Monday, 29 April 2024
กราดยิงหนองบัวลำภู

'ในหลวง' ทรงรับ ผู้บาดเจ็บ-เสียชีวิต เหตุกราดยิงหนองบัวลำภู ไว้ในพระบรมราชานุเคราะห์

พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงรับผู้เสียชีวิต-บาดเจ็บ เหตุกราดยิงหนองบัวลำภู ไว้ในพระบรมราชานุเคราะห์

วันนี้ (6 ต.ค. 65) พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงรับผู้ได้รับบาดเจ็บจากเหตุกราดยิง ที่ จ.หนองบัวลำภู เป็นคนไข้ในพระบรมราชานุเคราะห์ และทรงรับศพผู้ที่เสียชีวิต ไว้ในพระบรมราชานุเคราะห์

พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินี ทรงห่วงใยต่อการเกิดเหตุการณ์รุนแรง คนร้ายก่อเหตุกราดยิงเด็กและผู้ใหญ่เสียชีวิตหลายสิบราย  

จากเหตุการณ์ ส.ต.อ.ปัญญา คำราบ อดีต ผบ.หมู่ ป.สภ.นาวัง และถูกไล่ออกจากราชการ เนื่องจากถูกจับกุมคดียาเสพติด ซึ่งได้ก่อเหตุกราดยิงในศูนย์พัฒนาเด็กเล็ก อบต.อุทัยสวรรค์ อ.นากลาง จ.หนองบัวลำภู ส่งผลให้มีผู้เสียชีวิตรวม 38 คน เหตุเกิดเมื่อช่วงเที่ยงวันนี้ (6 ต.ค.) ก่อนจะยิงตัวตายพร้อมลูกและภรรยา


ที่มา : https://mgronline.com/onlinesection/detail/9650000096142

'ในหลวง-พระราชินี' เตรียมเสด็จ หนองบัวลำภู วันนี้ เพื่อทรงเยี่ยมคนเจ็บและพระราชทานขวัญกำลังใจให้ครอบครัวผู้เสียชีวิต

(7 ต.ค. 65) มีรายงานว่า พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวและ สมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินี จะเสด็จพระราชดำเนิน ไปยังหนองบัวลำภูในวันนี้ 7 ตุลาคม เพื่อทรงเยี่ยมผู้บาดเจ็บและให้กำลังใจครอบครัวผู้เสียชีวิต โดยจะเสด็จเป็นการส่วนพระองค์ 

โดยทั้ง 2 พระองค์ ทรงทุกข์ใจ เมื่อเกิดเหตุกราดยิง อีกทั้ง ผู้เสียชีวิต ส่วนใหญ่ เป็นเด็กๆ จึงทรงประสงค์ ไปเยี่ยมราษฎรทันที หลังจากทูตต่างประเทศเข้าเฝ้าฯ โดยเครื่องบิน พระที่นั่งจะลงจอด ที่สนามบินอุดรฯ

ก่อนหน้านี้ พล.ต.อ. ดำรงศักดิ์ กิตติประภัสร์ ผบ.ตร.แถลงว่า ในหลวง รับผู้เสียชีวิต บาดเจ็บเหตุกราดยิงไว้ในพระบรมราชานุเคราะห์ องคมนตรีลงพื้นที่คืนวาน (6 ตุลาคม) 

'โรม' ตั้งคำถาม เมื่อไรจะถึงเวลาจัดการระบบตั๋ว และวัฒนธรรมการใช้ความรุนแรงในราชการ

รังสิมันต์ โรม โฆษกพรรคก้าวไกล กล่าวแสดงความเสียใจต่อเหตุความรุนแรงที่เกิดขึ้นที่จังหวัดหนองบัวลำภูเมื่อ 6 ตุลาคม 2565 ที่ส่งผลให้มีผู้เสียชีวิตอย่างน้อย 35 คน ซึ่งส่วนใหญ่เป็นเด็กรวมถึงตัวผู้ก่อเหตุและครอบครัวว่าเป็นเหตุการณ์ที่สร้างความสั่นสะเทือนให้สังคมไทยอย่างถึงที่สุด หากติดตามการรายงานข่าวที่ว่าผู้ก่อเหตุนั้นเป็นอดีตตำรวจที่ถูกให้ออกจากราชการเพราะเรื่องยาเสพติด ก็ควรต้องคิดได้แล้วว่าเพราะอะไรกันผู้มีหน้าที่ต้องปราบปรามอาชญากรรมจึงกลายเป็นส่วนหนึ่งของอาชญากรรมเสียเองได้ ระบบอะไรกันที่สร้างสภาวะแบบนี้ขึ้นมาได้

