Friday, 19 April 2024
พรรคประชาธิปัตย์

‘จุรินทร์’ ยันให้เกียรตินายกฯ และทุกพรรคร่วมรัฐบาล เชื่อนายกฯ คลี่คลายปัญหาให้เรียบร้อย

ที่ทำเนียบรัฐบาล นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ รองนายกรัฐมนตรี, รมว.พาณิชย์ และหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ ให้สัมภาษณ์ก่อนการประชุมคณะรัฐมนตรี ถึงการที่นายกรัฐมนตรีมอบให้พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี กำกับดูแล 4 กรมของกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ที่เคยอยู่ในการดูแลของ ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า อดีตรมช.เกษตรฯ ว่า ตนไม่ขอพูดอะไรถึงเรื่องนี้เพิ่มเติม เพราะทุกอย่างเหมือนกับที่เคยพูดไปในเรื่องความเห็น อย่างไรก็ตาม นายกรัฐมนตรีได้รับทราบเรื่องนี้แล้ว ตนเชื่อว่าทุกอย่างจะออกมาด้วยดี

เมื่อถามว่านายกรัฐมนตรีจะเปลี่ยนให้ทั้ง 4 กลุ่มดังกล่าวมาอยู่ในการดูแลของ รัฐมนตรีของพรรคประชาธิปัตย์หรือไม่? นายจุรินทร์ กล่าวว่า เรื่องนี้ต้องถามนายกรัฐมนตรี แต่อย่างน้อยที่สุด ตนได้สื่อสารถึงนายกฯ แล้ว และท่านได้รับทราบ ทั้งนี้ส่วนตัวตนเชื่อว่าทุกอย่างจะออกมาด้วยดี พรรคประชาธิปัตย์ให้เกียรตินายกรัฐมนตรีในฐานะพรรคร่วมรัฐบาล และให้เกียรติทุกพรรคที่ร่วมรัฐบาล เพราะเราเข้าใจดีถึงวัฒนธรรมของพรรคการเมืองในการทำงานร่วมกัน ในรูปแบบรัฐสภาและรัฐบาลผสม  ดังนั้นให้นายกรัฐมนตรีเป็นผู้คลี่คลายปัญหาที่เกิดขึ้น  ส่วนจะเป็นการออกคำสั่งใหม่หรือไม่นั้น ตนไม่ทราบ ขอให้ไปถามนายกรัฐมนตรี เพราะตนได้สื่อสารให้ท่านทราบแล้ว

 

“ประชาธิปัตย์” ขอบคุณประชาชนหลัง 2 โพลดังฟันธง! “จุรินทร์” ขึ้นแท่นชิงนายกฯ “อลงกรณ์” ชี้! ผลโพลเป็นกำลังใจ แต่หนทางอีกไกล เร่งทำงานหนักสร้างศรัทธาต่อไป เผยประชุมใหญ่เตรียมประกาศยุทธศาสตร์ ปชป.เพื่อประชาชน

นายอลงกรณ์ พลบุตร รองหัวหน้าพรรคและประธานคณะกรรมการขับเคลื่อนยุทธศาสตร์พรรคประชาธิปัตย์ให้สัมภาษณ์สื่อมวลชนวันนี้ (17ต.ค.)ว่า จากการที่สำนักวิจัยซูเปอร์โพล(Super Poll)และศูนย์นวัตกรรมดิจิทัล วิทยาลัยนวัตกรรมและการจัดการ มหาวิทยาลัยราชภัฏสวนสุนันทา(IRDC POLL)เผยแพร่ผลสารวจความคิดเห็นของประชาชนทั่วประเทศล่าสุดปรากฎผลสำรวจบุคคลที่เหมาะสมเป็นแคนดิเดตนายกรัฐมนตรีตรงกันทั้ง2สำนักว่า นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ ได้รับการสนับสนุนเป็นอันดับ 2 และเป็นบุคคลที่จะสามารถแก้ไขปัญหาเศรษฐกิจของประเทศได้ดีที่สุดเป็นอันดับ 1

“พรรคประชาธิปัตย์ต้องขอขอบคุณพี่น้องประชาชนทุกภาคทั่วประเทศที่มอบความไว้วางใจและให้การสนับสนุนหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์เพิ่มขึ้นอย่างมีนัยยะสำคัญถือเป็นกำลังใจที่มีคุณค่าอย่างยิ่ง แต่หนทางของพรรคยังอีกยาวไกล ประชาธิปัตย์ทั้ง 3 กลไกคือรัฐมนตรี-สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรและสมาชิกพรรคทุกคนต้องเร่งทำงานทุ่มเททุกหยาดเหงื่อเพื่อประชาชนสร้างศรัทธาต่อไป”

นายอลงกรณ์ ยังเปิดเผยด้วยว่า ในการประชุมใหญ่พรรคเดือนหน้าจะมีการประกาศยุทธศาสตร์ประชาธิปัตย์เพื่อประชาชนภายใต้การนำพรรคของนายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ หัวหน้าพรรคและ ดร.เฉลิมชัย ศรีอ่อน เลขาธิการพรรค ก่อนหน้านี้สำนักวิจัยซูเปอร์โพล(Super Poll)รายงานว่า ประชาชนส่วนใหญ่หรือร้อยละ 59.3 ระบุ นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์  เพราะมีอุดมการณ์ ขยันทุ่มเททำงานแก้ปัญหาเดือดร้อนของประชาชน มีประสบการณ์การเมืองมายาวนาน เชื่อมประสานทุกฝ่ายฝ่าวิกฤตต่าง ๆ ได้ไม่มีประวัติด่างพร้อย จงรักภักดีต่อสถาบันหลักของชาติ จุดยืนมั่นคงกับพรรคประชาธิปัตย์ ไม่พบทุจริตคอร์รัปชั่น ไม่เอื้อผลประโยชน์แก่ครอบครัวและพวกพ้อง เป็นต้นเป็นรองเฉพาะพล.อ ประยุทธ์ จันทร์โอชาเท่านั้น

“อลงกรณ์” ชี้! ปชป.รีเทิร์น เพราะทุ่มเททำงานหนัก ทำได้ไว - ทำได้จริง หลังทราบผล มสธ.โพลระบุ “จุรินทร์” ขึ้นแท่นเบอร์ 1 เหมาะเป็นนายกฯคนต่อไป!! พร้อมเปิดตัวผู้ว่ากทม. และประกาศยุทธศาสตร์เดินหน้าลุยสนามใหญ่

