Thursday, 2 May 2024
Omicron

'หมอยง' เผย!! 'โอมิครอน' ติดต่อง่าย ต้องเคร่ง ‘วินัย-ฉีดเข็ม 3’ ให้มากที่สุด

ศ.นพ.ยง ภู่วรวรรณ หัวหน้าศูนย์เชี่ยวชาญเฉพาะทางด้านไวรัสวิทยาคลินิก ภาควิชากุมารเวชศาสตร์ คณะแพทยศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊กว่า... 

โควิด-19 โอมิครอน สายพันธุ์ที่ติดต่อง่ายแพร่กระจายอย่างรวดเร็ว

จากข้อมูลที่ผ่านมาแสดงให้เห็นชัดเจนแล้วว่า โควิด-19 สายพันธุ์โอมิครอน มีการระบาด และติดต่อกันง่ายกว่าทุกสายพันธุ์ในอดีต ไม่ว่าจะเป็นสายพันธุ์เดลตาที่แพร่กระจายได้ง่าย และพบเป็นสายพันธุ์หลัก 

ในช่วงระยะเวลาที่ผ่านมา โอมิครอน แพร่กระจายได้เร็วกว่าสายพันธุ์เดลตา เห็นได้จากการกระจายไปทั่วโลกอย่างรวดเร็ว และคงจะเข้ามาแทนที่ สายพันธุ์เดลตาในที่สุด

ล็อกดาวน์อาคารในเขต​ 'เหย่าหม่าเต๋'​ หลังพบนักบินขนส่งสินค้าติด​ Omicron

เฟซบุ๊ก​ Thai​ HK ได้โพสต์ข้อความ​ ระบุว่า... 

ด่วน!! ล็อกดาวน์อาคารย่านเหย่าหม่าเต๋

ปิดล็อกดาวน์อาคาร Cheung Hing Building, Pitt Street, ในเขตเหย่าหม่าเต๋​ เพื่อทำการตรวจทดสอบผู้อยู่อาศัยในอาคารดังกล่าวให้เสร็จสิ้นก่อน 7:00 น.​ ของเช้าวันศุกร์

หลังพบว่าผลตรวจของนักบินเที่ยวบินขนส่งสินค้าของคาเธ่ย์ มีการติดเชื้อของสายพันธุ์โอมิครอน (Omicron)

Omicron ถล่มสหรัฐฯ ยอดติดพุ่งแสนต่อวัน ด้าน Pfizer ฟัน!! เชื้อระบาดยาวยันปี 2024

กลับมายืนที่เดิมอีกครั้งในวิกฤติ Covid-19 ของสหรัฐอเมริกา หลังจากที่พบผู้ติดเชื้อสายพันธุ์ใหม่ Omicron ในประเทศได้ไม่กี่สัปดาห์ การระบาดก็เริ่มพุ่งสูงขึ้นจนฉุดไม่อยู่ ล่าสุดยอดผู้ติดเชื้อรายวันเฉลี่ยตลอดสัปดาห์ที่ผ่านมาก็กลับยืนหลักแสน ที่ตัวเลข 123,000 รายต่อวัน มากขึ้นถึง 40% จากตัวเลขเมื่อต้นเดือนธันวาคมปีนี้ 

สื่อในสหรัฐฯ หลายสำนักเห็นตรงกันว่า นี่คือคลื่นการระบาดระลอกใหม่อีกครั้ง ที่มาปิดท้ายปลายปี 2021 ซึ่งจะครบ 2 ปีที่สหรัฐอเมริกาต้องผจญกับคลื่นการระบาดของเชื้อ Covid-19 มาแล้วหลายระลอก 

แม้สหรัฐฯ จะเป็นประเทศที่สามารถพัฒนาวัคซีนอยู่ในระดับแถวหน้าของโลก แต่วงจรซ้ำแล้วซ้ำเล่า และวนกลับมายืนในจุดวิกฤติเดิมซ้ำซากนี้ กำลังจะทำลายระบบสาธารณสุขให้กลับมาเลวร้ายอีกครั้ง โดยจำนวนผู้ติดเชื้อรายใหม่ที่กลับมาสูงขึ้น ส่งผลให้โรงพยาบาลในสหรัฐฯ มีคนไข้ที่ต้องเข้ารับการรักษาจากโรค Covid-19 เพิ่มขึ้นโดยเฉลี่ยถึง 45% จากเมื่อเดือนที่แล้ว ซึ่งนับว่าน่าเป็นห่วงมาก หากตัวเลขผู้ติดเชื้อยังเพิ่มหลักแสนเช่นนี้ทุกวัน

