Thursday, 16 May 2024
กราดยิงหนองบัวลำภู

สมาคมผู้สื่อข่าว ตปท.ประณาม CNN ปีนรั้วศูนย์เด็กเล็กหนองบัวลำภู บุกถ่ายคราบเลือด-จุดเกิดเหตุ

สมาคมผู้สื่อข่าวต่างประเทศประจำประเทศไทยออกแถลงการณ์ ประณามผู้สื่อข่าวซีเอ็นเอ็น ปีนรั้วศูนย์พัฒนาเด็กเล็กอุทัยสวรรรค์ จ.หนองบัวลำภู บุกถ่ายทำจุดเกิดเหตุ อ้างว่าได้รับอนุญาตทั้ง ๆ ที่ไม่ปรากฏหลักฐาน ชี้ละเมิดจริยธรรมอย่างร้ายแรง ตอกกลับถ้าเป็นเหตุอาชญากรรมร้ายแรงในสหรัฐฯ ซีเอ็นเอ็นจะกล้าทำอย่างนี้หรือไม่?

จากเหตุการณ์กราดยิงที่ศูนย์พัฒนาเด็กเล็กอุทัยสวรรรค์ จังหวัดหนองบัวลำภู เมื่อวันพฤหัสบดีที่ 6 ตุลาคมที่ผ่านมา แต่ปรากฏว่าในเวลาต่อมามีผู้สื่อข่าวและช่างภาพของสถานีโทรทัศน์ซีเอ็นเอ็นของสหรัฐฯ ได้เข้าไปถ่ายทำในที่เกิดเหตุ และอ้างว่าได้รับอนุญาตให้เข้าไปด้านในศูนย์ฯ โดยที่ไม่เคยมีสื่อมวลชนไทย หรือ ต่างชาติสำนักใดเคยได้รับอนุญาตให้เข้าไปในที่เกิดเหตุมาก่อน สร้างเสียงวิพากษ์วิจารณ์อย่างมากถึงความเหมาะสม

ช่วงค่ำของวันที่ 8 ตุลาคม สมาคมผู้สื่อข่าวต่างประเทศประจำประเทศไทย (Foreign Correspondents' Club of Thailand) หรือ FCCT ออกแถลงการณ์จากการรายงานข่าวดังกล่าวของซีเอ็นเอ็น โดยระบุว่า พฤติกรรมในการรายงานข่าวดังกล่าวของซีเอ็นเอ็นนั้นสร้างความตกตะลึงให้แก่นักข่าวมืออาชีพซึ่งเป็นสมาชิกของ FCCT เนื่องจากทีมข่าวของซีเอ็นเอ็นได้เข้าไปยังจุดเกิดเหตุ (crime scene) โดยไม่ได้รับอนุญาต

"ชัดเจนว่าทีมข่าวซีเอ็นเอ็นได้เข้าไปยังจุดเกิดเหตุโดยไม่ได้รับอนุญาต ไม่ว่าพวกเขาจะอ้างอย่างไรก็ตาม นี่เป็นการกระทำที่ไร้ความเป็นมืออาชีพ และถือว่าละเมิดจริยธรรมของผู้สื่อข่าวในการรายงานข่าวอาชญากรรมอย่างร้ายแรง" แถลงกาณณ์ของ FCCT ระบุ

'นายกฯ' กำชับ!! ทุกหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเร่งดูแล เยียวยา ช่วยเหลือผู้ประสบเหตุยอดรวมกว่า 13 ล้านบาท

โฆษกรัฐบาลเผย ความคืบหน้าหน่วยงานภาครัฐจ่ายเงินช่วยเหลือครอบครัวผู้เสียชีวิตและผู้บาดเจ็บกรณีเหตุโศกนาฏกรรม จ.หนองบัวลำภู รวม 13,927,555 บาท โดย 'นายกฯ' กำชับให้ทุกหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเร่งดูแล เยียวยา จ่ายเงินช่วยเหลือตามหลักเกณฑ์โดยเร็ว 

นายอนุชา บูรพชัยศรี รองเลขาธิการนายกรัฐมนตรีฝ่ายการเมือง ปฏิบัติหน้าที่โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยถึงการดำเนินการให้ความช่วยเหลือเยียวยาผู้เสียชีวิต ผู้บาดเจ็บ และผู้ได้รับผลกระทบจากเหตุการณ์โศกนาฏกรรมที่ จ.หนองบัวลำภู ของหน่วยงานภาครัฐขณะนี้ว่า ได้เร่งดำเนินการมอบเงินเพื่อช่วยเหลือ ตามข้อสั่งการของพลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม โดยล่าสุดวันนี้ (9 ต.ค. 65) 4 หน่วยงานภาครัฐ มีความคืบหน้าการจ่ายเงินช่วยเหลือให้กับผู้ได้รับบาดเจ็บและเสียชีวิตกรณีเหตุดังกล่าวรวม 13,927,555 บาท และมีหน่วยงานที่กำลังเร่งดำเนินการจ่ายเงินให้ผู้ได้รับผลกระทบ ดังนี้...

