Friday, 10 May 2024
นราธิวาส

นราธิวาส - ผบ.ฉก.นราธิวาส ตรวจเยี่ยมและประชุมเพิ่มประสิทธิภาพการปฎิบัติงาน พร้อมทั้งให้กำลังใจกำลังพลหน่วยเฉพาะกิจกรมทหารพรานในพื้นที่

พลตรีไพศาล หนูสังข์ ผู้บัญชาการกองพลทหารราบที่ 15 / ผู้บังคับหน่วยเฉพาะกิจนราธิวาส พร้อมด้วย พันเอก เฉลิมพร ขำเขียว รองผู้บัญชาการกองพลทหารราบที่ 15 / รองผู้บังคับหน่วยเฉพาะกิจนราธิวาส และคณะฯ ลงพื้นที่ ตรวจเยี่ยม และประชุมเพิ่มประสิทธิภาพการปฎิบัติงาน ให้กับหน่วยเฉพาะกิจกรมทหารพรานในพื้นที่ จังหวัดนราธิวาส  จำนวน 4  หน่วย ได้แก่ หน่วยเฉพาะกิจกรมทหารพรานที่ 45 อำเภอระแงะ , หน่วยเฉพาะกิจกรมทหารพรานที่ 46 อำเภอรือเสาะ, หน่วยเฉพาะกิจกรมทหารพรานที่ 48 อำเภอเจาะไอร้อง และ หน่วยเฉพาะกิจกรมทหารพรานที่ 49 อำเภอศรีสาคร

โดยได้รับฟัง สรุปการชี้แจงการปฎิบัติที่สำคัญในห้วงที่ผ่านมา และแผนการปฏิบัติงานที่สำคัญในห้วงต่อไป  พร้อมทั้งแนวความคิดการเพิ่มประสิทธิภาพในการปฏิบัติงาน ของหน่วยเฉพาะกิจกรมทหารพรานในพื้นที่  โดยผู้บังคับหน่วยเฉพาะกิจนราธิวาส มอบนโยบาย ข้อสั่งการสอบถามข้อขัดข้องในการปฎิบัติงาน พร้อมทั้งเน้นย้ำการปฏิบัติงาน ของชุดปฎิบัติการจรยุทธ์ ต้องอยู่ในความไม่ประมาท การรักษาความปลอดภัยในพื้นที่สร้างความมั่นใจให้กับพี่น้องประชาชน พร้อมทั้งการเฝ้าตรวจให้เป็นไปตามสั่งการของ ผอ.รมน.ภาค4 การใช้ระเบียบการนำหน่วย มอบแนวทางการเฝ้าระวัง ป้องกัน การสังเกตุการณ์ และการรักษาความปลอดภัยในพื้นที่ พร้อมทั้งให้กำลังพล ปฏิบัติตนตามมาตรการป้องกันการแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรน่า COVID19 อย่างเคร่งครัด

ทั้งนี้ ผู้บังคับหน่วยเฉพาะกิจนราธิวาส เน้นย้ำผู้บังคับหน่วย เรื่องสวัสดิการ สิทธิกำลังพล โดยฝากความห่วงใยแก่กำลังพล ให้ดูแลตนเอง และเฝ้าติดตามสถานการณ์การแพร่ระบาดของเชื้อไวรัส Covid19 อย่างใกล้ชิด ตลอดจนมอบงบประมาณแก้ไขปัญหาเบื้องต้น และสิ่งของอุปโภค บริโภค เพื่อเป็นขวัญและกำลังใจในการปฎิบัติงานให้แก่กำลังพลต่อไป


ภาพ/ข่าว  แวดาโอ๊ะ​ หะไร​ จ.นราธิวาส

นราธิวาส - ผู้ว่าฯนราธิวาส ประชุม ศบค. จังหวัด และคณะกรรมการโรคติดต่อจังหวัด ติดตามการดำเนินงาน พร้อมปรับมาตรการให้สอดคล้องกับแนวทางที่รัฐบาลกำหนด กำชับทุกอำเภอบริหารจัดการยับยั้งการระบาดอย่างทันท่วงที

วันนี้ (18 เม.ย. 64) ที่ห้องประชุมพระนราภิบาล ชั้น 5 ศาลากลางจังหวัดนราธิวาส นายเจษฎา จิตรัตน์ ผู้ว่าราชการจังหวัดนราธิวาส เป็นประธานการประชุมศูนย์บริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 จังหวัดนราธิวาส (ศบค.จังหวัด) โดยมีคณะรองผู้ว่าราชการจังหวัดนราธิวาส รองประธานคณะกรรมการอิสลามประจําจังหวัดนราธิวาส ปลัดจังหวัดนราธิวาส นายอำเภอ นายแพทย์สาธารณสุขจังหวัดนราธิวาส หัวหน้าส่วนราชการ และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเข้าร่วมการประชุม

นายเจษฎา จิตรัตน์ ผู้ว่าราชการจังหวัดนราธิวาส กล่าวว่า จากสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรค COVID19 ทำให้มีผู้ติดเชื้อเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง รัฐบาลได้ออกข้อกำหนด ตามความในมาตรา 9 แห่งพระราชกำหนด การบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉิน พ.ศ. 2548 ฉบับที่ 20 จึงต้องมีการปรับให้เข้ากับพื้นที่ โดยทุกส่วนราชการต้องร่วมกันระงับยับยั้งป้องกันโรค ซึ่งการประชุมในครั้งนี้ทำให้ได้ข้อสรุปในการแก้ปัญหาร่วมกัน เพื่อปรับมาตรการให้สอดคล้องกับแนวทางที่รัฐบาลกำหนด

