Wednesday, 8 May 2024
รังสิมันต์โรม

‘โรม’ จี้!! ‘ปปง.’ ทำหน้าที่ หลัง ‘อุปกิต’ ถูกแจ้งสมคบฟอกเงิน ชี้ หากมีการยักย้ายถ่ายเททรัพย์สิน ปปง. ต้องรับผิดชอบ 

(30 มี.ค. 66) นายรังสิมันต์ โรม โฆษกพรรคก้าวไกล กล่าวถึงการติดตามความความคืบหน้าการทำงานของคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน (ปปง.) ภายหลัง นายอุปกิต ปาจารียางกูร หรือ ‘ส.ว.ทรงเอ’ ซึ่งมีสายสัมพันธ์กับขบวนการค้ายาเสพติดของ ‘ทุน มิน ลัต’ เข้าพบผู้บังคับการตำรวจปราบปรามยาเสพติด และถูกแจ้งข้อกล่าวหาสมคบฟอกเงิน เมื่อวันที่ 27 มีนาคมที่ผ่านมา

‘โรม’ นำทีมว่าที่ผู้สมัคร ส.ส.นครศรีฯ ทั้ง 10 เขต ลุ้นเบอร์ อ้อน!! ชาวนครฯ กาก้าวไกล เลือกคนใหม่ไปเปลี่ยนประเทศ

(3 เม.ย.66) รังสิมันต์ โรม โฆษกพรรคก้าวไกล นำทีมว่าที่ผู้สมัคร ส.ส. นครศรีธรรมราช ทั้ง 10 เขต ของพรรคก้าวไกล เดินทางไปสมัคร ส.ส. และลุ้นเบอร์ ที่หอประชุมเมืองเทศบาลนครนครศรีธรรมราช บรรยากาศเป็นไปอย่างคึกคัก โดยรังสิมันต์กล่าวว่า พรรคก้าวไกลมีความตั้งใจและมั่นใจว่าครั้งนี้มีโอกาสชนะทุกเขต เพราะเรามีความพร้อม การเลือกตั้งเมื่อปี 2562 กับครั้งนี้ แตกต่างกันสิ้นเชิง เราเห็นแล้วว่าพี่น้องประชาชนเปิดรับพรรคก้าวไกล จึงมั่นใจว่าครั้งนี้เรามาเพื่อชนะ ปักธงในนครศรีธรรมราชได้ ประชาชนจะให้โอกาสพรรคก้าวไกล เลือกคนใหม่เข้าไปเปลี่ยนประเทศ ให้นครศรีธรรมราชเปลี่ยน ประเทศไทยเปลี่ยน

รังสิมันต์กล่าวด้วยว่า ก่อนหน้านี้ตนเดินทางไปที่จังหวัดสุราษฎร์ธานี เป็นช่วงเวลาประจวบเหมาะกับการเริ่มต้นของฤดูการเกณฑ์ทหารประจำปี 2566 จึงเดินทางไปที่อำเภอคีรีรัฐนิคม เพื่อจัดแคมเปญยกเลิกการเกณฑ์ทหาร โดยที่ตนและว่าที่ผู้สมัคร ส.ส. พรรคก้าวไกล ประจำจังหวัดสุราษฎร์ธานีได้สอบถามความคิดเห็นของผู้ที่ต้องเข้าร่วมการจับใบดำใบแดงและครอบครัวที่มาให้กำลังใจว่าต้องการเปลี่ยนระบบการเกณฑ์ทหารเป็นระบบสมัครใจหรือต้องการให้ใช้ระบบเดิมต่อไป ซึ่งได้ผลลัพธ์ออกมาที่ 62:3 เป็นคะแนนที่ทำให้เราเห็นได้ชัดว่าประชาชนส่วนมากไม่ต้องการให้มีการบังคับเกณฑ์ทหารอีกต่อไป

หนึ่งในนโยบายหลักของพรรคก้าวไกลคือการปฏิรูปกองทัพและยกเลิกการบังคับเกณฑ์ทหาร โดยเปลี่ยนมาเป็นระบบสมัครใจ ซึ่งวิธีนี้จะช่วยยกระดับคุณภาพชีวิตของทหารชั้นผู้น้อยและสามารถทำให้การสมัครเป็นทหารเป็นอีกหนึ่งอาชีพที่น่าสนใจ โดยผู้ที่สมัครเข้าไปเป็นทหารจะได้รับเงินเดือนและสวัสดิการจากรัฐเพิ่มมากขึ้น เช่นประกันสุขภาพที่ครอบคลุมถึงครอบครัว มีทุนการศึกษาและทุนประกอบอาชีพหลังปลดประจำการ สามารถต่อยอดไปเป็นทหารชั้นประทวนและสัญญาบัตรที่มีสิทธิในการเลื่อนขั้นได้สูงสุดถึงพันโท นอกจากนี้นโยบายของเราจะผลักดันให้เกิดการเคารพในหลักสิทธิมนุษยชน ไม่ให้มีการทำร้ายร่างกาย จิตใจ ศักดิ์ศรีความเป็นมนุษย์ และมีการกำหนดโทษวินัยร้ายแรงสำหรับผู้ที่ฝ่าฝืน