สำหรับการแพร่ระบาดของ Covid19 ในระลอกใหม่ โดยสายพันธุ์ Omicronนั้น ทำให้ทาง Pfizer บริษัทผู้พัฒนาวัคซีน Covid-19 ชื่อดัง คาดการณ์ว่า Covid-19 อาจอยู่กับชาวโลกไปอีกนานจนถึงปี 2024 และยังบอกข่าวร้ายอีกว่า การทดสอบใช้วัคซีน Pfizer ในกลุ่มเด็กเล็กอายุ 2-4 ปี ด้วยปริมาณที่น้อยกว่าโดสปกติ ได้ผลลัพธ์ยังไม่น่าพอใจเท่าที่ควร และอาจส่งผลถึงการพิจารณาให้ใช้วัคซีนในกลุ่มเด็กเล็กของภาครัฐได้

และยังมีแนวโน้มว่า เชื้อ Omicron มีโอกาสเป็นสายพันธุ์หลักแทน Delta ในไม่ช้า เนื่องจาก Omicron สามารถติดต่อได้ง่าย และเร็วกว่าสายพันธุ์อื่นๆ โดยยกตัวอย่างเคสที่เกิดขึ้นในแอฟริกาใต้ และอังกฤษ ที่ก็เจอปัญหาการระบาดหนักของสายพันธุ์ Omicron

‘ไบเดน’ อัดงบซื้อชุดตรวจเพิ่ม 500 ล้านชุด สกัดเชื้อ Omicron ส่งฟรีถึงบ้าน

โจ ไบเดน ประธานาธิบดีสหรัฐฯ ออกคำสั่งด่วน ให้จัดงบสั่งซื้อชุดตรวจ Covid-19 แบบ Rapid Test เพิ่มอีก 500 ล้านชุด ส่งไปให้ชาวอเมริกันถึงบ้านฟรี เพื่อสกัดการระบาดของเชื้อ Covid-19 สายพันธุ์ Omicron ที่ตอนนี้กลายเป็นสายพันธุ์หลักของการระบาดในสหรัฐอเมริกาเป็นที่เรียบร้อยแล้ว จนตอนนี้ตัวเลขผู้ติดเชื้อรายวันกำลังจะทะยานสู่ 2 แสนรายต่อวัน ที่เป็นสายพันธุ์ Omicron มากถึง 73%

ทางทำเนียบขาวจึงต้องเร่งจัดส่งชุดตรวจ Rapid Test ให้ชาวอเมริกันถึงที่บ้านเพื่อใช้ตรวจเชื้อเบื้องต้นด้วยตัวเอง ลดการแออัดที่จะเดินทางไปต่อคิวที่หน่วยตรวจเชื้อ ที่อาจยิ่งเสี่ยงสัมผัสเชื้อ และเกิดการระเบิดเพิ่มขึ้นไปอีก

โจ ไบเดน มั่นใจว่า รัฐบาลยังเอาอยู่กับการจัดการปัญหาด้านการแพร่ระบาด โดยจะกระจายชุดตรวจเชื้อให้ได้มากที่สุด และจัดส่งกองกำลังจากกองทัพเข้าไปช่วยเสริมแรงตามโรงพยาบาลต่างๆ ด่านหน้าที่ต้องรับมืออย่างหนักกับจำนวนผู้ป่วยติดเชื้อที่กลับมาพุ่งสูงอีกครั้งแล้วในตอนนี้จากการระบาดของ Omicron

ผู้นำสหรัฐฯ กล่าวย้ำอย่างมั่นใจว่า "นี่ไม่ใช่เหตุการณ์เมื่อเดือนมีนาคม 2020 เพราะเราได้เรียนรู้ และเตรียมตัวรับมืออย่างดี" 

ซึ่งช่วงเดือนมีนาคม 2020 ที่โจ ไบเดน อ้างถึงนั้น นับเป็นจุดเริ่มต้นของการระบาด Covid-19 ในสหรัฐอเมริกาเป็นครั้งแรกในสมัยของอดีตประธานาธิบดี โดนัลด์ ทรัมป์ และการแพร่ระบาดเป็นไปอย่างทวีคูณ และเคยทำสถิติผู้ติดเชื้อรายวันสูงสุดถึง 3 แสนรายต่อวันมาแล้ว

"แต่มาวันนี้ เรามีชุดตรวจเชื้อให้ประชาชนฟรี เรามีวัคซีนในคลังพร้อม รวมถึงวัคซีนเข็มกระตุ้น เพียงแต่ขอให้ชาวอเมริกันมาฉีดให้ครบโดส ตามที่หน่วยงานควบคุมโรคแนะนำเท่านั้น และตอนนี้ยังไม่จำเป็นต้องปิดเมือง" ไบเดนกล่าว

แต่คำถามที่หลายคนยังเป็นห่วงคือ ชุดตรวจ 500 ล้านชุด จะพอหรือ?