นายอลงกรณ์ พลบุตร รองหัวหน้าพรรคและประธานคณะกรรมการขับเคลื่อนยุทธศาสตร์พรรคประชาธิปัตย์ให้สัมภาษณ์สื่อมวลชนวันนี้ (5 พ.ย. 64) หลังทราบผล มสธ.โพล ว่า ผลสำรวจของมสธ.โพล เป็นการสะท้อนถึงความคิดเห็นของประชาชนซึ่งต้องขอขอบคุณคนกรุงเทพมหานคร ที่มอบความไว้วางใจให้กับ นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ และขอขอบคุณศูนย์วิจัยและพัฒนาการสื่อสารการเมืองและสังคม มหาวิทยาลัยสุโขทัยธรรมาธิราชที่ได้สำรวจความคิดเห็นประชาชนในครั้งนี้ ตนมองว่า “มสธ.โพล” ไม่ใช่เป็นเพียงการสำรวจความนิยมเหมือนโพลอื่น ๆ ก่อนหน้านี้แต่เป็นการสำรวจความเชื่อมั่นที่มีต่อ นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ ในฐานะหัวหน้าพรรคและพรรคประชาธิปัตย์ว่าเหมาะสมจะเป็นนายกรัฐมนตรีและเป็นรัฐบาลในวันข้างหน้า ทั้งนี้ พิจารณาจากการตั้งคำถามสำรวจความเห็นประชาชนในหัวข้อต่าง ๆ

ตนมองว่า ประชาธิปัตย์มีโอกาสกลับมาเป็นพรรคในใจประชาชนอีกครั้งหนึ่ง ก็ด้วยผลงานจากการมุ่งมั่นทุ่มเททำงานหนักของทุกคนในพรรคในยุคอุดมการณ์ ทันสมัย ทำได้ไวทำได้จริงซึ่งทำงานเป็นทีมแบบอเวนเจอร์ และการมีจุดยืนที่มั่นคงในระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข

“ผลโพลเสมือนกำลังใจ เราจะทำงานหนักแก้ไขปัญหาให้ประเทศชาติและประชาชนต่อไป และเตรียมประกาศยุทธศาสตร์ประชาธิปัตย์เพื่อประชาชนในการประชุมใหญ่พรรควันที่ 18 ธันวาคม ที่จะถึงนี้เพื่อเตรียมความพร้อมสำหรับการเลือกตั้งครั้งหน้า

ส่วนการเปิดตัวผู้สมัครผู้ว่ากรุงเทพมหานครเมื่อไหร่นั้นคงอีกไม่นาน หัวหน้าพรรค และ ดร.เฉลิมชัย ศรีอ่อน เลขาธิการพรรค กำลังพิจารณาจังหวะเวลาที่เหมาะสม ขอให้อดใจรอ เป็นคนดีมีความรู้ความสามารถในการบริหาร มีวิสัยทัศน์ก้าวหน้า เหมาะกับยุคกทม.เมตะเวิร์ส (METAVERSE) แน่นอน นายอลงกรณ์ กล่าวในที่สุด

ก่อนหน้านี้ในวันเดียวกัน ศาสตราจารย์ ดร.วิทยาธร ท่อแก้ว ผู้อำนวยการศูนย์วิจัยและพัฒนาการสื่อสารการเมืองและสังคม มหาวิทยาลัยสุโขทัยธรรมาธิราช เปิดเผย ผลสํารวจความคิดเห็นของประชาชนในกรุงเทพมหานคร เกี่ยวกับ “ประชาชนในกรุงเทพมหานครต้องการผู้นําที่มีคุณลักษณะแบบใดเพื่อเป็นนายกรัฐมนตรีคนต่อไปและคุณลักษณะพรรคการเมืองแบบใดที่ผู้นําสังกัดหรือได้รับการเสนอชื่อเพื่อเป็นนายกรัฐมนตรีคนต่อไป” ดําเนินการสํารวจ ระหว่างวันที่ 28 ตุลาคม-2 พฤศจิกายน 2564 กลุ่มตัวอย่าง จํานวน 12,350 คน เป็นชาย 6,820 คน (55.22%) หญิง 5,530 คน (44.78%)

ผลการวิเคราะห์ข้อมูลจากการสํารวจครั้งนี้ ชี้ให้ว่า นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ ผู้นําจากพรรคประชาธิปัตย์ เป็นผู้ประชาชนในกรุงเทพมหานครประเมินว่าเหมาะสมที่จะเป็นนายกรัฐมนตรีคนต่อไป ในสถานการณ์ช่วงเวลา 4-5 ปี ข้างหน้านี้ เนื่องด้วยนายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ มีคุณลักษณะความเป็นผู้นําเฉพาะตัวเด่นชัดและมีคุณลักษณะพรรคการเมืองที่สังกัดเด่นชัด ตามรายละเอียดของผลการวิเคราะห์ข้อมูลต่อไปนี้

1. ประชาชนในกรุงเทพมหานครประเมินคุณลักษณะความเป็นผู้นําของผู้ที่จะเป็นนายกรัฐมนตรีคนต่อไป

1.1 ผลสรุปภาพรวมคุณลักษณะความเป็นผู้นําของผู้ที่จะเป็นนายกรัฐมนตรีคนต่อไป

จะเห็นได้ว่า นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ มีคะแนนโดยภาพรวมสูงสุด (54.24%) และรองลงมา คือ พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา (52.99%), คุณหญิงสุดารัตน์ เกยุราพันธุ์ (38.12%) ตามลําดับ ส่วนนางสาวพินทองทา ชินวัตร มีคะแนนน้อยที่สุด (8.87%)

1.2 ผลสรุปคุณลักษณะด้านที่ 1 คือ ความสามารถในการกอบกู้และแก้ปัญหาเศรษฐกิจของประเทศได้

จะเห็นได้ว่า นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ มีคะแนนสูงสุด (50.30%) รองลงมา คือ พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา (41.31%), นายกรณ์ จาติกวณิช (32.02%) ตามลําดับ และนางสาวพินทองทา ชินวัตร มีคะแนนน้อยที่สุด (9.20%)

1.3 ผลสรุปคุณลักษณะด้านที่ 2 คือ คุณลักษณะด้านความสามารถในการแก้ปัญหาปากท้องและชีวิตความเป็นอยู่ของประชาชนได้

