Saturday, 27 April 2024
นราธิวาส

ผู้บังคับกองร้อยตำรวจตระเวนชายแดน ที่ 446 นำกำลังพลลาดตระเวนตรวจสอบป่าต้นน้ำ แม่น้ำสุไหงโก-ลก

พ.ต.ท.อเนชา ตาวันผู้บังคับกองร้อยตำรวจตระเวนชายแดนที่ 446 อำเภอแว้ง จังหวัดนราธิวาสพร้อมร.ต.ต.สมยศ หนูเอียดหัวหน้าชุดเฝ้าตรวจชายแดน 4408 พร้อมกำลังพล 4407 และ 4408 ร่วมลาดตระเวนตรวจสอบป่าต้นน้ำแม่น้ำสุไหงโก-ลกและลาดตระเวนสำรวจหลักเขตแดนที 72 ณ.หมู่ที่ 2 บ้านภูเขาทอง ตำบลภูเขาทอง อำเภอสุคิริน จังหวัดนราธิวาสและพักค้างแรม 1 คืนทีบริเวณหลักเขตแดนที่ 74            

วัตถุประสงค์ของการลาดตระเวนตรวจสอบป่าต้นน้ำในครั้งนี้เพื่อดูแลการลักลอบตัดไม้ทำลายป่าและขบวนการพาคนข้ามเขตแดน แรงงานต่างด้าวและคนไทยทีติดอยู่ในประเทศมาเลเซียเข้ามาและเพื่อป้องกันการระบาดของเชื้อโรคไวรัสโควิค 19 อีกด้วย


ภาพ/ข่าว : แวดาโอ๊ะ หะไร นราธิวาส

ผบ.พล.ร.15 ให้กำลังใจกำลังพลและตรวจเยี่ยมการฝึกเตรียมความพร้อมของหน่วยที่จะเข้าปฏิบัติงานในจังหวัดชายแดนใต้

พลตรีไพศาล หนูสังข์ ผู้บัญชาการกองพลทหารราบที่ 15 ผู้บังคับหน่วยเฉพาะกิจนราธิวาส เดินทางตรวจเยี่ยมการฝึกเตรียมความพร้อมของหน่วยที่จะเข้าปฏิบัติงานในจังหวัดชายแดนใต้ ขั้นที่ 4 ของ กองพันทหารราบที่ 2 กรมทหารราบที่ 151 ณ ที่ทำการกองพันฝึก จังหวัดชายแดนใต้ กองพันทหารราบที่ 2 กรมทหารราบที่ 151 (วัดขวัญประชา) อ.สุไหงโกลก จ.นราธิวาส

โดยมีพันโท กฤตณ์พัทธ์  กรกัน  ผู้บังคับกองพันทหาราบที่ 2 กรมทหารราบที่ 151 ให้การต้อนรับ โดย การฝึก ประกอบด้วย การรปภ.เส้นทาง  / การรปภ. เป้าหมายอ่อนแอ การพบปะพัฒนาสัมพันธ์กับประชาชน และสนับสนุนการปฏิบัติงานด้านการเมือง ตามแผนปฏิบัติการ ของ กอ.รมน.ภาค.๔ สน. แต่ทั้งนี้ให้ทําการฝึกเพิ่มเติมเมื่อมีโอกาส โดยใช้แนวทางการฝึก ตามเอกสารข้อมูลที่ ยศ.ทบ. ได้แจกจ่ายให้หน่วยแล้ว ซึ่งมีวัตถุประสงค์ เพื่อเป็นการดําเนินการตามนโยบายของกองทัพบก ให้หน่วยที่จะสับเปลี่ยนกําลังพลใช่วงเม.ย. 64 ได้มีความคุ้นเคยและรับทราบสถานการณ์ในพื้นที่จริง และยังเป็นการเพิ่มเติมกําลังพลในการแก้ไขปัญหาความไม่สงบในพื้นที่จังหวัดชายแดนใต้ โดยกําหนดแผนการฝึกให้สอดคล้องกับงานทางด้านยุทธวิธีของหน่วยในพื้นที่ ตลอดจนพัฒนาขีดความสามารถของหน่วยให้มีความพร้อมในการปฏิบัติภารกิจในพื้นที่จังหวัดชายแดนใต้อีกด้วย

ทั้งนี้ พลตรีไพศาล หนูสังข์ ได้มอบความห่วงใยพร้อมทั้งมอบของบริโภคให้กับแต่ละกองร้อยฝึก เพื่อเป็นขวัญกำลังใจแก่กำลังพลที่เข้ารับการฝึก ตลอดจนได้เน้นย้ำให้ผู้บังคับหน่วยกวดขัน และกำกับดูแลการฝึกอย่างใกล้ชิด เพื่อให้กำลังพลได้รับการถ่ายทอดความรู้และประสบการณ์ จากกำลังพลที่ผ่านการฝึกอบรมจาก ยศ.ทบ. โดยมีการประเมินผลตนเอง ทั้งก่อนการฝึกระหว่างการฝึกและหลังจากการฝึก เพื่อให้กำลังพลได้พัฒนาขีดความสามารถ มุ่งเน้นสายงานการข่าวและสายงานกิจการพลเรือน พร้อมรับทราบแนวทางการปฎิบัติและเทคนิคต่าง ๆ ให้มีความพร้อมและสามารถปฎิบัติงานในพื้นที่จังหวัดชายแดนใต้ ได้อย่างมีประสิทธิภาพต่อไป


ภาพ/ข่าว : แวดาโอ๊ะ หะไร (จ.นราธิวาส)

ผู้ว่าฯ นราธิวาส เปิดประตูระบายน้ำ สูบน้ำจากคลองน้ำดำ ป้องกันไฟไหม้ป่า บรรเทาภัยแล้ง และเพิ่มความชุ่มชื้นแก่พื้นที่พรุบาเจาะ

