Friday, 10 May 2024
นราธิวาส

นราธิวาส - ตัวแทนเยาวชนชาวนราธิวาส แสดงออกเชิงสัญลักษณ์ ต่อต้านอิสราเอล ก่อนเยียบธงอิสราเอล ประท้วงก่ออาชญกรรมสงคราม

วันที่ 5 เม.ย.2567 ที่บริเวณหน้ามัสยิดประจำจังหวัดนราธิวาส หลังละหมาดวันศุกร์ ของพี่น้องชาวไทยมุสลิม ได้กลุ่มตัวแทนเยาวชน กลุ่มเยาวชนนราธิวาสรักสันติฯ ได้ร่วมตัว พร้อมด้วยรถยนต์ติดธงชาติ ของประเทศปาเลสไตน์ และนำป้ายไวนิว ซึ่งมีข้อความภาพ ที่แสดงถึงอิสราเอลใช้อาวุธสงคราม ยิง บอมบ์  ต่อพลเรือน ทำให้ ประชาชนไร้ที่อยู่ บ้านพักอาคาร และประชาชน เด็กๆคนชรา และหญิง บาดเจ็บและเสียชีวิตจำนวนมาก ในข้อความไวนิว ระบุ ความอยุติธรรม ไม่ว่าเกิดที่ใด ยอมเป็นภัยต่อความยุติธรรมทุกที่, ปลดปล่อยปาเลสไตน์ ปลดปล่อยโลก, ในส่วนกิจกรรมประมาณ  25 นาที ทางกลุ่ม ได้นำธงชาติอิสราเอล  และใช้เท้าเหยียบธงชาติอิสรามเอลบนพื้นที่ พร้อมตะโกน ผู้ก่อเหตุอาชญกรโลกที่ต้องประณาม ก่อนจะนำธงชาติอิสราเอล ฉีกเป็นชิ้น เพื่อแสดงเชิงสัญลักษณ์ และประท้วงอิสราเอล ที่กระทำรุกรานอันเหี้ยมโหด ความรุนแรง ต่อประชาชนปาเลสไตน์ ดังกล่าว

สำหรับคำแถลงการณ์ ดังนี้..ด้วยพระนามของอัลลอฮฺ ผู้ทรงเมตตาปรานี ผู้ทรงกรุณายิ่งเสมอ การเดินขบวนประท้วงเพื่อสิทธิชาวปาเลสไตน์ ในวันศุกร์สุดท้ายของเดือนรอมฎอนอันจำเริญ ที่เราจัดขึ้นมานี้ คือ การแสดงออกเชิงสัญลักษณ์อย่างสันติ เพื่อสะท้อนให้เห็นถึงการกดขี่ที่มีต่อชาวปาเลสไตน์ ที่ถูกปิดล้อม และถูกบังคับพลัดถิ่น อย่างอยุติธรรม เป็นการเรียกร้องเพื่อปลดปล่อยพวกเขาให้เป็นอิสระจากการยึดครองที่เหยียดเชื้อชาติ และอาชญากรรมที่สั่งสมมา ยาวนานกว่า 75 ปี ของระบอบไซออนิสต์อิสราเอลผู้แย่งชิง โดยในช่วงประวัติศาสตร์อันมืดมน ตั้งแต่ที่มีการดำรงอยู่ของอิสราเอล ระบอบไซออนิสต์ได้ก่อเหตุสังหารหมู่ ดำเนินการฆ่าล้างเผ่าพันธุ์ และก่ออาชญากรรมต่อมนุษยชาติประเภทต่างๆ การดำรงอยู่ของระบอบอิสราเอล ไม่ได้ก่อให้เกิดผลลัพธ์อื่นใดในแผ่นดินแห่งนั้น นอกจากการต้องอพยพชนพื้นเมืองหลายล้านคนให้กลายเป็นผู้พลัดถิ่น การกักขังพวกเขาอย่างไร้มนุษยธรรม ทั้งโดยการปิดล้อมฉนวนกาซ่า กระทั่งมันได้ถูกขนานนามโดยสหประชาชาติ ในฐานะ “คุกเปิดกลางแจ้งที่ใหญ่ที่สุดในโลก” รวมถึงการคุมขังชาวปาเลสไตน์ ไม่ละเว้นผู้หญิงและเด็กๆ อีกหลายพันกรณีในเรือนจำ อย่างอยุติธรรม และโดยปราศจากข้อกล่าวหา การทรมานผู้บริสุทธิ์ ที่ได้ทิ้งไว้ซึ่งบาดแผลทางจิตใจ และกายภาพ เด็กชาวปาเลสไตน์ต้องกลายเป็นเด็กกำพร้า และเผชิญผลกระทบจากสงครามจากรุ่นสู่รุ่น ทั้งหมดล้วนจุดชนวนไปสู่ความไม่มั่นคงในระดับภูมิภาค และเป็นภัยคุกคาม ต่อสันติภาพโลกระบอบการปกครองไซออนิสต์มีรายการอาชญากรรม และการเคลื่อนไหวต่อต้านสิทธิมนุษยชนในประวัติศาสต์ของมัน อาทิ การยึดครองดินแดนปาเลสไตน์ การใช้ความพยายามอย่างเป็นระบบในการยึดครองอัลกุดส์อย่างแข็งขัน การทำลายอัตลักษณ์