โดยคณะทำงาน ศบค. จังหวัดนราธิวาส ทั้ง 9 คณะ ได้นำเสนอการดำเนินงานในด้านต่าง ๆ ทั้งนี้ ผู้ว่าราชการจังหวัดนราธิวาสได้เน้นย้ำให้ทุกอำเภอต้องมีมาตรการแก้ไขปัญหาระงับยับยั้งได้ทันที เพื่อควบคุมสถานการณ์ตามแนวทางที่กำหนด เมื่อมีผู้ที่ติดเชื้อขอให้บริหารจัดการในพื้นที่ทุกกรณี โดยรายงานด่วนมายังจังหวัดเพื่อลดการแพร่ระบาดของโรคได้อย่างทันท่วงที

จากนั้นได้มีการประชุมคณะกรรมการควบคุมโรคติดต่อจังหวัดนราธิวาส เพื่อพิจารณาออกมาตรการต่าง ๆ เพิ่มเติม ซึ่งในวาระแรกเป็นเรื่องมาตรการของจังหวัดนราธิวาสตามข้อกำหนดฯ ฉบับที่ 20 ลงวันที่ 16 เมษายน 2564 ซึ่งมีมาตรการป้องกันและควบคุมโรคที่บังคับใช้ในปัจจุบัน คือ การควบคุมตลาดและถนนคนเดิน , การให้ทุกคนในพื้นที่จังหวัดนราธิวาสสวมหน้ากากอนามัยหรือหน้ากากผ้า และคำสั่งปิดสถานบริการ สถานประกอบการที่มีลักษณะคล้ายกัน

สำหรับมาตรการที่จะต้องมีการปรับปรุงคำสั่ง คือ มาตรการควบคุมแต่ละพื้นที่ โดยกำหนดมาตรการพื้นที่ควบคุมให้ตรงกับข้อกำหนดฯ ฉบับที่ 20 รวมทั้งจะมีการกำหนดมาตรการในเรื่องการห้ามการดำเนินการ หรือจัดกิจกรรม หรือที่เสี่ยงต่อการแพร่โรค ซึ่งยังไม่ได้กำหนดมาตรการดังกล่าว นอกจากนี้จะมีการกำหนดมาตรการในเรื่องการงดหรือหลีกเลี่ยงการเดินทางให้ครอบคลุมทั้ง 18 จังหวัดที่เป็นพื้นที่ควบคุมสูงสุด รวมทั้งการกำหนดมาตรการจัดกิจกรรมทางสังคม การดำเนินรูปแบบปฏิบัติงานที่เหมาะสม และในด้านมาตรการเพื่อรองรับผู้ติดเชื้อ ที่จะต้องมีข้อสั่งการเพื่อให้ส่วนราชการที่เกี่ยวข้องในจังหวัดนราธิวาสเตรียมการในเรื่องดังกล่าว

นอกจากนี้ ในด้านมาตรการตามประกาศของจุฬาราชมนตรี ฉบับที่ 4/2564 ลงวันที่ 12 เมษายน 2564 และมาตรการที่ออกตามข้อกำหนด ฉบับที่ 20 ลงวันที่ 16 เมษายน 2564 ที่ประชุมได้ร่วมกันหารือและนำเสนอร่วมกัน โดยจะยึดตามประกาศจุฬาราชมนตรี และให้งดการออก “ดะวะห์” และ “โยร์” ซึ่งจะมีการออกคำสั่งจังหวัดและแจ้งมาตรการในพื้นที่ให้ถือปฏิบัติต่อไป

ในด้านการกักตัวสังเกตอาการแบบ Home Quarantine จะใช้มาตรการที่เข้มข้นมากขึ้น โดยให้ทุกอำเภอควบคุมดูแลตามคำสั่งของเจ้าพนักงานควบคุมโรคติดต่อ ทั้งนี้ ผู้ว่าราชการจังหวัดนราธิวาสยังได้เน้นย้ำให้หัวหน้าส่วนราชการดูแลผู้ใต้บังคับบัญชาของตนเองตามมาตรการป้องกันโรคอย่างเข้มข้น และถือปฏิบัติอย่างเคร่งครัด


ภาพ/ข่าว  ปทิตตา หนดดระโทก ผู้สื่อข่าวนราธิวาสรายงาน

นราธิวาส - ผก.ฉก.นราธิวาส รุดลงพื้นที่ตรวจเยี่ยมหน่วย และมอบนโยบาย เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการทำงาน ในรอบ 6 เดือนหลัง พร้อมทั้งมอบสิ่งของบำรุงขวัญกำลังพล

พลตรี ไพศาล หนูสังข์ ผู้บัญชาการกองพลทหารราบที่ 15 / ผู้บังคับหน่วยเฉพาะกิจนราธิวาส และคณะ ลงพื้นที่ตรวจเยี่ยมหน่วย และมอบนโยบาย ข้อสั่งการ เพื่อเป็นการเพิ่มประสิทธิภาพในการปฎิบัติงานในรอบ 6 เดือนหลัง ของหน่วยในพื้นที่ จังหวัดนราธิวาส จำนวน 2 หน่วย ได้แก่ หน่วยเฉพาะกิจกรมทหารพรานที่ 10  และ ชุดควบคุมป้องกันชายแดน โดยได้รับฟังบรรยายสรุปการชี้แจงการปฎิบัติที่สำคัญที่ผ่านมา และแผนการปฏิบัติงานที่สำคัญในช่วงต่อไป พร้อมทั้งแนวความคิดการเพิ่มประสิทธิภาพในการปฏิบัติงานของหน่วย