วันนี้ (25 มี.ค. 64) นายเจษฎา จิตรัตน์ ผู้ว่าราชการจังหวัดนราธิวาส ลงพื้นที่เพื่อเปิดประตูระบายน้ำสูบน้ำจาก “คลองน้ำดำ” ป้องกันไฟไหม้ป่าและบรรเทาภัยแล้ง โดยผันน้ำเข้าสู่ “คลองระบายน้ำพรุบาเจาะสายที่ 4”  โครงการพรุบาเจาะ - ไม้แก่น อันเนื่องมาจากพระราชดำริ โดยมีนายเฉลิมชัย ตรีนรินทร์ ผู้อำนวยการสำนักงานชลประทานที่ 17 นายอภิวัฒน์ ชนะสงคราม ผู้อำนวยการโครงการชลประทานนราธิวาส ปลัดอำเภอยี่งอ ร่วมให้ข้อมูลการดำเนินงาน ณ สถานีสูบน้ำด้วยไฟฟ้าคลองยะกัง อันเนื่องมาจากพระราชดำริ ตำบลละหาร อำเภอยี่งอ จังหวัดนราธิวาส

ทั้งนี้ สถานีสูบน้ำด้วยไฟฟ้าคลองยะกังพร้อมอาคารประกอบ โครงการพรุบาเจาะ - ไม้แก่น อันเนื่องมาจากพระราชดำริ ก่อสร้างเมื่อปี พ.ศ. 2555 อัตราค่าไฟฟ้าชั่วโมงละ 260 บาท ต่อชั่วโมงต่อเครื่อง สามารถสูบน้ำได้ 1.0 ลูกบาศก์เมตรต่อวินาที จำนวน 3 เครื่อง

สถิติการสูบน้ำปี พ.ศ. 2563 ผันน้ำเข้าพรุบาเจาะ เป็นเวลา 1,977 ชั่วโมง ปริมาณน้ำ 7,117,200 ลูกบาศก์เมตร โดยมีการบริหารจัดการช่วงภัยแล้ง คือ การเปิดเครื่องสูบน้ำสถานีสูบน้ำด้วยไฟฟ้าคลองยะกัง โครงการพรุบาเจาะ - ไม้แก่น อันเนื่องมาจากพระราชดำริ เพื่อเพิ่มปริมาณน้ำต้นทุนให้กับพื้นที่โครงการพรุบาเจาะ - ไม้แก่น ช่วยบรรเทาปัญหาการขาดแคลนน้ำในพื้นที่เกษตร และเพิ่มความชุ่มชื้นในพื้นที่พรุบาเจาะ ตามมาตรการป้องกันไฟไหม้ป่าพรุบาเจาะ โดยการสูบน้ำจากคลองยะกังเพิ่มไปยังคลองระบายน้ำพรุบาเจาะสายที่ 2 และคลองระบายน้ำพรุเจาะสายที่ 4 ซึ่งโครงการพรุบาเจาะ - ไม้แก่น มีเนื้อที่ 96,400 ไร่

จากนั้นผู้ว่าราชการจังหวัดนราธิวาสพร้อมคณะ ได้เดินทางไปยังพื้นที่อนุรักษ์พรุบาเจาะ ซึ่งเป็นพื้นที่ป่าไม้ส่วนกลาง ร้อยละ 20 นิคมสหกรณ์บาเจาะ จังหวัดนราธิวาส เพื่อเฉลิมพระเกียรติสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี เนื่องในโอกาสพระชนมายุ 60 พรรษา ครอบคลุมพื้นที่ตำบลลุโบะบือซา ตำบลตะปอเยาะ ตำบลละหาร อำเภอยี่งอ จังหวัดนราธิวาส / ตำบลบาเระใต้ อำเภอบาเจาะ จังหวัดนราธิวาส / ตำบลโคกเคียน อำเภอเมือง จังหวัดนราธิวาส ที่มีความยาวคันเก็บกักน้ำ 15,750 เมตร พื้นที่ประมาณ 5,500 ไร่

ภาพ/ข่าว  ปทิตตา หนดกระโทก (ผู้สื่อข่าวนราธิวาสรายงาน)

จับกุมบุคคลต่างด้าวหลบหนีเข้าเมือง และขยายผลจับกุมเครือข่าย สืบตม.6 และ ตม.จว.นราธิวาส บูรณาการร่วมกับหน่วยงานความมั่นคงในพื้นที่

ตามนโยบายของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี  เรื่อง การควบคุมกำกับดูแลชาวต่างชาติที่เข้ามาพำนักอาศัยหรือเข้ามาท่องเที่ยวในประเทศไทย สำนักงานตำรวจแห่งชาติ โดย พล.ต.อ.สุวัฒน์  แจ้งยอดสุข ผบ.ตร. และ พล.ต.อ.ดํารงศักดิ์ กิตติประภัสร์ รอง ผบ.ตร. มอบหมายให้ สตม.ดำเนินการตรวจสอบชาวต่างชาติที่มีหมายจับตำรวจสากล หรือมีพฤติกรรมไม่เหมาะสมในขณะที่พำนักอาศัยอยู่ในประเทศไทย กระทำผิดกฎหมาย ก่อเหตุอันตรายต่อความสงบสุขและความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สินของประชาชน หรือเป็นลักษณะการกระทำผิดเข้าข่ายอาชญากรรมข้ามชาติ ทำให้เกิดความเสียหายต่อภาพลักษณ์ของประเทศ

สำนักงานตรวจคนเข้าเมือง โดย พล.ต.ท.สมพงษ์ ชิงดวง ผบช.สตม., พล.ต.ต.อาชยน ไกรทอง   รอง ผบช.สตม., พล.ต.ต.สุเมธ เมฆขจร ผบก.ตม.6, พล.ต.ต.รุ่งโรจน์ ฐากูรปุณยสิริ ผบก.ตม.3, พ.ต.อ.ศุภชัชจ์ เปี่ยมมนัส รอง ผบก.ตม.6, พ.ต.อ.ภาณุภาคยณ์ จิตต์ประยูรตี รอง ผบก.ตม.6 ได้สั่งการกำชับให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ดำเนินการตามนโยบาย ผบ.ตร. โดยเคร่งครัด นำไปสู่ผลสัมฤทธิ์ในการป้องกันปราบปรามการลักลอบเข้าเมืองโดยผิดกฎหมาย และร่วมแถลงข่าวจับกุมคดีที่น่าสนใจ ดังนี้

