Thursday, 28 March 2024
THESTAESTIMES

นาซาเตือน แม้แต่ระเบิดนิวเคลียร์ ก็ไม่สามารถหยุดดาวเคราะห์น้อยที่จะมุ่งหน้ามายังโลกได้ หลังทดลองจำลองเหตุการณ์ มีเวลา 6 เดือน หาทางปกป้องโลกจากการถูกดาวเคราะห์น้อยพุ่งชน

เดลี่เมลรายงานว่า นักวิทยาศาสตร์องค์การบริหารการบินและอวกาศแห่งชาติสหรัฐฯ (นาซา) ได้ข้อสรุปจากการทดลองจำลองเหตุการณ์เพื่อหาวิธีปกป้องโลกของเรา จากการถูกดาวเคราะห์น้อยขนาดยักษ์พุ่งชนโลกว่า ถึงแม้จะใช้ระเบิดนิวเคลียร์ ก็ไม่สามารถจะหยุดยั้งดาวเคราะห์น้อยที่จะพุ่งชนโลกได้

เมื่อ 4 พ.ค. 64 เดลี่เมลรายงานว่า นักวิทยาศาสตร์องค์การบริหารการบินและอวกาศแห่งชาติสหรัฐฯ (นาซา) ได้ข้อสรุปจากการทดลองจำลองเหตุการณ์เพื่อหาวิธีปกป้องโลกของเรา จากการถูกดาวเคราะห์น้อยขนาดยักษ์พุ่งชนโลกว่า ถึงแม้จะใช้ระเบิดนิวเคลียร์ ก็ไม่สามารถจะหยุดยั้งดาวเคราะห์น้อยที่จะพุ่งชนโลกได้

การจำลองเหตุการณ์ เริ่มจากนักวิทยาศาสตร์นาซาได้รับการแจ้งว่าพวกเขามีเวลา 6 เดือนในการหาทางสกัดไม่ให้ดาวเคราะห์น้อยขนาดยักษ์ซึ่งมีวงโคจรที่จะพุ่งชนโลก หลังจากได้สำรวจพบดาวเคราะห์น้อยกำลังอยู่ในระยะห่างจากโลก 35 ล้านไมล์

จากการศึกษาเพื่อหาทางสกัดดาวเคราะห์น้อย โดยใช้เวลา 4 วัน ระหว่างวันที่ 26-29 เมษายน และนักดาราศาสตร์ได้ใช้ระบบเรดาร์ ข้อมูลภาพและเทคโนโลยีหลายอย่าง รวมทั้งกล้องโทรทรรศน์ขนาดใหญ่ จนได้ข้อสรุปว่า ระยะเวลา 6 เดือน ไม่เพียงพอที่จะเตรียมตัวสำหรับการส่งยานอวกาศขึ้นไปพุ่งชนดาวเคราะห์น้อย รวมถึงการใช้ระเบิดนิวเคลียร์ อย่างเช่นที่เห็นในภาพยนตร์เรื่องอาร์มาเกดดอน ก็ไม่อาจหยุดยั้งดาวเคราะห์น้อยที่กำลังมุ่งหน้ามายังโลกได้

สำหรับโครงการจำลองเหตุการณ์ทดสอบการหาทางหยุดยั้งดาวเคราะห์น้อยที่จะชนโลกของนาซานี้ ใช้ชื่อว่า 'Space Mission Options for the Hypothetical Asteroid Impact Scenario'

จำลองเหตุการณ์วันที่ 1 : 19 เมษายน 2021
นักวิทยาศาสตร์โครงการปกป้องโลกของนาซา ที่มหาวิทยาลัยฮาวาย พบดาวเคราะห์น้อย ชื่อ 2021PDC ซึ่งจัดเป็นวัตถุใกล้โลก อยู่ในระยะห่างจากโลก 35 ล้านไมล์ และมีโอกาสที่จะชนโลกเพียงแค่ 5% ในวันที่ 20 ตุลาคม

จำลองเหตุการณ์วันที่ 2 : 2 พฤษภาคม 2021
นักดาราศาสตร์วิเคราะห์ข้อมูลที่ได้จากการรวบข้อมูลการโคจรของดาวเคราะห์น้อย และความเป็นไปได้ที่อาจจะชนโลก โดยทีมได้ใช้ข้อมูลภาพถ่ายเหตุการณ์ที่ดาวเคราะห์น้อยเคยเข้าใกล้โลก ในปี 2014

ข้อมูลนี้ทำให้นักดาราศาสตร์ลดวงโคจรที่ไม่แน่นอนของดาวเคราะห์น้อย และได้ข้อสรุปการจำลองเหตุการณ์นี้ว่า ดาวเคราะห์น้อยมีความเป็นไปได้ที่จะชนโลก 100% ในบริเวณยุโรป หรือตอนเหนือของทวีปแอฟริกา

จากข้อมูลดังกล่าง ทำให้ทางทีมรีบทำงานเพื่อหาทางป้องกันไม่ให้ดาวเคราะห์น้อยพุ่งชนโลก โดยมีการออกแบบให้ส่งยานอวกาศขึ้นไปพุ่งชนดาวเคราะห์น้อย ก่อนที่มันจะชนโลก แต่ได้ข้อสรุปว่า ด้วยระยะเวลาที่ไม่เพียงพอ ทำให้ไม่สามารถที่จะปฏิบัติภารกิจอันเหลือเชื่อนี้ได้ ด้วยเทคโนโลยีที่มีอยู่ในปัจจุบัน

ขณะเดียวกันนักวิทยาศาสตร์ยังได้เสนอให้ใช้อาวุธนิวเคลียร์ แต่เชื่อว่าจะมีอุปสรรคหลายอย่าง และจากการจำลองทดสอบเหตุการณ์นี้แสดงให้เห็นว่า ถ้าใช้อาวุธระเบิดนิวเคลียร์พุ่งชนดาวเคราะห์น้อยที่มีขนาดใหญ่ราว 114 ฟุต จนถึง 800 เมตร จะสามารถทำลายดาวเคราะห์น้อยได้เพียงเล็กน้อยเท่านั้น อีกทั้งก็ไม่แน่ชัดว่าระเบิดนิวเคลียร์ขนาดไหนจึงสามารถจะสกัดดาวเคราะห์น้อยได้

จำลองเหตุการณ์วันที่ 3 : 30 มิถุนายน 2021
การทดสอบกระโดดไปถึงเวลาที่โลกจะถูกดาวเคระห์น้อยพุ่งชน โดยนักวิทยาศาสตร์ทั่วโลกได้ใช้กล้องโทรทรรศน์ขนาดใหญ่เฝ้าติดตามทุกคืน ในขณะที่นักวิทยาศาสตร์ได้ปรับแต่งวงโคจรให้แคบลงอย่างมีนัยสำคัญ มีความเป็นไปได้ที่ดาวเคราะห์น้อยจะพุ่งชนโลกแถวเยอรมนี สาธารณรัฐเช็ก ออสเตรีย สโลเวเนีย และโครเอเชีย

จำลองเหตุการณ์วันที่ 4 : 14 ตุลาคม 2021
เหลือเพียงแค่ 6 วัน ดาวเคราะห์น้อยจะชนโลก โดยขณะนี้มันอยู่ห่างจากโลกประมาณ 3.9 ล้านไมล์ และมีระยะใกล้พอที่จะใช้ระบบ Goldstone Solar System Radar ในการวิเคราะห์ดาวเคราะห์น้อย ทั้งขนาดและลักษณะกายภาพ ซึ่งพบว่าดาวเคราะห์น้อยมีขนาดเล็กกว่าที่คาดการณ์กันไว้ก่อนหน้า จึงได้ลดขนาดพื้นที่ที่มีโอกาสจะถูกดาวเคราะห์น้อยพุ่งชนให้แคบลง เหลือเพียงบริเวณพรมแดนของเยอรมนี สาธารณรัฐเช็ก และออสเตรีย และกำหนดให้ดาวเคราะห์น้อยมีความเป็นไปได้ที่จะพุ่งชนโลกในภูมิภาคแถวนี้ 99%