ดร.อนันต์ ชี้ ซิโนแวค 2 เข็ม บูสด้วยไฟเซอร์ กัน "โอไมครอน" ได้ดี

ดร.อนันต์ จงแก้ววัฒนา เผย ผลวิจัย ชี้ สูตร ซิโนแวค 2 เข็ม บูสเตอร์โดสด้วย 'ไฟเซอร์'​ สามารถป้องกัน 'โอไมครอน' ได้ผลดีมาก

จากเฟซบุ๊ก Anan Jongkaewwattana โดย ดร.อนันต์ จงแก้ววัฒนา นักไวรัสวิทยา ผู้อำนวยการกลุ่มวิจัยนวัตกรรมสุขภาพสัตว์และการจัดการ ศูนย์พันธุวิศวกรรมและเทคโนโลยีชีวภาพแห่งชาติ (ไบโอเทค) สำนักงานพัฒนาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งชาติ (สวทช.) ได้โพสต์ระบุว่า... 

สหราชอาณาจักร​ เผยเคสติด Omicron ร่วม​ 70% 'ไม่หนัก'​ จนต้องนอนรักษาตัวในโรงพยาบาล

รัฐบาลสหราชอาณาจักร เปิดเผยว่า​ ผู้ติดเชื้อไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ตัวกลายพันธุ์ Omicron มีความเสี่ยง 'อาการหนัก'​ ถึงขั้นเข้ารักษาตัวในโรงพยาบาลน้อยกว่าเมื่อเทียบกับตัวกลายพันธุ์เดลตา 

อย่างไรก็ตาม ด้วยการที่​ Omicron​ แพร่กระจายเชื้อได้ง่ายมาก มันอาจทำให้ยังคงมีคนไข้จำนวนมากจำเป็นต้องเข้ารักษาตัวในโรงพยาบาล 

ทั้งนี้ผลการวิเคราะห์ข้อมูลเบื้องต้นโดยสำนักงานความมั่นคงด้านสุขภาพแห่งสหราชอาณาจักร (UKHSA) พบว่า บุคคลหนึ่งๆ ที่ติดเชื้อโอมิครอนมีความเป็นไปได้ที่จะต้องเข้าแผนกฉุกเฉินน้อยลง 31% ถึง 45% เมื่อเทียบกับคนติดเชื้อเดลตา และมีความเป็นไปได้น้อยลง 50% ถึง 70% ที่อาจ​ 'อาการหนัก'​ ถึงขั้นต้องนอนรักษาตัวในโรงพยาบาล

เจนนี แฮร์รี ผู้บริหารสำนักงานความมั่นคงด้านสุขภาพแห่งสหราชอาณาจักรระบุในวันพฤหัสบดี (23 ธ.ค.) ว่า "มันเป็นสัญญาณเบื้องต้นที่สร้างกำลังใจ ส่งสัญญาณว่าคนที่ติดเชื้อตัวกลายพันธุ์ Omicron​ มีความเสี่ยงเข้ารักษาตัวในโรงพยาบาลต่ำกว่าผู้ติดเชื้อตัวกลายพันธุ์อื่นๆ" เธอกล่าว "อย่างไรก็ตาม มันควรถูกเน้นว่านี่เป็นเพียงข้อมูลเบื้องต้นและจำเป็นต้องมีการวิจัยเพิ่มเติมเพื่อยืนยันการค้นพบนี้"

รายงานการวิเคราะห์ถูกเผยแพร่ออกมาในขณะที่สหราชอาณาจักรรายงานพบผู้ติดเชื้อโควิด-19 รายใหม่รายวัน 119,789 ในวันพฤหัสบดี (23 ธ.ค.) ท่ามกลางการแพร่ระบาดไปทั่วประเทศของตัวกลายพันธุ์​ Omicron

ผลการวิเคราะห์ของ UKHSA มีความไม่แน่นอนสูง เพราะว่าปัจจุบันยังมีเคสผู้ติดเชื้อ Omicron​ เพียงกลุ่มเล็กๆ ที่รักษาตัวในโรงพยาบาล รวมถึงไม่มีเครื่องตรวจจับที่มีประสิทธิภาพสำหรับผู้ติดเชื้อก่อนหน้านี้ และจำกัดเฉพาะในกลุ่มคนสูงวัย

อย่างไรก็ตาม ผลการค้นพบเป็นการเพิ่มเติมหลักฐานก่อนหน้านี้เกี่ยวกับความรุนแรงของตัวกลายพันธุ์ใหม่ที่พบครั้งแรกในแอฟริกาใต้และฮ่องกง สอดคล้องกับสัญญาณในแง่บวกต่างๆ ในผลการศึกษาของมหาวิทยาลัยอิมพีเรียลคอลเลจลอนดอนเมื่อวันพุธ (22 ธ.ค.)