ทางประวัติศาสตร์และอารยธรรมของอัลกุดส์อันศักดิ์สิทธิ์ การขยายขอบเขตการตั้งถิ่นฐานของชาวยิว ในเขตเวสต์แบงก์ โดยผิดกฎหมาย, การบังคับอพยพผู้อยู่อาศัยที่ไม่ใช่ชาวยิว, การกีดกันชาวปาเลสไตน์ในการเข้าถึงสถานที่ศักดิ์สิทธิ์, การริบ ทรัพย์สินที่ดินของพวกเขาอย่างไม่ชอบธรรม, การบังคับใช้แรงกดดันที่ไร้มนุษยธรรมอย่างรุนแรงต่อประชาชนในฉนวนกาซ่า และการปฏิเสธไม่ให้พวกเขาเข้าถึงอาหาร น้ำสะอาด ยารักษาโรค และสุขอนามัยขั้นพื้นฐานสถานการณ์ปัจจุบันในฉนวนกาซ่า ทำให้มีความจำเป็นมากขึ้นสำหรับประชาคมโลก โดยเฉพาะชาวมุสลิม ที่จะต้องคำนึงถึงการแสดงออกซึ่งความเป็นน้ำหนึ่งใจเดียวกัน เพื่อต่อต้านระบอบไซออนิสต์ เนื่องจากสถานการณ์ปัจจุบันได้แสดงให้เห็นอย่าง

ชัดเจนแล้วว่า แผนสันติภาพ หรือความคิดริเริ่มใดๆ ที่เพิกเฉยต่อสิทธิของผู้ถูกกดขี่ในปาเลสไตน์ จะไม่นำไปสู่การแก้ปัญหาอย่างสันติที่ยั่งยืน เรายังเชื่อว่า ความสงบสุขและสันติภาพจะไม่มีวันเกิดขึ้นได้ในโลกนี้ นอกเสียจากว่า สิทธิของประชาชาติปาเลสไตน์ผู้ถูกกดขี่ จะได้รับการฟื้นฟูอย่างสมบูรณ์ โดยทางออกเดียวที่เป็นไปได้ คือ การทำให้ผู้ลี้ภัยชาวปาเลสไตน์ทั้งหมดกลับคืนถิ่น และการจัดให้มีการลงประชามติระดับชาติ โดยการมีส่วนร่วมของชาวปาเลสไตน์ดั้งเดิมทั้งหมด รวมถึงชาวมุสลิม ชาวคริสต์ และชาวยิว โดยปฏิบัติตามหลักเกณฑ์ในหลักการที่สอดคล้องกับข้อเท็จจริงทางประวัติศาสตร์ หลักการประชาธิปไตย และสิทธิขั้นพื้นฐานที่ละเมิดไม่ได้ ที่มีอยู่ในกฎหมายระหว่างประเทศ