โดยผู้บังคับหน่วยเฉพาะกิจนราธิวาส ได้มอบนโยบาย ข้อสั่งการ สอบถามข้อขัดข้องในการปฎิบัติงาน  เน้นย้ำผู้บังคับหน่วยต้องคำนึงถึงเรื่องสวัสดิการ สิทธิกำลังพล เป็นสำคัญ โดยการปฏิบัติงานของชุดปฎิบัติการจรยุทธ์ ต้องอยู่ในความไม่ประมาท ต้องตื่นตัวอยู่เสมอ พร้อมทั้งมอบแนวทางการเฝ้าระวัง ป้องกัน การสังเกตุการณ์ และการรักษาความปลอดภัยในพื้นที่  พร้อมกำชับให้กำลังพลปฏิบัติตนตามมาตรการป้องกันการแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรน่า COVID19 อย่างเคร่งครัด  และที่สำคัญต้องห้ามยุ่งเกี่ยวกับยาเสพติด และสิ่งผิดกฎหมายโดยเด็ดขาด

ทั้งนี้ ผู้บังคับหน่วยเฉพาะกิจนราธิวาส ได้พบปะ ให้โอวาทกำลังพล โดยเน้นย้ำกำลังพล ถึงบทบาทหน้าที่ ความสำคัญ ของการเป็นทหาร ต้องเสียสละ อดทน ทำหน้าที่ของตนเองให้ดีที่สุด รักษาความปลอดภัยในพื้นที่สร้างความมั่นใจให้กับพี่น้องประชาชน โดยฝากความห่วงใยแก่กำลังพล ให้ดูแลตนเองและเฝ้าติดตามสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรน่า COVID19 อย่างใกล้ชิด ตลอดจนมอบสิ่งของบำรุงขวัญ เพื่อเป็นกำลังใจในการปฎิบัติงานให้แก่กำลังพลต่อไป


ภาพ/ข่าว  แวดาโอ๊ะ หะไร จ.นราธิวาส

นราธิวาส - ผู้ว่าฯนราธิวาส พร้อมนายกเหล่ากาชาดจังหวัดนราธิวาส รับมอบอุปกรณ์ทางการแพทย์สู้ภัย COVID 19 จากภาคเอกชน

วันนี้ (19 เม.ย. 64) ที่สำนักงานเหล่ากาชาดจังหวัดนราธิวาส อำเภอเมือง จังหวัดนราธิวาส นายเจษฎา จิตรัตน์ ผู้ว่าราชการจังหวัดนราธิวาส พร้อมด้วยนางดาเรศ จิตรัตน์ นายกเหล่ากาชาดจังหวัดนราธิวาส นายชินวุฒิ ขาวสำลี รองผู้ว่าราชการจังหวัดนราธิวาส รองนายแพทย์สาธารณสุขจังหวัดนราธิวาส หัวหน้าส่วนราชการ และสมาชิกเหล่ากาชาดจังหวัดนราธิวาสร่วมรับมอบอุปกรณ์ทางการแพทย์จากนายเอกนรินทร์ ศรเรือง นักวิชาการศึกษา สำนักงานการศึกษาเอกชนจังหวัดนราธิวาส ตัวแทนกลุ่มไม้จิ้มฟันกู้โลก ซึ่งเป็นกลุ่มนักธุรกิจที่ได้รวบรวมเงินเพื่อจัดซื้ออุปกรณ์ทางการแพทย์ ประกอบด้วย ชุดป้องกันเชื้อ PPE จำนวน 40 ชุด และหน้ากาก N95 จำนวน 50 ชิ้น มอบให้แก่จังหวัดนราธิวาสเพื่อสู้ภัย COVID19

นายเจษฎา จิตรัตน์ ผู้ว่าราชการจังหวัดนราธิวาส กล่าวว่า ขอขอบคุณภาคเอกชนและทุกภาคส่วนที่ร่วมใจนำอุปกรณ์ทางการแพทย์มามอบให้ศูนย์นรารวมใจต้านภัยโควิด-19 ซึ่งยินดีรับความช่วยเหลือจากผู้ที่ต้องการบริจาคอุปกรณ์ทางการแพทย์หรือสิ่งของต่าง ๆ สามารถนำมามอบได้ที่สำนักงานเหล่ากาชาดจังหวัดนราธิวาส หรือที่ศาลากลางจังหวัดนราธิวาส ทางสำนักงานเหล่ากาชาดจังหวัดนราธิวาสจะได้รวบรวมและส่งมอบให้กับโรงพยาบาล หน่วยงานสาธารณสุข หรือหน่วยงานต่าง ๆ ที่ต้องการต่อไป นอกจากนี้ยังสามารถบริจาคเงินสมทบทุนผ่านบัญชี ธนาคารกรุงไทย สาขานราธิวาส ชื่อบัญชี : COVID19 คนนราไม่ทิ้งกัน เลขที่บัญชี : 905-3-29568-2 ได้อีกด้วย

ด้านนายเอกนรินทร์ ศรเรือง กล่าวว่า ได้เป็นสื่อกลางของกลุ่มไม้จิ้มฟันกู้โลกส่งมอบอุปกรณ์ทางการแพทย์ให้จังหวัดนราธิวาส ซึ่งทางกลุ่มมีความห่วงใยผู้ได้รับผลกระทบจากสถานการณ์ COVID19 จึงได้รวบรวมเงินจัดซื้ออุปกรณ์การแพทย์ เพื่อมอบให้กับโรงพยาบาลต่าง ๆ ทั่วประเทศ รวมทั้งมอบให้จังหวัดนราธิวาสเพื่อส่งต่อไปยังโรงพยาบาล หรือหน่วยงานต่าง ๆ ที่มีความต้องการ โดยอุปกรณ์เหล่านี้มีความจำเป็นสำหรับบุคลากรทางการแพทย์และผู้ที่เกี่ยวข้องเพื่อใช้ประโยชน์ในการรักษาและระงับยับยั้งโรค COVID19