การแพร่เชื้อ ความรุนแรงของโรคและตัวกลายพันธุ์ Omicron​ สามารถหลบหลีกภูมิคุ้มกันจากวัคซีนได้หรือไม่ คือ 3 คำถามตัวโตที่บรรดาเจ้าหน้าที่สาธารณสุขและนักไวรัสวิทยากำลังพยายามหาคำตอบ ขณะที่รัฐบาลต่างๆ กำลังประเมินว่าพวกเขาจำเป็นต้องใช้มาตรการอันไม่เป็นที่นิยม ก่อความเสียหายทางเศรษฐกิจ ในความพยายามสกัดการแพร่ระบาดระลอกล่าสุดหรือไม่

สธ. เผยผู้ติด 'โอมิครอน' อาการน้อยถึงไม่มี ส่วน 90% ของเชื้ออยู่หลอดลมมากกว่าลงปอด

ที่กระทรวงสาธารณสุข สธ. นพ.เกียรติภูมิ วงศ์รจิต ปลัดกระทรวงสาธารณสุข แถลงฉากทัศน์การแพร่ระบาดโควิด-19 ในประเทศไทย และอัปเดตสถานการณ์เชื้อโอมิครอน ว่า... 

ประเทศไทยพบผู้ติดเชื้อสายพันธุ์โอมิครอนตั้งแต่วันที่ 26 พ.ย. - 18 ธ.ค. 64 เป็นต้นมา สะสม 514 รายที่เป็นต้นเชื้อ กระจายใน 14 จังหวัด ซึ่งส่วนใหญ่มาจากระบบเข้าประเทศทั้ง 3 ระบบ ได้แก่ ระบบไม่กักตัว (Test and go), ระบบแซนด์บอกซ์ (Sand box) และระบบกักตัว (Quarantine) แล้วเราตรวจจับได้หลังจากนั้นคนเหล่านี้จะกลับไปพื้นที่ต่างๆ ส่วนใหญ่อยู่ในการควบคุม แต่บางส่วนเล็ดลอดออกไป พบเป็นการสัมผัสใกล้ชิดผู้เดินทางจากต่างประเทศประมาณ 20% เช่น ไปเยี่ยมญาติ ก็อาจทำให้เกิดการแพร่ระบาดได้ จึงต้องระมัดระวังให้มาก

นพ.เกียรติภูมิ กล่าวเพิ่มเติมว่า สำหรับอาการโอมิครอน ของผู้ติดเชื้อมีดังนี้... 

>> อาการน้อยจนถึงไม่มีอาการ 90% 
>> มีอาการเล็กน้อย 10% 
>> อาการมาก 3-4% 

ขณะที่ โอมิครอนพบที่หลอดลมมากกว่าลงปอด 

ดังนั้นอาการที่พบได้มากคือ ‘ไอ’ แต่หากลงปอดก็จะมีความรุนแรงเช่นเดียวกับเดลตา 

ส่วนการศึกษาจากผู้ติดเชื้อโอมิครอน 41 รายที่เราทำการรักษาอยู่ พบว่า อาการไอ 54%, เจ็บคอ 37%, ไข้ 29%, ปวดกล้ามเนื้อ 15%, มีน้ำมูก 12%, ปวดศีรษะ 10% หายใจลำบาก 5% และไม่ได้กลิ่น 2%

ทั้งนี้เราพบอาการไม่ได้กลิ่นน้อย พบเพียง 1 ราย โดยเราให้ยาที่มีอยู่คือ ฟาวิพิราเวียร์ จำนวน 5 วันตามมาตรฐาน เราจึงพบว่า หากให้ยาตั้งแต่ต้น อาการจะดีขึ้นภายใน 24-72 ชั่วโมง อาการฟื้นกลับมาเป็นปกติได้

นพ.เกียรติภูมิ กล่าวว่า กระทรวงสาธารณสุขได้มีเสนอฉากทัศน์พยากรณ์ในกรณีที่มีการแพร่ระบาดของโอมิครอนใน 3 รูปแบบ…