ในวันนี้ เราในนามของ******* ขอเน้นย้ำถึงความสำคัญของปาเลสไตน์ ในฐานะปัญหาสิทธิมนุษยชนที่ยิ่งใหญ่ของโลก เราขอเรียกร้องให้มวลมุสลิมทุกคน ตลอดจนเพื่อนร่วมชาติชาวไทยจากทุกสาขาอาชีพ ที่แสวงหาเสรีภาพ ให้เข้ามามีส่วนร่วมในการชุมนุม ในวันศุกร์ หรือ ในวันศุกร์สุดท้ายของเดือนรอมฎอนอันจำเริญนี้ ณ มัสยิดประจำจังหวัดนราธิวาส ช่วงเวลาหลังละหมาดญุมอัต หรือละหมาดวันศุกร์  และเมื่อเสร็จสิ้นคำแถลงการณ์กิจกรรม ทางกลุ่มให้เหตุผลการชุมนุม ยึดหลักอย่างสงบสันติวิธี ก่อนแยกย้ายกลับเป็นปกติ

นราธิวาส-ผู้ว่าฯ นราธิวาส มอบรองผู้ว่าฯ นราธิวาส เป็นผู้แทนพิธีรดน้ำศพอาสาสมัครทหารพราน ทั้ง 2 นาย ซึ่งเสียชีวิต ขณะปฏิบัติหน้าที่

วันนี้ (9 เม.ย.67)  ที่ วัดบางนรา อ.เมืองนราธิวาส ว่าที่ร้อยตรีตระกูล โทธรรม ผู้ว่าราชการจังหวัดนราธิวาส มอบหมายให้ นายฉัตรชัย อุสาหะ รองผู้ว่าราชการจังหวัดนราธิวาส เป็นผู้แทนในพิธีรดน้ำศพอาสาสมัครทหารพราน วิทยา ปวงงาม และอาสาสมัครทหารพราน ประคอง  สุทนัง เจ้าหน้าที่ร้อยทหารพราน 4613 โดยมี พลโท ศานติ ศกุนตนาค แม่ทัพภาคที่ 4 เป็นประธานในพิธีฯ เพื่อร่วมแสดงความอาลัยจากเหตุการณ์ในครั้งนี้

สำหรับ อาสาสมัครทหารพราน ทั้ง 2 นาย ได้เสียชีวิตจากเหตุคนร้ายไม่ทราบจำนวน ใช้อาวุธไม่ทราบชนิดและขนาด ซุ่มยิง ขณะเดินทางด้วยรถยนต์กระบะ จำนวน 2 คัน ซึ่งกลับจากการปฏิบัติภารกิจตรวจเยี่ยมการจัดทำซุ้มประตู เหตุเกิดพื้นที่บ้านบลูกาฮีเล หมู่ที่ 6 ตำบลบาตง อำเภอรือเสาะ จังหวัดนราธิวาส เมื่อกลางดึกของวันที่ 7 เม.ย. 67 ที่ผ่านมา เป็นเหตุให้เจ้าหน้าที่เสียชีวิต จำนวน 2 นาย และได้รับบาดเจ็บ จำนวน 9 นาย  

โดยหลังเสร็จพิธีรดน้ำฯ สำนักงานเหล่ากาชาดจังหวัดนราธิวาส ได้มอบเงินช่วยเหลือเยียวยาแก่ครอบครัวผู้เสียชีวิตที่ได้รับผลกระทบจากเหตุการณ์ความไม่สงบ กรณีเสียชีวิต รายละ 5,000 บาท และอีกหลายหน่วยงานร่วมมอบเงินแก่ครอบครัวผู้เสียชีวิตฯ ด้วย

นราธิวาส-ผู้ช่วยเลขาธิการ ศอ.บต. พร้อมด้วยเจ้าหน้าที่เยียวยา เยี่ยมให้กำลังใจเจ้าหน้าที่ที่ได้รับบาดเจ็บจากเหตุการณ์ความไม่สงบฯ

