‘ฝ่ายค้าน’ จัดเสวนา ‘ถอดบทเรียนเหตุการณ์หนองบัวลำภู’ ชี้!! สาเหตุหลักมาจาก ‘องค์กรสีกากี - ยาเสพติด - อาวุธ’

ฝ่ายค้าน จัดเวทีเสวนา ‘กราดยิงหนองบัวฯ’ ด้าน ‘ชลน่าน’ ฝากถอดบทเรียนแรงจูงใจ - สภาพจิต - ระบบคัดเลือกบุคคล แอบแซะ ‘บิ๊กป้อม’ ใจบันดาลแรง จากเด็กสมบูรณ์ในขวดซีอิ้ว โดดใส่กางเกงยีนส์มีแรงฮึกเหิม ‘สุทิน’ อัด รัฐบาลแก้ปัญหายาเสพติดล้มเหลว ยาเกลื่อน - คนเสียสติเยอะ ขณะที่การแก้กม.ยาเสพติดผิดพลาด กระบวนการบำบัดไม่เข้มแข็ง จี้ ทบทวนการครอบครองอาวุธปืน ด้าน ‘นภาพร’ ชี้ รัฐบาลแก้ปัญหาเหมือนเสือกระดาษ กระแสลด ยา - อาวุธ ยังอยู่เหมือนเดิม ขณะที่ ‘โรม’ เสนอ 7 ข้อแก้ปัญหาเกิดซ้ำ ยกงานวิจัยสหรัฐฯ ชี้ผู้ก่อเหตุพรากชีวิตผู้อื่นแก้แค้นความเจ็บปวด

เมื่อเวลา 09.30 น. วันที่ 29 ต.ค. ที่โรงแรม อมารี ดอนเมือง แอร์พอร์ต กทม. โครงการผู้นำฝ่ายค้านในสภาผู้แทนราษฎรพบประชาชน ประจำปีงบประมาณ 66 จัดเวทีเสวนา ‘ถอดบทเรียนเหตุการณ์หนองบัวลำภู’ โดยนพ.ชลน่าน ศรีแก้ว ส.ส.น่าน และหัวหน้าพรรคเพื่อไทย ในฐานะผู้นำฝ่ายค้านฯ ปาฐกถาพิเศษตอนหนึ่ง ว่าเหตุการณ์ 6 ตุลา 65 เกิดเหตุโศกนาฎกรรมที่ จ.หนองบัวลำภู ทำให้มีผู้เสียชีวิต 37 ราย เป็นเด็กถึง 24 ราย แบ่งเป็นเด็กเล็ก 23 ราย และเด็กประถมวัย 1 ราย วันนี้ฝ่ายค้ายไม่ได้ต้องการตอกย้ำการสูญเสีย หรือพูดเพื่อหาเสียง แต่เป็นการหาทางออกให้ประเทศ และเป็นการถอดบทเรียน จึงมีความจำเป็นต้องใช้เวทีในการพูดคุยแลกเปลี่ยนความคิดเห็น จากนั้นจะได้นำการถอดบทเรียนนี้ไปใช้ในการตรวจสอบถ่วงดุลในสภาฯ ซึ่งฝ่ายค้านจะได้ยื่นญัตติด่วน เรื่องเหตุการณ์หนองบัวลำภู ในวันที่ 3 พ.ย.นี้ เพื่อนำไปเป็นข้อเสนอต่อคณะรัฐมนตรี (ครม.) ต่อไป  

ผู้นำฝ่ายค้าน กล่าวอีกว่า บทเรียนที่ได้รับเป็นการลงทุนที่เสียหายใหญ่หลวง และในภาพการลงทุนเหตุครั้งนี้ไม่มีกำไร ยิ่งถ้าไม่ได้พูดคุยกันอีกยิ่งขาดทุน ตอนนี้ทราบถึงสภาพปัญหาแล้ว แต่สิ่งที่อยากฝากให้ถอดบทเรียน คือ สาเหตุแรงจูงใจว่าเกิดเพราะอะไร เหตุใดตำรวจนอกราชการที่ถูกไล่ออก เพราะเกี่ยวข้องกับยาเสพติดจึงมีพฤติการณ์เช่นนี้ 

