Saturday, 18 May 2024
ชูวิทย์กมลวิศิษฎ์

‘ธนกร’ ปัด ‘รทสช.’ อยู่เบื้องหลังพาชูวิทย์บุกทำเนียบ ชี้!! ที่ผ่านมา ก็วิจารณ์นายกฯ มาตลอด 1 ปี

(28 ก.พ. 66) ที่ทำเนียบรัฐบาล นายธนกร วังบุญคงชนะ รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ให้สัมภาษณ์ก่อนการประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) ถึงกรณีนายชูวิทย์ กมลวิศิษฎ์ เข้ายื่นหนังสือกับนายพีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค เลขาธิการนายกรัฐมนตรี และหัวหน้าพรรครวมไทยสร้างชาติ (รทสช.) ที่ทำเนียบรัฐบาล หลายฝ่ายมองว่าเป็นเกมการเมือง ว่า ไม่ได้เกี่ยวกับพรรค รทสช. ต้องมองว่าที่ผ่านมาตลอดระยะเวลา 1 ปี นายชูวิทย์ก็วิพากษ์วิจารณ์ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี มาโดยตลอด นายกฯ ก็ไม่เคยตอบโต้เลย ตนเองก็รู้จักกับนายชูวิทย์ เดินสวนกันไปมาหลายครั้ง ก็ไม่เคยโกรธ เพราะนายชูวิทย์ก็ทำหน้าที่ของเขา ดังนั้น ต้องให้ความเป็นธรรมกับพรรคด้วย ว่าพรรค รทสช.ไม่ได้อยู่เบื้องหลัง หรือไม่ได้เกี่ยวข้องกับนายชูวิทย์ ต่างคนต่างมีหน้าที่

ผู้สื่อข่าวถามว่า ทางพรรคภูมิใจไทย (ภท.) ติดใจตรงที่นายพีระพันธุ์ มารับหนังสือจากนายชูวิทย์ด้วยตัวเอง นายธนกร กล่าวว่า นายพีระพันธุ์มารับหนังสือในฐานะเลขาธิการนายกรัฐมนตรี ซึ่งความจริงไม่มีอะไร และหากย้อนดู หลายเรื่องที่นายชูวิทย์พูดก็มีประโยชน์ ซึ่งรัฐบาลก็ดำเนินการมาตลอด ตรงไหนที่ยังไม่ได้ทำ เราก็จะดำเนินการ

“เรื่องนี้อย่าไปคิดว่าพรรคไหนอยู่เบื้องหลัง และความสัมพันธ์ระหว่างหัวหน้าพรรคภูมิใจไทยกับนายกรัฐมนตรี ก็ดีมาตลอด ไม่มีปัญหาอะไรกันเลย ให้เกียรติซึ่งกันและกันมาโดยตลอด เรื่องนี้ต้องแยกออกจากกัน การวิพากษ์วิจารณ์ของนายชูวิทย์ เป็นสิ่งที่เขาสามารถทําได้ ไม่ได้เกี่ยวอะไรกับพวกผม” นายธนกร กล่าว

‘เสี่ยหนู’ ตอบปมพิพาท ‘ชูวิทย์’ เชื่อ ปชช.แยกแยะได้ เผย รู้ตัวคนอยู่เบื้องหลัง แต่ไม่พูด ลั่น!! ทำงานดีกว่า

(28 ก.พ. 66) ที่ทำเนียบรัฐบาล กรุงเทพฯ นายอนุทิน ชาญวีรกูล หัวหน้าพรรคภูมิใจไทย กล่าวถึงกรณีพิพาทกับนายชูวิทย์ กมลวิศิษฏ์ ว่า…

“ทำงานดีกว่า ไม่ให้ราคา ก็คือไม่ให้ราคา”

ผู้สื่อข่าวถามว่า ทราบหรือไม่ว่า ใครอยู่เบื้องหลังการขับเคลื่อนของนายชูวิทย์ นายอนุทิน ตอบว่า รู้ แต่ไม่พูด

ผู้สื่อข่าวถามต่อว่า แล้วจะจัดการนายชูวิทย์อย่างไร นายอนุทินตอบว่า เห็นคนจะปองร้าย ก็ต้องหลบ ไม่ปะทะ

“มาถึงจุดนี้ ผมเชื่อว่าประชาชนมองออกว่าอะไรเป็นอะไร”

เมื่อถามถึงเรื่องที่นายชูวิทย์พาดพิงนายเนวิน ชิดชอบ นายอนุทินตอบว่า ท่านก็ยังตกใจ เพราะก็อยู่บ้านดี ๆ เอาเข้าจริงพวกเราไม่เคยสู้กับใคร ทำงานอย่างเดียว

