Saturday, 27 April 2024
อาวุธปืน

‘ไบเดน’ ลั่นถึงเวลาควบคุมอาวุธปืนในสหรัฐฯ หลังเกิดเหตุกราดยิงที่รร.ประถมในเท็กซัส

ประธานาธิบดีโจ ไบเดน เรียกร้องให้มีการออกกฎเกณฑ์ใหม่เพื่อจำกัดการจำหน่ายอาวุธปืน หลังเกิดเหตุกราดยิงที่โรงเรียนประถมแห่งหนึ่งในรัฐเท็กซัส ซึ่งส่งผลให้มีนักเรียนอย่างน้อย 18 คนเสียชีวิต ตามรายงานของสำนักข่าวเอพี

ปธน.ไบเดน กล่าวระหว่างการแถลงสดผ่านสถานีโทรทัศน์ทั่วประเทศในช่วงค่ำของคืนวันอังคารจากทำเนียบขาว ว่า “เราต้องลงมือจัดการ(ได้แล้ว)” พร้อมตั้งคำถามว่า “(ไม่อย่างนั้น) เมื่อไหร่เราถึงจะลุกขึ้นยืนสู้กับพวกกลุ่มล็อบบี้อาวุธปืนกัน?”

ผู้นำสหรัฐฯ ซึ่งมีสุภาพสตรีหมายเลขหนึ่ง จิล ไบเดน ยืนเคียงข้างระหว่างการกล่าวแถลงด้วยอารมณ์เจ็บปวด ยังกล่าวด้วยว่า “นี่คือเวลาที่เราต้องเปลี่ยนความเจ็บปวดให้กลายมาเป็นการลงมือทำได้แล้ว”

เหตุยิงกราดครั้งล่าสุดนี้เกิดขึ้น ในเวลาไม่ถึง 2 สัปดาห์ หลังเกิดเหตุกราดยิงที่ซูเปอร์มาร์เก็ตแห่งหนึ่งในเมืองบัฟฟาโล รัฐนิวยอร์ก ซึ่งทำให้มีผู้เสียชีวิต 10 คน และบาดเจ็บ 3 คน โดยเชื่อว่า มีแรงจูงใจจาก "แนวคิดสุดโต่งรุนแรงด้านเชื้อชาติและสีผิว"

'อุตตม' เสนอฝ่ายการเมืองผลักดันนโยบายยาเสพติด-อาวุธปืน

อุตตม สาวนายน เผยทุกฝ่ายต้องช่วยกันแก้ไขป้องกันไม่ให้ซ้ำรอยโศกนาฎกรรมที่จ.หนองบัวลำภู เสนอพรรคการเมืองร่วมกันผลักดันนโยบายขจัดยาเสพติดในทิศทางเดียวกัน รวมทั้งกำหนดมาตรการควบคุมการถือครองและใช้อาวุธปืน ไม่ให้เป็นภัยต่อสังคม  

วันนี้ (7 ต.ค. 65) นายอุตตม สาวนายน หัวหน้าพรรคสร้างอนาคตไทย ได้โพสต์ผ่านเฟซบุ๊กส่วนตัว ว่า ผมขอแสดงความเสียใจอย่างที่สุดอีกครั้งต่อผู้สูญเสียในเหตุการณ์ที่จังหวัดหนองบัวลำภู คนไทยทุกคนเศร้าสลดกับความสูญเสียอันใหญ่หลวงครั้งนี้ และเชื่อว่าต้นเหตุมาจากการแพร่ระบาดของยาเสพติด รวมทั้งการควบคุมดูแลเกี่ยวกับอาวุธปืน เราไม่ควรปล่อยให้เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเป็นเพียงบทเรียน แต่สมควรที่จะถูกหยิบยกขึ้นเป็นวาระแห่งชาติ ที่ทุกฝ่ายต้องร่วมมือกันแก้ไขจัดการอย่างจริงจังเสียแต่เดี๋ยวนี้ ไม่ว่าจะเป็นภาครัฐ ภาคเอกชน รวมถึงฝ่ายการเมือง โดยเฉพาะฝ่ายการเมืองนั้น ผมขอเสนอให้พรรคการเมืองเห็นพ้องในการร่วมผลักดันนโยบายขจัดยาเสพติดในแนวทางเดียวกัน ตลอดจนกำหนดมาตรการควบคุมดูแลการถือครองและการใช้อาวุธปืนไม่ให้เป็นภัยต่อสังคม เพื่อให้สังคมและลูกหลานเราปลอดภัยจากความรุนแรงทั้งปวง

นายกฯ สั่ง ผบ.ตร. เร่งระดมกวาดล้าง 'อาวุธปืน-ยาเสพติด' สร้างความเชื่อมั่นให้ประชาชน

(9 ต.ค. 65) ที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ตร.) พล.ต.อ.ดํารงศักดิ์ กิตติประภัสร์ ผบ.ตร. เปิดเผยว่า ได้สั่งการให้ทุกหน่วยระดมกวาดล้างความผิดเกี่ยวกับอาวุธปืน และยาเสพติดแบบครบวงจรอย่างต่อเนื่อง เปิดให้ประชาชนแจ้งเบาะแส ที่สายด่วน 191,1599 

พล.ต.อ.ดำรงศักดิ์ กล่าวว่า ปัจจุบันมักมีการใช้อาวุธปืนในการก่อเหตุอาชญากรรมสะเทือนขวัญ และหลายครั้งที่ผู้ก่อเหตุมีอาการคุ้มคลั่งจากการเสพยาเสพติด สร้างความสูญเสียแก่ชีวิตและทรัพย์สิน อีกทั้งยังสร้างความหวาดกลัวให้กับประชาชนเป็นอย่างยิ่ง

พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี จึงมีบัญชาให้ ตร. เร่งรัดปราบปรามผู้กระทำความผิดเกี่ยวกับยาเสพติด และ อาวุธปืน อย่างเร่งด่วนแบบครบวงจรและต่อเนื่อง เพื่อสร้างความเชื่อมั่น ให้กับประชาชน ทั้งนี้ ตร.จะมีการระดมกวาดล้างเป็นช่วง ๆ แต่ในช่วงแรกจะระดมอย่างเร่งด่วนก่อน และจะทำต่อเนื่องไปเรื่อย ๆ ไม่เปิดเผยว่าช่วงใดบ้าง เพื่อเป็นการป้องปรามมิให้มีการกระทำความผิดกฎหมาย 