‘โอมิครอน’ ไทย พบติดเชื้อพุ่ง 514 คน สธ.เตือนภัย! ระดับ 3 จ่อปิดสถานบริการ - WFH 

‘โอมิครอน’ เริ่มลามไม่หยุด ติดเชื้อพุ่ง 514 คน สธ.สั่ง รพ.ทั่วประเทศ สำรองเตียง-ยา ประเมินสถานการณ์หลังปีใหม่ ถ้าการ์ดตกอาจป่วยวันละ 3-4 หมื่น คลัสเตอร์กาฬสินธุ์กระจายวงกว้าง ติดเชื้อรายวัน 2.4 พันเสียชีวิต 18 ศพ

ไทยติดโควิดรายวัน 2.4 พันราย ตาย 18 ศพ คลัสเตอร์ใหม่โผล่หลายจังหวัด ศบค. ห่วงร้านอาหาร-สถานบันเทิงลอบขายเหล้า โดยเฉพาะเชียงใหม่ ยกระดับคุมเข้มสกัดเชื้อลาม ตรวจเจอสายพันธุ์โอมิครอนในประเทศแล้ว 514 คน เป็นการติดเชื้อแบบก้าวกระโดด คลัสเตอร์กาฬสินธุ์พุ่ง 125 คน รอยืนยันผลอีก 97 คน ลามไปอีกหลายจังหวัด จี้เร่งฉีดเข็ม 3 ให้ครอบคลุมมากที่สุด แต่ไม่ห้ามจัดปีใหม่ ให้พื้นที่เคร่งครัดมาตรการ

ด้าน สธ. เตือนภัยโควิด-19 ระดับ 3 คาดการณ์สถานการณ์หลังปีใหม่ หากไร้มาตรการ-ไร้ความร่วมมือติดเชื้ออาจพุ่งวันละ 3 หมื่น ตาย 170 ถ้าตั้งการ์ดสูง ฉีดวัคซีนครบ อาจแตะหลักหมื่น ตาย 60-70 ราย

เมื่อวันที่ 27 ธันวาคม 2564 ที่ทำเนียบรัฐบาล พญ.อภิสมัย ศรีรังสรรค์ ผู้ช่วยโฆษกศูนย์บริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 หรือศบค. แถลงภาพรวมสถานการณ์ผู้ติดเชื้อ รวมถึงความคืบหน้าการระบาดโควิด-19 สายพันธุ์โอมิครอน

>> ไทยติดโควิด 2,437 ตาย 18 คน
ไทยพบผู้ติดเชื้อรายใหม่ 2,437 คน เป็นการติดเชื้อในประเทศ 2,327 ราย มาจากระบบเฝ้าระวังและระบบบริการ 2,307 ราย มาจากการค้นหาเชิงรุก 20 ราย มาจากเรือนจำ 18 ราย เป็นผู้เดินทางมาจากต่างประเทศ 92 ราย ทำให้มียอดผู้ติดเชื้อสะสมยืนยันตั้งแต่ปี 2563 จำนวน 2,212,407 ราย หายป่วยเพิ่มขึ้น 3,845 ราย ทำให้มียอดหายป่วยสะสมตั้งแต่ปี 2563 จำนวน 2,156,374 ราย อยู่ระหว่างรักษา 34,436 ราย อาการหนัก 752 ราย ใส่ท่อช่วยหายใจ 179 ราย ส่วนผู้เสียชีวิตเพิ่ม 18 ราย เป็นชาย 8 ราย หญิง 10 ราย เป็นผู้เสียชีวิตอายุ 60 ปีขึ้นไป 14 ราย มีโรคเรื้อรัง 3 ราย พบผู้เสียชีวิตมากสุดอยู่ที่จ.เชียงใหม่ 3 ราย ทำให้มียอดผู้เสียชีวิตสะสมตั้งแต่ปี 2563 จำนวน 21,598 ราย

>> ฉีดวัคซีนสะสมกว่า 102 ล้านโดส
ส่วนยอดผู้ได้รับวัคซีนของประเทศไทยเมื่อวันที่ 26 ธันวาคม ฉีดวัคซีนเพิ่ม 120,612 โดส รวมยอดฉีดวัคซีนสะสมตั้งแต่วันที่ 28 กุมภาพันธ์ทั้งสิ้น 102,681,943 โดส ขณะที่สถานการณ์โลก มียอดผู้ติดเชื้อสะสม 280,332,969 ราย เสียชีวิตสะสม 5,416,370 ราย