เจอกันสักตั้ง 'ปานเทพ' ท้า 'ชูวิทย์' ดีเบตเรื่องกัญชา ชี้!! พูดอยู่ฝ่ายเดียว ทำข้อเท็จจริงคลาดเคลื่อน

เมื่อวานนี้ (8 มี.ค.66) นายปานเทพ พัวพงษ์พันธ์ คณบดีสถาบันแพทย์แผนบูรณาการและเวชศาสตร์ชะลอวัย มหาวิทยาลัยรังสิต ในฐานะโฆษกคณะกรรมการสื่อสารและประชาสัมพันธ์การใช้กัญชาอย่างเข้าใจ กระทรวงสาธารณสุข โพสต์เฟซบุ๊ก ‘ปานเทพ พัวพงษ์พันธ์’ ท้าชูวิทย์ กมลวิศิษฎ์ ดีเบตเรื่องกัญชา โดยระบุว่า ‘ปานเทพ’ เชิญ ‘ชูวิทย์’ ดีเบตเรื่อง ‘กัญชา’ เพื่อประโยชน์สาธารณะ

ชูวิทย์ กมลวิศิษฎ์
เรื่องกัญชาเป็นเรื่องที่มีการถกเถียงกันทั่วโลก แต่แนวโน้มในประเทศที่พัฒนาแล้วทั้งในสหรัฐอเมริกา แคนนาดา ยุโรป ออสเตรเลีย ฯลฯ ได้ผ่อนคลายมาตรการในเรื่องกัญชาตั้งแต่ทางการแพทย์และนันทนาการมากขึ้นเรื่อย ๆ

คุณชูวิทย์ กมลวิศิษฎ์ คัดค้านกัญชาเสรี จึงจะรณรงค์ให้ไม่เลือกพรรคภูมิใจไทย โดยที่อ้างว่าห่วงเด็กเยาวชน แต่คุณชูวิทย์กลับมีร้านขาย ‘ช่อดอกกัญชา’ เพื่อนันทนาการอยู่ในโรงแรมของตัวเอง ทั้งของลูกชาย และเปิดให้เช่าเพื่อผลประโยชน์ส่วนตัว

ส่วนผม ปานเทพ พัวพงษ์พันธ์ ไม่มีร้านกัญชา ไม่มีผลิตภัณฑ์กัญชาของตัวเอง และไม่ได้ปลูกกัญชาแม้แต่ต้นเดียว มีแต่การวิจัย และรณรงค์ให้ประชาชนซึ่งส่วนใหญ่เข้าไม่ถึงกัญชาทางการแพทย์ (เพราะแพทย์ส่วนใหญ่ไม่จ่ายกัญชา) สามารถมีกัญชาเพื่อการพึ่งพาตัวเองได้ แต่ให้มีกฎหมายควบคุมในระดับเหล้าและบุหรี่ (รวมถึงการควบคุมเรื่องเด็กและเยาวชน) และไม่ต้องกลับไปเป็นยาเสพติดอีก

ผมเดินต่อสู้เรื่องกัญชา ตั้งแต่ปี 2561 ในเรื่องการเรียกร้องให้ยกเลิกสิทธิบัตรกัญชาต่างชาติที่มาจดทะเบียนในประเทศไทย แต่คนไทยกลับห้ามใช้เพราะอ้างว่าเป็นยาเสพติด จนกฎหมายเริ่มคลายล็อกเรื่องกัญชามาเป็นลำดับ

ผมได้มีส่วนเรียกร้องในเรื่องน้ำมันกัญชาให้กับแพทย์พื้นบ้าน ทวงคืนตำรับยาไทยที่เข้ากัญชาซึ่งห้ามใช้มาหลายสิบปี จนกระทั่งได้ต่อสู้ด้วยหลักฐานงานวิจัยในเวทีต่างๆ และมีส่วนที่ทำให้คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามยาเสพติด (ซึ่งมี นายวิษณุ เครืองาม รองนายกรัฐมนตรี เป็นประธาน) มีมติให้ต้นกัญชาไม่เป็นยาเสพติดอีก ยกเว้นสารสกัดกัญชาที่มีสาร THC เกินกว่าร้อยละ 0.2 ของน้ำหนัก