เห็นได้ว่า นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ มีคะแนนสูงสุด (50.89%) รองลงมา คือ พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา (43.44%), นายกรณ์ จาติกวณิช (30.14%) ตามลําดับ ส่วนนางสาวพินทองทา ชินวัตร มีคะแนนน้อยที่สุด (7.72%)

1.4 ผลสรุปคุณลักษณะด้านที่ 3 คือ คุณลักษณะด้านการเป็นผู้ที่มีประสบการณ์การบริหารประเทศ มีผลงานโดดเด่น เป็นที่ประจักษ์มาแล้วทั้งในอดีตและปัจจุบัน

เห็นได้ว่า นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์มีคะแนนสูงสุด (59.53%) และรองลงมา คือ พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา (42.47%), คุณหญิงสุดารัตน์ เกยุราพันธุ์ (33.40%) ตามลําดับ ส่วนนางสาวพินทองทา ชินวัตร มีคะแนนน้อยที่สุด (6.09%)

1.5 ผลสรุปคุณลักษณะด้านที่ 4 คือ คุณลักษณะด้านการเป็นผู้ที่รอบรู้ รอบคอบ ทุ่มเท ขยัน และรู้กลไกการผลักดันงานหรือนโยบายให้สําเร็จได้

เห็นได้ว่า นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ มีคะแนนสูงสุด (63.58%) รองลงมา คือ พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา (58.72%), คุณหญิงสุดารัตน์ เกยุราพันธุ์ (42.20%) ตามลําดับ ส่วนนางสาวพินทองทา ชินวัตร มีคะแนนน้อยที่สุด (6.36%)

1.6 ผลสรุปคุณลักษณะด้านที่ 5 คือ คุณลักษณะด้านการเป็นผู้ที่อ่อนน้อม ปรองดอง เข้าถึงง่าย ทํางานกับทุกฝ่ายได้

เห็นได้ว่า นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์มีคะแนนสูงสุด (55.51%) รองลงมา คือ พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา (52.83%), นายอนุทิน ชาญวีรกูล (47.40%) ตามลําดับ ส่วนนางสาวพินทองทา ชินวัตร มีคะแนนน้อยที่สุด (12.81%)

1.7 ผลสรุปคุณลักษณะด้านที่ 6 คือ คุณลักษณะด้านการเป็นผู้ที่มีความซื่อสัตย์ สุจริต ไม่เล่นพรรคเล่นพวก

เห็นได้ว่า นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์มีคะแนนสูงสุด (64.72%) รองลงมา คือ พลตํารวจเอกเสรีพิศุทธ์ เตมียเวส (58.74%), พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา (54.13%) ตามลําดับ ส่วนนางสาวพินทองทา ชินวัตร มีคะแนนน้อยที่สุด (9.60%)

1.8 ผลสรุปคุณลักษณะด้านที่ 7 คือ คุณลักษณะด้านการเป็นผู้ที่รักษาสถาบันชาติ ศาสนา และพระมหากษัตริย์

เห็นได้ว่า พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา มีคะแนนสูงสุด (62.01%) และรองลงมา คือ นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ (60.12%), คุณหญิงสุดารัตน์ เกยุราพันธุ์ (57.96%) ตามลําดับ ส่วนนางสาวพินทองทา ชินวัตร มีคะแนนน้อยที่สุด (16.34%)

1.9 ผลสรุปคุณลักษณะด้านที่ 8 คือ คุณลักษณะด้านการเป็นผู้ควบคุมกํากับความมั่นคงทางการทหารและตํารวจ

เห็นได้ว่า พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา มีคะแนนสูงสุด (68.99%) และรองลงมา คือ พลตํารวจเอกเสรีพิศุทธ์ เตมียเวส (60.92%) นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ (60.12%) ตามลําดับ ส่วนนางสาวพินทองทา ชินวัตร มีคะแนนน้อย

ที่สุด (2.85%)

2. ประชาชนในกรุงเทพมหานครประเมินคุณลักษณะพรรคการเมืองที่ผู้นําสังกัด หรือ อาจจะเป็นผู้ได้รับเสนอชื่อให้เป็นนายกรัฐมนตรีคนต่อไป

2.1 ผลสรุปภาพรวมคุณลักษณะพรรคการเมืองที่ผู้นําสังกัด หรือ อาจจะเป็นผู้ที่ได้รับการเสนอชื่อ ให้เป็นนายกรัฐมนตรีคนต่อไป

เห็นได้ว่า นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ ผู้นําจากพรรคประชาธิปัตย์ มีคะแนนรวมสูงสุด (58.15%) และรองลงมา คือ พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา ผู้นําจากพรรคพลังประชารัฐ (45.59%), นายอนุทิน ชาญวีรกูล ผู้นําจากพรรคภูมิใจไทย, (40.74%) ตามลําดับ ส่วนนางสาวพินทองทา ชินวัตร ผู้นําจากพรรคเพื่อไทย มีคะแนนน้อยที่สุด (31.44%)

2.2 ผลสรุปคุณลักษณะพรรคการเมือง ด้านที่ 1 ยึดมั่นในอุดมการณ์ประชาธิปไตยและระบบรัฐสภา

เห็นได้ว่า นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ ผู้นําจากพรรคประชาธิปัตย์ มีคะแนนสูงสุด (62.01%) และรองลงมา คือ นายอนุทิน ชาญวีรกูล ผู้นําจากพรรคภูมิใจไทย (54.20%), ตามลําดับ ส่วนนางสาว พินทองทา ชินวัตร ผู้นําจากพรรคเพื่อไทย มีคะแนนน้อยที่สุด (26.28%)

2.3 ผลสรุปคุณลักษณะพรรคการเมือง ด้านที่ 2 มีกลไกการทํางานที่เป็นระบบ เป็นพรรคการเมืองของประชาชน ไม่เป็นพรรคของใครคนใดคนหนึ่ง หรือ คณะบุคคล หรือ นายทุน

เห็นได้ว่า นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ ผู้นําจากพรรคประชาธิปัตย์ มีคะแนนสูงสุด (58.74%) และรองลงมา คือ พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา ผู้นําจากพรรคพลังประชารัฐ (45.93%), นายกรณ์ จาติกวณิช ผู้นําจากพรรคกล้า (42.63%) ตามลําดับ ส่วนนางสาวพินทองทา ชินวัตร มีคะแนนน้อยที่สุด (23.46%)

