Thursday, 9 May 2024
นราธิวาส

นราธิวาส - ศึกษาธิการจังหวัด นำประกาศเจตจำนงต่อต้านการทุจริต!!

เมื่อวันพุธ ที่ 15 ธันวาคม 2564 ศึกษาธิการจังหวัดนราธิวาสนำทีมผู้บริหารและบุคลากรสำนักงานศึกษาธิการจังหวัดนราธิวาสประกาศเจตจำนงต่อต้านการทุจริต ณ ห้องประชุมบุหงาตันหยง สำนักงานศึกษาธิการจังหวัดนราธิวาส

นายชาร์รีฟ สือนิ ศึกษาธิการจังหวัดนราธิวาส กล่าวว่า “ในวันนี้กระทรวงศึกษาธิการได้จัดงานวันต่อต้านการทุจริต กระทรวงศึกษาธิการ ซึ่งภายในงานได้มีพิธีประกาศเจตนารมณ์การต่อต้านการทุจริตและมอบนโยบายNo Gift Policy ของกระทรวงศึกษาธิการโดยรัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ เนื่องในวันต่อต้านคอร์รัปชันสากล (ประเทศไทย) ภายใต้แนวคิด “กระทรวงศึกษาธิการโปร่งใส ไม่ทนต่อการทุจริต” (MOE TRUST & Zero Tolerance) ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2565 โดยได้ให้บุคลากรสำนักงานศึกษาธิการจังหวัดทุกจังหวัดได้เข้าร่วมรับชมการถ่ายทอดสดกิจกรรมดังกล่าวทาง Facebook Live

ทั้งนี้ สำนักงานศึกษาธิการจังหวัดนราธิวาสได้จัดกิจกรรมต่อต้านการทุจริต โดยศึกษาธิการจังหวัดนราธิวาสเป็นประธานในการประกาศเจตนารมณ์การต่อต้านการทุจริตของสำนักงานศึกษาธิการจังหวัดนราธิวาสซึ่งมีใจความว่า “จะปฏิบัติหน้าที่ ด้วยความซื่อสัตย์  สุจริต มีความโปร่งใส และมีคุณธรรมในการปฏิบัติงาน บริหารงานอย่างเต็มกำลังความสามารถ

 

‘กอ.รมน.ภาค 4 สน.’ ร่วมกับ ‘กรมป่าไม้’ ประชุมแนวทางป้องกัน "การบุกรุกทำลายทรัพยากรป่าไม้" ในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ พร้อมกำหนดมาตรการทำงานร่วมกัน เพื่อให้เกิดผลสำเร็จอย่างเป็นรูปธรรม

วันนี้ 16 ธันวาคม 2564 เวลา 10.00 น. ณ กองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในภาค 4 ส่วนหน้า ค่ายสิรินธร ตำบลเขาตูม อำเภอยะรัง จังหวัดปัตตานี “นายสุรชัย อจลบุญ” อธิบดีกรมป่าไม้ ลงพื้นที่ติดตามการดำเนินงานของหน่วยงานในสังกัดกรมป่าไม้ในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ และเป็นประธานการประชุมแนวทางการป้องกันการบุกรุกทำลายทรัพยากรป่าไม้ในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้

โดยมี พลโทเกรียงไกร ศรีรักษ์ แม่ทัพภาคที่ 4/ผู้อำนวยการรักษาความมั่นคงภายในภาค 4 ให้การต้อนรับ และเข้าร่วมประชุม พร้อมด้วยนายชีวะภาพ ชีวะธรรม รองอธิบดีกรมป่าไม้, พลตรีอนุสรณ์ โออุไร เลขาธิการกองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในภาค 4 ส่วนหน้า, คณะผู้บังคับบัญชา และส่วนที่เกี่ยวข้องเข้าร่วมประชุมในครั้งนี้

สำหรับการประชุมแนวทางการป้องกันการบุกรุกทำลายทรัพยากรป่าไม้ในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ครั้งนี้ เพื่อให้ส่วนที่เกี่ยวข้องได้รับทราบปัญหาที่เกิดขึ้น พร้อมร่วมกันเสนอแนวคิด แนวทางการปฏิบัติ และการแก้ไขปัญหาที่ตรวจพบจากการปฏิบัติงานของทุกหน่วยที่ผ่านมา ทั้งปัญหาการลักลอบการตัดไม้ โดยเฉพาะในพื้นที่จังหวัดนราธิวาส และการบุกรุกที่ดินในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ ตลอดจนเพื่อให้สอดคล้องกับการทำงานกองอำนวยการรักษาความมุั่นคงภายในภาค 4 ส่วนหน้าในการช่วยกันทำให้ทรัพยากรธรรมชาติ และป่าไม้ในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้มีความสมบูรณ์ และคงอยู่ตลอดไป