ผมได้ถูกเชิญไปเป็นกรรมาธิการวิสามัญพิจารณาร่าง พ.ร.บ.กัญชา กัญชง ของสภาผู้แทนราษฎรซึ่งมีตัวแทนพรรคการเมืองต่างๆ ได้มีโอกาสแลกทัศนะความเห็นแตกต่าง จนคณะกรรมาธิการฯเสียงข้างมาก (จากแทบทุกพรรคการเมือง) มีทิศทางในการควบคุมช่อดอกกัญชาในระดับที่เข้มกว่าเหล้าและบุหรี่แต่ไม่ถึงขั้นเป็นยาเสพติด 

เนื่องด้วยกัญชาเสพติดยากกว่าและมีประโยชน์กว่าเหล้าและบุหรี่อย่างมหาศาล และข้อสำคัญที่สุดประชาชนส่วนใหญ่เข้าไม่ถึงกัญชาทางการแพทย์ด้วยเพราะอคติ ข้อบ่งใช้ที่คับแคบ ความยุ่งยากในการจ่ายยา และผลประโยชน์ทับซ้อนของแพทย์ ฯลฯ

ผมได้ทำความเข้าใจและชี้แจงถกเถียงเรื่องกัญชาตามวาระอันสมควรในสภาผู้แทนราษฎร จนสภาผู้แทนราษฎรเสียงข้างมากเห็นด้วยกับร่างกฎหมายของคณะกรรมาธิการฯ ​เสียงข้างมากทุกมาตรามาเป็นลำดับ แต่ที่น่าเสียดายคือการพิจารณากฎหมายฉบับดังกล่าวนี้ไม่แล้วเสร็จในสภาผู้แทนราษฎรสมัยนี้

ผมได้เห็นนักการเมืองที่พยายามผลักดันให้มีกฎหมายกัญชา กัญชง ในการใช้ประโยชน์และควบคุมอย่างเป็นระบบ ไม่ว่าจะเห็นด้วย แก้ไข หรือไม่เห็นด้วย พวกผมที่อยู่ในคณะกรรมาธิการเสียงข้างมากก็จะยอมรับเสียงข้างมากในสภาผู้แทนราษฎร เพราะเป็นกลไกตามครรลองของฝ่ายนิติบัญญัติ 

ดังนั้นผมขอขอบคุณพรรคการเมืองที่ให้ความสำคัญในการเป็นองค์ประชุมสภาผู้แทนราษฎรอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะ พรรคภูมิใจไทย, พรรคก้าวไกล, พรรคพลังท้องถิ่นไทย, พรรคชาติพัฒนากล้า, พรรคพลังธรรมใหม่, พรรคครูไทยเพื่อประชาชน

เพราะถ้าเสียงข้างมากไม่เห็นด้วยก็ต้องลงมติให้แก้ไข เพื่อให้มีกฎหมายออกมาเพื่อใช้ประโยชน์และควบคุมอย่างเป็นระบบ แต่นักการเมืองจำนวนไม่น้อยของพรรคการเมืองขนาดใหญ่ที่ผมไม่ได้กล่าวถึงข้างต้น กลับใช้วิธีเตะถ่วงกฎหมาย และไม่เข้าเป็นองค์ประชุมทำให้สภาล่มครั้งแล้วครั้งเล่า เพื่อไม่ให้มีกฎหมายใช้ประโยชน์และควบคุมกัญชาอย่างเป็นระบบ

อย่างไรก็ตามในขณะที่กฎหมายล่าช้าถูกเตะถ่วง จนสภาผู้แทนราษฎรกำลังจะหมดวาระลงในอีกไม่นานนี้ กระทรวงสาธารณสุข ได้อาศัยอำนาจตาม พ.ร.บ.คุ้มครองและส่งเสริมภูมิปัญญาการแพทย์แผนไทย พ.ศ. 2542 ประกาศให้ช่อดอกกัญชา เป็นสมุนไพรควบคุม 

ซึ่งผู้ที่จะขาย ให้ หรือแปรรูป ช่อดอกกัญชา จะต้องได้รับใบอนุญาตทุกราย และได้นำการควบคุมที่อยู่ในร่างกฎหมายกัญชา กัญชงของคณะกรรมาธิการฯ มาประยุกต์ทั้งหมดในเงื่อนไขของผู้ได้รับอนุญาต ซึ่งรวมถึง การห้ามขายและให้เด็ก เยาวชน สตรีมีครรภ์ สตรีให้นมบุตร, ห้ามขายในศาสนสถาน ห้ามขายออนไลน์ ห้ามขายผ่านเครื่องขาย ห้ามโฆษณา ห้ามสูบในสถานที่ได้รับใบอนุญาตยกเว้นโดยผู้ประกอบวิชาชีพทางการแพทย์ (ในสถานพยาบาลตามกฎหมาย) ฯลฯ