ในปัจจุบันประเทศไทยกำลังเข้าสู่การเป็นสังคมสูงวัย (Aging Society) นั่นหมายความว่าเราจะมีประชากรที่อยู่ในวัยทำงานน้อยลง ซึ่งตนและพรรคก้าวไกลเชื่อว่าการนำคนหนุ่มที่อยู่ในวัยทำงานนี้ไปอยู่ในกองทัพเป็นการใช้งานบุคคลากรของประเทศที่สิ้นเปลืองที่สุด หลายคนต้องลาออกจากงานที่กำลังไปได้ด้วยดี ต้องจากครอบครัวที่เพิ่งมีลูกอ่อน หรือจากพ่อแม่ที่ชราเริ่มภาพและขาดคนดูแลไป เพียงเพื่อไปเป็นทหารรับใช้ส่วนตัว สู้กับมดรบกับหญ้า เป็นเวลา 1 - 2 ปีก่อนจะโดนปลดประจำการออกมาโดยไม่มีสวัสดิการอะไรรองรับพวกเขาเลย

‘โรม’ ซัด!! ‘พีระพันธุ์’ เป็นใครมาไล่ประชาชน หวังแต่จะแช่แข็งประเทศไทย-ไล่คนเห็นต่าง

‘ก้าวไกล’ เร่ง สตช. เคลียร์ให้ชัด ‘แฮกเกอร์ 9near’ มีใครอยู่เบื้องหลัง-เกี่ยวข้องการเมืองหรือไม่ ชี้ ‘พีระพันธุ์’ ทัศนคติอันตราย แช่แข็งประเทศไทย-ไล่คนเห็นต่าง จี้ซ้ำ ปปง. จะเงียบไปถึงไหน ปม ‘ส.ว.ทรงเอ’ โดนข้อหาสมคบฟอกเงิน

(10 เม.ย.66) ที่พรรคก้าวไกล รังสิมันต์ โรม โฆษกพรรคก้าวไกล แถลงข่าวประจำสัปดาห์ในหลายประเด็น เริ่มจาก ข้อสังเกตต่อกรณีแฮกเกอร์ใช้ชื่อ ‘9near’ โพสต์ขายข้อมูลที่อ้างว่าเป็นข้อมูลส่วนตัวของคนไทยกว่า 55 ล้านรายการ ที่จนถึงตอนนี้ตำรวจยังจับกุมตัวไม่ได้ว่า เรื่องนี้เป็นการหลุดของข้อมูลครั้งสำคัญที่ไม่อาจประมาณมูลค่าความเสียหายได้ ตนและพรรคก้าวไกลติดตามอย่างใกล้ชิด และต้องการเห็นการรับมืออย่างเป็นมืออาชีพของรัฐบาล โดยจากข้อมูลที่ปรากฏ ตั้งแต่วันที่ 3 เมษายน ตำรวจขอออกหมายจับ มีการทราบตัวและทราบที่อยู่ของแฮกเกอร์ แต่กลับไม่มีการควบคุมตัว พรรคก้าวไกลมองว่ามีความไม่ชอบมาพากล อาจมีคนอยู่เบื้องหลัง ซึ่งหมายความว่าการทำหน้าที่ของเจ้าหน้าที่ตำรวจขณะนี้กำลังเจอ ‘ตอ’ อยู่หรือไม่

เป็นไปได้หรือไม่ที่ทหารยศจ่าสิบโทคนดังกล่าวอาจอยู่ท่ามกลางข้อมูลจำนวนมากที่เกี่ยวกับความมั่นคง แต่การที่กองทัพออกมาปฏิเสธบอกว่าการกระทำที่ว่าเป็นเรื่องส่วนตัว ตนคิดว่ากองทัพไม่ควรร้อนตัว ต้องให้มีการตรวจสอบก่อน จะอ้างขั้นตอนระบบราชการอย่างไรก็ฟังไม่ขึ้น เว้นเสียแต่ว่าคนที่มีส่วนได้เสียกับเรื่องนี้เป็นคนมีอำนาจ หรือมีความเป็นไปได้ที่จะทำเรื่องนี้ให้กลายเป็นประเด็นทางการเมืองเพื่อใส่ร้ายบางพรรคหรือนักการเมืองบางคน โดยพรรคก้าวไกลได้ติดตามการทำงานของสำนักงานตำรวจแห่งชาติ (สตช.) ในเรื่องนี้ หวังว่าจะไม่ทำลายอาชีพของตัวเองด้วยการปล่อยให้ข้อมูลของประชาชนอยู่ในมือมิจฉาชีพ

ต่อมารังสิมันต์ กล่าวถึงกรณี พีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค หัวหน้าพรรครวมไทยสร้างชาติ (รทสช.) ปราศรัยไล่คนเห็นต่างออกจากประเทศ พร้อมผลิตซ้ำวาทกรรมชังชาติ ล้มเจ้า โดยขอตั้งคำถามกลับว่า พีระพันธุ์เป็นใครจึงมาไล่ประชาชน ประชาชนเป็นผู้มีอำนาจสูงสุดของประเทศ นักการเมืองมาเป็นรัฐบาลไม่มีสิทธิไล่ผู้เห็นต่าง ในสังคมประชาธิปไตยเป็นเรื่องปกติมากที่ประชาชนจะมีความเห็นแตกต่างกัน การแสดงความเห็นเป็นสิทธิตามรัฐธรรมนูญ ตนสงสัยว่าทำไมพีระพันธุ์จึงไม่เข้าใจ ทั้งที่เป็นนักการเมืองมานาน เคยเป็นรัฐมนตรีกระทรวงยุติธรรม เคยนั่งอยู่ในกรรมาธิการการกฎหมายและสิทธิมนุษยชน ซึ่งเป็นกรรมาธิการที่มีจุดประสงค์เพื่อปกป้องสิทธิของประชาชนทุกคนไม่ให้ถูกละเมิด