ลินด์ลีย์ จอห์นสัน เจ้าหน้าที่โครงการ Planetary Defense ของนาซา กล่าวว่า แต่ละครั้งที่ได้ร่วมทดสอบในเหตุการณ์ธรรมชาติที่อาจเกิดขึ้นได้นี้ ทำให้พวกเราได้เรียนรู้มากขึ้นเกี่ยวกับว่า ใครจะเป็นตัวหลักในเวลาเกิดหายนะ และใครจำเป็นต้องรู้ข้อมูล เพื่อช่วยในการหาทางปกป้องโลกของเราให้ได้มากที่สุด จากการถูกดาวเคราะห์น้อยพุ่งชน


ที่มา: https://www.thairath.co.th/news/foreign/2084216

ครูต้นแบบ!! 'ครูอ่างทอง' แต่งตัวสมจริง ไลฟ์สอนออนไลน์

วันนี้ ที่บริเวณบ้านนางวนิดา สายะวงศ์ ตำบลบ้านแห อำเภอเมือง จังหวัดอ่างทอง มีรายงานว่า ครูโรงเรียนสังกัดเทศบาลเมืองอ่างทอง ได้สอนออนไลน์ แบบจัดเต็มให้ลูกศิษย์ชั้นประถม 4 ได้เรียนออนไลน์ วิชาภาษาไทย เรื่องพระอภัยมณี โดยแต่งตัวเป็นฤๅษี มีฉากละครสวยงาม การแต่งองค์ทรงเครื่อง มีความน่ารัก ความสนุกสนาน พร้อมวงปี่พาทย์ชุดใหญ่ให้นักเรียนได้เรียนรู้แบบจัดเต็ม

.โดยมี พ่อ แม่ พี่น้อง และหลานสาว มาช่วยในการเรียนการสอน ซึ่งหลานสาวช่วยถ่ายสื่อออนไลน์ ในการเรียนการสอน พ่อตีระนาด แม่ตีฉิ่ง พี่ชายตีกลอง และน้อง ๆ ช่วยแต่งชุดละครให้ คล้ายว่า ได้ชมละครชาตรีวงใหญ่ แบบไลฟ์สดผ่านสื่อออนไลน์ให้นักเรียนชั้นประถม 4 ได้เรียนรู้ ตัวละครแบบสมจริง ควบคู่ไปกับการสอนในตำรา และมีการบ้านปิดท้ายส่งครู

ทางด้านครูวนิดา ได้เล่าให้ฟังว่า เป็นครูภาษาไทยโรงเรียนเทศบาล 1 วัดต้นสน สังกัดเทศบาลเมืองอ่างทอง ที่เรียนจบมาทางด้านนาฏศิลป์ มีคุณแม่เป็นหัวหน้าคณะละคร มีพ่อเป็นเจ้าของวงปีพาทย์ และที่ผ่านมาก็เคยเล่นละครในคณะของแม่มาตั้งแต่เด็ก โดยครั้งแรกนั้นเล่นเป็นบทลูกเมียน้อย ซึ่งตื่นเต้นมากไม่กล้าที่จะออกมา

ส่วนทางแม่ผลักให้ออกมาแสดงจึงร้องไห้ด้วยความตกใจ ทำให้คนดูแล้วสมบทบาท และเล่นละครเรื่อยมา ครั้งนี้ได้สอนออนไลน์ให้นักเรียนแบบจัดเต็ม โดยการเพิ่มเติมสีสันเข้าไปในบทเรียน เพื่อจะเป็นการเรียกให้ลูกศิษย์ได้เรียนออนไลน์ อย่างมีความสุข สนุกสนานต่อไป

 

ที่มา: https://www.thaipost.net/main/detail/105549


โปรเด็ด! เทหมดตัว มาสด้า 2 และ นิสสันอัลเมร่า ทักเลย! ตอบไว! แอดเลย @TheShopsTimes

คลิก????https://lin.ee/vfTXud9

'ตำรวจ' เตือนภัย!! ระวังถูกแท็กเฟซบุ๊ก​ พร้อมภาพข่าวอุบัติเหตุหรือภาพลามก อย่ารับแท็กเด็ดขาด อาจถูกแฮกเฟซบุ๊กไม่รู้ตัว

พ.ต.อ.ศิริวัฒน์ ดีพอ รอง ผบก.ปอท.ในฐานะ รอง โฆษกสำนักงานตำรวจแห่งชาติ กล่าวว่า ช่วงนี้ในเฟซบุ๊กของพี่น้องประชาชน อาจจะมีคนที่เป็นเพื่อนหรือไม่ใช่เพื่อนของเรามาแท็กเฟซบุ๊ก และแท็กพร้อมกับผู้อื่นอีกหลายสิบคน ซึ่งข้อมูลที่ส่งมาประกอบด้วยลิงก์ภาพข่าวอุบัติเหตุ​ หรือภาพข่าวลักษณะลามกอนาจาร จากสำนักข่าวมีชื่อบ้าง ไม่มีชื่อบ้าง หากเรามีความสนใจข่าวที่แท็ก แล้วกดเข้าไปดูจะพบว่ามีหน้าต่างให้เรากรอกอีเมลและ พาสเวิร์ดเข้าเฟซบุ๊กใหม่ ซึ่งเป็นเรื่องที่อันตรายมาก 

เพราะลิงก์ดังกล่าวเป็นลิงก์หลอกลวง ที่แฮกเกอร์สร้างมาเพื่อลวงให้เรากรอกข้อมูล อันได้แก่ อีเมลกับรหัสผ่านเฟซบุ๊ก ทำให้แฮกเกอร์ทราบข้อมูล และเข้าถึงบัญชีเฟซบุ๊กของเราได้ หากใครกรอกข้อมูลไป เฟซบุ๊กอาจถูกแฮก จากนั้นแฮกเกอร์จะเปลี่ยนรหัส​ ทำให้เราไม่สามารถเข้าเฟซบุ๊กของเราได้ สุดท้ายแฮกเกอร์อาจเอาบัญชีเฟซบุ๊กของเราไปกระทำความผิด เช่น หลอกยืมเงินเพื่อนในเฟซบุ๊กของเรา หรือ นำไปหลอกลวงฉ้อโกงผู้อื่น เป็นต้น

พล.ต.อ.สุวัฒน์ แจ้งยอดสุข ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ได้มีนโยบายในการสร้างความรับรู้ให้กับประชาชนในการป้องกันตัวเองมิให้ตกเป็นเหยื่อของอาชญากรในทุกรูปแบบ

สำนักงานตำรวจแห่งชาติ จึงฝากเตือนพี่น้องประชาชนที่พบว่าบัญชีเฟซบุ๊กตัวเองถูกแท็กในลักษณะดังกล่าว ไม่ควรกดเข้าไปดู หรือ กรอกอีเมลกับรหัสผ่านอย่างเด็ดขาดเพราะท่านอาจตกเป็นเหยื่อของแฮกเกอร์ 

อย่างไรก็ตาม หากท่านถูกแฮกเฟซบุ๊กไปแล้วและไม่สามารถเข้าเฟซบุ๊กตัวเองได้​ ให้ปฏิบัติการ 3 แจ้ง คือ... 