ตนเคยอภิปรายเรื่องเกี่ยวกับระบบเส้นสาย ระบบตั๋วในวงข้าราชการอยู่บ่อยครั้ง เคยต้องย้ำเตือนต่อผู้มีอำนาจหน้าที่อยู่หลายครั้งว่าระบบแบบนี้นี่แหละที่ทำให้เจ้าหน้าที่รัฐต้องผันตัวไปเป็นผู้ประกอบธุรกิจมืดเสียเอง การที่อดีตตำรวจคนนี้ไปพัวพันกับยาเสพติดในขณะที่ยังรับราชการอยู่ได้ ผู้บริหารที่มีสามัญสำนึกต้องและจริงจังได้แล้วว่าตำรวจทุกวันนี้กำลังอยู่ในสภาพแวดล้อมแบบไหนมากไปกว่านั้น ภาพเหตุการณ์ในครั้งนี้หรือการกราดยิงครั้งที่ผ่าน ๆ มา มีส่วนหนึ่งที่ทับซ้อนกันกับภาพเหตุการณ์ตำรวจสลายการชุมนุมราษฎร หรือภาพทหารสังหารหมู่คนเสื้อแดง นั่นคือเป็นภาพสะท้อนวัฒนธรรมการใช้ความรุนแรงที่ฝังรากลึกในหมู่เจ้าหน้าที่รัฐมาอย่างยาวนาน

สมเด็จพระสังฆราชฯ ประทานผ้าไตร-กัปปิยภัณฑ์แก่ครอบครัวผู้เสียชีวิต-บาดเจ็บ ในเหตุคนร้ายกราดยิงศูนย์ฯ เด็ก หนองบัวลำภู

(7 ต.ค. 65) สำนักงานเลขานุการสมเด็จพระสังฆราช ระบุว่า ตามที่ เกิดเหตุคนร้ายประทุษร้ายประชาชน ณ ศูนย์พัฒนาเด็กเล็ก องค์การบริหารส่วนตำบลอุทัยสวรรค์ อำเภอนากลาง จังหวัดหนองบัวลำภู เมื่อวันพฤหัสบดี ที่ 6 ตุลาคม 2565 ทำให้มีผู้เสียชีวิต บาดเจ็บ และได้รับผลกระทบจากภยันตรายดังกล่าวเป็นจำนวนมาก ความทราบตามข่าวสารที่ปรากฏแล้ว นั้น

เจ้าพระคุณ สมเด็จพระอริยวงศาคตญาณ สมเด็จพระสังฆราช สกลมหาสังฆปริณายก ทรงปลงธรรมสังเวช อีกทั้งทรงพระปรารภห่วงใยผู้ประสบเหตุและผู้สูญเสีย จึงโปรดประทานผ้าไตร และมีพระบัญชาโปรดให้ไวยาวัจกรจัดกัปปิยภัณฑ์รายละเท่าจำนวน 20,000 บาท (สองหมื่นบาทถ้วน) ประทานแก่ครอบครัวของผู้เสียชีวิต เพื่อช่วยการบำเพ็ญกุศลศพทุกราย ส่วนสำหรับผู้บาดเจ็บนั้น จัดกัปปิยภัณฑ์รายละเท่าจำนวน 20,000 บาท (สองหมื่นบาทถ้วน) ประทานแก่ผู้บาดเจ็บทุกราย เพื่อโดยเสด็จพระราชกุศลที่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินี พระราชทานพระบรมราชานุเคราะห์ในการรักษาพยาบาล

ทั้งนี้ โปรดให้ผู้อำนวยการสำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติเป็นผู้เชิญสิ่งของและกัปปิยภัณฑ์ประทาน ไปมอบแก่เจ้าภาพศพและผู้บาดเจ็บทุกรายตามพระประสงค์

‘แพรรี่’ ตกใจบทสัมภาษณ์ของแม่ผู้ก่อเหตุ สะท้อน ‘สังคม-สถาบันครอบครัว’ กำลังล้มเหลว

แพรรี่ไพรวัลย์ โพสต์เฟซบุ๊ก ตกใจ 2 เรื่องบทสัมภาษณ์แม่ฆาตกรที่บอกว่าเป็นเรื่องของเวรกรรม เป็นเรื่องของอดีตชาติที่ฆาตกรกับเหยื่อเคยทำร่วมกันมา พร้อมสะท้อนมุมมอง สังคมและสถาบันครอบครัวกำลังล้มเหลว

จากเหตุการณ์โศกนาฏกรรมหนองบัวลำภู กราดยิงศูนย์เด็ก อบต.นากลาง ต.อุทัยสวรรค์ จ.หนองบัวลำภู ล่าสุด (7 ต.ค. 65) ไพรวัลย์ วรรณบุตร หรือ แพรรี่ ไพรวัลย์ ได้โพสต์เฟซบุ๊ก ให้ข้อคิดเห็น โดยระบุข้อความว่า... 