 

‘อลงกรณ์’ ปลื้ม ผลงานประกันรายได้ชาวนา ดันเงินหมุนเวียนนับล้านล้านบาท 

นายอลงกรณ์ พลบุตร รองหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์และประธานคณะกรรมการขับเคลื่อนยุทธศาสตร์พรรคในฐานะที่ปรึกษารัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ กล่าวว่า โครงการประกันรายได้เกษตรกรผู้ปลูกข้าวเป็น 1 ใน 5 พืชเศรษฐกิจหลัก ภายใต้นโยบายประกันรายได้เกษตรกร ได้แก่ ข้าว, มันสำปะหลัง, ยางพารา, ปาล์ม, น้ำมัน และข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ “ไม่ใช่ภาระแต่เป็นธุระของรัฐบาล” ในการบริหารนโยบายให้สำเร็จตามที่แถลงต่อรัฐสภา ซึ่งเป็นโครงการที่เกษตรกรพึงพอใจมากที่สุดโครงการหนึ่งของรัฐบาล

เพราะสามารถสร้างหลักประกันรายได้ (Universal basic income) จากการประกอบอาชีพเกษตรกรรมในช่วงที่เกิดความผันผวนของราคาผลผลิตทางการเกษตร จากผลกระทบของการแพร่ระบาดโควิด-19 ที่ทำให้เศรษฐกิจวิกฤตไปทั่วโลก ซึ่งนี่ถือเป็นนโยบายเรือธง (Flagship policy) ของพรรคประชาธิปัตย์และรัฐบาล

สำหรับโครงการประกันรายได้ชาวนาเป็นส่วนหนึ่งของวิสัยทัศน์แห่งอนาคตในช่วงเปลี่ยนผ่าน (Transition period) ของการปฏิรูปภาคเกษตรเพื่อสร้างศักยภาพใหม่ของประเทศภายใต้ยุทธศาสตร์ข้าว 5 ปี (2563-2567) ที่เริ่มมาแล้วตั้งแต่ปี 2563 ขับเคลื่อนด้วย 4 ยุทธศาสตร์ ตั้งแต่… 

‘ต้นน้ำ’ การผลิตมุ่งเพิ่มประสิทธิภาพลดต้นทุนพัฒนาพันธ์ุสร้างมาตรฐานเชื่อมโยง 

‘กลางน้ำ’ การแปรรูปสร้างมูลค่าเพิ่ม 

และ ‘ปลายน้ำ’ การตลาดแบบออนไลน์/ออฟไลน์ ทั้งตลาดในและต่างประเทศตามโมเดลเกษตรผลิตพาณิชย์ตลาดภายใต้ยุทธศาสตร์ตลาดนำการผลิต

“โครงการนี้ได้ช่วยพัฒนาฐานะและชีวิตความเป็นอยู่ของเกษตรกรและครอบครัวเกือบ 30 ล้านคน ซึ่งเป็นภาคเศรษฐกิจที่มีแรงงานและการจ้างงานมากที่สุด อีกทั้งเป็นฐานรากสำคัญของประเทศ ทำให้สามารถรักษาการผลิตสินค้าเกษตรสร้างรายได้ในการส่งออกให้กับประเทศของเราจนเป็นอันดับต้นของสินค้าที่ส่งออกเพิ่มขึ้นทำให้เกิดเงินหมุนเวียนในระบบเศรษฐกิจกว่า 1 ล้านล้านบาทต่อปีในช่วง 2 ปีที่ผ่านมา (มองในมุมของการกระตุ้นเศรษฐกิจภายในประเทศและการนำรายได้เข้าประเทศ) ในขณะที่ภาคอุตสาหกรรมส่วนใหญ่และภาคบริการ เช่น การท่องเที่ยว มีตัวเลขการส่งออกที่ลดลง

“ประการสำคัญ คือ เงินประกันรายได้ที่เกษตรกรได้รับ เกิดจากการทำงานแบบหลังสู้ฟ้าหน้าสู้ดิน จากหยาดเหงื่อแรงกาย ไม่ใช่การแจกจ่ายแบบให้เปล่า (Free rider) จำนวนหลายแสนล้านบาทเหมือนโครงการอื่น ๆ ของรัฐ”

นายอลงกรณ์ กล่าวอีกว่า ภาคเกษตรในรัฐบาลปัจจุบันภายใต้การนำของ ดร.เฉลิมชัย ศรีอ่อน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์และ นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีพาณิชย์ กำลังนำภาคเกษตรกรรมเข้าสู่มิติใหม่โดยเฉพาะเกษตรอัจฉริยะแนวทางเกษตรแม่นยำ (Precision Agriculture) ที่ใช้บิ๊กดาตา (Big Data) และดิจิทัลเทคโนโลยี (Digital Technology) รวมถึงการทำเกษตรแปลงใหญ่ซึ่งพัฒนาขยายตัวเพิ่มขึ้นกว่า 5,000 แปลง รวมพื้นที่กว่า 6 ล้านไร่ ซึ่งส่งผลให้ต้นทุนการผลิตลดลงและสร้างความเข้มแข็งให้กับเกษตรกรรวมทั้งเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันให้กับภาคเกษตรและประเทศในระยะยาวอย่างยั่งยืน เน้นการบูรณาการความร่วมมือทำงานเชิงรุกกับทุกฝ่ายทั้งภาครัฐ ภาคเอกชน ภาควิชาการ และภาคเกษตรกร ด้วยการสร้างกลไกเชิงโครงสร้างและระบบเพื่อขับเคลื่อนด้วยแนวทางใหม่ ๆ ภายใต้ 5 ยุทธศาสตร์ปฏิรูปภาคเกษตร...