>> ชลบุรีมาแรง ติดเชื้อแซงขึ้นที่ 2 ของประเทศ 
พญ.อภิสมัย กล่าวต่อว่า สำหรับ 10 จังหวัดที่มีผู้ติดเชื้อสูงสุดวันที่ 27 ธันวาคม ได้แก่ กรุงเทพมหานคร (กทม.) 427 ราย นครศรีธรรมราช 450 ราย ชลบุรี 138 ราย ขอนแก่น 96 ราย สมุทรปราการ 88 ราย เชียงใหม่ 57 ราย ตรัง 56 ราย ฉะเชิงเทรา 54 ราย สงขลา 53 ราย และสุราษฎร์ธานี 52 ราย สำหรับประเทศไทยยังพบคลัสเตอร์ในหลายพื้นที่ ทั้งคลัสเตอร์โรงงาน ตลาด พิธีกรรมทางศาสนา เช่น มีผู้เดินทางจาก จ.ขอนแก่น ไปร่วมงานศพที่ จ.เลย คลัสเตอร์สถานศึกษา โรงเรียน ที่ จ.แม่ฮ่องสอน ศรีสะเกษ นนทบุรี ลำปาง

>> ห่วงร้านแอบขายเหล้า - เชียงใหม่สั่งคุมเข้ม
นอกจากนี้ ยังมีคลัสเตอร์ร้านอาหารและสถานบันเทิง มีหลายพื้นที่ยังพบลักลอบขายเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ โดยเฉพาะที่จ.เชียงใหม่ จึงมีการเข้มงวดกวดขันที่ไม่ใช่การขอความร่วมมือ แต่จะกำหนดบทลงโทษผู้ที่ไม่ปฏิบัติตาม โดยผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงใหม่เน้นย้ำว่า หากสถานประกอบการไม่ปฏิบัติตามมาตรการแล้วเกิดพบการติดเชื้อ จะเสนอให้ปิดล็อกได้บางจุด บางถนน หากบางร้านมีความเข้มงวดแต่ร้านอื่นไม่ทำตาม อาจเกิดผลกระทบเป็นวงกว้าง จึงให้สมาคมผู้ประกอบการเหล่านี้ติดตามเฝ้าระวังกันเอง

>> ‘โอมิครอน’ ก้าวกระโดด ติดพุ่ง 514 คน
พญ.อภิสมัย ยังแถลงความคืบหน้าการรายงานผู้ติดเชื้อสายพันธุ์โอมิครอน จากตัวเลขเมื่อวันศุกร์ที่ 17 ธันวาคมที่ผ่านมาอยู่ที่ 205 ราย ล่าสุดวันนี้ตัวเลขเพิ่มเป็น 514 ราย ถือว่าสัปดาห์นี้ตัวเลขก้าวกระโดด ต้องเน้นย้ำว่าการพบสายพันธุ์โอมิครอนของประเทศยังเป็น 2 ใน 3 คือ ผู้ที่เดินทางเข้าประเทศและมี 1 ใน 3 ที่เป็นการสัมผัสติดเชื้อจากผู้เดินทางเข้ามาในประเทศ

>> คลัสเตอร์กาฬสินธุ์ ลามไม่หยุด!! 
สำหรับคลัสเตอร์ที่มีรายงานจากกรมควบคุมโรค กลุ่มใหญ่จะเป็นคลัสเตอร์กาฬสินธุ์ สามี-ภรรยา เดินทางจากเบลเยียมถึงไทยเมื่อวันที่ 10 ธันวาคม และจากประวัติไปรับประทานอาหารในผับ ตลาดโรงสี เขตเทศบาลเมือง จ.กาฬสินธุ์ นอกจากผู้ติดเชื้อ 2 รายแรกที่เป็นสามี-ภรรยาแล้ว ยังพบนักดนตรี พนักงานร้าน และพนักงานเสิร์ฟ ลูกค้าผู้ใช้บริการร้านเดียวกันอีก 21 ราย และจากการตรวจสอบผู้สัมผัสเสี่ยงสูง มีการติดเชื้อผลยืนยันผลเป็นสายพันธุ์โอมิครอนสำหรับคลัสเตอร์กาฬสินธุ์ ขณะนี้เพิ่มเป็น 125 ราย ส่วนอีก 97 ราย รอผลยืนยันว่าเป็นสายพันธุ์โอมิครอนหรือไม่ ขณะเดียวกัน คลัสเตอร์กาฬสินธุ์ยังเกี่ยวโยงการติดเชื้อที่ จ.อุดรธานี เพราะจากรายแรกที่เป็นครอบครัวของคลัสเตอร์กาฬสินธุ์ที่มีบ้านอยู่ จ.อุดรธานี และตอนนี้ผู้ติดเชื้อ 1 รายของจ.อุดรธานี ทำให้เกิดติดเชื้อไปยังผู้สัมผัสใกล้ชิดของเคสแรก โดยมีรายงานผู้ติดเชื้อ 6 ราย และจ.ลำพูน อีก 4 ราย เป็นการสัมผัสเคสยืนยันจากคลัสเตอร์กาฬสินธุ์