นายสุรชัย อจลบุญ อธิบดีกรมป่าไม้ กล่าวว่า "จากข้อห่วงใยของรัฐบาลในการบุกรุกการตัดไม้ทำลายป่าในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ ทางกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ได้มอบหมายให้กรมป่าไม้ ร่วมกับกองทัพภาคที่ 4 กำหนดมาตรการแก้ไขปัญหาการลักลอบการตัดไม้ โดยเฉพาะในพื้นที่จังหวัดนราธิวาส จึงได้ลงพื้นที่มาในวันนี้ สำหรับวันนี้ได้หารือพร้อมกำหนดมาตรการร่วมกับกองทัพภาคที่ 4 ในการดำเนินการการลักลอบตัดไม้ทำลายป่าโดยใช้ช่องว่างของกฎหมายในรูปแบบต่าง ๆ มีมาตรการเร่งด่วน ในการดำเนินการการเข้าตรวจสอบว่าไม้นั้นมาจากที่ดินที่มีเอกสารสิทธิ์หรือไม่ มีการออกเอกสารสิทธิ์โดยชอบทางกฎหมายหรือไม่ รวมทั้งการบังคับใช้กฎหมายอย่างจริงจัง และตรวจสอบปลายทาง ทั้งโรงเลื่อยไม้ โรงแปรรูปไม้ ไม่ให้มีการนำมาแปรรูป หรือไม้ท่อนที่ผิดกฎหมายเข้ามายังโรงงาน"

ด้าน พลโทเกรียงไกร ศรีรักษ์ แม่ทัพภาคที่ 4/ผู้อำนวยการรักษาความมั่นคงภายในภาค 4 กล่าวว่า "ในห้วงที่ผ่านมา กองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในภาค 4 ส่วนหน้าได้บูรณาการร่วมกับเจ้าหน้าที่ของกรมป่าไม้ หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ตลอดจนหน่วยทหารในพื้นที่ในการป้องกันและปราบปรามการลักลอบทำลายทรัพยากรธรรมชาติและป่าไม้ในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้มาอย่างต่อเนื่อง รวมถึงการติดตามดำเนินคดีผู้ที่กระทำความผิดมาดำเนินคดีตามกฎหมาย ตลอดจนการปฏิบัติงานเชิงรุกในการฟื้นฟูแหล่งทรัพยากรป่าไม้ให้กลับมาอุดมสมบูรณ์อีกครั้งหนึ่ง ซึ่งปัจจุบันในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ โดยเฉพาะจังหวัดนราธิวาส พบว่ายังคงมีการลักลอบตัดไม้ทำลายป่าเป็นจำนวนมาก เพื่อเป็นการป้องกันและปราบปรามผู้กระทำผิด กองทัพภาคที่ 4 โดยกองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในภาค 4 ส่วนหน้า ซึ่งให้การสนับสนุน ทางกรมป่าไม้ในเรื่องการดูแลทรัพยากรป่าไม้ในพื้นที่ ในขณะนี้ได้มีการเตรียมพร้อมการปฏิบัติการเชิงรุกจะดำเนินการร่วมกัน

 

นราธิวาส - “นิพนธ์” ร่วมคณะนายกฯ ลงยะลา - ปัตตานี ติดตามงานพัฒนาเศรษฐกิจชายแดนใต้ พร้อมประสาน ก.เกษตรฯ ขยายพันธุ์ปูทะเล

นายอับดุลนัสเซอร์ หะมิ พัฒนาการอำเภอรือเสาะ จังหวัดนราธิวาส เปิดเผยว่า นายนิพนธ์ บุญญามณี รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงมหาดไทย ร่วมคณะของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม พร้อมด้วย พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา รมว. มหาดไทย , นายสุทธิพงษ์ จุลเจริญ ปลัดกระทรวงมหาดไทย ร่วมคณะลงพื้นที่ติดตามงานด้านการพัฒนาเศรษฐกิจ สังคม และความมั่นคงในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ ในมิติงานสำคัญ

ได้แก่ การยกระดับคุณภาพชีวิตที่ดีให้กับประชาชน การพัฒนาเศรษฐกิจและสังคม ผ่านโครงการเมืองต้นแบบ “สามเหลี่ยมมั่นคง มั่งคั่ง ยั่งยืน” การบริหารจัดการด้านความมั่นคง และชายแดน การบริหารจัดการนำการดำเนินการแก้ไขปัญหาสถานการณ์โควิด-19 และการเตรียมการภายหลังการผ่อนคลายมาตรการควบคุมเชิงพื้นที่ในพื้นที่ รวมทั้งการติดตามการปฏิบัติราชการของคณะกรรมการยุทธศาสตร์การพัฒนาจังหวัดชายแดนภาคใต้ (กพต.) ในโครงการ “การขจัดความยากจนและพัฒนาคนทุกช่วงวัยอย่างยั่งยืนตามหลักปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียงในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้” ภายใต้กรอบแนวทาง “1 ข้าราชการ ศอ.บต. 1 ครัวเรือนยากจน” พร้อมกันนี้ ได้มีการประชุมเกี่ยวกับการแก้ไขสถานการณ์โควิด-19 ในพื้นที่จังหวัดชายแดนใต้ อีกด้วย 

ช่วงบ่ายลงพื้นที่ตรวจเยี่ยมการบริหารจัดการโครงการจังหวัดชายแดนภาคใต้ เมืองปูทะเลโลก ณ กลุ่มเลี้ยงปูดำทะล อำเภอยะหริ่ง จังหวัดปัตตานี ตามกรอบแนวคิดการพัฒนาเศรษฐกิจฐานราก โดย ศอ.บต. ได้ร่วมมือกับมหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ วิทยาเขตปัตตานี กรมประมง กรมทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่ง และกลุ่มวิสาหกิจชุมชนเกษตรกรในพื้นที่ ในการขับเคลื่อนโครงการพัฒนาและส่งเสริมการเลี้ยงปูทะเลให้เป็นสัตว์เศรษฐกิจชนิดใหม่ ร่วมกับการอนุรักษ์และฟื้นฟูป่าชายเลนรวมทั้งมีการพัฒนาเกษตรกรรุ่นใหม่