นพ.ชลน่าน กล่าวต่อว่า เรื่องการใช้อาวุธปืนไม่อาจปฏิเสธได้ มีคำพูดจากนักวิเคราะห์ ว่าสาเหตุมาจาก 2 เถื่อน คือ ปืนเถื่อนกับคนเถื่อน ถ้าปืนถูกกฎหมายแสดงว่าปืนไม่เถื่อน แต่คนกราดยิงคือคนเถื่อน ฉะนั้น สิ่งที่ไม่อาจละเลยได้คือปัญหาสภาพจิตในสังคมไทยปัจจุบัน เชื่อหรือไม่ลูกหลานของเรา 20 ปีที่ผ่านมามีพฤติกรรมที่เปลี่ยนแปลงอย่างมาก สังเกตหรือไม่ความอดทนหรือการตอบสนองต่อสิ่งบีบคั้นในคนรุ่นใหม่ มีพฤติกรรมที่เปลี่ยนไปอย่างเห็นได้ชัดจากในอดีต การยับยั้งชั่งใจไม่เกิดขึ้น เป็นปฏิกิริยาเกี่ยวเนื่องกับทางด้านจิต

“ใจเป็นนาย กายเป็นบ่าว ถ้าใจคิดอย่างไรกายจะเป็นเช่นนั้น ปกติเราใช้แรงบันดาลใจ อ.ที่มาเป็นวิทยากรบรรยายอายุ 67 ปี แต่ผมบอกว่าเพิ่ง 57 ปี อ.เลยตอบกลับว่าใช้แรงบันดาลใจ ไม่ใช่ใช้ใจบันดาลแรง ปกติเราใช้แรงบันดาลใจ แต่กลับมีใครคนหนึ่งบอกว่าต้องใช้ใจบันดาลแรง และเขาก็พิสูจน์ชัดตอนขึ้นมาเป็นรักษาการนายกฯ ดูมีแรง มีกำลังใจฮึกเหิมมาก จากอยู่ในขวดซีอิ้วอยู่ดีๆ กลายเป็นแหนมป้าย่นได้ ใส่กางเกงยีนส์ เป็นเด็กสมบูรณ์อยู่ในขวดซีอิ้ว พอได้เป็นรักษาการนายกฯ ออกมาเป็นแหนมป้าย่น ใส่กางเกงยีนส์ มีแรงขึ้นมาอย่างเห็นได้ชัด แต่พอศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัย ว่าให้คนเดิมกลับมาทำหน้าที่ต่อทุกอย่างก็แผ่ว ฉะนั้น เรื่องจิตใจเป็นเรื่องสำคัญ” ผู้นำฝ่ายค้านฯ ระบุ 

นพ.ชลน่าน กล่าวในช่วงท้ายว่า ขอฝากให้เวทีถอดบทเรียนเกี่ยวกับระบบการคัดเลือกบุคคลเข้าสู่ราชการในสังคมไทย สมัยยังเป็นหมอ มีข้าราชการตำรวจโดนเด้งจาก จ.นราธิวาส มายัง จ.น่าน สุดท้ายก่อเหตุเอาปืนจี้พนักงานปกครองและลงมือยิงจึงอยากให้มีการถอดบทเรียนประเด็นนี้ด้วยว่าควรจะมีการคัดเลือกเข้ามาอย่างไร

จากนั้น นายสุทิน คลังแสง ส.ส.มหาสารคาม และรองหัวหน้าพรรคเพื่อไทย กล่าวว่า เหตุการณ์หนองบัวลำภู เป็นเหตุการณ์ที่รุนแรง และละเลยไปไม่ได้ เรื่องนี้ไม่ใช่เรื่องบังเอิญ ไม่ใช่อุบัติเหตุ แต่เป็นเรื่องที่เกิดขึ้นจากปัญหาเชิงโครงสร้างที่ปัจจุบันยังคงอยู่ ทำให้มีโอกาสที่จะเกิดเรื่องแบบนี้ขึ้นอีก แน่นอนว่าเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น เกิดจากคนขาดสติสัมปชัญญะ แต่อะไรที่ทำให้เขาเสียสติ ซึ่งตนคิดว่าอันดับแรก คือ ยาเสพติด ตนเชื่อว่าเหตุการณ์ที่หนองบัวลำภูก็เกิดจากยาเสพติด วันนี้รัฐบาลพยายามยืนยันตลอดว่าปราบปรามยาเสพติดแล้ว และปฏิเสธตลอดว่าไม่มียาเสพติดแล้ว ทั้งที่ทุกวันนี้ในหมู่บ้าน และชุมชน น่าเศร้าใจมาก ยาเยอะ เม็ดละ 10 บาท เป็นตัวชี้วัดว่ายามีเยอะเข้าถึงง่าย 