1. คณะกรรมการกองทุนเงินช่วยเหลือผู้ประสบสาธารณภัย สำนักนายกรัฐมนตรี โอนเงินช่วยเหลือเป็นค่าจัดการศพและเงินทุนเลี้ยงชีพให้กับทายาทผู้เสียชีวิต จำนวน 34 ราย ๆ ละ 2 แสนบาท รวมเป็นเงิน 6,800,000 บาท ทั้งนี้ ยังไม่รวมถึงผู้ก่อเหตุและบุคคลในครอบครัวซึ่งจะต้องมีการตรวจสอบข้อเท็จจริงก่อน

2. กรมคุ้มครองสิทธิและเสรีภาพ กระทรวงยุติธรรม และสำนักงานยุติธรรม ให้ความช่วยเหลือรวม 3,960,000 บาท โดยมอบเงินให้กับครอบครัวผู้เสียชีวิตรายละ 110,000 จำนวน 36 ราย ส่วนผู้บาดเจ็บ 10 ราย อนุมัติในหลักการให้เบิกจ่ายค่ารักษาพยาบาลตามรักษาจริง 

3. กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ (พม.) และหน่วยงานในสังกัด ให้ความช่วยเหลือรวม 582,000 บาท แบ่งเป็น 1) พม. รายละ 10,000 บาท จำนวน 47 ราย รวมเป็น 470,000 บาท 2) พ.อช. รายละ 1,000 บาท จำนวน 47 ราย รวมเป็น 47,000 บาท และ 3) สมาชิกกองทุนชุมชน 74,000 จำนน 3 ราย เป็นเงิน 222,000 บาท 

4. สำนักงานประกันสังคม ให้ความช่วยเหลือรวม 2,585,555 บาท โดยอนุมัติ/มอบแล้วเมื่อวันที่ 7-8 ต.ค. 65 ดังนี้ 1) สิทธิประกันสังคม 7 ราย รวมจำนวนเงิน 2,425,555 บาท (เงินเข้าวันที่ 20 ต.ค. 65) 2) กระทรวงแรงงาน มอบเงินช่วยเหลือ รายละ 5,000  บาท จำนวน 32 ราย รวมเป็นเงิน 160,000 บาท 

“นอกจากนี้ ยังมีหน่วยงานที่มีกำหนดจะมอบเงินช่วยเหลือในวันที่ 11 ต.ค. 65 หลังพิธีพระราชทานเพลิงศพ เช่น สำนักงานจังหวัด สำนักงานจัดหางาน กองทัพบก เป็นต้น รวมทั้งมีหน่วยงานที่อยู่ระหว่างการอนุมัติเบิกจ่ายตามระเบียบของทางราชการ ซึ่งนายกรัฐมนตรีได้กำชับให้ทุกหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเร่งดูแล เยียวยาจ่ายเงินช่วยเหลือตามหลักเกณฑ์ฯ โดยเร็วต่อไป” นายอนุชาฯ กล่าว  

นายอนุชาฯ กล่าวเพิ่มเติมว่า ตามที่มีการสอบถามถึงการเปิดช่องทางการรับบริจาคกรณีเหตุการณ์ที่จังหวัดหนองบัวลำภูนั้น สำนักงานปลัดสำนักนายกรัฐมนตรีได้ชี้แจงว่า เมื่อมีสาธารณภัยต่าง ๆ เกิดขึ้น จะมีประชาชนที่มีความประสงค์จะร่วมให้ความช่วยเหลือผู้ประสบภัย แต่ยังไม่มีช่องทางที่จะร่วมดำเนินการเช่นนั้นได้

เล่าสู่กันฟัง เรื่องราวแห่ง ‘ความเมตตา - อาทร’ ที่ ‘ในหลวง’ มีต่อพสกนิกรของพระองค์

จากเพจเฟซบุ๊ก 'คุณยุ้ย ท่าเรือ' ได้โพสต์ข้อความน่าประทับใจหลังในหลวงได้เสด็จให้กำลังใจญาติผู้เสียชีวิตที่หนองบัวลำภู ความว่า...

เล่าหมดทุกคำ คงยาวจนอ่านกันไม่ไหว และประติดประต่อเรื่องไม่ถูก ขอเล่าเป็นเรื่อง ๆ นะคะ

ข้าวปลาอาหาร น้ำท่า ไม่ต้องห่วงจ้ะ มีอาหารพระราชทาน เมื่อวาน (วันที่ 8) เมนูคือผัดไทกุ้งสด เชฟจากกรุงเทพโพ่นหนะ

มาแฮดให้ พอถามว่าแซ่บไหม บอกว่าแซ่บอยู่นะ แต่ผัดไทอิหยังทำไมเส้นมันเล็กโพด!😄

กินได้หลายคำไหม วันนี้พอกินได้บ้าง วันก่อน ๆ กินบ่ลง

นอกจากอาหารพระราชทานแล้ว มีรถครัวสนามของทหาร มณฑลทหารบกที่ 24 ด้วย เพิ่ลมีทหารมาเป็นร้อย ๆ โพ่นนะ ทหารก็คอยมาถามเฮา ว่าจะให้ช่วยหยั้งอยู่บ่ เมื่อคืนนะ มืดแล้วก็ยังโทร 

ยุ้ยเลยได้แซวไป 

ป๊าด!! ใช่ย่อยนะนี่ มีทหารรับใช้เป็นกองร้อย นายพลเค้ายังได้สิทธิแค่ไม่กี่คนนะนี่ 

ในหลวงท่านเห็นพวกพี่ ๆ ทุกข์โศก ท่านทรงขับเครื่องบินมาเอง เห็นไหมจ๊ะ ท่านน้ำตาไหล พระราชินีนี่ เส้นเลือดที่หน้าผากปูดเลย ท่านพยายามสะกดอารมย์ ดูท่านเศร้ามาก เห็นแบบนี้แล้วรู้สึกยังไงบ้างจ๊ะ 
คำตอบคือ ไม่คิดว่าท่านจะห่วงคนอย่างเรา
ตอนแรกที่มันมืดมนโนะ บัดนี้มันสว่าง มันพอมีแรง ต้องรีบเข้มแข็ง 
แล้วแต่ละคนก็เล่าในมุมของตน ร่ายยาวด้วยความปลื้มปิติ 