ในการนี้ นายนิพนธ์ ได้ประสานงานให้ปลัดกระทรวงเกษตรฯ ได้ทำความตกลงกับท่านอธิการบดี มอ. ในการตกลงร่วมมือกันเพิ่มพันธุ์ปูทะเล ให้มากขึ้นกว่าปัจจุบันโดยกระทรวงเกษตรฯ พร้อมสนับสนุนงบประมาณ ในการขยายพันธุ์ปูทะเล

ด้านนายสุทธิพงษ์ จุลเจริญ ปลัดกระทรวงมหาดไทย ได้กล่าวว่า สำหรับข้าราชการสังกัดกระทรวงมหาดไทย มีความพร้อมที่จะสนับสนุนโครงการของรัฐบาลทุกประการ ซึ่งผมเคยดำรงตำแหน่งอธิบดีกรมส่งเสริมการปกครองท้องถื่นและอธิบดีกรมการพัฒนาชุมชน ซึ่งทั้งสองกรม มีงบประมาณส่วนหนึ่งและบุคลากรเต็มที่ทุกตำบลทั่วประเทศสามารถสนับสนุนกิจกรรมต่าง ๆ ได้ดี โดยเฉพาะกรมการพัฒนาชุมชน มีตั้งแต่พัฒนาการจังหวัด พัฒนาการอำเภอ และพัฒนากรตามอัตราครบทุกตำบลในจังหวัดปัตตานี ยะลา นราธิวาส และ 4 อำเภอของจังหวัดสงขลา คือ อำเภอเทพา อำเภอจะนะ อำเภอสะบ้าย้อย พร้อมที่จะให้ความร่วมมือในโครงการ 1 ข้าราชการ 1 ครัวเรือนยากจน

 

‘ผช.ผบ.ตร.’ บินด่วนลงนราฯ!! แถลงผลเปิดยุทธการสยบไพรี ค้น 2 จังหวัด ทลายเครือข่ายยาเสพติด จับ! 3 ผู้ต้องหายึดทรัพย์มูลค่า 62 ล้านบาท!!!

วันที่ 17 ธ.ค. 64 ณ กองบังคับการตำรวจภูธร จ.นราธิวาส พล.ต.ท.ธนา ชูวงศ์ ผช.ผบ.ตร. ได้เดินทางมาเป็นประธานในการแถลงข่าวการปฏิบัติการปิดล้อมตรวจค้น ตามแผนยุทธการสยบไพรี 65/1 โดยมี พล.ต.ท.สรายุทธ สงวนโภคัย ผบช.ปส. พล.ต.ต.ดุษฎี ชุสังกิจ รอง ผบช.ภ.9 พล.ต.ต.แวสาแม สาและ ผบก.ภ.จว.นราธิวาส พ.ต.อ.กีรติ แวยูโซ๊ะ รอง ผบก.ภ.จว.ปัตตานี พ.อ.ก่อเกียรติ เข็มแดง รอง ผบ.ฉก.นราธิวาส และนายปรีชา นวลน้อย ปลัด จ.นราธิวาส ได้ร่วมเดินทางมาแถลงข่าวให้ครั้งนี้

โดย พล.ต.ท.ธนา ชูวงศ์ ผช.ผบ.ตร.กล่าวว่า จากการปฏิบัติการปิดล้อมตรวจค้น ตามแผนยุทธการสยบไพรี ในครั้งนี้ เป็นการปฏิบัติต่อเนื่องจากแผนปฏิบัติการสยบไพรี 64/1 ในการจับกุม 3 ผู้ต้องหา คือ นายวิเชียร เฉียงเมือง นายชัยยุทธ สุธรรม และนายยศวยศ ราตรีสวรรค์ ในพื้นที่ อ.หาดใหญ่ จ.สงขลา พร้อมยาบ้า 200,000 เม็ด เมื่อวันที่ 26 ธ.ค. 63 และสามารถยึดทรัพย์ของกลางมูลค่า 51 ล้านบาท ต่อมาเมื่อวันที่ 10 มี.ค. 64 เจ้าหน้าที่ได้ขยายผลสามารถจับกุมบุคคลในเครือข่ายดังกล่าวได้เพิ่มเติมอีก 6 คน ซึ่ง 1 ใน 6 คือ นายเชิดชาย สมรฤทธิ์ มีภูมิลำเนาอยู่บ้านเลขที่ 125 ม.7 ต.ทุ่งกระดาดพัฒนา อ.หนองกี่ จ.บุรีรัมย์ ที่มีเครือข่ายอยู่ในพื้นที่ จ.นราธิวาส และ จ.ปัตตานี