นอกจากนี้ คนบ้าแล้วมีอาวุธในมือก็เป็นเรื่องอันตรายมาก เพราะโอกาสที่จะเกิดอาชญากรรมมีสูง บ้านเราอาวุธที่ได้รับอนุญาตอย่างถูกต้องตามกฎหมายมีน้อยกว่าปืนเถื่อน 3 เท่า ดังนั้น ประเทศเราจึงมียาบ้าเยอะ อาวุธปืนเยอะ และคนที่อยู่ในกลุ่มที่มีอำนาจมากแต่มีสติน้อย ก็เป็นกลุ่มที่ก่อเหตุมากที่สุด เพราะหากมีอำนาจ มีอาวุธ แล้วเกิดมีความไม่เป็นธรรมไปกดทับเขาก็จะเกิดเหตุได้ง่าย 

นายสุทิน กล่าวต่อว่า ปัจจุบันเราแก้กฎหมายปรายปรามยาเสพติดผิดพลาด ทำให้คนอย่างผู้ก่อเหตุที่หนองบัวลำภู ซึ่งอยู่ในระดับสติสุ่มเสี่ยงแบบนั้นมีอยู่ทุกหมู่บ้าน เพียงแต่ยังไม่ก่อเหตุเพราะไม่มีเรื่องที่เป็นชนวนเหตุ กฎหมายล่าสุดใครพกยาไม่เกิน 15 เม็ด ถือว่าไม่ใช่ผู้จำหน่าย จะต้องมีการสืบสวนเพิ่มเติม ส่วนข้อหาผู้เสพมีการแก้ไขว่า ผู้เสพคือผู้ป่วย พอจับได้จะดำเนินคดีทันทีไม่ได้ แต่เจ้าหน้าที่ต้องถามความสมัครใจว่ายินดีจะเข้าบำบัดหรือต่อสู้คดี 

ซึ่งส่วนใหญ่เลือกวิธีการบำบัด เหตุผลหนึ่งของการแก้กฎหมาย เพื่อต้องการลดจำนวนคนติดคุก แต่ปัญหาคือเมื่อส่งไปบำบัด กระบวนการบำบัดของบ้านเราไม่มีประสิทธิภาพมากพอที่ให้เขาเลิกยาได้ เมื่อกลับบ้านไปก็เป็นระเบิดเวลาของครอบครัว มีการขู่ ทำร้ายคนในครอบครัว และเป็นอันตรายต่อคนในชุมชน 

ถามว่าวันนี้องค์การสีกากีกับองค์กรสีเขียว ได้ตื่นรู้ ปฏิรูป และแก้ปัญหาแล้วหรือไม่ องค์กรที่มีอำนาจ มีอาวุธ อย่างองค์กรตำรวจ และทหาร ต้องปฏิรูปตัวเองด่วน การจะขึ้นสู่ตำแหน่งได้ต้องจ้าง ทำให้เกิดระบบรีดเงิน บีบให้คนดีๆ ต้องหาเงิน เอาไปแลกเพื่อขึ้นสู่ตำแหน่ง ยาบ้าก็เลยเต็มบ้านเมือง เลี้ยงยาไว้ขายหลายๆ รอบเอาเงินไปซื้อตำแหน่ง ถ้าไม่ปฏิรูปก็จะทำให้คนในองค์กรแบบนี้หาเงินด้วยวิธีแบบนี้ วันนี้โครงสร้างปัญหายังมีครบทั้งยาเสพติด อาวุธ และความไม่เป็นธรรม ประกอบกับจุดสปาร์กอย่างปัญหาเศรษฐกิจ ที่วันนี้รัฐบาลทำให้คนอดอยาก หนี้สินรุมเร้า อาชีพหดหาย ดังนั้น รัฐบาลต้องจัดการโครงสร้างปัญหาเหล่านี้ให้ครบ คือ ต้องจัดการยาเสพติด จัดระเบียบการซื้อ และครอบครองอาวุธปืนใหม่ วันนี้ถึงเวลาทบทวนหรือยัง ว่าการให้มีปืนทุกคนกับไม่ให้มีปืนสักคนแบบไหนจะดีที่สุด  