1.​ แจ้ง​ (Report) เฟซบุ๊ก เพื่อให้เฟซบุ๊กกู้คืนบัญชีกลับมาให้เรา
2.​ แจ้งเพื่อนของเราในทุกช่องทางว่าเฟซบุ๊กเราถูกแฮก 
และ​ 3.​ แจ้งความกับพนักงานสอบสวนที่สถานีตำรวจได้ตลอด 24 ชั่วโมง

ที่ปรึกษาแผนกโรคติดเชื้อ โรงพยาบาลพระมงกุฎเกล้า เตือนหลีกเลี่ยงหน้ากากผ้า เพราะกันเชื้อออก แต่ไม่กันเชื้อเข้า แนะรัฐ จัดหาหน้ากากอนามัยมาขายราคาถูก หรือแจกจ่ายพร้อมประชาสัมพันธ์ ชี้!! หน้ากากหลุดเมื่อไรเสี่ยงเมื่อนั้น

จากเฟซบุ๊ก Tor Phiboonbanakit ของ พ.อ.(พิเศษ) นพ.ธนะพันธ์ พิบูลย์บรรณกิจ ที่ปรึกษาแผนกโรคติดเชื้อ โรงพยาบาลพระมงกุฎเกล้า โพสต์ข้อความระบุว่า 'เรื่องบางเรื่องถูกมองข้าม…ทั้งที่อยู่แค่สันจมูก'

1.) กลุ่มรอวัคซีนทางเลือก เพื่อฉีดเข็ม 1 และ 2 ต้องทราบว่า กว่าจะได้มาต้องอีกอย่างน้อย 3 เดือน…ช่วงนี้พวกคุณจะทำอย่างไร?

2.) กลุ่มที่ต้องการเข็ม 3 หลังได้วัคซีน (ภาคบังคับ) ครบ 2 เข็ม โดยเฉพาะอย่างยิ่งคุณหมอและบุคลากรทางการแพทย์ ตั้งสตินะครับ เราต้องเป็นตัวอย่างในการ 'รอ' ให้ผลการศึกษาชัดเจน และได้รับการรับรองอย่างเป็นทางการ จนเป็น Standard Recommendation แม้ว่าแนวโน้มขณะนี้ จะ 'เชื่อว่า' คงต้องฉีดแน่…ก็เหมือนกัน ถ้าไม่วางใจผลของวัคซีน พวกเราจะทำเช่นไร?

ถ้าไม่ฉีด เพราะไม่เชื่อวัคซีนที่รัฐ (บังคับ) จัดให้ หรือ ฉีดแล้ว แต่ก็ไม่ไว้ใจว่าวัคซีนที่ได้ว่าจะเอาอยู่ ให้ตั้งสติ แล้วย้อนกลับไปถามตัวเองว่า…ที่ผ่านมา รอดจากการติดเชื้อมาได้อย่างไร?

เรามัวแต่วุ่นวายกันเรื่องชนิดของวัคซีน และปัญหาเชื้อกลายพันธุ์…จนลืม 'concept' เบื้องต้นที่ว่า…ไม่รับเชื้อไม่เป็นโควิด

1.) ไม่รับเชื้อโดยซ่อนตัวอยู่แต่ในบ้าน ติดต่องานผ่าน internet…ตุนของไว้กิน...สุดท้ายก็หมด…ก็ต้องออกมาอยู่ดี…ดังนั้นการซ่อนตัว…ไม่ใช่ทางออก

2.) ไม่รับเชื้อโดยใส่หน้ากาก ไปทุกที่…ถ้าล้างมือ ถือระยะห่าง คงปลอดภัย แต่สิ่งที่ไม่มีใครประชาสัมพันธ์ให้ประชาชนได้รับทราบคือ…

ในวันก่อน ในยามที่รอบตัวมีคนติดเชื้ออยู่ไม่มาก ไปไหนมาไหนด้วยหน้ากากผ้า แม้โดยทฤษฎี จะปัองกันเชื้อออก แต่ไม่กันเชื้อเข้า อาจไม่มีผลกระทบมากนัก…เพราะโอกาสเจอเชื้อ สัมผัสโรคแบบจังๆ คงยาก

แต่วันนี้ สถานการณ์เปลี่ยนไป มองไปทางไหน น่าสงสัยว่าจะมีคนที่มีเชื้ออยู่!!

ดังนั้น การที่ยังส่งเสริมการใช้หน้ากากผ้า สำหรับประชาชนทั่วไป น่าจะไม่ปลอดภัยเสียแล้ว เพราะข้อเสียอีกประการของหน้ากากผ้า คือ ไม่มีสันโลหะที่ใช้คีบดั้งจมูก พูดไปหลุดไป อารมณ์เดียวกับใส่ Surgical Mask แล้วไม่ปรับลวดตรงสันจมูกให้แนบกับใบหน้า…หน้ากากที่ดี ต้องสามารถปรับให้แนบกับหน้าให้มากที่สุด

ฉะนั้น รัฐต้องเร่งจัดหาหน้ากากอนามัยในระดับ Surgical Mask แบบที่แพทย์พยาบาลใส่กัน จำหน่ายในราคาถูกหรือแจกจ่าย พร้อมประชาสัมพันธ์ แนะนำวิธีใช้ที่ถูกต้อง แก่ประชาชนทั่วไปโดยเร็ว อย่างทั่วถึง

ไม่ว่าเชื้อจะกลายไปไหน ไม่ว่าวัคซีนตัวไหนจะด้อยค่าลง แต่หน้ากากอนามัยที่ได้รับการใช้อย่างถูกต้อง ไม่เคยทำให้ผู้ใช้ผิดหวัง…รับรองกันได้ทุกสายพันธุ์

หน้ากากหลุดเมื่อไร เสี่ยงเมื่อนั้น ต่อให้ฉีดวัคซีนมาแล้วก็ตาม ส่วนใหญ่หลุดตอนนั่งทานข้าว หรือ รุมส้มตำด้วยกัน

#หลีกเลี่ยงหน้ากากผ้า”

 

 

ที่มา: https://mgronline.com/onlinesection/detail/9640000062236

https://www.facebook.com/story.php?story_fbid=4377495338961581&id=100001034752567


โปรเด็ด! เทหมดตัว มาสด้า 2 และ นิสสันอัลเมร่า ทักเลย! ตอบไว! แอดเลย @TheShopsTimes 
คลิก????https://lin.ee/vfTXud9

รศ.ดร.ธนชาติ นุ่มนนท์ ผู้อำนวยการสถาบันไอเอ็มซี โพสต์เฟซบุ๊กเกี่ยวกับบทความ 'การบุกรุกของกองทัพคนปัญญาอ่อน' ของ ชัชรินทร์ ไชยวัฒน์

รศ.ดร.ธนชาติ นุ่มนนท์ ผู้อำนวยการสถาบันไอเอ็มซี โพสต์เฟซบุ๊กระบุว่า...

บทความของ ชัชรินทร์ ไชยวัฒน์ ที่เขียนไว้สองปีแล้ว แต่ก็ดูน่าจะเป็นจริงขึ้นมาเรื่อย ๆ

การบุกรุกของกองทัพคนปัญญาอ่อน

30 มิถุนายน พ.ศ. 2562

(1) ช่วงวันสองวันที่ผ่านมานี้...ใครก็ไม่รู้? ได้ไปเอาคำพูดของนักเขียน นักปรัชญาชาวอิตาลีรายหนึ่ง ชื่อว่า อุมแบร์โต เอโค (Umberto Eco) ที่เพิ่งเสียชีวิตไปเมื่อซัก 3 ปีที่แล้ว มาเผยแพร่เอาไว้ในช่องทางการสื่อสารที่เรียก ๆ กันว่า ไลน์ อะไรประมาณนั้น และแม้ว่า อันตัวข้าพเจ้าเอง จะไม่รู้เรื่อง รู้ราว ไม่เคยได้สัมผัสกับช่องทางการสื่อสารประเภทนี้ แต่เมื่อน้อง ๆ เขางัดมาโชว์ให้เห็น ก็ต้องยอมรับว่า...ออกจะเป็นคำพูดที่น่าคิด สะกิดใจ มิใช่น้อย...