จนท.ชุดสืบสวน กก.สส.บก.ตม.6 และ จนท. ชุดสืบสวน ตม.จว.นราธิวาส ได้บูรณาการร่วมกับเจ้าหน้าที่ความมั่นคงในพื้นที่ ตั้งจุดตรวจจุดสกัด บริเวณด่านตรวจถาวรโคกมะเฟือง  ม.1 ต.ศาลาใหม่ อ.ตากใบ จว.นราธิวาส เพื่อสกัดกั้นการก่อเหตุลักลอบเข้าเมืองโดยผิดกฎหมาย ตามนโยบายของผู้บังคับบัญชา

ได้มีรถยนต์เก๋งยี่ห้อ ฮอนด้า รุ่นแอคคอร์ด สีน้ำตาล หมายเลขทะเบียนกรุงเทพมหานคร ขับมายังบริเวณที่ด่านตรวจฝั่งขาออกจาก อ.ตากใบ ไป อ.เมืองนราธิวาส เจ้าหน้าที่ได้สังเกตเห็นบริเวณที่นั่งตอนหลังของรถยนต์คันดังกล่าว  มีชายผิวดำลักษณะรูปพรรณคล้ายคนอินเดียนั่งอยู่ จึงได้เรียกให้หยุดรถเพื่อขอตรวจสอบ จากการตรวจสอบภายในรถ พบนายอัมรี อายุ 27 ปี  สัญชาติไทย เป็นผู้ขับขี่ นายอาบีดี อายุ 34 ปี สัญชาติไทย นั่งข้างคนขับด้านหน้า และพบบุคคลต่างด้าว จำนวน 4 คน นั่งอยู่ที่นั่งตอนหลังของรถ ทั้งหมดเป็นบุคคลสัญชาติมาเลเซีย ถือหนังสือเดินทางประเทศมาเลเซีย เมื่อตรวจสอบหนังสือเดินทางไม่พบข้อมูลการเดินทางเข้ามาในราชอาณาจักรแต่อย่างใด ทั้งหมดให้การรับสารภาพว่าได้ลักลอบเข้ามาประเทศไทยทางช่องทางธรรมชาติ ข้ามแม่น้ำสุไหงโก-ลก (ไม่ทราบสถานที่แน่ชัด) และได้มาพักรอที่บ้านหลังหนึ่งในพื้นที่ อ.ตากใบ จว.นราธิวาส สอบถามนายอัมรี และนายอาบีดี ให้การว่า  ได้รับการว่าจ้างจากนายวงค์สถิต หรือนายโจ ซึ่งอาศัยอยู่ในพื้นที่ จว.ประจวบคีรีขันธ์ ทางโทรศัพท์ ให้ไปรับคนต่างด้าวจากนางซีตีมารือแย หรือ ก๊ะยัง ที่ อ.ตากใบ แล้วให้ไปส่งต่อพื้นที่ อ.หาดใหญ่  จว.สงขลา โดยตกลงค่าจ้างเป็นเงิน 6,000 บาท จึงได้ทำการจับกุมผู้ต้องหาทั้งหมดพร้อมด้วยรถยนต์ของกลางนำส่ง พงส.สภ.ตากใบ เพื่อดำเนินคดีตามกฎหมาย จากการสืบสวน ขยายผลทราบว่าบ้านพักที่คนต่างด้าวสัญชาติมาเลเซีย ได้มาพักรอระหว่างเดินทาง ที่ อ.ตากใบ คือบ้านพักต้องสงสัย  ใน ต.เจ๊ะเห อ.ตากใบ จว.นราธิวาส ซึ่งเป็นบ้านของนางซีตีมารือแย

ต่อมา จนท.ชุดสืบสวน กก.สส.บก.ตม.6 และ จนท.ชุดสืบสวน ตม.จว.นราธิวาส ได้บูรณาการกับหน่วยงานความมั่นคงในพื้นที่ โดยอาศัยอำนาจตามกฎอัยการศึก พ.ศ. 2547 เข้าทำการปิดล้อมตรวจค้นบ้านพักต้องสงสัยดังกล่าว พบ นายมะยารี  อายุ 46 ปี แสดงตัวเป็นเจ้าบ้านหลังดังกล่าวและเป็นผู้นำตรวจค้น ส่วนนางซีตีมารือแย ได้ออกไปทำธุระนอกบ้านก่อนที่เจ้าหน้าที่จะเดินทางมาถึง จากการตรวจค้นภายในบ้านพบบุคคลต่างด้าวสัญชาติเมียนมา จำนวน 2 คน ไม่มีหนังสือเดินทางหรือเอกสารใช้แทนหนังสือเดินทางแต่อย่างใด รับสารภาพว่าได้ลักลอบเข้ามาในประเทศไทยทางช่องทางธรรมชาติ ข้ามแม่น้ำสุไหงโก-ลก (ไม่ทราบสถานที่แน่ชัด) สอบถามนายมะยารี ให้การว่าภรรยาของตน คือ นางซีตีมารือแย  เป็นผู้พาคนต่างด้าวชาวเมียนมาทั้งสองคนเข้ามาพักที่บ้านเพื่อรอเดินทางกลับประเทศเมียนมา จึงได้ทำการจับกุมผู้ต้องหาทั้ง 3 คน นำส่ง พงส.สภ.ตากใบ ดำเนินคดีตามกฎหมาย ในเวลาต่อมาเจ้าหน้าที่ทหาร ฉก.นราธิวาส 30 ได้เชิญตัวนางซีตีมารือแย ไปที่ศูนย์ซักถามกรมทหารพรานที่ 46  ต.กะลุวอเหนือ อ.เมือง จว.นราธิวาส และ จนท.ชุดจับกุมได้ทำการรวบรวมพยานหลักฐานเพื่อขออนุมัติศาลออกหมายจับผู้ที่เกี่ยวข้องกับเครือข่าย