ด้าน น.ส.นภาพร เพ็ชรจินดา ส.ส.บัญชีรายชื่อ และรองหัวหน้าพรรคเสรีรวมไทย กล่าวว่า เหตุที่เกิดขึ้นที่หนองบัวลำภูคงไม่ต่างจากเหตุกราดยิงที่โคราช ซึ่งเกิดจากสภาวะที่ถูกบีบบังคับ ทำให้คลุ้มคลั่งมากกว่าปกติ และเมื่อบุคคลนั้นมีอาวุธปืนทำให้เกิดโศกนาฏกรรม เมื่อโยนเรื่องนี้ไปเป็นปัญหายาเสพติด และอาวุธปืน ตำรวจก็ตรวจค้น ตรวจจับกันมโหฬาร ไม่เว้นแม้แต่รมว.มหาดไทย ที่ขีดเส้นตายให้แต่ละจังหวัดส่งรายชื่อผู้ค้ายาเสพติด ซึ่งตนเชื่อว่าไม่มีทางแก้ปัญหาได้จริง เพราะเหมือนที่รัฐบาลที่เคยประกาศว่าจะทำให้คนจนหมดประเทศภายในสิ้นปี ซึ่งเป็นการแก้ปัญหาในกระดาษ แบบไฟไหม้ฟาง แต่ไม่สามารถแก้ปัญหาได้ เมื่อกระแสข่าวลดลง ปืนและปัญหาก็ยังอยู่ ซึ่งแก่นแท้ของปัญหาเกิดจากความเหลื่อมล้ำ ที่ไม่ใช่เฉพาะความเหลื่อมล้ำทางเศรษฐกิจ แต่ต้องมองถึงความเหลื่อมล้ำทางโอกาส และทางกระบวนการยุติธรรมด้วย 

ด้าน นายรังสิมันต์ โรม ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกล กล่าวว่า เหตุการณ์ความรุนแรงที่เกิดขึ้นซ้ำหลายรอบ คิดว่ามีปัญหา 4 ข้อ คือ 
.
1.) ปัญหาปืนเถื่อน 
2.) ปัญหายาเสพติด แม้การผลิตจะอยู่นอกประเทศ แต่ได้เกิดการทุจริตในวงราชการของไทย 
3.) ปัญหาสภาพแวดล้อมของตำรวจและทหาร อาวุธปืนที่ต้องซื้อเอง ชุดเครื่องแบบ น้ำมัน กระดาษ เงินเดือนไม่เยอะแต่ต้นทุนการทำหน้าที่สูง ทหารมีการคอร์รัปชันภายใน เบี้ยเลี้ยงผี และมีการหักหัวคิว การเจริญเติบโตความสามารถไม่ใช่ปัจจัยที่สำคัญที่สุด แต่เป็นเรื่องตั๋ว ใครมีตั๋วได้ขึ้น ร้องเรียนขอความเป็นธรรมไปไม่ได้ผล กระทั่งต้องมาจบเรื่องด้วยปืน และปัญหาสุดท้ายคือ…

4.) ปัญหาการลอกเลียนเป็นปัญหาที่ต้องจัดการอย่างจริงจัง งานวิจัยในสหรัฐฯ ระบุว่าการกราดยิงเป็นวิธีหนึ่งในการฆ่าตัวตาย เพราะเขารู้ว่าทันทีที่ลั่นกระสุนจะดำเนินชีวิตไม่ได้อีกแล้ว การที่ต้องเอาชีวิตผู้อื่นไปด้วย เพราะการกราดยิงเกิดจากแรงกดดัน และเขาคิดว่าเขาจำเป็นต้องเรียกร้องความไม่เป็นธรรมจากผู้อื่นด้วย ดังนั้น ต่างประเทศในระยะหลังเขาไม่พยายามเสนอชื่อของผู้ก่อเหตุ เพราะทำให้เป็นกระบวนการสร้างวีรบุรุษ ในทำนองว่าทำแบบนี้แล้วดัง วันหลังก็จะมีคนทำตามเรื่อยๆ ชีวิตไม่มีความหวังอยู่แล้ว จึงขอเอาชีวิตคนอื่นไปด้วย เพื่อเป็นการแก้แค้นจากความเจ็บปวดที่อยู่ในสังคม 

นายรังสิมันต์ กล่าวเสนอแนวทางการแก้ไขปัญหา ว่า เราจะต้องจัดการ 7 ข้อ ประกอบด้วย 

1.) จัดการคอร์รัปชัน จัดการตั๋วช้างให้หมดไปจากตำรวจและทหาร 
2.) ดูแลสวัสดิการเจ้าหน้าที่ชั้นผู้น้อย 
3.) ควบคุมปืนอย่างเคร่งครัด การสอบใบอนุญาต ครอบครองปืน 
4.) ตรวจสอบบุคลากรในการทำงาน 
5.) สร้างกลไกให้ตำรวจและทหารเข้าถึงจิตแพทย์และนักจิตวิทยา 
6.) ทบทวนจัดลำดับความสำคัญในการทำหน้าที่ภารกิจ 
และ 7.) การดำเนินคดีที่เป็นธรรม ถ้าทำได้ทั้งหมดจะทำให้ระบบราชการมีประสิทธิภาพ