เรื่องพวงมาลาประจำพระองค์… 
ที่นี่จะแปลกกว่างานที่มีการพระราชทานพวงมาลาอื่นๆ
ที่ยุ้ยเคยเห็น อันดับแรกคือมาครบทุกพระองค์ 
ชวนคุยบอกพี่น้องที่นี่ว่า ป๊าดนี่ท่านส่งมาทั้งครอบครัวเลยนะ ครบทุกพระองค์เลย เขาดูกันไม่ออก ก็อธิบายให้ฟัง (หาเรื่องชวนคุย)

พออธิบายเสร็จก็บอกว่า หนูนะเคยไปเห็นพวงมาลาพระราชทานตามงานพระผู้ใหญ่ที่ท่านมรณะภาพนะ ไม่เคยเห็นงานไหนที่พิเศษขนาดงานนี้ …

ชาวบ้านก็งง หันมาถามว่าทำไม ก็บอกว่า หนึ่งล่ะ คือครบทุกพระองค์ สองก็คือ ไม่ยักกะมีเจ้าหน้าที่วังเฝ้า

ปกตินะ ถ่ายรูปติดยังไม่ได้เลย จะมีเจ้าหน้าที่คอยบอกว่า ถ่ายรูปไม่ได้ครับ จุดที่วางพวงมาลานี่ถือเป็นที่ส่วนพระองค์ 

แต่นี่นะ บุญตายุ้ยที่ได้มาเห็น นอกจากเจ้าหน้าที่ไม่มาอยู่กดดันไม่ห้ามในการถ่ายรูปแล้ว ยังสามารถนอนอิเหละเขละขละเอกขเนกตามแต่ใจได้ด้วย 

ปกติที่ยุ้ยเคยเห็นนะ ใส่เสื้อผ้ากันเต็มยศ จะนั่งจะเดินยังต้องระวัง นี่คือสิ่งแทนพระองค์เลยนะจ๊ะ

‘ฝ่ายค้าน’ จัดเสวนา ‘ถอดบทเรียนเหตุการณ์หนองบัวลำภู’ ชี้!! สาเหตุหลักมาจาก ‘องค์กรสีกากี - ยาเสพติด - อาวุธ’

ฝ่ายค้าน จัดเวทีเสวนา ‘กราดยิงหนองบัวฯ’ ด้าน ‘ชลน่าน’ ฝากถอดบทเรียนแรงจูงใจ - สภาพจิต - ระบบคัดเลือกบุคคล แอบแซะ ‘บิ๊กป้อม’ ใจบันดาลแรง จากเด็กสมบูรณ์ในขวดซีอิ้ว โดดใส่กางเกงยีนส์มีแรงฮึกเหิม ‘สุทิน’ อัด รัฐบาลแก้ปัญหายาเสพติดล้มเหลว ยาเกลื่อน - คนเสียสติเยอะ ขณะที่การแก้กม.ยาเสพติดผิดพลาด กระบวนการบำบัดไม่เข้มแข็ง จี้ ทบทวนการครอบครองอาวุธปืน ด้าน ‘นภาพร’ ชี้ รัฐบาลแก้ปัญหาเหมือนเสือกระดาษ กระแสลด ยา - อาวุธ ยังอยู่เหมือนเดิม ขณะที่ ‘โรม’ เสนอ 7 ข้อแก้ปัญหาเกิดซ้ำ ยกงานวิจัยสหรัฐฯ ชี้ผู้ก่อเหตุพรากชีวิตผู้อื่นแก้แค้นความเจ็บปวด

เมื่อเวลา 09.30 น. วันที่ 29 ต.ค. ที่โรงแรม อมารี ดอนเมือง แอร์พอร์ต กทม. โครงการผู้นำฝ่ายค้านในสภาผู้แทนราษฎรพบประชาชน ประจำปีงบประมาณ 66 จัดเวทีเสวนา ‘ถอดบทเรียนเหตุการณ์หนองบัวลำภู’ โดยนพ.ชลน่าน ศรีแก้ว ส.ส.น่าน และหัวหน้าพรรคเพื่อไทย ในฐานะผู้นำฝ่ายค้านฯ ปาฐกถาพิเศษตอนหนึ่ง ว่าเหตุการณ์ 6 ตุลา 65 เกิดเหตุโศกนาฎกรรมที่ จ.หนองบัวลำภู ทำให้มีผู้เสียชีวิต 37 ราย เป็นเด็กถึง 24 ราย แบ่งเป็นเด็กเล็ก 23 ราย และเด็กประถมวัย 1 ราย วันนี้ฝ่ายค้ายไม่ได้ต้องการตอกย้ำการสูญเสีย หรือพูดเพื่อหาเสียง แต่เป็นการหาทางออกให้ประเทศ และเป็นการถอดบทเรียน จึงมีความจำเป็นต้องใช้เวทีในการพูดคุยแลกเปลี่ยนความคิดเห็น จากนั้นจะได้นำการถอดบทเรียนนี้ไปใช้ในการตรวจสอบถ่วงดุลในสภาฯ ซึ่งฝ่ายค้านจะได้ยื่นญัตติด่วน เรื่องเหตุการณ์หนองบัวลำภู ในวันที่ 3 พ.ย.นี้ เพื่อนำไปเป็นข้อเสนอต่อคณะรัฐมนตรี (ครม.) ต่อไป  