สำหรับมาตรการในการปราบปรามอาวุธปืน จะมุ่งเน้นไปที่บุคคลผู้ได้รับอนุญาตให้มีและใช้อาวุธปืน แต่มีความประพฤติไม่เรียบร้อย หรือมีพฤติกรรมเป็นภัยต่อสังคม ต้องสืบสวนติดตามพฤติกรรมในเชิงลึก สามารถแจ้งให้นายทะเบียนเพิกถอนใบอนุญาตได้ 

นอกจากนั้นจะมีการตรวจค้นกลุ่มเสี่ยงเช่น กลุ่มวัยรุ่น เด็กแว้นที่มีพฤติกรรมชอบพกพาอาวุธปืนในที่สาธารณะ และชอบยิงปืน นักเลงอันธพาล ที่มีพฤติกรรมก่อความวุ่นวาย ก่อความเดือดร้อน รําคาญ บุคคลที่พกพาอาวุธปืนติดตามผู้มีอิทธิพล ผู้กว้างขวาง ผู้ประมูลรับเหมางานรายใหญ่ 

บุคคลที่ปล่อยเงินกู้นอกระบบ ผู้ติดตามทวงหนี้ บุคคลพ้นโทษ บุคคลที่ถูกปล่อยตัวชั่วคราว ในความผิดเกี่ยวกับอาวุธปืน หรือความผิดอื่นโดยใช้อาวุธปืนในการกระทําความผิด บุคคลที่มีพฤติกรรม หรือลักลอบผลิต จําหน่ายหรือขายอาวุธปืนทางอินเทอร์เน็ต (online) รวมทั้งบุคคลที่เกี่ยวข้องกับยาเสพติดโดยเฉพาะผู้ผลิต ผู้จําหน่าย รายใหญ่ และผู้มีประวัติถูกจับกุมในความผิดเกี่ยวกับยาเสพติดซ้ำซาก

ในขณะเดียวกัน จะมีการตรวจค้นจับกุมแหล่งค้า ผลิต ซุกซ่อนอาวุธที่ผิดกฎหมาย แหล่งอบายมุข แหล่งมั่วสุม สถานบริการ กําหนดจุดตรวจ จุดสกัด และตั้งด่านตรวจค้นบุคคล ยานพาหนะ สกัดกั้นการลักลอบขนส่งอาวุธที่ผิดกฎหมาย ทั้งทางบกและทางน้ำ สุ่มตรวจ ค้นสัมภาระรถโดยสารสาธารณะ สกัดกั้นการลักลอบซื้อขาย นําเข้า และส่งออก อาวุธผิดกฎหมายตามแนวชายแดน การปราบปรามการค้าอาวุธข้ามชาติ 

พล.ต.อ.ดำรงศักดิ์ กล่าวต่อว่า ได้สั่งการให้ตั้งศูนย์ปฏิบัติการและควบคุมสั่งการ ในเรื่องนี้ ทั้งในระดับสถานี, กองบังคับการ และกองบัญชาการ เพื่อบริหารจัดการคดีไม่ให้เกิดความซ้ำซ้อน วางระบบการประสานงานและส่งต่อข้อมูลอย่างรวดเร็วและมีประสิทธิภาพ รวมถึงให้ผู้บังคับบัญชาทุกระดับ กวดขันควบคุมการปฏิบัติของผู้ใต้บังคับบัญชาอย่างใกล้ชิด 

ส่วนในด้านการปราบปรามยาเสพติดเชิงรุก จะมีการบูรณาการกับทุกภาคส่วน ทั้งฝ่ายปกครอง ท้องถิ่น สาธารณสุข เพิ่มความเข้มในการปราบปรามจับกุมผู้กระทําความผิดในพื้นที่ รวมทั้งให้มีการขยายผลและใช้มาตรการทางทรัพย์สิน ทั้งยึด อายัดทรัพย์คดียาเสพติด การฟอกเงิน ต่อผู้กระทําผิดทุกกรณี 

‘ฝ่ายค้าน’ จัดเสวนา ‘ถอดบทเรียนเหตุการณ์หนองบัวลำภู’ ชี้!! สาเหตุหลักมาจาก ‘องค์กรสีกากี - ยาเสพติด - อาวุธ’

ฝ่ายค้าน จัดเวทีเสวนา ‘กราดยิงหนองบัวฯ’ ด้าน ‘ชลน่าน’ ฝากถอดบทเรียนแรงจูงใจ - สภาพจิต - ระบบคัดเลือกบุคคล แอบแซะ ‘บิ๊กป้อม’ ใจบันดาลแรง จากเด็กสมบูรณ์ในขวดซีอิ้ว โดดใส่กางเกงยีนส์มีแรงฮึกเหิม ‘สุทิน’ อัด รัฐบาลแก้ปัญหายาเสพติดล้มเหลว ยาเกลื่อน - คนเสียสติเยอะ ขณะที่การแก้กม.ยาเสพติดผิดพลาด กระบวนการบำบัดไม่เข้มแข็ง จี้ ทบทวนการครอบครองอาวุธปืน ด้าน ‘นภาพร’ ชี้ รัฐบาลแก้ปัญหาเหมือนเสือกระดาษ กระแสลด ยา - อาวุธ ยังอยู่เหมือนเดิม ขณะที่ ‘โรม’ เสนอ 7 ข้อแก้ปัญหาเกิดซ้ำ ยกงานวิจัยสหรัฐฯ ชี้ผู้ก่อเหตุพรากชีวิตผู้อื่นแก้แค้นความเจ็บปวด

เมื่อเวลา 09.30 น. วันที่ 29 ต.ค. ที่โรงแรม อมารี ดอนเมือง แอร์พอร์ต กทม. โครงการผู้นำฝ่ายค้านในสภาผู้แทนราษฎรพบประชาชน ประจำปีงบประมาณ 66 จัดเวทีเสวนา ‘ถอดบทเรียนเหตุการณ์หนองบัวลำภู’ โดยนพ.ชลน่าน ศรีแก้ว ส.ส.น่าน และหัวหน้าพรรคเพื่อไทย ในฐานะผู้นำฝ่ายค้านฯ ปาฐกถาพิเศษตอนหนึ่ง ว่าเหตุการณ์ 6 ตุลา 65 เกิดเหตุโศกนาฎกรรมที่ จ.หนองบัวลำภู ทำให้มีผู้เสียชีวิต 37 ราย เป็นเด็กถึง 24 ราย แบ่งเป็นเด็กเล็ก 23 ราย และเด็กประถมวัย 1 ราย วันนี้ฝ่ายค้ายไม่ได้ต้องการตอกย้ำการสูญเสีย หรือพูดเพื่อหาเสียง แต่เป็นการหาทางออกให้ประเทศ และเป็นการถอดบทเรียน จึงมีความจำเป็นต้องใช้เวทีในการพูดคุยแลกเปลี่ยนความคิดเห็น จากนั้นจะได้นำการถอดบทเรียนนี้ไปใช้ในการตรวจสอบถ่วงดุลในสภาฯ ซึ่งฝ่ายค้านจะได้ยื่นญัตติด่วน เรื่องเหตุการณ์หนองบัวลำภู ในวันที่ 3 พ.ย.นี้ เพื่อนำไปเป็นข้อเสนอต่อคณะรัฐมนตรี (ครม.) ต่อไป  