(2) คือว่ากันตามสำนวนภาษาปะกิต...ที่ว่าเอาไว้ว่า Social media gives legions of idiots the right to speak when they once only spoke at a bar after a glass of wine, without harming the community. Then they were quickly silenced, but now they have the same right to speak as a Nobel Prize winner. It’s the invasion of the idiots. ก็คงประมาณว่า...แต่ก่อนนั้นพวกคนประเภทปัญญาอ่อน ได้แต่พูดอะไรโง่ ๆ ในบาร์หลังจากที่เมาไวน์กันไปพอสมควร แล้วเป็นอันต้องหุบปาก โดยไม่ได้ก่อให้เกิดพิษภัยร้ายแรงอะไรมากมายต่อผู้คน แต่หลัง ๆ นี้...ก็ด้วยสิ่งที่เรียกว่า โซเชียลมีเดีย นั่นเอง ที่ทำให้บรรดาคนเหล่านี้มีสิทธิ์จะพูดอะไรต่อมิอะไรได้เท่ากับผู้ที่มีชื่อ มีเสียง ระดับนักคิด นักปราชญ์ ผู้ได้รับรางวัลโนเบล ไพรซ์ เอาเลยก็ว่าได้ และนี่ก็คงแทบไม่ต่างไปจาก การบุกรุกของกองทัพคนปัญญาอ่อนทั้งหลาย...

(3) โดยคำพูดที่ว่านี้...ถูก-ไม่ถูก เข้าท่า-ไม่เข้าท่า อันนั้นคงต้องไปพิจารณากันเอาเอง แต่คงปฏิเสธไม่ได้ว่า ออกจะเป็นเรื่อง จริง ไม่ใช่อิงนิยายโดยเด็ดขาด สำหรับยุคนี้ สมัยนี้ เพราะอะไรที่มันเคยถูกพูด ๆ อยู่ในแวดวงผู้คนแค่ไม่กี่คน หรือในหมู่ผู้คนที่ระดับวาสนาใกล้เคียงกันและกัน ไม่ว่าจะเป็น มธุรสวาจา หรือ มทุเรศวาจา ประเภทขึ้นมึง-ขึ้นกู แจกกล้วย และแจกผลไม้รวม ทั้งหลาย ที่ถ้าหากฟังกันในหมู่เพื่อนฝูง หรือในหมู่คนปัญญาอ่อนด้วยกัน ก็ไม่ถึงกับเป็นอะไรที่น่าเกลียด น่าชัง มากมาย ถ้าเข้าหูซ้ายแล้วไม่ทะลุออกไปทางหูขวา ก็แกะออกได้ไม่ยากซ์ซ์ซ์...

(4) แต่ก็ด้วยสิ่งที่เรียกว่า โซเชียล มีเดีย นั่นเอง...ที่มันมีส่วนช่วยให้ กล้วย ธรรมดา ๆ กระจอก ๆ ของบรรดาพวกปัญญาอ่อนในแต่ละราย กลายสภาพเป็น อภิมหากล้วย ใหญ่โต มโหฬาร ขมึงทึง ยิ่งกว่าศิวลึงค์พระอิศวรเอาเลยก็ไม่แน่ คือสามารถด่าทอ กล่าวหา โจมตี ตอบโต้เล่นงานใครต่อใคร ในระดับไม่ใช่แค่คำพูดหลังบาร์ หลังแก้วเหล้า หลังจากไม่เหลือสติสัมปชัญญะอยู่ภายในสมอง ในร่างกาย แต่เพียงเท่านั้น แต่สามารถแพร่กระจายออกไปในวงกว้าง ระดับผู้คนนับเป็นหมื่น ๆ แสน ๆ หรืออาจเป็นล้าน ๆ ต้องคอยแงะ คอยแกะ คอยเตรียมน้ำเอาไว้ล้างหู ชนิดวันละ 3 เวลาหลังอาหาร เอาเลยก็ว่าได้...

(5) การที่เทคโนโลยีอันสุดแสนจะก้าวหน้า ทันสมัย อย่าง โซเชียลมีเดีย มันได้เปิดพื้นที่ สร้างพื้นที่ ให้กับคนโง่ คนปัญญาอ่อน คนหยาบ ๆ คาย ๆ อย่างชนิดกว้างขวางใหญ่โตไม่น้อยไปกว่านักคิด นักปราชญ์ ผู้ที่มีสติปัญญา มีความสามารถระดับรางวัลโนเบล ไพรซ์ อย่างที่นาย อุมแบร์โต เอโค แกได้อุปมา-อุปมัยเอาไว้ทำนองนี้ มันก็เลยน่าจะส่งผลให้เกิดฉากสถานการณ์ในแบบที่แกเรียก ๆ เอาไว้ว่า การบุกรุกของกองทัพคนปัญญาอ่อน อุบัติขึ้นมาในสังคมต่าง ๆ อย่างมิอาจปฏิเสธและหลีกเลี่ยงได้ และถือเป็นฉากสถานการณ์ที่ออกจะท้าทาย ต่อบรรดาผู้ที่คิดดี ใฝ่ดี หรือผู้ที่ต้องการให้สังคมเป็นไปในทางที่ดีทั้งหลาย ว่าจะหาทางรับมือกับ กองทัพคนปัญญาอ่อน เหล่านี้อย่างไรดี มันถึงจะเหมาะสม สอดคล้อง กับ ข้อเท็จจริงทางสังคม...

(6) คือจะไปปิดกั้น ปิดช่อง ปิดทาง ปิดประตู ปิดหน้าต่างในแต่ละบาน ๆ นั้น...คงแทบเป็นไปไม่ได้ ไม่ว่าในทาง เทคโนโลยี หรือแม้แต่ในทาง กฎหมาย ก็แล้วแต่ แต่ถ้าหากปล่อยเลยตามเลย ปล่อยให้วันแมน-วันโหวต ถือว่าเสียงทุกเสียงย่อมต้องมีความเสมอภาค มีสิทธิ์แสดงออกอย่างเท่าเทียมกันทั้งสิ้น ไม่ว่าระหว่างเปล่งเสียงมันจะออกอาการอ้วกแตก เมาแล้ว เมาเล่า แทบไม่เหลือสติสัมปชัญญะ ไม่เหลือสาระประโยชน์ใด ๆ อยู่ในคำพูด ในเสียงแต่ละเสียงเอาเลยแม้แต่น้อย ตามหลักเสรีภาพหรือหลักประชาธิปไตยใด ๆ ก็แล้วแต่ อันนี้...มันก็ออกจะยุ่งฉิบหาย ยุ่งตายห่า อยู่พอสมควร เพราะการคุยกับคนบ้า การว่ากับคนเมานั้น ไม่เพียงแต่ไม่ก่อให้เกิดประโยชน์โพดผลใด ๆ เผลอ ๆ อาจก่อให้เกิดโทษหนักบ้าง เบาบ้าง ไปตามสภาพ...

(7) มันก็เลยดูเหมือนจะมีอยู่แค่วิธีเดียวเท่านั้น...อย่างที่บรรดาผู้รู้ ผู้เชี่ยวชาญ ท่านเคยออกมาชี้แนะ ชี้นำเอาไว้ ว่าจะต้องหาทางทำให้ผู้คนในสังคม มีความเจริญทางสติปัญญา ทางศีลธรรม คุณธรรม ให้มาก ๆ เข้าไว้ อันอาจพอช่วยให้ เสรีภาพ ที่เปิดกว้างอย่างแทบปราศจากขอบเขต ถูกนำใช้ไปในทางที่เป็นประโยชน์กับสังคมนั้น ๆ ได้จริง ๆ และอาจจะด้วยเหตุนี้หรือไม่ อย่างไร คงต้องเก็บไปคิดกันเอาเองก็แล้วกัน ที่ทำให้สิ่งที่เรียก ๆ กันว่า ประชาธิปไตยนั้น ยังไง ๆ ...คงต้องหาทางทำให้มันมีความผนึกแนบแน่นไปกับศีลธรรม คุณธรรม ให้มาก ๆ เข้าไว้ แม้แต่จะต้อง ควบคุม หรือกำกับ ก็อาจถือเป็นความจำเป็นอย่างมิอาจปฏิเสธและหลีกเลี่ยงได้...