ผู้นำฝ่ายค้าน กล่าวอีกว่า บทเรียนที่ได้รับเป็นการลงทุนที่เสียหายใหญ่หลวง และในภาพการลงทุนเหตุครั้งนี้ไม่มีกำไร ยิ่งถ้าไม่ได้พูดคุยกันอีกยิ่งขาดทุน ตอนนี้ทราบถึงสภาพปัญหาแล้ว แต่สิ่งที่อยากฝากให้ถอดบทเรียน คือ สาเหตุแรงจูงใจว่าเกิดเพราะอะไร เหตุใดตำรวจนอกราชการที่ถูกไล่ออก เพราะเกี่ยวข้องกับยาเสพติดจึงมีพฤติการณ์เช่นนี้ 

นพ.ชลน่าน กล่าวต่อว่า เรื่องการใช้อาวุธปืนไม่อาจปฏิเสธได้ มีคำพูดจากนักวิเคราะห์ ว่าสาเหตุมาจาก 2 เถื่อน คือ ปืนเถื่อนกับคนเถื่อน ถ้าปืนถูกกฎหมายแสดงว่าปืนไม่เถื่อน แต่คนกราดยิงคือคนเถื่อน ฉะนั้น สิ่งที่ไม่อาจละเลยได้คือปัญหาสภาพจิตในสังคมไทยปัจจุบัน เชื่อหรือไม่ลูกหลานของเรา 20 ปีที่ผ่านมามีพฤติกรรมที่เปลี่ยนแปลงอย่างมาก สังเกตหรือไม่ความอดทนหรือการตอบสนองต่อสิ่งบีบคั้นในคนรุ่นใหม่ มีพฤติกรรมที่เปลี่ยนไปอย่างเห็นได้ชัดจากในอดีต การยับยั้งชั่งใจไม่เกิดขึ้น เป็นปฏิกิริยาเกี่ยวเนื่องกับทางด้านจิต

“ใจเป็นนาย กายเป็นบ่าว ถ้าใจคิดอย่างไรกายจะเป็นเช่นนั้น ปกติเราใช้แรงบันดาลใจ อ.ที่มาเป็นวิทยากรบรรยายอายุ 67 ปี แต่ผมบอกว่าเพิ่ง 57 ปี อ.เลยตอบกลับว่าใช้แรงบันดาลใจ ไม่ใช่ใช้ใจบันดาลแรง ปกติเราใช้แรงบันดาลใจ แต่กลับมีใครคนหนึ่งบอกว่าต้องใช้ใจบันดาลแรง และเขาก็พิสูจน์ชัดตอนขึ้นมาเป็นรักษาการนายกฯ ดูมีแรง มีกำลังใจฮึกเหิมมาก จากอยู่ในขวดซีอิ้วอยู่ดีๆ กลายเป็นแหนมป้าย่นได้ ใส่กางเกงยีนส์ เป็นเด็กสมบูรณ์อยู่ในขวดซีอิ้ว พอได้เป็นรักษาการนายกฯ ออกมาเป็นแหนมป้าย่น ใส่กางเกงยีนส์ มีแรงขึ้นมาอย่างเห็นได้ชัด แต่พอศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัย ว่าให้คนเดิมกลับมาทำหน้าที่ต่อทุกอย่างก็แผ่ว ฉะนั้น เรื่องจิตใจเป็นเรื่องสำคัญ” ผู้นำฝ่ายค้านฯ ระบุ 

นพ.ชลน่าน กล่าวในช่วงท้ายว่า ขอฝากให้เวทีถอดบทเรียนเกี่ยวกับระบบการคัดเลือกบุคคลเข้าสู่ราชการในสังคมไทย สมัยยังเป็นหมอ มีข้าราชการตำรวจโดนเด้งจาก จ.นราธิวาส มายัง จ.น่าน สุดท้ายก่อเหตุเอาปืนจี้พนักงานปกครองและลงมือยิงจึงอยากให้มีการถอดบทเรียนประเด็นนี้ด้วยว่าควรจะมีการคัดเลือกเข้ามาอย่างไร

จากนั้น นายสุทิน คลังแสง ส.ส.มหาสารคาม และรองหัวหน้าพรรคเพื่อไทย กล่าวว่า เหตุการณ์หนองบัวลำภู เป็นเหตุการณ์ที่รุนแรง และละเลยไปไม่ได้ เรื่องนี้ไม่ใช่เรื่องบังเอิญ ไม่ใช่อุบัติเหตุ แต่เป็นเรื่องที่เกิดขึ้นจากปัญหาเชิงโครงสร้างที่ปัจจุบันยังคงอยู่ ทำให้มีโอกาสที่จะเกิดเรื่องแบบนี้ขึ้นอีก แน่นอนว่าเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น เกิดจากคนขาดสติสัมปชัญญะ แต่อะไรที่ทำให้เขาเสียสติ ซึ่งตนคิดว่าอันดับแรก คือ ยาเสพติด ตนเชื่อว่าเหตุการณ์ที่หนองบัวลำภูก็เกิดจากยาเสพติด วันนี้รัฐบาลพยายามยืนยันตลอดว่าปราบปรามยาเสพติดแล้ว และปฏิเสธตลอดว่าไม่มียาเสพติดแล้ว ทั้งที่ทุกวันนี้ในหมู่บ้าน และชุมชน น่าเศร้าใจมาก ยาเยอะ เม็ดละ 10 บาท เป็นตัวชี้วัดว่ายามีเยอะเข้าถึงง่าย 