นอกจากนี้ ศูนย์นรารวมใจต้านภัยโควิด-19 ยังได้มอบอุปกรณ์ทางการแพทย์ หน้ากากอนามัย สเปรย์แอลกอฮอล์ ชุดถุงผ้า COVID19 และสิ่งของที่ได้รับการบริจาคจากผู้มีจิตศรัทธามามอบให้เหล่ากาชาดจังหวัดนราธิวาส เพื่อส่งมอบให้กับหน่วยงานต่าง ๆ ที่มีความต้องการต่อไป


ภาพ/ข่าว  แวดาโอ๊ะ​ หะไร​ จ.นราธิวาส

นราธิวาส - แม่ทัพภาคที่ 4 สั่งกำลังป้องกันชายแดนเตรียมรับคนไทยกลับประเทศ หลังมาเลย์ดีเดย์ผลักดันแรงงานต่างชาติออกนอกประเทศภายใน 21 เมษายนนี้

วันนี้ (19 เมษายน 2564) แม่ทัพภาคที่ 4 สั่งเตรียมพร้อมรองรับคนไทยกลับเข้าประเทศ หลังมาเลเซียขีดเส้นผลักดันชาวต่างชาติที่อาศัยในเมืองโดยผิดกฎหมาย ต้องเดินทางออกจากประเทศก่อนวันที่ 21 เม.ย.64 หลังจากที่ได้มีการผ่อนผันมาแล้วหลายครั้ง อันเนื่องมาจากผลกระทบจากการระบาดของไวรัสโควิด 19 ในประเทศมาเลเซีย ย้ำรับคนไทยทุกคนแต่ต้องผ่านกระบวนการคัดกรองโรคอย่างเคร่งครัด ป้องกันนำเชื้อโควิด-19 เข้ามาระบาดในประเทศ

พลโท เกรียงไกร  ศรีรักษ์  แม่ทัพภาคที่ 4 / ผู้อำนวยการรักษาความมั่นคงภายในภาค 4 กล่าวว่า ภายหลังมาเลเซียเร่งรัดผลักดันให้ชาวต่างชาติที่อาศัยในเมืองผิดกฎหมาย ต้องเดินทางออกจากประเทศก่อนวันที่ 21 เมษายน 2564 โดยเฉพาะกลุ่มคนไทยที่อยู่ในมาเลเซียนั้น เราได้มีการเตรียมการรับมือเรื่องนี้ไว้แล้วโดยได้ประสานจังหวัดต่าง ๆ ที่อยู่ติดชายแดนมาเลเซียให้มีมาตรการรับมือทั้งเรื่องของสถานที่สำหรับรองรับกลุ่มดังกล่าว

ทั้งยังได้สั่งการให้หน่วยกำลังทุกหน่วยประสานกับผู้ว่าราชการจังหวัดอย่างใกล้ชิด ตลอดจนหน่วยงานสาธารณสุข และหน่วยที่เกี่ยวข้อง โดยนำมาตรการที่เคยใช้ควบคุมโรคโควิด-19 ที่ใช้ได้ผลเป็นอย่างดีมายกระดับเพิ่มเติม ส่วนกำลังเจ้าหน้าที่ป้องกันตามแนวชายแดนก็ได้สั่งให้เข้มงวดมาตรการดูแลสกัดกั้นตามแนวชายแดน ซึ่งได้ดำเนินการมาโดยตลอดตั้งแต่มีนาคมปีที่แล้ว โดยได้มีการตรวจตราตามแนวชายแดนอย่างเข้มงวด เพิ่มเติมกำลังเจ้าหน้าที่เฝ้าตรวจตามแนวชายแดน โดยเฉพาะการเข้ามาผ่านช่องทางธรรมชาติผิดกฎหมาย ของแรงงานคนไทยที่ไปทำงานยังมาเลเซีย ที่จะต้องนำเข้ากระบวนการ Quarantine ป้องกันโรคโควิด-19 ทุกคน

เพื่อป้องกันการแพร่ระบาดของเชื้อ สำหรับชายแดนที่ต้องดูแลเป็นพิเศษนั่นคือ ฝั่งจังหวัดนราธิวาสและสงขลา เพราะมีช่องทางธรรมชาติที่หลายช่องทาง ที่สามรถแอบลักลอบเข้ามาได้ ประกอบกับทั้ง 2 จังหวัดนี้ ขณะนี้เป็นพื้นที่สีแดงที่ต้องมีการควบคุมสูงสุด เนื่องจากมีระบาดจำนวนมาก โดยเฉพาะทางจังหวัดนราธิวาส ที่มักมีผู้ลักลอบเข้ามาทางฝั่ง อ.ตากใบ อ.แว้ง และ อ.สุไหงโกลก โดยข้ามแม่น้ำเข้ามา ยิ่งช่วงนี้หน้าแล้ง น้ำแห้งทำให้สามารถข้ามมาได้โดยสะดวก ยิ่งมาเลเซีย​ผลักดันอาจทำให้มีคนแอบลักลอบเข้ามามายิ่งขึ้น โดยเมื่อวานนี้สามารถจับกุมได้กว่า 40 คน ก็ได้นำเข้ากักตัวสังเกตอาการทั้งหมด นอกจากกำลังเจ้าหน้าที่แล้วก็ได้ประสานกำนัน ผู้ใหญ่บ้าน อาสาสมัครสาธารณสุขประจำหมู่บ้าน ได้ช่วยกันเป็นหูเป็นตาดูแล ช่วยด้วยอีกทางหนึ่ง สำหรับชายแดนที่ติดทางทะเล จ.สตูล​ ก็ได้ให้กำลังป้องกันชายแดน โดยกองกำลังเทพสตรี เฝ้าระวังอย่างใกล้ชิด และเข้มงวดกวดขันยังจุดที่เป็นเกาะแก่งต่าง ๆ ที่คาดว่าอาจมีการลักลอบเข้ามา โดยส่วนใหญ่มาทางเรือ ก็ได้ประสานการทำงานร่วมกับทัพเรือภาค 3 ในการลาดตระเวนทางทะเลเพื่อป้องกันอย่างเต็มที่ 