ทรรศนะ ชัชรินทร์-ไชยวัฒน์

การบุกรุกของกองทัพคนปัญญาอ่อน

 

 

ที่มา : https://www.facebook.com/story.php?story_fbid=10218733401917425&id=1570777112

https://www.thaipost.net/main/detail/39767


โปรเด็ด! ถึง 15 ก.ค. นี้ Ford Ranger, MG ZS, Mazda 2 และ Nissan อัลเมร่า ทักไลน์ @THESHOPSTIMES

คลิก????https://lin.ee/vfTXud9

FengshuiBizDesigner โดยพี่อ๋า สมศักดิ์ ชาคริตฐากูร ได้เผยปัจจัยที่ทำให้เกิดเหตุระเบิดเพลิงไหม้ที่โรงงานย่านกิ่งแก้ว ด้วยโหราศาสตร์จีนโบราณ โดยระบุว่า...

FengshuiBizDesigner โดยพี่อ๋า สมศักดิ์ ชาคริตฐากูร ได้เผยปัจจัยที่ทำให้เกิดเหตุระเบิดเพลิงไหม้ที่โรงงานย่านกิ่งแก้ว ด้วยโหราศาสตร์จีนโบราณ โดยระบุว่า...

อะไร? เป็นปัจจัยให้เกิดเหตุระเบิดเพลิงไหม้ที่โรงงานย่านกิ่งแก้ว

เช้ามืดจันทร์ที่ 5 กรกฎาคม 2564 เกิดเหตุระเบิดเพลิงไหม้ที่โรงงานสารเคมี “หมิงตี้ เคมิคอล” ซ.กิ่งแก้ว 21 ต.ราชาเทวะ อ.บางพลี จ.สมุทรปราการ เหตุการณ์ครั้งนี้ “ย่อมเกิดจากสิ่งนั้นมีอยู่ สิ่งนี้จึงเกิด” จากเหตุและผลของกฎแห่งจักรวาล ตามหลัก “อิทัปปัจจยตา” กฎความจริงสูงสุดของ ธรรมชาติที่ควบคุมทุกสิ่งทุกอย่างไว้ เมื่อช่วงห้วงเวลาเหมาะสม กฎแห่งธรรมชาติย่อมแสดงเป็นผลขึ้น

แล้วเหตุไฉนจึงเกิดเหตุระเบิดเพลิงไหม้ตามเหตุการณ์ที่ปรากฏ นอกเหนือจากความสะเพร่า ขาดความรอบคอบ ปล่อยปละเผลอเลอ ประมาท เลินเล่อ ไม่ระแวดระวังภัยที่จะตามมาแล้ว จากมุมมองตามศาสตร์วิชาฮวงจุ้ย ที่ว่าด้วยหลักแห่งความสมดุลของกระแสพลังธรรมชาติ ผูกพันกับทิศทางก่อเกิดปฏิกิริยามหามงคลหรืออวมงคลตามอิทธิพลของดาวจร โดยคำนวน ตามหลักศาสตร์คัมภีร์ดาวเหินม่วงขาว เดินดาวผสานระหว่างดาวผสมปีจรและเดือนจร ตั้งแต่วันเสาร์ที่ 5 เดือนมิถุนายน ถึง วันอังคารที่ 6 เดือนกรกฎาคม ด้วยอิทธิพลของกระแสพลัง ดาวจรคู่ผสมระหว่างดาว 9 ม่วง ธาตุไฟ ก่อเกิดกระแสพลังดาววิบัติ 5 เหลือง ธาตุดิน ให้มีกำลัง สถิตที่ทิศตะวันออกเฉียงใต้ ส่งผลให้เกิดเหตุเลวร้ายที่ไม่คาดคิด โศกนาฏกรรมที่ไม่คาดฝัน เฉกเช่น ภัยจากระเบิดเพลิงไหม้ที่โรงงาน “หมิงตี้ เคมีคอล” ที่ตั้งอยู่ทางทิศตะวันออกเฉียงใต้ ของกรุงเทพ

ความสูญเสียจากเหตุการณ์ระเบิดเพลิงไหม้ดังกล่าว ย่อมมีผู้สูญเสียและผู้ได้รับบาดเจ็บ ต่างล้วนเป็นเหยื่อจากกระแสวิบากพลังจักรวาล ที่เป็นกฎแห่งความเป็นจริงอันสูงสุดของธรรมชาติว่า “เมื่อสิ่งนี้มี สิ่งนี้จึงเกิด” สอดคล้องกันระหว่างศาสตร์ฮวงจุ้ยและหลักคำสอนของพระพุทธองค์ท่าน


โปรเด็ด! ถึง 15 ก.ค. นี้ Ford Ranger, MG ZS, Mazda 2 และ Nissan อัลเมร่า ทักไลน์ @THESHOPSTIMES

คลิก????https://lin.ee/vfTXud9

เพจเฟซบุ๊ก​ 'ความเห็นของผม'​ ได้โพสต์เรื่องราวของอีกบุคคลที่ปิดทองหลังพระ​มาตลอด​ 3​ เดือน...'ครูลิลลี่'​ พร้อมยกเป็นแบบอย่างที่ดี

จากเพจเฟซบุ๊ก​ 'ความเห็นของผม'​ ได้โพสต์เรื่องราวของอีกบุคคลที่ปิดทองหลังพระ​มาตลอด​ 3​ เดือน...

'ครูลิลลี่'​

โดยเธอไม่สนกระแสดราม่าใด ๆ​ แต่ทำด้วยความเป็นผู้ให้​ สมความเป็นครูอย่างแท้จริงว่า...

โพสต์นี้ขอพูดถึงครูภาษาไทยคนหนึ่งเสียหน่อย

ครูสอนภาษาไทยคนนี้ ไม่มีเรื่องดราม่าใด ๆ ใครจะว่าอย่างไรไม่เคยตอบโต้ ทำหน้าที่ของตัวเองไปอย่างเดียวเท่านั้น ทำเงียบ ๆ แค่โพสต์ในพื้นที่โซเชียลของตัวเองเท่านั้น ครูคนนี้ก็คือ “ครูลิลลี่” นั่นเองงง

หากใครยังไม่ทราบ ครูลิลลี่ทำอาหารแจกให้กับบุคคลากรทางการแพทย์มานานกว่า 3 เดือนแล้วครับ แกจะโพสต์การทำอาหารของแกทุกวัน ทั้งของคาว และของหวาน ของหวานส่วนมาก อย่าเรียกว่าส่วนมาก เรียกว่าทั้งหมดทุกวันเลยดีกว่า จะเป็นขนมไทยครับ บอกเลยว่าน่ากินมากกกกกก

โดยในทุก ๆ วัน ก็จะมีคนมาสมทบทุนเพื่อซื้อวัตถุดิบมาประกอบอาหาร บริจาคเงินมั่ง หรือ รับเป็นเจ้าภาพในวันนั้น ๆ บ้าง ครูลิลลี่กับทีมงาน บางวันก็จะมีเพื่อน ๆ นิเทศศาสตร์ จากจุฬาฯ รุ่น 24 มาช่วยทำอาหารด้วย (เห็นมั้ย ผมดูคลิปครูลิลลี่ทำอาหารทุกวันจนจำได้แล้วว่าครูลิลลี่จบนิเทศฯ จุฬาฯ รุ่น 24 ????????????????)

และในคลิปของครูลิลลี่บางคลิปก็จะสอนภาษาไทยควบคู่ไปด้วย เช่น แฟนเพจผม รู้หรือไม่ว่า “ปิ้ง” กับ “ย่าง” ต่างกันยังไง..?