ผู้นำฝ่ายค้าน กล่าวอีกว่า บทเรียนที่ได้รับเป็นการลงทุนที่เสียหายใหญ่หลวง และในภาพการลงทุนเหตุครั้งนี้ไม่มีกำไร ยิ่งถ้าไม่ได้พูดคุยกันอีกยิ่งขาดทุน ตอนนี้ทราบถึงสภาพปัญหาแล้ว แต่สิ่งที่อยากฝากให้ถอดบทเรียน คือ สาเหตุแรงจูงใจว่าเกิดเพราะอะไร เหตุใดตำรวจนอกราชการที่ถูกไล่ออก เพราะเกี่ยวข้องกับยาเสพติดจึงมีพฤติการณ์เช่นนี้ 

นพ.ชลน่าน กล่าวต่อว่า เรื่องการใช้อาวุธปืนไม่อาจปฏิเสธได้ มีคำพูดจากนักวิเคราะห์ ว่าสาเหตุมาจาก 2 เถื่อน คือ ปืนเถื่อนกับคนเถื่อน ถ้าปืนถูกกฎหมายแสดงว่าปืนไม่เถื่อน แต่คนกราดยิงคือคนเถื่อน ฉะนั้น สิ่งที่ไม่อาจละเลยได้คือปัญหาสภาพจิตในสังคมไทยปัจจุบัน เชื่อหรือไม่ลูกหลานของเรา 20 ปีที่ผ่านมามีพฤติกรรมที่เปลี่ยนแปลงอย่างมาก สังเกตหรือไม่ความอดทนหรือการตอบสนองต่อสิ่งบีบคั้นในคนรุ่นใหม่ มีพฤติกรรมที่เปลี่ยนไปอย่างเห็นได้ชัดจากในอดีต การยับยั้งชั่งใจไม่เกิดขึ้น เป็นปฏิกิริยาเกี่ยวเนื่องกับทางด้านจิต

“ใจเป็นนาย กายเป็นบ่าว ถ้าใจคิดอย่างไรกายจะเป็นเช่นนั้น ปกติเราใช้แรงบันดาลใจ อ.ที่มาเป็นวิทยากรบรรยายอายุ 67 ปี แต่ผมบอกว่าเพิ่ง 57 ปี อ.เลยตอบกลับว่าใช้แรงบันดาลใจ ไม่ใช่ใช้ใจบันดาลแรง ปกติเราใช้แรงบันดาลใจ แต่กลับมีใครคนหนึ่งบอกว่าต้องใช้ใจบันดาลแรง และเขาก็พิสูจน์ชัดตอนขึ้นมาเป็นรักษาการนายกฯ ดูมีแรง มีกำลังใจฮึกเหิมมาก จากอยู่ในขวดซีอิ้วอยู่ดีๆ กลายเป็นแหนมป้าย่นได้ ใส่กางเกงยีนส์ เป็นเด็กสมบูรณ์อยู่ในขวดซีอิ้ว พอได้เป็นรักษาการนายกฯ ออกมาเป็นแหนมป้าย่น ใส่กางเกงยีนส์ มีแรงขึ้นมาอย่างเห็นได้ชัด แต่พอศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัย ว่าให้คนเดิมกลับมาทำหน้าที่ต่อทุกอย่างก็แผ่ว ฉะนั้น เรื่องจิตใจเป็นเรื่องสำคัญ” ผู้นำฝ่ายค้านฯ ระบุ 

นพ.ชลน่าน กล่าวในช่วงท้ายว่า ขอฝากให้เวทีถอดบทเรียนเกี่ยวกับระบบการคัดเลือกบุคคลเข้าสู่ราชการในสังคมไทย สมัยยังเป็นหมอ มีข้าราชการตำรวจโดนเด้งจาก จ.นราธิวาส มายัง จ.น่าน สุดท้ายก่อเหตุเอาปืนจี้พนักงานปกครองและลงมือยิงจึงอยากให้มีการถอดบทเรียนประเด็นนี้ด้วยว่าควรจะมีการคัดเลือกเข้ามาอย่างไร

จากนั้น นายสุทิน คลังแสง ส.ส.มหาสารคาม และรองหัวหน้าพรรคเพื่อไทย กล่าวว่า เหตุการณ์หนองบัวลำภู เป็นเหตุการณ์ที่รุนแรง และละเลยไปไม่ได้ เรื่องนี้ไม่ใช่เรื่องบังเอิญ ไม่ใช่อุบัติเหตุ แต่เป็นเรื่องที่เกิดขึ้นจากปัญหาเชิงโครงสร้างที่ปัจจุบันยังคงอยู่ ทำให้มีโอกาสที่จะเกิดเรื่องแบบนี้ขึ้นอีก แน่นอนว่าเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น เกิดจากคนขาดสติสัมปชัญญะ แต่อะไรที่ทำให้เขาเสียสติ ซึ่งตนคิดว่าอันดับแรก คือ ยาเสพติด ตนเชื่อว่าเหตุการณ์ที่หนองบัวลำภูก็เกิดจากยาเสพติด วันนี้รัฐบาลพยายามยืนยันตลอดว่าปราบปรามยาเสพติดแล้ว และปฏิเสธตลอดว่าไม่มียาเสพติดแล้ว ทั้งที่ทุกวันนี้ในหมู่บ้าน และชุมชน น่าเศร้าใจมาก ยาเยอะ เม็ดละ 10 บาท เป็นตัวชี้วัดว่ายามีเยอะเข้าถึงง่าย 

นอกจากนี้ คนบ้าแล้วมีอาวุธในมือก็เป็นเรื่องอันตรายมาก เพราะโอกาสที่จะเกิดอาชญากรรมมีสูง บ้านเราอาวุธที่ได้รับอนุญาตอย่างถูกต้องตามกฎหมายมีน้อยกว่าปืนเถื่อน 3 เท่า ดังนั้น ประเทศเราจึงมียาบ้าเยอะ อาวุธปืนเยอะ และคนที่อยู่ในกลุ่มที่มีอำนาจมากแต่มีสติน้อย ก็เป็นกลุ่มที่ก่อเหตุมากที่สุด เพราะหากมีอำนาจ มีอาวุธ แล้วเกิดมีความไม่เป็นธรรมไปกดทับเขาก็จะเกิดเหตุได้ง่าย 