นายรอมดอน หะยีอาแว ผู้ช่วยเลขาธิการ ศอ.บต. พร้อมด้วยเจ้าหน้าที่เยียวยา เดินทางไปยัง โรงพยาบาลนราธิวาสราชนครินทร์ อ.เมือง จ.นราธิวาส เพื่อเยี่ยมให้กำลังใจ เจ้าหน้าที่ทหารพราน ที่ได้รับบาดเจ็บจากเหตุการณ์ เมื่อวันที่ 7 เมษายน 2567 เวลาประมาณ 22.40 น. เกิดเหตุคนร้ายซุ่มยิงเจ้าหน้าที่ทหารพรานกองร้อยทหารพรานที่ 4613 ขณะปฏิบัติหน้าที่ เหตุเกิดบริเวณถนนหน้ากูโบร์บ้านลูกาฮีเล หมู่ที่ 6 ต.บาตง อ.รือเสาะ จ.นราธิวาส โดยนายรอมดอน หะยีอาแว ผู้ช่วยเลขาธิการ ศอ.บต. ได้พูดคุย ให้กำลังใจ พร้อมมอบกระเช้าในนามเลขาธิการ ศอ.บต. เพื่อเป็นขวัญกำลังใจแก่เจ้าหน้าที่ผู้ได้รับบาดเจ็บ จำนวน 5 นาย ดังนี้

1) ร้อยเอก ชัยยุทธ สุกบู อายุ 49 ปี ได้รับบาดเจ็บเล็กน้อย
2) สิบเอก สุรเดช สังขวงศ์ อายุ 31 ปี ได้รับบาดเจ็บบริเวณศรีษะ 
3) อาสาสมัครทหารพราน สามะแอ ดือมาสิ อายุ 42 ปี ได้รับบาดเจ็บเล็กน้อย
4) อาสาสมัครทหารพราน สมาน ลีอาแด อายุ 34 ปี ได้รับบาดเจ็บเล็กน้อย
5) อาสาสมัครทหารพราน อาดนัย สุหลง อายุ อายุ 42 ปี ได้รับบาดเจ็บเล็กน้อย

จากนั้นผู้ช่วยเลขาธิการ ศอ.บต. และเจ้าหน้าที่เยียวยา เดินทางไปยัง  โรงพยาบาลสงขลานครินทร์ อ.หาดใหญ่ จ.สงขลา เพื่อเข้าเยี่ยมเจ้าหน้าที่ทหารพราน ที่ได้รับบาดเจ็บจากเหตุการณ์เดียวกัน โดย ผู้ช่วยเลขาธิการ ศอ.บต. ได้พูดคุย ให้กำลังใจ พร้อมมอบกระเช้าในนามเลขาธิการ ศอ.บต. เพื่อเป็นขวัญกำลังใจแก่เจ้าหน้าที่ผู้ได้รับบาดเจ็บ จำนวน 4 นาย ดังนี้

1) จ่าสิบเอก ศักดิ์รพี เพชรเรือนทอง อายุ 41 ปี ได้รับบาดเจ็บบริเวณขาซ้าย
2) อาสาสมัครทหารพราน อนันต์ บือราเฮง อายุ 40 ปี ได้รับบาดเจ็บบริเวณขา และแขน
3) อาสาสมัครทหารพราน มะกอเส อูมา อายุ 34 ปี ได้รับบาดเจ็บบริเวณขาซ้าย
4) อาสาสมัครทหารพราน เปาซี เจ๊ะเต๊ะ อายุ 41 ปี ได้รับบาดเจ็บบริเวณซี่โครงซ้าย

พร้อมกันนี้  ผู้ช่วยเลขาธิการ ศอ.บต. ได้เข้าเยี่ยม สิบโท อดิศัย สุขศิริวัฒน์ อายุ 28 ปี ที่ได้รับบาดเจ็บจากเหตุการณ์ เมื่อวันที่ 6 เมษายน 2567 เวลา 16.35 น. คนร้ายลอบวางระเบิดเจ้าหน้าที่ทหารพราน กองร้องร้อยทหารพรานที่ 4402 ขณะออกปฏิบัติหน้าที่ด้วยการเดินเท้า ได้เหยียบกับระเบิด เหตุเกิดในพื้นที่ หมู่ที่ 2 บ้านบือราแง ต.น้ำดำ อ.ทุ่งยางแดง จ.ปัตตานี ได้รับบาดเจ็บจากแรงระเบิด มีแผลฉีกขาดบริเวณเท้าข้างขวา ในการนี้  ผู้ช่วยเลขาธิการ ศอ.บต. ได้พูดคุย ให้กำลังใจ พร้อมมอบกระเช้าในนามเลขาธิการ ศอ.บต. เพื่อเป็นขวัญกำลังใจแก่ผู้ได้รับบาดเจ็บ
ข่าว.แวดาโอ๊ะ หะไร / อัสมา บินมะนุ จ.นราธิวาส