‘จุรินทร์’ ปัดตอบ ‘นิพิฏฐ์’ ซบ 4 กุมาร เหตุไม่ชอบก้าวล่วงพรรคอื่น

จุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ รองนายกรัฐมนตรี และรมว.พาณิชย์ ในฐานะหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวถึงกรณีที่นายนิพิฏฐ์ อินทรสมบัติ อดีตส.ส.พัทลุง และอดีตรองหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์เตรียมยื่นหนังสือลาออกจากพรรค ว่า เรื่องนี้นายนิพนธ์ บุญญามณี รมช.มหาดไทย รองหัวหน้าพรรค และรักษาการรองหัวหน้าพรรคที่ดูแลภาคใต้ ชี้แจงเรื่องนี้ไปแล้ว ยืนยันว่าพรรคให้ที่ยืนทุกคน

‘อลงกรณ์ พลบุตร’ ฝากถึงคน ปชป.!! ย้ายออกจากพรรค "อย่าถูกกลืน" ไปแล้วก็กลับมาได้ ถ้าอุดมการณ์ไม่เปลี่ยน

‘อลงกรณ์ พลบุตร’ รองหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ เขียนบทความอย่างน่าสนใจในเฟซบุ๊กส่วนตัว

“อย่าถูกกลืน”

รักและห่วงเพื่อนที่จากไปทุกคน

วันวานอ่านข่าวเห็นท่านชวนเตือนว่า “ไปแล้วให้รักษาอุดมการณ์ อย่าถูกกลืน”

ผมคิดว่าเป็นการฝากหลักการหลักคิดในการครองตนของคนประชาธิปัตย์ที่ออกจากพรรคไปอยู่ที่อื่น

ผมเป็นคนหนึ่งที่เคยออกจากพรรคไปเป็นสมาชิกสภาปฏิรูป

ตอนนั้นหมกมุ่นคิดฝันแต่เรื่องการปฏิรูปพรรคปฏิรูปประเทศ

ตั้งใจไปทำแผนปฏิรูปประเทศเหมือนสถาปนิกออกแบบพิมพ์เขียวเสร็จก็จบงาน

2 ปีกว่าที่อยู่ท่ามกลางอำนาจและโอกาสแถมมีตำแหน่งเป็นรองประธานสปท.คนที่.1

ลาภยศสรรเสริญกองอยู่ตรงหน้าถ้าเดินต่อบนเส้นทางนั่น

มันน่าถูกกลืนเหลือเกินถ้าคิดเห็นแก่ตัวเพื่อประโยชน์และอนาคตของตัวเอง

คำเชิญคำชวนมาทั้งก่อน และหลังพ้นตำแหน่ง

แต่ผมก็ตัดสินใจตอนนั้นว่าจะวางมือทางการเมืองเพื่อไม่ต้องเดินทางบนถนนการเมืองอีกหรือไม่ก็กลับบ้านหลังเก่าคือประชาธิปัตย์

ก็มีคำถามตามมาว่าทำไมถึงกลับประชาธิปัตย์

ผมบอกว่ามี 4 เหตุผลหลัก

1.ถ้าจะเดินต่อทางการเมืองไปอยู่พรรคใหม่ก็ต้องสู้กับพรรคประชาธิปัตย์

ผมทำไม่ได้ครับ ที่จะต้องรบราทำศึกกับพี่น้องของผม และประชาธิปัตย์เป็นสถาบันทางการเมืองที่ต้องรักษาไว้

2.เมื่อครั้งเดินทางเข้าพรรคสมัครเป็นสมาชิกลงเลือกตั้งที่เพชรบุรีปี 2535/1 บนเวทีปราศรัยที่สนามหน้าเขาวังมีท่านชวนหัวหน้าพรรคในขณะนั้นนั่งอยู่ด้วย ผมประกาศกับประชาชนคนเมืองเพชรว่า

ผมเกิดที่พรรคประชาธิปัตย์และจะตายที่พรรคประชาธิปัตย์ พรรคเดียว

3.ผมอยากกลับมาปฏิรูปพรรคประชาธิปัตย์ตามฝันที่คิดไว้ตอนเสนอปฏิรูปพรรคเมื่อปี2556

4.บ้านเมืองยังวิกฤติ ประชาธิปัตย์คือความหวังเพราะเป็นสถาบันการเมืองหลัก

แล้วผมก็กลับมาของานทำที่พรรคประชาธิปัตย์เหมือนเดิม

เลือกกลับมาทั้งที่ไม่รู้ว่าวันข้างหน้าจะเป็นอย่างไรและจะอยู่อย่างไรในปลายปี 2561

เพราะผมคงเป็นคนเดียวที่ทั้งก่อนจากไปและเมื่อกลับมาโดนดุด่าว่ากล่าวหนักหนาสาหัสมากจากพี่ๆน้อง ๆ ในพรรค

ถ้าคิดน้อยใจหรือไม่อดทนก็คงพกความแค้นติดตัวเตลิดไปแล้ว

เป็นประสบการณ์ครั้งหนึ่งในชีวิตบนทางแพร่งที่ต้องตัดสินใจของผม

ต้องเลือกระหว่างอนาคตของตัวเองหรืออนาคตของพรรค

เป็นการเลือกครั้งที่2เหมือนครั้งแรกที่ตัดสินใจมาสมัครเป็นสมาชิกพรรคประชาธิปัตย์เมื่อปี 2534

กว่า 20 ปี ที่ร่วมรบทำศึกในสนามเลือกตั้งแพ้บ้างชนะบ้าง และเมื่อพรรคมอบหน้าที่เป็นประธานตรวจสอบทุจริตก็โดนคดีอาญาร่วม 20 คดีโดนฟ้องทางแพ่งเป็นพันเป็นหมื่นล้าน ต่อสู้คดีมากว่า 10 ปี เรียกว่าบาดแผลเต็มตัวเต็มผืนหลัง

เขียนมาเพื่อถ่ายทอดประสบการณ์และเป็นอีกข้อคิดเตือนใจ

สำหรับชาวประชาธิปัตย์ทุกคนที่เมื่อถึงโมเมนต์ที่ต้องตัดสินใจ หรือถ้าไปแล้วก็กลับมาได้ ถ้าอุดมการณ์ไม่เปลี่ยนแปลงหรือถูกกลืนเสียก่อน ตามข้อตือนใจของท่านชวน

 

ชาวนา - ชาวสวนยางได้เฮ!! "จุรินทร์" คิกออฟจ่ายเงินประกันรายได้ "ข้าว-ยาง" พร้อมกันทั่วประเทศวันนี้!!