นายสุทิน กล่าวต่อว่า ปัจจุบันเราแก้กฎหมายปรายปรามยาเสพติดผิดพลาด ทำให้คนอย่างผู้ก่อเหตุที่หนองบัวลำภู ซึ่งอยู่ในระดับสติสุ่มเสี่ยงแบบนั้นมีอยู่ทุกหมู่บ้าน เพียงแต่ยังไม่ก่อเหตุเพราะไม่มีเรื่องที่เป็นชนวนเหตุ กฎหมายล่าสุดใครพกยาไม่เกิน 15 เม็ด ถือว่าไม่ใช่ผู้จำหน่าย จะต้องมีการสืบสวนเพิ่มเติม ส่วนข้อหาผู้เสพมีการแก้ไขว่า ผู้เสพคือผู้ป่วย พอจับได้จะดำเนินคดีทันทีไม่ได้ แต่เจ้าหน้าที่ต้องถามความสมัครใจว่ายินดีจะเข้าบำบัดหรือต่อสู้คดี 

ซึ่งส่วนใหญ่เลือกวิธีการบำบัด เหตุผลหนึ่งของการแก้กฎหมาย เพื่อต้องการลดจำนวนคนติดคุก แต่ปัญหาคือเมื่อส่งไปบำบัด กระบวนการบำบัดของบ้านเราไม่มีประสิทธิภาพมากพอที่ให้เขาเลิกยาได้ เมื่อกลับบ้านไปก็เป็นระเบิดเวลาของครอบครัว มีการขู่ ทำร้ายคนในครอบครัว และเป็นอันตรายต่อคนในชุมชน 

ถามว่าวันนี้องค์การสีกากีกับองค์กรสีเขียว ได้ตื่นรู้ ปฏิรูป และแก้ปัญหาแล้วหรือไม่ องค์กรที่มีอำนาจ มีอาวุธ อย่างองค์กรตำรวจ และทหาร ต้องปฏิรูปตัวเองด่วน การจะขึ้นสู่ตำแหน่งได้ต้องจ้าง ทำให้เกิดระบบรีดเงิน บีบให้คนดีๆ ต้องหาเงิน เอาไปแลกเพื่อขึ้นสู่ตำแหน่ง ยาบ้าก็เลยเต็มบ้านเมือง เลี้ยงยาไว้ขายหลายๆ รอบเอาเงินไปซื้อตำแหน่ง ถ้าไม่ปฏิรูปก็จะทำให้คนในองค์กรแบบนี้หาเงินด้วยวิธีแบบนี้ วันนี้โครงสร้างปัญหายังมีครบทั้งยาเสพติด อาวุธ และความไม่เป็นธรรม ประกอบกับจุดสปาร์กอย่างปัญหาเศรษฐกิจ ที่วันนี้รัฐบาลทำให้คนอดอยาก หนี้สินรุมเร้า อาชีพหดหาย ดังนั้น รัฐบาลต้องจัดการโครงสร้างปัญหาเหล่านี้ให้ครบ คือ ต้องจัดการยาเสพติด จัดระเบียบการซื้อ และครอบครองอาวุธปืนใหม่ วันนี้ถึงเวลาทบทวนหรือยัง ว่าการให้มีปืนทุกคนกับไม่ให้มีปืนสักคนแบบไหนจะดีที่สุด  

ตร. บุกตรวจจับกุมค้าปืนออนไลน์ 10 จุดทั่วกทม. ยึด ‘ยาเสพติด - ปืน 40 กระบอก - กระสุน 2,000 นัด’

(9 พ.ย. 65) เวลา 11.30 น. ที่กองบัญชาการตำรวจนครบาล (บช.น.) พล.ต.ต.จิรสันต์ แก้วแสงเอก รองผบช.น., พล.ต.ต.นิตินันท์ เพชรบรม รองผบช.น., พ.ต.อ.ธีรศักดิ์ จันทราพิพัฒน์ ผกก.ดส.บช.น., พ.ต.ท.นราธิป คงเพ็ชร์, พ.ต.ท.ปียรัช เวสสะโกศล, พ.ต.ท.ชยุต ยอดยิ่งนาทกุล รองผกก.ดส.บช.น., พ.ต.ต.หญิง พรรัมภา พัฒนาวาท สว.กก.ดส พร้อมด้วยเจ้าหน้าที่ตำรวจ ชป.2 กำลังเจ้าหน้าที่ตำรวจ ศปอส.ตร.ชป.2 และ เจ้าหน้าที่ตำรวจ กก.ดส.บช.น. แถลงผลระดมปิดล้อมตรวจค้นผู้ค้าอาวุธปืนออนไลน์การกระทำความผิดในพื้นที่กรุงเทพมหานครและปริมณฑล จำนวน 10 จุด 

ได้จับกุมนายเรืองวิทย์ คุปตพันธ์ อายุ 25 ปี, นายนพเก้า สายโสภา อายุ 33 ปี, นายศิรศิลป์ ศรีมะเริง อายุ 32 ปี, นายอัฐพันธ์ คงสกุล อายุ 20 ปี, นายเอ อายุ 16 ปี และนายธัญพิสิษฐ์ บุณยธรรม อายุ 24 ปี พร้อมของกลางอาวุธปืนพร้อมเครื่องกระสุนและอุปกรณ์ส่วนควบต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้องกับการกระทำความผิดปืนพกสั้น 28 กระบอก ปืนลูกซอง 12 กระบอก ปืนยาวไรเฟิล 1 กระบอก แม็กกาซีน ขนาด 5.56 มม. จำนวน 5 อัน กระสุนปืนรวม 2,248 นัด ยาเสพติดให้โทษประเภท 1 (เฮโรอีน) จำนวน 2 ถุง น้ำหนักรวม 48.64 กรัม ยาเสพติดให้โทษประเภท 1 (ยาบ้า) จำนวน 59 เม็ด จับกุมได้เมื่อวันที่ 8 พ.ย.ที่ผ่านมา 