นอกจากนี้ คนบ้าแล้วมีอาวุธในมือก็เป็นเรื่องอันตรายมาก เพราะโอกาสที่จะเกิดอาชญากรรมมีสูง บ้านเราอาวุธที่ได้รับอนุญาตอย่างถูกต้องตามกฎหมายมีน้อยกว่าปืนเถื่อน 3 เท่า ดังนั้น ประเทศเราจึงมียาบ้าเยอะ อาวุธปืนเยอะ และคนที่อยู่ในกลุ่มที่มีอำนาจมากแต่มีสติน้อย ก็เป็นกลุ่มที่ก่อเหตุมากที่สุด เพราะหากมีอำนาจ มีอาวุธ แล้วเกิดมีความไม่เป็นธรรมไปกดทับเขาก็จะเกิดเหตุได้ง่าย 

นายสุทิน กล่าวต่อว่า ปัจจุบันเราแก้กฎหมายปรายปรามยาเสพติดผิดพลาด ทำให้คนอย่างผู้ก่อเหตุที่หนองบัวลำภู ซึ่งอยู่ในระดับสติสุ่มเสี่ยงแบบนั้นมีอยู่ทุกหมู่บ้าน เพียงแต่ยังไม่ก่อเหตุเพราะไม่มีเรื่องที่เป็นชนวนเหตุ กฎหมายล่าสุดใครพกยาไม่เกิน 15 เม็ด ถือว่าไม่ใช่ผู้จำหน่าย จะต้องมีการสืบสวนเพิ่มเติม ส่วนข้อหาผู้เสพมีการแก้ไขว่า ผู้เสพคือผู้ป่วย พอจับได้จะดำเนินคดีทันทีไม่ได้ แต่เจ้าหน้าที่ต้องถามความสมัครใจว่ายินดีจะเข้าบำบัดหรือต่อสู้คดี 

ซึ่งส่วนใหญ่เลือกวิธีการบำบัด เหตุผลหนึ่งของการแก้กฎหมาย เพื่อต้องการลดจำนวนคนติดคุก แต่ปัญหาคือเมื่อส่งไปบำบัด กระบวนการบำบัดของบ้านเราไม่มีประสิทธิภาพมากพอที่ให้เขาเลิกยาได้ เมื่อกลับบ้านไปก็เป็นระเบิดเวลาของครอบครัว มีการขู่ ทำร้ายคนในครอบครัว และเป็นอันตรายต่อคนในชุมชน 

ถามว่าวันนี้องค์การสีกากีกับองค์กรสีเขียว ได้ตื่นรู้ ปฏิรูป และแก้ปัญหาแล้วหรือไม่ องค์กรที่มีอำนาจ มีอาวุธ อย่างองค์กรตำรวจ และทหาร ต้องปฏิรูปตัวเองด่วน การจะขึ้นสู่ตำแหน่งได้ต้องจ้าง ทำให้เกิดระบบรีดเงิน บีบให้คนดีๆ ต้องหาเงิน เอาไปแลกเพื่อขึ้นสู่ตำแหน่ง ยาบ้าก็เลยเต็มบ้านเมือง เลี้ยงยาไว้ขายหลายๆ รอบเอาเงินไปซื้อตำแหน่ง ถ้าไม่ปฏิรูปก็จะทำให้คนในองค์กรแบบนี้หาเงินด้วยวิธีแบบนี้ วันนี้โครงสร้างปัญหายังมีครบทั้งยาเสพติด อาวุธ และความไม่เป็นธรรม ประกอบกับจุดสปาร์กอย่างปัญหาเศรษฐกิจ ที่วันนี้รัฐบาลทำให้คนอดอยาก หนี้สินรุมเร้า อาชีพหดหาย ดังนั้น รัฐบาลต้องจัดการโครงสร้างปัญหาเหล่านี้ให้ครบ คือ ต้องจัดการยาเสพติด จัดระเบียบการซื้อ และครอบครองอาวุธปืนใหม่ วันนี้ถึงเวลาทบทวนหรือยัง ว่าการให้มีปืนทุกคนกับไม่ให้มีปืนสักคนแบบไหนจะดีที่สุด  

‘ฝ่ายค้าน’ จ่อยื่นญัตติอภิปรายม.152 กลางพ.ย. ปิดทางรัฐบาลยุบสภาฯ หนี หลังจบการประชุมเอเปก

‘ชลน่าน’ เผยอภิปรายทั่วไป ม.152 ต้องหลบเหตุกราดยิงหนองบัวฯ - น้ำท่วมซ้ำซาก คาดยื่นญัตติ 15-16 พ.ย.นี้ เริ่มถล่มกลางเดือนธ.ค. หวั่นเกิดอุบัติเหตุการเมืองยุบสภาฯ 24 ธ.ค. เย้ย ขนงบฯ ลดแลกแจกแถมเป็นประโยชน์ต่อรัฐบาลแล้ว

(29 ต.ค. 65) ที่รร.อมารี ดอนเมือง แอร์พอร์ต กทม. นพ.ชลน่าน ศรีแก้ว ส.ส.น่าน และหัวหน้าพรรคเพื่อไทย ในฐานะผู้นำฝ่ายค้านในสภาผู้แทนราษฎร กล่าวถึงการยื่นญัตติอภิปรายทั่วไปตามมาตรา 152 ของพรรคร่วมฝ่ายค้าน ว่า จากเดิมที่เห็นว่าเรื่องนี้เป็นเรื่องด่วนจะยื่นตั้งแต่เปิดสภาฯ แต่มีเหตุการณ์จำเป็นที่จะต้องนำเป็นเรื่องด่วนมากกว่า คือ ญัตติด่วนเรื่องโศกนาฏกรรมที่หนองบัวลำภู และปัญหาน้ำท่วมซ้ำซาก จึงจำเป็นต้องเลื่อนการยื่นญัตติอภิปรายทั่วไปตามมาตรา 152 ไปเป็นช่วงกลางเดือนพ.ย. คาดว่าเป็นช่วง วันที่ 15-16 พ.ย. 65 และคาดว่าจะได้อภิปรายในช่วงกลางเดือนธ.ค. โดยญัตติดังกล่าวจะเป็นการตรวจสอบการบริหารราชการแผ่นดิน สอบถามปัญหาและเสนอแนะแนวทางให้ผู้บริหารนำไปปรับใช้ 