'นปพ.นราธิวาส' เจ็บเล็กน้อย 4 ราย หลังถูกคนร้ายลอบจู่โจม โชคดี!! รถหุ้มเกราะช่วยไว้ เซฟชีวิตจากทั้ง 'ระเบิด-กระสุน'

(29 เม.ย.67) เวลาประมาณ 24.00 น. เกิดเหตุคนร้ายลอบวางระเบิดและยิงปะทะเจ้าหน้าที่หน่วยปฏิบัติการพิเศษ (นปพ.) นราธิวาส 33 บริเวณบ้านกวาลอซีรา หมู่ 7ตำบลปาเสมัส อำเภอสุไหงโก-ลก จังหวัดนราธิวาส เจ้าหน้าที่ได้รับบาดเจ็บเล็กน้อย 4 นาย

พ.ต.อ.เจษฎาวิทย์ อินทร์ประพันธ์ ผู้กำกับการสถานีตำรวจภูธรสุไหงโก-ลก เปิดเผยว่า เหตุเกิดขณะเจ้าหน้าที่ นปพ.นราธิวาส 33 จำนวน 4 นาย เตรียมเดินทางไปเข้าเวรที่จุดตรวจในเขตเทศบาลเมืองสุไหงโก-ลก เมื่อมาถึงจุดเกิดเหตุบนถนนใหญ่ ห่างจากฐานปฏิบัติการ นปพ.นราธิวาส 33 ประมาณ 200 เมตร คนร้ายได้กดระเบิดทำให้รถยนต์ได้รับความเสียหาย โชคดีที่เจ้าหน้าที่ใช้รถหุ้มเกราะจึงได้รับบาดเจ็บเล็กน้อย โดยเจ้าหน้าที่ทั้ง 4 นายได้ลงจากรถและยิงปะทะกับคนร้ายที่มีการดักซุ่มยิงระยะไกลจากถนนฝั่งตรงข้าม

พ.ต.อ.เจษฎาวิทย์ กล่าวว่า ในห้วงเวลาดังกล่าวคนร้ายได้โรยตะปูเรือใบบนถนนใกล้จุดเกิดเหตุ และเผายางรถหน้าสำนักงานขนส่งจังหวัดนราธิวาส สาขาสุไหงโก-ลก เพื่อขัดขวางไม่ให้เจ้าหน้าที่จากภายนอกเข้าไปให้ความช่วยเหลือเจ้าหน้าที่ที่ประสบเหตุ ซึ่งหลังเหตุปะทะสงบลงพบว่าเจ้าหน้าที่ได้รับบาดเจ็บเล็กน้อยจากสะเก็ดระเบิด

ส่วนมาตรการของฝ่ายความมั่นคงได้มีการประสานหน่วยกำลังของทุกชุดปฏิบัติการตามแผนรักษาความปลอดภัยเมือง ตำรวจ ทหาร ฝ่ายปกครอง ปิดเส้นทางฝั่งขาเข้าเมืองสุไหงโก-ลก ทั้ง 3 ด่าน ประกอบด้วย ด่านน้ำตก ด่านบุญลาภนฤมิตร ด่านบ้านน้ำขาว และปิดท่าข้ามริมฝั่งแม่น้ำโก-ลก พร้อมทั้งมีการลาดตระเวนเส้นทางตลอดแนวริมฝั่งแม่น้ำโก-ลก และตรวจสอบพื้นที่บริเวณใกล้เคียงทั้งหมด อีกทั้งได้มีการใช้โดรนสำรวจในพื้นที่เกิดเหตุด้วย

“ดังนั้น สำหรับประชาชนขอให้งดการเดินทางออกจากบ้าน รวมทั้งการใช้เส้นทางในพื้นที่เกิดเหตุ โดยเฉพาะเส้นทางสุไหงโก-ลก-มูโนะ ที่จำเป็นต้องเคลียร์รถยนต์ต้องสงสัย ตะปูเรือใบ และการเผายางรถในพื้นที่ รวมทั้งตรวจสอบวัตถุต้องสงสัยเพิ่มเติมหวั่นการก่อเหตุซ้ำ” พ.ต.อ.เจษฎาวิทย์ กล่าว