"ความคิดของคุณพีระพันธุ์ ที่จะแช่แข็งประเทศไทย เป็นเรื่องที่อันตรายของคนที่คิดจะเป็นรัฐบาล เพราะความคิดที่บอกว่าสังคมต้องเหมือนเดิมไม่ต้องเปลี่ยน ก็คงเท่ากับประชาชนต้องอยู่กับปัญหา ความคิดแบบนี้ไม่มีทางทำให้สังคมก้าวหน้าได้ ผมอยากให้คุณพีระพันธุ์คิดให้ดีว่าหากอยากทำเพื่อประชาชนจริงๆ ควรจะใช้อำนาจที่มีปกป้องประชาชน ในฐานะผู้สมัคร ส.ส.บัญชีรายชื่อ ลงพื้นที่ทั่วประเทศ ผมพบว่าปัญหายาเสพติดกำลังเป็นปัญหาร้ายแรง ขอถามว่ารัฐบาลพลเอกประยุทธ์ทำอะไรบ้าง" รังสิมันต์กล่าว

สำหรับความคืบหน้าการดำเนินคดี ส.ว.ทรงเอ รังสิมันต์กล่าวว่า ได้ติดตามเรื่องนี้อย่างใกล้ชิดและรอคอยความคืบหน้าว่าจะนำไปสู่บทสรุปอย่างไร ยอมรับว่ารู้สึกกังวลอย่างยิ่งว่าเรื่องนี้จะเป็นปาหี่ นำไปสู่การช่วยเหลือ ส.ว.ทรงเอ เพราะทั้งที่ ส.ว.ทรงเอ หรือ อุปกิต ปาจรียางกูร มีสายสัมพันธ์กับขบวนการค้ายาเสพติดของ ทุน มิน ลัต แต่กลับได้รับการปฏิบัติที่แตกต่างกัน ทำให้กระบวนการยุติธรรมอาจถูกตั้งคำถามว่ามี 2 มาตรฐาน

“ผมยังเชื่อใจว่าองค์กรอัยการจะไม่เอาชื่อเสียงของตัวเองมาทิ้งกับเรื่องนี้ คำถามคือตอนนี้รออะไร เมื่อไรกองบัญชาการตำรวจปราบปรามยาเสพติด (บช.ปส.) จะส่งสำนวน เพื่อให้อัยการดำเนินการต่อไป หวังว่าก่อนสงกรานต์จะมีความชัดเจน มิเช่นนั้นประชาชนจะตั้งคำถามว่าพวกท่านกำลังช่วยเหลือ ส.ว.ทรงเอ ซึ่งอาจเป็นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบด้วยกฎหมายหรือไม่” รังสิมันต์กล่าว

‘โรม’ จี้ ‘หน่วยงานรัฐ’ ทำหน้าที่อย่างซื่อตรง พร้อมดักคอ ‘ส.ว.อุปกิต’ อย่าเล่นนอกกติกา

(11 เม.ย.66) รังสิมันต์ โรม โฆษกพรรคก้าวไกล ระบุถึงการแถลงข่าวครั้งที่ 2 ของ ส.ว.อุปกิต ปาจรียางกูร ที่งัดเอาข้อมูลว่าบัญชีม้าในคดีฟอกเงินยาเสพติดนั้นมีการโอนเงินไปยังบัญชีอื่น ๆ ของทั้งบุคคลธรรมดาและนิติบุคคลอีกถึง 86 บัญชี ทำไมมีแค่ตนคนเดียวที่ถูกกล่าวโทษ ถ้ารังสิมันต์ โรม ไม่ได้เลือกปฏิบัติ ไม่คิดกลั่นแกล้ง ไม่หวังผลทางการเมือง ก็ขอให้ไปตรวจสอบ 86 บุคคล/บริษัทเหล่านั้นด้วย

ในประเด็นนี้ตนทราบว่าทาง ส.ว.อุปกิตก็ไปยื่นข้อมูลให้กับทางอัยการด้วยเช่นกัน ซึ่งหากท่านต้องการช่วยชี้เบาะแสเผื่อว่าจะมีใครกระทำผิดฟอกเงินค้ายาอีกหรือไม่นั้น ก็เป็นสิทธิของท่านที่จะกระทำได้ แต่หากว่าทำไปเพียงเพื่อจะซัดผมว่าปฏิบัติต่อท่านอย่างไม่เป็นธรรมนั้น ผมก็ต้องขอเรียนต่อ ส.ว.อุปกิตว่าการที่ผมมาพูดอภิปรายเรื่องฟอกเงินค้ายาเสพติดได้นั้น จำเป็นต้องมีหลักฐานสนับสนุนหลาย ๆ อย่างมาประกอบกัน อย่างความเชื่อมโยงทางการเงินก็เป็นหนึ่งในนั้น แต่ถ้าลำพังมีแค่หลักฐานนี้อย่างเดียวเช่นที่ท่านอ้างถึง 86 บุคคล/บริษัทนั้น ก็คงยังไม่เพียงพอที่จะอภิปรายได้ ท่านก็เคยพูดเองมิใช่หรือว่าคนที่ค้ายาเขาไปซื้อขายอะไรใดๆ ไม่ได้หมายความว่าร้านค้าเหล่านั้นจะต้องเป็นผู้ฟอกเงินทั้งหมดเสมอไป (แต่จะต้องพิจารณาเป็นกรณีไป)

