‘โรม’ เปิดตัวหนังสือ ‘เรียนประชาชนที่เคารพ’ หวังปลุก ส.ส.กล้าเปิดโปงความผิดในสังคม

รังสิมันต์ โรม ส.ส.พรรคก้าวไกล เผยชีวิต ความคิด และเรื่องราวการต่อสู้ทางการเมืองตลอดช่วงที่ผ่านมา จากนักกิจกรรมสู่สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร (ส.ส.) พร้อมเปิดตัวหนังสือ ‘เรียนประชาชนที่เคารพ’ รวมบทอภิปรายไม่ไว้วางใจ กรณีตั๋วช้างและป่ารอยต่อ ที่อยากชี้ให้เห็นใจกลางของปัญหา หวังนักการเมืองทุกคนมีความกล้า ร่วมเปิดโปงความผิดปกติของสังคมไทยอย่างไม่ต้องกลัว เพราะประชาชนจะยืนเคียงข้างไปด้วยกัน

รังสิมันต์ กล่าวว่า ชื่อหนังสือเรียนประชาชนที่เคารพ เป็นความตั้งใจที่จะสื่อสารกับประชาชน เพราะหนังสือเล่มนี้เป็นรวมบทอภิปรายไม่ไว้วางใจกรณีป่ารอยต่อและกรณีตั๋วช้าง โดยกรณีแรกต้องอภิปรายนอกสภา กรณีหลังอภิปรายไม่จบ ดังนั้น การตั้งชื่อจึงสื่อถึงการพูดกับประชาชนโดยตรง เปิดโปงให้ประชาชนได้รับรู้ เมื่อรู้แล้วจะทำให้เกิดความเปลี่ยนแปลง และจะทำให้สังคมไทยไม่กลับไปสู่จุดนั้นอีก ทั้งนี้ สิ่งที่ทำให้กล้าอภิปรายเรื่องป่ารอยต่อ เรื่องตั๋วช้าง มาจากความคิดว่า อยากทำให้ประเทศนี้เปลี่ยนแปลง 

ดังนั้น ถ้าเราไม่เริ่มพูดถึงสิ่งที่เป็นปัญหา ประเทศเราจะเปลี่ยนแปลงได้อย่างไร กรณีอย่าง ส่วย การรีดไถของตำรวจ ถามใครๆ ก็รู้ เพียงแต่เรามองไม่เห็นภาพใหญ่ สิ่งที่ตัวเองพยายามทำคือ ทำให้ทุกคนเห็นรากของปัญหา ซึ่งในอดีตเราพูดถึงกันมาตลอดว่า ปัญหาของประเทศไทยอยู่ที่นักการเมือง ซึ่งก็ไม่ผิด แต่ปัญหาประเทศไทยแก้แค่นักการเมืองคงไม่ได้ ยังมีเรื่องระบบต่างๆ ที่ใหญ่กว่านั้นอีกมาก สิ่งที่เราทำคือสร้างความเข้าใจให้กับประชาชน ว่าปัญหาที่แท้จริงคืออะไร และเมื่อวันหนึ่งที่เรามีนโยบายในการแก้ปัญหา ประชาชนทุกคนจะมาร่วมกัน เพราะพวกเราทำคนเดียวไม่ได้ ภารกิจของเรามันเสี่ยงมาก ถ้าเดินคนเดียวก็คงเดินได้ไม่กี่ก้าว ดังนั้น ทุกคนต้องมาช่วยกัน

"หลังการอภิปรายไม่ไว้วางใจ ผมก็คิดไว้เหมือนกันว่าตัวเองอาจโดนคดีความ ซึ่งก็โดนจริงๆ หรือบางทีก็มีเพื่อน ส.ส.ในสภามาเตือนว่าให้ระวังตัว อย่าไปไหนมาไหนคนเดียว ซึ่งก็ทำให้เราคิดว่า ถ้า ส.ส.อยู่ในภาวะความกลัวแบบนี้ เราจะใช้วิธีการตามระบบเปลี่ยนแปลงบ้านเมืองได้อย่างไร แต่อย่างไรก็ตาม ต้องขอบคุณพี่น้องประชาชนที่ลุกขึ้นมาสู้ ทำให้นักการเมืองกล้ามากขึ้น ทั้งๆ ที่จริงๆ สิ่งที่ควรจะเป็นคือ นักการเมืองต้องกล้ามากกว่าประชาชน เพราะนักการเมืองมีเอกสิทธิ์ มีเครื่องไม้เครื่องมือปกป้องมากกว่า 

ดังนั้น สิ่งที่ผมพยายามจะทำอีกทางหนึ่งคือ ทำให้เป็นตัวอย่างกับเพื่อนๆ ส.ส. ให้ทุกคนได้มีความกล้าที่จะพูด เปิดโปงความผิดปกติ และเมื่อเราทำในสิ่งที่เป็นประโยชน์กับประชาชน แล้วประชาชนจะอยู่ข้างเรา ทุกคนจะช่วยกัน ทุกคนจะรอวันดีเดย์ วันที่เราจะช่วยกันเปลี่ยนแปลงสังคมนี้ให้แตกต่างจากที่เราเคยอยู่กันมา" รังสิมันต์ กล่าว