พล.ต.ต.นิตินันท์ เปิดเผยว่า สืบเนื่องทางพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา มีนโยบายปราบปรามอาชญากรรมที่เกี่ยวข้องกับอาวุธปืนทางออนไลน์ พล.ต.อ.ดำรงศักดิ์ กิตติประภัสร์ ผบ.ตร. จึงได้สั่งการให้ศูนย์ปราบปรามอาชญากรรมทางเทคโนโลยีสารสนเทศ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ศปอส.ตร.) ดำเนินการเพื่อป้องเหตุที่จะเกิดขึ้นช่วงประชุมเอเปก จากการสืบสวนทางชุดสืบสวนเจ้าหน้าที่ตำรวจ ศปอส.ตร.ชป.2 และ เจ้าหน้าที่ตำรวจ กก.ดส.บช.น. ได้ทำการขออนุมัติศาลขอหมายค้น 10 จุดทั่วกรุงเทพมหานคร จับกุมผู้ต้องหาได้ 6 ราย อาวุธปืน 41 กระบอก กระสุนปืน 2,248 นัด ยาเสพติดจึงนวนหนึ่ง จากการรวบรวมพยานหลักฐานพบว่า กลุ่มผู้ต้องหาดังกล่าวได้มีการสั่งปืนออนไลน์จากผู้กระทำความผิดที่ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจเคยได้จับกุมไปก่อนหน้านี้ จากนั้นจึงได้มีการขยายผลการจับกุมกลุ่มผู้ต้องหาดังกล่าว

‘Howard Unruh’ มือสังหารหมู่ด้วยอาวุธปืน ในที่สาธารณะรายแรกของสหรัฐอเมริกา

ในสังคมมนุษย์ของเรานั้น มีความรุนแรงหลายรูปแบบ และเกิดขึ้นบ่อยครั้งจนนับไม่ถ้วน ‘เหตุการณ์สังหารหมู่ด้วยอาวุธในที่สาธารณะ’ ก็เป็นหนึ่งในความรุนแรงที่เกิดขึ้นในสังคมมนุษย์ และเกิดขึ้นมานานมากแล้ว เราจะเห็นเรื่องราวเช่นนี้ได้ชัดจากสถานการณ์ สงคราม การยึดอำนาจ การปฏิวัติ หรือการทำรัฐประหาร ซึ่งถือเป็นเหตุการณ์ที่เคยเกิดขึ้นไปทั่วโลก และเกิดขึ้นในทุกภูมิภาค 

สำหรับ ‘เหตุการณ์สังหารโดยใช้อาวุธปืนในที่สาธารณะ’ เกิดขึ้นมาราวๆ ๑๐๐ ปีเศษ อันเนื่องมาจากพัฒนาการของอาวุธปืนแบบบรรจุเอง หรือปืนแบบกึ่งอัตโนมัติ และปืนแบบอัตโนมัติในเวลาต่อมา 

สหรัฐอเมริกา เป็นหนึ่งในประเทศที่มีอุตสาหกรรมอาวุธปืนขนาดใหญ่มากที่สุดในโลกประเทศหนึ่ง และถือเป็นประเทศที่มีเทคโนโลยีด้านอาวุธสงครามที่ทันสมัย นั่นจึงไม่แปลก หากจะเป็นประเทศที่เกิดเหตุความรุนแรงเนื่องมาจากอาวุธปืนบ่อยครั้ง

ส่วนเหตุการณ์สังหารหมู่ด้วยอาวุธปืนในที่สาธารณะครั้งแรกของสหรัฐอเมริกา เกิดขึ้นเมื่อวันที่ 6 กันยายน ค.ศ. 1949 ซึ่งมีชาวอเมริกันถูกสังหารไปถึง ๑๓ คน ในเวลา ๑๒ นาทีที่เดินทางผ่านย่านที่พักอาศัยของ ‘มือปืน’ ในเมือง Camden มลรัฐ New Jersey  

Howard Barton Unruh

มือปืนรายนี้คือ ‘Howard Barton Unruh’ (21 มกราคม ค.ศ. 1921 - 19 ตุลาคม พ.ศ. 2009) บุตรชายของ Samuel Shipley Unruh และ Freda E. Vollmer เขามีน้องชายคนหนึ่งชื่อ James พวกเขาได้รับการเลี้ยงดูจากแม่หลังจากที่พ่อและแม่ได้แยกทางกัน 

Unruh เติบโตในเขต East Camden มลรัฐ New Jersey และเข้าเรียนที่โรงเรียนมัธยมต้น Cramer Junior และจบการศึกษามัธยมปลายจากโรงเรียนมัธยมปลาย Woodrow Wilson ในเดือนมกราคม ค.ศ. 1939 หนังสือรุ่นประจำปีของโรงเรียนมัธยมปลาย Woodrow Wilson ในปี ค.ศ. 1939 ระบุว่า เขาเป็นคนขี้อาย และความใฝ่ฝันของเขาคือ การได้เป็นเจ้าหน้าที่ของรัฐ 

Unruh สมัครเป็นทหารในกองทัพบกสหรัฐฯ เมื่อวันที่ 27 ตุลาคม ค.ศ. 1942 และเข้าประจำการในฐานะพลประจำรถถังทำการรบในสมรภูมิยุโรประหว่างเดือนตุลาคม ค.ศ. 1944 ถึงเดือนกรกฎาคม ค.ศ. 1945 

Norman E. Koehn หัวหน้าของ Unruh ระบุว่า เขาจำ Unruh ได้ว่า เคยเป็นพลทหารชั้นหนึ่งที่ไม่เคย ดื่มเหล้า สบถ หรือไล่ตามสาว ๆ และเขาจะใช้เวลาส่วนใหญ่ไปกับการอ่านพระคัมภีร์ และเขียนจดหมายยาว ๆ ถึงแม่ของเขา เล่ากันว่า Unruh จดบันทึกเกี่ยวกับศัตรูที่ถูกสังหารในการต่อสู้อย่างพิถีพิถัน โดยลงไปจนถึงรายละเอียดของศพ 


Victory Medal ซึ่งเป็นหนึ่งในเหรียญรางวัลเชิดชูเกียรติที่ Howard Unruh ได้รับ

Unruh ได้รับเหรียญรางวัลเชิดชูเกียรติ European Theatre of Operations Medal, Victory Medal และ Good Conduct Medal เขาได้รับการปลดประจำการอย่างมีเกียรติเมื่อสิ้นสุดสงคราม และกลับไปยังมลรัฐ New Jersey เพื่ออยู่กับแม่ของเขา ทั้งน้องชายและพ่อของเขาระบุในภายหลังว่า ประสบการณ์ในช่วงสงครามของ Unruh ทำให้เขาเปลี่ยนไป ทำให้เขาอารมณ์แปรปรวน ประหม่า และแยกตัวจากครอบครัว

หลังจากปลดประจำการ Unruh ได้ผันตัวมาเป็นคนงานของโรงงานโลหะแผ่น แต่ก็เข้าทำงานเพียงช่วงเวลาสั้น ๆ 

หลังจากนั้นเขาก็สมัครเข้าเรียนที่วิทยาลัยเภสัชกรรม มหาวิทยาลัย Temple มลรัฐ Philadelphia แต่ลาออกหลังจากผ่านไปหนึ่งเดือน โดยอ้างถึง ‘เหตุผลทางสุขภาพ’ 