ได้ฟังบทสัมภาษณ์แม่ของฆาตกร ซึ่งให้สัมภาษณ์กับสื่อแห่งหนึ่งแล้วตกใจมาก ตกใจ 2 เรื่อง เรื่องแรก คือเรื่องที่แม่ของฆาตกรพูดคล้ายกับว่า เขารู้เห็นกับพฤติกรรมการเสพยาเสพติดของลูกชายมาโดยตลอด ทั้งยังให้สัมภาษณ์ประหนึ่งว่า พฤติกรรมเช่นนั้นเป็นเรื่องปกติ “เราอยู่ในสังคมที่คนในครอบครัวรู้เห็นและเมินเฉยกับการเสพยาเสพติดของสมาชิกในครอบครัว เรื่องนี้น่ากลัวมาก”

ตกใจเรื่องที่ 2 แพรรี่ไพวัลย์ ระบุว่า แม่ของฆาตกรมองว่า โศกนาฏกรรมที่เกิดขึ้นเป็นเรื่องของเวรกรรม เรื่องของอดีตชาติที่ฆาตกรกับเหยื่อเคยทำร่วมกันมาเมื่อชาติที่แล้ว ดังนั้นมันควรเป็นสิ่งที่เราต้องอโหสิหรือให้อภัยกัน ซึ่งแพรรี่ไพวัลย์ แสดงความคิดเห็นว่า “วิธีคิดเช่นนี้เลวร้ายมากกับกรณีนี้ มันสะท้อนได้ชัดว่า สังคมของเรากำลังล้มเหลวมาก สถาบันครอบครัวล้มเหลว การกล่อมเกลาและการปลูกฝังเอาใจใส่สมาชิกในครอบครัวถูกละเลย ที่สำคัญที่สุด ความเชื่อทางศาสนา (บวกกับความเข้าใจผิดๆ) มีส่วนทำให้คนมองข้ามปัญหาและปัดความรับผิดชอบต่อความเลวร้ายที่เกิดขึ้นกับสังคม”

ต่อมาแพรรี่ไพรวัลย์ ยังได้โพสต์ข้อความ ให้ข้อคิดเห็นกรณี “ป. : ทำยังไงก็คนมันติดยา ?” ด้วยว่า ทำยังไงก็ได้ ให้มันอยู่ในที่ ๆ คนติดยาควรต้องอยู่ อยู่สถานบำบัด หรือเรือนจำพิเศษก็ให้อยู่ไป คนติดยา ไม่ควรใช้ชีวิตเหมือนคนปกติ ทั้ง ๆ ที่เขาไม่ปกติ การตรวจเยี่ยมและตรวจปัสสาวะต้องทำสม่ำเสมอ การสอดส่องดูแลลูกบ้านต้องเข้มงวด ที่สำคัญทำอย่างไรก็ได้ให้ยาเสพติดมันเป็นสิ่งที่ซื้อขายกันไม่ได้ง่ายเหมือนซื้อก๋วยเตี๋ยวหน้าปากซอย (แถมยังราคาถูกกว่าก๋วยเตี๋ยวอีก)

“ทำค่ะ ท่านมีอำนาจแล้วท่านต้องทำ ใช้อำนาจให้สมดุลกับสติปัญญาของท่านนะคะ จะได้เป็นประโยชน์กับสังคมและชาติบ้านเมือง” สำหรับเหตุกราดยิงหนองบัวลำภู แพรรี่ไพรวัลย์ สะท้อนมุมมองว่า ทุกครั้งที่โศกนาฏกรรมเกิดขึ้น สังคมควรถอดบทเรียน แม้เราจะรู้สึกโกรธแค้นหรือเจ็บปวดต่อการสูญเสียแค่ไหนก็ตาม เราต้องหาแนวทางเพื่อการแก้ไขป้องกันค่ะ ทำอย่างไรเหตุการณ์แบบนี้จะไม่มีทางเกิดขึ้นซ้ำอีก

การหาเหตุผลและแรงจูงใจในการทำผิด ไม่ได้เป็นเรื่องเดียวกับการหาความชอบธรรมให้กับฆาตกร (ฆาตกรยังไงก็คือฆาตกร) ในทางกลับกัน การมองให้เห็นถึงเหตุ เป็นการช่วยกันปิดกั้นและขัดขวางเพื่อไม่ให้ใครสักคนหนึ่งลุกขึ้นมาเป็นฆาตกรได้ง่ายๆ ต่างหาก ถ้าเราเกลียดฆาตกร เราก็ควรเกลียดต้นเหตุอะไรบางอย่าง ที่เปลี่ยนจิตใจของคนให้กลายเป็นฆาตกรด้วย

อ.ปริญญา จี้!! 'กองทัพ-สตช.' แก้ปัญหากราดยิง ชี้!! เหตุการณ์ที่ผ่านมาเกิดจากฝีมือ 'ทหาร-ตำรวจ'