ในกรณีของ ส.ว.อุปกิต หากว่าหลักฐานมีแค่เรื่องเส้นทางการเงินระหว่างผู้ค้ายากับเครือบริษัท Allure เพียงแค่นี้เท่านั้น ผมคงไม่เอามาอภิปรายตั้งแต่แรก แต่ที่ผมตัดสินใจเอามาอภิปรายก็เพราะมีหลักฐานอื่น ๆ ประกอบด้วย เช่น ข้อความแชต หรือคำให้การของทุนมินลัตและคนอื่น ๆ ที่โดนจับไปก่อนหน้านี้ ที่ผมพิจารณาแล้วเห็นว่าหนักแน่นเพียงพอที่จะต้องพูดออกมาให้สังคมได้ตระหนักและช่วยการติดตามกระบวนการคดีไม่ให้เตลิดออกนอกลู่นอกทางได้

ซึ่งเรื่องข้อความแชต วันนี้ ส.ว.อุปกิตก็ยังพูดเหมือนเดิมว่าแปลผิดแปลมั่ว ตนก็เคยบอกไปแล้วว่าข้อความที่คุยกันมันเป็นศัพท์ขั้นพื้นฐานมาก ๆ ไม่ได้เกินความเข้าใจของคนเคยเรียนภาษาอังกฤษมา ยังอ้างว่าคุยกันเรื่องโรงปูนบ้าง เรื่องทองบ้าง ผมก็เคยบอกไปแล้วว่านั่นแค่ส่วนนอกเรื่องน้อยนิดที่ปะปนมา แชตส่วนใหญ่คุยเรื่องการคุมงาน Allure ทั้งนั้น พอมารอบนี้มีอ้างเพิ่มเติมด้วยว่าตำรวจไปตัดต่อแชตเก่า ๆ ของตนเพื่อมาใส่ร้าย ผมว่าก็รอติดตามในคดีต่อไปแล้วกันว่ามันจะใช่อย่างที่ท่านอ้างไหม

ส่วนที่กล่าวหาว่าเอาเรื่องหลายเดือนก่อนมาพูดตอนนี้เพราะเป็นขบวนการหวังผลการเมือง พยายามโยงมาถึงพรรคที่ผมสังกัด ก็ต้องย้ำอีกครั้งว่าผมตั้งใจเอาเรื่องนี้มาพูดในวาระอภิปรายทั่วไปเพราะเห็นว่าเป็นเรื่องสำคัญ ซึ่งตัวผมไม่มีอำนาจอะไรเลยที่จะไปกำหนดได้ว่าจะอภิปรายกันเมื่อไหร่ ทีแรกยังเคยนึกว่าจะมีในช่วงเดือนธันวาคม 2565 ด้วยซ้ำ อีกอย่างคือเรื่องนี้ก็ต้องใช้เวลาเตรียมข้อมูลด้วย ไม่ใช่ว่าเกิดเหตุ 2-3 แล้วจะให้รีบพูดเลยได้ และผมเชื่อว่าสังคมมีวิจารณญาณพอที่จะเห็นได้ว่าสิ่งที่ผมพูดนั้นเป็นแค่การป้ายสีเลื่อนลอย หรือเป็นข้อมูลที่น่าเชื่อถือกันแน่

‘โรม’ จวก!! กกต. ปมเว็บลงทะเบียนเลือกตั้งล่วงหน้าล่ม ซัด!! ควรขยายเวลาเพิ่ม ไม่ใช่ขอโทษแล้วเงียบหาย

(11 เม.ย.66) รังสิมันต์ โรม โฆษกพรรคก้าวไกล ทวงถามคำตอบจากคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) กรณีการขยายวันลงทะเบียนเลือกตั้งล่วงหน้า นอกเขต และนอกราชอาณาจักร ที่พรรคก้าวไกลเสนอให้เพิ่มไปจนถึงช่วงวันสงกรานต์ ว่า กกต.ต้องมีคำตอบเรื่องนี้ ไม่ใช่แค่ออกมาพูดขอโทษแบบส่ง ๆ แต่ไม่สามารถให้ความชัดเจนได้ว่าสุดท้ายจะดำเนินการอย่างไร เพราะเรื่องนี้ไม่ใช่ความผิดของประชาชน กกต. มีหน้าที่ทำให้เว็บไซต์ลงทะเบียนใช้งานได้ตามเวลาที่ขีดเส้นไว้ การอ้างว่าเว็บไซต์ล่มเพราะมีประชาชนเข้าใช้งานจำนวนมากพร้อมกัน เป็นเหตุผลที่รับฟังไม่ได้ ในเมื่อ กกต. ควรคาดการณ์เหตุการณ์นี้ได้อยู่แล้ว มีทั้งงบประมาณเป็นพันล้านจากภาษี มีทั้งเวลาเตรียมการทำงาน ทำไมยังปล่อยให้เรื่องแบบนี้เกิดขึ้น

ถึงที่สุด หาก กกต. ยังไม่มีคำตอบ คงต้องเตือนว่าระวังจะโดนประชาชนฟ้องร้อง เนื่องจากรัฐธรรมนูญ มาตรา 50 กำหนดให้การเลือกตั้งเป็นหน้าที่ของคนไทย การที่ประชาชนคนหนึ่งไม่สามารถไปใช้สิทธิได้ ทั้งที่เขาไม่ได้ต้องการอย่างนั้น จะทำให้เขาถูกตัดสิทธิหลายข้อเป็นเวลาถึง 2 ปี ตามที่ระบุใน พ.ร.ป.เลือกตั้ง ส.ส. มาตรา 35 เช่น ไม่มีสิทธิร่วมลงชื่อยื่นคำร้องคัดค้านการเลือกตั้ง ส.ส., ไม่มีสิทธิรับสมัครเป็น ส.ส. หรือสมาชิกสภาท้องถิ่น หรือผู้บริหารท้องถิ่น หรือ ส.ว., ขาดคุณสมบัติที่จะดำรงตำแหน่งข้าราชการการเมือง นายก อบจ. ที่ปรึกษาผู้บริหารท้องถิ่น และทุกตำแหน่งที่ผ่านการเลือกตั้ง