‘ส.ส.เพื่อไทย’ กระทุ้งรัฐบาล ควบคุม ‘ยาเสพติด-อาวุธ’ หวัง ‘โศกนาฏกรรมหนองบัวลำภู’ เป็นเหตุสลดสุดท้าย

(5 พ.ย. 65) เพจ ‘พรรคเพื่อไทย’ โพสต์ข้อความ เกี่ยวกับ ‘ญัตติปัญหากราดยิงศูนย์พัฒนาเด็กเล็กอุทัยสวรรค์ จังหวัดหนองบัวลำภู’ โดยระบุว่า…

ยาเสพติดเกลื่อนบ้าน อาวุธปืนเกลื่อนเมือง โครงสร้างระบบราชการกดทับข้าราชการชั้นผู้น้อย
บ่มสร้างพฤติกรรมรุนแรง และสร้างความรู้สึกเกลียดชังตนเอง-สังคม นำไปสู่การข่มขู่ คุกคาม ทำร้ายผู้เห็นต่างตลอดจนผู้คนรอบข้าง สร้างเหตุผลชอบธรรมในการใช้ความรุนแรงเพราะความเกลียดชังสังคม จนนำไปสู่สาเหตุ #โศกนาฏกรรมหนองบัวลำภู

ญัตติปัญหากราดยิงศูนย์พัฒนาเด็กเล็กอุทัยสวรรค์ จังหวัดหนองบัวลำภู

นพ. ชลน่าน ศรีแก้ว ส.ส.น่าน หัวหน้าพรรคเพื่อไทย และผู้นำฝ่ายค้านในสภาผู้แทนราษฎร อภิปรายในญัตติด่วนด้วยวาจา ปัญหากราดยิงศูนย์พัฒนาเด็กเล็กอุทัยสวรรค์ อำเภอนากลาง จังหวัดหนองบัวลำภู เพื่อส่งข้อสังเกตไปยังรัฐบาลดำเนินการ โดยที่ประชุมสภาตั้งข้อสังเกตสาเหตุและแรงจูงใจก่อเหตุว่าเกิดจากปัญหายาเสพติด อาวุธปืน การกดทับในโครงสร้างตำรวจทหาร ปัญหาสังคมในชนบท ตลอดจนปัญหาจิตวิทยา ทั้งหมดล้วนประมวลก่อรวมกันเป็นสาเหตุให้เกิดเหตุการณ์เศร้าสลดจนมีผู้เสียชีวิตไม่น้อยกว่า 37 ราย

[ความเกลียดชังสังคม และปัญหาจิตเวช เป็นปัจจัยในมุมมองเชิงการแพทย์]

นพ.ชลน่าน กล่าวว่าในมุมมองทางการแพทย์แล้ว อาการของผู้ก่อเหตุมีลักษณะความเกลียดชังสังคม เพราะเกิดจากความไม่มั่นคงและกำลังสูญเสียสิ่งที่คุ้นเคย ซึ่งในกรณีนี้คือการที่เขาถูกให้ออกจากราชการและถูกดำเนินคดี จนวิตกกังวลและนำไปสู่ความโกรธ ความเกลียดชังทั้งคนรอบข้าง สังคม และตัวเอง

สาเหตุเกิดจากมิติโครงสร้างของสังคมไทยที่จุดระเบิดความรุนแรงจากที่มาของปัญหายาเสพติดอย่างไม่สามารถปฏิเสธไม่ได้ เพราะจุดเริ่มต้นเกิดจากการที่เขามียาเสพติดจนทำให้ถูกไล่ออกจากราชการ แม้ตอนก่อเหตุจะไม่พบสารเสพติด แต่การเตรียมการก่อเหตุการณ์ก็ดำเนินมาจนถึงจุดระเบิด

ปัญหาอาวุธปืน ประเทศไทยมีสถิติจากปืนมากที่สุด ในที่ประชุมพูดว่า ปืนถูกกฎหมาย 1 กระบอกจะมีปืนเถื่อนอีก 3 กระบอก การมีใบอนุญาตพกอาวุธปืน

ในด้านจิตวิทยา ผู้เชี่ยวชาญได้อธิบบายถึงทั้งเหตุจากการกล่อมเกลาเลี้ยงดู การรับมือต่อสภาพปัญหา การแก้ไขปัญหาบิดเบี้ยวซึ่งผู้ก่อเหตุไม่มีภูมิคุ้มกันที่เพียงพอ ซึ่งปัญหานี้ ก็เป็นปัญหาใหญ่ของคนในสังคมไทยที่ต้องดิ้นรน กดดันให้ต่อสู้เพื่อเลี้ยงชีพแต่สังคมก็ไม่เอื้อให้เขาได้ลืมตาอ้าปาก ดังนั้นจึงเชื่อว่าคนในสังคมไทยขณะนี้มีปัญหาสุขภาพจิตมากขึ้น

ดังนั้น เหตุการณ์ทั้งปวงไม่ใช่อุบัติเหตุ มีการเตรียมมีด เตรียมปืน คือความตั้งใจ เจตนาที่จะก่อเหตุอันแสนเจ็บปวดนี้

[713 หมู่บ้านในหนองบัวลำภู ยาเสพติดระบาดไปแล้ว 206 หมู่บ้าน]