วันที่ 9 ธันวาคม 2564 นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ พร้อมด้วยนายบุณยฤทธิ์ กัลยาณมิตร ปลัดกระทรวงพาณิชย์ นางมัลลิกา บุญมีตระกูล มหาสุข ที่ปรึกษารัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ นายวัฒนศักย์ เสือเอี่ยม อธิบดีกรมการค้าภายใน นายกีรติ รัชโน อธิบดีกรมการค้าต่างประเทศ นายณกรณ์ ตรรกวิรพัท ผู้ว่าการยางแห่งประเทศไทย นางกุลฤดี พัฒนะอิ่ม รองอธิบดีกรมส่งเสริมการเกษตร ผู้บริหารกรมข้าว กระทรวงเกษตรและสหกรณ์  นายปราโมทย์ เจริญศิลป์ นายกสมาคมชาวนาและเกษตรกรไทย และผู้แทนธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธ.ก.ส.)แถลงข่าว จ่ายเงินประกันรายได้ ข้าว-ยาง ปี 3 ที่ห้องบุรฉัตรไชยากร ตึกสำนักงานปลัด กระทรวงพาณิชย์

นายจุรินทร์ กล่าวว่า วันนี้เป็นวันที่สำคัญสำหรับเกษตรกร โดยเฉพาะเกษตรกรผู้ปลูกข้าวกับผู้ปลูกยางพารา เนื่องจากมีนโยบายสำคัญคือนโยบายประกันรายได้เกษตรกรผู้ปลูกข้าว ยางพารา มันสำปะหลัง ปาล์มน้ำมันและข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ โดยดำเนินการมาแล้ว 2 ปี ปีนี้ถือว่าเป็นปีที่ 3

สำหรับประกันรายได้ข้าวกับยางนั้น รัฐบาลได้ค้างจ่ายเงินส่วนต่างที่จะต้องจ่ายให้กับเกษตรกร เพื่อชดเชยกับราคาตลาดที่ไม่ถึงรายได้ที่ประกัน สำหรับข้าวค้างจ่าย 5 งวด และยางค้างจ่าย 2 งวด แต่หลังจากท่านนายกรัฐมนตรีขยายเพดานตามพระราชบัญญัติวินัยการคลัง เมื่อวันที่ 24 พ.ย.2564  มีผลให้เพดานเพิ่มขึ้นจาก 30% เป็น 35% สามารถนำเงินที่มีอยู่มาจ่ายเงินส่วนต่างให้กับเกษตรกรผู้ปลูกข้าวกับยางพาราได้

สำหรับข้าว ปีที่ 3 เงินที่เกษตรกรจะได้รับ มี 3 ก้อน

>> ก้อนที่หนึ่ง เงินส่วนต่าง โดยงวดที่ 1-2 กับงวดที่ 3 บางส่วน ได้จ่ายให้กับเกษตรกรไปแล้ววงเงินประมาณ 13,000 ล้านบาท ส่วนงวดที่ 3 ที่เหลือ จะมาจ่ายให้ครบโดยเริ่มจ่ายวันนี้ (9 ธ.ค. 2564) โดยจ่ายงวดที่ค้างอยู่ 5 งวดพร้อมกัน คือ งวดที่ 3 บางส่วนและงวด 4-7 รวมเป็นเงิน 64,847 ล้านบาท

ส่วนงวดที่ 8 จะจ่ายวันที่ 14 ธ.ค.เป็นเงิน 3,720 ล้านบาท  และงวดที่ 9-33 จะทยอยจ่ายทุก 7 วันจนครบ โดยงวดสุดท้าย วันที่ 27 พ.ค. 2565   

เกษตรกรครัวเรือนที่ได้รับเงินส่วนต่างสูงสุดสำหรับผู้ปลูกข้าวหอมมะลิ สูงสุด 58,988 บาท  ข้าวหอมนอกพื้นที่สูงสุด 60,086 บาท ข้าวหอมปทุม สูงสุด 36,358 บาท ข้าวเปลือกจ้าว สูงสุด 67,603 บาท ข้าวเหนียว 71,465 บาท สามารถช่วยชาวนาได้ประมาณ 4.7 ล้านครัวเรือน

>> เงินก้อนที่สอง คือเงินในมาตรการคู่ขนานซึ่งเป็นเงินช่วยเหลือเฉพาะผู้ที่เข้าร่วมโครงการ เช่น เก็บข้าวไว้ในยุ้งฉางเป็นเวลา 5 เดือนเพื่อไม่ให้ข้าวออกสู่ตลาดมากจนเกินไป ช่วยตันละ 1,500 บาท หรือสหกรณ์เก็บไว้จะช่วยตันละ 1,500 บาท และช่วยเหลือดอกเบี้ย ถ้าสหกรณ์เก็บข้าว 12 เดือน ช่วยดอกเบี้ย 3% ถ้าโรงสี เก็บข้าว 6 เดือน จะช่วยดอกเบี้ย 3% เพื่อไม่ให้ข้าวออกสู่ตลาดมากเกินไปและไปกดราคาข้าวในตลาด

>> ก้อนที่สาม คือ ช่วยค่าบริหารจัดการหรือปรับปรุงคุณภาพข้าว ไร่ละ 1,000 บาท ไม่เกิน 20 ไร่ต่อครัวเรือน สูงสุดไม่เกิน 20,000 บาท โดยจ่ายวันที่ 13 ธ.ค. 2564 เป็นต้นไป เป็นเงิน 53,871 ล้านบาท ให้กับเกษตรกรผู้ปลูกข้าว 4.7 ล้านครัวเรือน

ส่วนชาวนาที่น้ำท่วมเสียหายจะได้เงินอีกก้อนหนึ่ง คือ เงินชดเชยความเสียหายจากอุทกภัยหรือภัยธรรมชาติ

โดยชาวนาที่ปลูกข้าวแล้วน้ำท่วม จะยังได้รับเงินส่วนต่างจากโครงการประกันรายได้ผู้ปลูกข้าว เพราะขอให้ปลูกจริง ไปขึ้นทะเบียนแม้พืชผลจะเสียหายเพราะภัยธรรมชาติจะยังได้รับเงินช่วยเหลือส่วนต่างเช่นกัน

สำหรับยางพาราจะเริ่มจ่ายงวดที่ 1-2 ในวันนี้ ( 9 ธ.ค. 2564) เช่นเดียวกัน โดยงวดที่ 1 วงเงินประมาณ 900 ล้านบาท งวดที่ 2 วงเงิน 540 ล้านบาท รวม 1,440 ล้านบาทโดยประมาณ และจะจ่ายงวดที่ 3-6 ทุกเดือนจนถึงเดือน เม.ย. 2565 โดยงวดที่ 3 จะเริ่มจ่ายวันที่ 7 ม.ค. 2565 วงเงิน 8,626 ล้านบาท  สำหรับยางพารามีเงินเตรียมไว้  10,065 ล้านบาท