“มันใช่เรื่องหรือไม่ ที่ประชาชนต้องถูกจำกัดสิทธิทั้งที่เขาไม่ได้ทำผิดอะไร เขาต้องการไปเลือกตั้ง แต่หน่วยงานจัดการเลือกตั้งกลับไม่สามารถอำนวยความสะดวกให้เขาได้ ทั้งที่เป็นภารกิจหลักขององค์กร หาก กกต. ยังทำหน้าที่ไม่คุ้มค่าเงินภาษีแบบนี้ อาจถูกประชาชนฟ้องร้อง ดังนั้นรีบออกมาให้คำตอบดีกว่า ว่าจะขยายวันลงทะเบียนเลือกตั้งล่วงหน้า หรือมีมาตรการอย่างไรเพื่อรักษาสิทธิของประชาชน ไม่ให้ต้องรับผลกระทบจากเหตุที่มาจากความผิดพลาดของ กกต. เอง” รังสิมันต์กล่าว

‘โรม’ ชี้ คุมตัว ‘แฮกเกอร์ 9near’ ผิดสังเกตหลายจุด จี้ สธ. ออกมาชี้แจง สร้างความเชื่อมั่นให้ประชาชน

(12 เม.ย.66) รังสิมันต์ โรม โฆษกพรรคก้าวไกล กล่าวถึงกรณีการควบคุมตัว จ่าสิบโทเขมรัฐ บุญช่วย หรือแฮกเกอร์ 9near ผู้ต้องหาฐานความผิดตาม พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ จากการโพสต์ขายข้อมูลที่อ้างว่าเป็นข้อมูลส่วนตัวของคนไทยกว่า 55 ล้านรายการว่า ต้องยอมรับว่าเรื่องนี้มีความแปลกประหลาด แปลกที่หนึ่ง คือทั้งที่เจ้าหน้าที่รู้อยู่แล้วว่าใครเป็นแฮกเกอร์ ออกหมายจับตั้งแต่วันที่ 3 เมษายน 2556 ปัจจุบันวันที่ 12 เมษายน 2566 ใช้เวลานานถึง 9 วันในการควบคุมตัว

“ค่อนข้างเชื่อว่าเรื่องนี้มีบางคนอยู่เบื้องหลัง อาจเป็นผู้บังคับบัญชา บุคคลระดับสูงในกองทัพ เป็นเหตุผลว่าทำไมการควบคุมตัวแฮกเกอร์คนนี้ ถึงเต็มไปด้วยความยากลำบาก” รังสิมันต์กล่าว

โฆษกพรรคก้าวไกลกล่าวต่อว่า แปลกที่สอง คือมีความพยายามปกป้องไม่ให้มีการเข้าถึงจ่าสิบโทคนดังกล่าว เห็นได้จากตอนควบคุมตัว สัญญะที่สื่อออกมาค่อนข้างชัดเจนว่าไม่ต้องการให้สื่อมวลชนซักถาม ราวกับจะกีดกันเพราะเกรงว่าแฮกเกอร์อาจซัดทอดไปยังผู้ที่เกี่ยวข้อง จึงขอเรียกร้องให้มีการขยายผลให้เกิดความชัดเจน อย่าให้จบแค่การควบคุมตัว เพราะหากสุดท้ายจับคนเบื้องหลังไม่ได้ ได้แค่คนตัวเล็กตัวน้อย ข้อมูลของประชาชนก็อาจหลุดได้อีก

“พรรคก้าวไกลเป็นห่วงเรื่องนี้ รวมถึงการจัดการข้อมูลที่หลุดออกมา จะทำอย่างไรให้แน่ใจได้ว่าไม่มีแบ็กอัป หรือสำรองไว้ที่ใดที่อาจทำให้ข้อมูลหลุด ให้มิจฉาชีพคนอื่นแสวงหารายได้หรือผลประโยชน์ ทำให้ประชาชนจำนวนมากอาจตกเป็นเหยื่อ” รังสิมันต์กล่าว

ทั้งนี้ ขอฝากไปถึงกระทรวงสาธารณสุข เงียบมากในเรื่องนี้ ทั้งที่ค่อนข้างชัดเจนแล้วว่าข้อมูลหลุดมาจากแอปหมอพร้อม ควรออกมาให้ความมั่นใจแก่ประชาชนหรือไม่ว่าจะทำอย่างไรไม่ให้เหตุการณ์แบบนี้เกิดขึ้นอีก

“ทำไมทหารยศจ่าสิบโทถึงสามารถแฮกได้ ถ้าไม่ได้เป็นเพราะจ่าสิบโทคนดังกล่าวเก่งมาก ก็เป็นไปได้ว่าระบบจัดการข้อมูลของรัฐอ่อนแอมาก หรือเป็นเพราะข้อมูลเหล่านี้ ฝ่ายความมั่นคงในกองทัพเข้าถึงได้อยู่แล้ว ดังนั้น ควรชี้แจงให้ประชาชนรู้สึกมั่นใจว่าการใช้เครื่องมือของรัฐมีความปลอดภัย ไม่ใช่ใครจะล้วงออกไปง่ายๆ” รังสิมันต์กล่าว