ต่อมา จนท.กก.สส.บก.ตม.6, จนท.ตม.จว.นราธิวาส ร่วมกับ จนท.ตร.สภ.ตากใบ ทำการจับกุมนางซีตีมารือแย หรือก๊ะยัง อายุ 42 ปี สัญชาติไทย ซึ่งเป็นผู้ต้องหาตามหมายจับของศาลจังหวัดนราธิวาส ที่ จ 104/2564 ลง 17 มี.ค.64 ในฐานความผิด “ร่วมกันซ่อนเร้นหรือช่วยเหลือด้วยประการใดๆ แก่บุคคลต่างด้าวที่เข้าเมืองโดยผิดกฎหมาย เพื่อให้คนต่างด้าวนั้นพ้นการจับกุม” ได้ที่บริเวณหน้าบ้านเลขที่ 48 ม.7 ต.เจ๊ะเห อ.ตากใบ จว.นราธิวาส ส่ง พงส.สภ.ตากใบ ดำเนินคดีตามกฎหมาย

จนท.ตร.สภ.บางสะพานน้อย จว.ประจวบคีรีขันธ์ ได้เข้าทำการจับกุมนายวงค์สถิต หรือนายโจ อายุ 36 ปี สัญชาติไทย ตามหมายจับของศาลจังหวัดนราธิวาสที่ จ 105/2564 ลง 17 มี.ค.64 ในฐานความผิด “ร่วมกันซ่อนเร้น หรือช่วยเหลือด้วยประการใดๆ แก่บุคคลต่างด้าวที่เข้าเมืองโดยผิดกฎหมาย เพื่อให้คนต่างด้าวนั้นพ้นการจับกุม” จับกุมได้ที่บริเวณหน้าบ้านเลขที่ 168/1 ม.1 ต.ไชยราช อ.บางสะพานน้อย จว.ประจวบคีรีขันธ์ ควบคุมตัว ส่ง พงส.สภ.ตากใบ ดำเนินคดีตามกฎหมาย

สรุป การดำเนินการเกี่ยวกับเครือข่ายนี้

    1. จับกุมผู้ต้องหาที่เป็นบุคคลต่างด้าว ในข้อหาหลบหนีเข้าเมือง จำนวน 6 ราย

แยกเป็น สัญชาติมาเลเซีย 4 ราย สัญชาติเมียนมา จำนวน 2 ราย

   2. จับกุมผู้ต้องหาคนไทย จำนวน 5 ราย ในข้อหาช่วยเหลือฯ

สำนักงานตรวจคนเข้าเมือง มีนโยบายในการป้องกันปราบปรามการลักลอบเข้าเมืองโดยผิดกฎหมาย

ในทุกรูปแบบ เพื่อสนองนโยบายของของรัฐบาลและสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ในการป้องกันปราบปรามขบวนการลักลอบนำพาแรงงานต่างด้าวลักลอบเข้าเมืองโดยผิดกฎหมาย และฝากประชาสัมพันธ์ไปยังประชาชนคนไทย ห้ามเข้าไปมีส่วนเกี่ยวข้องกับขบวนการเหล่านี้ เพราะอาจถูกจับกุมดำเนินคดี และรับโทษตามกฎหมาย หากพบหรือทราบข้อมูลเกี่ยวกับบุคคลคนต่างด้าวที่ลักลอบเข้าเมือง หรือผู้มีส่วนเกี่ยวข้องกับการกระทำความผิด สามารถแจ้งเบาะแสได้ที่ สายด่วนสำนักงานตรวจคนเข้าเมือง โทร.1178 หรือที่ www.immigration.go.th

ฉก.นราธิวาส ช่วยชาวบ้านตอหลังเก็บเกี่ยวข้าว สืบสานวัฒนธรรมและประเพณีประจำท้องถิ่น ส่งเสริมเพื่อพัฒนาที่ดินเปรี้ยว

พลตรีไพศาล หนูสังข์ ผู้บัญชาการกองพลทหารราบที่ 15  ผู้บังคับหน่วยเฉพาะกิจนราธิวาส เป็นประธาน เปิดกิจกรรมพหุวัฒนธรรมการเก็บเกี่ยวข้าว เพื่อสืบสานวัฒนธรรม ประเพณีประจำท้องถิ่น สนับสนุน ส่งเสริม เพื่อพัฒนาที่ดินเปรี้ยว ณ บ้านตอหลัง ตำบลไพรวัน อำเภอตากใบ จังหวัดนราธิวาส โดยมี นายสังคม เกิดก่อ นายอำเภอตากใบ ,พันโททวีรัตน์ เบญจาทิกุล ผู้บังคับหน่วยเฉพาะกิจนราธิวาส 30 , ผู้นำท้องที่ และประชาชนชาวไทยพุทธ ไทยมุสลิม ในพื้นที่ร่วมกิจกรรมเป็นจำนวนมาก

สำหรับกิจกรรมการเก็บเกี่ยวข้าวครั้งนี้จัดขึ้น โดยมีจุดประสงค์ คือ ที่ผ่านมารัฐบาลได้แก้ไขปัญหาในเรื่องดินเปรี้ยว ทำให้พี่น้องประชาชนในพื้นที่ทำการเพาะปลูกได้ ทางหน่วยเฉพาะกิจนราธิวาส จึงร่วมกับทุกภาคส่วน มาส่งเสริมการปลูกข้าว โดยใช้พันธุ์ข้าวพื้นเมือง คือ พันธุ์ซีบูกันตัง และพันธุ์หอมกระดังงา ซึ่งเป็นข้าวพันธุ์พื้นเมืองที่มีชื่อเสียง มีคุณค่าทางอาหาร ประการต่อมาการใช้พื้นที่มาเพิ่มรายได้ ลดรายจ่าย  จะช่วยให้รอดพ้นวิกฤตอาหารในสถานการณ์ต่าง ๆ อาทิ สถานการณ์โควิด-19  ด้วยการหุงข้าวกินเอง ปลูกผักรอบบ้าน ดำเนินชีวิตตามหลักปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง ที่สำคัญประชาชนในพื้นที่มีพี่น้องไทยพุทธ พี่น้องมุสลิม อยู่ร่วมกันภายใต้สังคมพหุวัฒนธรรมที่เข้มแข็งมาอย่างยาวนาน ก็ได้มารักษาต่อยอด ได้ร่วมกันดำนาตามวิถีชีวิตดั้งเดิม และสืบสานภูมิปัญญาอีกด้วย