อย่างไรก็ดี ขอฝากถึงประชาชนในพื้นที่ได้ช่วยกันเป็นหูเป็นตา ช่วยกันสร้างความตระหนักรู้ในมาตรการและความจำเป็นในการเฝ้าระวังป้องกันโรคโควิด 19 โดยเฉพาะผู้ที่กำลังจะเข้ากลับมายังประเทศไทยขอให้แจ้งผ่านเข้ามายังเจ้าหน้าที่ เพื่อจะได้อำนวยความสะดวก ช่วยเหลือ และนำเข้าสู่กระบวนการคัดกรองโรคตามที่ สบค. กำหนด ซึ่งเป็นสิ่งสำคัญที่สุดเพื่อความปลอดภัยของทุกคน ยืนยันไม่ว่าจะเดินทางเข้ามาผ่านช่องทางใดเจ้าหน้าที่พร้อมรับและดูแล แต่ต้องมีการคัดกรองโรคอย่างเข้มข้น และหากพี่น้องประชาชนพบเห็นผู้ที่แอบลักลอบเข้ามายังหมู่บ้าน ชุมชนของตนโดยไม่ผ่านการคัดกรองโรค ก็ให้รีบแจ้งเจ้าหน้าที่โดยทันที เพื่อป้องกันไม่ให้มีการนำเชื้อจากต่างประเทศเข้ามาในพื้นที่ แม่ทัพภาคที่ 4 ได้กล่าวย้ำทิ้งท้าย


ภาพ/ข่าว  ปทิตตา หนดกระโทก ผู้สื่อข่าวนราธิวาสรายงาน

นราธิวาส – โจรใต้ป่วนไม่เลิก ขว้างไปป์บอมบ์ใส่ฐาน 2 จุด 2 อำเภอ ทำเกิดความเสียหาย

เมื่อเวลา 12.10 น. วันที่ 21 เม.ย. 64 ร.ต.อ.พัลลภ ทองสลับล้วน รองสารวัตรสอบสวน สภ.บาเจาะ จ.นราธิวาส รับแจ้งมีเหตุคนร้ายขว้างระเบิดใส่ฐานหน่วยปฏิบัติการพิเศษที่ 13 อ.บาเจาะ ซึ่งตั้งอยู่ ม.2 ต.บาเจาะ ส่งผลทำให้เรือนนอนของเจ้าหน้าที่ได้รับความเสียหาย จึงพร้อมด้วย พ.ต.อ.ดุลยมาน แยนา ผกก.สภ.บาเจาะ เจ้าหน้าที่ชุดเก็บกู้และทำลายวัตถุระเบิด หน่วยปฏิบัติการพิเศษ กองกำกับการตำรวจภูธร จ.นราธิวาส เจ้าหน้าที่กองพิสูจน์หลักฐาน จ.นราธิวาส พร้อมด้วยกำลังเจ้าหน้าที่ตำรวจจำนวนหนึ่ง รุดเดินทางไปตรวจสอบที่เกิดเหตุ

พบที่บริเวณเรือนนอนของเจ้าหน้าที่ ซึ่งอยู่ข้างกำแพงด้านซ้ายมือของฐาน ถูกอนุภาพของระเบิดได้รับความเสียหายที่บริเวณหลังคา ช่วงกันสาดของห้องพัก โดยมีกระเบื้องหลังคาแตกเสียหาย 2 แผ่น จนตกลงมาในกองที่หน้าเรือนนอน และมีรถยนต์กระบะยี่ห้ออีซูซุ 4 ประตู สีเทาดำ ทะเบียน งข 343 สงขลา ของเจ้าหน้าที่ซึ่งจอดอยู่บริเวณหน้าเรือนนอนถูกสะเก็ดระเบิดได้รับความเสียหายเล็กน้อยที่บริเวณฝากระโปรงหน้า เจ้าหน้าที่จึงได้เก็บรวบรวมหลักฐานในที่เกิดเหตุ

จากการสอบสวนทราบว่า ในขณะที่เจ้าหน้าที่กำลังแยกย้ายกันอาศัยอยู่ภายในฐาน ได้มีคนร้าย จำนวน 1 คน แฝงตัวเดินย่องมาตามถนนข้างกำแพงด้านซ้ายมือของฐาน แล้วใช้ระเบิดแสวงเครื่องแบบไปป์บอมบ์ ขว้างข้ามตาข่ายข้างกำแพงไปตกที่บริเวณหลังคาซึ่งเป็นกันสาดด้านหน้าของเรือนนอน จนเกิดระเบิดขึ้นเสียงดังสนั่นหวั่นไหว เจ้าหน้าที่ที่เดินอยู่บริเวณใกล้ข้างกำแพงใกล้เรือนนอน จึงใช้อาวุธปืนประจำกายยิงขู่ขึ้นฟ้า เนื่องจากเกรงจะถูกบ้านของชาวบ้าน แล้วคนร้ายได้รีบวิ่งหลบหนีไปอย่างรวดเร็ว