Unruh อยู่ได้โดยอาศัยรายได้ของแม่ของเขา ซึ่งเป็นพนักงานโรงงานสบู่ Unruh เก็บตัวในบ้าน ประดับเหรียญรางวัลเชิดชูเกียรติของเขา อ่านพระคัมภีร์ และฝึกยิงปืนในห้องใต้ดิน ซึ่งถูกดัดแปลงให้เป็นห้องฝึกซ้อมยิงปืน


ภาพวาดของ Howard Unruh

ในช่วงเวลานี้เองที่ความสัมพันธ์ของ Unruh กับเพื่อนบ้านของเขาเลวร้ายลง ซ้ำร้ายความขุ่นเคืองใจของเขาก็เพิ่มขึ้นจากสิ่งที่เขามองว่าเป็น ‘คำพูดที่ดูถูกเกี่ยวกับตัวตนของเขา’ จากเพื่อนบ้าน

โดย James น้องชายของเขาได้ชี้ไปที่ประเด็นความบาดหมางระหว่าง Unruh กับเพื่อนบ้านของเขาคือ ‘ดร. Maurice Cohen’ มีอาชีพเป็นเภสัชกร ทั้งสองบาดหมางกันเรื่องที่ Unruh ใช้สวนหลังบ้านของ Cohen เพื่อเป็นทางเข้าอพาร์ตเมนต์ของเขา 

โดยก่อนเกิดการสังหาร ‘Unruh’ ได้ไปที่โรงภาพยนตร์ใน Philadelphia และชมภาพยนตร์ไปหลายเรื่องก่อนที่จะกลับบ้านในช่วงเวลาตีสาม ทั้งนี้เขาไปโรงภาพยนตร์เพื่อพบกับชายคนหนึ่งตามนัด แต่เขาไปสาย และไม่ได้เจอกับชายคนที่เขานัดเอาไว้ และเมื่อกลับถึงบ้าน ประตูที่เขาได้ติดตั้งในวันนั้นก็ถูกถอดออกไปแล้ว

ปืนพกแบบ Luger P08

เวลาประมาณ ๐๗.๐๐ น. ของวันที่ 6 กันยายน ค.ศ. 1949 Unruh รับประทานอาหารเช้าที่แม่ของเขาเตรียมไว้ จากนั้นจึงออกไปพบ ‘Carolina Pinner’ เพื่อนบ้านในเวลาประมาณ ๐๙.๒๐ น. เขาพกปืนพกแบบ ‘Luger P08’ ซึ่งบรรจุกระสุนได้ ๘ นัด และกระสุนอีกจำนวนมากในกระเป๋า เขาออกจากอพาร์ตเมนต์ และเดินออกไปที่ถนน River เมื่อเดินเข้าใกล้รถบรรทุกส่งขนมปัง Unruh ดันปืนพกของเขาผ่านประตูแล้วยิงไปที่คนขับ เขายิงพลาดไปสองสามนิ้ว และแม้คนขับจะพยายามเตือนชาวบ้านแต่ก็ไม่เป็นผล


แผนผังแสดงตำแหน่งที่พบศพของเหยื่อและผู้บาดเจ็บแต่ละราย

‘Unruh’ เข้าไปในร้านทำรองเท้า ‘John Pilarchik’ ซึ่งเป็นร้านของหนึ่งในเพื่อนบ้านของเขา เมื่อเข้าไปถึงเขาได้ลั่นไกยิงทันที 

หลังจากนั้น เขาตรงไปที่ร้านตัดผมของ Clark Hoover เพื่อนบ้านอีกคน ซึ่งกำลังตัดผมให้ Orris Smith เด็กชายวัยหกขวบ เขายิง Hoover เข้าที่ศีรษะ และยิง Smith เข้าที่คอ ทั้งคู่เสียชีวิตทันที 

จากนั้น Unruh ยังวิ่งต่อไปที่ร้านขายยาของ Cohen โดยได้พบกับ James Hutton และยิงเขาทันที จากนั้น Unruh ก็เดินเข้าไปยังด้านหลังของร้านขายยา และเห็น Cohen และ Rose ภรรยากำลังวิ่งขึ้นบันไดเข้าไปในอพาร์ตเมนต์ของพวกเขา 

เมื่ออยู่ในอพาร์ตเมนต์ Cohen ปีนผ่านหน้าต่างขึ้นไปบนหลังคาเฉลียง ขณะที่ Rose และ Charles ลูกชายวัย ๑๒ ปี ของพวกเขาซ่อนตัวในตู้เสื้อผ้าคนละใบ อย่างไรก็ตาม Unruh พบตู้เสื้อผ้าใบที่ Rose ซ่อนตัวอยู่ จึงยิงทะลุประตูตู้เข้าไป ๓ นัด ก่อนที่จะเปิดออก และยิงเข้าที่หน้าของ Rose อีกนัด เมื่อเดินข้ามอพาร์ตเมนต์ เขาก็เห็น Minnie แม่ของ Cohen วัย ๖๓ ปี พยายามโทรหาตำรวจ เขาใส่ยิงเธอหลายนัด จากนั้นเขาก็เดินตาม Cohen ขึ้นไปบนระเบียงหลังคา แล้วยิง Cohen เข้าที่ด้านหลัง ทำให้ Cohen ตกลงไปยังพื้นเบื้องล่าง ส่วน Charles ที่ซ่อนตัวอยู่ในตู้อีกใบ และสามารถหลบหนีออกมาได้อย่างปลอดภัย

‘ตร. PCT’ เข้าตรวจค้นร้าน ‘LOS SANTOS’ ยึดอาวุธปืนสงคราม-กระสุนปืนได้จำนวนมาก

วันที่ (19 ธ.ค. 65) พล.ต.อ.รอย อิงคไพโรจน์ รอง ผบ.ตร., พล.ต.ท.ภาณุรัตน์ หลักบุญ ผู้ช่วย ผบ.ตร., พล.ต.ท.ไตรรงค์ ผิวพรรณ ผบช.กมค./ผหน.ด้านปฏิบัติการฯ และ พล.ต.ต.ทินกร รังมาตย์ รอง ผบช.สพฐ.ตร./หน.ด้านข่าวสารฯ พร้อม ตร.PCT ชุดที่ 4 พ.ต.อ.ทิวา โสภาเจริญ รอง ผบก.ปส.4, พ.ต.อ.จิรพงศ์ รุจิรดำรงค์ชัย ผกก สส ตม.3 ได้ร่วมกันแถลง การเข้าตรวจค้นร้านปืนออนไลน์ ยึดอาวุธปืนสงครามและกระสุนปืนจำนวนมาก พร้อมขยายผลยึดทรัพย์สิน