ปิ้ง คือเอาเนื้อสัตว์ชิ้นเล็ก ๆ เสียบไม้ วางบนไฟอ่อน ๆ ใช้เวลาเผาไฟไม่นาน

ย่าง คือเอาเนื้อสัตว์ชิ้นใหญ่ วางบนไฟแรง ใช้เวลาเผานาน

หรือเวลาเราเห็นข้าวเหนียวที่ห่อด้วยใบตอง แล้วมีไม้ไผ่เส้นบาง ๆ มัดใบตองอยู่ ไม้ไผ่เส้นบาง ๆ นั้นเขาเรียกว่า “ไม้ตอก” เป็นที่มาของสำนวนว่า “สิ้นไร้ไม้ตอก” คือคนโบราณเขาเปรียบเปรยว่า ยากจนมาก แม้กระทั่งไม้ตอกจะมัดของก็ยังไม่มีเลย

นี่แหละครับ คลิปทำอาหารที่มาพร้อมความรู้ ผมก็เพิ่งรู้เรื่องคำภาษาไทย สำนวนไทย ในหลาย ๆ เรื่อง ก็จากคลิปที่ครูลิลลี่ทำอาหารนี่แหละ

นี่แหละครับ “ปิดทองหลังพระ” ของจริง ใครจะดราม่า ใครจะด่าคนนั้น จะตำหนิคนนี้ ใครจะ call out แกไม่รู้ ไม่สน ฉันจะทำอาหารเพื่อช่วยเหลือบุคคลากรทางการแพทย์ แล้วแกทำทุกวัน ทุกวันจริง ๆ ตื่นตีสามตีสี่ มาเตรียมของนั่งทำ แล้วครูก็มีความสุข ผมก็ดูคลิปสนุก บางครั้งบอกเคล็ดลับการทำอาหารอีกต่างหาก

นี่แหละครับ คุณครูตัวอย่าง เป็น “ครูผู้ให้” อย่างแท้จริง ครูแบบนี้สิน่านับถือเคารพยกย่อง

แต่ครูลิลลี่เลือกที่จะทำประโยชน์ให้กับผู้อื่นบนพื้นที่เล็ก ๆ ของตัวเอง ปิดทองหลังพระไปเงียบ ๆ

แต่วันนี้อาจจะไม่เงียบแล้วนะครับครู ผมขอนำเรื่องของครูออกมาให้คนได้เห็นหน่อย ว่า “ครู” ที่เป็นแบบอย่างที่ดี ให้ลูกศิษย์ได้ทำตาม นั้นจะต้องเป็นแบบไหน คนแบบไหนที่เราจะเรียกเขาว่า “ครู” ได้เต็มปาก

ใครจะนับถือคุณครูแบบไหน ก็แล้วแต่วิจารณญาณของแต่ละคน แต่ผมนับถือคุณครูแบบครูลิลลี่ครับ

ทั้งหมดทั้งมวลคือ “ความเห็นของผม” นะครับ

 

ที่มา : https://www.facebook.com/278356012859325/posts/772111503483771/


โปรเด็ด! ถึง 31 ก.ค. นี้ Ford Ranger, MG ZS, Mazda 2 และ Nissan อัลเมร่า ทักไลน์ @THESHOPSTIMES

คลิก????https://lin.ee/vfTXud9

กมธ.การสื่อสารมวลชนฯ จี้ประยุทธ์-ผบ.ตร รับผิดชอบกรณี ใช้กระสุนยางต่อ 'ผู้ชุมนุม-สื่อมวลชน' ซัดเเรง!! ทำเพื่อรับใช้นายใช่หรือไม่? ชี้ชัด!! ละเมิดสิทธิมนุษยชนตามหลักสากล

ณัฐชา บุญอินไชยสวัสดิ์ ประธานคณะกรรมาธิการการพัฒนาการเมือง การสื่อสารมวลชน สภาผู้แทนราษฎร กล่าวแสดงความห่วงใยต่อสถานการณ์กรณีกลุ่มเยาวชนปลดแอก ประกาศชุมนุมขับไล่ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ในวันอาทิตย์ที่ 18 ก.ค. เวลา 14.00 น. ที่อนุสาวรีย์ประชาธิปไตย ก่อนเคลื่อนขบวนไปยังทำเนียบรัฐบาล โดยการชุมนุมดังกล่าว ชุมนุม เพื่อยืนยัน 3 เรียกร้อง ได้แก่

1.) พล.อ.ประยุทธ์ต้องลาออกโดยไม่มีเงื่อนไข

2.) ปรับลดงบสถาบัน-กองทัพ สู้โควิด

3.) เปลี่ยนวัคซีนหลัก เป็นชนิด mRNA

โดยในขณะที่ผู้ชุมนุมของกลุ่มผู้ชุมนุมกำลังเคลื่อนขบวนเข้าสู่ทำเนียบรัฐบาล ระหว่างเส้นทางเจ้าหน้าที่ตรึงกำลังเข้าควบคุมฝูงชน ของเจ้าหน้าที่ตำรวจและเจ้าหน้าที่ควบคุมฝูงชน (คฝ.) จำนวนมากยืนขวาง โดยมีรถจีโน่ 2 คันตรึงกำลังอยู่ มีการวางแนวรั้วเหล็กและลวดหนามหีบเพลง ซึ่งกลุ่มการ์ดผ้าพันคอสีเขียวพยายามเจรจาเพื่อขอผ่านไปเส้นถนนราชดำเนิน

จากนั้นเจ้าหน้าที่ประกาศเตือนผู้ชุมนุม และเริ่มมีการฉีดน้ำ เพื่อต้องการให้ผู้ชุมนุมหรือทีมการ์ดถอยห่างออกจากสิ่งกีดขวาง ที่เจ้าหน้าที่อ้างว่าต้องการรักษาความปลอดภัยของทรัพย์สินราชการ โดยแกนนำได้ประกาศให้ประชาชนปรบมือให้กำลังใจการ์ดวีโว่ที่อยู่ด้านหน้า เเละได้มีการเเจ้งว่า มีผู้บาดเจ็บจากการโดนยิง โดยใช้กระสุนยาง ซึ่งทราบภายหลังว่าคือ สื่อมวลชนที่เข้าปฏิบัติหน้าที่ในการชุมนุม

จากกรณีที่เกิดขึ้นนั้น ผมเองต้องขอสะท้อนว่า การบริหารราชการของรัฐบาลพลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา มันล้มเหลว มันถึงจุดจบเเล้ว เเละที่สำคัญ มันสะท้อนให้เห็นว่า ท่านนำพาประเทศชาติมาถึงจุดนี้ได้อย่างไร เราต้องสูญเสียบุคลากรทางการเเพทย์ ที่เปรียบเสมือนนักรบด่านหน้า ในการเผชิญต่อโรคระบาด ที่พวกเขาทำหน้าที่ด้วยจิตสาธารณะอย่างเต็มที่ เเต่กลับกัน นักรบตัวจริง กลับใช้อาวุธทำร้ายพี่น้องประชาชน เพียงเพราะเขาเห็นต่างกับสิ่งที่ท่านคิด ที่ท่านพยายามยัดเยียดให้ประชาชน เเต่ผลมันออกมาเเล้วว่า รัฐบาลของท่านไร้ประสิทธิภาพในการบริหารจัดการทั้งระบบ ทั้งด้านสาธารณสุข เเละคุณภาพชีวิตของประชาชน

“พวกเขาออกมาร้องขอ ให้รัฐบาลนำวัคซีนที่มีประสิทธิภาพ ให้กับประชาชนเเละบุคลากรทางการเเพทย์ เเละอาสาสมัครสาธารณสุข ท่านไม่ให้เขา หาให้เขาไม่ได้ไม่เป็นไร เเต่ท่านกลับใช้กระสุนยิงใส่ประชาชน ที่สำคัญเป็นสื่อมวลชน ผู้เป็นกระบอกเสียงให้กับประชาชน การกระทำเช่นนี้ ท่านจะให้คำตอบว่าอย่างไร ท่านต้องการปิดปากประชาชน ท่านกำลังเป็นฆาตกรอย่างเลือดเย็น ที่มองการตายของประชาชนเป็นเรื่องปกติใช่หรือไม่"