ทางด้านณัฐวุฒิ กองจันทร์ดี ส.ส.หนองบัวลำภู กล่าวว่าปฏิเสธไม่ได้ว่าเหตุการณ์เศร้าสลดนี้มีสาเหตุจากยาเสพติด แม้ในตัวผู้ก่อเหตุจะชันสูตรไม่พบสารเสพติด พฤติกรรมการพัวพันเกี่ยวข้องยาเสพติดตั้งแต่รับราชการตำรวจจนถึงให้ออกจากราชการ

วันนี้จังหวัดหนองบัวลำภู สถานการณ์ยาเสพติดระบาดรุนแรงมาก จากข้อมูลของสำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามยาเสพติด พบว่าในประชากร 5 แสนคนของหนองบัวลำภูใน 713 หมู่บ้าน พบว่า เป็นหมู่บ้านปลอดยาเสพติด 507 หมู่บ้าน แต่เป็นหมู่บ้านสีแดง พบยาบ้า ยาเสพติด ยาไอซ์ มีจำนวนถึง 206 หมู่บ้าน หมายความว่า สัดส่วนพื้นที่ที่เกี่ยวข้องกับยาเสพติดสูงถึง 1 ใน 3 ของพื้นที่ทั้งจังหวัด จึงไม่น่าแปลกใจที่จะเป็นสาเหตุให้เกิดเหตุการณ์ดังกล่าว

[งบประมาณปราบยาเสพติดมหาศาล แต่ล้มเหลว]

ทางด้านไชยา พรหมา ส.ส.หนองบัวลำภู กล่าวว่าทุกวันนี้ยาเสพติดเกลื่อนเมือง หาง่ายตามร้านขนมยิ่งกว่าลูกกวาด สวนทางกับงบประมาณของรัฐบาลที่จัดสรรให้กับหน่วยงานต่างๆ ในแต่ละปี โดย 8 ปีที่ผ่านมาใช้งบไปไม่ต่ำกว่า 5 หมื่นล้านบาท แต่สิ่งที่ได้เห็นคือการจับยาเสพติดครั้งละนับล้านเม็ด สมัยก่อน เมื่อได้ยาเสพติดมาก็จะทำลาย แต่ทุกวันนี้แทบไม่ค่อยได้เห็นการทำลายยาเสพติด จนเกิดคำถามว่ายาเสพติดของกลางมันหายไปไหนหรือไหลกลับไปวนอยู่ในตลาด เหตุการณ์ซ้ำๆ อย่างนี้ไม่มีวันจบสิ้น ยาเสพติดนั้นทำให้ผู้บริสุทธิ์กลายเป็นเหยื่อ และยาเสพติดยังทำให้ผู้ที่รักษาความปลอดภัยกลายเป็นผู้ที่เป็นภัยต่อสังคม และสุดท้ายยาเสพติดนั้นทำให้ครอบครัวที่สงบสุข กลายเป็นขุมนรกทำลายล้างสังคมไทย

‘นายกฯ’ เปิดยุทธศาสคร์ 5 เสาหลัก-5 กลยุทธ์ แก้ปัญหายาเสพติด พร้อมชู ‘หนองบัวลำภูโมเดล’ ป้องกันการเกิดเหตุสลดซ้ำรอยเดิม

(3 ธ.ค. 66) ณ ที่สนามหน้าที่ว่าการอำเภอสุวรรณคูหา จังหวัดหนองบัวลำภู นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่ากระทรวงการคลัง พร้อมด้วยคณะรัฐมนตรี ทุกกระทรวง เดินทางตรวจติดตาม ผลการปฏิบัติการป้องกัน ปราบปราม และแก้ไขปัญหายาเสพติด ตามนโยบายรัฐบาล ประจำปี 2566 ซึ่งเป็นภารกิจแรก ตามโครงการ ครม.สัญจร ครั้งที่ 1 พื้นที่จังหวัดหนองบัวลำภู โดยมี นพ.ชลน่าน ศรีแก้ว รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข, นายไชยา พรหมา รมช.กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ พร้อมด้วยคณะรัฐมนตรีทุกกระทรวง ร่วมงาน ทั้งนี้ มีผู้ว่าราชการจังหวัดหนองบัวลำภู นายอำเภอ ผู้บริหารองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น กำนัน ผู้ใหญ่บ้าน  เจ้าหน้าที่ฝ่ายปกครอง ชุดรักษาความปลอดภัยหมู่บ้าน และประชาชนกว่า 8,000 คนให้การต้อนรับ

โดยพอถึงพื้นที่ นายกรัฐมนตรีและคณะได้สักการะศาลหลักเมืองพระไชยเชษฐาธิราช เยี่ยมผู้ป่วยจิตเวช และให้กำลังใจ แพทย์ พยาบาล เจ้าหน้าที่ โรงพยาบาล มินิธัญญรักษ์ จากนั้นบวงสรวงอนุสาวรีย์ ทสปช. ให้โอวาทเจ้าหน้าที่ ชุดรักษาความปลอดภัยหมู่บ้าน และเยี่ยมชมบูธผลการดำเนินการป้องกันปัญหายาเสพติด

สำหรับจุดต้อนรับ ครม.สัญจร ซึ่งจะมีการนำเสนอผลการปฏิบัติการป้องกัน ปราบปราม และแก้ไขปัญหายาเสพติดดังกล่าว สืบเนื่องจากต้นเดือน ต.ค. 2565 ได้เกิดเหตุโศกนาฏกรรม ตำรวจคลั่งใช้อาวุธปืน และมีด ทำร้ายร่างกายเด็กอนุบาล ครูพี่เลี้ยง และชาวบ้าน เสียชีวิตและบาดเจ็บหลายราย โดยสาเหตุจากยาเสพติด