‘ก้าวไกล’ ลั่น!! นโยบายยกเลิกเกณฑ์ทหารมาแรง วอนขอเป็น รบ. จะ ‘ดันเร่งกระจายอำนาจ-สุราก้าวหน้า-ปฏิรูปที่ดิน’

‘โรม’ พบเครือข่ายก้าวไกลพังงา เผยนโยบายยกเลิกเกณฑ์ทหารมาแรง ขอโอกาสกาก้าวไกลเป็นรัฐบาล ดันกระจายอำนาจ-สุราก้าวหน้า-ปฏิรูปที่ดิน ให้งานและเงินอยู่ใกล้บ้าน การเมืองดี ปากท้องดี มีอนาคต

(15 เม.ย. 66) นายรังสิมันต์ โรม โฆษกพรรคก้าวไกล ร่วมกับ นายธีรุตม์ สันหวัง ผู้สมัคร ส.ส.พังงา เขต 1 พบปะทีมทำงานและเครือข่ายพรรคก้าวไกล ที่ศูนย์ประสานงานพรรคก้าวไกล ตำบลท้ายช้าง อำเภอเมือง จังหวัดพังงา โดยนายรังสิมันต์ได้รับฟังความคิดเห็น และข้อเสนอแนะจากผู้เข้าร่วมหลายคน เกี่ยวกับนโยบายของพรรคก้าวไกล หนึ่งในข้อข้องใจหลักคือ ข่าวปลอมที่ว่าพรรคก้าวไกลจะยกเลิกบำนาญข้าราชการ ซึ่งนายรังสิมันต์ยืนยันว่า พรรคก้าวไกลไม่มีนโยบายดังกล่าว และหากย้อนกลับไปฟังการอภิปรายของนายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ หัวหน้าพรรคก้าวไกล ก็จะพบว่าไม่มีการสื่อสารว่า จะตัดลดหรือยกเลิกบำนาญข้าราชการตั้งแต่ต้น

นายรังสิมันต์กล่าวต่อว่า นโยบายของพรรคก้าวไกลที่ดูจะได้รับความนิยมมากที่สุด คือนโยบายยกเลิกการเกณฑ์ทหารและการปฏิรูปกองทัพ ซึ่งจะเป็นการปลดล็อกประชากรคนหนุ่มนับแสนคนต่อปีให้สามารถออกไปทำงานและใช้ชีวิตตามที่ต้องการ ยิ่งในช่วงที่ประเทศไทยก้าวเข้าสู่สังคมสูงวัย (Aging Society) คนหนุ่มเหล่านี้ถือเป็นกำลังสำคัญของประเทศ พรรคก้าวไกลจึงเสนอยกเลิกเกณฑ์ทหาร เปลี่ยนเป็นระบบสมัครใจทั้งหมด ลดขนาดกองทัพ และเพิ่มการคุ้มครองสิทธิมนุษยชน สวัสดิการ และประสิทธิภาพของกำลังพล

‘โรม’ วอน!! ยุติธรรมไทยอย่าถอนชื่อลูกสาว ‘มินอ่องลาย’ จากคดีทุนมินลัต  พร้อมจี้ ‘รัฐบาลไทย’ ต้องเจรจาหาทางออกความรุนแรงในเมียนมา 

‘โรม’ จี้ อย่าให้มีล้มคดีค้ายาข้ามชาติ แทรกแซงกระบวนการยุติธรรมไทยให้ถอนชื่อลูกสาว ‘มินอ่องลาย’ จากคดีทุนมินลัต ชี้รัฐบาลไทยต้องฟื้นฟูบทบาทนำในเวทีอาเซียน เจรจาหาทางออกความรุนแรงในเมียนมา 

(17 เม.ย.66) ที่พรรคก้าวไกล นายรังสิมันต์ โรม โฆษกพรรคก้าวไกล แถลงข่าวประจำสัปดาห์ในหลายประเด็น เริ่มที่ประเด็นความรุนแรงที่เกิดขึ้นในประเทศเมียนมา ที่รัฐบาลเผด็จการทหาร ทำการปราบปรามฝ่ายต่อต้านและโจมตีเป้าหมายที่เป็นพลเรือน รายงานข่าวจากสื่อต่างประเทศ ระบุว่ามีผู้เสียชีวิตแล้วอย่างน้อย 171 คน ในจำนวนนี้เป็นผู้หญิง 24 คน และเด็ก 38 คน

นายรังสิมันต์กล่าวว่า พรรคก้าวไกลขอยืนยันจุดยืนว่าการใช้กำลังทางการทหารต่อพลเรือนเป็นสิ่งที่ยอมรับไม่ได้ในทุกกรณี และขอเรียกร้องให้รัฐบาลทหารเมียนมายุติการใช้ความรุนแรงกับพลเรือนทุกรูปแบบ พร้อมทั้งคืนประชาธิปไตยกลับสู่ประชาชนโดยเร็ว