โดยวงเงินสูงสุดที่ได้รับเฉพาะงวดที่ 1-2 ยางแผ่นดิบสูงสุด 3,835 บาทต่อครัวเรือนน้ำยางข้น 2,975 บาท และยางก้อนถ้วยจะไม่ได้รับเงินส่วนต่าง ที่ผ่านมายางราคาดีกว่าช่วงก่อน สำหรับน้ำยางข้น ประกันรายได้ที่กิโลกรัมละ 57 บาท ตอนนี้ราคาไปกิโลกรัมละ 60 บาทแล้ว ยางก้อนถ้วย ประกันที่กิโลกรัมละ 23 บาท ตอนนี้ 25-26 บาทแล้วภาคอีสานมากกว่าภาคใต้ 1 บาทเพราะอยู่ใกล้แหล่งการส่งออก ซึ่งยางก้อนถ้วยราคาสูงกว่ารายได้ที่ประกันมาเป็นปีแล้ว

 

‘อลงกรณ์’ โพสต์เฟซบุ๊กถึงชาวปชป. ออกจากพรรค ให้รักษาอุดมการณ์ อย่าถูกกลืน 

“อลงกรณ์” โพสต์เฟซบุ๊กถึงชาวปชป. อ้างคำพูดท่านชวน เตือน ‘ไปแล้วให้รักษาอุดมการณ์ อย่าถูกกลืน’ เผยอดีตเคยลาออกจากพรรคไปทำงานด้านปฏิรูปประเทศ แต่สุดท้ายก็กลับเข้ามาทำงานกับพรรคอีกครั้ง 

นายอลงกรณ์ พลบุตร รองหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ เขียนบทความสั้น ๆ ไว้อย่างน่าสนใจในเฟซบุ๊กส่วนตัว เมื่อวันที่ 7 ธ.ค. โดยระบุว่า

“อย่าถูกกลืน”
รักและห่วงเพื่อนที่จากไปทุกคน
วันวานอ่านข่าวเห็นท่านชวนเตือนว่า “ไปแล้วให้รักษาอุดมการณ์ อย่าถูกกลืน”
ผมคิดว่าเป็นการฝากหลักการหลักคิดในการครองตนของคนประชาธิปัตย์ที่ออกจากพรรคไปอยู่ที่อื่น 
ผมเป็นคนหนึ่งที่เคยออกจากพรรคไปเป็นสมาชิกสภาปฏิรูป 
ตอนนั้นหมกมุ่นคิดฝันแต่เรื่องการปฏิรูปพรรคปฏิรูปประเทศ 
ตั้งใจไปทำแผนปฏิรูปประเทศเหมือนสถาปนิกออกแบบพิมพ์เขียวเสร็จก็จบงาน
2 ปีกว่าที่อยู่ท่ามกลางอำนาจและโอกาส แถมมีตำแหน่งเป็นรองประธานสปท. คนที่ 1

ลาภยศสรรเสริญกองอยู่ตรงหน้า ถ้าเดินต่อบนเส้นทางนั่น
มันน่าถูกกลืนเหลือเกิน ถ้าคิดเห็นแก่ตัวเพื่อประโยชน์และอนาคตของตัวเอง
คำเชิญคำชวนมาทั้งก่อนและหลังพ้นตำแหน่ง
แต่ผมก็ตัดสินใจตอนนั้นว่าจะวางมือทางการเมืองเพื่อไม่ต้องเดินทางบนถนนการเมืองอีก หรือไม่ก็กลับบ้านหลังเก่าคือประชาธิปัตย์

ก็มีคำถามตามมาว่าทำไมถึงกลับประชาธิปัตย์
ผมบอกว่ามี 4 เหตุผลหลัก
1.) ถ้าจะเดินต่อทางการเมืองไปอยู่พรรคใหม่ ก็ต้องสู้กับพรรคประชาธิปัตย์ 
ผมทำไม่ได้ครับ ที่จะต้องรบราทำศึกกับพี่น้องของผม และประชาธิปัตย์เป็นสถาบันทางการเมืองที่ต้องรักษาไว้

2.) เมื่อครั้งเดินทางเข้าพรรค สมัครเป็นสมาชิกลงเลือกตั้งที่เพชรบุรี ปี 2535/1 บนเวทีปราศรัยที่สนามหน้าเขาวัง มีท่านชวนหัวหน้าพรรคในขณะนั้นนั่งอยู่ด้วย ผมประกาศกับประชาชนคนเมืองเพชรว่าผมเกิดที่พรรคประชาธิปัตย์และจะตายที่พรรคประชาธิปัตย์ พรรคเดียว 

3.) ผมอยากกลับมาปฏิรูปพรรคประชาธิปัตย์ตามฝันที่คิดไว้ตอนเสนอปฏิรูปพรรคเมื่อปี 2556

4.) บ้านเมืองยังวิกฤติ ประชาธิปัตย์คือความหวังเพราะเป็นสถาบันการเมืองหลัก

แล้วผมก็กลับมาของานทำที่พรรคประชาธิปัตย์เหมือนเดิม 
เลือกกลับมาทั้งที่ไม่รู้ว่าวันข้างหน้าจะเป็นอย่างไร และจะอยู่อย่างไรในปลายปี 2561 เพราะผมคงเป็นคนเดียวที่ทั้งก่อนจากไป และเมื่อกลับมา โดนดุด่าว่ากล่าวหนักหนาสาหัสมากจากพี่ ๆ น้อง ๆ ในพรรค

ถ้าคิดน้อยใจหรือไม่อดทนก็คงพกความแค้นติดตัวเตลิดไปแล้ว
เป็นประสบการณ์ครั้งหนึ่งในชีวิตบนทางแพร่งที่ต้องตัดสินใจของผม
ต้องเลือกระหว่างอนาคตของตัวเองหรืออนาคตของพรรค 
เป็นการเลือกครั้งที่ 2 เหมือนครั้งแรกที่ตัดสินใจมาสมัครเป็นสมาชิกพรรคประชาธิปัตย์เมื่อปี 2534

“อลงกรณ์” ชี้!! มี 4 เหตุผลที่พรรคร่วมรัฐบาลไม่ส่งผู้สมัคร ส.ส.แข่งกันเองในการเลือกตั้งซ่อม ไม่ใช่แค่เรื่องมารยาททางการเมืองเท่านั้น!!?