นอกจากนี้ พล.ต.ท.ธนา ชูวงศ์ ผช.ผบ.ตร.ยังได้กล่าวเพิ่มเติมอีกด้วยว่า จากการปฏิบัติการปิดล้อมตรวจค้น ตามแผนยุทธการสยบไพรี 65/1 ในครั้งนี้ โดยเริ่มตั้งแต่วันที่ 15 ถึง 17 ธ.ค. 64 ด้วยการปิดล้อมเป้าหมาย 11 จุด โดยแยกเป็นพื้นที่ จ.นราธิวาส 8 จุด ปัตตานี 3 จุด เจ้าหน้าที่สามารถจับกุมเครือข่ายยาเสพติดของนายเชิดชาย ได้อีก 3 คน คือ 1. น.ส.ซากีรา บือโต ที่บ้านพักเลขที่ 95/1 ม.8 ต.ตันหยงมัส อ.ระแงะ จ.นราธิวาส 2. น.ส.ซากียะ อาแว ที่บ้านพักเลขที่ 81 ถ.พิชิตบำรุง ต.บางนาค อ.เมือง จ.นราธิวาส และ 3. น.ส.สุพัชนี แประสามะ อยู่บ้านเลขที่ 4 ม.7 ต.ยี่งอ อ.ยี่งอ จ.นราธิวาส ซึ่งถูกเจ้าหน้าที่จับกุมตัวได้ในพื้นที่กรุงเทพมหานครในช่วงเช้าของวันนี้ หลังจากเจ้าหน้าที่ได้แกะรอยทราบถึงเส้นทางที่หลบหนี พร้อมกันนี้เจ้าหน้าที่ได้ทำการตรวจยึดทรัพย์สินไปตรวจสอบ อาทิ บ้าน รถยนต์และบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ จำนวน 265 ใบ ซึ่งมีมูลค่า 11 ล้านบาทไปตรวจสอบ

และหลังจาก พล.ต.ท.ธนา ชูวงศ์ ผช.ผบ.ตร.แถลงข่าวแล้วเสร็จ ได้ถือโอกาสสอบสวนปากคำเบื้องต้น น.ส.ซากีรา บือโต ด้วยตนเอง ขณะที่เจ้าหน้าที่ได้ควบคุมตัวไว้ ณ ห้องโถง ชั้น 2 ของ กองบังคับการตำรวจภูธร จ.นราธิวาส แต่ไม่ได้รับการเปิดเผยว่า น.ส.ซากีรา บือโต ให้การอย่างไรบ้าง

 

นราธิวาส - ฝนกระหน่ำ 5 วัน!! น้ำป่าทะลักจนแม่น้ำสุไหงโก-ลก ล้นตลิ่ง ไหลเข้าท่วมบ้านจนเดือดร้อน

รายงานข่าวเกี่ยวกับสภาวะฝนที่ตกลงมาอย่างหนัก ตั้งแต่วันที่ 15 ธ.ค.64 ถึงปัจจุบันเป็นเวลา 5 วันติดต่อกัน จากพื้นที่ จ.นราธิวาส แจ้งว่า ล่าสุดบรรยากาศบนท้องฟ้ายังคงมีเมฆฝนมืดครึ้มปกคลุมพื้นที่ทั้ง 13 อำเภอ และมีฝนตกลงมาเป็นช่วง ๆ ไม่หนักเหมือนในทุกวันที่ผ่านมา แต่ส่งผลทำให้มวลน้ำป่าบนเทือกเขาสันกลาคีรี ซึ่งมีต้นกำเนิดในพื้นที่ อ.สุคิริน ได้ไหลทะลักลงสู่แม่น้ำสุไหงโก-ลก อย่างรวดเร็ว โดยเฉพาะในช่วงคืนที่ผ่านมา จนปริมาณน้ำในแม่น้ำสุไหงโก-ลก ซึ่งอยู่ในระดับตลิ่งสูง 8.20 เมตร มีระดับน้ำที่สูงขึ้นอย่างต่อเนื่องโดยเฉลี่ยชั่วโมงละ 30 ซ.ม.

จนล่าสุดมีปริมาณน้ำล้นสูงจากระดับสูง 1.69 เมตร และได้ไหลบ่าเข้าท่วมบ้านเรือนของประชาชน ที่ปลูกสร้างอยู่ที่ราบลุ่มริมตลิ่ง โดยเฉพาะบ้านน้ำตก ม.5 ต.ปาเสมัส อ.สุไหงโก-ลก ซึ่งมีปริมาณน้ำท่วมขังสูงโดยเฉลี่ย 40 ถึง 60 ซ.ม. ทำให้ประชาชนที่อาศัยอยู่ จำนวน 50 ครัวเรือน รวม 250 คน ได้รับความเดือดร้อน จนต้องใช้เรือพายและเดินลุยน้ำหากมีธุระจำเป็นต้องติดต่อกับโลกภายนอก

นอกจากนี้แล้วยังมีชุมชนในเขตเทศบาลเมืองสุไหงโก-ลก อีก 4 ชุมชน คือ ชุมชนท่าประปา ชุมชนท่าชมพู ชุมชนท่าเจ๊ะกาเซ็ง และชุมชนหัวสะพาน ซึ่งถือว่าเป็นพื้นที่น้ำท่วมซ้ำซากจากปริมาณของแม่น้ำสุไหงโก-ลกล้นตลิ่ง แต่ในปีนี้กรมโยธาธิการได้สร้างกำแพงกันน้ำแล้วเสร็จร้อยละ 95 ทำให้พื้นที่ 4 ชุมชนหลุดพ้นจากปัญหาปริมาณน้ำในแม่น้ำสุไหงโก-ลก ไหลทะลักเข้าท่วม แต่มีเพียงปริมาณน้ำฝนเท่านั้นที่ท่วมบ้านเรือนของประชาชน โดยภาพรวมสูงเฉลี่ยเพียง 20 ถึง 30 ซ.ม. ซึ่งถือว่าเป็นเพียงอุปสรรค์เล็กน้อยที่ชาวบ้านได้รับผลกระทบ เนื่องจากกรมโยธาธิการได้นำเครื่องสูบน้ำขนาดใหญ่ มาติดตั้งทำการสูบน้ำระบายออกจากพื้นที่ 4 ชุมชน และคาดว่าในปีนี้สภาวะน้ำท่วมขัง 4 ชุมชนจะไม่ได้รับผลกระทบโดยตรงจากแม่น้ำสุไหงโก-ลก ล้นตลิ่งแต่อย่างใด