ทั้งนี้ พลตรีไพศาล หนูสังข์ กล่าวว่า การจัดกิจกรรมในครั้งนี้ เพื่อเป็นการพัฒนาเสริมสร้างความสัมพันธ์ ระหว่างเจ้าหน้าที่รัฐ และ ประชาชนในพื้นที่ภายใต้สังคมพหุวัฒนธรรม และส่งเสริม ฟื้นฟูวัฒนธรรม และประเพณีอันดีงาม ที่มีมาตั้งแต่ในอดีต ขับเคลื่อนให้ชุมชน 2 วิถี เรียนรู้ และ ยอมรับการอยู่ร่วมกัน แต่สิ่งที่สำคัญที่สุด คือการรักษาคุณภาพดินเพื่อให้มีความอุดมสมบูรณ์ ใช้เพาะปลูกพืชได้อย่างยั่งยืน และ เพื่อเป็นการสร้างความสามัคคี สร้างอาชีพ เพื่อคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น ของประชาชนในพื้นที่ ให้สามารถอยู่ร่วมกันได้อย่างสันติสุข

ภาพ/ข่าว  กรียา  (นราธิวาส)

นราธิวาส - วัคซีนโควิด-19 ให้กลุ่มเป้าหมายกลุ่มแรก 5,000 โดส เป็นบุคลากรทางการแพทย์และและกลุ่มเสี่ยง

วันที่ 5 เม.ย. 2564  ที่อาคารอเนกประสงค์ โรงพยาบาลนราธิวาสราชนครินทร์  เริ่มฉีดวัคซีนโควิด-19 ให้กลุ่มเป้าหมายกลุ่มแรก โรงพยาบาล 13 อำเภอ ของจังหวัดนราธิวาส จำนวน 5,000 โดส หลังจากได้รับการจัดสรรวัคซีน “ซิโนแวค” ล็อตแรก จำนวน 5,000 โดส จากกระทรวงสาธารณสุข ซึ่งได้เริ่มฉีดวัคซีนโควิด-19 ตามแผนจัดการวัคซีนของคณะอนุกรรมการสร้างเสริมภูมิคุ้มกันโรค โดยมีกลุ่มป้าหมายมาลงทะเบียน ชั่งน้ำหนัก วัดความดันโลหิต คัดกรอง ซักประวัติ ประเมินความเสี่ยง ลงนามในใบยินยอมรับวัคซีน รอฉีดวัคซีน ฉีดวัคซีน พักสังเกตอาการ 30 นาที สแกนไลน์แอป “หมอพร้อม” และตรวจสอบ ก่อนกลับรับเอกสารการปฏิบัติตัวหลังฉีดวัคซีน

โดยเข็มแรกฉีดให้แก่ นพ.สุเทพ หะยีสาและ หัวหน้ากลุ่มงานอายุรกรรม โรงพยาบาลนราธิวาสฯ เป็นผู้รับวัคซีนกลุ่มแรกของจังหวัดนราธิวาส  เพื่อสร้างความมั่นใจ และติดตามขั้นตอนการฉีดวัคซีนโควิด-19 อย่างใกล้ชิด โดยในช่วงเช้าวันนี้การฉีดวัคซีนเป็นไปด้วยความเรียบร้อย

นายแพทย์นสุเทพ หะยีสาและ หัวหน้ากลุ่มงานอายุรกรรม เปิดเผยว่า วันนี้เป็นวันแรก ที่โรงพยาบาลนราธิวาสเปิดให้ฉีดวัคซีน “ซิโนแวค” เป็นความยินดีของเจ้าหน้าที่ที่มารับวัคซีนในส่วนตัวเมื่อวานได้ทำการตรวจสอบแล้วผลเป็น Negative วันนี้เลยมารับวัคซีนที่ผ่านมาจากสถานการณ์ในจังหวัดนราธิวาสเกิดปัญหาด้วยคนไข้ติดโควิด ในเรือนจำเป็นปริมาณมาก ซึ่งบุคลากรทางการแพทย์ได้รับการคอนแทคกับผู้ป่วยรายรายโรงพยาบาลได้เปิดการรับวัคซีนสร้างภูมิต้านทานให้เจ้าหน้าที่ก็หวังว่าบุคคลทั่วไปประชาชนทั่วไปและเจ้าหน้าที่ ไม่มีสุขภาพที่แข็งแรงเพื่อที่จะได้ดูแลผู้ป่วยต่อไป

วัคซีน “ซิโนแวค” ล็อตแรกนำเข้าเพื่อฉีดให้แก่บุคลากรทางการแพทย์และกลุ่มเสี่ยงที่ต้องสัมผัสกับผู้ป่วยหรือกลุ่มเสี่ยงที่จะสัมผัสเชื้อไวรัสโควิด 19 ที่มีความเสี่ยงต่อการติดเชื้อและแพร่กระจายเชื้อเพื่อการควบคุมการระบาดเป็นลำดับแรก จังหวัดนราธิวาส ได้รับการจัดสรรวัคซีนระยะที่ 1 วันที่ 5-9 เมษายน 2564 จำนวน 5,000 โดส สำหรับกลุ่มเป้าหมาย 2,500 ราย จำนวน 125กล่อง กล่องละ 40 โดส แบ่งเป็นอำเภอเมืองนราธิวาส 23กล่อง 920 โดส 460 ราย อำเภอสุไหงโกลก 32 กล่อง 128 โดส   สำหรับกลุ่มเป้าหมายประกอบด้วย บุคลากรทางการแพทย์ เจ้าหน้าที่ผู้เสี่ยงต่อการสัมผัส ประชาชนที่มีโรคประจำตัว และประชาชนทั่วไป โดยคณะกรรมการโรคติดต่อจังหวัดนราธิวาส พิจารณากระจายวัคซีนตามความเสี่ยงของพื้นที่ตามหลักเกณฑ์ที่กระทรวงกำหนด


ภาพ/ข่าว  ปทิตตา หนดกระโทก  (ผู้สื่อข่าวนราธิวาสรายงาน)

5 จังหวัดชายแดนภาคใต้ - ค่ายสิ่งแวดล้อมธรรมชาติเขาใหญ่ “สานใจไทยสู่ใจใต้” รุ่นที่ 38