เมื่อวันที่ 7 ต.ค. ดร.ปริญญา เทวานฤมิตรกุล อาจารย์ประจำภาควิชากฎหมายมหาชน คณะนิติศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ โพสต์เฟซบุ๊ก เกี่ยวกับเหตุกราดยิงหนองบัวลำภู โดยระบุว่า “ในสหรัฐอเมริกาการกราดยิงประชาชนหรือเด็กนักเรียนแม้จะเกิดขึ้นบ่อยครั้ง แต่เท่าที่ผมทราบคือไม่มีสักครั้งที่คนลงมือจะเป็นเจ้าหน้าที่รัฐ ขณะที่ผู้ลงมือกราดยิงในประเทศไทย 2-3 ครั้งที่ผ่านมา #ล้วนแต่เป็นทหารหรือตำรวจทั้งสิ้น

เหตุการณ์ที่หนองบัวลำภูผู้ลงมือคือ #เจ้าหน้าที่ตำรวจ แม้จะถูกให้ออกจากราชการแต่ก็ยังไม่นาน ส่วนที่นครราชสีมาเมื่อสองปีก่อนคนกราดยิงก็เป็น #ทหาร แต่ที่หนองบัวลำภูน่าตกใจและเศร้าสลดกว่ามาก เพราะนอกจากจำนวนผู้เสียชีวิตจะมากกว่าแล้ว ผู้เสียชีวิตส่วนใหญ่ก็เป็นเพียงเด็กเล็ก ๆ แบบที่ไม่น่าเชื่อว่าจะมีใครใจร้ายทำกับพวกเขาได้ลงคอแบบนี้

'ชลน่าน' ลั่น!! ขอประกาศสงครามยาเสพติดอีกรอบ สับ รบ.แก้ยาเสพติดหละหลวมบกพร่อง ไร้มาตรการป้องกัน

'ชลน่าน' สับ รบ.แก้ยาเสพติดหละหลวมบกพร่อง ไร้มาตรการป้องกัน ฟื้นฟู โวยเจ้ากระทรวง สธ.อยู่ที่ไหน จี้รัฐเร่งเยียวยาดูแลสภาพจิตใจ ลั่นขอประกาศสงครามยาเสพติดอีกรอบ 

เมื่อเวลา 11.00 น. วันที่ 7 ต.ค. ที่พรรคเพื่อไทย (พท.) นพ.ชลน่าน ศรีแก้ว หัวหน้าพรรคเพื่อไทย พร้อมด้วย น.ส.ลิณธิภรณ์ วริณวัชรโรจน์ รองเลขาธิการพรรค ร่วมแถลงถึงเหตุกราดยิงที่ศูนย์เด็กเล็ก จ.หนองบัวลำภู โดยก่อนแถลงทั้ง นพ.ชลน่าน และน.ส.ลินธิภรณ์ได้ร่วมยืนไว้อาลัยให้กับผู้เสียชีวิตเป็นเวลา 1 นาที

จากนั้น นพ.ชลน่าน กล่าวว่า ต้องขอแสดงความเสียใจกับผู้ที่สูญเสียอย่างสุดซึ้ง เหตุการณ์นี้เกิดขึ้นกับเด็กเล็ก ทั่วโลกถือว่าเป็นเหตุการณ์สะเทือนขวัญยิ่ง ทั้งนี้ เราให้ความสำคัญและติดตามตั้งแต่เกิดเหตุการณ์ เราขอประณามผู้ก่อเหตุ พรรคเพื่อไทยเห็นว่าเรื่องนี้เป็นเรื่องสำคัญ ทุกฝ่ายประกาศชัดว่าจะถอดบทเรียนถึงสภาพปัญหา สาเหตุ แรงจูงใจ วิธีการแก้ปัญหา รวมทั้งแนวทางแก้ปัญหาเฉพาะหน้า ระยะสั้น ระยะยาว ซึ่งเราอยากให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องเร่งดำเนินการ เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นมีหลายมิติ ทั้งเชิงสังคม เศรษฐกิจ ความมั่นคง พรรคเพื่อไทยจะดำเนินการติดตามและช่วยเหลือในฐานะพรรคการเมืองอย่างต่อเนื่อง 

โดยวันนี้นายประเสริฐ จันทรรวงทอง เลขาธิการพรรค คณะกรรมาธิการกิจการเด็ก เยาวชน สตรี ผู้สูงอายุ ผู้พิการ กลุ่มชาติพันธุ์ และผู้มีความหลากหลายทางเพศ สภาฯ และ ส.ส.หนองบัวลำภูทั้งสามเขตของพรรค จะได้เข้าไปรับฟังสิ่งที่เกิดขึ้นในพื้นที่ เพื่อประมวลและให้การช่วยเหลือต่อไป 

นพ.ชลน่าน กล่าวต่อว่า สิ่งที่เราพบจากข้อเท็จจริง ผู้ก่อเหตุซึ่งเป็นอดีตนายตำรวจถูกไล่ออกจากราชการฐานไปเกี่ยวข้องกับยาเสพติด มีพฤติการณ์จงใจเจตนาก่อเหตุ เพราะ 