ส่วนความพร้อมในการช่วยเหลือประชาชนที่ได้รับความเดือดร้อนนั้น นายรุ่งเรือง ธิมาบุตร นายอำเภอสุไหงโก-ลก ได้มอบหมายให้นายคมกฤต จันทร์เมือง ปลัดอำเภอสุไหงโก-ลก ร่วมกับ ร.ท.อัครวัฒน์ อยู่รอบเรือง หน.ชุดบรรเทาสาธารณภัย ร. 151 พัน 2 นำกำลังพลลุยน้ำลงพื้นที่น้ำท่วมขัง เพื่อให้การช่วยเหลือประชาชนในการขนย้ายสิ่งของสัมภาระที่จำเป็นหนีระดับขึ้นที่สูง เนื่องจากเกรงว่าหากมีสภาวะฝนที่ตกลงมาอย่างหนักในช่วง 1 ถึง 2 วันนี้ มวลน้ำป่าจากเทือกเขาสันกลาคีรีอาจจะไหลสมทบลงสู่แม่น้ำสุไหงโก-ลก อีกละลอก เพื่อระบายลงสู่ทะเลด้าน อ.ตากใบ อาจจะส่งผลกระทบให้มีระดับน้ำท่วมขังเพิ่มสูงขึ้น

 

นราธิวาส-สส.พลังประชารัฐลุยน้ำช่วยชาวบ้านหลังมวลน้ำป่าพัดคันกั้นน้ำพังไหลทะลักท่วมตลาดมูโนะ

รายงานข่าวความคืบหน้าเกี่ยวกับสภาวะน้ำท่วมพื้นที่ อ.สุไหงโก-ลก จ.นราธิวาส แจ้งว่า ล่าสุดบรรยากาศโดยทั่วไปบนท้องฟ้ามีแสงแดดส่องจ้าแล้วในวันนี้ หลังจากที่ก่อนหน้านี้มีฝนตกลงมาอย่างต่อเป็นเป็นเวลา 5 วัน ส่งผลทำให้น้ำป่าบนเทือกเขาสันกลาคีรี ซึ่งมีต้นกำเนิดอยู่ในพื้นที่ อ.สุคิริน ได้ไหลลงมาสมทบกับปริมาณน้ำฝนในแม่น้ำสุไหงโก-ลก ที่มีปริมาณน้ำฝนสะสมจนล้นตลิ่ง ซึ่งสูงกว่าระดับตลิ่ง 1.76 ซ.ม. ซึ่งมวลน้ำก้อนนี้ได้ค่อยๆไหลระบายลงสู่ทะเลด้าน อ.ตากใบ แต่ในช่วงคืนที่ผ่านมาระดับน้ำในแม่น้ำสุไหงโก-ลก ซึ่งมีกระแสน้ำที่ไหลเชี่ยวกรากได้พัดกำแพงคันกั้นน้ำที่ตั้งอยู่บริเวณหลังกุโบบ้านมูโนะ ม.1 ต.มูโนะ อ.สุไหงโก-ลก พังทลาย จำนวน 2 ช่วง 3 จุด ซึ่งมีความยาวประมาณ 25 เมตร

ทำให้ปริมาณน้ำในแม่น้ำสุไหงโก-ลก ซึ่งมีปริมาณล้นตลิ่งได้ไหลเข้าท่วมบ้านเรือนของประชาชน ที่อาศัยอยู่ในตลาดมูโนะจำนวน 350 ครัวเรือน รวม 1,750 คน อย่างรวดเร็วโดยที่ชาวบ้านไม่สามารถตั้งตัวได้ จนต้องปล่อยข้าวของสินค้าสัมภาระต่างๆได้รับความเสียหายจมอยู่ใต้น้ำ โดยมีระดับน้ำท่วมขังสูงโดยเฉลี่ย 40 ถึง 60 ซ.ม. และมีระดับน้ำท่วมขังเพิ่มปริมาณสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง และจากเหตุกำแพงคันกั้นน้ำที่พังทลายจากกระแสของมวลน้ำป่าในครั้งนี้ ยังส่งผลทำให้บ้านพักของนายบาฮารูดิง อูแบ เลขที่ 23 ที่ปลูกสร้างด้วยไม้ชั้นเดียว ห่างจากกำแพงคันกั้นน้ำ ประมาณ 30 เมตร ถูกกระแสน้ำของมวลน้ำป่าพัดจนได้รับความเสียหาย ที่บริเวณห้องครัวและมีน้ำท่วมขังสูง 180 ซ.ม. ซึ่งล่าสุดสมาชิกในครัวเรือน จำนวน 3 คน ได้อพยพไปอาศัยอยู่ที่บ้านของเครือญาติแล้ว    
 

แต่ถึงอย่างไรก็ตามจากผลพวงของกำแพงคันกั้นน้ำที่พังทลายไปกับกระแสน้ำ ยังส่งผลทำให้โรงเรียนบ้านมูโนะ มีน้ำท่วมขังสูงจนเข้าท่วมห้องเรียนและตามบริเวณอาคารเรียนต่างๆ รวมไปถึงสถานีตำรวจภูธรมูโนะ ที่มีน้ำท่วมขังสูงโดยเฉลี่ย 100 ซ.ม. จากกระแสน้ำที่ไหลบ่าเข้าท่วมอย่างรวดเร็วในช่วงคืนที่ผ่านมาเช่นกัน ทำให้รถยนต์เก๋ง รถยนต์กระบะ รวมไปถึงรถยนต์ตู้ของส่วนราชการและของเจ้าหน้าที่ตำรวจถูกน้ำท่วมขัง จำนวนกว่า 10 คัน ที่ต้องปล่อยให้จมอยู่กับสภาวะน้ำท่วม

