปงเรื่องเหล่านี้ ว่า มีเรื่องที่นายชูวิทย์ต้องระวังให้มากๆ เพราะภาพรวมตอนนี้ นายชูวิทย์ต้องรู้ว่าเป็นการฟาดฟันกันระหว่างกลุ่มคนรอบตัว ‘ลุงตู่’ และกลุ่มคนรอบตัว ‘ลุงป้อม’ โดยใช้ลูกน้องออกมาฟาดฟันกัน จึงอยากจะเตือนว่าอย่าตกเป็นเครื่องมือของใคร

“คุณชูวิทย์ไปหานายกฯ ทีไร ไม่ว่าจะเป็นที่ศูนย์การประชุมแห่งชาติสิริกิตติ์ หรือที่ทำเนียบรัฐบาล ก็จะมี ‘เสธ.หิ’ คุณหิมาลัย ผิวพรรณ หรือมีคนอย่างคุณวรัญชัย โชคชนะ ยืนอยู่ข้าง ๆ พอพูดเสร็จ คนโน้นคนนี้ลงมาจัดการ กรณีนี้ คุณพีระพันธุ์ หัวหน้าพรรคฯ เลขาธิการนายกฯ ก็ลงมาจัดการ คุณชูวิทย์ต้องระวังว่า คนจะมองว่าคุณมีนอกมีในกับคนพวกนี้หรือเปล่า

“ที่สำคัญ คุณชูวิทย์ ช่วงนี้เป็นช่วงหัวเลี้ยวหัวต่อการเลือกตั้งใหญ่ ที่กำลังจะยุบสภาฯ ภายในเดือนหน้า คือมีนาคมนี้ คงมีการจัดการให้มีการเลือกตั้งในเดือนพฤษภาคม เรื่องเหล่านี้คุณชูวิทย์ต้องระวังให้มากๆ เดี๋ยวจะกลายเป็นเครื่องมือของฝ่ายใดฝ่ายหนึ่ง เพราะขณะนี้สายลุงตู่ กับสายลุงป้อม ฟาดฟันกันอย่างหนัก”

พร้อมย้ำว่า “การพูดจาอะไรต้องระวัง เพราะว่าในการประมูลของภาครัฐทุกครั้ง ทุกรอบ ทุกยุค ทุกสมัย ตั้งแต่อดีตถึงปัจจุบัน มีทั้งเอกชนที่สมหวังและผิดหวัง มีคนได้ มีคนเสีย ผมเกรงว่าจะมีคนกล่าวหาคุณชูวิทย์รับงานมา ว่า พอคุณชูวิทย์เริ่มดังขึ้นมา ก็เริ่มรับงานร้องเรียนที่เกี่ยวกับประเด็นปัญหาการประมูลที่เป็นคู่แข่งระหว่างเอกชนกับเอกชน”

‘ชูวิทย์’ เดือด!! 'สธ.' บุก รร.เดวิส ตรวจบาร์กัญชา เชื่อ!! ถูกกลั่นแกล้ง หลังพูดแตะเรื่องกัญชา

(27 ก.พ. 66) นายชูวิทย์ กมลวิศิษษฏ์ ได้ไลฟ์สด ผ่านเฟซบุ๊กส่วนตัว ชื่อ ‘ชูวิทย์ กมลวิศิษฎ์’ หลังกรมการแพทย์ไทยและการแพทย์ทางเลือก ของกระทรวงสาธารณสุข เดินทางมาตรวจสอบบาร์กัญชา ในโรงแรมเดอะ เดวิส ซึ่งตั้งอยู่ย่านสุขุมวิท โดยเจ้าตัวเผยว่า ถือเป็นการกลั่นแกล้งประชาชน พอพูดความจริงก็รับไม่ได้

ทั้งนี้ นายชูวิทย์ได้เดินทางเข้าพบเจ้าหน้าที่ และสอบถามว่าจะกลั่นแกล้งเหรอ พอตนพูดถึงเรื่องกัญชา ก็มาตรวจ ถือว่าใช้ได้ที่ไหน เบื้องต้นเจ้าหน้าที่แจ้งว่าได้มาแนะนำ ทำหน้าที่ ทางนายชูวิทย์จึงสอบถามว่าทำไมเพิ่งมาร้านแห่งนี้ อยากรู้เหตุผล เพราะพอตนพูดถึงกัญชา กลับเดินทางมา ทั้งที่เจ้าหน้าที่ไม่เคยออกกฎห้ามเลย เรื่องเยาวชนมาซื้อ เอาแต่พูดถึงข้อดี แต่ไม่เคยพูดถึงเด็กเล็ก ๆ กลับเล่นกัญชา

เบื้องต้นเจ้าหน้าที่อ้างว่า เพิ่งได้ข้อมูลมา โดยได้รับมอบหมายจากผู้บังคับบัญชา ซึ่งนายชูวิทย์ได้สอบถามอย่างเดือดระอุว่า “ใครสั่งมา”


TRENDING
© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top