พล.ต.อ.รอย เปิดเผยว่า เจ้าหน้าที่ได้ทราบว่ากลุ่มเครือข่ายมีการกระทำผิดและหลบซ่อนตัวอยู่ในหลายพื้นที่ได้แก่ อ.สันกำแพง จว.เชียงใหม่, อ.เมือง จว.สุรินทร์ และ อ.บ้านบึง จว.ชลบุรี ก่อน เปิดปฏิบัติการตรวจค้นจับกุมกลุ่มผู้ค้าอาวุธปืนเถื่อนออนไลน์ภายใต้ชื่อ ‘LOS SANTOS’ ได้ดังนี้

1. หมายค้นศาลอาญาที่ 1522/2565 ลง 14 ธ.ค.65 เข้าตรวจค้นบ้านเลขที่ 118/8 ม.8 ต.ต้นเปา อ.สันกำแพง จว.เชียงใหม่ ซึ่งเป็นที่ตั้งของร้านอุปกรณ์ยิงปืน ชื่อ Shooter Tactical CNX ผลการตรวจค้น

(1.1) จับกุม ผู้ต้องหา จำนวน 2 คน ได้แก่ นายอิทธิเดช สงวน นามสกุล และ น.ส.ภชรธร สงวนนามสกุล 
(1.2) ของกลาง 
- อาวุธปืน จำนวน 30 กระบอก (ปืนยาว 24 กระบอก,ปืนสั้น 6 กระบอก)
- กระสุนปืน จำนวน 16,578 นัด (ได้แก่ ขนาด .22, ขนาด.38, ขนาด 9 มม., ขนาด .45, ขนาด 308, ขนาด 5.56 และกระสุนปืนลูกซองเกรด 12) 
- โทรศัพท์มือถือ จำนวน 2 เครื่อง
- อุปกรณ์คอมพิวเตอร์ จำนวน 1 เครื่อง
- บัญชี ธนาคาร จำนวน 18 บัญชี
(1.3) ตรวจยึด
- เงินสด จำนวน 3,004,000 บาท    
- รถยนต์หรู จำนวน 5 คัน ได้แก่ นิสสัน GTR สีดำ จำนวน 1 คัน, บีเอ็มดับบลิว 730Ld สีดำ จำนวน 1 คัน, ออดี้ R8 สีเทา จำนวน 1 คัน, เบนซ์ CLA200 สีเทา จำนวน 1 คัน และ บีเอ็มดับบลิว x1 สีเทา จำนวน 1 คัน
- รถจักรยานยนต์ ฮาร์เล่ย์เดวิดสัน จำนวน 4 คัน

ตร. ปส. ระดมกำลังกวาดล้างอาชญากรรม ยาเสพติด อาวุธปืน พบเครือข่ายยาเสพติดหัวใส อาศัยช่วงน้ำท่วม ลอบขนยาบ้า 4 แสนเม็ด เตรียมส่งลูกค้าช่วงปีใหม่

ปัญหาอาชญากรรมต่าง ๆ ที่เกิดขึ้นอยู่ในประเทศไทย เจ้าหน้าที่ตำรวจ และส่วนที่เกี่ยวข้องได้เดินหน้าปราบปราม อย่างต่อเนื่องโดยเฉพาะอย่างยิ่งการการระดมกำลังกวาดล้างอาชญากรรม ระหว่างวันที่ 20-29 ธ.ค. ตามสั่งการของ  พล.ต.อ.ดำรงศักดิ์ กิตติประภัสร์ ผบ.ตร. ให้ลงพื้นที่ตรวจสถานบริการ สถานบันเทิง สถานประกอบการ และตรวจชุมชนเป้าหมายที่เป็นแหล่งแพร่ระบาดยาเสพติด ภายใต้การอำนวยการ ของ พล.ต.อ.ชินภัทร สารสิน รอง ผบ.ตร.(กม) /ผอ.ศอ.ปส.ตร., พล.ต.ท.ประจวบ วงศ์สุข ผช.ผบ.ตร./รอง ผอ.ศอ.ปส.ตร., พล.ต.ท.สรายุทธ สงวนโภคัย ผบช.ปส.,พล.ต.ต.ปิยะวัฒน์  บุญยืนอนนต์ ผบก.ปส.1 และ พล.ต.ต.พรศักดิ์ สุรสิทธ์ ผบก.ปส.4 ได้สั่งการให้ลงพื้นที่รับผิดชอบในการกวาดล้างอาชญากรรมทุกรูปแบบ วานนี้ เจ้าหน้าที่ กก.3 บก.ปส.4  ได้สืบสวนขยายผลแกะรอยนักค้ารายใหญ่ในพื้นที่ภาคใต้ ซึ่งคาดว่าเตรียมส่งมอบยาบ้าให้ลูกค้าห้วงก่อนปีใหม่ ประกอบกับในพื้นที่ภาคใต้เกิดอุทกภัยน้ำท่วม เบื้องต้นสามารถจับ 4 ผู้ต้องหา 4 คน 

1. นายยามีน อายุ 45 ปี 2. น.ส.รัชนีกร อายุ 26 ปี  3. นายสุเทพ อายุ 33 ปี  4. น.ส.ชัญญานุช อายุ 36 ปี ในพื้นที่ อ.พุนพิน จ.สุราษฎร์ธานี พร้อมด้วยของกลางยาบ้า 400,000 เม็ด รถยนต์ 2 คัน ซึ่งใช้ซุกซ่อนยาเสพติด และเป็นรถนำทางล่วงหน้า โดยแจ้งข้อหา 'ร่วมกับมีไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่ายซึ่งยาเสพติดให้โทษประเภท 1 (ยาบ้า) อันเป็นการกระทำเพื่อการค้า, ก่อให้เกิดการแพร่กระจายในกลุ่มประชาชนและทำให้เกิดผลกระทบต่อความมั่นคงของรัฐหรือความปลอดภัยของประชาชนทั่วไป'

ตำรวจภูธรภาค 7 แถลงผลระดมจับกุมความผิดอาวุธปืน วัตถุระเบิด เครื่องกระสุนปืนที่ผิดกฎหมาย และผลการจับกุมคดียาเสพรายสำคัญในพื้นที่ภาค 7 พร้อมของกลางยาบ้ากว่า 5 แสนเม็ด ไอซ์ 40 กก.และของกลางจำนวนมาก