วันที่ 6-8 เมษายน 2564 มูลนิธิรัฐบุรุษ มูลนิธิรักเมืองไทย และมูลนิธิพิทักษ์อุทยานแห่งชาติเขาใหญ่ จัดค่ายสิ่งแวดล้อมธรรมชาติเขาใหญ่ ในโครงการ “สายใจไทย สู่ใต้” รุ่นที่ 38 ณ อุทยานแห่งชาติเขาใหญ่ โดยมีพลเอกสุรยุทธ์ จุลานนท์ ประธานองคมนตรี (ประธานคณะกรรมการอำนวยการโครงการฯ) เป็นประธานในพิธี และนายอดิศักดิ์ ภูสิทธิ์วงศานุยุต หัวหน้าอุทยานแห่งชาติเขาใหญ่ กล่าวรายงานวัตถุประสงค์ของการจัดโครงการ มีเยาวชนจาก 5 จังหวัดชายแดนภาคใต้ ได้แก่ ยะลา นราธิวาส ปัตตานี สงขลา และสตูล จำนวน 320 คน เข้าร่วมโครงการ

สำหรับกิจกรรมของค่ายฯ ในวันที่ 6 เมษายน 2564 เวลา 16.30 น. คณะเยาวชนฯ เดินทางมาถึงอุทยานแห่งชาติเขาใหญ่ เข้าพักที่อาคารค่ายเยาวชนสุรัสวดี ช่วงค่ำแบ่งเยาวชนออกเป็น 2 กลุ่ม สลับกันเข้าร่วมกิจกรรม 2 กิจกรรม ได้แก่ การบรรยายโครงการศึกษาวิจัยด้านธรรมชาติ และการส่องสัตว์ศึกษาชีวิตสัตว์ป่าเวลากลางคืน

วันที่ 7 เมษายน 2564 เวลา 10.30 น. เป็นพิธีเปิดค่ายสิ่งแวดล้อมธรรมชาติเขาใหญ่ โครงการ “สานใจไทย สู่ใจใต้” รุ่นที่ 38 โดยพลเอกสุรยุทธ์ จุลานนท์ และบรรยายพิเศษ เรื่อง “การอนุรักษ์ธรรมชาติ” การจัดกิจกรรมอวยพรวันสงกรานต์ มอบของแก่คณะเยาวชนฯ ปลูกต้นไม้ ถ่ายภาพหมู่เป็นที่ระลึก และกิจกรรมเดินป่าศึกษาธรรมชาติ ในภาคบ่ายเป็นกิจกรรมเข้าฐานศิลปะและดนตรี ประกอบด้วย ฐานสร้างสรรค์งานศิลป์จากวัสดุธรรมชาติ ฐานวาดภาพด้วยดินสอถ่านชาร์โคล ฐานวาดภาพแอบแสตรกต์ ฐานดนตรี ฐานดนตรีสากล ฐานภาพพิมพ์จากวัสดุธรรมชาติ และฐานภาพพิมพ์โฟมอัด ของชมรมศิลปะนางรองพิทฯ รร.นางรองพิทยาคม กลุ่มศิลปะเด็กบ้านลูกพิมพ์ และรร.เกล้าปัญญา จ.บุรีรัมย์ ส่วนในภาคกลางคืนเป็นการแสดงของเยาวชนฯ ทั้ง 5 จังหวัด และกิจกรรมอำลา ซึ่งก่อนพิธีเปิดค่ายฯ มีการสร้างบรรยากาศด้วยเสียงเพลงอย่างสนุกสนาน จากโจนัส แอนเดอร์สัน และร้องเพลงต้นไม้ของพ่อก่อนปลูกต้นไม้อีกด้วย

พลเอกสุรยุทธ์ จุลานนท์ กล่าวตอนหนึ่งว่า ‘...ขอฝากให้เยาวชนช่วยกันดูแลรักษาธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม อย่างน้อยให้ทุกคนปลูกต้นไม้อย่างน้อยปีละ 1 ต้น รวมทั้งให้ทุกคนทำในสิ่งที่เป็นประโยชน์ เพราะคนที่ทำในสิ่งที่เป็นประโยชน์ก็จะเป็นคนดีด้วย คนไม่ดีก็มักจะทำสิ่งที่ไม่เป็นประโยชน์ และขอให้การจัดกิจกรรมในโครงการฯ บรรลุตามวัตถุประสงค์ต่อไป...”

วันที่ 8 เมษายน 2564 เวลา 06.30 น. คณะเยาวชนฯ เดินทางจากอุทยานแห่งชาติเขาใหญ่ ไปยังมหาวิทยาลัยราชภัฏพระนครศรีอยุธยา และทัศนศึกษาอุทยานประวัติศาสตร์พระนครศรีอยุธยาต่อไป


ภาพ/ข่าว  สมพุด เกตขจร ผู้สื่อข่าวภูมิภาคจังหวัดบุรีรัมย์

นราธิวาส - นิพนธ์ ลงพื้นที่นราธิวาส วันแรกของเดือนรอมฎอน เยี่ยมด่านป้องกันอุบัติเหตุฯ ด่าน COVID19 นำกำลังใจจากนายกรัฐมนตรี รองนายกฯ- มท.1- ครม. มอบให้แก่เจ้าหน้าที่ปฏิบัติงานในพื้นที่ชายแดนใต้