>> คลัสเตอร์แสวงบุญกระจายหลายจังหวัด
นอกจากนี้ ยังมีคลัสเตอร์ของจ.ปัตตานี รายงานผู้ติดเชื้อ 7 ราย สัมผัสผู้ติดเชื้อที่กลับจากการแสวงบุญที่ประเทศแถบตะวันออกกลาง โดยคลัสเตอร์กลุ่มผู้แสวงบุญ มีรายงานที่จ.นนทบุรี จ.อยุธยา จ.ปทุมธานี และกทม. โดยทั้งหมดอยู่ระหว่างรอยืนยันสายพันธุ์ว่าเป็นโอมิครอนหรือไม่ แต่ที่ยืนยันแน่นอนคือ ที่กทม. 2 ราย ซึ่งเป็นผู้ติดเชื้อที่ติดจากสามีที่เป็นนักบินชาวไนจีเรีย จ.ภูเก็ต และจ.กระบี่ 2 ราย มีประวัติเป็นแม่บ้านทำงานในโรงแรมที่ผู้ติดเชื้อพักอาศัย ส่วนคลัสเตอร์กาฬสินธุ์ จะรายงานไปที่จ.ขอนแก่นและจ.มหาสารคาม และอีกคลัสเตอร์คือผู้ติดเชื้อที่รายงานจากจ.สุรินทร์ เป็นผู้สัมผัสที่ผู้ติดเชื้อรายแรกเดินทางมาจากเดนมาร์ก

>> ไอ - เจ็บคอ - มีไข้ สังเกตอาการยาก
พญ.อภิสมัย กล่าวต่อว่า จากข้อมูลเบื้องต้นอาการผู้ติดเชื้อสายพันธุ์โอมิครอน 41 ราย พบว่ามีอาการไอมากที่สุดถึงร้อยละ 54 ราย รองลงมาคือ เจ็บคอ และเป็นไข้ ส่วนอาการที่พบน้อยที่สุดคือ การรับรู้กลิ่นน้อยลงมีเพียง 1 ราย โดยโอมิครอนเป็นการติดเชื้อทางเดินหายใจในส่วนบน ไม่ลงปอด จึงยากที่จะสังเกตอาการคนใกล้ชิด สาธารณสุขจึงแนะนำให้สวมหน้ากากอนามัยสองชั้นเพื่อป้องกัน

>> ตีปี๊บบูสเตอร์เข็ม 3 ด่วน
อย่างไรก็ตาม จากสถานการณ์โอมิครอนในประเทศไทยทำให้ทั้งไทยและหลายประเทศมีมาตรการตอบโต้ โดยแนะนำให้ประชาชนฉีดบูสเตอร์เข็มสาม เป็นอาวุธที่มีประสิทธิภาพและหลายประเทศเห็นพ้องแนวทางนี้ ในส่วนไทยนั้นอัตราการบูสเตอร์เข็มสามยังน้อยมาก มีผู้ฉีดเข็มสามเพียง 6,226,249 รายเท่านั้น คิดเป็น 8.6% ของประชากร จึงขอให้เร่งรณรงค์เรื่องนี้ สำหรับผู้ฉีดเข็มที่หนึ่งและสองเป็นซิโนแวค หรือซิโนฟาร์ม ให้ฉีดบูสเตอร์เข็มสามหลังจากฉีดเข็มที่สองแล้ว 4 สัปดาห์ ส่วนผู้ที่ฉีดแอสตร้าเซนเนก้าเข็มที่สองแล้ว ให้รอ 3 เดือน จึงไปกระตุ้นเข็มที่สาม เช่นเดียวกับผู้ที่ติดเชื้อแล้ว ให้รอหลังจากหายแล้ว 3 เดือน และ ศบค.ชุดเล็ก ยังมีความห่วงบุคลากรทางการแพทย์ ผู้สูงอายุ และ 7 กลุ่มโรค จึงขอให้ไปฉีดเข็มที่สี่

>> 26 วันเข้าไทย 2.4 แสน - เยอรมันมากสุด
สำหรับตัวเลขผู้เดินทางเข้าประเทศไทยทางอากาศตั้งแต่วันที่ 1 - 26 ธันวาคมมีทั้งสิ้น 240,277 ราย 5 ชาติอันดับแรก ได้แก่ เยอรมนี 20,620 ราย พบผู้ติดเชื้อ 35 ราย สหราชอาณาจักร 16,470 ราย ติดเชื้อ 131 ราย รัสเซีย 12,297 ราย ติดเชื้อ 43 ราย สิงคโปร์ 9,528 ราย ติดเชื้อ 3 ราย และสหรัฐอเมริกา 9,357 ราย ติดเชื้อ 101 ราย