1.) ลักษณะการก่อเหตุเลือกใช้ศูนย์พัฒนาเด็กเล็กสามารถก่อการได้ง่าย ไม่มีการต่อสู้หรือป้องกัน 

2.) ถือเป็นอาชญากรรมที่ร้ายแรง สร้างแรงกระเพื่อมไปถึงระดับโลก

3.) มีลักษณะเตรียมการ ดูจากอาวุธที่ใช้ การหลบหนี การทำร้ายประชาชนในระหว่างทาง ท้ายสุดทำร้ายตัวเองและครอบครัว 

ทั้งนี้ สภาพปัญหาที่เกิดขึ้นเกี่ยวข้องกับยาเสพติด นโยบายแก้ปัญหายาเสพติดของรัฐบาลชุดนี้มีความบกพร่อง หละหลวม แม้ว่ามาตรการปราบปรามมีตัวเลขชัดว่าสามารถจับกุม ยึดทรัพย์ผู้เกี่ยวข้องได้อย่างมากมาย แต่มาตรการป้องกันไม่ค่อยชัดแจ้ง ขณะที่ยาบ้าราคาถูก แพร่กระจายอยู่ทั่ว ทราบว่ามีการแข่งกันผลิตยาบ้าถึง 7 บริษัทอยู่ตามชายขอบประเทศเรา ขณะที่ผู้เสพยาก็ยังไม่ได้รับการบำบัดฟื้นฟูเท่าที่ควร ทำให้เกิดอาการหลอนคลุ้มคลั่ง 

“การกระทำรุนแรงของผู้ก่อเหตุขนาดนี้ต้องมีสภาพทางจิต รวมทั้งความเคียดแค้นชิงชังอย่างหนักหนาสาหัสถึงทำรุนแรงขนาดนี้ได้ ดังนั้นพรรคเพื่อไทยขอเรียกร้องให้รัฐบาลเร่งบำบัด รักษาฟื้นฟูผู้ติดยาอย่างเร่งด่วยโดยเร็ว เพราะจากสถิติยังไม่ค่อยมีสถานบำบัดฟื้นฟูเท่าที่ควร"

ถอดบทเรียน ก่อเหตุกราดยิงในไทย อารมณ์ส่วนตัวหรือสื่อมวลชนกระตุ้น?

สยามเมืองยิ้ม ตอนนี้คนไทยไม่สามารถยิ้มออกมาได้ เมื่อเกิดเหตุการณ์อันน่าสลดใจอีกครั้ง หลังอดีตตำรวจก่อเหตุกราดยิงศูนย์พัฒนาเด็กเล็ก จ.หนองบัวลำภู เป็นการกระแทกซ้ำหัวใจคนไทย หลังได้รับบทเรียนจากกราดยิงโคราชเมื่อ 2 ปีที่แล้ว วันนี้ทีมข่าว THE STATES TIMES จะพาผู้อ่านทุกท่านมาถอดบทเรียนเกี่ยวกับการกราดยิงร่วมกัน

(คำถาม : ท่านผู้อ่านคิดว่าอะไรที่ส่งผลให้ผู้ร้ายทำการกราดยิง?)

จากข้อมูลการเสวนาถอดบทเรียนทางจิตวิทยาเหตุกราดยิงฯ โดยคณะจิตวิทยา จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ได้ให้ข้อมูลถึงปัจจัยที่ทำให้คนก่อเหตุอาชญากรรมไว้ว่า ปัจจัยที่ทำให้คนก่อเหตุอาชญากรรม คือ 'มูลเหตุจูงใจ + โอกาส'  

มูลเหตุจูงใจ คือ การตัดสินใจของคน พฤติกรรมของคน ส่วนโอกาส คือ ช่วงจังหวะเวลา สถานที่ ที่ทำให้ประกอบอาชญากรรมได้ เช่น การเข้าถึงอาวุธปืน การเข้าถึงสถานที่

ส่วนมูลเหตุของคดีนี้ สาเหตุมาจากเครียดอยากระบาย เก็บกด เคียดแค้นจากการถูกไล่ออกจากราชการ ประกอบกับที่ผ่านมามีอาการหลอนยาจากการเสพยาบ้า, ยาไอซ์ ขณะที่ โอกาส มาจากผู้ก่อเหตุเป็นอดีตตำรวจสามารถที่จะเข้าถึงปืนได้ง่าย สถานที่ก่อเหตุก็สามารถเข้าถึงได้ง่าย เพราะลูกผู้ก่อเหตุก็เรียนอยู่ที่ศูนย์เด็กเล็กนี้ 

หากกล่าวถึงลักษณะของผู้ก่อเหตุ ดร.นัทธี จิตสว่าง นักอาชญาวิทยา อดีตอธิบดีกรมราชทัณฑ์ อธิบายไว้ว่า ส่วนใหญ่ผู้ก่อเหตุจะมีลักษณะอยู่ 4 ประการได้แก่...