‘เลขาธิการ ศอ.บต.’ เป็นประธานทอดผ้าป่าสามัคคี สร้างถนนทางขึ้นเจดีย์ และบูรณะปฏิสังขรณ์อุโบสถ ณ วัดเวฬุวัน (บ้านป่าไผ่) อ.ศรีสาคร จ.นราธิวาส

ที่ วัดเวฬุวัน (บ้านป่าไผ่) ตําบลกาหลง อําเภอศรีสาคร จังหวัดนราธิวาส พลเรือตรี สมเกียรติ ผลประยูร เลขาธิการศูนย์อำนวยการบริหารจังหวัดชายแดนภาคใต้ (ศอ.บต.) เป็นประธานทอดผ้าป่าสามัคคี เพื่อสมทบทุนในการสร้างถนนทางขึ้นเจดีย์และบูรณะปฏิสังขรณ์อุโบสถพร้อมทั้งทาสีอุโบสถที่ทรุดโทรมให้อยู่ในสภาพเดิม โดยมี  ผู้ช่วยเลขาธิการ ศอ.บต.  หัวหน้าส่วนราชการ บุคลากร ศอ.บต. เจ้าหน้าที่ ทหาร ตำรวจ ตลอดจนมีพุทธศาสนิกชน ในพื้นที่ร่วมทำบุญอย่างต่อเนื่อง โดยดำเนินการภายใต้มาตรการป้องกันการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัส covid-19 อย่างเคร่งครัด

พลเรือตรี สมเกียรติ ผลประยูร เลขาธิการ ศอ.บต. กล่าวว่า สถานที่แห่งนี้เป็นสถานที่หนึ่ง ของจังหวัดนราธิวาส เป็นชุมชนเล็กๆ แต่มีความสำคัญอย่างยิ่งสำหรับพุทธศาสนาที่จะต้องจรรโลงอยู่ในพื้นที่ภาคใต้ตอนล่าง วันนี้เป็นวันดี  เป็นวันพระ เป็นวันที่พุทธศาสนิกชนมาร่วมกันทำบุญ ศอ.บต. และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องพร้อมสนับสนุนอย่างสุดความสามารถในการส่งเสริมพุทธศาสนาในพื้นที่ รวมทั้งทำนุบำรุงศาสนสถาน ตลอดจนดูแลพระภิกษุสงฆ์ ขอเป็นกำลังใจแก่พี่น้องชาวพุทธ ทุกคน ขอขอบคุณเจ้าหน้าที่หน่วยความมั่นคงทุกหน่วยที่ได้ช่วยกันดูแลพี่น้องประชาชนเสมอมา

ผู้ว่าฯนราธิวาส พร้อมด้วยนายกเหล่ากาชาด จ.นราธิวาส ลงพื้นที่เยี่ยมให้กำลังใจ พร้อมมอบถุงยังชีพช่วยเหลือผู้ประสบอุทกภัยในพื้นที่ ต.มูโนะ อ.สุไหงโกลก

จากเหตุพนังกั้นน้ำริมฝั่งแม่น้ำโก-ลกพังส่งผลให้น้ำไหลทะลัก เข้าท่วมบ้านเรือนประชาชนเสียหาย 700 หลังคาเรือน นายสนั่น พงษ์อักษร ผู้ว่าราชการจังหวัดนราธิวาส พร้อมด้วยนางสิริวิมล พงษ์อักษร นายกเหล่ากาชาดจังหวัดนราธิวาส พร้อมคณะลงพื้นที่เยี่ยมให้กำลังใจผู้ประสบอุทกภัยในพื้นที่ตำบลมูโนะ อำเภอสุไหงโกลก จังหวัดนราธิวาส หลังจากที่เกิดกรณีพนังกั้นน้ำริมฝั่งแม่น้ำโก-ลกพัง ส่งผลให้น้ำไหลทะลัก เข้าท่วมบ้านเรือนประชาชนในพื้นที่ตำบลมูโนะ ได้รับความเสียหายจำนวน 2 หมู่บ้าน ได้แก่บ้านมูโนะ หมู่ที่ 1 และบ้านปาดังยอ หมู่ที่ 3 ส่งผลให้บ้านเรือนราษฎร 700 หลังคาเรือน ประชาชนได้รับผลกระทบจำนวน 1,975 คน

นายสนั่น พงษ์อักษร ผู้ว่าราชการจังหวัดนราธิวาส กล่าวว่า จากการที่พนังกั้นน้ำริมฝั่งแม่น้ำโก-ลกพัง เมื่อคืนที่ผ่านมา ทำให้น้ำไหลทะลักจากแม่น้ำสุไหงโกลก เข้ามาท่วมในพื้นที่บ้านเมืองราษฎร พื้นที่หมู่ที่ 1 และหมู่ที่ 2 ของตำบลมูโนะ เสียหายไป 700 หลังคาเรือน ด้วยความห่วงใยพี่น้องผู้ประสบอุทกภัย จึงได้มาสำรวจที่เกิดเหตุ และคาดว่าพนังกั้นน้ำน่าจะมีรอยรั่วหรือมีการกัดเซาะ ทำให้น้ำไหลทะลักเข้ามาท่วมบ้านเรือนพี่น้องประชาชน ซึ่งไม่เคยเกิดเหตุการณ์อย่างนี้มากว่า 10 ปีแล้ว