ทั้งนี้ ณัฐชา กล่าวถึงกรณีที่เจ้าหน้าที่ตำรวจใช้กระสุนยางยิงต่อกลุ่มผู้ชุมนุม โดยไม่ได้มีการประกาศบอกกล่าวก่อนเหมือนทุกครั้ง กรณีเช่นนี้ ผมขอตั้งคำถามไปยังพลตำรวจเอกสุวัจน์ เเจ้งยอดสุข ผู้บัญชาการตำรวจเเห่งชาติ ว่าท่านปล่อยให้ผู้ใต้บังคับบัญชาของท่านกระทำการป่าเถื่อนเช่นนี้ได้อย่างไร การกระทำเช่นนี้ เป็นการกระทำที่ละเมิดสิทธิมนุษยชนตามหลักสากล กรณีนี้ลูกน้องท่าน ทำเพื่อเอาใจผู้บังคับบัญชาใช่หรือไม่ ท่านต้องให้คำตอบต่อพี่น้องประชาชน ว่าสิ่งที่พวกท่านกำลังทำอยู่ นี่หรือ คือ ผู้พิทักษ์สันติราษฎร์ ตามคติของตำรวจไทย กรณีที่เกิดขึ้นหากสถานการณ์การเเพร่ระบาดโควิดดีขึ้น เเละรัฐสภาสามารปฏิบัติงานได้ปกติ ผมขอเชิญท่านเเละผู้เกี่ยวข้อง เข้ามาชี้เเจงต่อคณะกรรมาธิการ เพื่อตอบข้อเท็จจริงต่อประชาชนอย่างเร่งด่วน


โปรเด็ด! ถึง 31 ก.ค. นี้ Ford Ranger, MG ZS, Mazda 2 และ Nissan อัลเมร่า ทักไลน์ @THESHOPSTIMES 
คลิก????https://lin.ee/vfTXud9

สวทช. เตรียมทดสอบวัคซีนแบบหยอดจมูกกับอาสาสมัครคนไทย แย้ม วัคซีนกันสายพันธุ์เดลตาก็สร้างรอไว้แล้ว

4 ส.ค. 64 ดร.อนันต์ จงแก้ววัฒนา ผู้อำนวยการกลุ่มวิจัยนวัตกรรมสุขภาพสัตว์และการจัดการ ศูนย์พันธุวิศวกรรมและเทคโนโลยีชีวภาพแห่งชาติ (ไบโอเทค) และนักไวรัสวิทยา สำนักงานพัฒนาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งชาติ (สวทช.) ได้โพสต์เฟซบุ๊ก Anan Jongkaewwattana ระบุว่า...

วันนี้ Paper วัคซีนได้ตีพิมพ์ออกมาซะทีครับ หลังจากรอมานาน น้องนักศึกษาเขียนเล่ามาซะยาว เลยถือโอกาสแชร์ต่อนะครับ ไม่อยากเล่าซ้ำครับ

ทีม สวทช. เป็นทีมที่ถนัดเรื่อง Viral vector ครับ เราเลยรับอาสาพัฒนา Viral Vector ใหม่ ๆ มาเป็นวัคซีน ตัวนี้คือตัวแรก คือ นำ Influenza virus มาผสมกับสไปค์ของโควิด เป็นวัคซีนชนิดแบบหยอดจมูก ครับผม ถ้าไม่มีอะไรผิดพลาด…เราจะร่วมมือกับองค์การเภสัชกรรมนำวัคซีนตัวนี้ออกมาทดสอบในอาสาสมัครคนไทยครับ (วัคซีนสายพันธุ์เดลตาก็สร้างไว้รอแล้วนะครับ)”


ที่มา: https://www.facebook.com/story.php?story_fbid=4646682162038336&id=100000897943637

https://www.facebook.com/story.php?story_fbid=4825072830840144&id=100000124236509


Q : ประกันอะไร? ได้ตั้ง 4 ต่อ!!

A : ก็ประกันภัยรถยนต์จาก @THESHOPTIMES ไง!!

>> ฟรี!!! ประกันภัยอุบัติเหตุส่วนบุคคล (PA) 100,000 บาท

>> รับคอมมิชชั่นหรือส่วนลดทันที ในอัตราที่สูงกว่า แถมได้สิทธิซื้อประกัน พ.ร.บ.ราคาถูกตลอดชีพ

>> สามารถผ่อนได้สูงสุด 6 งวด ดอกเบี้ย 0% โดยไม่ต้องใช้บัตรเครดิต

>> แถมขายดีมีรายได้เพิ่มให้กับตัวเองด้วย

***สนใจติดต่อ Line@ THE SHOPS TIMES คลิก????https://lin.ee/vfTXud9

เสียงสะท้อนถึงภาครัฐ 'ถูกจุด - ล้มเหลว' หลังขึ้นภาษีไม่ช่วยคนไทยจากภัยบุหรี่

กลายเป็นข้อถกเถียงใหญ่ในสังคม ภายหลังนายอาคม เติมพิทยาไพสิฐ รมว. คลัง ออกมาประกาศขึ้นภาษีบุหรี่ โดยมีเป้าหมายในการดูแลสุขภาพประชาชน หวังลดการบริโภคบุหรี่ลงได้ 2-3% ขณะที่ นายชัยวุฒิ ธนาคมานุสรณ์ รมว. ดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม (ดีอีเอส) เลือกออกมาหนุนให้ปลดล็อกผลิตภัณฑ์ทางเลือก เช่น ไอคอส (IQOS)

เพราะประเด็นนี้ได้จุดชนวนให้เกิดการถกเถียงกันในสังคม ที่มีทั้งเสียงสนับสนุนและการคัดค้านจากหลายฝ่าย... 

เริ่มตั้งแต่ ส.ส. คนดังอย่าง นายแพทย์เอกภพ เพียรพิเศษ หรือ หมอเอก ส.ส. พรรคก้าวไกล จังหวัดเชียงราย ที่โพสต์ให้ความเห็นผ่านเฟซบุ๊กส่วนตัวว่า "การขึ้นภาษีอย่างเดียวอาจไม่ใช่คำตอบของการควบคุมบุหรี่"  

ส่วน นายเท่าพิภพ ลิ้มจิตรกร หรือ ส.ส.เท่า สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร พรรคก้าวไกล ซึ่งโพสต์แคปชัน “ความพยายามอันสิ้นหวังรีดภาษีบุหรี่” วอนรัฐหยุดใช้ข้ออ้างสุขภาพมาหารายได้จากการเก็บภาษีแต่แก้ปัญหาไม่ตรงจุด 

นายวรภพ วิริยะโรจน์ อีกหนึ่ง ส.ส. พรรคก้าวไกล ก็เสนอทบทวนการแบนบุหรี่ไฟฟ้า พร้อมท้าให้มาดูที่รัฐสภาและทำเนียบที่มีการใช้บุหรี่ไฟฟ้าจำนวนมาก 

ทางด้าน แอดมิน เพจดัง Drama-Addict ก็ได้โพสต์แสดงความเห็นขยี้ประเด็น รัฐปรับเพดานภาษี คนสูบบุหรี่เท่าเดิม ชี้คนเดือดร้อนตัวจริงคือประชาชนและเกษตรกร  

ขณะที่ นพ. หทัย ชิตานนท์ ประธานสถาบันส่งเสริมสุขภาพไทย มูลนิธิสาธารณสุขแห่งชาติ ได้ออกมาย้ำถึงความกังวลเรื่องความอันตรายของผลิตภัณฑ์ทางเลือก จน รมว.ดิจิทัล ต้องออกมาชี้แจงเพิ่มเติม โดยแนะให้ปรับมุมมองใหม่ต่อบุหรี่ไฟฟ้า ยกกรณี อย.สหรัฐฯ อนุญาตให้ผู้ขายได้สื่อสารกับผู้บริโภคในการใช้บุหรี่ไฟฟ้าแบบลดความเสี่ยงได้แล้ว

>> นาทีนี้ การขึ้นภาษีอย่างเดียวอาจไม่ใช่คำตอบ... 