1. ถูก Discriminate จากเพื่อน มีปัญหาด้านปฏิสัมพันธ์กับคนรอบข้าง ไม่มีที่ปรึกษา แนะนำทางออกให้ จึงแก้ปัญหาด้วยตัวเอง อย่างเช่นกรณีที่โคราชนี้ มีทหารคนอื่นที่โดนโกงเหมือนกัน ถูกกระทำแบบเดียวกัน และมีแนวคิดจะก่อเหตุเหมือนกัน แต่ได้ไปปรึกษาแม่ เมื่อมีคนปรึกษาจึงไม่ได้กระทำ

2. เป็นคนที่ถูกกระทำมาในวัยเด็ก เช่น คนที่มีปัญหาครอบครัวแตกแยก ถูกกระทำจากพ่อเลี้ยง แม่เลี้ยง ถูกกระทำจากในโรงเรียนหรือที่ทำงาน ทำให้เกิดความรู้สึกโกรธเกลียด เช่นในอเมริกา เคยมีเหตุเด็กอายุ 16 ไปกราดยิงเพื่อนในโรงเรียน และได้ให้เหตุผลว่าเขาเกลียดโรงเรียน เกลียดวันจันทร์เท่านั้น เพราะเคยถูกปฏิเสธ และรู้สึกว่าไม่ได้รับความเป็นธรรม รู้สึกกดดัน

3. เป็นผู้ที่นิยมหรือคลุกคลี เรียนรู้เกี่ยวกับความรุนแรงมาโดยตลอด เช่น เคยมีผู้ก่อเหตุกราดยิงที่มีพฤติกรรมชอบฆ่าสัตว์ ยิงม้า ยิงสุนัข ชื่นชอบสะสมปืน บางรายมีการเขียนเรียงความที่แสดงถึงความคับแค้นและการฆาตกรรม

4. มีการเรียนรู้ศึกษาจากเหตุการณ์ความรุนแรงที่ผ่านมา (อย่างจริงจัง) มีการจดบันทึก และวางแผนไว้

*** นอกจากนี้ ยังมีสื่อเป็นส่วนประกอบที่ทำให้ผู้ก่อเหตุทำการกราดยิง โดย 'สื่อ' มีส่วนสร้างพฤติกรรมเลียนแบบ ซึ่งเรื่องนี้  FRANK SHYONG ได้เขียนไว้ในสำนักข่าว Los Angeles Times ไว้ว่า “พฤติกรรมการกราดยิง” เป็นผลมาจากการรายงานข่าวอย่างละเอียดของสื่อ เมื่อสำรวจการรายงานข่าวกราดยิง พบว่าสื่อให้ความสนใจแก้ผู้ก่อเหตุเป็นอย่างสูง มีการเสนอภาพคนร้ายมากกว่าเหยื่อ 16 เท่า 

งานวิจัยของมหาวิทยาลัยเท็กซัสสเตทชี้ว่า การรายงานข่าวถี่และเข้มข้นต่อการกราดยิงโดยเฉพาะตัวผู้ก่อเหตุ ทำให้เกิดการส่งต่อพฤติกรรมและเป็นแรงจูงใจให้กับผู้ที่คิดจะก่อเหตุรายต่อไป ยังระบุอีกว่าพื้นฐานการรายงานข่าวคือ การเสนอข้อเท็จจริง แต่จะต้องหลีกเลี่ยงการส่งเสริมความอยากรู้อยากเห็นที่น่ากลัว

>> มีคำถามที่ว่า ผู้ก่อเหตุมีอาการทางจิตหรือเปล่า? เพราะคนที่ปกติอาจไม่สามารถก่อเหตุเช่นนี้ได้ง่าย

ก็อยากให้ผู้อ่านทุกท่านมาดูข้อมูลการศึกษา “ความเชื่อมโยงระหว่างการกราดยิงและอาการเจ็บป่วยทางจิต” ของ James L. Knoll IV และ George D. Annas ซึ่งได้อธิบายไว้ว่า “มีเพียง 3% ที่ผู้ป่วยทางจิตมีประวัติก่ออาชญากรรมรุนแรง และมี 1% ที่ใช้อาวุธปืน ซึ่งส่วนใหญ่ของผู้ป่วยทางจิตที่ใช้อาวุธปืน คือการใช้เพื่อจบชีวิตตัวเอง”

ซ้ำร้ายข้อมูลจาก Amy Barnhorst ในนิตยสาร Psychology Today ได้เขียนไว้ว่า ผู้ก่อเหตุใช้ปืนกราดยิง ไม่ได้ก่อเหตุจากอาการป่วยทางจิต หรือได้ยินเสียงและเห็นภาพหลอนในหัว แต่เกิดขึ้นเพราะถูกกระตุ้นจากความเกลียดชัง

สอดคล้องกับข้อมูลศูนย์ควบคุมและป้องกันโรคในสหรัฐ (Centers for Disease Control and Prevention: CDC) ที่อธิบายไว้ว่า ผู้ป่วยทางจิตมีแนวโน้มทำร้ายตัวเองมากกว่าทำร้ายผู้อื่น เนื่องจากสถิติการตายด้วยปืนถึง 2 ใน 3 เป็นการจบชีวิตตัวเอง 

>> คำถาม คือ แล้วเราจะสอนลูกอย่างไร เมื่อตกอยู่ในเหตุความรุนแรง?