พ.ต.อ.เจษฎาวิทย์ กล่าวว่า จากเดิม นปพ.นราธิวาส 33 มีรถยนต์หุ้มเกราะ จำนวน 1 คัน แต่เนื่องจากห้วงที่ผ่านมาได้รับความเสียหายขณะเข้าตรวจค้นจับกุมเหตุผู้ต้องหาพร้อมของกลางคดียาบ้าล็อตใหญ่ โดยรถยังอยู่ระหว่างการซ่อมแซม จึงได้สั่งการให้นำรถหุ้มเกราะของ สภ.สุไหงโก-ลกไปใช้เป็นการชั่วคราว เนื่องจากเห็นว่าต้องปฏิบัติงานในพื้นที่เสี่ยง จึงทำให้เรารักษาชีวิตของเจ้าหน้าที่ นปพ.นราธิวาส 33 ที่ประสบเหตุไว้ได้

นราธิวาส-แม่ทัพภาคที่ 4 ลงพื้นที่ตรวจสอบเหตุคนร้ายรอบวางระเบิด กลางเมือง จ.นราธิวาส บริเวณรินเขื่อนท่าพระยาสาย

พร้อมเน้นย้ำเจ้าหน้าที่เร่งตรวจสอบครอบคลุมพื้นที่  และกำชับให้ส่วนที่เกี่ยวข้องเร่งดำเนินการดูแลเรื่องสิทธิต่างๆแก่ผู้เสียหาย โดยด่วน จากเหตุการณ์คนร้ายได้วางระเบิดแสวงเครื่อง ซึ่งติดตั้งในรถจักรยานยนต์ และจอดไว้บริเวณหน้าเขื่อนท่าพระยาสาย ถนนภูผาภักดี ตำบลบางนาค อำเภอเมืองนราธิวาส เมื่อคืนของวันที่ 6 พฤษภาคม 2567 เวลา 21.30 น. ที่ผ่านมา ซึ่งเป็นเวลาที่พี่น้องประชาชนใช้พื้นที่ดังกล่าวพาบุตรหลานมาพักผ่อน และออกกำลังกาย ส่งผลให้มีผู้ได้รับบาดเจ็บรวม 10 ราย เจ้าหน้าที่ อส. 2 ราย ประชาชนเพศหญิง 3 ราย, ประชาชนเพศชาย 3 ราย และประชาชนเพศหญิง สัญชาติมาเลเซีย 2 ราย

ทั้งนี้ หลังเกิดเหตุเจ้าหน้าที่ได้ทำการตรวจสอบและควบคุมพื้นที่ รวมทั้งได้ทำการปิดกั้นการจราจรโดยประสานชุดหน่วยเก็บกู้และตรวจสอบวัตถุระเบิด เคลียร์พื้นที่ พร้อมกับชุดพิสูจน์หลักฐาน ตรวจสอบที่เกิดเหตุ เพื่อขยายผลติดตามต่อคนร้านมาดำเนินคดีตามกฎหมายโดยเร็ว ล่าสุดเจ้าหน้าที่ยังคงปิดกั้นการจราจรไม่ให้พี่น้องประชาชนใช้เส้นทางในการสัญจร เพื่อความปลอดภัย ซึ่งพื้นที่โดยรอบยังคงมีร้านค้าของพี่น้องประชาชนที่เปิดให้บริการ ยังคงเปิดทิ้งไว้ไม่มีการเก็บร้านเพราะตกใจจากเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเมื่อคืนนี้

ขณะที่ในวันนี้ 7 พฤษภาคม 2567 เวลา 10.30 น. ว่าที่ร้อยตรี ตระกูล โทธรรม ผู้ว่าราชการจังหวัดนราธิวาส พร้อมด้วย พล.ต.ต.กฤษฎา แก้วจันดี รองผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 9  พล.ต.ต.ไมตรี สันตยากุล ผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดนราธิวาส  นาวาเอกสันติ  เกตุศรีพงศ์ษา ผู้บังคับหน่วยเฉพาะกิจนาวิกโยธิน กองทัพเรือ ได้ให้การต้อนรับ พลโท ศานติ ศกุนตนาค แม่ทัพภาคที่ 4/ผู้อำนวยการรักษาความมั่นคงภายในภาค 4  ได้ลงตรวจสอบพื้นที่จุดเกิดเหตุ ณ  บริเวณริมเขื่อนท่าพระยาสาย ถนนภูผาภักดี ตำบลบางนาค อำเภอเมืองนราธิวาส