เหตุการณ์ดังกล่าว จึงเป็นกรณีศึกษา และเป็นที่มาให้ทุกภาคส่วน ดำเนินการทุกวิถีทาง เพื่อสู่การเป็นจังหวัดสีขาวปลอดยาเสพติดอย่างยั่งยืน ทั้งนี้จากการร่วมมือ ร่วมใจของภาคีเครือข่าย ในพื้นที่ ต.หนองบัวลำภู จนกระทั่งประสบความสำเร็จเป็นรูปธรรม และได้รับรางวัลเลิศรัฐ ประจำปี 2566 และต่อมาได้รับการคัดเลือกเป็นสถานที่ต้อนรับ ครม.สัญจร ครั้งทึ่ 1 ภายใต้คอนเซ็ปต์ 3 ก. แก้ปัญหาความยากจน แก้ปัญหายาเสพติด และแก้ปัญหาสารพิษ ‘หนองบัวลำภูโมเดล’ ในครั้งนี้

นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี และ รมว.กระทรวงการคลัง กล่าวว่า แนวทางการปฏิบัติการป้องกัน ปราบปราม และแก้ไขปัญหายาเสพติด ในส่วนของ จ.หนองบัวลำภู ที่ประสบผลสำเร็จ สู่การเป็นหนองบัวลำภูโมเดล โดย ศอ.ปส.แห่งชาติ ได้กำหนดให้ จ.หนองบัวลำภู เป็นต้นแบบจังหวัดสีขาวปลอดยาเสพติด จัดการยาเสพติดแบบครบวงจรนั้น จากการรายงานทราบว่า ความสำเร็จเกิดจากผลการดำเนินการตามยุทธศาสตร์ 5 เสาหลัก และ 5 กลยุทธ์

นายเศรษฐากล่าวอีกว่า สำหรับเสาหลักที่ 1 คือ ยึดหลักปฏิบัติหลักการพัฒนายั่งยืน ไม่ทิ้งใครไว้ข้างหลัง เสาหลักที่ 2 ต้องสร้างทีมงานที่ดีทุกระดับชั้น เสาหลักที่ 3 จัดตั้งชุดปฏิบัติการ ‘คุ้ม’ เสาหลักที่ 4 มีการบันทึกข้อมูลส่วนบุคลผู้เสพ ผู้ป่วยจิตเวช เพื่อหาแรงจูงใจทำให้ผู้เสพเลิกยาเสพติดอย่างถาวร และเสาหลักที่ 5 มาตรการชุมชนมีส่วนร่วม หรือชุมชนบำบัด

นายเศรษฐากล่าวเพิ่มเติมว่า นอกจากจะใช้ยุทธศาสตร์ 5 เสาหลักแล้ว ยังใช้มาตรการ 5 กลยุทธ์ คือกลยุทธ์ที่ 1 ต้องใช้ ‘ใจ’ นำการทุ่มเทปฏิบัติงาน กลยุทธ์ที่ 2 ต้องใช้หลัก ‘เมตตากรุณา’ ต่อผู้ป่วยจิตเวช ผู้เสพ ผู้ติดยาเสพติดและครอบครัว กลยุทธ์ที่ 3 ‘แยกปลาออกจากน้ำ’ เน้นแก้ไขปัญหาผู้ป่วยจิตเวช ที่มีอาการอาละวาดรุนแรงทำร้ายตนเอง และบุคคลใกล้ตัว กลยุทธ์ที่ 4 เน้น ‘Work Hard & Work & Smart’ และกลยุทธ์ที่ 5 การปฏิบัติต้องมุ่ง งานสำเร็จ มิใช่แค่งานสำเร็จ ทั้งนี้ ขอชื่นทุกภาคส่วน ในจ.หนองบัวลำภู ที่ร่วมด้วยช่วยกันป้องกันและแก้ไขปัญหายาเสพติดในพื้นที่ และเป็นต้นแบบจังหวัดสีขาว ปลอดยาเสพติด ‘หนองบัวลำภูโมเดล’ ดังกล่าว

ด้านนายไชยา พรหมา รมช.เกษตรและสหกรณ์กล่าวว่า ยุทธศาสตร์ 5 เสาหลักและ 5 กลยุทธ์ดังกล่าว ถือเป็นกุญแจดอกสำคัญ ในการไขคำตอบแก้ไขปัญหายาเสพติดอย่างยั่งยืน ตามนโยบายของรัฐบาล อย่างไรก็ตาม ยังต้องมีการเฝ้าระวัง เข้มงวดกวดขัน ควบคู่กับการบำบัดฟื้นฟู ส่งเสริมสร้างอาชีพ เป็นคนดีสู่สังคม และไม่ย้อนกลับไปมีพฤติกรรมยุ่งเกี่ยวกับยาเสพติดอีก

โดยในส่วนของการบำบัดฟื้นฟูนั้น ได้ดำเนินการจัดตั้งมินิธัญญารักษ์ ที่ รพ.สุวรรณคูหา มีการคัดกรองผู้เสพผู้ติดยา ผู้มีอาการทางจิต ขยายศูนย์คัดกรองครอบคลุมทั้ง 6 โรงพยาบาล 83 รพ.สต. จัดตั้งและขยายศูนย์ฟื้นฟูสภาพทางสังคมครอบคลุม 68 อปท. และโครงการชุมชนยั่งยืนเพื่อแก้ไขปัญหายาเสพติดตามยุทธศาสตร์ชาติ 2566 ทั้งนี้มีผู้ร่วมโครงการ 2,126 ราย


TRENDING
© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top