'ไอติม' ลั่น!! กราดยิงฯ สะท้อนปัญหาที่หมักหมมในสังคมไทย ชี้!! ถือเป็นคำเตือนสุดท้าย ถึงเวลาออกแบบสังคมให้ปลอดภัย

พริษฐ์  ชี้ โศกนาฏกรรมที่หนองบัวลำภู เป็นคำเตือนครั้งสุดท้ายของสังคมไทย ถึงเวลารีบหาทางออกปัญหาครอบครองอาวุธปืน 

พริษฐ์ วัชรสินธุ ผู้จัดการการสื่อสารและการรณรงค์นโยบาย พรรคก้าวไกล กล่าวถึงเหตุการณ์โศกนาฏกรรม ที่จังหวัดหนองบัวลำภูว่า ถึงเวลาแล้วที่ประเทศไทยต้องร่วมกันเยียวยาบาดแผลที่เกิดขึ้นในสังคมด้วยการร่วมกันหาทางออกในการป้องกันเหตุการณ์ดังกล่าวไม่ให้เกิดขึ้นอีก และร่วมกันออกแบบสังคมที่เราทุกคนใช้ชีวิตได้อย่างปลอดภัยให้ได้

เหตุการณ์กราดยิงทั้งในอดีตและที่เพิ่งเกิดขึ้นสะท้อนถึงสารพัดปัญหาที่หมักหมมมายาวนานในสังคมไทย และที่ผู้เชี่ยวชาญหลายคนเริ่มออกมาฉายภาพให้เห็นอีกครั้ง ไม่ว่าจะเป็นปัญหาเรื่องการใช้และการแพร่ระบาดของยาเสพติด การคัดกรองเจ้าหน้าที่ทหาร-ตำรวจ ระบบอุปถัมภ์และวัฒนธรรมอำนาจนิยมในองค์กร ความล่าช้าของตำรวจในการเข้าถึงที่เกิดเหตุ หรือ การขาดแคลนระบบแจ้งเตือนเหตุฉุกเฉินกับประชาชน

แต่ปัญหาหนึ่งที่มีส่วนสำคัญเช่นกัน คือ ปัญหาเรื่อง 'การเข้าถึงและครอบครองอาวุธปืน' ทั้งที่ถูกและผิดกฎหมาย และทั้งโดยเจ้าหน้าที่-อดีตเจ้าหน้าที่ และโดยประชาชนทั่วไป

โดยพริษฐ์ได้ชี้ให้เห็นว่า สถิติหนึ่งที่ค้นพบ คือ ปัจจุบัน ประเทศไทยมีอัตราผู้เสียชีวิตจากอาชญากรรมปืนสูงสุดเป็นอันดับ 3 ของทวีปเอเชีย (3.91 ต่อประชากร 100,000 คน) - รองจากแค่ อิรัก (9.94) และ ฟิลิปปินส์ (8.02) และสูงกว่า มาเลเซีย (0.53) เวียดนาม (0.52) เกาหลีใต้ (0.08) ญี่ปุ่น (0.08) และสิงคโปร์ (0.05) หลายเท่าตัว

ถึงแม้สหรัฐอเมริกา (10.95) - ซึ่งเป็นที่รับรู้กันว่าเป็นประเทศที่มีปัญหาเรื่องกราดยิงเยอะเป็นพิเศษ โดยบางส่วนมองว่าเป็นผลจากนโยบายปืนเสรีที่ทำให้ประชาชนเข้าถึงปืนได้ง่ายกว่าในอีกหลายประเทศ - ในช่วงหลังๆ จะมีสถิติที่แย่กว่าประเทศไทยพอควร แต่ไม่กี่ปีก่อนก็มีสถิติที่ไม่ห่าง (หรือบางปีดีกว่า) ในไทยด้วยซ้ำ

แน่นอนว่าทางออกในประเทศไทยคงไม่ได้เรียบง่ายแค่การเพิ่มความเข้มงวดของเกณฑ์การครอบครองปืน หากจะตั้งข้อสังเกตเกี่ยวกับ ระบบ-กฎหมาย-การบังคับใช้ ด้านการเข้าถึงอาวุธปืนที่อาจมีปัญหาบางจุด ซึ่งได้ตั้งข้อสังเกตดังนี้