พลโท ศานติ ศกุนตนาค แม่ทัพภาคที่ 4/ ผู้อำนวยการรักษาความมั่นคงภายในภาค 4  ได้กล่าวแสดงความเสียใจต่อเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น โดยกล่าวว่า “จากสถานการณ์ที่เกิดขึ้นเมื่อคืนนี้ แม่ทัพภาคที่ 4, ผู้ว่าราชการจังหวัดนราธิวาส, ผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดนราธิวาส และส่วนที่เกี่ยวข้องได้พูดคุยและประเมินต่อสถานการณ์ที่เกิดขึ้นแล้ว โดยได้เน้นย้ำส่วนที่เกี่ยวข้องทุกส่วนให้เพิ่มการดูแล และคุมเข้มในพื้นที่ให้ครอบคลุมมากยิ่งขึ้น ซึ่งที่ผ่านมาเราได้เน้นย้ำเรื่องนี้มาอย่างต่อเนื่อง แต่ด้วยช่วงนี้จังหวัดนราธิวาสได้มีการจัดงานประจำปี ทางเจ้าหน้าที่เลยเน้นหนักและมีการคุมเข้มในส่วนของสถานที่จัดงาน ซึ่งมีพี่น้องประชาชนเดินทางมาร่วมงานเป็นจำนวนมาก อาจทำให้เกิดช่องว่างของการก่อเหตุและเกิดเหตุขึ้นครั้งนี้ หลังจากนี้คงต้องกลับไปวิเคราะห์สถานการณ์ และคุมเข้มให้มากกว่าเดิม จุดไหนที่มีช่องว่างให้ปิดช่องว่างในทุกจุด

อย่างไรก็ตามหลังจากนี้ไปต้องขอความร่วมมือพี่น้องประชาชน คงต้องมีการตรวจตราเรื่องยานพาหนะอย่างเข้มงวดมากกว่าเดิม อาจมีผลกระทบเรื่องความล่าช้าในการเดินทางบ้าง แต่อยากขอความร่วมมือให้พี่น้องประชาชนเข้าใจต่อการทำงานของเจ้าหน้าที่ด้วย” นอกจากนี้ แม่ทัพภาคที่ 4 ยังได้กำชับให้ส่วนที่เกี่ยวข้องเร่งดำเนินการดูแลเรื่องสิทธิต่างๆ และการรักษาเป็นการด่วน ตลอดจนสั่งการให้เจ้าหน้าที่ตรวจสอบพื้นที่ และตั้งจุดตรวจ ด่านตรวจทั้งเส้นทางหลักและเส้นทางรอง ที่คาดว่าคนร้ายจะใช้ในการหลบหนี พร้อมตรวจสอบภาพจากกล้องวงจรปิดในทุกจุด โดยประสานการทำงานร่วมกับผู้นำท้องที่ ท้องถิ่น เพื่อติดตามคนร้ายให้ได้โดยเร็ว สร้างความเชื่อมั่นให้กับประชาชน

ทั้งนี้ ขอความร่วมมือพี่น้องประชาชน หากพบเห็นเบาะแสของกลุ่มคนร้ายสามารถแจ้งได้ที่ เจ้าหน้าที่ฝ่ายความมั่นคงประจำพื้นที่ หรือหมายเลขสายด่วนกองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในภาค 4 ส่วนหน้า หมายเลข 1341 หรือ หมายเลขโทรศัพท์สายตรง แม่ทัพภาคที่ 4/ผู้อำนวยการรักษาความมั่นคงภายในภาค 4 หมายเลข 061-1732999 ได้ตลอด 24 ชั่วโมง โดยทุกเบาะแสที่แจ้งเข้ามาจะถูกปิดเป็นความลับ

ข่าว.แวดาโอ๊ะ หะไร / อัสมา บินมะนุ จ.นราธิวาส 


TRENDING
© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top