ในครั้งนี้ตั้งใจนำเวชภัณฑ์ และหน้ากากอนามัยนำมามอบให้กับพี่น้องที่ประสบอุทกภัย พร้อมกับถุงยังชีพช่วยเหลือในเบื้องต้น  อย่างไรก็ตามในส่วนของการช่วยเหลือในเรื่องของการอพยพ ได้จัดจุดอพยพพี่น้องประชาชน ไว้ที่ศูนย์พัฒนาเด็กเล็กในหมู่บ้าน ซึ่งทางส่วนท้องถิ่น โดยนายกองค์การบริหารส่วนตำบล ก็ได้จัดอาหารไว้ 3 มื้อ ดูแลพี่น้องประชาชนผู้ประสบภัยอย่างทั่วถึงแล้ว

 

นราธิวาส - ผู้ว่านราฯ ปรุงอาหารมื้อเย็น ลุยน้ำแจกชาวบ้าน พร้อมเหมาลูกชิ้นแจกเด็ก พร้อมช่วยบรรเทาทุกข์ชาวนราธิวาส จากภัยน้ำท่วม

นายสนั่น พงษ์อักษร ผู้ว่าราชการ จ.นราธิวาส ได้เดินทางมายังพื้นที่ประสบอุทกภัยน้ำท่วมตลาดมูโนะ อ.สุไหงโก-ลก จ.นราธิวาส เพื่อปรุงอาหารมื้อเย็นเป็นผัดเผ็ดไก่กับไข่ต้ม จำนวน 1,800 กล่อง พร้อมน้ำดื่ม แจกจ่ายให้กับประชาชนที่อาศัยอยู่ในตลาดมูโนะ พร้อมทั้งได้เดินลุยน้ำแจกจ่ายให้กับประชาชนที่ไม่สามารถเดินลุยน้ำมารับอาหารในครั้งนี้ด้วย ซึ่งการเดินลุยน้ำในครั้งนี้ผู้ว่าราชการ จ.นราธิวาส ได้ถือโอกาสพูดคุยปรับทุกข์กับชาวบ้าน ถึงในบ้านพักที่ถูกน้ำท่วมขัง เพื่อเป็นการสำรวจความเสียหายไปในตัว หากสภาพน้ำท่วมกลับคลี่คลายกลับสู่สภาวะปกติ ก็จะได้เร่งตั้งงบประมาณในการช่วยเหลือได้ทันที

ซึ่งการเดินลุยน้ำแจกอาหารกล่องของผู้ว่าราชการ จ.นราธิวาสในครั้งนี้ พบว่ายังมีระดับน้ำท่วมขังเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง จากผลพวงของมวลน้ำป่าที่ไหลทะลักเข้าท่วมบ้านเรือนของประชาชน ที่บริเวณจุดพนังกั้นน้ำพังเสียหาย แถมมีกระแสน้ำที่ไหลเชี่ยวกรากกว่าในช่วงเช้าที่ผ่านมา จนเจ้าหน้าที่กองอาสารักษาดินแดน อ.สุไหงโก-ลก ต้องนำเชือกผูกมัดไว้กับเสาไฟฟ้า เพื่ออำนวยความสะดวกให้กับประชาชนที่เดินทางเข้าออกตลาด เนื่องจากเกรงว่าอาจจะถูกกระแสน้ำที่เชี่ยวกรากพัดจนได้รับอันตรายถึงชีวิต ซึ่งภาพรวมระดับน้ำท่วมขังสูงจากช่วยเช้าประมาณ 20 ซ.ม.โดยอยู่ในระดับ 80 ถึง 90 ซ.ม.

และในระหว่างที่นายสนั่น พงษ์อักษร ผวจ.นราธิวาส เดินลุยน้ำแจกอาหารกล่องและน้ำดื่มแล้วเสร็จ ได้ถือโอกาสเหมาลูกชิ้นปิ้งของประชาชน ที่ตั้งร้านค้าในน้ำเป็นเงิน 2,000 บาท เพื่อแจกจ่ายให้กับเด็กและเยาวชนที่กำลังสนุกสนานกับการเล่นน้ำ และได้มีผู้ปกครองท่านหนึ่ง พูดทีเล่นที่จริงกับท่านผู้ว่าราชการ จ.นราธิวาส ว่า ท่านสมเป็นกับผู้ว่าติดน้ำและติดดิน และมีเสียงหัวเราะตามมาสร้างความคลายเครียดในช่วงน้ำท่วมครั้งนี้

 

นราธิวาส - ผอ.ศปพร. ลงพื้นที่ อวยพรปีใหม่ - มอบถุงยังชีพ แทนใจให้แก่สมาชิกกลุ่มศิลปาชีพปักผ้า บ้านโต๊ะเด็ง และกลุ่มเปราะบางในพื้นที่ อำเภอสุไหงปาดี จังหวัดนราธิวาส