‘ชูวิทย์’ บุก กกต. ยื่นสอบ ‘ภท.’ ปมรับเงินบริจาค มั่นใจ!! หลักฐานแน่น ยุบพรรคได้ 100%

(17 มี.ค. 66) ที่สำนักงานคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) นายชูวิทย์ กมลวิศิษฎ์ ยื่นคำร้องให้ กกต. ตรวจสอบการรับบริจาคเงินของพรรคภูมิใจไทยเข้าข่าย ขัดมาตรา 72 ของพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยพรรคการเมืองหรือไม่ และให้ กกต.พิจารณายื่นคำร้องต่อศาลรัฐธรรมนูญเพื่อยุบพรรคภูมิใจไทย

โดยนายชูวิทย์ ได้ตั้งโต๊ะแถลงว่า ตามมาตรา 72 ห้ามมิให้พรรคการเมืองและผู้ดำรงตำแหน่งในพรรคการเมืองรับบริจาคเงิน ทรัพย์สิน หรือประโยชน์อื่นใด โดยรู้หรือควรจะรู้ว่าได้มาโดยไม่ชอบด้วยกฎหมายหรือมีเหตุอันควรสงสัยว่า มีแหล่งที่มาโดยไม่ชอบด้วยกฎหมาย ซึ่งการที่นายศักดิ์สยาม ชิดชอบ รมว.คมนาคม โอนหุ้นใน หจก.บุรีเจริญคอนสตรัคชั่น ประมาณ 190 ล้าน ให้ นายศุภวัฒน์ เกษมสุทธิ์ เป็นผู้ถือหุ้นใหญ่แทนนั้น ไม่ได้เป็นการโอนหุ้นจริง เพราะจากการตรวจสอบนายศุภวัฒน์ไม่มีรายได้ ไม่มีการยื่นเสียภาษี จึงถือเป็นการโอนหุ้นให้นอมินีที่เป็นพนักงานในบริษัทถือแทน โดยที่นายศักดิ์สยามยังเป็นเจ้าของบริษัทดังกล่าว และการที่บริษัทดังกล่าว ได้รับงานจากกระทรวงคมนาคม ซึ่งนายศักดิ์สยาม ดำรงตำแหน่ง รมว.คมนาคมอยู่นั้น จึงเป็นการรู้อยู่แล้ว แต่ใช้ตำแหน่งหน้าที่ให้บริษัทดังกล่าวได้รับงานกว่า 104 โครงการ 1,500 ล้านบาท โดยมอบอำนาจให้นอมอนี นำเงินที่ได้บริจาคให้พรรคภูมิใจไทยหลายครั้ง เงินดังกล่าวจึงได้มาโดยมิชอบ

ดังนั้น นายศักดิ์สยาม ในฐานะเลขานุการพรรคภูมิใจไทย จึงรู้หรือควรรู้อยู่แล้วว่าเงินมาจากไหน ทั้งนี้การนายศักดิ์สยามและพรรคภูมิใจไทยรับเงินบริจาคจาก หจก.บุรีเจริญคอนสตรัคชั่น และนายนายศุภวัฒน์ จึงเข้ามาตรา 72 ซึ่งเปรียบเหมือนต้นไม้พิษ ผลไม้ก็เป็นพิษ

นายชูวิทย์ กล่าวอีกว่า โดยหลักฐานที่ตนยื่นให้ กกต.ในวันนี้ มีทั้งหมด 8 รายการ ประกอบด้วย บัญชีรายชื่อผู้บริจาคให้พรรคภูมิใจไทย, สำเนาคำสั่งศาลรัฐธรรมนูญ, สำเนาการแจ้งบัญชีทรัพย์สินของนายศักดิ์สยาม, งบการเงินของบริษัทศิลาชัย บุรีรัมย์ (1991), งบการเงินของ หจก.บุรีเจริญคอนสตรัคชั่น, สำเนาโอนหุ้นของนายศักดิ์สยาม, สัญญากรมทางหลวง และรายชื่อบริษัทที่มีสถานะร้าง

'ทนายษิทรา' แถลงข่าว!! เชื่อ 'ชูวิทย์' ได้เงินมากกว่า 6 ล้าน ชี้!! ออกมาพูดเพราะเสียความรู้สึกและอยากให้สังคมรู้ข้อมูลอีกมุม