ส่วนเหตุการณ์ที่ 2 เกิดขึ้นในเวลาไล่เลี่ยกันที่อ.จะแนะ โดย ร.ต.อ.อดิพงศ์ พรหมหนู รองสารวัตรสอบสวน สภ.จะแนะ รับแจ้งมีเหตุคนร้ายขว้างระเบิดใส่ฐานปฏิบัติการชุดคุ้มครองตำบลจะแนะ ซึ่งตั้งอยู่บ้านละหาร ม.11 ต.จะแนะ แต่ไม่มีผู้ใดได้รับบาดเจ็บ จึงพร้อมด้วย พ.ต.อ.อดุลย์ เง๊าะ ผกก.สภ.จะแนะ และกำลังเจ้าหน้าที่ตำรวจทหารจำนวนหนึ่ง รุดเดินทางไปตรวจสอบที่เกิดเหตุ พบจุดเกิดเหตุเป็นคูน้ำบริเวณหน้าฐาน มีร่องรอยระเบิดแสวงเครื่องแบบไปป์บอมบ์ ที่คนร้ายขว้างใส่ตก จนผิวดินกระเด็นขึ้นมากองริมถนน โดยมีเศษซากชิ้นส่วนของระเบิดตกกระจายเกลื่อน เจ้าหน้าที่จึงได้เก็บรวบรวมไว้เป็นหลักฐาน ส่วนผู้ได้รับบาดเจ็บ คือ อส.ทพ.อัสมิน การียา สังกัดเจ้าหน้าที่ทหารพราน กรมทหารพรานที่ 49 ถูกสะเก็ดระเบิดได้รับบาดเจ็บเล็กน้อยที่บริเวณขาซ้าย เพื่อนทหารกำลังปฐมพยาบาลบอยู่ภายในฐาน

จากการสอบสวนทราบว่า ก่อนเกิดเหตุได้มีคนร้าย จำนวน 2 คน ขี่และซ้อนท้ายรถ จยย.เป็นพาหนะ เมื่อผ่านบริเวณหน้าฐานคนขับได้ชะลอความเร็ว ให้คนร้ายที่นั่งซ้อนท้ายขว้างระเบิดไปป์บอมบ์ใส่ฐาน แต่โชคดีระเบิดไปติดตาข่ายที่เจ้าหน้าที่ได้ขึงไว้บริเวณหน้าฐาน ทำให้ระเบิดได้ตกลงไปในคูน้ำจนเกิดเสียงดังสนั่นหวั่นไหว ทำให้สะเก็ดระเบิดกระเด็นไปถูกขาของ อส.ทพ.อัสมิน ที่กำลังเดินอยู่ในฐานใกล้จุดเกิดเหตุ จนได้รับบาดเจ็บดังกล่าว แล้วคนร้ายได้รีบขี่รถ จยย.หลบหนีไป โดยที่ อส.ทพ.อัสมิน ไม่กล้าใช้อาวุธปืนประจำกายยิงใส่ เนื่องจากเวลาดังกล่าวชาวบ้านได้ขี่รถ จยย.และรถยนต์ผ่านไปมา

ด้าน พล.ต.ต.นรินทร์ บูสะมัญ ผบก.ภ.จว.นราธิวาส กล่าวว่า ทั้ง 2 เหตุการณ์ที่เกิดขึ้น เชื่อว่าเป็นฝีมือการกระทำของกลุ่มผู้ไม่หวังดี ที่ได้มีการนัดแนะเวลาก่อเหตุในช่วงไล่เลี่ยกัน เพื่อสร้างสถานการณ์ความวุ่นวายให้เกิดขึ้นในพื้นที่


ภาพ/ข่าว  แวดาโอ๊ะ หะไร จ.นราธิวาส

นราธิวาส – ผู้ว่าฯนราธิวาส ตรวจเยี่ยมด่านศุลกากรสุไหงโก-ลก ให้กำลังใจเจ้าหน้าที่และคนไทยที่เดินทางกลับประเทศ

หลังมาเลเซียผลักดันแรงงานต่างชาติกลับประเทศ ภายใน 21 เมษายนนี้ ยืนยันจังหวัดนราธิวาสพร้อมรองรับ เน้นย้ำมาตรการคัดกรองโรค COVID19

วันนี้ (21 เม.ย. 64) ที่ด่านศุลกากรสุไหงโก-ลก อ.สุไหงโก-ลก จ.นราธิวาส นายเจษฎา จิตรัตน์ ผู้ว่าราชการจังหวัดนราธิวาส ได้ตรวจเยี่ยมให้กำลังใจเจ้าหน้าที่ประจำด่านศุลกากรสุไหงโก-ลก พร้อมทั้งรับทราบข้อมูลการปฏิบัติงานของเจ้าหน้าที่ประจำด่าน โดยมีนายรุ่งเรือง ธิมาบุตร นายอำเภอสุไหงโก-ลก นายวัลลภ วุฒาพาณิชย์ นายด่านศุลกากรสุไหงโก-ลก ขนส่งจังหวัดนราธิวาส สาธารณสุขอำเภอสุไหงโก-ลก หัวหน้าส่วนราชการ และหน่วยกำลังในพื้นที่ร่วมต้อนรับ

นายเจษฎา จิตรัตน์ ผู้ว่าราชการจังหวัดนราธิวาส ได้พบปะคนไทยที่เดินทางกลับจากประเทศมาเลเซียตั้งแต่ช่วงเช้าโดยได้ขอความร่วมมือให้ผู้ที่เดินทางผ่านด่านให้ข้อมูลแก่เจ้าหน้าที่ถูกต้องและเป็นความจริง เพื่อใช้ในการควบคุมและสอบสวนโรค และยืนยันว่าจังหวัดนราธิวาสพร้อมดูแลคนไทย ซึ่งมีความพร้อมในการรองรับและดำเนินการอย่างรอบคอบเพื่อไม่ให้เกิดผลกระทบในโอกาสต่อไป