เมื่อวันที่ 13 เมษายน 2564 นายนิพนธ์ บุญญามณี รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงมหาดไทย ลงพื้นที่จังหวัดนราธิวาสเพื่อตรวจเยี่ยมและให้กำลังใจเจ้าหน้าที่ผู้ปฏิบัติงานในการป้องกันและลดอุบัติเหตุทางถนนช่วงเทศกาลสงกรานต์ ปี2564 พร้อมทั้งมาตรการป้องกันการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโคโรน่า 2019(COVID19) ณ บริเวณจุดตรวจจุดบริการประชาชนในพื้นที่อำเภอเมือง และอำเภอไหงโก-ลก โดยมี นายเจษฎา จิตรัตน์ ผู้ว่าราชการจังหวัดนราธิวาส  นายบุญพาศ  รักนุ้ย รองผู้ว่าราชการจังหวัดนราธิวาส  นายไพโรจน์ จริตงาม รองผู้ว่าราชการจังหวัดนราธิวาส  เจ้าหน้าที่ฝ่ายปกครอง สำนักงานป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยจังหวัดนราธิวาส เจ้าหน้าที่ทหาร - ตำรวจ   เจ้าหน้าที่สาธารณสุขจังหวัดนราธิวาส  อส.และจิตอาสา ร่วมต้อนรับ  ณ บริเวณจุดตรวจที่ 1 บริเวณโรงเรียนบ้านบาตู  เขตเทศบาลตำบลต้นไทร อำเภอบาเจาะ จังหวัดนราธิวาส  จุดที่ 2 จุดตรวจบริเวณ ปตท.ปลักปลา ตำบลลำภู อำเภอเมือง จังหวัดนราธิวาส  จุดที่ 3 จุดตรวจหน้าสหกรณ์การเกษตรตากใบ ตำบลพร่อน อำเภอตากใบ จังหวัดนราธิวาส และจุดตรวจที่ 4 จุดตรวจแยกบ้านน้ำตก เขตเทศบาลเมืองสุไหงโก-ลก  อำเภอสุไหงโก-ลก จังหวัดนราธิวาส โดย รมช.มท.ได้มอบสิ่งของ น้ำดื่ม และหน้ากากอนามัยเพื่อบำรุงขวัญกำลังใจให้แก่เจ้าหน้าที่ผู้ปฏิบัติงานทั้ง 4 จุดตรวจ และ ติดตามแนะนำการปฏิบัติงานแก่เจ้าหน้าที่ประจำจุด

นายนิพนธ์ รมช.มหาดไทย กล่าวว่า "ต้องขอขอบคุณเจ้าหน้าที่ผู้ปฏิบัติงานทุกท่าน ที่ได้ทุ่มเทในการดูแลความปลอดภัยให้กับพี่น้องประชาชน ในการเดินทางในช่วงเทศกาลวันสงกรานต์  และวันนี้ก็เป็นวันแรกของเดือนรอมฎอน จึงขอถือโอกาสนี้ให้กำลังใจทุกคนที่ปฏิบัติหน้าที่ด้วยความเข้มแข็งโดยเฉพาะในช่วงสถานการณ์ COVID19 ก็อยู่ในช่วงที่วนเวียนกลับเข้ามาใหม่อีกระลอกหนึ่ง ดังนั้นมาตรการความปลอดภัยในการเดินทาง และมาตรการดูแลในเรื่องของ COVID19 ก็ยังเป็นมาตรการที่ต้องปฏิบัติควบคู่กันในจุดต่าง ๆ  รวมถึงองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นที่ต้องดูแลความปลอดภัยของพี่น้องประชาชนในการช่วยกันคัดกรองประชาชนในเรื่องของความเร็วในการใช้ถนน ซึ่งยังถือว่าเป็นอันตรายระดับต้น ๆ  รวมถึงในเรื่องของการวัดอุณหภูมิ การสวมใส่หน้ากากอนามัย  การใช้แอลกอฮอล์ล้างมือ ก็ยังคงต้องปฏิบัติ ซึ่งทั้งหลายทั้งปวงที่ออกมาตรการมา ก็เพื่อความปลอดภัยของพวกเราทุกคน จึงขอถือโอกาสนี้ย้ำเตือนถึงผู้ที่สัญจรไปมา ถึงเรื่องความปลอดภัยบนท้องถนน และการดูแลในเรื่องของCOVID19ควบคู่กัน"

"ขอถือโอกาสนี้ให้กำลังใจทุกคน และนำกำลังใจและความปรารถนาดีจาก นายกรัฐมนตรี รองนายกจุรินทร์    รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย และในนามของคณะรัฐมนตรีทุกท่าน มามอบให้กับผู้ปฏิบัติหน้าที่ด้วยความเสียสละ และเข้มแข็ง จึงขอฝากเรื่องที่ได้กราบเรียนไว้เบื้องต้น ในเรื่องความปลอดภัยบนท้องถนน และการดูแลในเรื่องของCOVID19 โดยเฉพาะรถมอเตอร์ไซค์ยังคงเป็นอันดับ 1  การขับรถด้วยความเร็ว และขับรถไม่สวมหมวกนิรภัยก็ยังคงเป็นอันดับ 1 อีกด้วย" รมช.มหาดไทย กล่าว

นราธิวาส - แม่ทัพภาคที่ 4 เยี่ยมหน่วยตรวจเลือกทหารกองเกินเข้ากองประจำการ อำเภอสุไหงโกลก ยกระดับมาตรการป้องกัน covid 19 อย่างเข้มงวด พร้อมสร้างความเชื่อมั่น ทุกขั้นตอนแก่ประชาชน

วันนี้ 16 เมษายน 2564 เวลา 11.00 น. ที่ทำการอำเภอสุไหงโกลก จังหวัดนราธิวาส พลโทเกรียงไกรศรีรักษ์แม่ทัพภาคที่ 4 ผู้อำนวยการรักษาความมั่นคงภายในภาค 4 เดินทางตรวจเยี่ยม หน่วยคัดเลือกทหารกองเกินเข้ากองประจำการ ประจำปี 2564 ของอำเภอ สุไหงโก-ลก จังหวัดนราธิวาส เพื่อตรวจสอบความเรียบร้อยการปฏิบัติงานของเจ้าหน้าที่ เพื่อความปลอดภัยทั้งด้านสถานที่ และความปลอดภัยจากการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 ตลอดจนเน้นย้ำการทำงานที่โปร่งใสของเจ้าหน้าที่ในการตรวจเลือกบุคคล และให้กำลังใจเจ้าหน้าที่สาธารณสุขที่มาทำหน้าที่คัดกรองบุคคล เข้ารายงานตัวเพื่อคัดเลือกทหารกองเกินประจำหน่วย ให้เป็นไปตามนโยบายของกองทัพบก และให้เกิดความบริสุทธิ์ยุติธรรม สร้างภาพลักษณ์ที่ดีของหน่วยทหาร สร้างความเชื่อมั่นแก่พี่น้องประชาชน โดยบรรยากาศเป็นไปอย่างเรียบร้อย มีชายไทยที่มีหมายเรียกตามเกณฑ์เข้ารับคัดเลือกเข้าเป็นทหารกองประจำการทยอยมาอย่างต่อเนื่อง