(23 มี.ค.66) นายษิทรา เบี้ยบังเกิด เลขาธิการมูลนิธิทีมงานทนายประชาชน เปิดเผยถึงกรณีภาพรูปเงิน ในถุงกระดาษ จำนวน 2 ถุง ระบุข้อความ แฉไป ไถมา ผ่านเฟซบุ๊กส่วนตัว ทำให้เกิดกระแสวิพากษ์วิจารณ์ว่า บุคคลที่ถูกพาดพิงนั้นเป็นใคร

นายษิทรา ยืนยันว่า ภาพถ่ายเงินเป็นเงินจากสารวัตรซัว ผู้ต้องหาคดีพนันออนไลน์ นำไปมอบให้กับนายชูวิทย์ กมลวิศิษฎ์ เพื่อขอให้หยุด

นายษิทรา ยังเปิดเผยข้อมูลว่า รูปเงินจำนวนราว 6 ล้านบาท เป็นรูปเมื่อปีที่ผ่านมา และนายชูวิทย์ก็ออกมายอมรับว่า ได้รับเงินจำนวนนี้จริง และมีหลักฐานอีกว่า ยังมีการแบ่งจ่ายมาแล้ว 2-3 ครั้ง ครั้งละ 10 ล้านบาท

‘ศุภชัย’ เผยศาลสั่งห้าม ‘ชูวิทย์’ ยุ่งเรื่องกัญชาพรรค ‘ภท.’ ชี้!! มีเจตนาบิดเบือนความเข้าใจของประชาชน

‘ศุภชัย’ เผยศาลสั่งห้าม ‘ชูวิทย์’ จ้อ-แสดงการกระทำด้วยวิธีใด ๆ เกี่ยวกับปม ‘กัญชา’ ที่เกี่ยวข้อง ‘พรรคภูมิใจไทย’ อีก

(5 เม.ย.66) นายศุภชัย ใจสมุทร นายทะเบียนพรรคภูมิใจไทย กล่าวว่า วานนี้ (4 เม.ย.66) พรรคภูมิใจไทย มอบอำนาจให้ตนยื่นคำฟ้องต่อศาลแพ่ง กรณีนายชูวิทย์ กมลวิศิษฎ์ กระทำละเมิดต่อ พรรคภูมิใจไทย ในการแพร่ข่าว ไขข่าว ฝ่าฝืนต่อความเป็นจริงทำให้พรรคเสียหาย เป็นการฟ้องละเมิดและเรียกค่าเสียหาย และยื่นคำร้องขอคุ้มครองชั่วคราว และไต่สวนฉุกเฉิน ห้ามมิให้นายชูวิทย์ ดำเนินการตามที่ถูกฟ้อง คือ การกล่าวหาบิดเบือน กับพรรคภูมิใจไทย 

ทั้งนี้ เมื่อวาน (4 เม.ย.66) หลังจากคณะตุลาการพิจารณาแล้วเห็นว่าคำร้องเป็นการร้อง ห้ามมิให้พูด อาจจะเป็นการฟ้อง ซึ่งอาจจะเป็นผลกระทบต่อเสรีภาพในการแสดงความคิดเห็นตามรัฐธรรมนูญ ซึ่งคำร้องไม่เป็นการเฉพาะเจาะจง เป็นการยื่นคำร้องทั่วไป จึงยกคำร้อง แต่วันนี้พรรคภูมิใจไทย ได้ไปยื่นคำร้องขอคุ้มครองชั่วคราว ขอไต่สวนฉุกเฉิน อีก และมีการไต่สวนจนเสร็จสิ้นเมื่อช่วงบ่าย ออกมา

นายศุภชัย กล่าวต่อว่า โดยเนื้อหามีดังนี้ วิเคราะห์พยานหลักฐานโจทก์แล้วข้อเท็จจริงรับฟังได้ว่า จำเลยให้สัมภาษณ์ต่อสื่อมวลชน หลายสาขา ทั้งทางวิทยุ โทรทัศน์ และสื่ออิเล็กทรอนิกส์ รวมทั้งใช้เครื่องกระจายเสียงประกาศข้อเท็จจริงต่างๆ ตามคำฟ้องในที่สาธารณะ เพื่อให้ประชาชนทั่วไปเข้าใจว่า โจทก์มีนโยบายที่ไม่เป็นประโยชน์ต่อประชาชน และสมาชิกของโจทก์ไม่เหมาะสมที่จะได้รับเลือกเป็นสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร ซึ่งข้อเท็จจริง ตามที่จําเลยกล่าวหรือไขข่าวแพร่หลายต่อบุคคลทั่วไปนั้น ยังมิได้มีการพิสูจน์ว่าเป็นความจริงตามที่จําเลยกล่าวอ้างหรือไม่ จึงเป็นการกระทําซ้ำ และกระทําต่อไป ซึ่งการที่โจทก์ฟ้องกล่าวอ้างว่าจําเลยกระทําละเมิด