นายแพทย์เอกภพ เพียรพิเศษ หรือ หมอเอก สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร พรรคก้าวไกล เขต 1 เชียงราย ได้โพสต์แสดงความเห็นผ่านหน้าเฟซบุ๊กเพจ ชี้ว่า "การขึ้นภาษีอย่างเดียวอาจไม่ใช่คำตอบของการควบคุมบุหรี่ และบางทีมุขเดิมๆ วิธีเดิมๆ ที่ใช้ในการควบคุมบุหรี่อาจไม่ได้ผล"   

ในโพสต์ดังกล่าว นายแพทย์เอกภพ แสดงข้อมูลจากกระทรวงสาธารณสุข อ้างอิงการขึ้นภาษีส่งผลให้ยอดขายบุหรี่ของโรงงานยาสูบลดลง แต่จำนวนผู้สูบบุหรี่กลับลดลงเพียงเล็กน้อย แค่ 2% (อัตราการสูบบุหรี่ของประชากรไทย ในช่วงปี 2560-2564)

ตรงนี้ สะท้อน ความล้มเหลวของภาครัฐ ในการบริหารจัดการควบคุมผลิตภัณฑ์ยาสูบ และอยากให้เปลี่ยนมุม โดยเสนอมุมมองใหม่ เช่น การปลดล็อกบุหรี่ไฟฟ้า ให้เป็นสินค้าถูกกฎหมาย 

“ผลจากการขึ้นภาษีเมื่อปี 2560 ทำให้ยอดขายบุหรี่ลดลง วัดจากตัวเลขกำไรของโรงงานยาสูบ ที่ลดลง โดยโรงงานยาสูบที่เคยมีกำไรสุทธิถึง 9,343 ล้านบาทในปี 2560 เหลือกำไรเพียง 513 ล้านบาทในปี 2562 ถึงกระนั้นถ้ากำไรลดลง เพราะยอดขายที่ลดลง จากคนสูบบุหรี่ที่ลดลงก็คงไม่ว่ากัน แต่ในความเป็นจริงอัตราคนสูบบุหรี่แทบไม่ขยับลดลงเลยในช่วงสิบกว่าปีที่ผ่านมา โดยตัวเลขอัตราการสูบบุหรี่เทียบจากปี 60 มาถึง 64 ดูเหมือนจะลดไปประมาณ 2% และตัวเลขนี้เป็นตัวเลขเฉพาะผู้สูบบุหรี่ ไม่ได้นับผู้สูบบุหรี่ไฟฟ้าเข้ามาด้วย” นายแพทย์เอกภพ ระบุในเพจ www.facebook.com/DoctorEkkapob

>> ความพยายามอันสิ้นหวังในการรีดภาษีบุหรี่

ด้านนายเท่าพิภพ ลิ้มจิตรกร หรือ ส.ส.เท่า สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรพรรคก้าวไกล ได้ตั้งข้อสังเกตผ่านเฟซบุ๊กเพจ www.facebook.com/Taopiphop ไว้ว่า การขึ้นภาษีบุหรี่เป็นเพียงการใช้ข้ออ้างสุขภาพ รัฐหารายได้จากประชาชนเท่านั้น เป็น “ความพยายามอันสิ้นหวังรีดภาษีบุหรี่” แต่ไม่ได้ช่วยแก้ปัญหาจริง เพราะนอกจากจะเปิดช่องให้บุหรี่แบรนด์จากต่างประเทศนำบุหรี่ราคาต่ำมาขาย ยังกระทบต่อเกษตรกรยาสูบไทยรายได้ลดลงจากยอดขายยาสูบลดลงเป็นผลพวงจากการผูกขาดของรัฐในการผลิตยาสูบในประเทศ และมีการลักลอบขายบุหรี่เถื่อนรายได้ภาษีที่รัฐคาดหวังจะเก็บได้ก็ไม่ได้ แต่เปิดทางให้เกิดการทุจริตคอร์รัปชัน ส่วนสุขภาพประชาชนโดยรวมก็ไม่ดีขึ้น

“ข้ออ้างเรื่องสุขภาพของประชาชน เป็นแนวคิดเก่าโบราณของรัฐที่พยายามบอกกับประชาชนว่าควรจะทำหรือไม่ทำอะไร แบบพ่อปกครองลูก (Nanny State) จากสถิติพบว่าการเพิ่มราคาบุหรี่แม้จะมีผลในการลดจำนวนผู้สูบลดลงด้วยปัจจัยราคา แต่ก็ยังมีการลักลอบนำเข้าบุหรี่เถื่อน แสดงว่าก็คงไม่ได้ผลอย่างที่คาดไว้” นายเท่าพิภพ หรือ ส.ส.เท่า พรรคก้าวไกล ระบุ พร้อมทั้งให้ข้อเสนอทางออกให้กับประเทศด้วยการสนับสนุนการใช้บุหรี่ไฟฟ้าในนโยบายควบคุมยาสูบ แบบ ลดสารอันตราย (Harm Reduction) เพื่อการแก้ปัญหาแบบรอบด้าน ทั้งเศรษฐกิจ สังคมและด้านสุขภาพ โดยเน้นผลประโยชน์ต่อประชาชนว่า  

“หลายประเทศที่พัฒนาแล้วพยายามแก้ไขปัญหาการสูบบุหรี่ที่ส่งผลกระทบต่อสุขภาพไปในอีกทิศทางหนึ่งที่ต่างกัน ด้วยวิธีการลดอันตรายที่เกิดจากสิ่งนั้นๆ (Harm Reduction) เช่น นิวซีแลนด์ ได้ผ่านกฎหมายเกี่ยวกับบุหรี่ไฟฟ้า ซึ่งผลวิจัยจากหลายสถาบันก็บ่งบอกว่าปลอดภัยกว่าการสูบบุหรี่แบบธรรมดา เพราะไม่มีการเผาไหม้และไม่เกิดน้ำมันอันเป็นสาเหตุที่ก่อให้เกิดมะเร็ง ในบางประเทศอย่างอังกฤษ หากต้องการเลิกสูบบุหรี่ คุณหมอในโรงพยาบาลก็สามารถสั่งบุหรี่ไฟฟ้าให้กับผู้ที่อยากเลิกบุหรี่ได้ ซึ่งในปัจจุบันประเทศไทยก็มีผู้นิยมสูบบุหรี่ไฟฟ้าเป็นจำนวนมาก แต่ก็ยังผิดกฎหมาย ซึ่งอาจขัดแย้งกันในเรื่องของผลประโยชน์ก็เป็นได้” 

ส่วนแอดมิน เพจดัง Drama-Addict ก็ไม่พลาดที่จะร่วมแสดงความคิดเห็นในประเด็นนี้ โดยได้บอกว่า แม้รัฐปรับเพดานภาษีกี่ครั้ง แต่จำนวนคนสูบบุหรี่ไม่ลดลง ทางออกที่ดีน่าจะเป็นของการปรับตัวนำบุหรี่ไฟฟ้า หรือ Vape และ IQOS มาใช้ร่วมแก้ปัญหา

ข้อความโพสต์โดยแอดมิน เพจ  Drama-Addict  เมื่อวันที่ 1 ต.ค.ที่ผ่านมา ตอนหนึ่งระบุว่า “ถ้าเพื่อให้คนลดบุหรี่ลง และ โรงยาสูบกับเกษตรกรไม่เจ๊ง คิดว่า น่าจะให้ทางโรงงานยาสูบเริ่มพัฒนาพวก Vape / IQOS มาแทนที่บุหรี่แบบเดิมๆ ซึ่งอันนี้ก็จะแบ่งส่วนแบ่งทางการตลาดจากคนที่หันไปหาของนำเข้าหรือไปใช้พวก IQOS / Vape ที่นำเข้าจาก ตปท. ได้บ้าง จะได้มีเวลาให้เกษตรกรที่ปลูกยาสูบปรับตัวลดการปลูกยาสูบไปปลูกอย่างอื่น เช่น กัญชง/กัญชา อะไรก็ว่ากันไป แล้วดูแลควบคุมพวกนี้ให้เข้มงวด ไม่ให้เด็กรุ่นใหม่หันไปลองใช้พวกนี้ แล้วให้พวกรุ่นเก่าๆ ที่ยังสูบบุหรี่ ปรับตัวมาใช้พวกนี้แทนแล้วค่อยๆ พาไปเลิกบุหรี่ให้หมด น่าจะเป็นทางออกที่ดีกว่านะ”


TRENDING
© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top