สำหรับหน่วยคัดเลือกทหารกองเกินเข้ากองประจำการ อำเภอสุไหงโกลก จังหวัดนราธิวาสนั้น หน่วยงานที่รับผิดชอบได้มีการคุมเข้ม ยกระดับมาตรการในการระวังป้องกันอย่างเคร่งครัด ทุกคนที่เข้ามายังหน่วยคัดเลือกจะต้องสวมหน้ากากอนามัย Check In ผ่าน App ไทยชนะทุกครั้ง ตรวจวัดอุณหภูมิ เว้นระยะห่าง และแจ้งข้อมูลการเดินทางอย่างละเอียดแก่เจ้าหน้าที่ โดยแม่ทัพภาคที่ 4 ได้เน้นย้ำสั่งคุมเข้มเข้ม และยกระดับมาตรการป้องกันโควิด 19 ในทุกขั้นตอนของการตรวจคัดเลือกทหาร โดยทำความเข้าใจชี้แจงต่อผู้ที่มาตรวจคัดเลือกให้ปฏิบัติตามมาตรการอย่างเคร่งครัด ทั้งนี้ ผู้ที่เดินทางมาจากพื้นที่เสี่ยง ให้มีการแยกสถานที่ออกจากผู้มาตรวจคัดเลือกปกติ รวมถึงผู้ที่ขอยื่นผ่อนผันก็จะใช้มาตรการเดียวกัน เพื่อให้การตรวจคัดเลือกทหารเป็นไปด้วยความเรียบร้อย และปลอดภัยจากโควิด-19


ภาพ/ข่าว  ปทิตตา หนดกระโทก ผู้สื่อข่าวนราธิวาสรายงาน

นราธิวาส-เปิดโรงพยาบาลสนามแห่งที่ 2 จำนวน 186 เตียงดูแลผู้ป่วย COVID19 ที่ศูนย์ปรับเปลี่ยนพฤติกรรมผู้เสพยาเสพติด พร้อมรับผู้ป่วยวันแรก 65 ราย

วันนี้ (17 เม.ย. 64) ที่ศูนย์ปรับเปลี่ยนพฤติกรรมผู้เสพยาเสพติดจังหวัดนราธิวาส นายเจษฎา จิตรัตน์ ผู้ว่าราชการจังหวัดนราธิวาส เป็นประธานเปิดโรงพยาบาลสนามแห่งที่ 2 ของจังหวัดนราธิวาส โดยมีนางดาเรศ จิตรัตน์ นายกเหล่ากาชาดจังหวัดนราธิวาส นาวาเอก วิชชา พรหมคีรี รอง ผอ.รมน.จ.นราธิวาส (ฝ่ายทหาร) นายชินวุฒิ ขาวสำลี รองผู้ว่าราชการจังหวัดนราธิวาส ปลัดจังหวัดนราธิวาส นายแพทย์สาธารณสุขจังหวัดนราธิวาส หัวหน้าส่วนราชการ และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเข้าร่วม

โดยผู้ว่าราชการจังหวัดนราธิวาสและคณะได้ตัดริบบิ้นเปิดโรงพยาบาลสนามแห่งที่ 2 จากนั้นได้เข้าเยี่ยมชมภายในอาคารที่สามารถรองรับผู้ป่วยได้ 186 เตียง ซึ่งการจัดตั้งโรงพยาบาลสนามรองรับการให้บริการผู้ป่วย COVID19 เพื่อทำหน้าที่ในการคัดกรองและแยกผู้ป่วยโดยใช้ระดับความรุนแรงของโรค จัดลำดับความสำคัญในการรักษาผู้ป่วยและจัดระบบบริการ สำหรับในวันนี้จะรองรับผู้ป่วย COVID19 ซึ่งเป็นผู้ต้องขังจากเรือนจำชั่วคราวโคกยามูและผู้พ้นโทษ จำนวน 65 ราย ส่วนในผู้ป่วยกลุ่มอื่น ๆ จะทยอยเข้ารับการรักษาจนเต็มจำนวนเตียง โดยสำนักงานสาธารณสุขจังหวัดนราธิวาสจัดสรรบุคลากรทางการแพทย์ ประกอบด้วย แพทย์และพยาบาลอยู่ประจำทุกวันตลอด 24 ชั่วโมง เพื่อให้การรักษาและป้องกันการแพร่ระบาดของโรค COVID19

นายเจษฎา จิตรัตน์ ผู้ว่าราชการจังหวัดนราธิวาส กล่าวว่า ขณะนี้มีการแพร่ระบาดของโรค COVID19 เกิดขึ้นอย่างต่อเนื่อง คาดการณ์ว่าจะมีจำนวนผู้ป่วยเพิ่มขึ้น โดยเฉพาะผู้ต้องขัง ผู้พ้นโทษ และกลุ่มประชาชนทั่วไป ซึ่งขีดความสามารถของโรงพยาบาลสนามเรือนจำจังหวัดนราธิวาสแห่งแรกอาจรองรับผู้ป่วยได้ไม่เพียงพอ และมีข้อจำกัดด้านพื้นที่ จึงได้จัดตั้งโรงพยาบาลสนามแห่งที่ 2 เพื่อรองรับผู้ป่วย COVID19 เพิ่มเติม สำหรับในด้านการบริหารจัดการระดับพื้นที่ขอให้นายอำเภอเป็นผู้นำ ซึ่งถ้าทุกคนช่วยกันก็มั่นใจว่าจะสร้างความมั่นใจให้ชาวนราธิวาส รวมทั้งลดการแพร่กระจายของโรค COVID19 ในจังหวัดนราธิวาสได้ เพื่อให้สามารถระงับยับยั้งโรคได้ภายใน 28 วัน

ทั้งนี้ ศบค. ได้แถลงสถานการณ์การติดเชื้อ COVID19 ในจังหวัดนราธิวาส วันนี้ (17 เมษายน 2564) มีผู้ป่วยใหม่ จำนวน 18 ราย และผู้ป่วยยืนยันสะสม จำนวน 348 ราย


ภาพ/ข่าว  แวดาโอ๊ะ หะไร จ.นราธิวาส


TRENDING
© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top