นายอลงกรณ์ พลบุตร รองหัวหน้าพรรคและประธานคณะกรรมการขับเคลื่อนยุทธศาสตร์พรรคประชาธิปัตย์ อดีตส.ส.6สมัยและอดีตรัฐมนตรี เขียนข้อความในเฟซบุ๊กส่วนตัว เรื่อง “มารยาททางการเมืองและ 4 เหตุผลกรณีพรรคร่วมรัฐบาลไม่ส่งผู้สมัครแข่งกันเองในการเลือกตั้งซ่อม”

ซึ่งตรงกับความสนใจของสาธารณชนในขณะนี้ เนื่องจากจะมีการเลือกตั้งซ่อมส.ส.ชุมพรเขต 1 และสงขลาเขต 6 โดยนายอลงกรณ์กล่าวว่า

“คนส่วนใหญ่จะเข้าใจว่าเป็นมารยาททางการเมืองของพรรคร่วมรัฐบาลที่จะหลีกทางให้พรรคเจ้าของที่นั่งเดิมส่งผู้สมัครส.ส.โดยไม่แข่งกันเองในการเลือกตั้งซ่อม ความจริงเหตุผลเรื่องมารยาททางการเมือง เป็นเพียงเหตุผลหนึ่งเท่านั้น

แต่ยังมีเหตุผลอื่นอีกที่อธิบายว่าทำไมพรรคร่วมรัฐบาลชุดก่อน ๆ ที่ผ่านมาจึงไม่ส่งผู้สมัครส.ส.แข่งกันเองจนถือปฏิบัติเป็นธรรมเนียมทางการเมืองสืบต่อกันมา ด้วยเหตุผล 4 ข้อ ดังต่อไปนี้

 1. เป็นการให้เกียรติกันและกันของพรรคร่วมรัฐบาลในฐานะพันธมิตรทางการเมือง

 2. เป็นการรักษาที่นั่งส.ส.ซีกรัฐบาลในฐานะเสียงข้างมากในสภาเพื่อรักษาเสถียรภาพของรัฐบาล

 3. เป็นการสร้างความสามัคคีและความเป็นเอกภาพของรัฐบาล

 4. เป็นโอกาสโฆษณาผลงานสร้างความนิยมของรัฐบาลและชี้แจงประเด็นต่างๆที่ถูกโจมตีจากฝ่ายค้าน

ดังนั้น ในอดีตจะเห็นส.ส.พรรคร่วมรัฐบาลไปช่วยหาเสียงให้กับผู้สมัครของพรรคร่วมรัฐบาลที่ลงสมัครรับการเลือกตั้งซึ่งเป็นการแสดงน้ำใจและช่วยสนับสนุนกันและกันทำให้เกิดความแน่นแฟ้นในความสัมพันธ์ของรัฐบาลผสม

ทั้งนี้จะมีเกณฑ์พิจารณาว่า พรรคร่วมรัฐบาลพรรคใดจะได้สิทธิ์ในการส่งผู้สมัครชิงตำแหน่งส.ส.ที่ว่างลงในการเลือกตั้งซ่อม

1.กรณีเป็นที่นั่งเดิมของพรรคร่วมรัฐบาลจะให้สิทธิ์พรรคที่เป็นเจ้าของที่นั่งเดิมส่งผู้สมัคร

2.กรณีเป็นที่นั่งเดิมของพรรคฝ่ายค้านจะให้สิทธิ์พรรคร่วมรัฐบาลที่ได้คะแนนสูงสุดในกลุ่มพรรคร่วมรัฐบาลได้สิทธิ์ส่งผู้สมัคร

แนวทางเช่นนี้มิใช่เพียงฝ่ายรัฐบาลเท่านั้นที่ยึดถือปฏิบัติ แม้แต่ฝ่ายค้านก็ยึดถือปฏิบัติเป็นส่วนใหญ่เช่นกันเพราะเป็นโอกาสที่จะวัดความนิยม(Popularity)ระหว่างฝ่ายค้านและรัฐบาลในอีกทางหนึ่ง

 

ปชป. ไฟเขียว 'ดร.เอ้' ชิงผู้ว่าฯ กทม. เชื่อมั่นเลือดใหม่คุณภาพชนะใจคนกรุง

‘ปชป.’ เคาะส่ง ‘ดร.เอ้’ ชิงเก้าผู้ว่าฯ กทม. รับรองเป็นสมาชิกพรรคตลอดชีพ การันตีเลือดใหม่มีคุณภาพ มั่นใจคว้าชัยชนะ เตรียมทีมรองผู้ว่าฯ เรียบร้อย

13 ธ.ค. 64 - เมื่อเวลา 10.40 น. ที่พรรคประชาธิปัตย์ นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฎ์ รองนายกรัฐมนตรี และรมว.พาณิชย์ ในฐานะหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ (ปชป.) พร้อมด้วยนายเฉลิมชัย ศรีอ่อน เลขาธิการพรรคปชป. และนายองอาจ คล้ามไพบูลย์ รองหัวหน้าพรรค ปชป. ดูแลพื้นที่กรุงเทพมหานคร ร่วมกันแถลงภายหลังการประชุมคณะกรรมการบริหารพรรค (กก.บห.)

โดยนายจุรินทร์ แถลงว่า วันนี้เป็นการประชุมคณะกก.บห.ของพรรค มีวาระสำคัญพิจารณาให้ความชอบผู้ที่จะสมัครรับเลือกตั้งผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร ซึ่งที่ประชุมคณะ กก.บห. มีมติเป็นเอกฉันท์เห็นชอบให้ ดร.สุชัชวีร์ สุวรรณสวัสดิ์ หรือ ดร.เอ้ เป็นผู้สมัครรับเลือกตั้งผู้ว่าฯ กทม. ขณะที่ทีมงานรองผู้ว่าฯ กทม. ได้เตรียมบุคคลไว้แล้ว ซึ่งมีทั้งคนในพรรคและคนเลือดใหม่ที่เข้ามาร่วมงานกับพรรค โดยจะมีการเปิดตัวต่อไป ทั้งนี้ที่ประชุมยังรับรองให้ ดร.สุชัชวีร์ เป็นสมาชิกพรรคตลอดชีพด้วย


TRENDING
© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top