1.) เกณฑ์การขอใบอนุญาตมีปืนถูกกฎหมาย ไม่ครอบคลุมด้านสุขภาพจิต-ไม่มีการสอบวัดความพร้อม หรือไม่อย่างไร

แม้จะมีหลายเอกสารที่ประชาชนต้องยื่นหากต้องการขอใบอนุญาตครอบครองปืน (แบบ ป.4) หรือใบอนุญาตพกพาปืน (แบบ ป.12) แต่ทั้งสองกระบวนการปัจจุบันไม่มีการขอใบรับรองจากจิตแพทย์เกี่ยวกับประวัติหรืออาการด้านสุขภาพจิต ซึ่งทำให้เราไม่รู้ว่าผู้ที่ครอบครองอาวุธปืนอย่างถูกกฎหมาย ณ ปัจจุบันมีสุขภาพจิตที่แพทย์เห็นว่าเหมาะสมที่จะครอบครองปืนหรือไม่

ในส่วนการเตรียมความพร้อม แม้จะมีการกำหนดว่าต้องแสดงหลักฐานว่าผ่านการฝึกอบรมการใช้อาวุธปืน แต่สังคมก็ตั้งคำถามถึงความรัดกุมของเนื้อหาการอบรมและความเข้มงวดของการรับรองมาตรฐานผู้ให้การอบรม รวมถึงการเสนอให้มีการสอบวัดความพร้อมของผู้ขอใบอนุญาตอย่างจริงจัง เหมือนในหลายประเทศทั่วโลก

2.) ข้าราชการเข้าถึงได้ง่ายกว่า แม้ในตำแหน่งที่ไม่มีความจำเป็นต้องใช้ปืนในการทำหน้าที่ จริงหรือไม่

ที่ผ่านมา รัฐมีโครงการจัดหาปืนเป็นสวัสดิการให้ข้าราชการในหลายสังกัดเข้าถึงและขอใบอนุญาตได้อย่างสะดวกสบายขึ้น แม้หลายครั้งเป็นการให้สิทธิแก่ข้าราชการในตำแหน่งที่อาจตั้งคำถามได้ในปัจจุบันว่ามีความจำเป็นแค่ไหนที่ต้องใช้ปืนในการปฏิบัติหน้าที่ (เช่น ข้าราชการกระทรวงมหาดไทย กำนัน ผู้ใหญ่บ้าน ผู้บริหารท้องถิ่น สมาชิกรัฐสภา) ซึ่งการเข้าถึงปืนได้อย่างแพร่หลาย อาจเพิ่มความเสี่ยงต่อความรุนแรงหรือความเสี่ยงที่อาวุธปืนจะหลุดสู่ตลาดมืดได้

3.) ระบบเส้นสายและการทุจริตคอร์รัปชันในการขอใบอนุญาต เปิดช่องโหว่ในการครอบครองปืนหรือไม่

เอกสารหนึ่งที่ข้าราชการต้องใช้เพื่อยื่นขอใบอนุญาตคือหนังสือรับรองความประพฤติจากผู้บังคับบัญชา นอกจากถูกตั้งคำถามถึงประสิทธิภาพของวิธีการดังกล่าวในการคัดกรองคน ข้อกำหนดดังกล่าวยังมีข้อครหาว่าเปิดช่องให้เกิดการเรียกสินบน หรือการเซ็นอนุมัติโดยไม่ได้อยู่บนพื้นฐานของการประเมินความเหมาะสมของผู้ขอใบอนุญาตอย่างแท้จริง

‘อดีตทูต’ ชี้!! พิธีฯ รับเสด็จเป็นเรื่องธรรมดา แต่ผู้ตำหนิ ล้วนมิใช่ญาติโกโหติกาสักคน

(7 ต.ค. 65) นายนริศโรจน์ เฟื่องระบิล อดีตเอกอัครราชทูตไทย ณ กรุงบัวโนสไอเรส ประเทศอาร์เจนตินา ได้โพสต์เฟซบุ๊ก 'Fuangrabil Narisroj' ว่า... 

การที่ในหลวง พระราชินี และพระบรมวงศานุวงศ์ พระราชทานพวงมาลา และทรงรับการจัดการทุกอย่างในพระบรมราชานุเคราะห์  รวมทั้งการที่ในหลวงและพระราชินีเสด็จฯ ไปเยี่ยมให้กำลังใจผู้บาดเจ็บ และครอบครัวผู้เสียชีวิตด้วยพระองค์เอง 

นี่คือการแสดงออกอย่างเป็นรูปธรรมที่สุดว่าสถาบันไม่เคยละทิ้งหรือลืมประชาชน ทุกอย่างอยู่ในสายพระเนตร และพระองค์ท่านได้พยายาม honour หรือให้เกียรติสูงสุดกับผู้วายชนม์ ผู้บาดเจ็บ และญาติๆ อย่างหาที่สุดมิได้แล้ว 


TRENDING
© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top