‘ชูวิทย์’ ลุยยื่นอุทธรณ์ หลังศาลสั่งห้ามยุ่งนโยบายกัญชา ‘ภท.’ ลั่น!! พร้อมสู้ ขอเดินหน้าค้านนโยบายกัญชาเสรีต่อไป

(6 เม.ย.66) ที่โรงแรม เดอะ เดวิส บางกอก สุขุมวิท 24 กรุงเทพฯ นายชูวิทย์ กมลวิศิษฎ์ แถลงหลังศาลแพ่งมีคำสั่งห้ามกระทำละเมิดต่อพรรคภูมิใจไทย ในการแพร่ข่าว เกี่ยวกับนโยบาย กัญชา พร้อมแสดงออกเชิญสัญลักษณ์ สวมเสื้อสีดำ นำผ้าสีดำปิดตา และใช้เทปกาวสีดำปิดปาก เพื่อสื่อให้เห็นถึงการถูกริดรอนสิทธิเสรีภาพของประชาชน จากการวิพากษ์วิจารณ์นโยบายสาธารณะ ประเด็นกัญชาเสรี


ทั้งนี้ นายชูวิทย์ กล่าวว่า เมื่อพรรคการเมืองนำนโยบายกัญชา ซึ่งเป็นนโยบายสาธารณะ มาใช้กับประชาชน โดยไม่ได้ผ่านกฎหมายลูก ไม่มีการโหวตในรัฐสภา ไม่มีการทำประชาพิจารณ์ มีเพียงประกาศคำสั่งกระทรวงสาธารณสุข ทั้งที่กัญชาเสรีเป็นนโยบายที่มีทั้งข้อดีและข้อเสีย แต่พรรคภูมิใจไทยกลับเสนอเพียงข้อดี ตนในฐานะประชาชนก็มีสิทธิเสรีภาพในการที่จะพูดข้อเสีย เพื่อผลประโยชน์ของสังคม ไม่ได้ไปก้าวล่วงหรือละเมิด ไม่ใช่การใส่ร้ายป้ายสี เพราะตนไม่ใช่ผู้สมัครพรรคการเมือง แต่พรรคการเมืองกับละเมิดสิทธิเสรีภาพของตน
 

‘ชูวิทย์’ เฮ!! หลังศาลเเพ่งยกเลิกคำสั่งคุ้มครองชั่วคราวของ ‘ภท.’ ปมห้ามพูดถึงกัญชา ชี้!! เป็นการแสดงประโยชน์-โทษ ให้ปชช. ทราบ

‘ชูวิทย์’ เฮลั่น!!! ได้เมาท์กัญชาเสรีต่อ หลังศาลเเพ่งยกเลิกคำสั่งคุ้มครองชั่วคราวของพรรคภูมิใจไทย ห้ามพูดเรื่องกัญชา ชี้เป็นการแสดงความคิดเห็นประโยชน์และโทษ ปชช.ได้ทราบประโยชน์แก่สุขภาพ

(7 เม.ย.66) ที่ศาลเเพ่ง ถนนรัชดาภิเษก ผู้สื่อข่าวรายงานกรณีสืบเนื่องจาก เมื่อวันที่ 4 เม.ย. 2566 พรรคภูมิใจไทยเป็นโจทก์ ยื่นฟ้องนายชูวิทย์ กมลวิศิษฎ์ จำเลย เรื่องละเมิด เรียกค่าเสียหาย ในคดีหมายเลขดำที่ พ. 1650/2566 และ โจทก์ได้ยื่นคำร้องให้ศาลมีคำสั่งคุ้มครองชั่วคราวในระหว่างพิจารณาเป็นกรณีฉุกเฉิน ห้ามมิให้จำเลยกล่าว หรือไขข่าวเกี่ยวกับกัญชาในทำนองหรือในลักษณะที่ว่ากล่าวให้ร้าย อันก่อให้เกิดความเสียหายแก่โจทก์ 

‘ชูวิทย์’ ร้องสภาทนายความ ตรวจสอบมรรยา ‘ทนายตั้ม’ ขอให้ลบชื่อ-ถอนใบอนุญาต ชี้!! เป็นตัวอย่างให้วางตัวเหมาะสม