พรรคก้าวไกลเห็นว่าท่าทีวางเฉยของรัฐบาลไทยในขณะนี้ เป็นการเพิกเฉยต่อมนุษยธรรมและไม่ช่วยทำให้สถานการณ์ดีขึ้น ประเทศไทยควรฟื้นฟูบทบาทนำในเวทีอาเซียนอีกครั้ง ด้วยการกลับมาเป็นผู้นำในการเจรจาด้านต่าง ๆ โดยเฉพาะการเจรจาสันติภาพ คืนประชาธิปไตยสู่ประเทศเมียนมาโดยยึดหลักการการสร้างเสถียรภาพอย่างสร้างสรรค์ (Constructive Stabilization) ตั้งเป้าหมายว่าจะยุติสงครามกลางเมืองและการเสียชีวิตของประชาชนโดยเร็ว ด้วยการใช้ความร่วมระหว่างอาเซียนและสหประชาชาติจัดการกับวิกฤติในประเทศเมียนมา และสนับสนุนการเปลี่ยนผ่านกลับมาเป็นประชาธิปไตย โดยเคารพเจตจำนงของประชาชนชาวเมียนมาในการแก้ไขปัญหาภายในประเทศ

นอกจากนี้ สิ่งที่รัฐบาลไทยต้องทำคือการปฏิบัติต่อผู้ลี้ภัยทางการเมืองด้วยความเคารพในศักดิ์ศรีความเป็นมนุษย์ ไม่ส่งตัวกลับไปยังประเทศต้นทาง ดังที่ประเทศไทยได้ส่งกลับ 3 ผู้ลี้ภัยจนมีรายงานว่าคนที่ถูกรัฐบาลไทยส่งกลับนี้ ถูกสังหารแล้วอย่างน้อย 1 ราย

นายรังสิมันต์ กล่าวต่อไปว่า การส่งกลับผู้ลี้ภัยทางการเมือง สะท้อนให้เห็นถึงความสัมพันธ์ที่แนบแน่นระหว่างเผด็จการทหารไทยและเผด็จการทหารเมียนมาร์ ซึ่งถูกตั้งคำถามว่าความสัมพันธ์นี้ต่อยอดกลายเป็นการอำนวยความสะดวกให้กับขบวนการค้ายาเสพติด ให้ทำธุรกิจค้ายาและฟอกเงินในประเทศไทยได้อย่างง่ายดาย เห็นได้จากกรณีที่ถูกตั้งคำถามว่ามินอ่องลาย พูดคุยกับทางการไทยให้ถอนชื่อลูกสาวจากคดีทุนมินลัตหรือไม่

ตามที่สำนักข่าว The Irrawaddy ของประเทศเมียนมา รายงานข่าวว่าพลเอกอาวุโส มินอ่องลาย หัวหน้าคณะรัฐประหารเมียนมา พยายามติดต่อเจรจากับทางการไทยเพื่อให้ถอนชื่อบุตรสาวของตัวเองออกจากคดีของทุนมินลัต ผู้ซึ่งถูกจับกุมดำเนินคดีในความผิดร้ายแรงเกี่ยวกับยาเสพติดและข้อหาฟอกเงิน และมีความเชื่อมโยงไปถึง นายอุปกิต ปาจรียางกูร สมาชิกวุฒิสภา ในคดีดังกล่าวไม่ได้มีชื่อลูกของมินอ่องลายร่วมเป็นจำเลย แต่ที่เข้ามาเกี่ยวข้องเพราะในการตรวจยึดทรัพย์สินของทุนมินลัตที่ถือครองอยู่ เจ้าหน้าที่พบว่ามีสมุดบัญชีธนาคารในไทยของลูกสาวมินอ่องลาย และหนังสือกรรมสิทธิ์และสัญญาซื้อขายคอนโดในไทยของลูกชายมินอ่องลาย รวมอยู่ด้วย ตนเข้าใจว่าตามรายงานข่าวข้างต้นน่าจะเป็นการเจรจาเพื่อให้ลูกของเผด็จการทหารเมียนมาหลุดพ้นจากกระบวนการตรงนี้

รัฐบาลไทยต้องสร้างความเป็นธรรมต่อเรื่องนี้ จะปล่อยให้รัฐบาลอื่นมาแทรกแซงกระบวนการยุติธรรมไม่ได้ ในเมื่อคดีของทุนมินลัตมีการตั้งข้อหาทั้งเรื่องยาเสพติดและการฟอกเงินไปแล้ว ทางการไทยย่อมมีอำนาจในการยึดหรืออายัดทรัพย์สินที่ต้องสงสัยว่าเกี่ยวเนื่องกับการกระทำความผิดได้ ทั้งตามประมวลกฎหมายยาเสพติด และตาม พ.ร.บ.ป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน และร้องต่อศาลเพื่อให้มีคำสั่งริบทรัพย์สินนั้นหรือให้ทรัพย์สินนั้นตกเป็นของแผ่นดินต่อไป ซึ่งหน่วยงานสำคัญที่มีอำนาจหน้าที่เหล่านี้ก็คือ ป.ป.ส. และ ปปง. ทว่าตลอดที่ผ่านมาหลายเดือนก็ยังไม่เห็นว่าทั้ง 2 หน่วยงานจะดำเนินการอะไรกับทรัพย์สินของลูก ๆ มินอ่องลายอย่างจริงจังเสียที

“ไม่แน่ใจว่าท้ายที่สุด หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ได้ทำหน้าที่ของตัวเองหรือเปล่า หรือปล่อยให้คืนทรัพย์สินไปยังมินอ่องลาย เราจะถูกตั้งคำถามจากนานาชาติมากยิ่งขึ้น ว่ารัฐบาลไทยมีส่วนได้เสียกับขบวนการค้ายาเสพติดและความรุนแรงที่เกิดขึ้นในเมียนมาหรือไม่ จากความสัมพันธ์ที่ใกล้ชิดดังกล่าว” นายรังสิมันต์ กล่าว