>> ไม่ห้ามจัดปีใหม่ย้ำจังหวัดเข้มมาตรการ
ผู้สื่อข่าวถามถึงการปรับมาตรการเฉลิมฉลองช่วงเทศกาลปีใหม่ หลังพบสายพันธุ์โอมิครอนที่ระบาดเร็วและเริ่มพบเชื้อในประเทศมากขึ้น พญ.อภิสมัยกล่าวว่า ตอนนี้มีหลายจังหวัดที่เข้มงวดกวดขันการจัดเทศกาลปีใหม่ โดยที่ประชุมศบค. เน้นย้ำให้คำนึงถึงประชาชนที่ต้องการดำเนินชีวิตตามปกติ ในช่วงเทศกาลปีใหม่ ไม่ใช่แค่การฉลอง แต่มีหลายครอบครัวต้องการเดินทางกลับไปดูแลผู้สูงอายุ ที่ไม่ได้เจอกันมานาน ดังนั้น เบื้องต้นยังไม่มีมาตรการห้ามจัดเทศกาลปีใหม่ แต่ขอให้แต่ละจังหวัด โดยเฉพาะคณะกรรมการโรคติดต่อกทม.คณะกรรมการโรคติดต่อจังหวัด เข้มงวดมาตรการ

ถอดสมการ Omicron​ ปลายทางจบแบบไหน? | Click on Clear THE TOPIC EP.120

📌จับตาคลื่น ‘Omicron’!! ไปกับ ‘ศ.นพ.นิธิ มหานนท์’ เลขาธิการราชวิทยาลัยจุฬาภรณ์ !!
📌ใน Topic​ : ถอดสมการ Omicron​ ปลายทางสุดท้าย 'ไทย-โลก' จบแบบไหน? 

จับประเด็น เน้นความรู้ในรายการ Click on Clear THE TOPIC

ดำเนินรายการโดย ปริม กุญชนิตา กุญชร ณ อยุธยา PROGRAM DIRECTOR THE STATES TIMES

.

.

‘องค์การอนามัยโลก’ ชี้!! การระบาดใกล้ถึงจุดสิ้นสุด หลัง Omicron ส่อแวว!! ทำระบาดใหญ่ยุโรปจบลง 

ฮันส์ คลูจ ผู้อำนวยการองค์การอนามัยโลกประจำภูมิภาคยุโรป กล่าวว่า การแพร่ระบาดของโควิด-19 สายพันธุ์ Omicron ในยุโรปกำลังเข้าสู่ระยะใหม่ ซึ่งอาจนำมาสู่จุดจบของการแพร่ระบาดในยุโรป 

“เป็นไปได้ว่ายุโรปกำลังก้าวเข้าสู่จุดสิ้นสุดของโรคระบาด”

คลูจ กล่าวกับสำนักข่าวเอเอฟพีโดยเสริมว่าโควิด-19 สายพันธุ์โอมิครอนสามารถแพร่เชื้อให้กับชาวยุโรปถึง 60% ภายในเดือนมี.ค. 65

นอกจากนี้ เมื่อยุโรปผ่านการแพร่ระบาดของเชื้อโอมิครอนระลอกรุนแรงนี้ไปได้ ก็มีความเป็นไปได้ว่าโลกจะมีภูมิคุ้มกันหมู่ไปอีกหลายสัปดาห์หรือหลายเดือน ไม่ว่าจะด้วยวัคซีนหรือการติดเชื้อ และการแพร่ระบาดจะลดลงตามฤดูกาลด้วย

“เราคาดว่าจะมีช่วงเวลาที่เงียบสงบช่วงหนึ่ง ก่อนที่โควิด-19 จะกลับมาแพร่ระบาดอีกในช่วงปลายปีนี้ แต่อาจไม่ได้กลับมาในรูปแบบของโรคระบาดใหญ่ (Pandemic)” คลูจกล่าว

ขณะที่องค์การอนามัยโลกประจำภูมิภาคแอฟริกาได้กล่าวเมื่อสัปดาห์ที่แล้วว่าผู้ติดเชื้อและเสียชีวิตในภูมิภาคลดลงเป็นครั้งแรก นับตั้งแต่เผชิญกับการแพร่ระบาดระลอกที่ 4 ซึ่งเชื้อโอมิครอนทำให้การแพร่ระบาดถึงจุดพีก


TRENDING
© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top