(10 เม.ย. 66) ที่สภาทนายความในพระบรมราชูปถัมภ์ นายชูวิทย์ กมลวิศิษฎ์ เข้าร้องต่อสภาทนายความ พร้อมยื่นหนังสือให้สอบมรรยาทนายษิทรา เบี้ยบังเกิด หรือทนายตั้มเนื่องจากมีพฤติกรรมหลายอย่างที่เข้าข่ายผิดต่อมรรยาททนายความ 

โดยมีนายวัชระ สุคนธ์ กรรมการมรรยาททนายความและนายสมพร ดำพริก อุปนายกฝ่ายช่วยเหลือประชาชนทางกฎหมายเป็นผู้รับเรื่อง 

นายชูวิทย์ กล่าวถึง กรณีที่ทนายตั้มตั้งโต๊ะแถลงข่าวโจมตีตน ซึ่งไม่ได้รู้จักกัน ไม่ได้เป็นคู่ความ จึงไม่รู้ว่าอีกฝ่ายมีวัตถุประสงค์ใด ไม่เข้าใจว่ากล่าวหาโจมตี ประจานตนและลูกชาย อีกทั้งใช้สื่อออนไลน์กล่าวโจมตีมาตลอด วันนี้จึงนำหนังสือมาร้องเรียนต่อนายกสภาทนายความ ให้ตรวจสอบว่า นายษิทราฝ่าฝืนข้อบังคับสภาทนายความว่าด้วยเรื่องมรรยาททนายความ พ.ศ. 2529 หมวด 4  หรือไม่ และขอให้ลบชื่อออกเพิกถอน ใบประกอบวิชาชีพ เพื่อเป็นตัวอย่าง บนพื้นฐานจริยธรรมและศีลธรรมอันดี 

นายชูวิทย์ กล่าวว่า จากกรณีที่ปัจจุบันมีทนายความหลายคนที่ให้ข้อมูลทางโซเชียล แต่ไม่ครบถ้วน จึงต้องการปราบแก๊งทนายโซเชียล มองว่าเป็นอันตรายต่อประชาชน มองว่าเป็นการโฆษณา เรียกราคา ซึ่งอาชีพทนายความควรพิสูจน์ฝีมือว่าความไม่ใช่การพูดผ่านโซเชียลให้ประชาชนหลงเชื่อ ถูกหลอก ด้วยข้อมูลไม่ครบถ้วนหรือข้อมูลผิดๆ 

นายสมพร เปิดเผยว่า หลายครั้งหลายคราวที่ทนายตั้มแถลงข่าวออกสื่อ ส่วนตัวก็เห็นว่าไม่สมควร เข้าข่ายผิดมรรยาททนายความ ซึ่งต้องนำเสนอต่อคณะกรรมการเพื่อพิจารณาต่อไป ขณะที่ทนายความคนอื่นก็ต้องวางตัวให้เหมาะสมเช่นกัน

สำหรับการพิจารณาลงโทษทนายความที่ทำผิดมรรยาททนายความ มี  4 ระดับ คือ ว่ากล่าวตักเตือน, ภาคทัณฑ์, พักใบอนุญาต ไม่เกิน 3 ปี และโทษหนักสุดคือลบชื่อออกจากการเป็นทนายความ ส่วนการว่ากล่าวตักเตือน และภาคทัณฑ์ นั้นยังสามารถว่าความได้ แต่ความผิดที่ถูกพักใบอนุญาตและลบชื่อออกจะเป็นทนายความนั้น ห้ามว่าความโดยเด็ดขาด

นายวัชระ กล่าว่า จะนำหลักฐานไปตรวจสอบโดยจะตั้งเป็นรูปแบบคณะกรรมการตรวจสอบ ซึ่งที่ผ่านมาทนายษิทราเคยถูกร้องเรียนการทำหน้าที่ของทนายมากกว่า 12 เรื่อง บางเรื่องอยู่ระหว่างตรวจสอบและบางเรื่องคณะกรรมการยกคำร้องไป

‘ศุภชัย’ เมิน!! ‘ชูวิทย์’ โพสต์คลิปซื้อเสียง พบแผ่นพับ ‘หมอมิลล์’ ลั่น!! ไม่รู้จักคนในคลิป เชื่อ!! มีขบวนการจ้องใส่ร้ายป้ายสี

‘ภท.’ ไม่ให้ ราคา ‘ชูวิทย์’ โพสต์ซื้อเสียง ลั่นสอบแล้ว ไม่จริง เชื่อมีกระบวนการใส่ร้าย ด้าน ผู้สมัครในคลิป โร่ แจ้งความตำรวจ-กกต.หนองคาย ยันถูกใส่ร้าย ไม่รู้จักบุคคลในคลิป