ผู้ว่าราชการจังหวัดนราธิวาส ได้กล่าวเพิ่มเติมว่า ก่อนหน้านี้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องในจังหวัดนราธิวาสได้เตรียมความพร้อมด้านมาตรการรับมือคนไทยเดินทางกลับจากประเทศมาเลเซีย โดยมีสิ่งที่ห่วงใยมากที่สุด คือ การสอบสวนโรคหรือการคัดกรองโรคเบื้องต้นของคนไทยที่เดินทางเข้ามาอย่างถูกกฎหมายและผิดกฎหมายผ่านช่องทางธรรมชาติ ซึ่งทั้งสองกลุ่มมีมาตรการตั้งแต่ช่วงการระบาดในรอบแรกที่ได้เตรียมการไว้แล้ว โดยต้องเข้าสู่การสอบสวนโรค กักกันตัว และการส่งตัวกลับภูมิลำเนาด้วยความปลอดภัย

สำหรับผู้ที่ติดเชื้อจะเข้าสู่การรักษาที่โรงพยาบาลนราธิวาสราชนครินทร์ ซึ่งขณะนี้ทางโรงพยาบาลเปิดรับผู้ที่ติดเชื้อในรอบแรก 43 ราย ในรอบเดือนเมษายนตั้งแต่ 1 เมษายนมีตัวเลขผู้ติดเชื้อจำนวน 405 ราย และจำนวน 249 คนเป็นผู้ติดเชื้อในเรือนจำจังหวัดนราธิวาส รวมทั้งมีการจัดตั้งโรงพยาบาลสนามเพื่อดูแลรักษาผู้ป่วย แห่งแรกที่เรือนจำจังหวัดนราธิวาสสำหรับรักษาผู้ต้องขัง แห่งที่ 2 ที่ศูนย์ปรับเปลี่ยนพฤติกรรมผู้เสพยาเสพติดจังหวัดนราธิวาส และแห่งที่ 3 ที่ศูนย์พักพิงร่วมใจอุ่นไอรัก ซึ่งสามารถรองรับผู้ติดเชื้อที่มีอาการไม่รุนแรง สำหรับคนไทยที่เดินทางเข้ามาในวันนี้จะมีมาตรการโดยให้เจ้าหน้าที่เปิดรับผู้ที่เดินทางผ่านแดนทุกวันตั้งแต่วันนี้จนถึงสิ้นเดือนนี้

ทั้งนี้ ผู้บังคับบัญชาได้ให้คำแนะนำ โดยแม่ทัพภาคที่ 4 ได้ให้ความสำคัญกรณีแรงงานต่างด้าวทุกสัญชาติที่เดินทางเข้ามาในช่วงนี้เช่นเดียวกัน สำหรับแรงงานต่างด้าวทุกสัญชาติที่เข้ามาในช่วงนี้จะต้องถูกดำเนินคดีในการหลบหนีเข้าเมือง ซึ่งต้องใช้เวลาดำเนินการ 7 - 15 วัน หากมีแรงงานต่างด้าวจำนวนมากได้เตรียมสถานที่ไว้ที่ตำบลมูโนะ อำเภอสุไหงโก-ลก ณ สนามกีฬาและหอประชุมใหญ่ และที่อำเภอตากใบ เพื่อรองรับแรงงานต่างด้าว ในด้านข้อมูลผู้ติดเชื้อภายในเรือนจำจังหวัดนราธิวาส วันนี้มีผู้ป่วยรายใหม่เป็นศูนย์โดยผู้ต้องขังจำนวน 2,334 กว่าคน มีผู้ติดเชื้อสะสมในเรือนจำจังหวัดนราธิวาส จำนวน 249 คน


ภาพ/ข่าว  แวดาโอ๊ะ หะไร จ.นราธิวาส

นราธิวาส - ร.10พระราชทานดอกไม้ และตะกร้าแก่ทหารที่บาดเจ็บจากการปฏิบัติหน้าที่

เวลา 10.00 น. วันที่่ 22 เมษายน 2564 พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และสมเด็จพระนางเจ้าพระบรมราชินี ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าโปรดกระหม่อมให้ นายเจษฎา จิตรัตน์ ผู้ว่าราชการจังหวัดนราธิวาส อัญเชิญดอกไม้และตะกร้าสิ่งของพระราชทานไปมอบให้แก่ อาสาสมัครทหารพรานอัสมิน การิยา สังกัดกองร้อยทหารพรานที่ 4914 ชุดเฉพาะกิจกรมทหารพรานที่ 49 ซึ่งได้รับบาดเจ็บจากเหตุคนร้ายลอบขว้างระเบิดใส่ฐานปฏิบัติการชุดคุ้มครองตำบลจะแนะ ซึ่งตั้งอยู่หมู่ที่11 ตำบลจะแนะ อำเภอจะแนะ จังหวัดนราธิวาส เหตุเกิดเมื่อวันที่ 21 เมษายน 2564 ที่ผ่านมา

ซึ่งนอนรักษาตัวอยู่ที่โรงพยาบาลนราธิวาสราชนครินทร์ อำเภอเมือง จังหวัดนราธิวาส เพื่อเป็นขวัญกำลังใจ พร้อมทั้งได้นำกระแสพระราชดำรัสความห่วงใยจากพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และสมเด็จพระนางเจ้าพระบรมราชินี กล่าวให้อาสาสมัครทหารพรานอัสมิน ยังความปลื้มปิติแก่ อาสาสมัครทหารพรานอัสมิน ด้วยสำนึกในพระมหากรุณาธิคุณอย่างหาที่สุดมิได้


ภาพ/ข่าว  แวดาโอ๊ะ​ หะไร​ จ.นราธิวาส

นราธิวาส - ผบ.ฉก.นราธิวาส ติดตามสถานการณ์ ดีเดย์วันสุดท้ายมาเลย์ผลักดันชาวต่างชาติออกจากประเทศ เน้นย้ำมาตรการควบคุมการแพร่ระบาดของโควิด-19 อย่างเคร่งครัด