พลตรี เฉลิมพร ขำเขียว ผู้บัญชาการกองพลทหารราบที่ 15 / ผู้อำนวยการศูนย์ประสานงานโครงการอันเนื่องมาจากพระราชดำริ  พร้อมด้วย พันเอก ยุทธนา สายประเสริฐ ผู้บังคับการกรมทหารราบที่ 151 /หัวหน้าคณะทำงานฯ ที่ 3  หัวหน้าส่วนราชการ และผู้นำท้องถิ่น  เดินทางไปยังวัดรัตนานุภาพ และวัดลอยประดิษฐ์ ตำบลโต๊ะเด็ง อำเภอสุไหงปาดี จังหวัดนราธิวาส เพื่อกราบนมัสการ ถวายภัตตาหารเพล และปัจจัย แด่พระสงฆ์ ตามโครงการเสริมสร้างชุมชนที่เข้มแข็ง กิจกรรมการสนับสนุนภัตตาหารแด่พระสงฆ์ในพื้นที่ล่อแหลม เสี่ยงภัย ไม่สามารถบิณฑบาตได้ รวมถึงเพื่อสอบถามพระสงฆ์ ถึงเหตุการณ์ ความไม่สงบที่เกิดขึ้นในพื้นที่อำเภอสุไหงปาดีในช่วงที่ผ่านมา ตลอดจนสอบถามความเป็นอยู่ของพระสงฆ์ และการปฏิบัติศาสนกิจในช่วงสถานการณ์แพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 จากนั้นได้เข้าเยี่ยมเยียน พบปะ และให้กำลังใจ อวยพรปีใหม่ ให้ แก่พี่น้องสมาชิก กองพันราษฎรอาสารักษาหมู่บ้าน อำเภอสุไหงปาดี จังหวัดนราธิวาส

โดย พลตรี เฉลิมพร ขำเขียว ผู้อำนวยการศูนย์ประสานงานโครงการอันเนื่องมาจากพระราชดำริ ได้เน้นย้ำ แผนการรักษาความปลอดภัยหมู่บ้านของตนเอง รวมทั้งความสำนึกในหน้าที่ของการเป็นราษฎรอาสารักษาหมู่บ้านเสริมสร้าง วินัย ความซื่อสัตย์ สุจริต เรียนรู้การอยู่ร่วมกัน รู้จักเคารพสิทธิผู้อื่น สร้างความคุ้นเคยและให้ปฏิบัติงานร่วมกันได้ซึ่งจะก่อให้เกิดความสามัคคีในหมู่คณะ และเหนือสิ่งอื่นใด จะเป็นการแสดงออกถึงความจงรัก ภักดี และความหวงแหนในสถาบัน ชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์ เพื่อแสดงออกถึงพลังในความสามัคคีของประชาชนในพื้นที่และยึดมั่น สืบสาน รักษา ต่อยอด ตามพระราชเสาวนีย์แม่ของแผ่นดิน สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง สืบไป 

จากนั้น พลตรี เฉลิมพร ขำเขียว ผู้อำนวยการศูนย์ประสานงานโครงการอันเนื่องมาจากพระราชดำริ และคณะ ได้ตรวจเยี่ยมและพบปะให้กำลังใจ พร้อมมอบถุงยังชีพ เป็นของขวัญเทศกาลปีใหม่ให้กับสมาชิกโครงการศิลปาชีพ กลุ่มปักผ้า ตามพระราชเสาวนีย์ของสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง โดยได้รับฟังบรรยายสรุปประวัติความเป็นมา สอบถามปัญหาข้อขัดข้องในการดำเนินงาน สอบถามความต้องการในช่วงสถานการณ์โควิด ตลอดจนสถานการณ์ความไม่สงบในพื้นที่  ซึ่งโครงการศิลปาชีพ กลุ่มศิลปาชีพปักผ้า บ้านโต๊ะเด็ง

เมื่อวันที่ 14 ตุลาคม พ.ศ. 2547 ดำเนินกิจการปักผ้า เพื่อนำส่งมูลนิธิส่งเสริมศิลปาชีพในสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง  สำหรับวัสดุอุปกรณ์ได้รับการสนับสนุนจากมูลนิธิศิลปาชีพฯ คณะทำงานฯ ที่ 3 จัดนายทหารประสานงานอำนวยความสะดวกในการดำเนินงาน และประสานเรื่องต่าง ๆ ของสมาชิก ปัจจุบันกลุ่มศิลปาชีพปักผ้า บ้านโต๊ะเด็ง มีสมาชิก จำนวน 45 ราย ซึ่งเป็นพี่น้องไทยมุสลิมหญิงล้วน  การปักผ้าเป็นอาชีพเสริม หลังว่างจากการกรีดยาง โดยส่งครูผู้ช่วยของกลุ่มเข้าไปเรียนรู้ ณ ศิลปาชีพปักผ้าค่ายจุฬาภรณ์ เพื่อนำความรู้ที่ได้ มาถ่ายทอดให้แก่สมาชิกและพัฒนาต่อยอด จนสามารถสร้างเป็นรายได้เสริมให้เลี้ยงดูครอบครัวตนเองได้ และในเวลาต่อมา ได้เดินทางไปเยี่ยมเยียนให้กำลังใจ กลุ่มเปราะบางในพื้นที่ พร้อมทั้งมอบถุงยังชีพ เป็นของขวัญปีใหม่ ให้กับผู้สูงอายุ จำนวน 3 ราย ได้แก่ 1.นางสุรณี พันธุ์นรา อายุ 65 ปี 2.นายสุรินทร์ บุตรจีน อายุ 70  ปี และ 3. นายสุเทพ ผึ้งตำบล อายุ 80 ปี โดยได้พูดคุยสอบถามอาการ สภาพ

 


TRENDING
© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top