(20 เม.ย.66) นายศุภชัย ใจสมุทร นายทะเบียนพรรคภูมิใจไทย (ภท.) ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีที่นายชูวิทย์ กมลวิศิษฎ์ โพสต์คลิประบุว่า อสม. เริ่มเดินสายจดรายชื่อตามบ้านเพื่อซื้อเสียง พร้อมระบุเป็นส.ส.พรรคร่วมรัฐบาล โดยคลิป เป็นแผ่นพับของ นางจิดาภา สุนทรธนากุล ผู้สมัครส.ส.หนองคาย เขต 2 เบอร์ 4 พรรคภูมิใจไทย ว่า พรรคได้ตรวจสอบข้อเท็จจริงแล้ว ยืนยันว่า ผู้สมัครของพรรคภูมิใจไทย ที่อ้างว่า มีชื่ออยู่ในคลิปนั้น รวมทั้งผู้ช่วยหาเสียงทั้งหมดไม่มีพฤติการณ์ทำตามที่ปรากฏอยู่ในคลิป และมั่นใจว่ากระบวนการที่เกิดขึ้นเป็นกระบวนการใส่ร้าย ถ้าเจ้าตัวไม่ได้ทำ ซึ่งก็ได้ไปแจ้งความเจ้าหน้าที่ตำรวจ และ กกต.จว.หนองคายแล้ว

ผู้สื่อข่าวถามว่า แสดงว่ามีกระบวนการจ้องทำลาย นายศุภชัย กล่าวว่า เมื่อเจ้าตัวไม่ได้ทำ แล้วมีความพยายามว่าทำ ตรงนี้ก็เป็นการใส่ร้ายป้ายสี ถือเป็นความไม่ประสงค์ดี ซึ่งเรื่องแบบนี้เกิดขึ้นบ่อยๆ เกิดขึ้นเป็นประจำ เป็นระยะๆ แสดงให้เห็นว่าเป็นผู้ซื้อเสียง มีการถ่ายคลิป แล้วมีการสะบัดๆ ให้เห็นชื่อ เมื่อถามว่า กังวลหรือไม่ทำให้คะแนนเสีย นายศุภชัย กล่าวว่า คงไม่ เพราะผู้สมัครได้ลงพื้นที่อย่างหนักและเต็มที่ และนายอนุทิน ชาญวีรกูล หัวหน้าพรรค ภท. ก็ได้ลงนามประกาศพรรค ห้ามผู้สมัครทุกคนกระทำการใดๆที่ผิดกฎหมาย โดยเฉพาะกฎหมายเลือกตั้ง ซึ่งทุกคนก็ถือปฏิบัติ เคร่งครัด แล้วจู่ ๆ ก็มีเรื่อง แล้วก็มีคนออกมาแฉแบบ ทันทีทันใด และเชื่อว่าจะเกิดขึ้นใน ทุกๆ ที่ เพราะทำกันง่ายเหลือเกิน

“ผมไม่ให้ราคาคนโพสต์ วันนี้มีพรรคการเมืองที่ถูกกล่าวหาแบบนี้ ก็ควรมาช่วยกันปกป้องว่ามีการใส่ร้ายป้ายสีหรือไม่ ควรมาช่วยกันใช้สติ ปัญญา ตรึกตรองว่ามันเป็นไปได้หรือไม่ เพราะอาจถูกกลั่นแกล้ง แต่ก็ไม่เป็นไร ซึ่งผู้สมัครส.ส.ก็ไปแจ้งความแล้ว และก็จะไปแจ้งต่อกกต. ต่อไป”นายศุภชัย กล่าว

ด้านนางจิดาภา สุนทรธนากุล ผู้สมัคร ส.ส. หนองคาย เขต2 พรรคภูมิใจไทย ที่ปรากฏแผ่นพับหาเสียงในโลกโซเชียล และถูกนายชูวิทย์ กมลวิศิษฎ์ นำมาโพสต์ ถึงการซื้อเสียงว่า ถูกใส่ร้าย ซึ่งได้เข้าแจ้งความกับเจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ. โพนพิสัยแล้ว เมื่อช่วงเวลา 11.00น. ใน 2 เรื่องคือ ป้ายถูกทำลายและคลิปที่เผยแพร่ทางโซเชียล และขอให้เป็นเรื่องของกระบวนการตามกฎหมาย ที่เจ้าหน้าที่จะไปดำเนินการ ตำรวจและ กกต. ก็ดำเนินการสืบสวนสอบสวน


TRENDING
© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top