พลตรีไพศาล หนูสังข์ ผู้บัญชาการกองพลทหารราบที่ 15 / ผู้บังคับหน่วยเฉพาะกิจนราธิวาส เดินทางลงพื้นที่ เป็นประธานการประชุมติดตามสถานการณ์ ดีเดย์วันสุดท้าย ในการเดินทางกลับเข้ามาของคนไทยจากประเทศมาเลเซีย หลังประเทศมาเลเซียผลักดันชาวต่างชาติออกจากประเทศ  เนื่องมาจากผลกระทบจากการระบาดของไวรัสโควิด 19 ภายในประเทศมาเลเซีย  โดยมี หัวหน้าส่วนราชการ ทหาร ตำรวจ ฝ่ายปกครอง ด่านตรวจคนเข้าเมือง และกองกำลังป้องกันชายแดน และส่วนที่เกี่ยวข้อง เข้าร่วมการประชุม ณ กองอำนวยการควบคุมการผ่านแดน ด่านศุลกากรสุไหงโกลก อำเภอสุไหงโกลก จังหวัดนราธิวาส

ทั้งนี้ ผู้บังคับหน่วยเฉพาะกิจนราธิวาส กล่าวว่า ขณะที่การดูแลแนวชายแดนไทย-มาเลเซีย ฝั่งจังหวัดนราธิวาส ได้กำชับหน่วยทหารในพื้นที เพิ่มมาตรการคุมเข้ม ลาดตระเวนเฝ้าระวังป้องกัน ตามช่องทางธรรมชาติอย่างเต็มที่ เสริมเข้มด่านตรวจจุดตรวจ เส้นทางหลักเส้นทางรอง บูรณาการการปฎิบัติงานร่วมกันทั้ง 3 ฝ่าย ระหว่างเจ้าหน้าที่ทหาร ตำรวจ และ ฝ่ายปกครอง ตลอดจน อาสาสมัครประจำถิ่น และ ผู้นำท้องที่ ผู้นำท้องถิ่น เครือข่าย อสม. ตรวจสอบ และสกัดผู้ที่แอบลักลอบเข้ามาในประเทศโดยผิดกฎหมาย  พร้อมทั้งเน้นย้ำการปฎิบัติตนของเจ้าหน้าที่ ให้อยู่ภายใต้มาตรการการป้องกันการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโคโรนา COVID-19  อย่างเคร่งครัด จากนั้นผู้บังคับหน่วยเฉพาะกิจนราธิวาส ได้เดินตรวจเยี่ยมความเรียบร้อยภายใน จุดตรวจคัดกรอง พื้นที่ Local Quarantine (LQ) รองรับการข้ามเเดนของคนไทยกลับเข้าประเทศ ด่านศุลกากรสุไหงโกลก พร้อมทั้ง มอบห่วงใย และให้กำลังใจเจ้าหน้าที่ในการปฏิบัติงานต่อไป


ภาพ/ข่าว  แวดาโอ๊ะ​ หะไร​ จ.นราธิวาส

นราธิวาส – ผู้บังคับหน่วยเฉพาะกิจกรมทหารพรานที่ 48 เดินทางตรวจเยี่ยมกำลังพล ที่ปฏิบัติหน้าที่เฝ้าป้องกันชายแดนไทย-มาเลเซีย ที่ชายแดนอำเภอสุไหงโก-ลก

พันเอกเอกพล เลขนอก ผู้บังคับหน่วยเฉพาะกิจกรมทหารพรานที่ 48  เดินทางไปตรวจเยี่ยม พบปะ พูดคุย และให้กำลังใจ พร้อมสอบถามปัญหาข้อขัดข้องเกี่ยวกับความเป็นอยู่ของกำลังพล ร้อย.ทพ.4802 ฉก.ทพ.48 ซึ่งสนับสนุน ฉก.นราธิวาส 30 ขึ้นควบคุมยุทธการกับ ร้อยป้องกันชายแดนที่ 3 ทำการลาดตระเวนเฝ้าตรวจและควบคุมจุดท่าข้ามต่าง ๆ ในพื้นที่เพื่อแสดงกำลัง กดดัน และสกัดกั้นการลักลอบเข้าเมืองโดยผิดกฎหมาย ทั้งแรงงานต่างด้าวและคนไทยที่เดินทางมาจากฝั่งประเทศเพื่อนบ้าน ตามช่องทางธรรมชาติ

พร้อมกับชี้แจงข้อมูลข่าวสาร และประชาสัมพันธ์ ให้คำแนะนำการป้องกันและควบคุมโรคไววัส โควิด-19  พร้อมแจ้งเตือน ข่าวความเคลื่อนไหวของกลุ่ม ผู้ก่อการร้ายที่หลบหนีเข้ามาในห่วงที่ประเทศมาเลเชียผลักดันแรงงานต่างชาติออกนอกประเทศจากกรณีที่ทางการมาเลเซีย ขีดเส้นตายให้ชาวต่างชาติที่อยู่ในประเทศมาเลเซีย ที่ขาดวีซ่าหรืออยู่แบบผิดกฎหมาย ต้องเดินทางออกจากประเทศมาเลเซียให้หมด เนื่องจากเป็นมาตรการการป้องกันการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19  ของประเทศมาเลเซีย ณ. บ.ตือระ ม.2 ต.ปาเสมัส อ.สุไหงโก-ลก จ.นราธิวาส บริเวณพิกัด RG 30692 68168  ผลการปฏิบัติ เป็นด้วยความเรียบร้อย


ภาพ/ข่าว  แวดาโอ๊ะ หะไร  จ.นราธิวาส


TRENDING
© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top