‘โรม’ โต้!! วาทกรรม ‘เลือกตั้งอย่างมียุทธศาสตร์’ ไม่มีจริง วอนประชาชนใช้สิทธิ์อย่างมีความหวัง - ไร้ความกลัว

เมื่อวานนี้ (23 เม.ย.66) นายรังสิมันต์ โรม ผู้สมัคร ส.ส.บัญชีรายชื่อและโฆษกพรรคก้าวไกล โพสต์คลิปวิดีโอลงแอปพลิเคชัน Tiktok ส่วนตัว ชี้แจงกรณีข่าวลือที่ส่งต่อกันว่า การเลือกตั้งครั้งนี้ให้เลือกอย่างมียุทธศาสตร์ จนเกิดวาทกรรมต่างๆ เช่น เลือกก้าวไกลได้ประยุทธ์

นายรังสิมันต์ กล่าวว่า มีคนสอบถามเข้ามาจำนวนมากว่าการเลือกตั้งในวันที่ 14 พฤษภาคมนี้ ควรจะเลือกแบบมียุทธศาสตร์หรือไม่ เพราะกลัวว่าหากฝั่งประชาธิปไตยแพ้ สุดท้ายฝั่งตรงข้ามที่เป็นขั้วอำนาจเดิม จะกลับมามีอำนาจอีก ก่อนอื่นตนต้องบอกก่อนว่า การเลือกตั้งอย่างมียุทธศาสตร์ที่ใช้กัน เอาเข้าจริงแล้วเป็นการเลือกตั้งที่เป็นประชาธิปไตยจริงหรือไม่ 

ในครั้งหนึ่งของการเลือกตั้งผู้ว่าฯ กทม. มีคำพูดว่า “ไม่เลือกเราเขามาแน่” สิ่งที่เกิดขึ้นทำให้สังคมอยู่ภายใต้ความกลัว และท้ายที่สุดการเลือกตั้งครั้งนั้น โดยส่วนตัวคิดว่าไม่สามารถสะท้อนถึงความต้องการของประชาชนที่อยากจะเห็นการเปลี่ยนแปลง ดังนั้นการเลือกตั้งที่ดีคือ “การเลือกตั้งอย่างมีความหวัง” ที่มีความฝันอยากให้เป็นไปได้

หากเราย้อนกลับไปตอนปี 2562 การเลือกตั้งของพรรคอนาคตใหม่ ไม่มีใครรู้ว่าสุดท้ายพรรคอนาคตใหม่จะชนะได้กี่เขตเลือกตั้ง ซึ่งสุดท้ายพรรคที่ไม่มีประสบการณ์อย่างอนาคตใหม่ ก็สามารถชนะเลือกตั้งได้กว่า 30 เขต สิ่งที่ตนอยากจะเสนอกับทุกคนคือมันไม่มีการเลือกตั้งอย่างมียุทธศาสตร์ มีแต่การเลือกตั้งที่อยากจะเห็นว่าใครเป็นตัวแทน อยากได้รัฐบาลแบบไหน ซึ่งการเลือกตั้งที่ดีควรจะเป็นแบบนี้

สุดท้าย หากอยากนำเสนอกันเรื่องการเลือกตั้งอย่างมียุทธศาสตร์ ตนอยากจะบอกว่า ยุทธศาสตร์ที่หวังจะเห็นคือ ประเทศไทยต่อไปข้างหน้าควรจะเป็นอย่างไร อนาคตควรจะเป็นแบบไหน เพราะหากสุดท้ายยังเป็นแบบเดิม คนไทยจะได้อะไร ดังนั้น 14 พฤษภาคม ขอให้กาก้าวไกลทั้งสองใบ อย่าให้ใครมาสร้างความกลัว

‘โรม’ โดนชาวบ้านชูป้ายขับไล่-เปิดเพลง ‘หนักแผ่นดิน’ ใส่ ขณะ ‘ก้าวไกล’ กำลังเดินสายหาเสียงที่ จ.สระแก้ว

เมื่อวันที่ 26 เม.ย. 66 ที่ผ่านมา ผู้สื่อข่าวรายงานว่า นายรังสิมันต์ โรม โฆษกพรรคก้าวไกล (ก.ก.) ลงพื้นที่ อำเภออรัญประเทศ เพื่อช่วย นายปรมินทร์ จันทรกาล ผู้สมัคร ส.ส.พรรคก้าวไกล เขต 3 หาเสียง โดยเริ่มต้นจากลานสยามมินทร์ไปตามถนนสายต่าง ๆ ภายในเทศบาลเมืองอรัญประเทศ

ขณะทีมหาเสียงพรรคก้าวไกลตระเวนไปตามถนนได้มีกลุ่มผู้เห็นต่างใช้รถตู้ติดตั้งเครื่องขยายเสียงเปิดเพลง ‘หนักแผ่นดิน’ ใส่ พร้อมยืนขับไล่และขี่รถจักรยานยนต์ถือป้ายขับไล่ไปทุกเส้นทางที่ทีมงานพรรคก้าวไกลเดินทางไป แต่ไม่มีการตอบโต้ใด ๆ กลับไปจากพรรคก้าวไกล

จากนั้นกลุ่มหาเสียงของพรรคก้าวไกลเดินทางต่อไปช่วยผู้สมัครเขต 2 หาเสียงต่อไป


TRENDING
© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top