วันที่ 7 กุมภาพันธ์ 2566 ที่บริเวณด้านหน้าอาคารที่ทำการตำรวจภูธรภาค 7  อำเภอเมือง จังหวัดนครปฐม พล.ต.ท.ธนายุตม์ วุฒิจรัสธำรงค์ ผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค7 นายยงยุทธ สวนทอง รองผู้ว่าราชการจังหวัดนครปฐม พร้อมด้วยรองบัญชาการตำรวจภูธรภาค7 และผู้เกี่ยวข้อง ร่วมแถลงผลถลงผลระดมจับกุมความผิดเกี่ยวกับอาวุธปืน วัตถุระเบิด เครื่องกระสุนปืน การจำหน่ายอาวุธปืน วัตถุระเบิด เครื่องกระสุนปืนโดยผิดกฎหมาย (On Ground) และจำหน่ายอาวุธปืน วัตถุระเบิด เครื่องกระสุนปืน ผ่านระบบออนไลน์และโซเซียลมีเดียโดยผิดกฎหมาย (Online) ระหว่างวันที่ 1 - 5 ก.พ.66 ที่ผ่านมา โดยแยกความผิด 

1.) ความผิดเกี่ยวกับอาวุธปืน วัตถุระเบิด เครื่องกระสุนปืน จำนวน 582 คดี ผู้ต้องหา จำนวน 578 คน 
2.) ความผิดเกี่ยวกับจำหน่ายอาวุธปืน วัตถุระเบิด เครื่องกระสุนปืน ( On Ground ) จำนวน 2 คดี ผู้ต้องหา จำนวน 2 คน อาวุธปืนมีทะเบียน จำนวน 1 กระบอก เครื่องกระสุนปืน จำนวน 1 นัด 
3.) ความผิดเกี่ยวกับจำหน่ายอาวุธปืน วัตถุระเบิด เครื่องกระสุนปืน ( Online) จำนวน 4 คดี ผู้ต้องหา จำนวน 4 คน และผลการจับกุมคดียาเสพรายสำคัญในพื้นที่ภาค 7 ผู้ต้องหาจำนวน 7 คน ช.4 ญ.3 พร้อมของกลาง ยาบ้าจำนวน 264 มัด รวมประมาณ 528,000 เม็ด ไอซ์ จำนวน 40 ถุง น้ำหนักรวมประมาณ 40 กิโลกรัม รถยนต์จำนวน 7 คัน อาวุธปืนจำนวน 2 กระบอก และอื่นๆ อีกหลายรายการ)

สำหรับผลการจับกุมคดียาเสพติด ชุดจับกุมสืบสวนทราบว่า พื้นที่จังหวัดกาญจนบุรี และจังหวัดนครปฐม มีกลุ่มเครือข่ายลักลอบลำเลียงยาเสพติด(ยาบ้า) จากประเทศเพื่อนบ้านเข้าสู่พื้นที่ตอนใน ทางด้าน อ.สังขละบุรี และสืบสวนทราบว่า หนึ่งในขบวนการกลุ่มเครือข่ายนายโก๊ะ มีนายวิเชียรหรือตั้มฯ และ น.ส.หฤทัยชลหรืออ้อย ฯ เป็นผู้ลักลอบลำเลียงยาเสพติดเข้าสู่พื้นที่ตอนใน ส่วนวันเวลาก่อนการจับกุมประมาณ 1 เดือน ทราบว่า นายโก๊ะ สั่งการให้ น.ส.หฤทัยชลฯ กับพวก ขับขี่รถยนต์ ยี่ห้อ ฮอนด้า ซิตี้ สีดำ ทะเบียน 6กท-4926 กรุงเทพมหานคร มุ่งหน้าเข้าสู่ประเทศเพื่อนบ้านเพื่อนำยาเสพติดซุกซ่อนภายในรถยนต์ โดยมีการทำช่องลับซุกซ่อนยาเสพติด ซึ่งทำการจับกุมเมื่อวันที่ 3 ก.พ.2566 ที่ผ่านมา ณ ถนนแสงชูโต ต.ท่าเสา อ.ไทรโยค จ.กาญจนบุรี ต่อเนื่อง อ.เมือง จ.กาญจนบุรี ต่อเนื่อง อู่ทำสีรถยนต์ ซอยตลาดเทศบาลเมืองสามพราน อ.สามพราน และต่อเนื่อง บ้านเลขที่ 44/128 หมู่ที่ 8 ต.ท่าตลาด อ.สามพราน จ.นครปฐม

ตำรวจบุกรวบ 'บอล หนองนก' เอเยนต์ค้ายานรก ยึดยาบ้า-ยาไอซ์-ของผิดกฎหมายเพียบ

ชป.ไล่ล่าเมืองคอนบุกรวบ 'บอล หนองนก' เอเยนต์ค้ายานรก -ยึดยาบ้า ,ไอซ์ และอาวุธปืนอื้อ-ผกก.สั่งสอบสวนขยายผลตามจับกุมเอเยนต์ใหญ่มาดำเนินคดีตามกฎหมายให้จนได้

(19 ก.พ. 66) พ.ต.อ.โชคดี ศรีเมือง ผกก.สภ.เมือง จ.นครศรีธรรมราช ได้รับรายงานว่าการการลักลอบค้ายาเสพติด ในพื้นที่หมู่ 10 ต.บางจาก อ.เมือง โดยผู้ค้ามีฉายาว่า 'บอล หนองนก' จะตระเวนขับรถนำยาเสพติดไปส่งให้ลูกค้าโดยไม่เกรงกลัวกฎหมายบ้านเมือง จึงสั่งการให้ พ.ต.ท.ธีระพล พุ่มชัย รอง ผกก.ป.พ.ต.ต.มนัส พิทักษ์บูรพา สวป.สภ.เมืองนครศรีธรรมราช นำกำลังออกสังเกตการณ์ติดตามจับกุมมาดำเนินคดีตามกฎหมาย

จนกระทั่งเมื่อเย็นวานนี้ (17 ก.พ.) ร.ต.อ.พศวีร์ จันทอง รอง สวป. สภ.เมือง จ.นครศรีธรรมราช นำหลังตำรวจและ อส.ตร.ชุดปฏิบัติการไล่ล่า ออกลาดตระเวนตรวจตรามาถึงบริเวณริมทางสาธารณะหน้าบ้านเลขที่ 64/11 บ้านทุ่งสงวน หมู่ 10 ต.บางจาก อ.เมืองจ.นครศรีธรรมราช ซึ่งทราบว่าเป็นบ้านของ 'นายบอล หนองนก' ผู้ต้องสงสัยที่ได้รับรายงานว่าเป็นแหล่งค้ายาเสพติดยาบ้า ยาไอซ์ และยังมีอาวุธปืนพกประจำกายด้วย


TRENDING
© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top